Delusion เหลี่ยมรัก เล่ห์ลวง
(เรื่องต่อจาก Asylum หรือ ในกรงเพลิง สนพ.อินเลิฟ)


วุฒิสมาชิกแคเทรียน เนลีคาห์น แห่ง ดาวเคราะห์บาโรว์ ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่กลายเป็นสินค้าของ เอธาน เฌอราส หนึ่งในผู้มีอิทธิพลของกลุ่มเครส และได้ทราบว่าเขาจะขายเธอให้แก่ผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ยูรัส, แคเทรียน

ตอน: ตอนที่ 11


โถงทางเดินยาวสีครีมนวลตาปูพื้นไม้เนื้อแข็งสีแดงสลับลายเคลือบเงาดึงความทรงจำในอดีตของแคเทรียนให้กลับมาทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน ประตูไม้สีเดียวกับพื้นติดที่จับโลหะสีเหลืองคร่ำคร่าตั้งเป็นระยะตลอดโถงบอกความเก่าแก่เช่นเดียวกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคารแม้ป้ายชื่อข้างประตูจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม หากกลิ่นอายของหนังสือผลิตจากเยื่อไม้และโบราณวัตถุต่างๆก็ยังอบอวลอยู่ในอากาศท่ามกลางแสงแดดสีทองซีดยามสายที่ทอดตัวลงบนพื้น

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางไล่มองภาพเหตุการณ์สำคัญต่างๆทางประวัติศาสตร์และภาพเจ้าของห้องที่แขวนเว้นสลับกันไปบนฝาผนัง หยุดเป็นบางครั้งเมื่อพบภาพและหัวข้อน่าสนใจก่อนเดินต่อไปหลังอ่านรายละเอียดทั้งหมดจบอย่างรวดเร็วจนถึงห้องสุดโถงทางเดินที่ชื่อเจ้าของห้องยังไม่เปลี่ยนแปลง

ศ.ดร.ลูดิส ฟาวิส

หญิงสาวชาวบาโรวิทเคาะประตูเบาๆพอให้คนในห้องได้ยินแล้วขยับไปยืนหน้าแผ่นกระจกฝ้าด้านข้างที่ใสขึ้นในพริบตาซึ่งเป็นผลจากการอนุมัติให้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูกลมกลืนกับสภาพของตัวอาคารโดยไม่สมัยใหม่เกินไปนัก แล้วเสียงปลดล็อกประตูแผ่วเบาก็ดังให้ได้ยินทันทีเมื่อคนข้างในตรวจสอบผู้มาเยือนเสร็จสิ้น

“ยินดีที่ได้พบกันอีก คุณเนลีคาห์น”

คำกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเผยความยินดีจากปากของร่างสูงเพรียวในเครื่องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยสมตำแหน่งขณะก้าวมาหาด้วยมาดคล่องแคล่วของนักกีฬาผู้อ่อนกว่าวัย 54 ปีเรียกรอยยิ้มยินดีให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากบางสีชมพู ใบหน้าหล่อเหลาสีแทนซึ่งเป็นหนึ่งในขวัญใจอันดับต้นๆของบรรดานักศึกษาสาวในสถาบันยิ่งดูดีขึ้นเมื่อมีริ้วรอยแห่งวัยปรากฏให้เห็นชัดเจนบริเวณหางตาและรอบปาก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มจัดที่เริ่มมีสีขาวแทรกบริเวณขมับทั้งสองข้างยิ่งเสริมให้อีกฝ่ายดูมีเสน่ห์เยือกเย็นกว่าที่จำได้

ก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับผู้ชายคีเรี่ยนคนหนึ่ง…

“เช่นกันค่ะ ศาสตราจารย์”

“มานั่งตรงนี้ดีกว่า” มือใหญ่สีแทนเอื้อมมาแตะศอกเป็นเชิงแนะอย่างสุภาพให้เดินไปทางมุมห้องด้านหนึ่งที่มีโซฟาเข้าชุดสำหรับรับรองแขกก่อนดำเนินบทสนทนาต่อ “ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้ผมคงมีเวลาให้คุณไม่มากนัก เมื่อครู่ผมเพิ่งได้รับแจ้งให้เข้าสอนแทนในอีกสี่สิบห้านาที หวังว่าจะพอตอบข้อสงสัยของคุณได้นะ”

“น้อยไปนิด แต่ก็น่าจะพอค่ะ” วุฒิสมาชิกสาวในเครื่องแบบประจำตัวสีขาวตอบรับคำถามนั้นด้วยสีหน้าละมุนละไม รู้ดีว่าสถานภาพของตนเองในปัจจุบันสามารถสร้างความอึดอัดใจให้อีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายหากแสดงความขัดข้องใดๆออกไป โดยเฉพาะเมื่อเวลาในการนัดพบถูกตัดทอนให้สั้นลงด้วยเหตุจำเป็นอันหลีกเลี่ยงมิได้ “ดิฉันอ่านหนังสือของศาสตราจารย์มาบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีรายละเอียดบางอย่างขาดหายไป”

การถูกบีบบังคับให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับผู้ชายไร้ศีลธรรมจนได้ทราบสาเหตุของการถูกลักพาตัวนั้นเร่งให้เธอกลับไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเคเซรอสทันที และรายละเอียดที่พบส่วนใหญ่ล้วนอ้างอิงมาจากหนังสือของศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกันนี้ มิหนำซ้ำยังเป็นหนังสือชุดเดียวกับที่เธอได้อ่านฆ่าเวลายามอยู่ในบ้านบนดาเมเนสด้วย

“เรื่องอะไรหรือ ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณสนใจเรื่องคีเรี่ยน” คิ้วสีน้ำตาลเข้มจัดเลิกขึ้นสูงประหลาดใจในจุดประสงค์การมาเยือนของอีกฝ่าย ดวงตาสีถ่านหินจ้องมองใบหน้าขาวจัดของหลานสาวผู้บริหารสถาบันการศึกษาแห่งนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้ก่อนสั่งเครื่องดื่มกับเครื่องประกอบอาหารขนาดกะทัดรัด “คุณยังชอบชาเปรซีเหมือนเดิมใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ ขอบคุณมาก” แคเทรียนตอบรับแล้วรอจนกระทั่งอีกฝ่ายนำเครื่องดื่มควันกรุ่นมาให้จึงพูดต่อ “ช่วงที่ดิฉันหยุดพักจากงานได้อ่านหนังสือของอาจารย์หลายเล่มทีเดียว”

“อย่างนั้นหรือ คุณสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษล่ะ”

“เหตุการณ์หลังดาวคีรานถูกโจมตีน่ะค่ะ” วุฒิสมาชิกสาวเริ่มเข้าเรื่องอย่างระมัดระวังมิให้อดีตอาจารย์ของตนเองทราบถึงจุดมุ่งหมายหลักของการมาเยือนวันนี้ ไม่คิดว่าการเปิดเผยความจริงทั้งหมดที่รู้มาจะเหมาะสมกับสภาพการณ์ที่ยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรต่อไปหรือไม่ “ดิฉันพยายามค้นหารายละเอียดต่อเนื่องหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ก็ไม่พบอะไรมากนัก และการขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

“แปลกนะที่คุณสนใจเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ที่มาพบผมมักจะอยากคุยเรื่องสงครามมากกว่า” ลูดิสเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเปลี่ยนท่าทีให้จริงจังมากขึ้น “อันที่จริงแล้ว ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญหรือรู้เรื่องราวหลังสงครามมากมายนักหรอก จากการศึกษาหาข้อมูลมาก็คงจะพอบอกคุณได้ว่าเรื่องมันไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ชาวคีเรี่ยนจำนวนมากเสียชีวิตในสงครามที่ยาวนานเกือบสิบปี บางส่วนก็หนีออกมายังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เพื่อตั้งรกรากใหม่ พวกที่เหลือก็อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองกดขี่ของผู้รุกรานที่แบ่งปันผลประโยชน์กัน และถึงในปัจจุบันจะเป็นอิสระปกครองตัวเองได้ แต่คุณก็คงจะทราบดีแล้วว่าสภาพในปัจจุบันเป็นอย่างไร”

