พรางรักวิวาห์ร้าย
การแต่งงานที่ถูกกำหนดขึ้นด้วยเงื่อนไข เป้นวิวาห์ร้ายๆที่หลายคนไม่พึงปรารถนา
ทว่า หากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นหลังวิวาห์จะก่อตัวเป็นความรักภายหลังก็อาจเป็นไปได้
แต่ทั้งเขาและเธอคงได้แต่อำพรางมันเอาไว้ในใจ เพราะเงื้อนไขที่ตั้งเอาไว้ในวันแรกเริ่มอก่อนการวิวาห์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 5

คุยกันนิด สะกิดกันหน่อย...
เป็นไงบ้างค่ะหลังจากที่ทองหลางอัพนิยายเรื่องใหม่ผ่านไปแล้ว4 ตอน...
อ่านๆไป ถ้าใครเกิดความรู้สึกรำคาญพระเอกร้ายนิดๆ คนนี้บอกได้นะคะ...เดี๋ยวจัดการให้
ส่วนนางเอกจะเคราะห์ซ้ำกำซัดไปถึงไหน ...ติดตามตอนที่5 ได้เลยค่ะ


5

ความวุ่นวายที่เกิดในระหว่างพิธีทำให้งานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นสุดอลังการมีอันต้องล้มครืนลงอย่างไม่เป็นท่า เมื่อชายนิรนามคนหนึ่งช้อนตัวโอบอุ้มเจ้าสาวหนีขึ้นรถเบนซ์สีดำมันวาวที่จอดรออยู่หนีไปดื้อๆ ท่ามกลางอาการตกตะลึงของทั้งเจ้าบ่าว เจ้าภาพ และแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน แสงแฟลช สลับกับเสียงชัตเตอร์ดังไม่หยุด ขณะที่คุณปรียาถึงกับเซเข้าหาพี่ชาย และคุณนายบังอรต้องใช้บุตรชายเป็นหลักยึดก่อนแข้งขาจะอ่อนแรงลงไปกองอยู่ที่พื้น

“โอย...จะเป็นลม...”

“ทำใจดีๆเอาไว้ครับคุณแม่...ใครมียาดม เอามาให้ทีซิ” ปกรณ์ถามหาสิ่งที่จะทำให้มารดาคืนสติ

เขาพยุงพามารดาไปนั่งยังเก้าอี้ว่าง คว้าการ์ดแต่งงานที่ไม่ได้สนใจว่าจะหยิบได้มาจากไหนโบกพัดให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ

“ยาดมจ้ะกรณ์”

เสียงทุ้มๆที่เอ่ยขึ้นพร้อมการยื่นยาหยอดสีขาวส่งมา ทำให้ปกรณ์เกิดอาการชะงักเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายของเพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อนชาย พบรอยยิ้มที่ดูเหมือนว่าจะมีความยินดีมากกว่าเสียอกเสียใจที่งานแต่งงานล้มไม่เป็นท่า

“ขอบใจมากนัส” คำเอ่ยแผ่วเบาด้วยความไม่มั่นคงในความรู้สึก แต่ก็ยอมรับสิ่งที่จะช่วยให้มารดามีอาการดีขึ้น มาใช้

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนัสก็ไม่ทิ้งกรณ์ไปไหนอยู่แล้ว” มนัสเอ่ย ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ช่วยปฐมพยาบาลบีบนวดไปตามแขนและไหล่ให้คุณนายบังอรอย่างแข็งขัน

ในส่วนของคุณปรียา ความเสียใจนั้นมีมากล้นจนเจียนบ้า ทั้งเรื่องลูกสาวที่ทำงามหน้าให้เสียชื่อเสียง ทั้งความกลัวเรื่องหนี้สินที่ส่อเค้าว่าคงไม่พ้นได้ไปอยู่บ้านพักคนชราอย่างที่นึกกลัว

“เราจะทำยังไงกันดีคะ...มีหวังได้ไปอยู่บ้านพักคนชราอย่างที่คิดเอาไว้แน่ๆ โธ่...ชีวิตหนอชีวิต ทำไมถึงได้โชคร้ายอย่างนี้” ปรียาคร่ำครวญ

“อะไรกัน...แทนที่เธอจะห่วงลูกที่ถูกไอ้หน้าไหนไม่รู้จับตัวไป แต่เธอกลับห่วงตัวเอง นี่เป็นแม่ประสาอะไรฮะ” ผู้เป็นพี่ชายแทบผลักน้องสาวให้พ้นไปจากการพยุง

