คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา
บทนำ
คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ และฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจที่อับเฉาได้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาเหมือนน้ำตาจากฟ้า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นความขื่นขมระทมทุกข์ จนในที่สุดก็กลับกลายกลายเป็นความแค้นและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวแต่เกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร...
เจ้าของใบหน้าสวยเก๋รับกับเรือนร่างงดงามได้สัดส่วน หากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าราวกับนางแบบก็คงไม่เกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดใบหน้าสวยขึ้น
“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายไม่ใช่เหรอ”
“คุณแม่คะ แต่...”
“เอาเถอะ แกไม่ไปแม่ก็จะไม่บังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย” ประตูรถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามร่างบางระหงในชุดแสกเข้ารูปแบบทันสมัยไปไม่ให้คลาดสายตา
“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้าเสียจริง ” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือดังๆความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอกสายตาของนางจับจ้องไปที่บุตรสาว
แก้วกรรณิกามีใบหน้ารูปไข่ที่มีองค์ประกอบงดงามโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโตที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปริมฝีปากที่สวยอวบอิ่มชนิดหาตัวจับยากรวมแล้วเป็นความสวยที่ลงตัวที่สุด
ส่วนผมนั้นนิ่มสลวยยาวตรงคืนนี้มันถูกรวบไว้สูงเป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นแก้วกรรณิกาบุคลิกของเธอคือสาวสวยมั่น เธอกางร่มบางใสที่หยิบติดมือลงมาจากรถเพราะฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายก็เร่งก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกเขาและกอดร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นไปในทางตรงกันข้ามเธอหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมาพบ
ผู้ชายใบหน้าหล่อคมเข้มแต่มีผิวขาวสะอาดมีเคราเขียวครึ้มบางๆ รูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกถึงอาการใดๆมานานนับชั่วโมงแต่เมื่อได้พบหน้ากันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าแม้หน้าตาจะไม่แสดงออกแต่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับลาวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”
“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ภายในอกตรมและเจ็บปวดที่สุด
“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปนานแล้ว รอแต่วันจะถอนหมั้น”
“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากสุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ
ว่านนทีเผยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อความคิดและสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้จะมาจากความคิดของแก้วกรรณิกา
“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาตามตรงดีกว่า” น้ำเสียงคาดคั้น
“คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียโดยเปล่าประโยชน์”เธอตอบฉะฉานไม่มีท่าทางแสดงออกว่าเสียใจ
“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวข้องไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใครศัตรูของเขาเยอะพอๆกับเพื่อน
“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า” ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นข้ออ้างให้เขาตัดใจจากเธอไป
“บอกมาเสียดีๆ ว่าใครบังคับให้คุณมาพูดกับผมแบบนี้ บอกมา”น้ำเสียงตะคอก โกรธไม่เก็บอาการ เขามองไปที่รถหรูที่เธอเดินลงมา “ใครอยู่ไหนนั้นคุณหญิงแม่ของคุณหรือเปล่า”
แก้วกรรณิกาไม่ตอบ
“ผมว่าแล้วคุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหมที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” แก้วกรรณิกาก็ยังไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า
“ตอบผม ผมสั่งให้คุณตอบเดี๋ยวนี้”
“คุณแม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากความคิดฉันเอง เอามือหยาบๆ ที่ทำงานหนักๆ ออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาบความจนไปด้วย เหม็นน่ะ แล้วกลัวจะซักไม่ออก” แก้วกรรณิกาเบ้ปากอย่างรังเกียจ
เขากระชับไหล่เธอและบีบแน่น“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ได้เป็นแบบนี้”
“ ฉันเจ็บนะคุณว่านนที ผู้ชายบ้า ชอบใช้ความรุนแรง” เธอตวาดแหวรู้ว่าเขาโกรธจัดในเมื่อคุยกันไปถึงเรื่องแต่งงานแล้วแต่จู่ๆเธอมาบอกเลิกเขาแบบนี้
เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้าวและดูหนังจากนั้นยังคุยกันว่าเธอจะพาเขาไปรู้จักกับครอบครัวของเธอซึ่งว่านนทีเองก็กำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้เช่นกัน เขากำลังจะบอกเรื่องนี้กับเธอว่าเขาเป็นใครแต่มาได้ยินข่าวร้ายเสียก่อน
ใบหน้าสวยของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นอย่างถือตัว
“ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”
“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ และคิดว่าเรารักกัน ”
“ใช่! คุณคิดไปเอง ที่ผ่านมาฉันแค่เหงา คนมันกำลังเหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก
“ถ้านี่คือการอำ ผมก็ชักไม่สนุกด้วย” สีหน้าเคร่งเครียด
“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”แววตาของเธอเหยียดหยามเสื้อผ้าที่เขาใส่แต่ในใจเธอกลับไม่คิดเช่นนั้น
“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร”
“มองตาผม”เข้าสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่คิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจได้เร็วขนาดนี้
“ไม่” เธอเลี่ยงการสบตา
“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆ เหรอ ตอบมา ตอบมาคุณคิดแบบนั้นใช่ไหม” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริเวณหัวไหล่ และหัวสั่นหัวคลอน
มือเรียวเล็กตบสุดแรงเกิดที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนทีเสียงเนื้อกระแทกกันดังสนั่น
“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาทีหลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ โง่เองนี่ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิดถนัด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้และคุณคือตัวเลือกที่ฉันตัดทิ้งไป”
ความเจ็บที่เธอตบหน้าเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจเมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนี้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” สายตาที่มองเธอราวกับแววตาสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บปางตาย
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
ความโมโหทำให้ว่านนทีลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆ เพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำแต่วันนี้ดูเธอทำท่าทำทางเข้าสิ
“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไร้รสนิยม ไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณจริงๆ” ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาประกบจูบแรงๆ อีกครั้งเพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่
คุณหญิงมณีพยายามจะมองแต่มองไม่ถนัดเพราะอยู่ในระยะไกล “ช่วงนี้หูตาไม่ค่อยดี ลืมพกแว่นตามาจึงมองนอะไรไม่ถนัดเลย
“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีไม่รู้ว่าในรถคุณหญิงมณีกำลังนั่งชมผลงานของตนเองอยู่