“ค่ะ เรื่องนั้นดิฉันพอจะทราบ แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็คือเรื่องของเคเซรอส” แคเทรียนกล่าวเสียงเรียบแม้คิ้วเรียวจะมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย “ข้อมูลที่ค้นหาเพิ่มเติมบอกว่าปัจจุบันยังมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเคเซรอสอยู่ แม้ว่าสงครามจะจบไปนานแล้ว เป้าหมายของคนพวกนี้คืออะไรกันแน่คะ”

ใบหน้าหล่อเหลาสีแทนจ้องมองหญิงสาวชาวบาโรวิทนิ่งราวกับกำลังประเมินระดับความอยากรู้ของหล่อน แล้วริมฝีปากบางได้รูปก็ขยับเป็นรอยยิ้มขันกึ่งพึงพอใจเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางรอคอยอย่างจริงจังไม่แปรเปลี่ยน

“คุณยังกระตือรือร้นในการศึกษาหาข้อมูลไม่เปลี่ยนเลยนะ เนลีคาห์น ผมดีใจที่ได้รู้ว่านิสัยคุณที่ผมชื่นชมยังคงอยู่ แต่คุณน่าจะระแวดระวังมากกว่านี้เมื่อถามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเคเซรอส”

คำเตือนของคู่สนทนาที่มาพร้อมกับแววตาเคร่งขรึมส่งผลให้แคเทรียนนึกขัดเคืองตนเองที่เผอเรอแสดงความกระตือรือร้นโดยไม่รู้ตัว ลืมไปชั่วขณะว่าผู้ชายตรงหน้าช่างสังเกตและมีความละเอียดรอบคอบมากพอกับยูรัส แต่ถึงแม้ลูดิสจะบอกได้ว่าเธอสนใจเรื่องเคเซรอสก็ใช่ว่าเขาจะทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมานั่งอยู่ตรงนี้

“อันตรายมากหรือคะ” คิ้วสีทองคำขาวยังขมวดมุ่นเช่นเดิมขณะนึกย้อนถึงบทสนทนาระหว่างตนเองกับพ่อค้าอาวุธหนุ่ม ท่าทางชั่งใจของเซสอาจเป็นเพียงการเสแสร้งเพื่อเพิ่มความสนใจอยากรู้ให้เธอหรือเป็นเพราะเหตุผลใดก็สุดจะรู้ได้ ทว่าคำแนะนำของอดีตอาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่เธอมองข้ามแน่นอน

“ก็พอสมควร โดยเฉพาะชาวคีเรี่ยน” ศาสตราจารย์วัยกลางคนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบด้วยการเคลื่อนไหวที่คุ้นตาคู่สนทนาตั้งแต่เริ่มรู้จักกันไม่นาน “และถึงแม้คุณจะไม่ใช่คีเรี่ยน มันก็ยังเป็นเรื่องอันตรายอยู่ดี”

“อย่างไรคะ”

“ผมบอกคุณได้เพียงว่าผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคีเรี่ยนคนสำคัญส่วนใหญ่ไม่ได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ” คำบอกเล่านั้นส่งกระแสเย็นยะเยือกไปตามแนวกระดูกสันหลังของวุฒิสมาชิกสาว “คุณคงไม่ได้คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับใครหรอกนะ”

นัยน์ตาสีดำจับจ้องตรงมาที่ร่างโปร่งบางด้วยแววซักถามปนคาดคั้นจนดวงตาสีฟ้าอ่อนต้องหลบวูบลงด้วยความลังเลใจไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี โดยเฉพาะเมื่อตระหนักแล้วว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายจึงมิได้ตีพิมพ์งานเขียนที่เกี่ยวข้องกับชาวคีเรี่ยนหลังดาวคีรานเป็นอิสระ แต่แล้วหญิงสาวชาวบาโรวิทก็สบตาผู้สูงวัยกว่าอีกครั้งเมื่อระลึกได้ถึงเหตุผลในมาเยือนของตนเอง

“ดิฉันอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ”

มาดเยือกเย็นแข็งแกร่งของวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นที่หวนกลับมาอีกครั้งเตือนให้ทราบว่าหญิงสาวเบื้องหน้ามิใช่ลูกศิษย์ของเขาอีกต่อไป ลูดิสถอนหายใจแผ่วให้กับความพยายามอันล้มเหลวก่อนปรับท่าทีให้เหมาะสมกับบทสนทนาที่จะตามมา

“คุณคงรู้แล้วดาวคีรานถูกกลุ่มพันธมิตรร่วมมือกันยึดครองเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ” แคเทรียนพึมพำตอบรับก่อนอีกฝ่ายพูดต่อ “เคเซรอสที่คุณถามถึงก็คือกลุ่มพันธมิตรเดิมที่ดำเนินงานมาจนถึงตอนนี้นั่นแหละ แต่จุดมุ่งหมายหลักในการปฏิบัติงานย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แรกเริ่มพวกเขาร่วมมือกันเพื่อค้นหาหนทางเอาชนะเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าอย่างคีเรี่ยน แต่ในปัจจุบัน การเอาชนะกลับกลายเป็นความตั้งใจในการติดตามทำลายล้าง ไม่ให้คีเรี่ยนได้มีโอกาสกลับมาเอาคืนทุกสิ่งที่สูญเสียไปครั้งนั้น และการติดตามทำลายล้างนี้ก็เป็นคำพูดที่ตรงตามตัวอักษรจริงๆ หากต้องการตัวอย่างยืนยันในสิ่งที่ผมพูด คุณสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายจากรายงานข่าวต่างๆ”

วุฒิสมาชิกสาวเผลอจ้องมองหน้าอีกฝ่ายเมื่อได้ฟังข้อมูลอันไม่คาดฝัน สมองแล่นปราดไปถึงข่าวการลักพาตัวและพยายามฆ่าไซเร็คโดยฝีมือหนึ่งในกรรมการบริหารของเขาที่เกิดขึ้นเมื่อห้าเดือนก่อนทันที เวลานั้นเธอนึกสงสัยในเหตุของการก่อคดีที่อ้างว่าเกิดขึ้นจากความโกรธแค้นส่วนตัว แต่ขณะนี้แคเทรียนเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ว่าข้อสงสัยที่ไม่กระจ่างชัดอุบัติขึ้นด้วยสาเหตุใด

เคเซรอส…

“คุณเคยได้ยินชื่อโลเว็ตไหม มันเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่แสนสวยงามในระบบแอสเปียน” ดวงตาสีเข้มของคนพูดมีแววรำลึก ถอนใจด้วยสีหน้าที่ประกาศชัดถึงความเศร้าใจและเสียดาย “สิบเจ็ดปีก่อนมีการบุกถล่มหมู่บ้านคีเรี่ยนขนาดกลางบนดาวโลเว็ตราบคาบภายในคืนเดียว คนในหมู่บ้านเสียชีวิตเกือบหมด ที่เหลือสูญหาย เจ้าหน้าที่สืบสวนไม่สามารถค้นหาตัวผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมได้แม้แต่คนเดียว”

“ทำกับคนบริสุทธิ์ได้ถึงขนาดนั้น!”

