มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 41......35%

ตอนที่ 41



ภัทร์และพริมากำลังยืนพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ข้างรถยนต์ของพริมาที่มีวรปรัชญ์เข้าไปนั่งประจำที่คนขับและติดเครื่องยนต์รออยู่

“ปริมกลับบ้านไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่เคลียร์ทางนี้เรียบร้อยแล้วก็จะกลับเลย” ภัทร์บอกด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที.....แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอยู่นี้ก็มีส่วนมาจากน้ำมือของเขาเช่นกัน

“งั้นปริมกลับก่อนนะคะ” ครั้งนี้พริมาเองก็อยากหลีกหนีความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น เธอเดินตามภัทร์ออกมาจากศาลาสวดศพทันทีที่ภัทร์ลุกมาดึงเธอให้ออกมาจากเหตุการณ์โกลาหลตรงหน้า ในตอนแรกนั้นเธอเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่นึกว่าคุณนายหลิมจะมาอาละวาดในงานศพได้ขนาดนี้ คุณนายใหญของตรกูลหลิมในวัย 50 มาร่วมงานศพด้วยเครื่องแต่งกายสีดำไม่แตกต่างจากแขกคนอื่น ๆ แต่เจตจาและจุดประสงค์ที่มาต่างหากที่แตกต่างกันอย่างลิบลับ.....เธอไม่ได้มาไว้อาลัยให้กับวิภาวีที่จากไป หญิงสาวเชื้อสายจีนสิงคโปร์ที่พอจะพูดไทยได้บ้างแม้สำเนียงจะไม่ถูกต้องชัดเจนเหมือนเช่นเจ้าของภาษา แต่บรรดาแขกเหรื่อทุกคนในงานก็พอจะจับใจความได้ว่าเธอกำลังพูดอะไรออกมา ทั้งสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธและคำพูดจาผรุสวาทที่เธอด่ากราดออกมานั้น ไม่ต้องมีคำแปล ใคร ๆ ก็สามารถเข้าได้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร เธอโยนความผิดให้กับวิภาวีโทษฐานที่ทำให้สามีของเธอต้องมาพบจุดจบในต่างแดน เพราะความแค้นที่ถูกวิภาวีแย่งสามีบวกกับความอาลัยรักที่ครองคู่กันมานาน คุณนายหลิมจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เธอไม่คิดจะเกรงใจและไม่สนใจสายตาของใคร ๆ ที่จ้องมองมา เธอคิดแต่เพียงว่าเธอเป็นฝ่ายที่สูญเสียและถูกหักหลัง เมื่อทำอะไรกับคนตายไม่ได้ เธอจึงหันมาเล่นงานคนเป็นแทน นางสาครที่อยู่ในอาการโศกเศร้าเลยถึงกับช็อคเมื่อถูกหางเลขไปกับเขาด้วย

“อือ ไปเถอะ” ภัทร์เอามือแตะหลังพริมาพร้อมทั้งเตรียมจะเปิดประตูรถให้เธอ

“เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกันนะคะ พี่โป๊ปถึงบ้านแล้วโทรหาปริมด้วยละกัน” พริมารู้สึกเห็นใจภัทร์ เธอจึงอยากเป็นคนรับฟังให้กับเขา.....เท่านี้ที่เธอพอจะช่วยได้ ภัทร์พยักหน้ารับฟังพร้อมส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้พริมา

แต่ทันทีที่ภัทร์เอื้อมมือไปเปิดประตูรถให้กับพริมา ก็มีเสียงร้องดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งคู่

“พวกมึงจะรีบกลับไปไหนกัน!” เรืองเดชตวาดลั่น

“ก่อเรื่องแล้ว มึงคิดว่าจะกลับกันง่าย ๆ แบบนี้งั้นเหรอ!” เรืองเดชยังคงพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดุดัน ทั้งภัทร์และพริมาต่างก็หันหลังมามองด้วยสีหน้างุนงง แต่เมื่อภัทร์เห็นหน้าเรืองเดช ชายหนุ่มก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที แล้วย้อนถามกลับไปว่า

“มีอะไรเหรอเรืองเดช! แล้วทำไมพวกฉันจะกลับบ้านไม่ได้! นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า! หรือจะมาคุยเรื่องคดีที่ยังค้างคาราคาซังอยู่!” ภัทร์ถามด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาปล่อยตัวจากที่จับประตูรถแล้วรีบเบี่ยงตัวมายืนชิดกับพริมา

“ไอ้ภัทร์ มึง!” อารมณ์ขุ่นโกรธของเรืองเดชทะยานพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อโดนภัทร์ราดน้ำมันเข้ามาอีกกอง

