คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา
บทนำ
คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ และฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจที่อับเฉาได้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาเหมือนน้ำตาจากฟ้า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นความขื่นขมระทมทุกข์ จนในที่สุดก็กลับกลายกลายเป็นความแค้นและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวแต่เกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร...
เจ้าของใบหน้าสวยเก๋รับกับเรือนร่างงดงามได้สัดส่วน หากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าราวกับนางแบบก็คงไม่เกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดใบหน้าสวยขึ้น
“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายไม่ใช่เหรอ”
“คุณแม่คะ แต่...”
“เอาเถอะ แกไม่ไปแม่ก็จะไม่บังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย” ประตูรถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามร่างบางระหงในชุดแสกเข้ารูปแบบทันสมัยไปไม่ให้คลาดสายตา
“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้าเสียจริง ” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือดังๆความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอกสายตาของนางจับจ้องไปที่บุตรสาว
แก้วกรรณิกามีใบหน้ารูปไข่ที่มีองค์ประกอบงดงามโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโตที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปริมฝีปากที่สวยอวบอิ่มชนิดหาตัวจับยากรวมแล้วเป็นความสวยที่ลงตัวที่สุด
ส่วนผมนั้นนิ่มสลวยยาวตรงคืนนี้มันถูกรวบไว้สูงเป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นแก้วกรรณิกาบุคลิกของเธอคือสาวสวยมั่น เธอกางร่มบางใสที่หยิบติดมือลงมาจากรถเพราะฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายก็เร่งก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกเขาและกอดร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นไปในทางตรงกันข้ามเธอหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมาพบ
ผู้ชายใบหน้าหล่อคมเข้มแต่มีผิวขาวสะอาดมีเคราเขียวครึ้มบางๆ รูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกถึงอาการใดๆมานานนับชั่วโมงแต่เมื่อได้พบหน้ากันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าแม้หน้าตาจะไม่แสดงออกแต่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับลาวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”
“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ภายในอกตรมและเจ็บปวดที่สุด
“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปนานแล้ว รอแต่วันจะถอนหมั้น”
“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ
ว่านนทีเผยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อความคิดและสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้จะมาจากความคิดของแก้วกรรณิกา
“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาตามตรงดีกว่า” น้ำเสียงคาดคั้น
“คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียโดยเปล่าประโยชน์”เธอตอบฉะฉานไม่มีท่าทางแสดงออกว่าเสียใจ
“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวข้องไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใครศัตรูของเขาเยอะพอๆกับเพื่อน
“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า” ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นข้ออ้างให้เขาตัดใจจากเธอไป
“บอกมาเสียดีๆ ว่าใครบังคับให้คุณมาพูดกับผมแบบนี้ บอกมา”น้ำเสียงตะคอก โกรธไม่เก็บอาการ เขามองไปที่รถหรูที่เธอเดินลงมา “ใครอยู่ไหนนั้นคุณหญิงแม่ของคุณหรือเปล่า”
แก้วกรรณิกาไม่ตอบ
“ผมว่าแล้วคุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหมที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” แก้วกรรณิกาก็ยังไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า
“ตอบผม ผมสั่งให้คุณตอบเดี๋ยวนี้”
“คุณแม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากความคิดฉันเอง เอามือหยาบๆ ที่ทำงานหนักๆ ออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาบความจนไปด้วย เหม็นน่ะ แล้วกลัวจะซักไม่ออก” แก้วกรรณิกาเบ้ปากอย่างรังเกียจ
เขากระชับไหล่เธอและบีบแน่น“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ ฉันเจ็บนะคุณว่านนที ผู้ชายบ้า ชอบใช้ความรุนแรง” เธอตวาดแหวรู้ว่าเขาโกรธจัดในเมื่อคุยกันไปถึงเรื่องแต่งงานแล้วแต่จู่ๆเธอมาบอกเลิกเขาแบบนี้
เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้าวและดูหนังจากนั้นยังคุยกันว่าเธอจะพาเขาไปรู้จักกับครอบครัวของเธอซึ่งว่านนทีเองก็กำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้เช่นกัน เขากำลังจะบอกเรื่องนี้กับเธอว่าเขาเป็นใครแต่มาได้ยินข่าวร้ายเสียก่อน
ใบหน้าสวยของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นอย่างถือตัว
“ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”
“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ และคิดว่าเรารักกัน ”
“ใช่! คุณคิดไปเอง ที่ผ่านมาฉันแค่เหงา คนมันกำลังเหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก
“ถ้านี่คือการอำ ผมก็ชักไม่สนุกด้วย” สีหน้าเคร่งเครียด
“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”แววตาของเธอเหยียดหยามเสื้อผ้าที่เขาใส่แต่ในใจเธอกลับไม่คิดเช่นนั้น
“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร”
“มองตาผม”เข้าสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้
“ไม่” เธอเลี่ยงการสบตา
“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆ เหรอ ตอบมา ตอบมาคุณคิดแบบนั้นใช่ไหม” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริเวณหัวไหล่ และหัวสั่นหัวคลอน
มือเรียวเล็กตบสุดแรงเกิดที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนทีเสียงเนื้อกระแทกกันดังสนั่น
“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาทีหลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ โง่เองนี่ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิดถนัด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้และคุณคือตัวเลือกที่ฉันตัดทิ้งไป”
ความเจ็บที่เธอตบหน้าเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจเมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนี้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” สายตาที่มองเธอราวกับแววตาสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บปางตาย
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
ความโมโหทำให้ว่านนทีลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆ เพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำแต่วันนี้ดูเธอทำท่าทำทางเข้าสิ
“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไร้รสนิยม ไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณจริงๆ” ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาประกบจูบแรงๆ อีกครั้งเพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่
คุณหญิงมณีพยายามจะมองแต่มองไม่ถนัดเพราะอยู่ในระยะไกล “ช่วงนี้หูตาไม่ค่อยดี ลืมพกแว่นตามาจึงมองนอะไรไม่ถนัดเลย
“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีไม่รู้ว่าในรถคุณหญิงมณีกำลังนั่งชมผลงานของตนเองอยู่
เจ้าของร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเธอเองตัดใจจากกันได้เพราะรู้ว่าถ้าฝืนรักกันต่อไปก็มีแต่ความทรมา แก้วกรรณิการู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมดจากการกระทำของเขา แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที กิริยาปนรักเกลียด
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ
“ผมถามว่าใช่ไหมแค่ที่คั่นเวลา” ว่านนทีตะคอกถาม
“ตอบมาสิ ตอบผม” ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า
“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังด้วยถึงขั้นจะแต่งงานเลยเหรอคะ สเปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวคงไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้ซะด้วย” สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้ มันเป็นสายตาสมเพช
“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่ผมจะถือว่าหูฝาดไป”
“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้ ทีนี้กระจ่างหรือยังล่ะ”
“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้ามาตลอด แต่ที่ผ่านมามันก็แค่มารยา” คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื้นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่เธอพยายามฝืนเอาไว้
“ฉันแค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมาวัดมันไม่ไหว เลยนึกสนุกโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายหยอกเล่นกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมันไปกันไม่ได้จะมีก็แค่ในนิยายเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เคมีมันไม่ตรงกัน”
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวหรือ หากเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแก้วกรรณิกาจะรู้ว่าที่แท้เธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมความงามเมื่อไรก็ได้เช่นกัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่ณเวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะอย่างไม่ยี่หระต่อคำผรุสวาท
“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดีแล้วต่อจากนี้ก็ทางใครทางมัน”
“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตคนนั้นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลวแค่ไหน แต่ถ้าชอบคนเลวก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขแล้วกัน” เขาหันหลังให้แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้จะจบ
เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำขึ้นไปอีก
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงส่วนมากเขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นมีชีวิตชีวาดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสัน” ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน
“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มเติมให้ทั้งความเถื่อน เลว และซาดิสม์เผื่อจะทำให้คุณติดใจได้บ้าง” แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆ ที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆ ก็คงบ้าแล้ว
“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจ แต่ยังไม่พอเพราะจะเป็นสเปคในใจขฉัน สิ่งสำคัญ ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปทุกข้อก็เหมือนคุณธนกฤตเขาเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว เริดค่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว สายตาที่ว่านนทีเคยมองเธอด้วยความรักปานจะกลืนกินแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความขยะแขยง
“น่าสมเพช”
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลย จึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งเมื่อครู่นั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว
“คุณว่านนที ฉะ ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน
หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปลาบพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินแยกกันไปคนละทิศทาง แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกกับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนที
คุณหญิงมณีลดกระจกรถลงเมื่อเห็นแก้วกรรณิกาเดินกลับมาใกล้รถแต่สายตายังอาลัยอาวรณ์หันกลับไปมองรถของว่านนทีที่ขับออกไปแล้ว
นางจึงตวาดแหว“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆ แบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอกอยู่นานๆ แล้วฉันคันเนื้อคันตัว”
“ทราบแล้วค่ะคุณแม่” ร่างบางกำลังพาตัวเองกลับขึ้นไปบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมองอีก เธอจะจดจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักปานใดก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล แต่เสียงแหวจากคุณหญิงแม่ทำให้คนสวยต้องสะดุ้ง
“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่ จะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิกอีกนานไหมยะ” เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถตามคำสั่ง
“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แต่ที่จริงคุณเห็นมองไม่ค่อยเห็นอะไร แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนที่เรียกตัวเองว่าแม่ตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กลับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้
“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”
“หลักฐานว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหา แอบไปกินตับกับมันลับๆอีก”
“แก้วกับคุณว่านนทียังไม่ได้....”
“หุบปากห้ามเถียงแม่ ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองแตกด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”
“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้งไป”
“ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแกจะไม่เก็บมันขึ้นมา”คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆ เมื่อถูกขัดใจ อาการแบบนี้กำเริบหนักเฉพาะช่วงนี้
“แกไม่ยอมทำเหรอ แกจะขัดใจแม่ใช่ไหมยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่ไหม” ร่างของคุณหญิงเกร็งกระตุกราวกับกำลังจะชัก
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”
“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอนังลูกทรพี”
“คุณแม่ แก้วทำขนาดนี้แล้วคุณแม่ยังไม่พอใจอีกเหรอคะ ทำไมต้องบีบแก้วมากขนาดนี้”
คุณหญิงแสร้งทำตาค้างและกระตุกราวกับคนกำลังชักอีกครั้งหนักกว่าเดิม
แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า
คุณแม่!
“ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณแม่อยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญิงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตามแต่เธอก็รู้มาด้วยความบังเอิญ
คุณหญิงมณีอารมณ์ดีขึ้นถนัดตา“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่ แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”
เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากโทรศัพท์มือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจไยดี และจะไม่มีวันชายตาลงไปมองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่รอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้น”
เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก
“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่ ยุคนี้มันยุคไฮเทคจะสัญญาปากเปล่ากันได้อย่างไร จริงไหม”
เลี้ยงมาตั้งแต่แบะเบาะจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่ ความรักที่คุณหญิงมณีมีให้แก้วกรรณิกาจึงเป็นทั้งรักทั้งชัง


Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา ปางอุ๋ง คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา

ตอน: ตอนที่ 1

ทักทายค่ะ
เมื่อวานอ่านบทนำแล้วคงรู้ว่าเพราะอะไรแก้วถึงยอมตอบรับแต่งงาน


ไปทักทายกันบ้างนะค
https://www.facebook.com/chananchida.thumprasert



ตอนที่ 1

สามเดือนต่อมา

รายการวิทยุชื่อดังที่มีแฟนคลับส่วนมากเป็นคนอกหักและคนที่กำลังมีความรักติดกันงอมแงมไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทุกคืนวันศุกร์แฟนรายการรอฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ รายการนี้จะเปิดรับสายจากทางบ้านเปิดโอกาสโทรมาเล่าถึงปัญหา และปรึกษาเรื่องความรักกับผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ชีวิตปกติของแก้วกรรณิกาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมานั่งฟังอะไรแบบนี้ แต่ว่าเมื่อเธอเปิดมาเจอคลื่นและหัวข้อการสนทนาในค่ำคืนนี้ที่มันแทงใจดำต่างคนต่างเหงา หรือเรารักกัน ทำให้เธอหยุดมือที่กำลังจะกดรีโมตเปลี่ยนไปคลื่นอื่นลงทันที

เพลงก่อนเข้ารายการเป็นทำนองเสียงฝนตก และเสียงฟ้าร้องฟาดเปรี้ยง มันช่างตรงกับความรู้สึกของเธอเสียจริง เป็นอารมณ์เดียวกับที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้มรสุมรักซัดเข้าดังโครม

ผู้ดำเนินรายการเริ่มพูดทักทายผู้ฟังทางบ้านสลับกับผู้ดำเนินรายการหญิงชื่อดังอีกท่านหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยสายจากทางบ้านให้โทรเข้ามาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านทางหน้าไมค์ แก้วกรรณิกานั่งฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจใช่ว่าเธอคนเดียวที่ไหนกันที่มีปัญหาเพราะเรื่องความรัก คนอีกมากมายในสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหาความรักที่ไม่ลงตัว แก้วกรรณิกายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฟังเรื่องเล่าของใครหลายๆ คนและคิดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา รักที่เธอเพิ่งจะสลัดทิ้งไปหมาดๆ

ฟังเรื่องเล่าจากทางบ้านไปหลายเรื่องส่วนมากก็จะมีปัญหาเรื่องมือที่สามเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งน้ำเสียงของเธอดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรักมากกว่าคนอกหัก เธอเข้าโทรมาเล่าว่ากำลังกลุ้มใจอย่างหนักเพราะปัญหารักที่ไม่ลงตัว ผู้ดำเนินรายการชื่อดังจึงถามว่า ปัญหาความรักที่ไม่ลงตัวของเธอนั้นคือปัญหาอะไร คนรักนอกใจหรือว่าเธอไม่ได้รักเขา หรือเขาไม่ได้รักเธอ หรือรักสามเศร้า

สายจากทางบ้านจึงเอ่ยขึ้น“ต้องขอโทษนะคะที่จริงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนรักที่แสนจะงี่เง่าของฉัน”

“ยัยนี่เผาเพื่อนแล้ว ไม่ใช่เรื่องตัวเองแล้วจะมาเล่าทำไมคนแบบนี้ก็มีด้วย” แก้วกรรณิกาเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะส่ายศีรษะแต่ก็ยังทนฟังต่อเพราะน้ำเสียงยิ่งฟังยิ่งคุ้นหู

“ฉันอยากจะให้เพื่อนฉันได้ฟังเหลือเกินขออนุญาตอัดเทปเสียงของรายการไว้นะคะเพราะเธอบอกว่าไฮโซเขาจะไม่ค่อยได้ฟังอะไรแบบนี้”

“ก็เพื่อนไม่ชอบฟังแล้วดันมาเล่า นี่คิดว่าเพื่อนเธอมันจะบังเอิญเปลี่ยนคลื่นมาหยุดฟังหรือไงยัยเพี้ยน” แก้วกรรณิกาฟังและบ่นสายจากทางบ้านเบาๆ แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคลื่นหนี ยังคงนั่งกอดอกฟังต่อไป

ผู้ดำนายการแทรกขึ้น“เอ….ไม่ใช่เรื่องของคุณแล้วมันทำให้คุณทุกข์ได้อย่างไรเหรอคะ”

“ทุกข์สิคะเพราะว่าบังเอิญยัยผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองเจ้าของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นางเป็นเพื่อนที่ดิฉันรักมากที่สุด และรู้ดีว่าถ้าเธอพลาดจากความรักครั้งนี้เธอคงจะไม่มีความสุขตลอดไป”