“ห่วงมันก็ห่วงอยู่ แต่ไอ้บ้านั่นมันบอกว่ามันเป็นผัวยัยปัน ยัยปันกำลังจะมีลูกกับมัน เชื่อได้ว่ายังไงมันก็ไม่ทำอะไรยัยปันแน่ๆ แต่เรานี่สิคะ ไม่ตายตอนนี้จะไปตายตอนไหน คุณนายบังอรคงหาว่าเราย้อมแมวขาย”

“ก็เราไม่ได้เป็นคนเอายัยปันไปเสนอให้เขานี่ เขาจะมาโทษเราก็ไม่ถูก” พินิจแย้ง “ใครจะไปรู้ล่ะว่าปันเค้ามีคนรักอยู่แล้ว มิน่าล่ะเค้าถึงได้ปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังทำท่าจะเป็นจะตายกับการถูกบังคับให้แต่งงานในครั้งนี้ ความผิดทั้งหมด โทษเธอคนเดียว”

“พี่น่ะ...มาโยนกันโครมๆแบบนี้ได้ยังไง” ปรียาเริ่มโมโหให้พี่ชาย ที่อ้าปากอะไรขึ้นมาก็หาว่าเป้นความผิดของนางอยู่คนเดียว

“อย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย ช่วงนี้เรารีบเผ่นก่อนเถอะ ก่อนที่พวกนักข่าวมันจะนึกไว้ว่าต้องสัมภาษณ์ความรู้สึกพ่อแม่เจ้าสาว”

ปรียามองซ้ายมองขวา แล้วนางก็สบตาเข้ากับชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นๆว่าเขาเป็นนักข่าว งานนี้มีแต่ขายหน้ากับขายหน้า อย่าให้ต้องเอาเรื่องขายหน้าที่มีระบายเป้นความรู้สึกออกสื่อเลย

“ไปเถอะค่ะคุณพี่ ก่อนที่เราจะหนีไม่รอด”

ปรีชาลุกขึ้งเร่งฝีเท้ากลับไปยังรถของนางที่จอดอยู่ด้วยเรียวแรงที่ดูแทบไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่นางเพิ่งจะอ่อนล้าไปกับเหตุการณ์ชวนระทึก เพราะแม้แต่พินิจเองก็แทบจะก้าวตามไม่ทัน



บนท้องถนนที่การจราจรยังคงแออัดตามสภาพอันจำเจของเมืองเจริญโดยเฉพาะเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงของประเทศไทยนั้นช่างเป็นอะไรที่ทำให้ผู้ใช้รถอยู่ในเส้นทางสายหนึ่งถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความหงุดหงิด วุ่นวายกับ...ไม่ใช่เพราะการติดขัดของจรจร แต่เป็นร่างนุ่มนิ่มในชุดแต่งงานขาวสะอาดที่กำลังออกแรงทำร้ายร่างกายเขาในทุกที่ที่สามารถทำได้

“เราจะไปไหนต่อครับนาย” สมคิดเอ่ยถาม สายตาของเขามองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง แล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ที่มีโอกาสได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น

“กลับราชบุรี...โธ่โว้ย นี่ขนาดถูกมัดแบบนี้แล้วยังฤทธิ์มากได้อีกนะ” ตรัยภูมิบอก ทั้งพยายามจับตัวยัยแมวโหดให้อยู่ในความควบคุม นี่ขนาดจัดการจับมัดมือไพล่หลังป้องกันไว้ก่อนฟื้นแล้วนะ

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า พวกแกจับฉันมาทำไม ฉันเคยไปเหยียบตาปลาพวกแกตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮะ” เสียงประท้วงดังออกมาอย่างเอาเรื่อง เมื่อปัญลดาฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วพบว่าเธอถูกพันธนาการให้ขาดอิสรภาพและกำลังถูกลักพาตัว

“เงียบเถอะแม่คุ้น...อยู่ใกล้แค่นี้ไม่ต้องตะโกนก็ได้ยิน”

“ไอ้บ้าไอ้เลว ปล่อยฉันกลับไปเดี๋ยวนี้นะ” ปัญลดาเหวี่ยงเท้าไปมาเพื่อว่านั่นอาจทำให้ไอ้โจรหน้าหล่อนั้นได้เจ็บซะบ้าง

