พรางรักวิวาห์ร้าย
การแต่งงานที่ถูกกำหนดขึ้นด้วยเงื่อนไข เป้นวิวาห์ร้ายๆที่หลายคนไม่พึงปรารถนา
ทว่า หากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นหลังวิวาห์จะก่อตัวเป็นความรักภายหลังก็อาจเป็นไปได้
แต่ทั้งเขาและเธอคงได้แต่อำพรางมันเอาไว้ในใจ เพราะเงื้อนไขที่ตั้งเอาไว้ในวันแรกเริ่มอก่อนการวิวาห์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4

4

เพราะความผิดพลาดทางธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ตรัยภูมิจึงต้องเดินทางมาเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเอง เขาจัดการนัดหมายตัวแทนของบริษัทคู่ค้าเพื่อเสนอข้อตกลงใหม่ที่น่าจะมีน้ำหนักมากพอจะไกล่เกลี่ยให้อีกฝ่ายยอมรับเงื่อนไขใหม่ได้ ส่วนสถานที่นั้น ชายหนุ่มเลือกโรงแรมใหญ่ใกล้คอนโดฯที่เขาพัก เดินเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึง ไม่ต้องผจญกับปัญหารถติดให้เสียอารมณ์เพิ่มขึ้นอีก

“ทำไมถึงนัดแต่เช้าครับนาย ผมว่าน่าจะนัดมิสเตอร์โทรุอิจิช่วงค่ำๆนะครับ เผื่อว่าจะได้พาเที่ยวชมแสงสีเมืองหลวงของไทยบ้าง” สมคิดเอ่ยถามเจ้านายที่เลือกนั่งยังชุดรับแขกตัวใหญ่ติดผนังกระจกใสที่สามารถมองทะลุออกไปเห็นความสวยงามของสวนและอาคารที่กำลังดำเนินการรื้อ

“เช้าๆนี่แหล่ะดีแล้ว เขาจะได้รู้ว่าเรากระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหา อีกอย่าง พอเสร็จจากนี่ฉันก็จะเข้าบริษัทไปจัดการไอ้พวกที่มันยกยอกทรัพย์ ต้องบ่งหนามพวกนี้ออกทิ้งก่อนที่พวกมันจะทำให้เนื้ออักเสบ” ตรัยภูมิอธิบาย

“ครับ...” สมคิดมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เจ้านายพาออกมายังจุดนัดหมายก่อนเวลานัดร่วมชั่วโมง ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่เขาน่าจะพอออกไปทำธุระส่วนตัวได้บ้าง

“เจ้านายหิวไหมครับ ถ้าหิวผมจะได้สั่งอะไรมาให้รับประทานรองท้องก่อน”

“กาแฟถ้วยเดียวก็พอ...ส่วนแกจะไปไหนก่อนก็ตามใจ ฉันจะนั่งอ่านหนังสือรอมิสเตอร์โทรุอิจิอยู่ตรงนี้” ตรัยภูมิบอกก่อนจะคว้าหนังสือพิมพ์ใกล้มือ ขึ้นมาเปิดอ่านเป็นการฆ่าเวลา

“ขอบคุณครับเจ้านาย ผมจะรีบไปรีบกลับนะครับ” สมคิดบอก เขายิ้มกับท่าโบกมือไล่โดยที่สายตายังจับอยู่ที่หนังสือพิมพ์ในมือ...โค้งคำนับสักครั้งแล้วสมคิดก็เดินห่างออก

กาแฟถูกนำมาเสิร์ฟในเวลาต่อมา...ชายหนุ่มยกมันขึ้นจิบ แล้วก็เปิดหนังสือหาข้อความที่น่าสนใจอ่าน แทนข่าวตีรันฟันแทงที่ไม่รู้ว่ามันสำคัญอะไรหนักหนาถึงได้รับเกียรติให้ขึ้นหน้าหนึ่งอยู่เป็นประจำ พอมีให้อ่านคลายความเบื่อได้บ้างก็หน้าบทความที่ให้ความรู้ ถัดไปก็ข่าวสังคม เศรษฐกิจ

“คู่ควงคนใหม่ของไฮโซหนุ่มทายาทเศรษฐีใหญ่เมืองนนท์”

ข่าวซูบซิบคนดังในแวดวงไฮโซที่ตรัยภูมิคงเปิดมันข้ามๆไป ถ้าหากสายตาไม่เหลือบไปเห็นภาพของคนคนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...