แคเทรียนอุทานเสียงแผ่ว ดวงตาสีอ่อนจางยิ่งดูซีดเซียวเช่นเดียวกับใบหน้าขาวเผือดจัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดว่าผู้คนที่เสียชีวิตในหมู่บ้านน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคน เพราะการกำหนดขนาดของหมู่บ้านตามมาตรฐานของดาราจักรเซเฟรัสขึ้นอยู่กับจำนวนที่พักอาศัยเป็นสำคัญ

และหมู่บ้านขนาดกลางย่อมมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยหลังคาเรือน…

“จะว่าบริสุทธิ์ก็ไม่เชิงหรอก” ริมฝีปากบางได้รูปของลูดิสบิดเป็นรอยยิ้มขับขันระคนขมขื่น “อันที่จริง หมู่บ้านนั้นเป็นฐานที่มั่นสำคัญแห่งหนึ่งของกองกำลังคีเรี่ยนที่พยายามต่อสู้กับเคเซรอส พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้ปกป้องมาตุภูมิมาตั้งแต่ก่อนจะหนีออกจากคีราน เมื่อไม่สำเร็จ จึงพยายามให้มีการดำเนินการต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป้าหมายในช่วงแรกคือยึดดาวคีรานคืน แต่มาถึงตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์นั้นเปลี่ยนไปอย่างไร ในเมื่อดาวคีรานเป็นอิสระ สามารถปกครองตัวเองได้แล้ว ดูจากสถานการณ์ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังพยายามปกป้องพวกเดียวกันเองจากเคเซรอสมากกว่า”

“ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือหรือหยุดยั้งเรื่องนี้ได้เลยหรือคะ”

หญิงสาวไม่สบายใจเมื่อคิดว่าชาวคีเรี่ยนถูกตามล่าและกำจัดทิ้งมาตลอดหลายสิบปีโดยไม่ได้รับความยุติธรรมใดๆ และการสั่นศีรษะปฏิเสธด้วยสีหน้ากึ่งระอากึ่งสมเพชของคู่สนทนาก็ทำให้ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันทันที

อคติต่อเผ่าพันธุ์อื่นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาแม้จะมีความเพียรพยายามสร้างความเข้าใจระหว่างกันในทุกด้าน และทัศนคติส่วนบุคคลก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากยิ่ง

ศาสตราจารย์วัยกลางคนปล่อยให้หญิงสาวเป็นฝ่ายถามคำถามต่างๆจนกระทั่งถึงเวลาเข้าสอนแทน กล่าวอำลาพร้อมเตือนให้ระวังตัวก่อนสาวเท้าไปยังทิศทางที่ตั้งห้องเรียน จิตประหวัดถึงความโหดร้ายน่าสยดสยองซึ่งเขาได้พบเห็นด้วยตนเองเมื่อครั้งเดินทางไปสำรวจสภาพความเสียหายของหมู่บ้านหลังเกิดเหตุสองเดือน ทุกอย่างถูกทำลายและเผาจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมนอกจากภาพงดงามในความทรงจำ

เช่นเดียวกับผู้ชายคนหนึ่งที่แทบไม่เหมือนเดิมอีกเลยหลังเหตุการณ์นั้น…





“ไม่ เนลีคาห์นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้”

พ่อค้าอาวุธหนุ่มส่ายศีรษะปฏิเสธพลางตอบคำถามถึงสาเหตุสำคัญของการร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำระหว่างตนเองกับวุฒิสมาชิกเนลีคาห์น คำพูดของเขาส่งผลให้ใบหน้าเข้มดุสีแทนของคู่สนทนาที่เป็นภาพจำลองสามมิติทวีความเคร่งเครียดยิ่งขึ้น และภาพที่เห็นก็ทำให้ริมฝีปากได้รูปสวยขยับยิ้มอย่างนึกขันในใจ

น้ำแข็งละลายอีกก้อนแล้ว…

ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินกวาดผ่านร่างที่เกิดจากการรวมตัวกันของแสงและสีเพียงครั้งเดียวก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิดเพราะไม่ได้คำตอบตามต้องการ ถึงแม้วุฒิสมาชิกสาวจากดาวบาโรวิทพยายามหาทางทำลายธุรกิจของคนตรงหน้าทุกวิถีทางเท่าที่จะสามารถทำได้ หากเขาก็ไม่คิดว่าคู่สนทนาจะคาดหวังให้หล่อนมีส่วนร่วมอยู่ในกลุ่มเคเซรอสด้วยมากขนาดนี้

“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าแกไม่ได้เอาแต่นั่งจ้องหน้าสวยๆจนถูกหลอกไม่รู้ตัว” เอธานถามด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นเมื่อเห็นท่านั่งเอนหลังพาดขาบนโต๊ะทำงานอย่างสบายใจไม่เดือดร้อนของอีกฝ่ายในขณะที่ตนเองกำลังทำงานไปพร้อมกัน

“หรือแกจะนัดพบเอง” เธรอนเป็นฝ่ายย้อนถามพร้อมรอยยิ้มกวนประสาทไม่ปิดบังแสนคุ้นตาเหมือนที่เคยเห็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “เจอกันคราวนี้มีหวังแม่เจ้าประคุณลากแกเข้าคุกแน่ คนสวยกำลังโมโหที่แกทำให้เสียเวลาไปสองเดือนโดยไม่ได้อะไรเลย”

คิ้วหนาพาดตรงของเจ้าพ่อหนุ่มเลิกขึ้นหลังได้ฟังคำบอกเล่าของอีกฝ่าย แม้จะตระหนักถึงความสามารถในการพลิกแพลงและใช้วาจาให้เป็นประโยชน์ของคู่สนทนา หากเขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเธรอนสนทนากับวุฒิสมาชิกสาวภายใต้หัวข้อใดกันแน่

“สรุปว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลยสินะ” เอธานปัดข้อข้องใจที่แวบขึ้นมาในสมองทิ้งไปแล้วสรุปด้วยตนเองเมื่อไม่เห็นหนทางจะคืบหน้าต่อไปได้ หวนนึกถึงปัญหาสำคัญที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีกครั้งขณะพยายามควบคุมอารมณ์ให้กลับไปสงบนิ่งดังเดิม

ใครเป็นคนส่งเอกสารให้เนลีคาห์นกันแน่?

“ได้ตั้งหลายอย่าง” หนุ่มผมดำขยับยิ้มมุมปากพร้อมยกสองมือขึ้นประสานด้านหลังศีรษะ หวนนึกถึงสาวสวยชาวบาโรวิทที่ไปรับมาร่วมรับประทานอาหารด้วย “วุฒิสมาชิกเนลีคาห์นไม่ได้เย็นชาอย่างที่เข้าใจกัน ถ้ากดปุ่มถูก แล้วถึงจะด่วนสรุปไปนิดก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร ทำงานเคร่งครัดจริงจังและน่าจะรุ่งกว่านี้มากถ้ามีแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำกว่าเดิม คนที่ไม่ใช่แหล่งปล่อยข่าวของแกน่ะ”

ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินสวยเหลือบมองคู่สนทนาอีกฟากห้องทำงานพลางแจกแจงสิ่งที่ค้นพบให้อีกฝ่ายฟังก่อนตบท้ายด้วยรอยยิ้มร้ายรู้เท่าทัน ตระกูลทั้งหกในกลุ่มเครสมีความสัมพันธ์แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยและแบ่งปันผลประโยชน์กันตามความเหมาะสม โดยใช้หนึ่งในกลยุทธ์พื้นฐานเพื่อปล่อยข่าวลวงที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงสร้างความเข้าใจผิดให้แก่คู่แข่งและศัตรูอยู่เสมอ และเขาก็แน่ใจว่าคณะทำงานของวุฒิสมาชิกสาวจะต้องมีคนของเครสหรือเฌอราสอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