“จะกลับไปทำไม อยากจะแต่งงานกับไอ้เจ้านั่นมากนักหรือไง คงจะมีอะไรกับมันแล้วล่ะสิ ถึงต้องการจะจับมันให้อยู่มัด แต่ฝันไปเถอะ ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้เงินของฉันคืน ก็อย่าหวังว่าเธอจะกลับไปเสวยสุขกับไอ้เจ้าบ่าวนั่นได้”

“หนี้อะไร ฉันไปเป็นหนี้นายตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกแกมันหาเรื่อง ไอ้พวกเลว ไอ้พวกเดนนรก หากินบนความเดือดร้อนของคนอื่น ไอ้...”

“หุบปาก...ไอ้คิด ปลดเนคไทแกแล้วโยนมานี่เร็ว” ตรัยภูมิสั่ง

สมคิดใช้มือข้างเดียวจัดการรูดเนคไทออกจากคอแล้วโยนไปทางเบาะหลังที่เจ้านายกำลังเจอศึกใหญ่ เขายิ้มให้กับความสงสัยตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเข้าเมืองกรุง เพิ่งเข้าใจเดียวนี้นี่เองว่าที่แท้แล้วของชิ้นใหญ่ที่เจ้านายพูดหมายถึงคืออะไร

“มานี่...” ตรัยภูมิเปลี่ยนเป็นฝ่ายโถมเข้าหา ในที่แคบๆไร้ช่องทางหนี มีหรือว่าอีกฝ่ายจะไหนไปไหนรอด

“อย่านะ นายคิดจะทำอะไรฉัน” หญิงสาวพยายามปัดป้อง ต่อสู้จนสุดกำลัง

“ไม่ใช่แค่คิด แต่ทำเลย ก็ไม่ทำอะไรมากหรอก แค่จะทำให้เธอพูดไม่ได้ก็เท่านั้น ฉันรำคาญเสียงแจ๋นๆของเธอเต็มทนแล้ว” ตรัยภูมิคว้าเนคไทได้ก็จัดการมัดปากคนในอ้อมกอดจนเธอไม่สามารถขยับปากได้ถนัด

“อื้อๆๆๆ”

“เสียดายที่ไม่ได้เตรียมยาสลบมาด้วยไม่งั้นคงไม่ต้องมาสู้รบปรบมือกันให้เหนื่อยแบบนี้...โอ๊ย!” ตรัยภูมิบ่น ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อหน้าแข้งของเขาถูกเตะด้วยขาที่ยังเป็นอิสระ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเธอยังไม่หยุดออกฤทธิ์ ฉันจะจัดการกับเธอให้หนักกว่าจูบในงานนั่น ไม่เชื่อก็ลองดู” เมื่อทนไม่ไหวก็เริ่มใช้ไม้ขู่

และมันก็ได้ผลซะด้วย เพราะทันทีที่เขาพูดจบร่างงามอรชรก็ผละห่างออกไปนั่งเบียดอยู่ที่ประตู ด่าทอด้วยสายตาที่เขาพอจะเดาและเข้าใจได้แม้ว่ามันไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาเป็นคำพูดชัดๆก็เถอะ

“ว้าว...เจ้านายถึงกับเล่นบทโจรปล้นจูบเลยเหรอครับ แต่ในสัญญาเขาห้ามไม่ให้เจ้านายแตะต้องตัวประกันไม่ใช่เหรอ แบบนี้เรียกผิดสัญญาได้นะครับ” สมคิดเอ่ยแซว

“แค่จูบจะเป็นไรไปเชียว ยังไม่ได้ข่มขืนเอาทำเมียสักหน่อย” ตรัยภูมิเถียง

“แหมเสียดายจังที่ผมไม่ได้เข้าไปเห็น...คุณป้าแม่เจ้าบ่าวดูจะเป็นพวกไฮโซไฮซ้อในวงสังคม งานนี้น่าจะมีคนถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ด้วย คงได้เป็นข่าวกระฉ่อน...โอ้เจ้านายเรา ดังใหญ่แล้ว”

“หุบปากไปเลยไอ้คิด...ขับรถไป” ตรัยภูมิสั่งด้วยอารมณ์ร้อนระอุ เพราะความเหนื่อยในการผ่านการต่อสู้กับคนที่เพิ่งจะฟื้นคืนสติขึ้นมาอาละวาด