เจ้าของร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเธอเองตัดใจจากกันได้เพราะรู้ว่าถ้าฝืนรักกันต่อไปก็มีแต่ความทรมา แก้วกรรณิการู้สึกว่าริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมดจากการกระทำของเขา แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที กิริยาปนรักเกลียด
“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ
“ผมถามว่าใช่ไหมแค่ที่คั่นเวลา” ว่านนทีตะคอกถาม
“ตอบมาสิ ตอบผม” ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า
“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังด้วยถึงขั้นจะแต่งงานเลยเหรอคะ สเปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวคงไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้ซะด้วย” สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้ มันเป็นสายตาสมเพช
“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่ผมจะถือว่าหูฝาดไป”
“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้ ทีนี้กระจ่างหรือยังล่ะ”
“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้ามาตลอด แต่ที่ผ่านมามันก็แค่มารยา” คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื้นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่เธอพยายามฝืนเอาไว้
“ฉันแค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมาวัดมันไม่ไหว เลยนึกสนุกโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายหยอกเล่นกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมันไปกันไม่ได้จะมีก็แค่ในนิยายเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เคมีมันไม่ตรงกัน”
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวหรือ หากเธอรู้ว่าเขาเป็นใครแก้วกรรณิกาจะรู้ว่าที่แท้เธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมความงามเมื่อไรก็ได้เช่นกัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่ณเวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย” แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะอย่างไม่ยี่หระต่อคำผรุสวาท
“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดีแล้วต่อจากนี้ก็ทางใครทางมัน”
“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตคนนั้นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลวแค่ไหน แต่ถ้าชอบคนเลวก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขแล้วกัน” เขาหันหลังให้แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้จะจบ
เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำขึ้นไปอีก
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงส่วนมากเขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นมีชีวิตชีวาดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสัน” ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน
“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มเติมให้ทั้งความเถื่อน เลว และซาดิสม์เผื่อจะทำให้คุณติดใจได้บ้าง” แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆ ที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆ ก็คงบ้าแล้ว
“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจ แต่ยังไม่พอเพราะจะเป็นสเปคในใจขฉัน สิ่งสำคัญ ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปทุกข้อก็เหมือนคุณธนกฤตเขาเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว เริดค่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว สายตาที่ว่านนทีเคยมองเธอด้วยความรักปานจะกลืนกินแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความขยะแขยง
“น่าสมเพช”
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลย จึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งเมื่อครู่นั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว
“คุณว่านนที ฉะ ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน
หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปลาบพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินแยกกันไปคนละทิศทาง แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกกับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนที
คุณหญิงมณีลดกระจกรถลงเมื่อเห็นแก้วกรรณิกาเดินกลับมาใกล้รถแต่สายตายังอาลัยอาวรณ์หันกลับไปมองรถของว่านนทีที่ขับออกไปแล้ว
นางจึงตวาดแหว“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆ แบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอกอยู่นานๆ แล้วฉันคันเนื้อคันตัว”
“ทราบแล้วค่ะคุณแม่” ร่างบางกำลังพาตัวเองกลับขึ้นไปบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมองอีก เธอจะจดจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักปานใดก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล แต่เสียงแหวจากคุณหญิงแม่ทำให้คนสวยต้องสะดุ้ง
“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่ จะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิกอีกนานไหมยะ” เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถตามคำสั่ง
“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แต่ที่จริงคุณเห็นมองไม่ค่อยเห็นอะไร แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนที่เรียกตัวเองว่าแม่ตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กลับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้
“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”
“หลักฐานว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหา แอบไปกินตับกับมันลับๆอีก”
“แก้วกับคุณว่านนทียังไม่ได้....”
“หุบปากห้ามเถียงแม่ ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองแตกด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”
“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้งไป”
“ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรว่าแกจะไม่เก็บมันขึ้นมา”คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆ เมื่อถูกขัดใจ อาการแบบนี้กำเริบหนักเฉพาะช่วงนี้
“แกไม่ยอมทำเหรอ แกจะขัดใจแม่ใช่ไหมยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่อยู่ไหม” ร่างของคุณหญิงเกร็งกระตุกราวกับกำลังจะชัก
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”
“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอนังลูกทรพี”
“คุณแม่ แก้วทำขนาดนี้แล้วคุณแม่ยังไม่พอใจอีกเหรอคะ ทำไมต้องบีบแก้วมากขนาดนี้”
คุณหญิงแสร้งทำตาค้างและกระตุกราวกับคนกำลังชักอีกครั้งหนักกว่าเดิม
แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า
คุณแม่!
“ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณแม่อยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญิงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตามแต่เธอก็รู้มาด้วยความบังเอิญ
คุณหญิงมณีอารมณ์ดีขึ้นถนัดตา“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่ แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”
เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากโทรศัพท์มือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจไยดี และจะไม่มีวันชายตาลงไปมองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่รอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้น”
เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก
“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่ ยุคนี้มันยุคไฮเทคจะสัญญาปากเปล่ากันได้อย่างไร จริงไหม”
เลี้ยงมาตั้งแต่แบะเบาะจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่ ความรักที่คุณหญิงมณีมีให้แก้วกรรณิกาจึงเป็นทั้งรักทั้งชัง


Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา ปางอุ๋ง คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา

ตอน: ตอนที่ 3 (หนูแก้วจะต้องแต่งงานแล้วจริงๆ หรือพี่ว่านไปไหนซะ)


ทักทาย

วันพฤหัสบดีแล้ว อีกวันเดียวทำงานก็จะได้พักผ่อนกันแล้วสู้ๆนะคะห่างหายไปจากเว็บนี้เสียนาน ลืมกันไหนถ้าลืมกันไปแล้วก็ไป
แวะทักทายกันหน่อย หนูแก้วรู้เรื่อง ของชลลี่มาตลอดนะจ้ะ บางคนอาจแปลกใจทำไมหนูแก้วถึงเลือกให้ชลลี่ช่วยแทนยาหยี เพราะหนูยาหยีสุดน่ารักเป็นเพื่อนที่จริงใจและรักแก้วมากแต่หนูยาหยี เวลาตกใจชอบลืมตัวพูออกมาหมด

ส่วนชลลี่เป็นผู้หญิงที่แก้วกรรณิการู้มาตลอดว่ามีอะไรลึกซึ้งกับคู่หมั้นแต่เธอก็วางเฉยจนชลลี่ละอายใจอยู่้ลึกๆมาตลอด

Facebook อัปสรา นักเขียน มีกิจกรรมแจกรางวัลกันอย่างต่อเนื่องค่ะ แวะไปทักทายกันบ้าง
https://www.facebook.com/chananchida.thumprasert

Fanpage อัปสรา มณีมาลา ฝากไป like ด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2-%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2/511464025594192?ref=hl

ส่วนนี่ อัปสราแฟนคลับ และเพื่อน
https://www.facebook.com/groups/442973845819537/

ตอนที่ 3

แก้วกรรณิกาออกมาจากห้องแต่งตัวเจ้าสาว เพราะต้องการพบยาหยีเพื่อปรึกษาเรื่องบางอย่าง ยาหยีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ยาหยีเป็นคนน่ารัก มีน้ำใจ อัธยาศัยดี แต่มีข้อเสียตรงเก็บความลับไม่ค่อยจะอยู่พอคิดถึงเรื่องนี้เพราะความช่างจ้อของเจ้าหล่อนนี่ล่ะวันก่อนเลยเป็นเหตุหวังดีแต่ทำให้เธอเกือบโชคร้ายคิดไปคิดมาแก้วกรรณิกาจึงคิดว่าคงต้องเก็บแผนการเอาไว้ในหัวตัวเองจะดีกว่า และที่สำคัญเธอไม่อยากเอาความทุกข์ของตัวเองไปใส่หัวคนที่กำลังมีความสุขเพราะนั่นจะทำให้ยาหยีเอาแต่เครียดเรื่องของเธอไปด้วยไม่เห็นจะเกิดผลดีเลยสู้ปล่อยยัยยาหยีลัลลากลับผู้กองต่อไปดีกว่า

ที่ผ่านมาแก้วกรรณิกาคิดและโทษตัวเองมาตลอดว่าทำให้มารดาถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะอับอายกลัวจะถูกถอนหงอกถ้าเธอจะถอนหมั้นกับธนกฤต แต่ที่ไหนได้ทั้งหมดนั่นคือการแสดง คุณหญิงแม่ของเธอไม่ได้ป่วยไม่ได้เครียดไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแค่เป็นแผนการบีบบังคับให้เธอเลิกรักว่านนที

แม้จะรู้โดยบังเอิญว่าคุณหญิงมณีไม่ใช่แม่แท้ๆ มาหลายปีแล้วแต่ที่ผ่านมาแก้วกรรณิกาก็ไม่เคยปริปากพูดหรือแสดงอาการให้เห็น ยังรักและเคารพคุณหญิงเสมอมา เพราะคิดว่าคุณหญิงมณีคงรักเธอด้วยหัวใจเหมือนที่เธอรักท่านแม้ไม่ใช่สายเลือดก็ไม่สำคัญ คุณหญิงมณีก็เลี้ยงเธอมาอย่างดีให้การศึกษาที่สูงแต่ในเวลานี้หากคิดดีๆ จะว่าท่านเลี้ยงเธอไว้เพื่อทำเงินในอนาคตให้คงจะไม่แปลกก็ค่าตัวเธอตั้งยี่สิบล้านแต่ถึงอย่างไรความผูกพันก็ทำให้แก้วกรรณิกาไม่ได้คิดแค้นคุณหญิงมณีเพียงแต่ว่าเธอขอเลือกทางเดินให้ตัวเองบ้าง

แก้วกรรณิกาเห็นผู้หญิงร่างสูงหุ่นเพรียวสวมชุดเดรสสีขาวเดินผ่านไปหลังไวๆ ทางห้องน้ำจึงรีบเดินตามเข้าไป คิดว่าคงจะเป็นเพื่อนสาวคนสนิท

“ยาหยีนั่นเธอหรือเปล่า ยาหยี รอฉันด้วยสิ”

“ยาหยีทำไมมาช้าแบบนี้เธอกับฉันมีอะไรต้องเคลียร์กันตั้งเยอะรอด้วยสิ แล้วเมื่อคืนทำไมถึงต้องวางสายหนีด้วยยังคุยกันไม่ทันจบเลย” แก้วกรรณิกาในชุดเจ้าสาวพูดรัวไม่เว้นระยะ แต่ต้องชะงักและหยุดพูดทันทีเมื่อคนที่สวนออกมาจากห้องน้ำไม่ใช่ยาหยีแต่เป็นมังคุด