เอธานส่งเสียงไม่เห็นด้วยในลำคอพร้อมเลื่อนแฟ้มเอกสารด้านซ้ายมือมาเปิดอ่าน ดำเนินบทสนทนาต่อไปโดยไม่ใส่ใจกับสายตาพิจารณาของอีกฝ่ายที่มองตรงมายังตนเอง

“แล้วแกตั้งใจจะทำอะไรต่อ ในเมื่อวุฒิสมาชิกทั้งสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเคเซรอส”

“ไม่มีอะไรต้องทำ ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้ความสงสัยใคร่รู้ทำหน้าที่ต่อ”

วาจาประหลาดของพ่อค้าอาวุธหนุ่มดึงความสนใจของคนฟังจนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มราวอัญมณีล้ำค่าจ้องกลับมาด้วยแววตาแห่งการประเมินท่าที

“ความสงสัยใคร่รู้ของใคร”

เจ้าพ่อหนุ่มแห่งวงการค้าใต้ดินเอ่ยถามแม้จะเริ่มแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร หากคำรับรองที่ได้กลับไม่ใช่เสียงห้าวต่ำของคู่สนทนาที่นั่งเหลือบตามองเพดานห้อง ทว่าเป็นเสียงหวานติดจะแหบเล็กน้อยของหญิงสาวในชุดกระโปรงเข้ารูปคอแหลมลึกยาวครึ่งน่องสีดำขับผิวขาวนวลเนียนและรูปร่างสูงได้สัดส่วนให้ดึงดูดสายตายิ่งขึ้นดังมาจากประตูทางเข้า

“ของวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นไงล่ะ”

“มาเร็วนี่มาร์” เธรอนเบือนหน้าไปทักผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนเอื่อยไม่อนาทรร้อนใจ แม้อีกฝ่ายจะเข้ามาแทรกแซงในบทสนทนาที่ควรจะเป็นความลับ “ไม่เห็นข้างนอกแจ้งเข้ามาเลยว่าคุณมาถึงแล้ว”

“ก็เพราะไม่มีใครอยู่ข้างนอกน่ะสิ แล้วฉันก็ไม่ได้มาเร็วกว่าเวลานัดด้วย” หญิงสาวผู้สวมรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดก้าวเดินด้วยมาดเยือกเย็นสง่างามตรงมาหยุดข้างร่างสูงใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แตะมือบอบบางกับบ่ากว้างพร้อมโน้มตัวลงจุมพิตข้างแก้มสากระคายด้วยตอหนวดที่ขึ้นครึ้มเป็นการทักทาย ก่อนพึมพำหลังสังเกตเห็นการแต่งกายตามสบายของร่างสูงหนาที่สวมเสื้อยืดสีเทากับกางเกงผ้าเนื้อหนาพอดีตัว “คุณทำงานจนลืมเวลาอีกแล้ว”

“ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก” ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินกวาดตามองการแต่งกายอันประกอบไปด้วยเสื้อผ้าสำหรับงานเลี้ยงไม่เป็นทางการ เครื่องประดับน้อยชิ้นหากมูลค่ามหาศาล และน้ำหอมกลิ่นหวานเข้มข้นเหมาะกับบรรยากาศยามราตรีโชยมากระทบฆานประสาท “หนีออกมาจากงานเลี้ยงของใครกันล่ะ”

“ผู้ชายไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง” มาเร็นยักไหล่กลมกลึงก่อนจะหันไปคลี่ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มให้กับภาพสามมิติขนาดเท่าคนจริงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งในห้อง “ไม่ได้พบกันนานนะคะ เอธาน”

“มาเร็น” เจ้าพ่อหนุ่มทักทายหญิงสาวชาวคีเรี่ยนผู้เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจรักษาความปลอดภัยของคู่สนทนาพลางจ้องมองหล่อนอย่างเปิดเผย และอีกฝ่ายก็ยืนนิ่งให้เขาได้พิจารณาตามสบายด้วยสีหน้าละมุนละไมไม่หวั่นไหว

โครงหน้างดงามได้สัดส่วนถูกเน้นให้เรียวคมด้วยเครื่องสำอางและผมสีดำเหลือบน้ำเงินเป็นเงางามตัดสั้นแนบต้นคอบอกความปราดเปรียวในนิสัย ดวงตาสีม่วงงดงามราวกับดอกไม้น้ำพันธุ์หายากบนดาวคีรานเปล่งประกายวาววามฉลาดเฉลียวใต้คิ้วเรียวสีเข้ม จมูกโด่งแคบเป็นสันสวยนำสายตาลงมาสู่ริมฝีปากอิ่มโค้งเคลือบสีแดงสดที่มักจะเผยรอยยิ้มร้ายกาจคุ้นตาอยู่เสมอเสริมความงามเลิศล้ำให้เปล่งประกายยิ่งขึ้น

เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างรวมเข้ากับเรือนร่างสูง 6 ฟุตอันสมบูรณ์ด้วยส่วนโค้งเว้านุ่มนวลสมเป็นสตรีเพศที่ยืนปล่อยกายตามสบายประกาศชัดถึงนิสัยมาดมั่นอยู่ในขณะนี้ ผู้หญิงเบื้องหน้าก็ยิ่งโดดเด่นสะดุดตาเหนือกว่าเหล่าหญิงสาวระดับแนวหน้าในสังคมชั้นสูงปัจจุบัน

“คุณโดดเด่นไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ขอบคุณค่ะ คำชมของคุณน่าฟังกว่าผู้ชายหลายคนที่ฉันรู้จักมากทีเดียว” ศีรษะสีดำสนิทเหลือบน้ำเงินก้มลงรับคำชมนั้นด้วยความยินดีแล้วเหลือบมองอาการเลิกคิ้วราวกับจะถามถึงตนเองของชายหนุ่มอีกคนในห้อง “คุณเป็นข้อยกเว้นนะเธรอน คุณมีดีมากกว่าแค่เก็บเอาไว้ฟังคำพูดหวานหู และเนื่องจากคุณไม่พบหลักฐานยืนยันความไม่น่าไว้ใจของยูรัส ฉันก็จะไม่ทวงรางวัลที่ช่วยดึงยูรัสออกจากห้องคืนนั้น”

ความอยากรู้อยากเห็นในตัวว่าที่เจ้าสาวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเข้าร่วมงานเลี้ยง ทว่าสาเหตุหลักคือคำขอจากผู้ชายคนนี้…

ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีแดงสดคลี่ยิ้มกว้างหนุนให้สีหน้ามาดมั่นดูร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมเมื่อนึกถึงงานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวของไซเร็คอย่างขบขัน บทสนทนาระหว่างเธอกับยูรัสล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงแม้ต่างฝ่ายจะหลีกเลี่ยงไม่เอ่ยถึงหรือยอมรับข้อเท็จจริงบางประการที่เห็นได้อย่างชัดเจนตรงหน้า หากการรู้จักคุ้นเคยกับเขามาก่อนทำให้มองเห็นความตึงเครียดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ลักษณะลื่นไหลนุ่มนวลของวุฒิสมาชิกหนุ่ม จึงฉวยโอกาสนั้นไว้เพื่อสร้างโอกาสให้ชายหนุ่มข้างกายได้ค้นหาความจริงเช่นกัน

“ดีที่ได้รู้ว่าตัวเองพอมีประโยชน์อยู่บ้าง หลังจากที่ผมต้องคอยกำจัดพวกน่ารำคาญตามตื้อคุณประจำสมัยเรียน”