ผู้ดำเนินรายการจึงบอกให้คุณ ย นามสมมุติสายจากทางบ้านเล่าเรื่องความรักของเพื่อนผ่านหน้าไมค์ให้ฟัง

“แล้วเรื่องของเพื่อนคุณเริ่มต้นอย่างไรเหรอคะ คุณ ย”

“เริ่มที่คืนหนึ่ง คืนนั้นในวันฝนตกพรำๆ ท่ามกลางบรรยากาศสลัวของผับชื่อดังใจกลางกรุงเทพ”

แก้วกรรณิกาที่นั่งฟังอยู่บนเตียงกว้างถึงกับเบ้ปากทันที

“เริ่มต้นเรื่องก็น้ำเน่ายุงตอมหึ่งๆ สงสัยจะอ่านนิยายมากไปยัยคนนี้”

“เพื่อนของฉันกับผู้ชายคนหนึ่ง...” ยาหยีเริ่มเล่าน้ำเสียงตื่นเต้นประหม่านี่เป็นครั้งแรกที่โทรติดในรายการ

แก้วกรรณิกาล้มตัวลงนอนฟังบนเตียงหรูหราราคาเหยียบแสนสมศักดิ์ศรีทายาทไฮโซตระกูลดัง

“ดิฉันขอสมมุติว่าเพื่อนของดิฉัน ชื่อน้อง ‘ก’ นะคะซึ่งมีคู่หมั้นอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานแต่ปรากฏว่าเธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่เคยรักว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ เพราะเธอได้มารู้ตัวว่าเธอเกิดหลงรักผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งพบกันไม่นานแต่สัญชาตญาณของเพื่อนฉันบอกว่าผู้ชายคนนั้นเกิดมาเพื่อเธอ เคมีตรงกัน เกิดมาเพื่อที่จะรักกันจริงๆ”

“ยัยนี่เล่าได้โอเวอร์มาก แต่ไอ้ประโยคแบบนี้มันรู้สึกคุ้นๆ” แก้วกรรณิกาบ่นไปฟังไป

“เอ่อ...เขาทั้งสองคนรักกันทั้งที่เพิ่งเจอกันเหรอคะ” ผู้ดำเนินรายการถาม

“ก็ความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาไม่ใช่เหรอคะ ในคืนนั้นที่เขาพบกันเพื่อนของดิฉันกำลังมีปัญหาและเสียใจอย่างหนักเรื่องคู่หมั้นและเธอก็ถูกมอมเหล้าจากคนแปลกหน้าด้วยค่ะ” จากนั้นก็เงียบไป

“แล้วยังไงต่อคะเล่าต่อเลยค่ะคนฟังทางบ้านกำลังลุ้นอยู่นะคะ”ผู้ดำเนินรายการเร่งให้เล่า

“เพื่อนดิฉันรอดมาได้ค่ะ ไม่ถูกไอ้พวกใจบาปนั้นปู้ยี้ปู้ยำก็เพราะว่า มีผู้ชายคนหนึ่งสมมุติว่าเขาชื่อคุณ ‘ว’ แล้วกันนะคะเขาได้ช่วยเพื่อนของดิฉันเอาไว้ทันเวลา เขาตามออกไปจากผับเพราะเขาเองก็แอบมองเพื่อนดิฉันอยู่เหมือนกัน”

“หมายความ คุณ ‘ว’ เองเขาก็แอบสนใจเพื่อนคุณ คือคุณ ‘ก’เหมือนกันใช่ไหมคะ”

“ก็ประมาณนั้นค่ะ ถ้าเขาไม่สนใจแล้วเขาจะมองทำไมจริงไหมคะ” ผู้ดำเนินรายการหน้าตึงอยู่หลังไมค์เมื่อถูกย้อน

“นั่นสินะคะ ฉันไม่น่าถามเลย”

“แต่เหตุการณ์นี้คือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”

“เรื่องอะไรคะ หรือเขาสองคนเกิดตกหลุมรักกันหลังจากที่คุณ ‘ว’ ได้เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวไปช่วยเธอเหรอคะ” ผู้ดำเนินรายการสาวพูดแทรกขึ้น

“ไม่ใช่ค่ะมันมากกว่านั้น... มากกว่าตกหลุมรัก เพราะมันคือจุดกำเนิดของรักแรกพบ”

“น้ำเน่าจริงๆ ไปกันใหญ่แล้ว เลอะเทอะ เล่าอะไรฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง” แก้วกรรณิกาที่ฟังอยู่อุทานขึ้นแต่ก็ทนฟัง

“ความรักช่างสวยงาม ในเมื่อคนสองคนหัวใจตรงกันก็เกิดความรักมันก็คลิ๊กแล้วนี่คะ” ผู้ดำเนินรายการพูดขึ้น

“ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็คงจะดีสิคะ แล้วฉันเองก็คงไม่ต้องโทรมาปรึกษาในรายการ”

“ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นคะ”

“เกิดรักสี่เศร้าของเขาสี่คนค่ะ เพราะคืนนั้น...”

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“เขาจูบกันค่ะ คุณ ‘ว’จูบเพื่อนดิฉันแลกกับการช่วยเหลือ และบังเอิญว่าคู่หมั้นตัวจริงของเพื่อนดิฉันผ่านมาพบเข้าพอดิบพอดีได้ยินมาว่าตอนนั้นปากยังประกบปากกันอยู่เลย”

“งานเข้า ผู้ชายสองคนก็เลยชกกัน” ผู้ดำเนินรายการแทรกขึ้นพร้อมกับการเดา

“เปล่าค่ะ กลับบ้านใครบ้านมัน”

“อ้าว...แล้วกัน... ตกลงแล้วเรื่องมันยังไงกันหรือว่าจบแค่นี้คะ” ผู้ดำเนินรายการเริ่มมึนกับสายทางบ้านที่เล่าแบบ กวน มึน งง อาจเพราะตื่นเต้นจนประหม่า

“ยังมีต่อค่ะ เพราะเพื่อนของฉันไม่ใช่เผลอไปกับจูบของคุณ ‘ว’ เท่านั้น แต่หลังจากนั้นเกิดเผลอใจไปให้กับคุณ ‘ว’ ด้วย”

“ตายล่ะแล้วอย่างนี้แฟนตัวจริงของเพื่อนคุณคงจะจับได้ว่าเพื่อนคุณแอบเผลอใจให้ผู้ชายคนอื่นใช่ไหมคะ”

“เขาไม่ทราบหรอกค่ะเพราะหมอนั่นใช้เวลาหมดไปกับการบริหารผู้หญิงในสต็อกไม่มีเวลามาจับผิดเพื่อนฉันหรอก ถ้าเพื่อนดิฉันไม่สารภาพออกมาเอง”

“ปัดโธ่! แล้วไปสารภาพทำไมล่ะเขาเลยรู้หมด” ผู้ดำเนินรายการแซว

“นั่นน่ะสิคะ เป็นฉันนะคะไม่มี่ทางเล่าหรอก แบบนี้เขาเรียกสวยแต่โง่จริงไหมคะ” ยาหยีผู้เล่าเรื่องพูด

“ยัยนี่ยังไงกัน” แก้วกรรณิกาฟังแล้วฉุนแทนคนถูกด่าว่าโง่

“แฟนตัวจริงของคุณ ก ก็เลยเสียใจมากสินะคะที่เพื่อนของคุณไปแอบมีใจให้ผู้ชายคนอื่น”

“ที่จริงหมอนั่นแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากนักหรอกเพราะตลอดเวลาที่คบหากันมาหลายปีเขาก็มีผู้หญิงคนอื่นนอกใจเพื่อนดิฉัน
ตลอดเวลา นี่แหละค่ะเป็นเหตุให้เมื่อเพื่อนฉันมาเจอ คุณ ‘ว’ ปุ๊บก็ตกหลุมรักเขาปั๊บเหมือนหนุมานแผลงศร”