“ตกใจหมดเลยเธอเองเหรอมังคุด” แก้วกรรณิกายกมือทาบอก เมื่อคนที่หันมาคือมังคุดสาวใช้ชาวพม่าที่เพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่นานนี้

“หนูกำลังทำความสะอาดกระจกค่ะ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เมื่อครู่ฉันเห็นคนสวมชุด...เอ่อ”

“เห็นอะไรเหรอคะ” มังคุดมองเลิ่กลัก

“ช่างเถอะไม่มีอะไรหรอกฉันคงตาฝาดไป แล้วนี่เธอกำลังจะทำอะไรล่ะ”

“เช็ดกระจกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยมาทำใหม่แล้วกันฉันจะเข้าห้องน้ำ” มังคุดจึงต้องพาตัวเองออกไปจากห้องน้ำหรูหราที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวตกแต่งอย่างงดงาม

“ได้ค่ะ” มังคุดจึงรีบออกไปทิ้งไว้แต่เพียงหญิงสาวในชุดงดงามแต่หัวใจบอบช้ำ แก้วกรรณิกามองเข้าไปในกระจกทุกอย่างสวยหมดชุดแต่งงานหรูหรา ทรงผม และการแต่งหน้าที่เป็นเลิศมีเพียงสิ่งเดียวที่เธอไม่ถูกใจและไม่ต้องการในงานวันนี้นั่นคือเจ้าบ่าว เจ้าของนิ้วเรียวหยิบกระดาษทิชชูเนื้อดีตรงหน้ากระจกขึ้นมาซับน้ำตาที่กำลังซึม สายตามองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างหลังม่านที่กั้นระหว่างห้องอาบน้ำสุดหรูและบริเวณหน้ากระจกที่เธอกำลังยืนอยู่

“ใคร... มังคุด เธอหรือเปล่า” ทั้งๆ ที่เธอจำได้ว่ามังคุดเดินออกไปแล้ว

พึ่บ!

ม่านหรูสีขาวถูกรูดออกเผยให้เห็นคนที่ซ่อนอยู่หลังม่าน

ชลลี่!

“เธอเองเหรอชลลี่ เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง”

“ก็เข้ามาทางประตูยังไงล่ะคะ วันงานแบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอกว่าใครจะเข้าจะออก”

ไม่ใช่แก้วกรรณิกาจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของชลลี่อดีตพนักงานต้อนรับของรีสอร์ตหรูกับธนกฤตที่แต่ชลลี่ได้หายตัวไปก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว ธนกฤตบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้สนใจการหายตัวไปของชลลี่แม้แต่นิดเดียว ธนกฤตยังบอกอีกว่าเพราะชลลี่ยั่วยวนเขาทำให้เผลอมีความสัมพันธ์ด้วยเขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าคู่นอนชั่วคราวยิ่งทำให้แก้วกรรณิการู้สึกรังเกียจในความเห็นแก่ตัวของธนกฤต

“แล้วเธอมาที่นี่ทำไม”

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะแต่งงานกับธนกฤต”

“คุณเองก็รู้ว่าเขากับฉันเป็นคู่หมั้นกันมานานแล้ว แต่งงานกันเสียทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ”

“แปลกสิในเมื่อคุณไม่ได้รักเขา” สายตายิ้มเยาะ

“คุณจะมารู้ดีกว่าตัวของฉันได้ยังไง”

“แล้วจริงไหมล่ะคะ” แก้วกรรณิกาไม่ตอบ

“คุณรู้ไหมธนกฤตพูดถึงคุณยังไงบ้างเมื่อเวลาที่เขาอยู่ลับหลังคุณ”

“ฉันไม่อยากรู้เชิญคุณกลับไปเถอะ และไม่ต้องห่วงคุณยังอยู่ในสถานะเดิมฉันไม่บังคับเขาให้ทิ้งคุณหรอก”

“แต่ฉันอยากบอก เผื่อคุณจะได้คิดได้และแก้ไขทันตอนนี้ยังไม่สายเกินแก้” แก้วกรรณิกาเองก็แปลกใจกับท่าทีของชลลี่

“นายธนกฤตบอกว่าคุณน่ะคิดว่าตัวเองสวยเลยชอบเชิดหยิ่งใส่เขา ภายนอกคุณมีท่าทางที่มั่นใจจนใครมองว่าเป็นสาวมั่นแต่ที่จริงแสนจะจืดชืดและเล่นตัวสารพัด จะจับมือได้แต่ละทีก็สะบัดสะบิ้งจนเขาเบื่อ จะกอดจะจูบก็บ่ายเบี่ยงรอให้แต่งงานกันสรุปธนกฤตเขาเปรียบคุณว่าเป็นสาวมั่นในยุคของเต่าล้านปี”

“แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะแต่งงานกับสาวมั่นยุคเต่าล้านปีอย่างฉัน หากฉันเป็นสาวมั่นใจ ไวไฟและง่ายเขาอาจจะไม่เลือก”
ชลลี่ฟังจบก็ปล่อยโฮ ยกมือขึ้นปิดหน้า

“จริงแบบที่คุณพูดทุกคำค่ะ” เธอทรุดลงที่พื้นห้องน้ำเมื่อคำพูดของอีกฝ่ายแทงใจดำ ใช่ เพราะความง่ายธนกฤตถึงทิ้งเธอ ความสวยความเซ็กซี่เมื่อเขาชิมจนพอใจก็ไร้ประโยชน์