“ใครกันนะผู้หญิงคนนี้” ชายหนุ่มถามตัวเองทั้งยังพิศมองโครงหน้าสวยๆบึ้งๆนั้นอย่างพินิจ ราวกับความเสน่ห์ของเธอดึงดูดสายตาของเขาไม่ให้ละไปจากเครื่องหน้าที่ประดับลงตัวนั่น แต่เปล่าเลยที่เขาให้ความสนใจกับเขานี้มากเป็นพิเศษก็เพราะข้อความในส่วนรายละเอียดที่แปะอยู่ท้ายรูปนั่นต่างหาก

“แหล่งข่าวของเราได้สืบค้นเจาะลึก จนสามารถหาข้อมูลได้อย่างละเอียดและแม่นยำที่สุดเกี่ยวกับสาวน้อยแสนสวยคนนี้ หญิงสาวผู้โชคดีที่จะได้ครองตำแหน่งสะใภ้ของคุณนายบังอร กิจรุ่งเรืองอัครเศรษฐีนีที่ชาวเมืองนนท์รู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ คุณปัญลดา เกษมสวัสดิ์ สถาปนิกคนเก่งของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อแห่งหนึ่งของเมืองไทย...คุณแม่บังอรกระซิบบอกมาว่างานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นเร็วๆนี้แล้ว งานนี้เปิดให้ทุกท่านเข้าร่วมแสดงความยินดีได้อย่างเต็มที่ค่ะ”

“ปัญลดา เกษมสวัสดิ์เหรอ นามสกุลนี้นี่มัน...” ตรัยภูมินึกไปถึงเอกสารที่เขาได้รับเมื่อหลายวันก่อนจากลูกหนี้คนสำคัญที่เขาจะต้องตามล่าหาตัวมาให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะทำหนังสือส่งลูกให้ไปทำงานขัดดอก

“ไอ้ไกรสร บอกว่ายกลูกสาวแกให้เป็นสมบัติของฉันทั้งๆที่ลูกแกกำลังจะแต่งงานมีครอบครัวนี่นะ...คงคิดว่าฉันโง่ล่ะสิ ฉันจะไม่ยอมให้แกแหกตาเป็นรอบที่สองเด็ดขาด อะไรที่มันเป็นของฉันแล้ว มันก็จะเป็นของฉันต่อไปจนกว่าจะเบื่อแล้วเฉดหัวทิ้ง”

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขหาลูกน้องคนสนิททันที เมื่อเวลานี้เขามีงานด่วนให้ไปทำ และจะต้องทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

“ไอ้คิด!..”

“คะ...ครับนาย” เสียงปลายสัญญาณตะกุกตะกักเมื่อจับอารมณ์ระอุนั้นได้

“ลูกไอ้ไกรสรมันกำลังจะแต่งงาน”

“ครับ...แล้ว?..”

“ไอ้ไกสรมันยกลูกสาวมันให้ฉัน แต่ลูกมันจะไปแต่งงานกับคนอื่น อย่างนี้มันหยามกันชัดๆ ฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างให้มันรู้สำนึกซะบ้างว่า คนอย่างนายตรัยภูมิไม่ใช่เพื่อนเล่น...”

“จะให้ผมไปฉุดผู้หญิงคนนั้นเลยไหมครับเจ้านาย” สมคิดเสนอวิธีเอาคืน

“ไม่ต้อง ฉันมีวิธีที่เด็ดกว่านั้น เป็นวิธีที่พวกมันจะจุกแทบร้องไม่ออกเชียวล่ะ” น้ำเสียงที่ส่งผ่านเครื่องสื่อสารนั้นเจือรังสีแห่งความเหี้ยมเกรียมเอาไว้ให้คนฟังได้รู้สึก

“ยังไงครับ”

“แกยังไม่ต้องรู้ตอนนี้หรอก แค่ไปสืบ สถานที่ วันและเวลาในการจัดพิธีแต่งงานมาให้ฉันรู้ก็พอ ที่เหลือแกรอดูก็แล้วกัน รับรองว่ามันจะต้องรีบไปซื้อโอ่งที่ทำจากโรงงานของเราเอามาคลุมหัวแทนปี๊บ” เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอนั้นออกแนวโหด เมื่อคนพูดจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เขาจะให้มันเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