“เออ... เอ่อ... คุณคะ กามเทพแผลงศรหรือเปล่าคะ” ผู้ดำเนินรายการสาวแก้ให้

“ขอโทษค่ะ กามเทพแผลงศรนั่นแหละค่ะใช่เลย เห็นปุ๊บและรักปั๊บติดแต่ว่ามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว”

“แล้วเรื่องราวเป็นยังไงต่อคะ”

“เพื่อนดิฉันเกิดละอายใจวิญญาณแม่หญิงเข้าสิงค่ะเพราะเธอตระหนักว่าเป็นถึงลูกคุณหญิง...” คนเล่ารีบหุบปากกลัวเอ่ยชื่อคุณหญิงคนดังออกไป แล้วเพื่อนจะเสียหาย

“เธอเป็นลูกคนใหญ่คนโตค่ะแต่ฉันบอกไม่ได้นะคะ ว่าเธอเป็นลูกใครด้วยความเหมาะสมและความถูกต้อง เพื่อนดิฉันก็เลยคิดว่าจะหยุดความสัมพันธ์กับ คุณ ‘ว’ ทั้งที่ยังรัก แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นอีก”

“เรื่องอะไรอีกล่ะคะทีนี้”

“เพื่อนดิฉันนัดกับคู่หมั้นของเขาไปทานข้าวกะจะเคลียร์ปัญหาที่คาใจและจะปรับความเข้าใจกัน แต่หมอนั่นไม่ได้มาตามนัดอ้างว่าติดงานแต่ที่จริงติดหญิงอยู่ค่ะทำให้เพื่อนฉันต้องนั่งคอยเก้อ และก็คราวซวยเพื่อนดิฉันก็บังเอิญไปเจอโจทก์เก่าเข้าก็ไอ้พวกที่มันเคยมอมเหล้าเธอที่ผับที่ฉันได้เล่าไปแล้ว และแล้วก็เหมือนนิยายน้ำเน่าเพราะคุณ ‘ว’ คนนั้นก็ผ่านมาและก็เป็นอีกครั้งที่เขาช่วยเธอเอาไว้เป็นหนที่สอง….”

“เพื่อนคุณกับผู้ชาย ชื่อ ว ก็เลยยิ่งตกหลุมรักลึกซึ้งกันเข้าไปใหญ่” ผู้ดำเนินรายการเริ่มชักสงสัยเหตุใดหมอนี่มาช่วยทันทุกทียังกับพระเอกนิยายไทย

“เปล่าค่ะเขาไม่ได้ตกหลุมรักกัน แต่เขามีอะไรกันในคืนนั้นเลย” คนเล่าคิดไปเอง

“หา...” ผู้ดำเนินรายการร้องขึ้นอย่างตกใจ

“เขาบอกคุณเหรอคะว่าเขากินตับกันแล้ว” น้ำเสียงตื่นเต้น

คนเล่าหัวเราะแหะๆ “เปล่าหรอกค่ะ อันนี้ดิฉันแอบเดาสุ่มเอาเองน่ะค่ะ ก็เห็นเพื่อนกลับมาในสภาพหมดแรง...”

“แหม …คิดว่าเรื่องจริงเสียอีกทำเอาคนฟังตกใจหมด” ผู้ดำเนินรายการถอนใจออกอากาศ

“เพื่อนของดิฉันเล่าว่าในคืนนั้นพวกมันแค้นเรื่องคราวก่อนที่เธอรอดมาได้แถมพวกมันยังเจ็บตัวอีก พอคืนนี้มาเจอเธอพวกมันจึงคิดจะเอาคืน เพื่อนดิฉันวิ่งหนีพวกมันจนหมดแรงมารู้สึกตัวอีกก็มาพบคุณ ‘ว’ และเขาก็ช่วยเธอเอาไว้อีกครั้ง สู้กันแบบหนึ่งต่อห้าผู้ร้ายพ่ายตามระเบียบ แบบนี้แล้วจะให้เพื่อนดิฉันตัดใจเลิกคบกับเขาง่ายๆ ได้เหรอคะ”

“นั่นน่ะสิเนอะคุณ ‘ว’ เล่นปรากฏตัวทุกครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือ ยังกับซูเปอร์แมน” ผู้ดำเนินรายการเสริมขึ้น

“เปล่าหรอกค่ะ ที่เขามาช่วยเธอทันเพราะบังเอิญเขาไปรับจ๊อบเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่ร้านข้างๆ นั่นและเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี อันนี้เป็นเรื่องล้อเล่นนะคะ ”คนเล่าหัวเราะแหะ.. “ที่จริงแล้วเขาก็คงแอบตามเพื่อนฉันมาน่ะค่ะ”

เสียงหัวเราะดังจากสองผู้ดำเนินรายการ

ผู้ดำเนินรายการพูดขึ้น“ที่จริงคิดว่าคุณ ‘ว’ ในเรื่องนี้น่าจะเป็นพวกนักสืบเอกชนนะคะตามไปช่วยเพื่อนคุณได้ตลอดรู้ทุกความเคลื่อนไหว”

“นั่นน่ะสิคะฉันก็คิดเหมือนกัน ขณะที่แฟนตัวจริงไม่เคยมาทันเวลาเลยสักครั้ง ตอนที่เพื่อนฉันเดือดร้อน”

“เท่าที่ฟังดูก็พอจะสรุปได้ว่าทั้งเพื่อนคุณและแฟนของเพื่อนคุณก็ต่างคนต่างเผลอใจไปกับคนใหม่ที่เข้ามา เพื่อนคุณถอนตัวจากผู้ชายคนใหม่ไม่ได้หรือถอนได้ก็เอาใจกลับมาไม่ได้ ในขณะที่แฟนเก่าก็ไม่ได้สนใจเพื่อนคุณ มัวแต่ไปสนใจกิ๊กรอบๆ ตัว แต่พอรู้ว่าเพื่อนของคุณมีใจเอนเอียงก็เกิดอาการหวงก้างเพราะเพิ่งจะมารู้ว่าเพชรจะหลุดจากมือใช่ไหมคะ” ผู้ดำเนินรายการสรุปให้คนทางบ้านฟังจะได้ไม่งง

“ประมาณนั้นค่ะ แต่สุดท้ายเพื่อนของดิฉันก็ต้องยอมแพ้ต่อความรัก เธอเลือกที่จะตัดใจเลิกกับผู้ชายที่เธอหลงรักและช่วยเอาไว้ถึงสองครั้งสองคราเพียงเพื่อไปแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ น้ำเน่าไหมล่ะคะคล้ายพล็อตนิยายตื้นๆ แต่มันเกิดขึ้นในชีวิตคนจริงๆ
ค่ะ ซึ่งฉันเชื่อว่าแต่งงานกันไปก็คงไม่มีความสุขอยู่กันไปก็ไม่ยืดฉันเห็นแต่แววหายนะเลยกลุ้มใจมากต้องโทรมาระบาย”

คนนั่งฟังอยู่ทางบ้านขมวดคิ้ว เพิ่งรู้สึกตัวเพราะช่วงนี้อกหักโคม่า เลยรู้สึกตัวช้าเป็นพิเศษ

“นี่มันไม่คล้ายแล้วนี่ มันเรื่องเรานี่หว่าที่เล่าออกอากาศมาทั้งหมด” แก้วกรรณิกาหยิบรีโมตเปิดเสียงให้ดังขึ้น น้ำเสียงคนเล่ายิ่งฟังก็ยิ่งคุ้น เหมือนจะไม่ใช่แค่คุ้นธรรมดาแล้ว เมื่อเธอนึกถึงอักษรย่อ ที่สายจากทางบ้านกำลังเล่าอยู่ทีละตัว

“ไม่คล้าย แต่ใช่เลย เรื่องเราเอง” เจ้าของใบหน้าเก๋ตาโตขึ้นทันที

“ยัยยาหยีแน่ๆ ว่าแล้วทำไมเสียงคุ้นๆ”