“ใช่! เพราะฉันมันง่ายเองเพราะโง่คิดว่าเขารักจริง สุดท้ายเขาก็เลือกคุณ ก็คุณมันรวยเป็นทายาทเศรษฐีนี่ ไม่ใช่ลูกชาวนาเหมือนฉัน”

“อ้าว...เป็นซะอย่างนั้นไป” แก้วกรรณิกาเองก็งงที่เห็นชลลี่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

ถ้าชลลี่มาอาละวาดใส่แก้วกรรณิกาจะร้องเรียกให้คนข้างล่างมาจับชลลี่โยนออกไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อชลลี่พูดราวกับว่าเธอกำลังท้องและร้องไห้อย่างหนักทำให้แก้วกรรณิกาหยุดความคิดนั้นเอาไว้และถามออกไปตามตรง

“ใจเย็นๆ ก่อนสิ คุณมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงเขาจะแต่งงานกับฉัน ฉันก็จะไม่บังคับให้เขาทอดทิ้งคุณหรอก ในเมื่อคุณเองก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้รักเขา”

“คุณจะสวมบทภรรยาหลวงที่แสนดีเหรอคะแต่อย่าเลย ฉันไม่ได้อาลัยอาวรณ์มันแล้วผู้ชายห่วยๆแบบนั้น ฉันมาที่นี่แค่อยากมาบอกให้คุณรู้เอาไว้เท่านั้นเจ้าบ่าวของคุณมันเลวแค่ไหนและทำอะไรกับฉันไว้บ้าง" แก้วกรรณิกาเริ่มงงคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน

“เขาทำอะไร”

“มันทำให้ฉันท้องและไล่ไปทำแท้ง” ชลลี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แก้วกรรณิกาตกใจสุดขีด

มันไม่ใช่เรื่องเหนือความคลาดหมายแต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น“คุณท้องกับธนกฤต” จู่ๆ ชลลี่ก็หายตัวไปอย่างเงียบๆ เมื่อหลายเดือนก่อนมีข่าวลือว่าเธอท้องแต่แก้วกรรณิกาไม่ได้ใส่ใจ

“ไม่รู้จริงๆ เหรอข่าวของฉันออกจะดังวันนี้ยังขึ้นหน้าหนึ่งเลยในเมื่อเขาไม่ให้ฉันพบหน้า ฉันก็เลยต้องทำ”

“ข่าวอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”

“ใช่สิ คุณจะรู้เรื่องได้ยังไงก็คงนอนหลับฝันหวานที่จะได้แต่งงานในวันนี้ เลยไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉันกับลูกในท้องกำลังจะโดดตึกฆ่าตัวตาย ฉันเพียงแค่ขอให้เขารับผิดชอบฉันบ้าง แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์สักนิดนอกจากมันไม่รับแล้วมันยังหาว่าฉันไปท้องกับคนอื่นอีก ”
จากที่ร้องไห้น่าสงสารชลลี่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะออกมาราวกับคนวิกลจริต แน่ล่ะสภาพที่ชลลี่เผชิญเป็นปัญหาหนักมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งการที่พ่อของลูกสั่งให้ไปทำแท้ง ครอบครัวก็ตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญู ใจง่ายท้องไม่มีพ่อกลับไปบ้าน ชลลี่แทบจะไม่เหลือที่ยืนสำหรับตนเองทุกคนพากันประณามเธอว่าเป็นหญิงใจง่าย

“ฉันไม่รู้จริงๆ” ถึงไม่ได้รักธนกฤตแต่รู้ว่าเจ้าบ่าวไปทำผู้หญิงท้องก็อดตกใจมากไม่ได้

“รู้ไหมเหตุผลเดียวที่เขาเลือกคุณก็เพราะฐานะ และเชื้อสายผู้ดีเก่าที่เชิดหน้าชูตาเขาได้ อย่าคิดว่าเขารักคุณเพราะคนอย่างไอ้ธนกฤตมันไม่เคยรักใครแม้แต่ลูกของมัน”

“ลูก..ลูกในท้องคุณคือลูกธนกฤต” แก้วกรรณิกามองที่หน้าท้องของชลลี่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

“มันไม่ได้คิดว่านี่คือลูก คือสายเลือดของมันแต่มันเห็นว่านี่คือก้อนเลือดที่จะสร้างความลำบากให้มัน มันสั่งฉันไปทำแท้งเถื่อน มันตีราคาชีวิตลูกของมันด้วยเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาท”

จากนั้นชลลี่ก็ปล่อยโฮเสียงดังจนแก้วกรรณิกาตกใจและใจอ่อนรีบเข้าไปปลอบชลลี่อย่างเห็นอกเห็นใจ ที่ผ่านมาเธอรู้เรื่องธนกฤตนอกใจมาตลอดแต่ไม่เคยตามไปราวีส่วนหนึ่งเพราะเธอไม่ได้หวงหึงในตัวเขาและชลลี่ก็ไม่เคยพาตัวมาล่วงเกินอะไรเธอเรียกว่าต่างคนต่างอยู่ เมื่อเห็นหน้าท้องที่เริ่มยื่นออกมาชัดเจนแก้วกรรณิกาก็ถอนใจรู้สึกเห็นใจชลลี่มากจริงๆ

“ลูกของธนกฤตคงไม่ต่ำกว่าสามเดือนแล้วมั้ง” ชลลี่พยักหน้า

แก้วกรรณิกาสบถ “เลวที่สุด”

ชลลี่กลัวเจ้าสาวของสามีจะไม่เชื่อ“ฉันไม่ได้กล่าวหาเขาลอยๆ ฉันมีหลักฐานจะให้ดู”