“ว่าแต่...เจ้านายกลับราชบุรีแล้วเรื่องที่ค้างอยู่ทางนี้ล่ะครับ เอาไง” สมคิดไม่ได้สนใจคำสั่งก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่าเจ้านายคงอยู่ในความเงียบสงบเหมือนป่าช้าได้ไม่นาน

ราชบุรีเหรอ นี่พวกมันจะพาเธอไปทำไมที่ราชบุรี...ปัญลดากรอกตาไปมา พยายามคิดหาเหตุที่ทำให้เธอต้องมามีสภาพแบบนี้แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก

“เรื่องลูกค้าไม่มีปัญหาแล้ว ตกลงกันได้ แต่เรื่องการหาตัวไอ้คนที่ทำให้ก่อปัญหา ฉันมอบหมายให้คนที่ไว้ใจได้ช่วยสืบอยู่ ไม่นานคงรู้ที่ไปที่มา แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยัยนี่ต่างหาก” ว่าแล้วก็หันไปสบตาคู่สวยที่กำลังตื่นกลัวเหมือนตาเนื้อทรายระวังภัย

เพิ่งมีโอกาสได้พินิจพิจารณาใกล้ๆ แม้จะมีผ้ามัดปากป้องกันคำระคายหูที่มีโอกาสพ่นออกมาให้เขาตบะแตกได้ตลอดเวลานั้น ตรัยภูมิยอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยอย่างที่ยากจะหาใครเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วโก่งดังคันศร ดวงตาคมหวานขนตายาวงอน จมูกโด่งรัน บ่งบอกให้รู้ถึงนิสัยที่น่าจะไม่คิดยอมแพ้ใครง่ายๆ และสุดท้ายก็ริมฝีปากอวบอิ่ม ทันทีที่สายตาของเขาพุ่งเป้าไปจุดนั้น อาการหัวใจกระตุกก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อคิดถึงความหวานเย้ายวนที่เพิ่งได้ลิ้มชิมรสไปหมาดๆ แม้ความตั้งใจจะเป็นเพียงการทำเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อทำไปแล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้เลยว่า...ติดใจ

“แล้วถ้าพาเข้าบ้าน นายแม่จะไม่เพ่นกบาลแยกเหรอครับ ยิ่งหาว่าที่เมียเอาไว้คอยท่าอยู่แล้ว”

“ก็ใครโง่ให้แกพาไปบ้านล่ะ โน่นเลยที่กบดานประจำของฉันโน่น ยังไงฉันก็ยังมีเรื่องที่ต้องตกลงกันกับแม่นี่ ฉันจะใช้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ตามที่นายไกรสรระบุเอาไว้ในสัญญาและจะใช้ให้คุ้ม

ไกรสรเหรอ นั่นมันชื่อพ่อนี่...

ปัญลดาหันกลับไปมองชายหนุ่มตาเขม็ง หูเธอไม่ฝาดแน่ที่ได้ยินผู้ชายคนนี้เอ่ยชื่อบิดาของเธอ บิดาผู้หายไปจากชีวิตกว่าห้าปี ไม่น่าเชื่อผู้ชายคนนี้รู้จักพ่อของเธอด้วย พ่อที่เธอพยายามสืบข่าวตามหามาโดยตลอด อยากพูดอยากถามให้กระจ่างแต่ก็ติดอยู่ตรงไอ้เนคไทบ้าๆที่คาดทับอยู่ที่ปาก ทำให้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อย่างใจคิด

“มองหน้าฉันทำไม” ตรัยภูมิถามขึ้นเมื่อหันไปเห็นแววตาหนึ่งของคนเลือกที่จะนั่งเบียดประตูรถแทนการนั่งอยู่บนตักอุ่นๆของเขา

“เฮ้ย!..” เผลอร้องขึ้นเมื่อร่างงามนั้นจู่ๆก็ขยับเข้ามาใกล้ดวงตายังคงจ้องมองเขาไม่หันเหไปไหน

“อื้อๆๆๆ” เหมือนแต่ต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง

“อะไร? จะให้ฉันปลดผ้าออกจากปากให้เหรอ” ตรัยภูมิถาม ทั้งยังเอนตัวหนี เพราะตกใจอาการจู่โจมกะทันหันของอีกฝ่าย