“ทำไมต้องเป็นโอ่งแทนปี๊บด้วยครับ แถมยังเป็นโอ่งที่โรงงานเราซะอีก” สมคิดยังคงสงสัย

“ก็มันจะได้ทั้งหนาๆทั้งสวยทั้งทนทานยังไงวะ...” ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงเครียด “ไปๆๆ รีบไปจัดการตามที่สั่ง ฉันต้องการคำตอบวันนี้ เร็ว!” ผู้เป็นนายเอ่ยปากไล่ ก่อนจะตัดสัญญาณทิ้งไป

หนังสือพิมพ์หน้านั้นถูกยกขึ้นมาดูอีกรอบอย่างพิจารณา ไม่ว่าจะดูอีกสักกี่รอบมันก็ใช่ผู้หญิงในรูปถ่ายที่เขาได้รับพร้อมเอกสารที่นายมนตรีทำขึ้นเพิ่มเติมเพื่อค้ำประกันและยืนยันให้รู้ว่ามันไม่ได้คิดจะเบี้ยว แต่มันต้องการเวลาในการหาเงินใช้หนี้เพิ่ม นามสกุลเกษมสวัสดิ์ ยืนยันได้ดีที่สุด เพราะไอ้ลูกหนี้ตัวแสบนั่นมันก็มีนามสกุลเกษมสวัสดิ์เช่นเดียวกัน พ่อมันหิวเงิน ขี้โกง ลูกสาวของมันก็คงจะมีนิสัยไม่แตกต่างกันนักหรอก ไม่เชื่อก็คอยดู...



ที่บริษัทรับจัดสร้างอาคารแบบครบวงจร ณ แผนกออกแบบชิ้นงาน เวลานี้กำลังฮือฮากับข่าวใหม่ที่เพิ่งจะได้รับทราบกันทั่วหน้าจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า

“มาดูนี่สิพวกเรา นี่มันยัยปันนี่นา ใช่ไหม...ช่วยดูหน่อยซิ ตาฉันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย” สถาปนิกหนุ่มเพื่อนร่วมแผนกเดียวกันกับคนที่มีรูปแปะอยู่หน้าหนังสือพิมพ์เอ่ยอย่างตื่นเต้น เขากางหน้าข่าวสังคมลงบนโต๊ะทั้งกวักมือเรียกเหล่าเพื่อนๆร่วมงานให้มามุงดูและยืนยันว่าเขาไม่ได้ดูผิด

“ก็ใช้แว่นสายตาที่เหน็บค้างอยู่บนหน้าผากของแกมองดูชัดๆสิวะ” อีกคนบอก แต่ก็ยังลุกจากโต๊ะทำงานมาชะโงกหน้าดูสิ่งที่น่าจะเรียกว่าผิดปกติของเช้าวันทำงานวันนี้

“เออว่ะ...รูปยัยปันจริงๆด้วย โห...ได้ลงข่าวในหนังสือพิมพ์ซะด้วย”

“ไหนๆๆ ขอดูมั่ง” หลายคนในแผนกต่างแห่กันมาดู เมื่อสิ่งที่เพื่อนร่วมงานอีกคนยืนยันนั้นหมายถึง คนที่พวกเขาและเธอต่างรู้จักกันดี

“ว๊าว...คู่ควงคนใหม่ที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันกับลูกเศรษฐีไฮโซ โชคดีเป็นบ้าเลยว่ะ” อีกคนเอ่ยอย่างอิจฉา

“แล้วทำไมพวกเราถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนะ ยัยปันปิดเงียบเชียว แถมในข่าวยังบอกอีกว่าจะแต่งงานกันเร็วๆซะอีก...พวกแกคิดเหมือนฉันมั๊ย” คนสงสัยเงยหน้าจากข้อความขึ้นมองเพื่อนๆ