ชลลี่ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูที่ธนกฤตเคยซื้อให้ก่อนจะรู้ว่าเธอตั้งท้อง ภาพและเสียงชัดเจนมาก ชลลี่แอบบันทึกเอาไว้ตอนที่ธนกฤตบังคับให้เธอไปทำแท้งเขาบอกว่าถ้าเธอไม่ทำเขาจะทำเอง แก้วกรรณิกามือสั่นไม่ใช่เพราะเสียใจที่ธนกฤตไปทำผู้หญิงท้องทั้งที่กำลังจะเป็นสามีของเธอ แต่เกลียดความเลวของธนกฤตที่ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง นี่เธอกำลังจะแต่งงานกับฆาตกรใจโหดเหรอ

“หมามันยังรักลูกมัน แต่คนอย่างนายธนกฤตลูกของตัวเองยังคิดจะฆ่าได้แล้วนับประสาอะไรที่เขาจะรักเรา”

แก้วกรรณิกาพูดออกมาเบาๆ อย่างปลงๆ

“ใช่หมามันยังรักลูกมัน แต่ไอ้ธนกฤตมันไม่รักฉันแล้วยังไม่รักลูกของมันอีก”

“ฆ่าเขาคุณก็ต้องไปอยู่ในคุกแล้วลูกของคุณล่ะไม่คิดบ้างเหรอเด็กจะเป็นยังไง” น้ำเสียงของแก้วกรรณิกาอ่อนโยนลงเมื่อรู้ว่าชลลี่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่

“ใช่ ฉันไม่อยากจะไปคลอดลูกในคุก มะ...ไม่นะ ไม่จริงๆ” สายตาชลลี่หวั่นวิตกและแปลกใจที่แก้วกรรณิกาพูดเหมือนเห็นใจเธอ

“เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดแบบนั้นอีก ปัญหาทุกอย่างมันมีทางแก้แต่ถ้าแก้ผิดวิธีนอกจากปัญหาเก่าจะไม่จบปัญหาใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาอีก” แก้วกรรณิกาให้แง่คิด

ชลลี่ไม่คิดว่าแก้วกรรณิกาคนที่เธอเคยแอบมองด้วยความอิจฉาเพราะทั้งสวย และชาติตระกูลดีครบสูตรจะพูดดีกับเธอขนาดนี้ ที่ผ่านมาชลลี่ก็รู้ว่าแก้วกรรณิการู้เรื่องเธอกับธนกฤตมาตลอดแต่ไม่เคยตามไปราวีเลยสักครั้ง ดังนั้นเธอคิดถูกแล้วที่มาขวางไม่ให้ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งเดินลงหุบเหวเหมือนที่เธอกำลังเผชิญอยู่

“ที่คุณบุกเข้ามาในนี้เพื่ออะไรเหรอ หรือแค่ต้องการมาบอกว่าคุณท้องกับเขาเพราะนั่นฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากให้เขารับผิดชอบคุณแต่เขาจะรับผิดชอบหรือไม่ฉันคงรับปากไม่ได้อีกเช่นกัน”

“คุณคงคิดว่าฉันจะมาอาละวาดหรือทวงสิทธิ์ล่ะสิแต่เปล่าเลยฉันก็แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องตกนรกเหมือนฉัน”

แก้วกรรณิกาอดจะแปลกใจกับการมาของชลลี่ไม่ได้

“ทุกคนมีทางของตัวเอง ฉันก็มีทางของฉันแม้ว่าจะไม่ได้อยากเลือกเดินทางนี้ก็ตาม”

“ที่ฉันมาเตือนคุณก็เพราะฉันอยากหมดกรรมที่ฉันไปยุ่งกับคนรักของคนอื่นนั่นก็คือคุณ แต่ในเมื่อคุณเองยืนยันที่จะแต่งงานทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาใจดำอำมหิตแค่ไหนก็ตามใจ ฉันไปล่ะ” แก้วกรรณิการั้งแขนชลลี่เอาไว้

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไปจะไปง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ แบบที่ฉันบอกคุณไปทุกคนมีทางเลือกและฉันก็มีทางเลือกอยู่แล้วเช่นกัน”
ชลลี่หันมามองหน้าเจ้าสาวในงานวันนี้ที่กระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“หมายความว่ายังไงคะ คุณคิดจะทำอะไร” สีหน้าฉงนจนหัวคิ้วแทบชนกัน

“ก็อยากไถ่บาปไม่ใช่เหรอ ถึงเวลาแล้ว” ทั้งแผนลวงของมารดาที่ให้เธอบอกเลิกว่านนที และความเลวร้ายของธนกฤต ทำให้แก้วกรรณิกาตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

“อะไรนะ”ชลลี่ไม่อยากเชื่อสายตา คุณหนูตรงหน้าจะกล้าวางแผนแบบนี้

“รอฉันเดี๋ยว ฉันมีอะไรจะให้เธอ"แก้วกรรณิการู้สึกสงสาร อย่างน้อยชลลี่ก็มีความดีเธอไม่ยอมทำร้ายเด็กในท้อง

เสียงฝีเท้าเดินมาจากทางห้องน้ำทำให้แก้วกรรณิกาบอกให้ชลลี่หลบไปก่อน เมื่อเสียงเดินผ่านเงียบไปแล้วชลลี่ก็ได้กำเช็คหนึ่งแสนเอาไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มแห่งความหวัง

“นี่คุณแก้วกรรณิกาจะให้ฉันจริงๆ เหรอ” แววตาไม่อยากเชื่อว่าเช็คและเงินสดในมือจะเป็นของเธอ