อือๆๆๆ” เสียงดังในลำคอพร้อมการพยักหน้าตอบรับ

ดวงตาอ้อนวอน ของคนตรงหน้าเรียกร้องให้มือใหญ่ยกยื่นไปที่เครื่องพันธนาการ คล้ายจะยอมปลดปล่อยมันทิ้งไปตามความต้องการของผู้ร้องขอ ปัญลดาใจเต้นระทึกกับความหวังที่จะได้อิสระแม้เป็นแค่เพียงบางส่วนของร่างกาย ทว่ามือนั้นมายังไม่ทันถึงผ้าปิดปากก็มีอันชะงักแล้วถูกถอนออกไปให้รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าด้วยความผิดหวัง

“ไม่ดีกว่า ฉันขี้เกียจปลุกปล้ำกับเธออีกรอบ ไปโน่น ขยับไปไกลๆเลย อย่าคิดว่าฉันจะสนความสวยของเธอ ถ้าคิดจะมายั่วยวนฉันล่ะก็...เสียเวลาเปล่า” ตรัยภูมิบอก ทั้งยังเอ่ยปากไล่

“อะไรกัน...หล่อๆอย่างเจ้านาย ต้องถึงขนาดได้ปลุกปล้ำกันเชียวเหรอครับ...” คำถามพร้อมเสียงหัวเราะของคนขับรถดังขึ้น

“เก็บปากแกเอาไว้แตกหน้าหนาวซะไอ้คิด คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวได้ทำอะไรแก้เซ็งกันพอดี” ว่าแล้วก็หันไปมองคนในชุดเจ้าสาวตาขวาง

ปัญลดายันตัวถอยกูดออกห่างกลับไปนั่งเบียดประตูทันควัน สายตาระแวดระวังเหลือบมองมายังเจ้าของใบหน้าคมคายนั้นอีกครั้งก่อนจะเมินมองไปทางอื่น น้ำตารื้อขึ้นมาที่ขอบตา ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและสับสน เธอปิดเปลือกตาลงปลดปลงชะตาชีวิต หากนี่คือผลแห่งกรรมที่เธอเคยได้กระทำมาไม่ว่าชาติไหนๆ สิ่งเลวร้ายในวันนี้เธอขอยอมรับที่จะชดใช้กรรมเหล่านั้นให้หลุดพ้นลุล่วงไป



ที่บ้านภูมิพิทักษ์ สถานที่พำนักของเจ้าของกิจการเครื่องปั้นดินเผาหลากประเภททั้ง งานเซรามิค ลายคราม เบญจรงค์ และงานปั้นดินเผาอื่นๆ ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ไม่แปลกที่ภายในห้องโถงของบ้านจะมีงานเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา และเครื่องเคลือบหลากหลายรูปแบบประดับประดากระจายอยู่ทั่วทุกจุดของบ้านอย่างงดงามและลงตัว

“พี่ถามเจ้าลูกชายแล้ว เขาไม่ขัดข้องหรอก ว่าแต่คุณน้องเถอะ ถามหนูรุจีแล้วหรือยังว่ายินดีจะรับพี่ตรัยไปเป็นผู้ดูแลร่างกายและหัวใจไปตลอดชีวิตหรือเปล่า” เสียงนายหญิงประจำบ้านดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี เมื่อยามนางคุณโทรศัพท์กับมิตรที่ชอบพอกัน

“รุจีของน้องก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ดีใจซะอีกที่จะได้สมหวังก็รักกันมานานหลายปีแล้วนี่นา” ปลายสัญญาณตอบกลับ

“ดีจังเลยนะคะ อีกไม่นานเราก็จะได้เป็นญาติเกี่ยวดอง รักกันกลมเกลียวเหนียวแน่นกว่าเดิมอีกหลายเท่า” แพรวพรรณยิ้ม อย่างพอใจ “ว่าแต่กำหนดกลับของรุจีนี่เดือนหน้าแน่นะคะ คุณน้องรู้วันเวลาหรือเปล่า เดี๋ยวคุณพี่จะให้นายตรัยไปรับรอรับด้วยคนเป็นเซอร์ไพร์สแรกสำหรับหลานสาวที่น่ารัก”

“ตายล่ะลืมบอกค่ะ รุจีเพิ่งโทรมาเมื่อเช้านี้ว่ากำหนดกลับเลื่อนแล้วค่ะ”

“อะไรนะคะ กำหนดกลับเลื่อน นี่แสดงว่าเราต้องรอกันต่อไปอีกเหรอคะ” แพรวพรรณทำเสียงผิดหวัง

“เปล่าค่ะ...”