“น้อง ‘ก’ ที่ยัยนั่นกำลังเล่า ก ก็ แก้วกรรณิกา เฮ้ย! แล้ว นาย ‘ว’ ที่ว่าก็ว่านนที ตายล่ะงานเข้าเสียงแอ๊บแบ๊วแบบนี้ด้วยยัยยาหยีแน่ๆ ไม่ผิดล่ะ ยัยนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้รายการนี้เสียด้วยลืมไปเสียสนิท” แก้วกรรณิกาอยู่ไม่เป็นสุขลุกขึ้นมาเดินวนไปวนมารอบๆ เตียง

“แย่แล้วๆ ทำไงดีๆ นี่มันเอาเรื่องเราไปเล่าออกสื่อเชียวเหรอ ตายล่ะใครมาฟังเข้าแล้วเดาออกว่าเป็นเราจะทำยังไง ยิ่งเป็นลูกหลานคนดังทำอะไรต้องคอยระวังตัว ถ้าต้องกลายเป็นข่าวฉาวเรื่องคาวๆ จะเกิดขึ้นในตระกูล ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”

แก้วกรรณิกายกมือขึ้นกุมศีรษะเดินวนไปมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์มือถือเครื่องหรู

“ต้องสกัดด่วน”

ณ ภูสูง
เทือกเขาบนดอยอันหนาวจัดที่คนมักจะพูดว่าแค่เอื้อมมือไป ก็คว้าดาวถึงแล้ว กลางคืนอากาศเย็นได้ยินเสียงแมลงเล็กๆ ทำให้รู้ว่าอยู่ท่ามกลางป่าไพร ลมหนาวพัดไปทั่วทั้งขุนเขาที่กว้างเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาในค่ำคืนเดือนมืดที่บนท้องฟ้าเห็นดาวดวงใหญ่สุกสว่างสดใสกว่าในเมืองกรุงถึงสิบเท่า

เมื่ออยู่บนที่เงียบสงบอากาศหนาวเย็นแม้ไม่อยากจะคิดแต่ก็อดคิดไม่ได้ถึงจูบร้อนแรงที่เขาเรียกร้องกับเธอมันช่างทำให้เขาติดอกติดใจแม้จะผ่านการจูบมาเป็นร้อยๆ ครั้ง เธอคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายฉวยโอกาสที่ช่วยเธอแลกจูบแต่แท้ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้น

ในคืนฝนพรำที่เขาได้ช่วยเซเลบฯสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้และเรียกร้องจูบเป็นค่าตอบแทนจากเธอ ฉากนั้นยังอยู่ในความทรงจำของเขา เขาจำริมฝีปากเต็มตึง กลิ่นหอมจากลิปสติกชั้นดีนั้นยังไม่เลือนจากความทรงจำลิปสติกกลิ่นกุหลาบยี่ห้ออิฟแซง ยิ่งทำให้เขานึกถึงเธอนั่นมันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญเสียหน่อยมันเกิดจากความตั้งใจและการตามรอยต่างหาก

ย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน ก่อนที่ว่านนทีจะมานั่งอยู่ตรงนี้

คืนหนึ่งดึกสงัดเขานั่งดื่มกินอยู่กับเพื่อนสนิทที่ผับใจกลางกรุงเทพฯ มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เขามานั่งที่นี่มันเกิดจากการตั้งใจจะให้บังเอิญมาพบเธอต่างหาก และเขาคิดว่าสายตาของคนในผับหลายคู่ก็คงมองเช่นเดียวกับเขาสาวชุดดำหน้าสวย หุ่นเซ็กซี่ หน้าตาเธอคล้ายเซเลบฯอันดับต้นๆ ของเมืองไทยไม่ใช่สิแต่นั่นล่ะเธอเลย แก้วกรรณิกา ไฮโซสาวคนดัง เธอเดินเข้ามาในผับชื่อดัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอแต่เห็นเธอดื่มวิสกี้เหมือนน้ำเปล่าเขาเดาว่าเธอคงจะถูกแฟนทิ้งซึ่งไอ้หมอนั่นจากประวัติที่เขาพอรู้มาบอกได้คำเดียวว่ามันระยำมากไม่ใช่เลวแบบธรรมดาทั่วไป

ตอนหัวค่ำที่ย่างก้าวเข้ามาภายในผับเธอมีเพื่อนมาด้วยหน้าตาบ้องแบ๊วเหมือนสาวเกาหลีเขาเองเกิดปวดท้องจึงแวบออกไปห้องน้ำซึ่งคิดว่าไม่นานแต่ด้วยเหตุผลบางประการเขาจึงหายไปเกือบชั่วโมงกลับมาอีกที ภาพที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่านั่งโต๊ะไม่ห่างจากแก้วกรรณิกามากนักก็กำลังจะพาเธอที่ดูเมาไม่ได้สติออกไปจากร้าน เขาไม่แน่ใจว่าเธอถูกมอมเหล้าตั้งแต่เมื่อไรหรือมันใส่อะไรในแก้วของเธอแต่มันกำลังพาเธอออกจากผับจะให้เขาทนดูได้อย่างไร

ในตอนนั้นว่านนทีบอกตัวเองว่าเขาเองก็นั่งมองมาตั้งนานสองนานจะปล่อยให้ใครตัดหน้าไปได้อย่างไร แล้วก็เป็นดังคาดผู้ชายคนนั้นกำลังพาเธอเข้าโรงแรมเขาจึงตามเข้าไปช่วยและชกหน้ามันอ้างสิทธิ์ว่าเป็นสามีกำมะลอของเธอซะมันไม่เชื่อและไม่ยอม เขาจึงต้องใช้กำลังลูกล่อลูกชนที่มีเหนือกว่ามาจัดการกับคนเลวนั่นจนหมอนั่นยอมจากไป จะไม่ให้พวกมันยอมได้อย่างไรถ้าชกกับคนธรรมดาปล่อยให้คู่ต่อสู้ยืนได้เกินสามหมัดเขาคงถูกปลดระวางอย่างแน่นอนเพราะงานของเขาต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย และความว่องไว ไม่เท่านั้นไหวพริบปฏิภาณต้องเฉียบคม แต่ว่านนทีไม่รู้หรอกว่าเหนือสิ่งอื่นใดพวกมันตั้งใจจะยอมเขาอยู่แล้ว

พอแก้วกรรณิกาฟื้นขึ้นมาเธอก็ตกใจที่พบหน้าเขาเท่านั้นไม่พอยังกล่าวหาว่าเขาเป็นคนพาเธอมาทำมิดีมีร้าย แต่พอเขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังจนจบสายตาเธอก็เปลี่ยนไปจากที่เห็นว่าเขาเป็นไอ้ตัวร้ายกลายมาเป็นพระเอกทันที เธอถามเขาว่าจะให้ตอบแทนน้ำใจเขาด้วยวิธีใดพร้อมควักกระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมาคงคิดสินะว่าเขาคงอยากได้เงิน

“อย่าว่าฉันดูถูกน้ำใจคุณเลยนะคะ ฉันแค่อยากตอบแทนคุณที่ช่วยฉัน”

“เงินมีเยอะแล้ว ผมไม่ต้องการมัน อยากได้อย่างอื่น” เขาตอบออกไปและเธอทำตาโตเหมือนตกใจ

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะให้ฉันตอบแทนด้วยอะไรล่ะคะ”

“อะไรที่เงินซื้อไม่ได้แต่คุณมีให้ผมได้” เขามองเห็นแล้วว่าอยากจะได้อะไรในตัวเธอ

แต่เมื่อความต้องการของเขาหลุดออกจากปากเธอเองก็นิ่งอึ้งไปก่อนจะตบเขาและทำท่าจะวิ่งหนี เขาจึงดึงร่างบางนั้นมาจุมพิตหนึ่งทีเป็นค่าตอบแทน

“แค่นี้เอง ค่าจ้างผม หวานซะ”

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นปลุกสติว่านนทีให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน

“ทำอะไรอยู่น่ะ ว่านนที ” ผู้หญิงหน้าตาสวยหมดจดห่อไหล่ลาดขับไล่ความหนาวเย็น ย่อตัวลงนั่งเคียงข้างและมองท้องฟ้ายามราตรี หมู่ดาวดวงเล็ก ดวงใหญ่ กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า