“แต่ถึงมีอะไรจะพูด ก็ค่อยพูดก็แล้วกัน ฉันว่านายรีบกลับไปจัดการเรื่องข้างในศาลาไม่ดีกว่าเหรอ ตอนนี้นายน่ะควรจะเป็นเสาหลักให้กับแม่นายได้แล้วนะ” ภัทร์พูดเสร็จก็รีบหันหน้ามาหาพริมาเพื่อบอกให้เธอขึ้นรถ ในจังหวะที่ภัทร์กำลังหันมาจะบอกให้พริมานั้น พริมาก็เหลือบไปเห็นวัตถุในมือของเรืองเดช

“พี่โป๊ปคะ! เขามีปืนอยู่ในมือด้วยค่ะ!” พริมากระซิบบอกด้วยอารามตกใจ ภัทร์รีบเหลียวหลังไปมองอีกครั้ง ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจทันทีที่เห็นปืนในมือของเรืองเดช ภัทร์จึงรีบใช้มือขวาดันหลังของพริมาพร้อมทั้งรีบใช้มือซ้ายเปิดประตูรถให้กว้างขึ้น แต่เรืองเดชก็ร้องขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนว่า

“ยังไม่มีใครจะไปไหนได้ทั้งนั้น! ปิดประตูรถเดี๋ยวนี้นะไอ้ภัทร์!” เรืองเดชออกคำสั่งกร้าว แต่เมื่อไม่เห็นว่าภัทร์จะปฏิบัติตาม เขาก็พูดต่อท้ายขึ้นมาทันทีว่า

“ถ้าไม่เชื่อฟังกูแล้วล่ะก็ มึงก็ฟังคำสั่งจากไอ้นี่แทนก็แล้วกัน!” เรืองเดชพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเล็งมาทางชายหญิงทั้งสองคน ภัทร์ปิดประตูรถลงทันที ทั้งเขาและพริมาต่างก็มีสีหน้าตกใจและสัสนอย่างเห็นได้ชัด เพราะต่างก็คาดไม่ถึงว่าเรืองเดชจะพกพาอาวุธอย่างอาจหาญ และก็งุนงงว่าเพราะสาเหตุใดที่ทำเรืองเดชถึงกับต้องใช้อาวุธมาขู่พวกเขาแบบนี้

นอกจากภัทร์และพริมาจะตกใจแล้ว วรปรัชญ์ที่นั่งอยู่ในรถก็อกสั่นขวัญแขวนตามไปด้วย ชายหนุ่มเพิ่งจะหันมาเห็นเรืองเดชเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูจากภัทร์ เนื่องจากไม่เห็นพริมาขึ้นมานั่งประจำที่ ก่อนหน้านี้เขามัวแต่นั่งเล่น ‘ไลน์’ พูดคุยกับแฟนหนุ่มอยู่จึงไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว วรปรัชญ์อ้าปากค้างด้วยสีหน้าแตกตื่นเมื่อเห็นเรืองเดชยกปืนขึ้นในระดับสายตาที่จ่อเล็งมาที่เพื่อนรักของเขา วรปรัชญ์รีบออกจากโปรแกรม ‘ไลน์’ เพื่อที่จะโทรแจ้งตำรวจแต่ก็ไม่ทันได้ทำอะไร เพราะทันทีที่เรืองเดชหันมาเห็นวรปรัชญ์ เขาก็รีบจ้ำเดินตรงเข้ามาใกล้ภัทร์และพริมามากขึ้นพร้อมปืนในมือที่ยังเล็งเป้านิ่งอยู่ที่คนทั้งคู่ เรืองเดชใช้ปากกระบอกปืนชี้ไปทางขวามือ 2 – 3 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้ภัทร์และพริมาเบี่ยงตัวถอยออกไป แล้วจึงกระชากประตูรถเปิดออกอย่างแรง

“ลงไป! มึงนั่นแหละ รีบลงไปสิ!” เรืองเดชออกคำสั่งกับวรปรัชญ์

“เร็ว ๆ สิโว้ย! มัวชักช้าเดี๋ยวกูก็ยิงไส้แตกคนแรกเสียเลย” เรืองเดชตะคอกใส่ วรปรัชญ์จึงรีบลงจากรถแต่ก็ไม่พลาดที่จะยัดมือถือใส่ลงในช่องเก็บของข้างประตูรถ โดยหันหน้าจอเข้ากับผนังเพื่อไม่ให้เรืองเดชได้เห็นหน้าจอของมือถือที่กำลังต่อสายตรงไปยังหมายเลข 191 แล้วจึงค่อย ๆ เดินถอยหลังออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยความหวาดหวั่น โดยเปิดประตูรถอ้าทิ้งไว้

“รีบเดินมารวมกันอยู่ด้านนี้! มึงอย่าคิดเล่นตุกติกอะไรนะ ไม่งั้นได้ไส้แตกตายห่าอยู่ตรงนี้แหละ” เรืองเดชขู่ด้วยสีหน้าถมึงทึง วรปรัชญ์จึงค่อย ๆ เดินอ้อมหลังรถมารวมกับภัทร์และพริมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“เรืองเดช แกบ้าไปแล้วเหรอ แกเสียสติไปแล้วเหรอ! มาโกรธพวกฉันเรื่องอะไรกัน!” ภัทร์ตะคอกถามขึ้นในขณะที่พยายามเอาตัวเองบังพริมาจากแนวปากกระบอกปืนที่ยังเล็งเป้ามา เรืองเดชหันสายตามาประสานแน่วนิ่งกับภัทร์อย่างไม่กลัวเกรงด้วยอารมณ์โมหะที่ทำให้สติขาดผึงลงเสียแล้ว