“นายปกรณ์มันขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มคาสโนว่าซะด้วยสิ เห็นข่าวเรื่องสับเปลี่ยนผู้หญิงไม่มีซ้ำหน้า กินเล่นเที่ยวใช้เงินเป็นเบี้ย ฉันชักห่วงเจ้าปันของเราแล้วสิ” คนเอ่ยแสดงสีหน้ากังวล และพลอยให้คนอื่นๆคิดกังวลไปด้วย

“ก็หวังนะว่าที่ปันต้องแต่งงานเร็วๆ ไม่ใช่เพราะปันกำลังท้อง”

“คนอย่างเจ้าปันน่ะเหรอจะยอมให้ตัวเองท้องก่อนแต่ง เป็นไปไม่ได้หรอก แค่จับไม้จับมือมันยังหวงยิ่งกว่าอะไรดี...เห็นมั่นๆแบบนั้นน่ะหัวโบราณจะตายไป” อีกคนไม่เห็นด้วย

“แหมสี่เท้ายังรู้พลาดซะเฟ้ย...คนสวยๆอย่างมันมีหรือจะไม่มีโอกาสพลาด”

“จริงว่ะ...เปอร์เซ็นต์เป็นไปได้สูงเชียว ยิ่งออกข่าวว่ารีบแต่งรวดเร็วเป็นไฟแลบแบบนี้ด้วย”

“โธ่เอ้ยยัยปัน...ไม่น่าเลยจริงๆ เห็นกันอยู่หลัดๆ” น้ำเสียงแสดงความเห็นอกเห็นใจดังขึ้น

“มันจะแต่งงานโว้ย ไม่ได้ไปตายซักหน่อย แถมว่าที่สามียังเป็นทายาทเศรษฐีร้อยล้านซะอีก เราควรจะยินดีกับปันนะถึงจะถูก” อีกคนแย้ง

“นั่นสินะ...”

“แยกย้ายกันเร็ว ยัยปันเดินมาโน่นแล้ว” เสียงคนดูต้นทางร้องบอกเพื่อ ก่อนที่ทุกคนจะแตกแยกไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง ทันก่อที่คนในข้อสนทนาจะเดินผ่านประตูเท่ามาอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

เมื่อปัญลดาก้าวเข้ามาหยุดยืนที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ความเงียบกริบในห้องที่ไม่เคยจะเกิดขึ้นเลยจึงเป็นอะไรที่สามารถบอกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง และเมื่อเธอกวาดสายตาไปมองเพื่อนร่วมงานทีละคน ก็พบว่าทุกคนทำอาการเหมือนจะสบสายตา หรือไม่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

“มีอะไรหรือคะ ทำไมวันนี้เงียบกันจัง” อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “ว่าไงค่ะพี่เอก”

“เออ...พอดีว่าเราเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์น่ะ เขาบอกว่าปันจะแต่งงาน จริงหรือเปล่า” คนที่ถูกระบุชื่อตัดสินใจเอ่ยในเรื่องที่สงสัย

“นั่นสิ...แถมแต่งกับคุณปกรณ์ ทายาทเศรษฐีร้อยล้านอีก ไม่เห็นปันแย้มพรายให้รู้บ้างเลย” พอมีขึ้นเริ่ม คนอื่นๆก็ค่อยกล้าเสริมขึ้นมาบ้าง

“มันมีความจำเป็นบางอย่าง...ปันเองก็ยังงงกับตัวเองอยู่เหมือนกัน” หญิงสาวถอนหายใจเฮือก

“ความจำเป็นบางอย่าง?.. อะไรเหรอ...หรือว่าปัน...ทะ...ท้อง”

“เฮ้ยไอ้บ้า พูดอะไรบ้าๆ ถามแบบนี้ปันก็อายแย่สิ” เอกตบศีรษะเพื่อนรุ่นน้อง ที่พูดจาไม่เข้าหู

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ปันก็เพิ่งจะเคยเจอเค้า ปันจะท้องได้ยังไง มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาพูดกัน” หญิงสาวพยายามอธิบาย เธอไม่อยากพูดถึงรายละเอียดของเหตุผลที่แท้จริง แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหนแล้ว

“อ๋อเข้าใจแล้ว ก็คงจะเหมือนในละครมั๊ง ที่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายตกลงหมั้นหมายกันเอาไว้ตั้งแต่เด็กโดยไม่บอกให้ลูกรู้ พอถึงเวลาที่เหมาะก็ประกาศและจับแต่งงานกันทันที”