“นับดาวเล่นเพลินๆ มั้งคุณเพื่อน”

“โอ้โฮ…โรแมนติกเวอร์เนอะไอ้เพื่อนรัก”

“ได้กี่ดวงแล้วล่ะ ทำไมไม่หาคนมาช่วยนับล่ะ เผื่อจะนับได้เร็วขึ้น”

“ผมก็อยากหาคนมาช่วยนับอยู่เหมือนกันแต่ว่ามีตัวเลือกเยอะเสียจนเลือกไม่ถูกว่าจะชวนใครมานั่งนับเป็นเพื่อนสาวในสต็อกเยอะ”
“ว่านนทีนี่จริงๆ ขนาดอกหักยังมีอารมณ์ขันได้อีก”

“ใครบอกว่าผมอกหัก ผู้ชายแบบนายว่านนทีไม่รู้จักหรอกคำว่าอกหัก” เมขลารู้มาจากปันบุรีเพื่อนสนิทอีกคนว่าว่านนทีอกหักมาจากสาวไฮโซกรุงเทพฯ

“อย่ามาทำปากแข็งหน่อยเลย นายปันบุรีบอกแล้ว” ว่านนทีเงียบกริบไม่มีคำตอบ

อาการเหม่อมองท้องฟ้า หน้าตาบอกบุญไม่รับของเพื่อนสนิทคืออาการอกหักนั่นแหละเมขลาสรุป

“สรุปว่าอกหักมาจริงใช่ไหมพ่อเสือซ่อนเล็บ” เสียงหวานๆ ถามซ้ำขึ้น

“คนอย่างผมน่ะเหรอที่อกหัก ไม่มีวัน” เขามองไปที่ดวงดาวและก็นึกถึงรอยจูบที่ปล้นมาจากสาวหน้าสวยไฮโซเมืองกรุงฯ

“ผู้หญิงอะไรเปลี่ยนใจง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“อะไรนะ” เมขลาทำสีหน้าสงสัย “ด่าเมขลาทำไม”

“ปละ เปล่าไม่มีอะไร" ว่านนทีถอดเสื้อออกส่งให้เพื่อนสาวเอาไปสวม

“อากาศมันหนาว ใส่ซะสิเดี๋ยวจะไม่สบาย” เมขลาส่ายหน้า

“ฉันอยู่ที่นี่มาจนชินแล้วหนาวกายไม่เท่าหนาวใจหรอกนะ” เธอมองหน้าผู้ชายข้างๆ แล้วทำตาซึ้งใส่ตามนิสัยสาวขี้เล่น

“จีบฉันไหมล่ะ ฉันยังว่างนะ จีบได้แฟนฉันตายแล้ว เขาไปสบายแล้ว...” เมขลาร้องเป็นเพลงทำให้ว่านนทีหัวเราะ

ว่านนทีหันมาสบตากับเมขลาและกะพริบตาปริบๆ

“ถึงผมจะเหงาก็ไม่เลือกเพื่อนมาเป็นแฟนหรอกยัยติ๊งต๊อง เราโตมาด้วยกัน อาบน้ำแก้ผ้าเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เต้าเล็กๆ ด้วยไม่ค่อยชอบ” เมขลาส่งค้อนวงโต

“บ้านใกล้น่ะใช่ แต่แก้ผ้าอาบน้ำฉันไม่เคยนะยะ แล้วเต้าเล็กไม่ใช่ฉันแน่” ว่านนทีหัวเราะเบาๆ

“แต่พอตอนโตเมขลารู้ว่า ว่านนทีชอบแอบปีนดูเมขลาอาบน้ำด้วย” ว่านนทีส่ายหน้า

“ไม่จริง ผมไม่เคยทำแบบนั้นผมไม่ใช่พวกถ้ำมอง ไม่ชอบแอบดูใคร ถ้าอยากดูก็ขอดูเลย” เมขลาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี

“แหม…ล้อเล่นหรอกน่ะจะได้อารมณ์ดีฉันเองก็เห็นนายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนนั้นยังแค่นิดเดียว”

“อะไรเล็กนิดเดียวบอกมาดีๆ นะยัยเมขลา” เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง หน้าตาจริงจัง

เมขลายิ้มกว้าง หัวเราะแหะ แหะ

“หน้าอกไง เห็นกันมาตั้งแต่หน้าอกนายยังเล็กๆ จนตอนนี้หน้าอกนายกว้างสามวาสี่ศอกแล้วมั้ง”

ว่านนทีคิดตาม“ถ้ากว้างแบบนั้นจริงๆ คงไม่ใช่คนแล้วมั้ง”

เมขลาหัวเราะ ดีใจที่เห็นรอยยิ้มของเพื่อนจากที่เห็นหน้าเศร้าๆ เหงาๆ มาหลายวัน

“เมขลานี่มันจริงๆ เลยอารมณ์ดีตลอดเวลา แบบนี้สินะนายรามมันถึงหลงรักเธอหัวปักหัวปำ นี่มันก็นานแล้วไม่ใช่เหรอทำไมเธอสองคนไม่ยอมปรับความเข้าใจกันสักที”

“ยาก... ไม่มีทางหรอก เลิกพูดชื่อนายอสูรร้ายรายนั้นให้ฉันได้ยินสักทีจะได้ไหมถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ต้อนรับนายอีก”

“เลิกพูดเรื่องของฉันเถอะ ตกลงจะยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เหรอพรุ่งนี้ได้ข่าวว่าไฮโซสาวสวยคนนั้นเธอจะแต่งงานแล้วนะ นายจะหมดสิทธิ์ถึงตอนนั้นถ้ายังตัดใจไม่ได้ว่านจะกลายเป็นชายชู้นะ” จากที่ดูเหมือนอารมณ์จะเริ่มสงบ พอถูกตอกย้ำว่าพรุ่งนี้แก้วกรรณิกาจะเข้าสู่พิธีวิวาห์ก็เหมือนน้ำมันที่ราดบนกองไฟกลางใจของว่านนที

“เมขลาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก คนใจดำแบบนั้นไม่ทำให้หัวใจผมสั่นคลอนได้หรอก ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก ผู้หญิงดีๆ มีอีกตั้งเยอะเรื่องอะไรจะไปสนใจผู้หญิงหน้าเงินนั้น”

“แต่ผู้หญิงที่ชื่อ แก้วกรรณิกา พิมมาลากุล มีคนเดียวในโลกนะ จากที่ได้ยินมาฉันเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้ทิ้งนายไปแต่งงานเพราะเงินหรอกมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”

“เปล่าประโยชน์ ผมตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”

“แน่ใจเหรอว่า หัวใจของนายจะไม่สั่นคลอน ถึงตอนนั้นเธอก็กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว”

“อย่าพูดให้มันเสียบรรยากาศเลย ผมจะไม่เก็บผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ให้รกหัวใจอีก”

“แน่ใจเหรอว่าลืมแล้ว แต่เมขลาเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นรักนายนะว่านนทีไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นอกใจแฟนเขามาคบกับนายอยู่พักหนึ่งหรอก ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นรวยมาก หล่อด้วย ไม่ได้ทำหน้าเหมือนยักษ์วัดแจ้งและปากหมาเท่านาย” คนถูกด่าว่าปากหมาหันมามองหน้าเพื่อน

ถ้ามีปัญหาแบบนั้นจริงทำไมเขาไม่บอกผม จะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงไร้หัวใจพันธุ์นั้น ผู้หญิงมีถมไปหาง่ายพอๆกับร้านเซเว่น”

“แน่ใจนะที่พูดไม่ได้กัดฟันอยู่น่ะ” ว่านนทีจึงหยุดกันฟันทันที

“แน่ใจสิ คนอย่างนายว่านนทีจะมีผู้หญิงสักกี่คนก็ได้เพราะมีตัวเลือกเยอะแยะไปหมด”ก็มันจริงนี่ เมรีเลขานุการของมารดาก็ทอดสะพานให้เขาทุกครั้งที่พบหน้า มาริสา น้องของรุ่นพี่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ และยังมีปลาดาวสาวสวยที่เกาะคู่รักเพียงแต่เขาไม่ถูกใจใครเท่ากับแก้วกรรณิกา


