Delusion เหลี่ยมรัก เล่ห์ลวง
(เรื่องต่อจาก Asylum หรือ ในกรงเพลิง สนพ.อินเลิฟ)


วุฒิสมาชิกแคเทรียน เนลีคาห์น แห่ง ดาวเคราะห์บาโรว์ ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่กลายเป็นสินค้าของ เอธาน เฌอราส หนึ่งในผู้มีอิทธิพลของกลุ่มเครส และได้ทราบว่าเขาจะขายเธอให้แก่ผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ยูรัส, แคเทรียน

ตอน: ตอนที่ 10


หยาดน้ำไหลพรูลงจากเรือนร่างโปร่งบางยามแคเทรียนสั่งปิดน้ำที่ไหลลงมาจากฝักบัวเหนือศีรษะ มือเรียวคว้าผ้าขนหนูนุ่มฟูบนราวแขวนด้านข้างมาซับน้ำจากใบหน้าก่อนจะก้าวออกจากอ่าง พื้นกระเบื้องเย็นเฉียบเกือบเท่าอากาศหนาวภายนอกและความขาวกระจ่างเกือบปราศจากสีสันของสภาพรอบกายทำให้หญิงสาวผ่อนลมหายใจด้วยความรู้สึกสุขสงบยามได้กลับมาสู่สถานที่คุ้นเคยหลังโดนรั้งตัวอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของยูรัสบนดาเมเนสมาตลอดสองเดือน

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่พื้นที่แต่งกาย ภาพจำลองสามมิติเปลือยตลอดร่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าให้ผู้ใช้งานสำรวจตรวจตราดูทุกส่วนของร่างกายได้สะดวก ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางไล่สำรวจหาร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าก่อนบำรุงผิวพรรณป้องกันมิให้อากาศหนาวจัดร้ายกาจของบาโรว์ทำร้ายตนเองตามความเคยชินหลังไม่พบความผิดปกติใดที่จะเผยต่อสายตาผู้อื่น เลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ระบบเมนเฟรมของคฤหาสน์จัดให้ด้วยการฉายทับภาพเปลือยจนได้เสื้อคอตั้งแขนยาวทิ้งชายยาวจรดข้อเท้าและกางเกงขายาวสีขาวเนื้อหนามาสวม หวีผมยาวสลวยก่อนปล่อยไว้เป็นอิสระไม่ขมวดรวบขึ้นมาบนศีรษะด้วยเริ่มชอบใจความสบายไม่ตึงหนังศีรษะ

เหลือบมองรอยเปียกบนพื้นกระเบื้องระเหิดหายไปอย่างรวดเร็วด้วยระบบความร้อนใต้พื้นที่มีปฏิกิริยาต่อหยดน้ำส่วนเกินตามที่ตั้งโปรแกรมไว้เป็นการตรวจตราความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนออกจากห้องส่วนตัวไปหาผู้ที่รอคอยอยู่

ร่างโปร่งบางเดินไปตามโถงทางเดินภายในคฤหาสน์โปร่งโล่งพลางสำรวจโต๊ะติดผนังตัวเล็กตั้งแจกันดอกไม้สดและผลงานศิลปะของเหล่าศิลปินผู้มีชื่อเสียงประดับบนผนังเป็นระยะด้วยความพอใจ แม้จะดูเยือกเย็นไร้ชีวิตชีวาแตกต่างจากบ้านหลังเล็กกว่าบนดาเมเนสที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย หากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันก็สามารถเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมาได้เป็นอย่างดี

และความสงบนิ่งรอบกายก็ช่วยให้สมองแจ่มใสจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน!

รอยเคร่งเครียดพาดผ่านดวงตาสีฟ้าอ่อนจางแวบหนึ่งเมื่อนึกถึงนิวาสถานที่เพิ่งจะจากมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน บรรยากาศอันรายล้อมด้วยธรรมชาติงดงามชวนให้ผ่อนคลายปล่อยวางภาระต่างๆนั้นส่งผลต่อระบบความคิดและการตัดสินใจของเธออย่างไม่อาจปฏิเสธได้ สมองที่ควรจะเฉียบคมกลับถูกบดบังด้วยม่านหมอกมายาไม่ต่างจากตอนหลับฝันไร้สติด้วยฤทธิ์ของเกสรดิโอเรสที่มีต่อระบบประสาทของชาวบาโรวิท

โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอดีตคู่หมั้น!