พ่อค้าอาวุธหนุ่มพึมพำเสียงแห้งแล้งยามนึกถึงการคว้าน้ำเหลวหลังลอบเข้าไปค้นหาหลักฐานในห้องพักของวุฒิสมาชิกที่เขาไม่ไว้วางใจ ก่อนความรู้สึกยามจุมพิตปลอบใจหญิงสาวชาวบาโรวิทผู้มีอาการซึมเศร้าซึ่งกระตุ้นความสนใจของเขาขณะหลบออกจากห้องจะแวบผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง ทว่าความทรงจำนั้นก็อยู่เพียงแวบเดียวก่อนจะหันเหความสนใจกลับไปยังคู่สนทนาเดิมอีกครั้ง

“จากนี้ไปเราจะมีวุฒิสมาชิกคอยช่วยสอดส่องเรื่องเคเซรอสอีกคน”

“อันตรายเกินไป” แม้หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องจะเพิ่งเข้ามาแต่ก็สามารถติดตามบทสนทนาได้อย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวสีดำขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงวุฒิสมาชิกสาวคนสวยที่ยูรัสหวงแหนนักหนา “ถึงจะเป็นวุฒิสมาชิกและไม่ใช่หนึ่งในพวกเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะกลายเป็นเป้าของเคเซรอสได้ง่ายๆ ถ้าพวกมันรู้ว่าหล่อนให้ความช่วยเหลือเราอยู่ แถมคุณก็ลักพาตัวหล่อนไปได้ไม่ลำบากไม่ใช่หรือ”

ประโยคสุดท้ายมาเร็นหันไปทางภาพร่างสูงหนาบึกบึนที่นิ่งเงียบมาพักหนึ่งพร้อมสีหน้าไม่เห็นด้วย และคำตอบที่ได้ก็คือการผงกศีรษะยอมรับจากเอธาน

“ฉันหลีกเลี่ยงการพูดคุยโดยตรงกับหล่อนก็เพราะสาเหตุนี้นะเธรอน แกไม่ควรดึงคนไม่เกี่ยวข้องมายุ่งกับเรื่องนี้” น้ำเสียงทุ้มลึกเต็มไปด้วยแววตำหนิอย่างชัดแจ้งเช่นเดียวกับประกายดวงตาสีน้ำเงินเข้ม หากพ่อค้าอาวุธหนุ่มกลับโบกมือคล้ายกับต้องการปัดความไม่พอใจของคู่สนทนาออกไป

“ในเมื่อยูรัสรู้ แกคิดว่าหล่อนจะไม่รู้รึไง อีกไม่นานยูรัสก็คงจะรู้ว่าแกจับหล่อนมาเพื่ออะไร” คนฟังทั้งคู่เงียบไปเมื่อทบทวนความเป็นไปได้ในเรื่องนี้พลางชั่งน้ำหนักความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่ถูกกล่าวถึงในใจ “แล้วฉันก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ถ้าความอยากรู้อยากเห็นทำให้เนลีคาห์นตามสืบเรื่องนี้ มันก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าตัว ใช่ว่าฉันจะไปบังคับอะไรได้”

“ถูกต้อง คุณไม่ได้บังคับ คุณแค่ชี้นำเท่านั้น” เสียงหวานแหบเล็กน้อยลากยาวเป็นเชิงเสียดสีให้กับวาจาของหุ้นส่วนขณะย้ายตนเองไปนั่งเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงาน ขยับขาสวยเรียวยาวไขว่ห้างด้วยอิริยาบถงดงามเยือกเย็นสมฐานะบุตรสาวคนโตของอภิมหาเศรษฐีตระกูลใหญ่แล้วพูดต่อ “เผอิญว่าแคเทรียนมีนิสัยดื้อรั้นเสียด้วย”

ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสีน้ำตาลทองขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจส่งให้สาวสวยเบื้องหน้าและเลยไปสู่ภาพของเพื่อนที่ยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงไม่ต่างจากก่อนหน้านี้นัก

“ผมก็ทำได้เท่านั้นแหละ ที่เหลือต้องให้ท่านวุฒิสมาชิกตัดสินใจเอง”

“ไม่ดีแน่ ถ้ายูรัสรู้เรื่องนี้ทีหลัง” มาเร็นพึมพำเสียงไม่เบานักยามคาดเดาถึงปฏิกิริยาของยูรัสเมื่อเขารู้ว่าเธรอนชักนำผู้หญิงที่เขารักไปสู่สิ่งใด “ตอนนี้เราต้องความความสามัคคีนะ เธรอน ไม่ใช่สงครามเย็น”

“คุณจะลาหยุดงานเพียงเพราะเจออุปสรรคเล็กน้อยระหว่างทางรึไง”

น้ำเสียงห้าวต่ำเอ่ยถามเรียบเรื่อยนุ่มนวลขณะลุกจากเก้าอี้เดินไปยังชั้นวางของด้านข้างเพื่อหยิบของบางอย่าง ครั้นหญิงสาวชาวคีเรี่ยนมองสบกับแววตาคมกริบเยือกเย็นชวนสะท้านในดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินที่หันกลับมาก็ต้องชะงักนิ่ง แล้วสมองก็เริ่มคำนึงถึงสถานะปัจจุบันของชายหนุ่มผู้เป็นหุ้นส่วนและอดีตอันเลวร้ายที่เธอรู้มาแค่บางส่วนจากการสอบถามไซเร็ค

บางทีการตัดสินใจของเธรอนอาจจะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็เป็นได้...

“ไม่ต้องห่วง ผมตั้งใจจะเตือนให้เนลีคาห์นรู้ตัวว่าจะต้องพบกับอะไรบ้างถ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่แล้ว”

“ก็แล้วแต่แก ลาก่อน มาเร็น”

เจ้าพ่อหนุ่มบอกลาก่อนตัดสัญญาณการสื่อสารเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดต้องสนทนากันอีก ทิ้งให้ความเงียบสงบยามราตรีเข้าครอบงำในห้องทำงานกว้างขวางบนตึกระฟ้าชั่วครู่ก่อนเจ้าของห้องจะเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

“ผมเพิ่งได้รับรายงานจากศูนย์วิจัยเมื่อบ่ายนี้เอง” มือใหญ่สีน้ำตาลทองส่งคอมพิวเตอร์ขนาดฝ่ามือให้หญิงสาวรับไปเปิดดูไฟล์ภายในก่อนจะสรุปใจความสำคัญให้ฟัง “พวกเขาเพิ่งแก้ปัญหาการควบคุมผลกระทบของฮอร์โมนที่ถูกกระตุ้นให้เพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วได้ ผลการทดลองก็ออกมาน่าพอใจมาก แต่การนำมาทดลองกับมนุษย์คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ถึงทางทฤษฎีจะไม่มีปัญหา แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่รู้ว่าร่างกายมนุษย์จะตอบสนองการกระตุ้นและการควบคุมยังไงบ้าง”

ดวงตาคู่งามจับจ้องภาพจำลองกลางอากาศจากบันทึกการทดลองและรายละเอียดที่ฉายขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ในมือ ภาพสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดตัวครึ่งหนึ่งของมนุษย์วิ่งกระโดดและปีนป่ายไปตามท่อและกำแพงด้วยความเร็วสูงเหลือเชื่อทำให้หญิงสาวนั่งจ้องนิ่ง ก่อนสังเกตเห็นเวลาในการบันทึกกำหนดว่าพฤติกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นตลอดครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีการหยุดพักแม้แต่ครั้งเดียว

“นี่มัน…เหลือเชื่อมาก ใกล้เคียงกับความเร็วของหุ่นล่าสังหารเลยใช่ไหม”

“พวกเขามีความสามารถจริงๆ” พ่อค้าอาวุธหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจกับผลงานที่ได้รับรายงานมา “ตอนประชุมกันครั้งที่แล้วยังคิดอยู่เลยว่าคงต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะแก้ปัญหานี้ได้”