“อ้าว...” คำปฏิเสธพร้อมเสียงหัวเราะขำๆของปลายสัญญาณทำเอาคนฟังงง

“เลื่อนขึ้นมาเร็วกว่ากำหนดค่ะ บอกว่าทนคิดถึงเมืองไทยไม่ไหวก็เลยรีบเร่งเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ อาทิตย์หน้านี้เราได้เลี้ยงฉลองต้อนรับการกลับบ้านของรุจีแน่นอนค่ะ”

“ก็ดีสิคะ...ถ้ารู้วันเวลาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ อย่าลืมส่งข่าวนะคะ พี่อยากให้ตรัยภูมิเป็นผู้ชายคนแรกที่รุจีเห็นเมื่อเหยียบแผ่นดินบ้านเกิด”

“ได้ค่ะ น้องจะบอกคุณพี่แน่ๆ”

“จะรอนะคะ...” แพรวพรรณเอ่ยเป็นประโยคสุดท้ายก่อนการสนทนาจะสิ้นสุดลง

“คุยกับใครล่ะคุณ ดูมีความสุขเชียว” ผู้เป็นสามีทักขึ้นเมื่อเดินผ่านเข้ามาพบ

“คุยเรื่องหนูรุจีกับน้องพัตราค่ะคุณพี่ น้องได้ข่าวมาใหม่ว่าหนูรุจีจะกลับมาถึงเมืองไทยอาทิตย์หน้านี้แล้ว” แพรวพรรณตอบ ทั้งยิ้มร่าด้วยความหวังอันเรืองรอง

“แล้วทำไมต้องทำดีอกดีใจขนาดนั้น”

“แหมคุณพี่ล่ะก็...ก็อย่างที่เคยบอก น้องทาบทามรุจีไว้ให้ตาตรัยแล้ว ก็ต้องดีใจสิคะ หนูรุจีกลับมา ความฝันที่จะได้อุ้มหลานเร็วๆก็ใกล้เข้ามาด้วย”

“ไอ้เจ้าตรัยมันจะยอมรึ...รู้สึกว่าช่วงปีสองปีมานี่มันหวงความโสดของมันชอบกล” คุณมนตรีทำท่าคิด

“หวงยังไงน้องก็ไม่ยอมหรอกค่ะ ลูกชายเราอายุสามสิบกว่าแล้วนะคะ ถึงวัยที่ต้องมีครอบครัวแล้ว รุจีก็เป็นเด็กน่ารัก เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เราเองก็แก่ลงทุกวัน น้องอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว หรือคุณพี่ไม่อยาก” ผู้เป็นภรรยาย้อนถาม

“อยากน่ะอยาก แต่ผมไม่ชอบวิธีการบังคับใจใคร แต่ก็นะ...รักกันมาก็ตั้งหลายปี มันคงนึกอยากมีเมียเป็นตัวเป็นตนบ้างล่ะ ถ้าได้เห็นหน้าคนรักที่จากกันไปนาน แต่ที่ผมกลัวที่สุดตอนนี้ก้คือ เวลากับระยะทาง มันจะทำให้รักหวานๆจืดจางลงไปจนไม่เหลืออะไรเอาไว้ค้างคาอยู่ในหัวใจนี่สิ ถ้าสองคนไม่รักกัน แต่ต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะสัญญา ความทุกข์ก็คงจะเข้ามาแทรกความสุขให้เราปวดกบาลเล่น”

“ไม่แน่ๆค่ะ น้องมั่นใจ” ผู้เป็นภรรยายืนยัน



ถ้าเป็นคนอื่นหลายๆคนบนโลกใบนี้ ก็อาจจะเป็นอย่างที่มนตรีเอ่ย ระยะทางและเวลามันสามารถทำให้ความรักที่เคยหวานชื่นจืดจางลงไปจนไม่หลงเหลือค้างคา แต่สำหรับตรัยภูมิแล้ว นอกจากจะไม่เหลือซากความรักอยู่ในหัวใจเขาแล้ว ยังก่อตะกอนของความเกลียดทิ้งไว้เป็นที่อนุสาวรีย์แห่งรักอีกต่างหาก