วุฒิสมาชิกสาวเม้มริมฝีปากด้วยความหงุดหงิดเมื่อนึกถึงความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของตนเองที่ลดความระมัดระวังตัวลงจนมีความสัมพันธ์ทางกายกับยูรัส ช่วงเวลาเกือบครึ่งสัปดาห์นับจากค่ำคืนในศาลากลางสวนเต็มไปด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีและการแสดงออกอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานจนเธอหลงเคลิบเคลิ้มไปกับเสน่ห์ของชายหนุ่ม ทว่ายามที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดหวนกลับคืนมาครบถ้วนแล้วเช่นนี้จึงได้ตระหนักว่าตนเองหลงกลเข้าเต็มเปา!

ฝ่ามือขาวจัดนุ่มนวลกำแน่นด้วยความอึดอัดระคนหงุดหงิดเมื่อเล็งเห็นช่องโหว่ใหญ่ยักษ์ที่ทำให้ยูรัสฉวยโอกาสเอาได้ แต่บานประตูคู่เบื้องหน้าก็เร่งให้หญิงสาวต้องรีบสลัดสีหน้าและอาการเคร่งเครียดให้หลุดไปจากร่างกายโดยเร็ว หยุดยืนหน้าประตูสูดลมหายใจระงับอารมณ์ครู่หนึ่งก่อนเคาะประตูเป็นสัญญาณขอเข้าพบ

“เชิญ”

แคเทรียนเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาตจากมารดา ปิดประตูด้วยกิริยานุ่มนวลก่อนจะสาวเท้าไปยังร่างโปร่งบางพอกับตนเองซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งเล่นหน้าต่าง ดวงหน้างดงามส่งรอยยิ้มยินดีหากแฝงความสำรวมไว้ตามที่ได้รับการสั่งสอนมาให้แก่บุพการีผู้รอคอยอยู่ทันที
“กลับมาแล้วค่ะ”

สตรีวัยเกือบหกสิบในเสื้อคลุมสีอ่อนกระจ่างตาไปทั้งร่างลุกขึ้นยืนด้วยมาดสง่างามเป็นธรรมชาติพลางอ้าแขนรอบุตรสาวคนโตซึ่งหายตัวไปกว่าสองเดือน กิริยาดังกล่าวของมารดาเร่งให้วุฒิสมาชิกสาวก้าวยาวๆเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แม้อุณหภูมิในร่างกายของชาวบาโรวิทจะต่ำกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆในดาราจักร หากกลิ่นน้ำหอมอ่อนจางอันแสนคุ้นเคยและความนุ่มนวลของอ้อมกอดมารดาก็ทำให้หญิงสาวหลับ ตาแน่นดื่มด่ำกับสัมผัสอยู่ครู่ใหญ่

“ขอโทษนะคะที่ทำให้แม่เป็นห่วง” แคเทรียนเอ่ยอย่างสำนึกผิดที่ทำให้บุพการีต้องรอคอยตนเองพลางประคองอีกฝ่ายให้นั่งลงตามเดิม ถึงจะรู้จากยูรัสว่าเขาแจ้งให้มารดาของเธอทราบว่าบุตรสาวคนโตปลอดภัยดี หากดวงตาสีไอซ์บลูก็ยังกวาดมองร่างบางใต้เสื้อคลุมเนื้อหนาที่ดูจะบางลงกว่าเดิมด้วยแววตากังวลระคนไม่สบายใจ เพราะตนเองเป็นเหตุให้สตรีตรงหน้ากลัดกลุ้มวิตกกังวลมากว่าสองเดือน

“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็แค่โรคเดิมๆ” ไรน่าปฏิเสธก่อนดึงมือบุตรสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม ดวงตาสีฟ้าซีดจัดจากวัยที่สูงขึ้นพิจารณาร่างตรงหน้าก่อนจะพยักหน้าอย่างวางใจเมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติน่าเป็นห่วง พอใจยิ่งขึ้นเมื่อสังเกตเห็นผิวขาวจัดเรื่อสีชมพูเปล่งปลั่งจากการอาบน้ำและสุขภาพที่ดูสมบูรณ์แข็งแรงกว่าครั้งสุดท้ายที่พบกัน “เอาล่ะ เล่าให้แม่ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