“จ้า... พ่อทหารรูปหล่อ พ่อรวย ถ้าลองลดทิฐิ บางทีทุกอย่างอาจจะแก้ไขทันเพื่อนเตือนด้วยความหวังดี”

“ไม่ล่ะ”

“ตามใจ”เมขลาถอนหายใจ

“จะว่าไปนายนี่มันก็ฉลาดมาตั้งแต่สมัยเรียน จบจากเมืองนอกเมืองนา หน้าที่การงานก็ดี พ่อแม่ก็รวยจนใช้ชาตินี้ไม่หมด แต่ไอ้เรื่องความรักง่ายๆ ทำไมนายถึงทำให้มันยุ่งยากจัง ฉันไม่เสียเวลาเกลี้ยกล่อมนายแล้วล่ะฉันขอไปฟังรายการโปรดก่อนนะ วันนี้กว่าฉันจะหาคลื่นได้แทบแย่”

“รายการอะไร” ว่านนทีถามเพราะยังอยากมีเพื่อนคุยต่อเขาจะได้ลืมเรื่องของแก้วกรรณิกาและงานวิวาห์ของเธอในพรุ่งนี้เช้าไปได้ชั่วขณะ

“คลื่นที่สาวๆชอบฟังทุกคืนวันศุกร์ โดยเฉพาะคนมีความรัก กับคนอกหักจะชอบมากเป็นพิเศษ ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้รายการนี้เสียดายที่โทรไม่เคยติด”

“รายการอะไรติดกันงอมแงมขนาดนั้นเชียว”

“คลับเลิฟ เลิฟ รู้จักไหม”

ว่านนทีส่ายหน้าเพราะปกติไม่ค่อยฟังรายการวิทยุ“คลื่นเกี่ยวกับอะไร”

“ไม่บอก อยากรู้ต้องไปฟังเอง”


กรุงเทพฯ

ในคืนดึกสงัดฝนสาดซัดเข้าหน้าต่างแต่ยังไม่เท่าหัวใจของแก้วกรรณิกาที่กำลังถูกคลื่นรักโถมซัดสาดจนแทบเซถลาเหมือนเรือกำลังจะอับปาง

แก้วกรรณิกาหยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังขึ้นมากดหายาหยีที่กำลังเล่าเรื่องรักออกอากาศอย่างเมามัน แต่โทรเท่าไรสายก็ไม่ว่าง
“เอ๊ะ ทำไมไม่ยอมรับสายเออ... ก็ยัยยาหยีมัวแต่เล่าเรื่องของเราออกอากาศอยู่นี่นะ” บางครั้งเวลาตกใจจากคนสติดี ก็พลาดได้
“ใช่สินะยัยนั่นคงกำลังใช้มือถืออยู่ ทำไมเราถึงได้เบลอแบบนี้นะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจะทำยังไงดีนะปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ อุตส่าห์ทำทุกอย่างก็เพื่อวงศ์ตระกูลอันสูงส่ง จะยอมให้คนทั่วประเทศมารู้ได้ยังไงว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น”

แก้วกรรณิกาไม่รอช้าที่จะยกหูโทรศัพท์โทรเข้าไปที่บ้านของยาหยี เสียงโทรศัพท์ในห้องนอนของยาหยีดังขณะที่กำลังปรึกษาปัญหาหัวใจของเพื่อนกับกูรูเรื่องความรัก

ใครนะโทรมาตอนนี้ฉันไม่ว่างยุ่งอยู่รู้หรือเปล่ายาหยีคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็เมินไม่สนใจมันและหันไปเล่าเรื่องรักออกอากาศต่อ แต่ทว่าปลายสายยังโทรกระหน่ำจนเธอเริ่มรำคาญและกวนสมาธิในการเล่าเรื่อง

“พี่คะ หนูขออนุญาตสักหนึ่งนาทีนะคะขอไปรับสายหน่อยจะได้บอกคนที่โทรมาให้วางไปซะถ้ามันขืนดังอยู่แบบนี้คืนนี้คงเล่าเรื่องไม่จบ” ที่จริงปกติทางรายการคงไม่อนุญาตแต่คืนนี้ผู้ดำเนินรายการใจดีเป็นพิเศษเพราะเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามารบกวนที่หน้าไมค์ จะเป็นใครก็ช่างยาหยีตั้งใจว่าจะบอกให้วางสายไปก่อนเสร็จธุระจะโทรกลับเองเสียอรรถรสในการเล่าหมด ยาหยีจิ้มไปที่ปุ่มสปีคเกอร์โฟนจนได้ยินเสียงของคนที่โทรเข้ามาดังเล็ดลอดออกมานอกโทรศัพท์

รับสายแล้วเหรอยัยยาหยี ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดีและห่วงฉันมากแค่ไหน แต่ขอร้องอย่าเอาเรื่องฉันมาปรึกษาออกอากาศได้ไหม เพราะว่าคนดังอย่างฉันประชาชนเขาอาจจะเดาได้ไม่ยากจากอักษรย่อ น้อง ‘ก’ ที่เธอใช้เป็นนามสมมุติอาจมาจาก แก้วกรรณิกา ทายาทไฮโซคนดัง ส่วนนาย ‘ว’ ที่เธอพูดถึง คือคุณว่านนที ที่กลายเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งด้วยกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงฉันจะรักผู้ชายคนนั้นตอนนี้มันก็สายเกินไปเพราะพรุ่งนี้เช้าฉันจะกลายเป็นเจ้าสาวของคนอื่นเธอเข้าใจไหม เก็ตไหมเพื่อน"

ว่านนทีเดินเข้ามาหาเมขลาในบ้านแต่เพื่อนสาวเข้าไปปิดแก๊สที่ต้มบะหมี่ทิ้งไว้ในครัว เขาถึงกับอึ้งไปชั่วครู่กับเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากรายการวิทยุที่กำลังออกอากาศอยู่ ว่านนทีหยิบรีโมตปรับเสียงให้ดังขึ้นและยืนฟังต่อ

“อ้าว! ว่านทำอะไรอยู่น่ะ เปิดวิทยุเสียงดังเชียว หรือว่าจะมาฟังรายการคลับเลิฟ เลิฟเป็นเพื่อนฉัน”

“รายการนี้เป็นรายการสดเหรอเมขลา”

“ใช่น่ะสิ” เมขลาตอบและว่านนทีก็เอาแต่จ้องที่วิทยุท่าทางตั้งใจฟังมาก

++++++++++++++++++++++++
กรุงเทพฯ

“ยัยแก้วเธอพูดจบหรือยัง” แก้วกรรณิกาหายใจหอบๆ จากประโยคยาวๆ เมื่อครู่

“ยังไม่จบ”

“จบเถอะ” ยาหยีเสียงอ่อย

“ทำไมล่ะ”

“อย่า......อย่าพูดอะไรอีกนะถือว่าฉันขอร้อง” น้ำเสียงราวกับจะร้องไห้

“ทำไมล่ะ ขืนไม่โทรมาห้าม เธอคงไม่วางสายรายการและหันมารับสายฉัน เรื่องของฉันคงถูกเล่าจบจนออกอากาศคนเขาก็จะเดาออกได้ว่าไฮโซสาวคนนั้นคือฉัน”

“เอ่อคือว่ามัน...เอ่อ... คือว่ามัน...เอ่อคือว่า...” ยาหยีเบิกตาโตอ้าปากค้างและรีบกดปุ่มปิด สปีคเกอร์โฟนด้วยอาการตกใจเพราะเสียงทั้งหมดได้เล็ดลอดผ่านโทรศัพท์เครื่องที่ยาหยีถืออยู่และตอนนี้มันกำลังออกอากาศไปทั่วประเทศแล้ว