“ใช่มันเป็นของเธอกับลูก แต่ต้องรักษาสัญญานะว่าจะทำตามในสิ่งที่ฉันขอร้องให้ช่วย” แม้ว่าเคยหมั่นไส้กับคุณหนูผู้รวย เลิศ เชิด คนนี้มาก่อนแต่เธอก็รู้ว่าแก้วกรรณิกาเป็นคนดีและเมื่อรับเงินมาแล้วคนอย่างชลลี่ย่อมทำตามสัญญาใครดีกับเธอ เธอก็จะดีตอบแต่ใครมาร้ายชลลี่ก็ต้องคิดเอาคืน

“ฉันไว้ใจเธอได้แค่ไหน” แก้วกรรณิกาเลือกใช้ชลลี่ เพราะรู้ดีว่าชลลี่รู้จักพวกนักเลงย่านนนทบุรีเป็นอย่างดี

“ฉันให้สัญญา ฉันจะไม่ลืมความช่วยเหลือจากคุณเลย เงินนี่ฉันจะเอาไปตั้งต้นชีวิตใหม่และคุณเองก็จะได้ชีวิตใหม่ วินวินกันทั้งคู่

“สัญญากับฉันแล้วนะและขอให้ทำตามสัญญาด้วย มีคนมาแล้วฉันจะออกไปก่อนนะ”

“ตกลง เงินมางานเดิน ”

“จะไม่ทรยศฉันใช่ไหม” แก้วกรรณิกาสบตาชลลี่ย้ำถึงความแน่ใจ

“ฉันมาวันนี้เพื่อปลดเปลื้องบาป และหวังว่าคุณจะอโหสิกรรมให้ เราจะได้ไม่มีบ่วงบาปต่อกันอีก เพราะฉะนั้นฉันรับปากแล้วฉันจะทำตามที่คุณต้องการแต่ผลจะออกมายังไงฉันไม่รับประกัน”

“ยัยแก้ว ลูกอยู่ที่ไหนพิธีใกล้จะเริ่มแล้วนะลูก” เสียงของคุณหญิงเจ้าของบ้านดังไปทั่วชั้นสองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิธีแต่งงานล่มไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสินสอดนับยี่สิบล้านคงไม่ได้มาอยู่ในกำมือเธอถ้าเป็นแบบนั้นรับรองว่าชีวิตของเธอคงจะไม่มีวันต่อๆไป

“แก้วอยู่นี่ค่ะคุณแม่” แก้วกรรณิกาเดินออกมาจากห้องน้ำจากนั้นเข้าไปเกาะที่เอวมารดาและพาเดินออกไปด้านอื่นเปิดโอกาสให้ชชลลี่หลบออกไป

“ลูกแก้วที่แท้ก็เข้าห้องน้ำอยู่นี่เอง เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนเพราะวันนี้แก้วกรรณิกาจะทำกำไรได้มาก
“คือแก้วรู้สึกปวดท้องค่ะคุณแม่ เหมือนจะท้องเสีย”

“ตายล่ะจะมาท้องเสียอะไรกันวันแต่งงาน มานี่มาแม่จะพาไปหายาแก้ท้องเสียรีบกินเข้าไปเลยนะก่อนพิธีจะเริ่ม” แก้วกรรณิกาจีงรีบเดินตามมารดาไป วันนี้เธอจะขายลูกสาวที่เลี้ยงมาได้ตั้งยี่สิบล้านคุณหญิงมณีจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้จะพบเรื่องที่มีคนปาก้อนหินพร้อมจดหมายข่มขู่เข้ามาคุณหญิงก็ไม่มีทางล้มเลิกงานนี้อย่างแน่นอน

เมื่อพิธีแต่งงานของสองตระกูลดังกำลังจะเริ่มขึ้นเสียงแห่กลองยาวนำหน้าขบวนดังไปทั่วผู้คนมากมายมาช่วยแห่ขันหมากยาวเหยียดที่จัดมาสมฐานะเจ้าสาวไฮโซตระกูลเก่าแก่ ซึ่งเจ้าของออแกไนซ์มาจัดพิธีให้ถูกต้องตามประเพณีไทยทุกอย่างเจ้าบ่าวอยู่ในชุดไทยเหมือนชุดราชปะแตนพร้อมญาติมิตรขันหมากเอก ขันหมากโทแต่งมาอย่างงดงามเจ้าบ่าวมีสีหน้าแช่มชื่น ก็แน่ล่ะคืนนี้เขาจะได้เข้าหอกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับเขามากที่สุดไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล แก้วกรรณิกาเหมาะสมมากกว่าสาวสวยมากมายที่เขาเลี้ยงดูไว้แก้เหงา ว่านนทีในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงลายทหารสวมแว่นตายี่ห้อดังแบกเป้ใบย่อมดูเผินๆ เหมือนนักท่องเที่ยวก้าวลงมาจากรถแท็กซี่

“ไม่ต้องทอนครับ”

“ขอบคุณครับ” คนขับแท็กซี่ยังเกิดความสงสัย

“คุณครับ เอ่อ...” คนขับแท็กซี่เหมือนอยากถามอะไรแต่ไม่กล้าถามออกมา

“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่” ว่านนทีถามคนขับรถ

“คุณคิดจะใส่ชุดดำมางานแต่งงานจริงๆ เหรอครับ” เพราะคนขับรถมองเข้าไปในงานเห็นว่าเป็นงานแต่งงานมีแต่ผู้คนแต่งตัวในชุดสีสดใส

“ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่ได้มาเป็นแขกในงานนี่ครับ”

“แล้วคุณมาทำอะไรเหรอครับ”