วุฒิสมาชิกสาวระงับความอยากยิ้มไว้เมื่อได้ฟังคำซักของอีกฝ่าย แม้จะมีอาการป่วยไข้ไม่สบายหากผู้นำตระกูลเนลีคาห์นก็ยังยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมด้วยการลุกขึ้นมานั่งรอรับเธอแทนที่จะเอนหลังพักผ่อนตามสบายบนเตียง แถมยังสามารถสอบถามถึงเรื่องราวความเป็นไปของเธอทั้งหมดด้วยน้ำเสียงเอาการเอางานและมาดผู้มีอำนาจสูงสุดดังที่เคยเป็นมาถึงปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของมารดาทำให้หญิงสาวหวังว่าตนเองจะประพฤติตนได้อย่างเท่าเทียมเมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงอายุเดียวกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกบอกเล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจริงจังตั้งแต่การถูกลักพาตัวจากดาวโคริกินาสไปจนถึงการตื่นขึ้นในบ้าน พักบนดาเมเนสของยูรัส ละรายละเอียดไม่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับยูรัสและสิ่งที่เธออยากเก็บไว้เป็นส่วนตัว ระหว่างนั้นก็เสริมด้วยสาเหตุความเป็นไปได้ต่างๆที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตนเองเท่าที่จะนึกออก

“แม่ไม่คิดว่าการตรวจค้นโกดังที่คว้าน้ำเหลวนั่นเป็นสาเหตุให้ลูกถูกลักพาตัว” ผู้นำตระกูลเนลีคาห์นแสดงความเห็นเมื่อทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้ฟังมา ก่อนชี้ช่องโหว่สำคัญที่สุดให้บุตรสาวมองเห็นชัดเจนขึ้น “ถึงเฌอราสจะไม่พอใจที่ถูกตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนของกลามิเรียนก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาจับกุมเขาได้เลยสักชิ้น มิหนำซ้ำผลเสียของการค้นโกดังครั้งนั้นกลับตกอยู่ที่ลูกด้วย ความล้มเหลวนั่นทำให้ความน่าเชื่อถือส่วนหนึ่งของลูกหมดไป ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้เป็นที่สงสัยสักนิด”

“ข้อนี้แหละค่ะที่ลูกยังคิดไม่ออก” วุฒิสมาชิกสาวผู้ถูกลักพาตัวด้วยสาเหตุที่ยังมืดดำขมวดคิ้วสีทองอ่อนจางมุ่น “จากที่ลูกได้พบเฌอราสด้วยตัวเองก็พอจะบอกได้ว่า ถ้าลูกเป็นเขา คงนั่งหัวเราะดูตัวเองถูกสื่อหรือใครต่อใครรุมหลังงานล้มเหลวมากกว่า”

“ได้ทำอะไรที่ส่งผลต่อธุรกิจของเขาโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า” ไรน่าเริ่มคลำทางช่วยบุตรสาวคนโตคาดเดาไปตามเหตุผลที่มีทางเป็นไปได้ “กฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าอันตรายจากโลกที่ลูกผลักดันจนสภาให้ผ่านนั่นอาจเป็นต้นเหตุก็ได้ กลุ่มเครสมีอิทธิพลโยงใยเข้าไปในหลายวงการ กฎหมายนั่นก็ส่งผลกระทบจนหลายคนเสียรายได้มหาศาล”

ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันอีกครั้งเมื่อพยายามเชื่อมโยงต้นสายปลายเหตุอันมีความเป็นไปได้ต่างๆเข้าด้วยกัน หากข้อขัด แย้งที่ปรากฏก็ยังผุดขึ้นมาเป็นระยะจนไม่อาจมั่นใจได้ว่าเพราะเหตุไรกันแน่

“ก็เป็นไปได้หรอกค่ะ หากพิจารณาจากช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มใช้กฎหมายมาถึงตอนนี้ก็เกือบหกเดือน แต่ลูกคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่า ไม่อย่างนั้นเฌอราสคงไม่ยอมปล่อยให้ลูกมาอยู่กับยูรัสได้ง่ายๆ เพราะหากผู้ชายคนนั้นคิดจะทำร้ายลูกจริง ตอนนี้ลูกคงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่แล้ว”

ข้อเท็จจริงที่เธอรวบรวมมาตามคำบอกเล่าของอดีตคู่หมั้นถึงการเรียกตัวเขาเข้าร่วมการประมูลหญิงสาวจากดาราจักรทางช้างเผือกด้วยตัวเอง กับการพบกันครั้งแรกระหว่างตนเองกับชายหนุ่มผู้มีวาจาเสียดสีเยาะหยันและแววตากร้าวแข็งไร้ปรานีก็ยิ่งยืนยันความแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมให้เหยื่อที่หมายตาหลุดมือได้ง่ายๆอย่างแน่นอน