“โห...นิยายมากๆ” อีกคนแซวข้อสันนิษฐาน

“หรือแกคิดว่าจะเป็นอย่างอื่นวะยัยปิ๋ว”

“เปล่า...ก็น่าจะเป็นอย่างพี่ว่าแหล่ะ” ปิ๋วสนับสนุนก่อนจะหันไปถามเจ้าตัว “ใช่ไหมปัน”

ปัญลดาไม่ตอบ นั่นก็ถือว่าเป็นการยืนยันสมมุติฐานได้ว่าถูกต้องชัดเจนที่สุด แต่ถึงทุกคนจะเข้าใจอย่างนั้นก็ยังไม่หมดคำถามในส่วนที่สงสัย

“แต่งวันไหน พวกเราไปร่วมงานด้วยได้หรือเปล่าปัน”

“วันนี้ปันเอาการ์ดเชิญมาให้พวกพี่ๆและเพื่อนๆค่ะ วัน เวลาและสถานที่อยู่ในการ์ดนั่นแหล่ะ” เธอบอก ก่อนจะหยิบสิ่งที่พูดถึงออกจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่

“โอ้โห...แต่งในโบสถ์ซะด้วย...ว่าแต่ฝ่ายเจ้าบ่าวนับถือคริสต์เหรอ” ปิ๋วถามต่อเมื่อล้วงหยิบการ์ดสีสวยในซองออกมาดู

“เปล่า...”

“อ้าว แกนับถือพุทธ ว่าที่เจ้าบ่าวไม่ใช่คริสต์และจะไปแต่งงานในโบสถ์ฝรั่งนี่นะ ทำได้ด้วยเหรอ”

“ปันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่า มีเงินซะอย่างจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่มีผิดมีถูก” ปัญลดาเอ่ย แล้วก็กลับมานั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองหลังแจกการ์ดให้ครบทุกคนแล้ว

“นั่นสินะ...อีกอย่างศาสนาพุทธก็ไม่ได้กำหนดบังคับให้ต้องทำต้องแต่งตามอย่างพุทธ” พี่เอกออกความเห็น

“ที่จัดงานแต่งๆกันอยู่เนี่ยก็ไม่ใช่พิธีพุทธสักหน่อย เป็นพิธีของพราหมณ์ต่างหาก” ผู้รู้อีกคนเสริมขึ้น

และนี่ก็ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาในแผนกกันอย่างเมามัน ในขณะที่เจ้าของเรื่องก็ได้แต่ทอดถอนใจ ไม่อยากให้วันเวลาผ่านไปเลย อยากให้หยุดอยู่แค่วันนี้ ไม่มีวันพรุ่งนี้ ไม่มีวันต่อๆไป เพื่อว่าเธอจะได้ไม่ต้องเดินเข้าสู่หลุมพรางนรกที่ฉาบไว้เบื้องหน้าอย่างสวยงามในอีกไม่กี่วัน



แต่ถึงยังไงโลกก็ยังคงหมุนต่อไปไม่มีวันหยุด และดูเหมือนจะหมุนเร็วกว่าปกติซะด้วยซ้ำ สำหรับใครบางคนที่จะต้องเข้าสวมบทบาทเจ้าสาวโดยไร้ความสมัครใจ เพราะในไม่ช้าวันที่เธอไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้

“เร็วเข้าเถอะลูก ป่านนี้คุณนายบังอรกับคุณปกรณ์คงรออยู่ที่โบสถ์แล้ว” คุณปรียาเอ่ยเมื่อยังเห็นบุตรสาวโอ้เอ้ไม่ยอมก้าวขาลงจากรถ

“แม่คะ...ปันไม่อยากแต่งงานกับนายปกรณ์นั่น ปล่อยปันไปเถอะนะคะ” ปัญลดาอ้อนวอน ด้วยความหวังสุดท้ายที่ยังพอมีเหลืออยู่ เมื่อดูแล้วมารดาไม่มีแววใจอ่อน เธอก็หันไปขอความช่วยเหลือจากอีกคน “คุณลุงคะ ช่วยพูดกับแม่ให้ปันที”

“ทำใจยอมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าเถิดลูก ลุงก็อยากจะช่วยหนู แต่หนูก็เข้าใจอยู่ไม่ใช่เหรอถึงความจำเป็นของเรา ถ้าหนูล้มเลิกงานนี้ แม่กับลุงก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน” ผู้เป็นลุงให้เหตุผลอย่างนุ่มนวล

“แต่...”