“ฉุดเจ้าสาวหนี จะอยู่ช่วยกันก่อนไหมพี่” พูดจบแท็กซี่สีเขียวคาดเหลืองก็ขับหนีไปทันที ว่านนทีหัวเราะ และมองเข้าไปในบ้านของแก้วกรรณิกาที่ขบวนขันหมากเพิ่งจะเข้าบ้านไปก่อนเข้ามาถึงไม่นาน

เมื่อเจ้าบ่าวผ่านประตูเงินประตูทองเข้าไปแล้ว คาดว่าซองที่เจ้าบ่าวมอบให้กับคนกั้นประตูคงจะเป็นจำนวนไม่น้อยได้ยินสาวๆ ที่เข้ามากั้นประตูกรี๊ดกร๊าดกัน

จนมาถึงพิธีสำคัญเมื่อคุณหญิงไปรับบุตรสาวสุดที่รักลงมาจากห้องเอามาส่งให้เจ้าบ่าว ลูกเขยที่คุณหญิงภูมิใจนักเพราะคือถังเงินถังทองในวันข้างหน้า

“แม่ฝากลูกสาวให้พ่อธนกฤตช่วยดูแลด้วยนะจ๊ะ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้องนะพ่อคุณ” ธนกฤตรับมือของแก้วกรรณิกามากุมเอาไว้

“ผมจะรักแก้วกรรณิกาให้เหมือนที่คุณแม่รัก และรักมากกว่าชีวิตของผม” คำพูดนั้นพูดไปตามประสาคนปากหวาน ท่ามกลางญาติมิตร เพื่อนพ้องของทั้งสองฝ่ายที่มาร่วมพิธีและแสดงความยินดีเมื่อธนกฤตสวมแหวนเพชรประจำตระกูลไปที่นิ้วนางข้างซ้ายท่ามกลางเสียงชื่นชมที่เจ้าสาวแสนสวยได้รับแหวนเพชรเม็ดงามเกือบห้ากะรัตมาเป็นแหวนแทนใจของเจ้าบ่าว พรั่งพร้อมไปด้วยทองแท่งอีกยี่สิบบาท เงินสดอีกยี่สิบล้าน

“น่าอิจฉายัยแก้วจริงๆ นะยาหยี” เพื่อนสาวคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ

“น่าห่วงมากกว่า”ยาหยีลอบถอนใจ

“พูดอะไรแบบนี้ยาหยี นี่มันงานมงคลยัยแก้วนะยะ ยัยยาหยี่ปากพล่อย” เพื่อนคนหนึ่งพูดเบาๆ

“พวกแกไม่ดูหน้ายัยแก้วบ้างว่าดีใจแค่ไหนกับการถูกแม่ขอร้องแกมบังคับให้แต่งงาน” เมื่อก่อนอาจจะใช่ว่าแก้วกรรณิการักธนกฤตอย่างจริงใจแต่หลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นรวมถึงการที่ธนกฤตกินไม่เลือกยาหยีมั่นใจว่านับแต่นั้นมาใจของแก้วกรรณิกาไม่ได้อยู่กับธนกฤตอีกต่อไป

ผู้กองปันบุรีสะกิดแขนภรรยาสาวเป็นการเตือน

“ที่รักยังไงก็งานมงคลเขาเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ในเมื่อเจ้าตัวเขาตัดสินใจไปแล้ว” ยาหยีหยิกแขนสามีและกระซิบเบาๆ

“ก็นายว่านนทีเพื่อนคุณนั่นแหละ คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จักสู้เพื่อตัวเอง ป่านนี้ไปซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่าที่ไหนก็ไม่รู้” ยาหยีทำหน้ามุ่ยแต่เมื่อผู้กองปันถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุดตาเข้ากับผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวเซอร์

“ไอ้ว่านนทีคนอะไรตายยากชะมัด แล้วดูสิมันใส่ชุดอะไรมา”ผู้กองปันบุรีมองเพื่อนแบบประเมิน

ยาหยีเผลออุทานออกมาเสียงดังจนคนในงานหันมามองรวมถึงเจ้าสาวที่กำลังเข้าสู่พิธีรดน้ำสังข์

คุณว่านนทีจริงๆ ด้วย!

แก้วกรรณิกาลุกขึ้นจากตั่งน้ำสังข์ด้วยท่าทีตื่นตะลึงและเผลอยิ้มก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเห็นเจ้าบ่าวและมารดามองมาที่เธอ

ธนกฤตมีสีหน้าไม่พอใจแสดงออกมาอย่างไม่เก็บอารมณ์“ใครปล่อยหมาเข้ามาในงานวะ” เขาสบถเบาๆ

“ใครเชิญมันมา” คนพูดกัดฟันกรอดๆ

“ไม่มีใครเชิญ ไม่มีการ์ดเชิญ แต่อยากจะเดินเข้ามาเองมีอะไรไหม” ว่านนทีมองหน้าธนกฤตชนิดไม่เกรงใจ

ธนฤตโกรธจัดจนขบกรามแน่น“ไอ้ว่านนที กูให้โอกาสมึงอยากเดินออกไปดีๆ หรืออยากถูกจับโยนออกไป” ธนกฤตตีหน้าเหี้ยม
ว่านนทีไหวไหล่ภายในงานคนกำลังวิจารณ์กันอื้ออึงว่าเกิดอะไรขึ้น




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2556, 20:11:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2556, 20:11:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1222





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 06:25:29 น.
อัพไม่ขึ้นแหะ งงๆ


อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 06:37:41 น.
ตอนนี้อัพแล้วมันไม่ขึ้นมันเพิ่งกลับมา


Zephyr 25 ต.ค. 2556, 17:39:11 น.
อ่านได้แล้วค่ะ


อัปสรา 25 ต.ค. 2556, 23:40:34 น.
ขอบคุณค่ะมันกลับมาแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account