การขายเธอให้ยูรัสต้องเป็นความตั้งใจของเขาเอง…

“หรือจะเกี่ยวข้องกับสายข่าวของลูก” ผู้นำตระกูลเนลีคาห์นไล่เรียงไปตามหัวข้อที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้อย่างใจเย็น

ประสบการณ์ในการทำงานตลอดชีวิตสอนหล่อนไว้เป็นอย่างดีว่าปัญหามักจะเกิดจากการขาดความระเอียดรอบคอบและผู้คนมากกว่าอย่างอื่น “ถึงแม้ผลการทำงานจะไม่ประสบความสำเร็จตามต้องการ แต่ข่าวสารที่ลูกได้รับมาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกต้องแม่นยำ
เฌอราสอาจต้องการจับสายของลูกก่อนที่จะสร้างความเสียหายใหญ่โตในอนาคตให้เขาก็ได้”

วุฒิสมาชิกสาวนิ่งไปเมื่อได้ฟังความเห็นในเรื่องที่ไม่ได้คิดถึงมาก่อนจากปากของมารดาก่อนจะเห็นจริงตามนั้น เมื่อหวนทบทวนถึงข่าวสารอันถูกต้องแม่นยำที่ตนเองได้มาในช่วงหลัง โดยเฉพาะการบุกเข้าตรวจค้นโกดังที่กลามิเรียนซึ่งเธอได้ส่งคนลอบเข้าไปตรวจสอบก่อนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ แต่เป้าหมายกลับไหวตัวทันและจัดการย้ายสินค้าทั้งหมดไปไว้ที่อื่นจนปฏิบัติการครั้งนั้นพลาดไปอย่างน่าเสียดาย

หากเฌอราสกำลังควานหาสายข่าวของเธอจริง เธอก็ควรจะเร่งมือสืบหาคนที่ส่งข่าวการเข้าตรวจค้นโกดังให้เขาเช่นกัน…

แต่มันจะทันหรือเปล่า?

ผ่านมากว่าสองเดือนแล้วตั้งแต่เหตุการณ์วุ่นวายของเธอเริ่มต้นขึ้น เวลาของการติดอยู่ในบ้านพักตากอากาศของยูรัสโดยที่ยังคิดไม่ออกว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมีมากพอให้อีกฝ่ายติดตามหาตัวสายข่าวของเธอได้อย่างสบาย หากเฌอราสมีขุมกำลังความ สามารถสมกับเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มเครสจริง สถานการณ์เลวร้ายที่สุดของบุคคลผู้นั้นก็คงไม่แคล้วถูกย่อยสลายจนร่างกายไม่เหลือแม้แต่อณูเดียว

“ตอนลูกไม่อยู่ มิเรอาช่วยมาทำงานแทนใช่ไหมคะ”

“จ๊ะ แม่ให้เยเลนส่งข่าวไปบอกน้องว่าลูกกลับมาอย่างปลอดภัยดี ตอนนี้รายงานความคืบหน้าของงานทั้งหมดระหว่างที่ลูกไม่อยู่ก็คงมารออยู่ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว”

ได้ฟังดังนั้นริมฝีปากสีชมพูอ่อนก็คลี่ยิ้มถูกใจจนดวงหน้างดงามดูสดชื่นสดใสขึ้นอีกครั้ง มือขาวจัดเอื้อมไปคว้ามือมารดามาบีบครู่หนึ่งก่อนขอตัวออกไปติดตามงานทั้งหมดที่ว่างเว้นไป

“ถ้าอย่างนั้นลูกขอตัวก่อนนะคะ จะรีบไปสะสางงานให้เสร็จก่อนกลับไปโคริกินาส”

“อย่าเพิ่งไป” ไรน่าห้ามพลางโบกมือให้ร่างโปร่งบางของบุตรสาวคนโตที่กำลังลุกขึ้นยืนนั่งลงตามเดิม “แม่ยังมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับลูก”

“เรื่องอะไรคะ” คิ้วเรียวสีทองคำขาวเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงนเพราะข้อข้องใจต่างๆที่ติดค้างอยู่ก็ถูกปัดเป่าให้กระจ่างไปบ้างแล้ว และหลังจากนี้ไปการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เธอก็คงเข้มงวดกวดขันขึ้นอีกมากเพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องเดิมซ้ำสอง

“ลูกกับยูรัส”