“นี่แม่คุณ ตื่นได้แล้ว...” ตรัยภูมิสะกิดร่างในชุดขาวที่นอนหลับซบอยู่ข้างประตู

ปัญลดาสะดุ้งตื่น ชันตัวขึ้นมองไปรอบๆภายนอกรถ ทุกสิ่งที่ปรากฏล้วนแปลกตา แตกต่างจากสถานที่ที่คุ้นเคยเช่นเมืองใหญ่หลวง บรรยากาศยามพลบค่ำของบ้านซุงหลังกะทัดรัดท่ามกลางทิวทัศน์แห่งป่าเขามันทำให้เธอลืมว่าเวลานี้อยู่ในฐานะเชลยไม่ใช่นักท่องเที่ยว

“ลงมาได้แล้ว” ประตูด้านที่นั่งอยู่ถูกเปิดออก

“อื้อ...” ปัญลดาถึงกับเซแทบร่วงลงจากรถ เพราะยังพิงอยู่ที่ประตู แต่ก็พยุงตัวเอาไว้ได้ทันเธอเหลือบสายตาดุๆส่งให้คนเปิดประตู นึกค่อนขอดในใจกับความเป็นสุภาพบุรุษที่แทบจะหาไม่ได้จากผู้ชายคนนี้

“ลงมาสิ โอ้เอ้อะไรอยู่ หรืออยากให้ฉันอุ้ม”

ปัญลดารีบก้าวลงจากรถทันที ที่ฝ่ายนั้นทำท่าขยับ ใครจะบ้าอยากให้นายอุ้มยะ แค่ถูกจับมานี้ก๊อกสั่นขวัญจะแย่อยู่แล้ว ไอ้โจรบ้า ไอ้โจรเฮงซวย...

“สมคิด...แกกลับไปจัดการที่ฉันสั่งนะ แล้วอย่าให้ใครรู้ว่าฉันกลับมาแล้วเข้าใจไหม” ตรัยภูมิสั่งลูกน้องที่ออกมายืนรอรับคำสั่งจากเจ้านาย หลังจากขนสัมภาระต่างๆเข้าไปวางไว้ในบ้านเรียบร้อย

“ครับ...แต่...”

“อะไร...ครับแล้วก็ไปสิ ยังจะมีแต่อีก” ตรัยภูมิหันมาทำหน้าเคร่งใส่ลูกน้อง

“เนคไทครับ ใส่สูทแต่ไม่มีเนคไทผูกคอ มันทำให้ผมไม่ค่อยจะมั่นใจในความหล่อสักเท่าไหร่ ผมขอเนคไทจากคุณผู้หญิงคืนนะครับ...” สมคิดยิ้มแหยๆ ทั้งชี้มือไปยังผ้าที่ใช้ระงับการโวยวายทางเสียงของเชลย

“เออไอ้นี่ให้มันล้นได้ทุกเรื่องสิน่า...” ตรัยภูมิบ่น ก่อนจะหันไปจ้องคนที่ยืนมองตาปริบๆ เขากระชากร่างงามนั้นเข้ามาใกล้อย่างไม่คิดปราณีมือหนึ่งยังยึดที่ข้อมือเล็กๆเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี อีกมือหนึ่ง กระตุกเงื่อนปลดปมเล็กน้อย เนคไทก็หลุดออกจากริมฝีปากอิ่มนั้น “โห น้ำลายแฉะเชียว เอาคืนไป แล้วอย่าลืมซักด้วยล่ะ ใช้โดยไม่ซักระวังแกจะเห่าหอนไม่หยุด”

“ไอ้บ้า...ฉันไม่ได้เป็นโรคพิษสุนักบ้านะ...แกนั่นแหล่ะไอ้คนเส็งเครง แกจับฉันมาทำไม ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้” ปัญลดาตะโกนลั่น จนคนที่ยืนอยู่ใกล้สุดต้องยกมือขึ้นปิดหู

“หุบปาก...ถ้าไม่หุบ ฉันหาวิธีเด็ดๆทำให้เธอเปลี่ยนเสียงด่ามาเป็นเสียงครางกระเส่า ไม่เชื่อก็ลองดู” ตรัยภูมิตะโกนสั่งดังกว่า เล่นเอาปากที่กำลังจะอ้าขึ้นหุบฉับลงทันที

“โหเจ้านายเล่นบทพระเอกจำเลยรักได้สมบทบาทจริงๆ” สมคิดพูดแล้วก็หัวเราะ

“ไอ้คิด!..แกอยากโดนเตะก่อนใช่ไหม ได้เลยเดี๋ยวจัดให้” ผู้เป็นนายขยับขา ลูกน้องก็รีบวิ่งจู๊ดไปที่รถรีบขับออกไปให้พ้นรัศมีเท้าทันที ทิ้งไว้เฉพาะฝุ่นคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ

“เข้าไปข้างในได้แล้ว ตามฉันมาดีๆอย่าคิดหนีหรือเล่นตุกติก ฉันไม่ใช่คนที่จะทนอะไรได้นานๆ เข้าใจไว้ด้วย” ตรัยภูมิฉุดกระชากเชลยหน้าสวยให้ตามเข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ

“ถามจริงๆเถอะ นายจับฉันมาที่นี่ทำไม ต้องการอะไร แล้วนายรู้จักพ่อฉันด้วยเหรอ”

คำถามหลายคำถามพลั่งพลูออกมาจากริมฝีปากอิ่ม แต่ดูเหมือนคนที่รู้คำตอบจะยังไม่มีอารมณ์ตอบ เมื่อปัญลดาถูกพาเอาไปภายในบ้านที่ปลูกสร้างด้วยท่อนซุงขนาดเหมาะๆ น่ารักเหมือนบ้านรีสอร์ต เขาก็จัดการปลดเชือกออกจากข้อมือเธอ ปัญลดาลูบข้อมือบิดแขนไปมาขับไล่อาการเจ็บปวดเมื่อยขบ

“อย่าคิดหนีล่ะ เพราะที่นี่อยู่กลางเขา ถ้าเธอออกจากเขารั้วที่มองเห็นอยู่ตรงนั้นไปสัก...เอาเถอะฉันให้เธอไปได้ไกลสุดก็ห้าร้อยเมตร เธอก็จะถูกงูกัดตาย...เพราะที่นี่เขาเรียกว่าหุบดงจงอาง” เขาบอกเสียงเรียบ ทว่ากระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดอาการขวัญผวาได้ไม่ยาก

ตรัยภูมิเดินไปเปิดตู้เย็นน้ำมันก๊าด หยิบขวดบรรจุน้ำออกมารินใส่แก้วสองใบ ใบหนึ่งนำมาวางไว้บนโต๊ะให้แขกพิเศษ ส่วนอีกใบเขายกขึ้นดื่มอย่างกระหาย จากนั้นก็เดินหายเข้าไปภายในห้องด้านหลัง ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุ สิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมเอาไว้ ก่อนตะวันก็จะลับขอบฟ้า

“นี่นาย...”

“วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์จะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น นี่ข้าวกล่อง กินซะให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ข้างบนมีห้องอยู่สองห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องของฉันเลือกเอาก็แล้วกันว่าจะนอนห้องไหน เลือกให้ถูกก็แล้วกัน...อ้ออีกอย่าง ที่นี่เป็นป่าช้าเก่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเดินเพ่นพ่านออกไปข้างนอกกลางดึก คงไม่ต้องให้บอกหรอกนะว่าจะเจออะไร” เขาบอกขณะหยิบข้าวกล่องออกมาจากถุง ส่งให้เธอและสำหรับตัวเอง

บ้าไปแล้ว...ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าห้องไหนมันห้องนอนไอ้โรคจิต...เอาเข้าไป...เขย่าขวัญสั่นประสาทกันเข้าไป อย่าให้ได้เว้นแม้แต่เวลากินข้าวสิน่า...



ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2556, 09:41:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2556, 13:20:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 3415





<< ตอนที่ 4   ตอนที่29 >>
Sukhumvit66 27 ต.ค. 2556, 11:24:57 น.
สนุกมากเลยค่ะ มาอัพไวไวเน้อ....


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ต.ค. 2556, 18:17:20 น.
ข้างนอกมีทั้งงู มีทั้งผี แต่ข้างในนี้สิ งูกับผีรวมกันอยู่ในร่างเดียว คนผีทะเลหัวงู ฮิ้วววววว


Pat 27 ต.ค. 2556, 20:37:03 น.
สรรหามาหลอกจริงนะพ่อคุณ


Zephyr 29 ต.ค. 2556, 17:30:18 น.
เอ้า ขู่เข้าไปๆๆๆ
กลัสจะแย่แล้ววว
ไอ้ที่อยู่ในบ้านน่ากลัวกว่าอีก


wane 31 ต.ค. 2556, 09:26:16 น.
ฮาสมคิด ตอนขอเนคไทคืนอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account