“ฉันมีอะไรจะบอก อย่าโกรธนะ” น้ำเสียงของยาหยีสั่นเครือ

“อะไร อย่าบอกนะว่าจะโทรกลับไปในรายการเล่าต่อ ฉันไม่อนุญาต”

“เปล่าไม่เล่าแล้ว แต่เมื่อครู่ฉันรับสายไม่สะดวกเลยกด ปุ่มสปีคเกอร์โฟนที่เครื่องโทรศัพท์บ้านเรื่องที่เธอพูดมาน่ะคนได้ยินกันทั้งประเทศแล้ว”

“หา......อะไรนะ ตายแล้ว! ยาหยีนี่เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม ว่าแต่ตอนนี้เธอวางสายที่คุยออกอากาศไปแล้วใช่ไหม” แก้วกรรณิกาเฉลียวใจ

“ว้าย! ตายแล้วตอนนี้ก็ยัง ลืมอีกแล้ว” ยาหยีรีบกดวางสายที่โทรศัพท์มือถือเพื่อไม่ให้เสียงออกผ่านรายการ

ผู้ดำเนินรายการคนดังหันไปมองหน้ากันแบบอึ้งๆ แล้วพูดออกอากาศว่า

“สงสัยพรุ่งนี้คงจะมีข่าวใหญ่” ผู้ฟังทางบ้านบางคนถึงกับอึ้งตกลงสายที่โทรมาเล่าเรื่องปัญหาของเพื่อน ที่แท้เพื่อนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเรื่องคาวๆ ของสาวไฮโซคนดังที่กำลังจะแต่งงานนี่เอง บางคนก็จับกลุ่มเม้าท์วิจารณ์กันไปทั่ว เพราะไฮโซสาว เซเลบฯคนดัง แก้วกรรณิกา พิมมาลากุล นั้นกำลังจะมีงานหมั้นในเช้าวันพรุ่งนี้กับทายาทหนุ่ม ตระกูลดัง นายธนกฤต นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของรีสอร์ตชื่อดัง

“ยาหยีทำอะไรอยู่ครับที่รัก” ปันบุรีสามีของยาหยีก้าวเข้ามาในห้องด้วยชุดนอนกดล็อกประตูทันที ติดภารกิจยุ่งเหยิงมาหลายวันแต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเขา คืนนี้เขาจะนอนหลับให้สบายข้างกายภรรยาตัวหอมนุ่มนิ่มคนนี้ ภรรยาคนสวยยิ่งนับวันก็ยิ่งสวยโดยเฉพาะเวลานี้ที่เธออยู่ในชุดนอนซีทรูสุดหรูสีชมพู ทั้งหวานทั้งเซ็กซี่น่าหม่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัวผู้กองหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วเดินไปกอดแนบชิดภรรยาสาวไม่ได้ถามว่าเธอกำลังทำอะไรเขาแค่เอาโทรศัพท์ในมือถือวางลงไป

“ว้าย! ไม่ได้นะคะยาหยีกำลังติดธุระสำคัญ” แก้วกรรณิกาเงี่ยหูฟังทำไมจู่ๆ ยาหยีก็เงียบไปแต่ได้ยินเสียงผู้กองปันบุรีพูดอะไรพึมพำจับใจความไม่ได้

“ไม่เอาน่าแอบโทรไปขอเพลงรักให้ผมอีกแล้วใช่ไหม” เขาคิดว่าเธอโทรไปขอเพลง พยาบาลสาวบางครั้งต้องเข้าเวรดึก แม้ผู้กองปันบุรีจะขอร้องให้เธอมาเป็นแม่บ้านแต่ยาหยีได้งานใหม่ที่โรงพยาบาลดัง เงินเดือนดีมากเธอจึงขอเขาทำงานอีกสักพัก
“เปล่าๆ ค่ะยาหยีไม่ได้ขอเพลง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่ได้ขอเพลงก็วางมันลงซะสิ” ผู้กองหนุ่มจับโทรศัพท์ที่มือภรรยาสาววางลงและปิดสวิตช์โคมไฟที่หัวเตียงยาหยีจะคัดค้านแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เมื่อริมฝีปากเรียวร้อนรุกไล้อยู่ที่ริมฝีปากอวบตึงไม่ยอมปล่อยให้เธอมีโอกาสพูดออกมาบ้าง เมื่อภรรยาคนสวยผลักหน้าอกต่อต้านเขาเบาๆ เพราะต้องการโทรไปหาเพื่อนสาว ผู้กองหนุ่มจึงคิดว่ายาหยีกำลังงอนที่สองสามวันเขากลับบ้านดึกเพราะติดภารกิจ กลับมาเห็นเธอก็หลับไปแล้วจึงไม่กล้าปลุก

“อย่างอนผมเลยนะยาหยีที่รัก” ผู้กองหนุ่มกระซิบข้างหูและซุกไซ้ไปตามไหล่เปลือย

“อย่าสิคะไม่ได้จริงๆ ค่ะตอนนี้ ยาหยีกำลังยุ่ง”

“ไม่มีเรื่องไหนน่ายุ่งมากกว่าเรื่องนี้ของเราแล้วจ้ะยาหยี งอนผมมากล่ะสิที่สองสามวันนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาให้” ผู้กองปันบุรียังเข้าใจอยู่เช่นเดิม แรงรักแรงสวาทในตัวภรรยาสาวทำให้เขาร้อนรุ่มเป็นร้อยเท่ายามได้กอดก่ายซุกไซ้เธออยู่แบบนี้แม้เธอจะดิ้น จะหนี จะผลักไสเขาก็ตามคืนนี้ยังไงก็จะง้อให้เธอหายงอนจนได้

เสียงสัญญาณที่ขาดหายไปแสดงว่าปลายสายวางไปแล้วทำให้แก้วกรรณิกาชักจะงงว่าเพื่อนสาวคนสนิททำไมถึงวางสายไปเสียดื้อๆ
“อะ…ยาหยี นี่เธอ อ้าว...ทำไมวางสายไปซะแล้วยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ยาหยีนี่เธอมาทิ้งระเบิดให้ฉันแล้วก็ตัดสายไปดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ” แก้วกรรณิกาล้มตัวลงนอนที่เตียงอย่างช้าๆ สายตาแหงนมองเพดานยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

“เวรกรรมจริงๆ เกิดมาเป็นคนสวยมีกรรม” จากนั้นแก้วกรรณิกาก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างมองออกไปนอกหน้าต่างเพิ่งจะเห็นว่าฝนหยุดตกไปนานแล้วตอนนี้บนท้องฟ้าที่มืดสนิทมีดวงดาวดวงหนึ่งส่องแสงทอประกายออกมาเหนือก้อนเมฆมืดครึ้มเหล่านั้น

“ดาวจ๋าช่วยบอกฉันที ทำตามหัวใจกับทำตามหน้าที่ฉันควรจะเลือกอย่างไหนดีตระกูลของเรามีกฎเหล็กว่าเราจะจนไม่ได้ ห้ามล้มละลายอย่างเด็ดขาด ห้ามแต่งงานกับผู้ชายที่มีทรัพย์สินติดตัวมาน้อยกว่าสิบล้าน กฎบ้ากฎบอแบบนี้ถ้าคุณแม่ไม่บังคับว่าจะกินยาตาย ฉันขอขึ้นคานยังจะดีเสียกว่าคิดกันได้ยังไงพอตายไปไม่เห็นใครจะเอาไปได้สักบาทเดียว" จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างคนหมดหวัง




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2556, 00:33:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2556, 01:11:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1408





<< บทนำ   ตอนที่ 2 >>
อัปสรา 22 ต.ค. 2556, 00:34:19 น.
ฝากด้วยนะคะ


Zephyr 22 ต.ค. 2556, 09:37:58 น.
จากที่รู้เป็นเลาๆ คราวนี้ชัดเจน จะแจ้งเลย


นปารมี 22 ต.ค. 2556, 11:47:31 น.
จิ้มเอวไว้ก่อน จ้า ติดตามๆ


อัปสรา 22 ต.ค. 2556, 22:46:56 น.
ขอบคุณค่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account