“แล้วมันจะดีจริงๆหรือ”

คำถามของมาเร็นดึงความสนใจของเธรอนจากภาพจำลองกลับมาสู่หัวข้อที่พวกเขาเคยสนทนากันและยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนแต่อย่างใด รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ายังไม่เห็นด้วยกับการผลิตชิพเพิ่มสมรรถภาพทางกายของมนุษย์เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของกองกำลังให้สูงขึ้นมากเท่าที่ทำได้ เพราะยังมีข้อบกพร่องมากมายที่ศูนย์วิจัยกำลังพยายามแก้ไขและปัญหาด้านศีลธรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

โดยเฉพาะเมื่อชิพที่กำลังพัฒนาล่าสุดมีประสิทธิภาพเหนือกว่าชิพชนิดเดียวกันที่วางขายอยู่ในตลาดขณะนี้…

ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินเหลือบมองสีหน้าครุ่นคิดลังเลของคู่สนทนาแวบหนึ่งก่อนดูภาพจำลองที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วต่อไป

“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้อะไรเป็นมาตรฐานตัดสิน แต่สำหรับบัญชีของเรา ดีแน่นอน”





ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเผยรอยยิ้มนุ่มนวลละมุนละไมเมื่อเหล่าผู้ช่วยและที่ปรึกษาระดับสูงเดินเข้ามาในห้องประชุมเล็ก ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางมองใบหน้าคุ้นเคยทีละคนจนกระทั่งทุกคนเข้ามายืนครบ ร่างเพรียวระหงในชุดประจำตัวสีขาวลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดบทสนทนาทักทายผู้ช่วยที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าสนใจเปิดเผย

“ฉันดีใจที่ได้พบพวกคุณในวันนี้หลังจากไม่ได้พบกันมากว่าสองเดือน และขอบคุณสำหรับข้อมูลทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้ฉันเข้าประชุมในวันนี้ มันช่วยได้มากหลังจากหายไปนาน”

มีเสียงพึมพำตอบรับด้วยความยินดีพร้อมกับอาการก้มศีรษะรับคำขอบคุณนั้นอย่างสงบเงียบ เมื่อใบหน้ารอคอยของผู้คนที่เธอมอบความไว้วางใจให้จากผลการทำงานร่วมกันมานานปีมองตอบกลับมา หญิงสาวก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าควรจะเปิดเผยเหตุผลของการลาพักเป็นเวลานานของตนเอง

และหากพวกเขารู้ ก็อาจมีเงื่อนงำอะไรโผล่ออกมาให้ติดตามก็เป็นได้…

“พวกคุณบางคนคงจะทราบแล้วว่าฉันหายไปด้วยสาเหตุใด ฉันคิดว่าควรจะบอกกล่าวให้คนที่ยังไม่ทราบได้ทราบกัน เพราะหลังจากนี้ เรามีงานสำคัญที่ต้องจัดการให้ลุล่วง และฉันไม่ต้องการให้เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้หลุดออกไปจากห้องนี้แม้แต่คำเดียว”

วุฒิสมาชิกสาวหยุดพูดพลางกวาดมองเพื่อให้กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังจะบอกต่อไปมีความสำคัญมาก

“ฉันไม่ได้ลาหยุดด้วยปัญหาสุขภาพอย่างที่อ้าง แต่จำต้องขอลาเพราะถูกลักพาตัว”

เสียงอุทานดังพร้อมกับคำถามต่างๆที่โพล่งขึ้นมาจนแคเทรียนฟังไม่ทัน ได้แต่ยกมือเป็นเชิงห้ามมิให้ความสับสนวุ่นวายดำเนินต่อไป

“การลักพาตัวเกิดขึ้นระหว่างทางกลับที่พักบนดาวโคริกินาส ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือเฌอราส เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากเขาต้องการทราบว่าเราได้ข้อมูลโกดังในกลามิเรียนมาได้อย่างไร”

“คุณไม่ได้ถูกทำร้ายใช่ไหม”

หนึ่งในผู้ช่วยถามสิ่งที่ทุกคนต้องการคำตอบ เพราะทีมงานของเธอต่างตระหนักดีว่าตระกูลเฌอราสสามารถทำสิ่งใดต่อเป้าหมายได้บ้าง

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ฉันปลอดภัยดี”

หญิงสาวชาวบาโรวิทยิ้มให้ทุกคนอีกครั้งหวังบรรเทาความวิตกกังวลของผู้คนที่เริ่มทำการคาดเดาไปต่างๆนานา ปรับน้ำเสียงเข้าสู่สภาวะการทำงานจนฟังจริงจังและเด็ดขาดมากขึ้น

“และที่ฉันอยากให้พวกคุณช่วยเหลือก็คือพยายามหาที่มาของข้อมูลนั้นให้ได้ เท่าที่จำได้ ฉันเคยถามตอนที่เราสอบทานความน่าเชื่อถือแล้วว่าได้มาจากไหน แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ แน่นอนค่ะว่าฉันไม่ต้องการจะโดนลักพาตัวไปอีก มันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าจดจำเท่าไร หากที่สำคัญก็คือ ฉันอยากรู้ว่าใครวางแผนยืมมือเราเพื่อใช้จัดการกับเฌอราส”

“ผมเข้าใจคุณนะแคเทรียน แต่จะทำอย่างนั้นเราต้องระมัดระวังให้มาก ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการช่วยเหลือเฌอราสทางอ้อมได้ง่ายๆ”
ที่ปรึกษาวัยกลางคนกล่าวเตือนเมื่อเห็นว่าทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปอาจนำไปสู่การช่วยเหลืออาชญากรคนสำคัญโดยมิได้ตั้งใจ และวุฒิสมาชิกสาวก็ได้ยินถึงคำถามที่แฝงมาในคำพูดนั้น

คุณกับเขามีข้อตกลงอะไรกันหรือไม่?

การถูกลักพาตัวและสามารถกลับมาอย่างสวัสดิภาพภายในระยะเวลาเดียวกับเธอนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดา และคำอธิบายก่อนเข้าประชุมของเธอที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของยูรัสให้ดูดียิ่งขึ้นในสายตาเหล่าที่ปรึกษาก็มีเพียงชายหนุ่มเป็นคนช่วยเธอออกมาจากการควบคุมของเฌอราส ดูแลให้เธอฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจในบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งของเขาอย่างเป็นความลับ โดยมิได้พาดพิงถึงการซื้อตัวเธอจากสลัดอวกาศผู้นั้นแม้แต่คำเดียว

ถึงอย่างไร ยูรัสก็เป็นวุฒิสมาชิก…

เขาไม่ควรต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือเพราะเธอ!

“ค่ะ ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” หญิงสาวชาวบาโรวิทพยักหน้ารับก่อนจะเสริมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนเข้าใจตรงกัน “ขอให้พวกคุณจัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ คอยตรวจตราดูว่ามีข้อมูลหรือพัสดุน่าสงสัยส่งเข้ามาอีกหรือไม่ และอย่านำตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ฉันไม่ต้องการจะสูญเสียพวกคุณไปเพราะงานนี้”

หลังจากแน่ใจว่าทุกคนเช้าใจและไม่มีคำถามอะไรอื่นอีก หญิงสาวก็สั่งเลิกประชุมและตั้งใจจะรอจนกระทั่งทุกคนออกไปหมดแล้วจึงจะกลับเข้าห้องทำงาน ทว่าเลขานุการสาวกลับเดินสวนเหล่าผู้ช่วยเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มแจ่มใสและพวงแก้มแดงระเรื่ออย่างน่าประหลาดใจ

“มีอะไรหรือ”

“วุฒิสมาชิกแอสทราอุสมาขอพบค่ะ ตอนนี้ท่านรออยู่ในห้องทำงานของคุณ” เลขานุการสาวผู้แต่งตัวตามสมัยนิยมด้วยสีสันสดใสต่างจากผู้เป็นเจ้านายรายงานให้แคเทรียนทราบ ท่าทางตื่นเต้นยินดีที่เกลื่อนไม่มิดบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในสตรีที่หลงเสน่ห์ยูรัสเพิ่มอีกคนแล้ว

หญิงสาวชาวบาโรวิทพยักหน้ารับทราบด้วยท่าทางสงบนิ่งเป็นการเตือนอีกฝ่ายให้สำรวมอาการไปพร้อมกัน แต่เธอมิได้สนใจผลตอบรับจากอีกฝ่ายด้วยมัวแต่ฉงนสงสัยว่าชายหนุ่มมาเยือนถึงห้องทำงานเนื่องจากสาเหตุใด

ยูรัสมาทำไม?