“อย่ามัวโอ้เอ้...โน่นไงคุณนายบังอรเดินมาโน่นแล้ว เร็วรีบลงมาแล้วก็ฉีกยิ้มหวานๆเข้าไว้” นางปรียาเอ่ย ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายว่าที่ญาติเกี่ยวดอง

“มากันแล้วเหรอคะ ไหนขอดูหน่อยซิว่าเจ้าสาวของเราสวยแค่ไหน” คุณนายบังอรที่เดินฉีกยิ้มมาแต่ไกลเอ่ยถาม

คุณปรียาเบี่ยงตัวหลีกทางให้แม่เจ้าบ่าวมองเห็นเจ้าสาวที่จำต้องก้าวออกมายืนอวดโฉมให้พินิจด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะเต็มหน้านัก

“โอ้...สวยมากเลยค่ะ สวยจนแทบจำไม่ได้” บังอรเอื้อนเอ่ยพลางจับตัวว่าที่สะใภ้หมุนซ้ายทีขวาที

ชุดแต่งงานสีขาวมุกยาวค่อมเท้าแวววาวด้วยผ้าใยแก้วบางๆประดับผ้าลูกไม้สีเดียวกันเป็นตัวเสื้อเปิดไหล่กว้างพอมองเห็นเนินอกรำไรอวดผิวขาวผ่องอมชมพู เกล้าผมเป็นมวยสูงประดับด้วยมุกเล็กๆ แซมกุหลาบดอกเล็กๆสีขาว งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

“ไม่เสียทีที่เลือกหนูปันมาเป็นสะใภ้เลยจริงๆ” คุณนายบังอรเอ่ยด้วยความภูมิใจ

งานนี้เชื่อแน่ได้ว่าเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้เห็นเจ้าสาวคงจะตกตะลึงจนลืมคิดถึงแม่พวกผู้หญิงยั่วเมืองทั้งหลายที่มักจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาสร้างความรำคาญให้กับนางไม่เว้นแต่ละวัน และการที่นางให้บุตรชายได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงดีๆสวย เก่ง และเข้มแข็งสักคน บุตรชายของนางคงจะมีความเกรงอกเกรงใจภรรยาอยู่บ้างหากจะคิดการทำอะไรบางอย่างที่เป็นการเหยียบย้ำชื่อเสียงของวงตระกูล

“ดิฉันก็ภูมิใจลูกสาวของดิฉันคนนี้มากค่ะ ลูกปันไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังหรือเสียใจเลยสักครั้ง ลูกสาวดิฉันเป็นอภิชาตบุตรโดยแท้เชียวค่ะ” ได้ทีปรียาก็ยกย่องลูกสาว เพื่อให้อีกฝ่ายได้มั่นใจว่าเลือกคนไม่ผิดอย่างที่พูดจริงๆ

“เอาล่ะครับได้ฤกษ์แล้ว ล่ะผมว่าเราไปเตรียมพร้อมกันที่หน้าโบสถ์กันเถอะ...ว่าแต่ผมต้องทำอะไรบ้างครับเนี่ย บอกตรงๆว่าไม่เคยไปงานแต่งงานที่เขาจัดพิธีกันแบบนี้เลยจริงๆ” พินิจเอ่ยถาม เมื่อยื่นช่อบูเก้กุหลาบสีหวานให้หลานสาว ก่อนจะเดินรวมกลุ่มกันไปที่หน้าสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์

“คุณพินิจก็แค่พาเจ้าสาวเดินไปส่งให้เจ้าบ่าวเท่านั้นค่ะ ไม่มีอะไรมาก” คุณบังอรตอบอย่างคุณเคย

“ว่าแต่ เราไม่ได้นับถือคริสต์แล้วมาจัดงานแต่งงานแบบคริสต์ จะไม่เป็นไรแน่นะคะ” ปรียายังคงกังวลเรื่องพิธีการ