“เออ! กูบ้าแล้ว ใช่! กูเสียสติไปแล้ว!” เรืองเดชที่ตอนนี้เห็นช้างตัวเท่าหนูตะโกนตอบกลับ

“มึงไม่รู้จริง ๆ เหรอว่ากูโกรธพวกมึงเรื่องอะไร มึงไม่รู้หรือว่าแกล้งโง่กันแน่วะ” เรืองเดชพูดพลางส่ายกระบอกปืนไปมา พริมาและวรปรัชญ์แม้จะยังควบคุมสติได้ดีอยู่แต่ก็มีอาการอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อย วรปรัชญ์มายืนเคียงข้างพริมาและเอามือมาคล้องแขนของเธอไว้เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“เรืองเดช.....นายมีอะไรก็พูดออกมาเถอะแต่ขอร้องให้ช่วยวางปืนลงก่อนจะได้ไหม นายมีอะไรอึดอัดใจก็พูดมาได้เลย ถ้าพวกเราช่วยได้พวกเราก็จะช่วย แต่ตอนนี้นายเอาปืนลงก่อน เกิดมันเปรี้ยงปร้างขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่” พริมารีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลเพราะกลัวว่าเรืองเดชจะคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่ หากยังปล่อยให้ภัทร์ที่เริ่มออกอาการฟึดฟัดตอบโต้กลับไปอย่างไม่ลดละแบบนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เรืองเดชตัดสินใจทำอะไรสิ้นคิดออกมา

“ช่วยเหรอ! จะเอาเงินฟาดหัวเหรอ ไอ้พวกคนมีเงินก็คิดได้แค่นี้แหละวะ คนจนอย่างกูก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะโว้ย ถ้ามาหยามกันมากไป มันก็ทนไม่ได้เหมือนกัน หมาจนตรอกนะพวกมึงเคยได้ยินไหม!” เรืองเดชพูดด้วยน้ำเสียงอันดังและยังคงส่ายปืนไปมา สร้างความหวาดเสียวให้กับทั้ง 3 คนเป็นอันมาก

“พวกฉันไปหยามอะไรแกฮะ ไหนบอกมาสิ” วรปรัชญ์ที่ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ถามออกไป

“ไม่ต้องเสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง!” เรืองเดชสวนกลับแทบจะทันที วรปรัชญ์จึงได้แต่ค้อนใส่พร้อมทั้งทำปากงุบงิบ

“สรุปว่าแกจะเอายังไง จะเอายังไงก็บอกมาสิ!” ภัทร์ถามอย่างหงุดหงิดใจเช่นกัน เขาเหลือบตามองไปยังทางศาลาสวดศพที่ยังคงวุ่นวายอย่างรวดเร็ว และได้แต่ภาวนาให้มีใครหันมาเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ในลานจอดรถ ณ เวลานี้เขาห่วงความปลอดภัยของพริมาเป็นสำคัญ เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด.....ถึงเกี่ยว เธอก็เกี่ยวในฐานะที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ภัทร์สบตากับเรืองเดชอีกครั้ง

.......................................

มาช้าหน่อยเพราะมัวพาลูกไปเที่ยวปิดเทอมมานะคะ และกว่าจะเขียนได้ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายเที่ยว (เนื้อหาเดิมแต่แก้พวกรายละเอียดปลีกย่อย)
ยิ่งใกล้จบ ยิ่งเขียนยาก เพราะต้องยอมรับว่าคอมเม้นต์ของหลายท่านมีผลต่อจิตใจของคนเขียน 5555 แต่ยังไงนิยายก็เป็นนิยายนะคะ อาจมีชีวิตจริงมาปนเปบ้าง ใกล้เคียงบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ คือ นิยายเล่มหนึ่ง ที่กลั่นออกมาจากหัวใจ สมองและสองมือ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจตลอดมานะคะ
แล้วจะมาต่อให้จบเร็ว ๆ นี้นะคะ
อาทิตา



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2556, 00:53:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2556, 00:53:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1894





<< ตอนที่ 40.......100%   มนตรากระดังงา ผ่านการพิจารณาจาก สนพ. อินเลิฟแล้วนะคะ >>
konhin 25 ต.ค. 2556, 02:37:24 น.
สู้ๆนะคะ ทางเลือกมันมีหลายทาง เพราะงั้นไม่ว่าคนเขียนจะเลือกให้จบแบบไหน เรื่องเดินไปทางไหน มันอยู่ที่คนเขียนเลือกค่าาา สู้ๆ


nunoi 25 ต.ค. 2556, 12:42:33 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account