วุฒิสมาชิกหนุ่มในชุดสูทเรียบกริบสีเทาเข้มอมฟ้านั่งคอยอย่างใจเย็นอยู่ที่เก้าอี้รับแขกในห้องทำงานของเธอ อากัปกิริยาของร่างสูงเพรียวยามลุกขึ้นยืนต้อนรับนุ่มนวลสง่างามสมกับที่เหล่าสตรีให้ความชื่นชม ใบหน้าคมคายยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้พบกับหญิงสาวคนรักที่จากกันมานานกว่าสัปดาห์ หากในสายตาของผู้มีเรื่องขุ่นข้องค้างคากับเขาอยู่นั้นกลับดูละม้ายการเสแสร้งที่เขาโปรดปรานยามสนทนากับเธอตามปกติ

“มีอะไรให้ฉันช่วยหรือคะ”

คิ้วเข้มสีน้ำตาลเลิกขึ้นเล็กน้อยหลังได้ฟังคำถามราบเรียบไร้อารมณ์ของแคเทรียน ดวงตาสีเขียวมรกตประเมินท่าทีของร่างเพรียวระหงในชุดขาวที่เดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงานนิ่งก่อนสรุปได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องไม่พอใจบางประการ ชายหนุ่มจึงไล่เลียงหาเหตุผลความเป็นไปได้ในสมองขณะเจ้าหน้าที่ในสำนักงานยกถาดเครื่องดื่มเข้ามาบริการ กระทั่งประตูห้องทำงานปิดตามหลังหล่อนไปแล้วจึงเอ่ยนำเป็นการหยั่งท่าที

“ผมอยากได้ความร่วมมือของคุณในการออกไปรับประทานอาหารค่ำกับผม”

“คำเชิญที่ฉันปฏิเสธไปแล้วน่ะหรือคะ เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้”

แคเทรียนตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดิมพลางตรวจตราข้อมูลในเอกสารเบื้องหน้า ไม่ต้องการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ใช้เล่ห์กลใดหลอกล่อให้ตนเองตกหลุมพรางเป็นครั้งที่สอง

ต้องตั้งสติให้มั่นจะได้ไม่หลงเชื่อง่ายๆอีก…

วาจามึนตึงเย็นชาของสาวสวยตอกย้ำให้ยูรัสแน่ใจยิ่งขึ้นว่าความไม่พอใจนั้นมุ่งตรงมาที่เขาโดยเฉพาะ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่สามารถหาสาเหตุมาอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะหลังปรับความเข้าใจกันในศาลาแล้วก็มิได้มีเรื่องขัดใจจนถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกันแม้แต่ครั้งเดียว

มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้ากันหลังจากเดินทางกลับมาจากดาเมเนสด้วย…

“คุณเป็นอะไรไป”

ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนดึงความสนใจของวุฒิสมาชิกสาวกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเขายันแขนเข้ากับโต๊ะพลางชะโงกเข้ามาจนเหลือระยะห่างระหว่างใบหน้าไม่เกินหนึ่งคืบ

“ไม่พอใจอะไรงั้นหรือ บอกผมสิครับ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเชิญชวนและสายตาอบอุ่นนุ่มนวลกระตุ้นความทรงจำถึงความสัมพันธ์งดงามระหว่างกันเร่งให้หญิงสาวชาวบาโรวิทรีบเอนร่างพิงพนักเก้าอี้ ถอยห่างจากความเย้ายวนใจใคร่ลุ่มหลงทั้งมวลที่อีกฝ่ายเป็นผู้ก่อขึ้น เริ่มไม่ไว้ใจตนเองว่าจะไม่ใจอ่อนไปกับกิริยาอ่อนหวานเอาอกเอาใจของผู้ชายที่เชี่ยวชาญในการโปรยเสน่ห์

“ไม่มีอะไรไม่น่าพอใจหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันไม่มีเวลาว่างออกไปรับประทานอาหารกับคุณ”

“แต่คุณมีเวลาออกไปกับเธรอน” ยูรัสยืดร่างขึ้นยืนหลังตรงขณะสบตากับดวงตาสีฟ้าอ่อนจาง แววใคร่ครวญเผยตัวออกมาอย่างชัดเจนยามพูดประโยคต่อมา “เขาใช้อะไรล่อให้คุณออกไปด้วยล่ะ ผมจะได้หามาทดลองใช้บ้าง”

โทสะวาบผ่านเข้ามาในดวงตาสีไอซ์บลูอย่างรวดเร็วแล้วผ่านเลยหายลับไปในไม่กี่วินาทีหลังพบว่าเขามิได้มีเจตนาประชดหรือแสดงความไม่พอใจ การอยู่ร่วมกันชั่วระยะหนึ่งบอกรู้ว่าวาจาที่หลุดจากปากหนุ่มลูกครึ่งคีเรี่ยนผ่านการคิดทบทวนมาเป็นอย่างดีนั้นสามารถทำให้คนฟังเข้าใจผิดได้ง่าย

โดยเฉพาะเมื่อคนฟังมิได้ตรึกตรองให้ดีจนเกิดการเข้าใจไปเองสมใจคนพูด…

“คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าเฌอราสจับตัวฉันไปเพื่ออะไร”

แคเทรียนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปสู่ปัญหาสำคัญที่ยังค้างคาใจอยู่ตามที่อีกฝ่ายได้ถามเป็นนัยเกี่ยวกับพ่อค้าอาวุธหนุ่ม แม้ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฌอราสจะสนิทสนมถึงขั้นที่สามารถพูดคุยกันในเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่ในฐานะที่เขาเป็นคนช่วยให้เธอหลุดออกมาจากเงื้อมมือผู้ชายคนนั้นก็ย่อมมีสิทธิจะรู้เรื่องด้วยเช่นกัน

“บอกผมสิ”

วุฒิสมาชิกหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานด้วยมาดจริงจังที่สงวนไว้ใช้เฉพาะยามทำงานแม้จะยังข้องใจในอาการเย็นชามึนตึงของหญิงสาว บทสนทนาครั้งล่าสุดกับเอธานทำให้แน่ใจว่าการลักพาตัวแคเทรียนไปมีสาเหตุมากกว่าที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ครั้นได้รับรายงานว่าเธรอนพาวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นไปรับประทานอาหารค่ำก็แน่ใจว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ไม่เช่นนั้นแคเทรียนไม่มีทางยอมไปด้วยแน่…

“เขาต้องการตัวคนที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับโกดังนั่นมาให้ฉัน” หญิงสาวชาวบาโรวิทสรุปอย่างรวบรัดได้ใจความก่อนนึกถึงคำบอกเล่าของผู้ชายที่เธอนึกรังเกียจไม่หาย “จากที่ฉันคุยกับเซส สรุปได้คร่าวๆว่าเคเซรอสน่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