“ไม่มีปัญหาค่ะเราจ่ายค่าเช่าสถานที่ ค่าจัดพิธีการทุกอย่างครบถ้วน บาทหลวงก็ยิ้มรับและยินดีที่เราเลือกพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่ถ้าคุณปรียาไม่สบายใจไว้เราจัดพิธีรดน้ำสังข์อีกรอบก็ยังไหว แต่ตอนนี้ขอจัดแบบนี้ก่อนนะคะ มันเป็นความฝันของดิฉันมาตั้งแต่ยังเป็นสาว” คุณนายบังอรเอ่ย

แต่สำหรับปัญลดา ไม่ว่าจะพิธีการไหน หากเจ้าบ่าวยังเป็นนายปกรณ์ และเจ้าสาวคือเธอแล้วละก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาหมูขึ้นเขียงไว้รอเชือด

เพราะทั้งคู่ต่างหาใช่ชาวคริสต์ที่แท้จริง ไม่ได้รับอบรมการเป็นชาวคริสต์ สถานที่จัดงานแต่งงานจึงทำได้เพียงบริเวณภายนอกของโบสถ์เพราะชาวคริสต์ถือว่าโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าประทับอยู่ภายในนั้น และคุณนายบังอรก็ยอมรับและพอใจตามที่บาทหลวงชี้แจง

มีนักข่าวสังคมบางกลุ่มที่ได้รับการว่าจ้างจากคุณนายบังอรมารอถ่ายรูป...เบื้องหน้าจัดวางเก้าอี้เป็นแถวโค้งลักษณะครึ่งวงกลมซ้อนๆกันหลายชั้น ตรงกลางแบ่งช่องทางเดินเอาไว้ บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยกาผูกผ้าสีขาว ประดับดอกไม้ พุ่มไม้งดงามราวกับสวนสวรรค์ แขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานมากหน้าหลายตา แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่เจ้าสาวไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักเลยทั้งสิ้น แม้กระทั่งชายหนุ่มคนที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวสุดท้าย เขาหันมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เป็นสายตาที่บอกได้ว่าไม่มีความเป็นมิตรหรือความชื่นชมยินดีปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อย

ปัญลดาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ละสายตาจากชายคนนั้น จ้องมองไปข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะยึดแขนลุงพินิจเอาไว้แน่นกว่าปกติ นึกเสียใจและผิดหวังอยู่บ้างที่เจ้าบ่าวไม่ใช่พี่เจตน์อย่างที่เคยฝันเอาไว้ เมื่อไม่เป็นดั่งฝัน สิ่งที่ทำได้เวลานี้ก็คงเป็นเพียงแค่การปลงใจให้ยอมรับว่าหนทางรอดได้ถูกปิดตายลงทุกประตูแล้ว

“คุณสวยมากเลยนะปัญลดา คุณทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก” ปกรณ์เอ่ย เมื่อรับตัวเจ้าสาวแล้วจับจูงเธอมายังเบื้องหน้าบาทหลวงผู้ประกอบพิธีกรรม

เสียงเพลงบรรเลงแว่วหวานสงบลง พิธีการเริ่มต้นด้วยบรรยากาศแห่งมนต์ขลัง บาทหลวงเริ่มพิธีการสำคัญอันถือเป็นการมอบคำสัญญาสัตย์สาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า

“คุณปกรณ์ คุณยินดีที่จะยอมรับคุณปัญลดาเป็นภรรยา พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันหรือไม่”

“รับครับ” ปกรณ์เอ่ยด้วยความมั่นใจ ทั้งยังส่งยิ้มให้เจ้าสาวด้วยความสมหวัง

“คุณปัญลดา คุณยินดีที่จะยอมรับคุณปกรณ์เป็นสามี พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันหรือไม่”

ปัญลดาแทบไม่ได้ยินในสิ่งที่บาทหลวงได้กล่าวถาม แต่ถึงแม้เธอจะได้ยินคำถามที่ชัดเจนนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหนรับหรือปฏิเสธก็ไม่อาจเอ่ยออกมาพ้นริมฝีปากอิ่มนั้นได้

“ว่าไงครับคุณปัญลดา คุณยินดีรับคุณปกรณ์เป็นสามีหรือไม่” บาทหลวงถามซ้ำ

“ตอบสิคุณ จะได้จบพิธีซะที” ปกรณ์กระซิบเตือนเบาๆ

“ปัญลดาจะไม่ตอบรับในคำถามของท่านบาทหลวงทั้งนั้นครับ เพราะเธอเป็นผู้หญิงของผม ผมขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้” เสียงหนึ่งดังก้องกังวาน เรียกสายตาทุกคู่ให้จับจ้องยังผู้มาใหม่

ร่างสูงในชุดสูทสีดำ ท่าทางภูมิฐานสง่างาม และมีจุดเด็ดสะดุดตาที่ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ก้าวไปข้างหน้าจนกระทั้งหยุดอยู่ใกล้ตัวเจ้าสาวแสนสวย ทั้งดึงเธอเข้าสู่อกกว้างของเขา

“ว้าย...อะ...อะไรกันเนี่ย” ปัญลดาพูดแทบไม่ออก ไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยิน และไม่อาจขืนร่างกายให้พ้นจากอ้อมแขนนั้นได้

“นายเป็นใคร บ้าไปแล้วหรือถึงได้มาล้มงานแต่งงานของฉัน แถมยังมาแบบอ้างว่าปัญลดาเป็นผู้หญิงของนายอีก ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ” ปกรณ์หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกหยามต่อหน้าผู้คนนับร้อย

“หนูปัน ไอ้เจ้านี่มันเป็นใคร”

“ยัยปัน มันเป็นอะไรกับแก บอกแม่มาเดี๋ยวนี้”

ทั้งคุณนายบังอร ทั้งคุณปรียาต่างหันไปคาดคั้นเอาความกับเจ้าสาว

“ปันไม่รู้...ปันไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก จริงๆนะคะ” หญิงสาวยืนยันเสียงเครือ

“ไม่รู้จักได้ยังไงกันที่รัก คุณพูดแบบนี้ผมเสียใจนะครับ จะพูดอะไรก็นึกถึงลูกในท้องซะบ้าง ยังไงผมก็เชื่อว่าลูกเราต้องการพ่อแท้ๆ ไม่ใช่พ่อเทียมๆอย่างไอ้เจ้านี่” ผู้มาล้มพิธีแต่งงานเอ่ยซะคล่องปาก

“ยัยปัน นี่แกท้องด้วยเหรอ ทำไมแกถึงได้ทำตัวเหลวไหลแบบนี้” ปรียาแทบลมจับ

“ไม่นะคะแม่...มันเป็นเรื่องโกหก” ปัญลดาพยายามยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอ

“โกหกเหรอ...แล้วจูบนี่ล่ะ เป็นจูบโกหกด้วยหรือเปล่า...”

แล้วริมฝีปากอวบอิ่มของเธอก็ถูกปิดลงด้วยเรียวปากอุ่นๆของผู้ชายนิรนามคนหนึ่ง คนที่สามารถพังละลายพิธีการที่เธอนึกกลัวมาตลอดสัปดาห์ด้วยวิธีห่ามๆ ไม่เพียงแค่นั้น ณ เวลานี้ เขาก็ได้ดึงสติสัมปชัญญะของเธอให้หายไปจากการรับรู้เรื่องราวแล้วความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยจุมพิตหนักๆนั้นเพียงจุมพิตเดียว
*************************

ตอนนี้คงได้ลุ้นระทึกกันหลายคนนะคะ...^_^



ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2556, 18:08:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2556, 20:04:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2719





   ตอนที่ 5 >>
Zephyr 25 ต.ค. 2556, 19:17:36 น.
เอิ่ม ช่างล้มพิธีได้อลังการจริงๆ คุณตรัย
เออะ นึกว่าจะมาเนียนๆ แต่นะ มาซะโจ่งแจ้งเลยย


konhin 25 ต.ค. 2556, 19:43:48 น.
ฮ่าๆๆ ฝันร้ายเป็นจริง


นักอ่านเหนียวหนึบ 26 ต.ค. 2556, 09:32:42 น.
อร๊ายยยยย ในที่สุดพระะเอกก็ขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอก(แบบไม่รู้ตัว) กิ้วๆๆๆ


wagawagamina 23 พ.ย. 2556, 22:07:43 น.
กรู้ๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account