ใบหน้าคมคายกร้าวกระด้างขึ้นทันทีที่ได้ยินหล่อนเอ่ยถึงกลุ่มก่อการร้ายในประโยคเดียวกับชื่อพ่อค้าอาวุธหนุ่ม เริ่มไม่ชอบใจที่เธรอนเข้ามาเกี่ยวข้องกับแคเทรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะเรื่องที่อันตรายเช่นนี้…

“ผมจะวางใจได้หรือว่าเขาไม่ได้กระตุ้นให้คุณสนใจติดตามเรื่องเคเซรอส”

ถามแล้วหนุ่มลูกครึ่งคีเรี่ยนก็ต้องสบถในใจเมื่อความเงียบและอาการสงบนิ่งของร่างในชุดขาวที่ประกาศชัดถึงการยอมรับว่าหล่อนสนใจเคเซรอส

ความทรงจำของการนัดพบและพูดคุยกันในบ้านของไซเร็คหวนกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าเธรอนจะไม่บอกแคเทรียนให้ทราบถึงบทสรุปของข้อตกลงในวันนั้น เพราะการถูกลักพาตัวไปด้วยฝีมือคนของเอธานก็มากเกินพอจะทำให้หญิงสาวติดตามเรื่องของเคเซรอสและสอดแทรกไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายและหลักจริยธรรมประจำใจของหล่อน

ไม่มีทางที่แคเทรียนจะยอมนิ่งเฉยแน่!

“ไม่มากนัก ข้อมูลที่ฉันมีอยู่ตอนนี้มาจากหนังสือและการพูดคุยกับศาสตราจารย์ฟาวิส“

คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นเมื่อคิดถึงศาสตราจารย์ชื่อดังเจ้าของผลงานหลายเล่มในห้องสมุดของเขา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีความคุ้นเคยกันพอสมควร หากเขาก็ไม่แน่ใจว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นจะสามารถทัดทานหรือห้ามปรามหล่อนมิให้เข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้างหรือไม่

“เขาบอกอะไรคุณบ้าง”

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางจ้องมองใบหน้าคมคายนิ่ง หวังให้รู้ตัวว่ากำลังก้าวล้ำอาณาเขตส่วนตัวด้วยการซักฟอกเธอมากเกินควร และเมื่อได้รับการมองกลับมาด้วยสายตาคาดคั้นจริงจังไม่แสดงอาการรับรู้ใดๆ เสียงหวานไพเราะจึงตวัดห้วนพร้อมเพิ่มความเย็นยะเยียบลงไปในดวงตาที่มองสบเขา

“ฉันไม่ใช่คนใต้ปกครองของคุณนะยูรัส อย่าได้เข้าใจผิดไปเป็นอันขาด”

ความเฉียบขาดในน้ำเสียงกระตุ้นให้เขาอยากจะยิ้มด้วยความขบขันไปกับภาพในความทรงจำของเด็กหญิงผมสีทองคำขาวผู้เคยมองเขาด้วยท่าทางเย่อหยิ่งถือตัวแบบเดียวกันนี้มาก่อน รู้ดีว่าถ้ากระตุ้นยั่วเย้าเพิ่มอีกนิดก็จะสามารถทำให้หล่อนเปิดเผยมูลเหตุแห่งความไม่พอใจออกมาได้ หากร่างของหญิงสาวผู้เติบโตเต็มวัยและสีหน้ากระด้างเย็นชาของแคเทรียนก็เตือนให้เขาสำนึกถึงตำแหน่งหน้าที่ของหล่อนในขณะนี้

ที่สำคัญกว่านั้นคือหัวข้ออันตรายที่กำลังสนทนากัน…

“สิ่งที่ผมอยากรู้ก็คือคุณตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากแค่ไหน” วุฒิสมาชิกหนุ่มมุ่งตรงไปยังปัญหาที่กำลังข้องใจโดยไม่นำพากับอารมณ์โกรธกรุ่นของอีกฝ่าย “คุณก็รู้แล้วว่ามันอันตราย ขนาดไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องยังถูกลักพาตัว หากคุณลงมือทำอะไรที่ส่งผลกระทบจริงๆก็ไม่มีทางจบแค่นี้แน่”

สาวสวยจับจ้องคู่สนทนาด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องเคเซรอสมาก่อนหน้านี้โดยไม่คิดบอกให้เธอรู้ มิ หนำซ้ำวาจาของเขายังบ่งบอกถึงความรู้ความเข้าใจที่มิได้มีเพียงผิวเผินเช่นเธอด้วย

“ในเมื่อคุณรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงไม่เคยบอกฉันเลยล่ะคะ ยูรัส”

“ก็เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับคุณ”

วุฒิสมาชิกหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดเหมือนที่เคยใช้ในสภายามโต้แย้งคัดค้านสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย แววในดวงตาสีเขียวมรกตแปรเป็นเยือกเย็นเหินห่างขณะจ้องมองใบหน้างดงามที่ขาวจัดยิ่งกว่าเดิมด้วยแรงอารมณ์

“และผมขอเตือนคุณไว้อีกอย่าง อย่าไปเกี่ยวข้องกับเอธานหรือเธรอนโดยเด็ดขาด สองคนนั่นมีส่วนร่วมอยู่ในกลุ่มคีเรี่ยนใต้ดินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คุณเองก็เห็นแล้วว่าไซเร็คโดนอะไรเข้าไปบ้าง มันจะไม่หยุดเพียงแค่นั้นหรอก”

เมื่อหญิงสาวทำท่าจะพูดก็ได้รับการส่ายหน้าห้ามจากร่างสูงเพรียวที่ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวลาจาก ใบหน้าคมคายโน้มลงมาพร้อมแตะปลายคางดันดวงหน้างดงามให้เงยขึ้นรับจุมพิต แรงกดหนักหน่วงร้อนผะผ่าวจากริมฝีปากที่ทาบลงมาอย่างรวดเร็วส่งผลให้หญิงสาวตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจชั่วครู่ก่อนได้สติกลับมายามเขาผละออกในทันที

“คุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในเซเฟรัสได้ทั้งหมดหรอก ไม่มีทางที่คุณจะพาตัวเข้าไปยุ่งในทุกเรื่องที่เห็นว่าไม่ถูกไม่ควรได้ตามต้องการ และไม่มีทางที่คุณจะอยู่รอดปลอดภัยไปจนแก่เฒ่าด้วยวิถีทางการดำเนินชีวิตแบบที่เป็นอยู่”

ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้หล่อนเสี่ยงชีวิตด้วยเรื่องไร้ประโยชน์พรรค์นั้นแน่!





TBC




ผ่านพ้นงานหนังสือกันมาแล้ว มีใครล้มละลายไปบ้างหรือเปล่าคะ

ได้อะไรกันมาบ้างเอ่ย

ปุณหมดไปหลายอยู่ แต่ก็ดีใจที่สมหวัง ได้ศิวาราตรีพิมพ์ใหม่ไปให้คุณปู่พนมเทียนเซ็นด้วย ฟินสุดๆเลยค่ะ

แล้วพบกันใหม่ค่ะ ^^ b







ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2556, 01:20:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2556, 01:20:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1108





<< ตอนที่ 10   
ปุณณารมย์ 30 ต.ค. 2556, 01:22:09 น.

ตอบคอมเมนต์จากตอนที่แล้วค่ะ ^^

คิมหันตุ์
แหม...ก็พ่อหนุ่มเขาช่างยั่วนี่เคอะ คริคริ


คิมหันตุ์ 30 ต.ค. 2556, 08:36:44 น.
ฟามสัมพันธ์ ดูท่าว่าจะสวยงามขึ้นนะจ๊ะยูรัส


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account