วาจาของมารดาส่งผลให้ก้อนเนื้อในอกกระตุกเต้นผิดจังหวะไปทันทีที่จบประโยค แผ่นหลังตั้งตรงแข็งทื่อด้วยความตื่นตระหนกเย็นเฉียบแล่นวาบผ่านลงไปตามกระดูกสันหลังจรดปลายเท้า หากการควบคุมตนเองก็หวนกลับคืนมาในพริบตาจึงสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อลงได้ เมื่อเตือนตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาเมเนสมิได้เป็นความชั่วร้ายหรือผิดต่อศีลธรรมจรรยาใดนอกจากเรื่องส่วนตัวของสตรีที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และปฏิกิริยาเมื่อครู่ก็เป็นเพียงความหวาดระแวงอันเนื่องมาจากคำพูดธรรมดามิได้มีความหมายใดเป็นพิเศษตามประสาคนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

“ลูกกับเขาทำไมหรือคะ” แคเทรียนทวนคำถามของคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไว้ให้มั่นคงดุจเดิม นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจางจ้องมองใบหน้าที่แม้จะริ้วรอยแห่งวัยแต่ก็ยังงดงามไม่เปลี่ยนของไรน่าด้วยแววตาไม่มั่นคงนัก และสิ่งที่ปรากฏขึ้นก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาละเอียดลออของมารดาที่รู้จักบุตรสาวของตัวเองดีไปได้

“ยูรัสคงดูแลลูกเป็นอย่างดีสินะ” ข้อสรุปของมารดาหลังกวาดตาสำรวจทั่วร่างโปร่งบางเพียงชั่วแวบนั้นทำให้คิ้วเรียวสีทองคำขาวมุ่นเข้าหากันอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ไรน่าจึงขยายความเพิ่มเติมให้บุตรสาวผู้จริงจังกับหน้าที่การงานของตัวเองจนแทบไม่ใส่ใจกับการบำรุงโฉมมากนัก “ลูกดูดีขึ้นมากรู้ตัวไหม ท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนหายตัวไปลูกมักทำท่าเหมือนกำลังรอให้มีปัญหาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา”
มือบางเอื้อมมาแตะเส้นผมนุ่มสลวยราวกับไหมชั้นดีที่ตกระบ่าแล้วลูบไล้แผ่วเบาตามความยาวก่อนจะปล่อยมือ ส่งรอยยิ้มละมุนที่หาได้ยากยิ่งมาให้จนวุฒิสมาชิกสาวเผลอกะพริบตาอย่างประหลาดใจ

“แม่ไม่ได้เห็นลูกปล่อยผมตามสบายแบบนี้มาหลายปีแล้ว”

สีหน้าอ่อนโยนมีความสุขของไรน่าส่งผลให้คนฟังเผลอยกมือขึ้นแตะผมตนเองด้วยความกระดากอายกึ่งไม่สบายใจ รู้สึกว่ากำลังทำตัวผิดปกติไปจากกิจวัตรประจำวันเพราะความเคยชินที่ติดตัวมาจากบ้านหลังงามแห่งนั้น แม้สตรีตรงหน้าจะเพียรสั่งสอนให้รู้จักระมัดระวังดูแลการแต่งกายให้เหมาะสมในทุกกรณีตั้งแต่เริ่มเติบโตเป็นสาว หากคำพูดที่ได้ฟังเมื่อครู่กลับทำให้คิดว่าตนเองยึดมั่นในระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆอย่างเคร่งครัดจนถึงขั้นรบกวนจิตใจมารดามาตลอด

โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการปฏิบัติตัวของมารดาผู้มีระเบียบแบบแผนและมั่นคงแข็งแกร่งสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่ก็ไม่เคยแข็งกระด้างเย็นชาจนได้สมญานามชวนให้ไม่พอใจเหมือนเธอเลย…

“ในเมื่อลูกกับยูรัสเข้าใจกันในที่สุด แม่คงวางใจได้แล้ว”

“เข้าใจกันหรือคะ” แคเทรียนทวนประโยคน่าสงสัยที่ฟังทันที ความไม่สบายใจปรากฏขึ้นบนดวงหน้างามอย่างชัดเจนจนผู้เป็นมารดาเลิกคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ

“เวลาที่อาศัยอยู่ร่วมกันคงไม่ได้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ใช่ไหม แคเทรียน ยูรัสเป็นคนฉลาด เขาไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดีๆผ่านไปโดยไม่ฉวยไว้แน่”

หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันหลังได้ยินน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจของไรน่า รู้ความจริงในตอนนี้เองว่าตนเองได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นเพราะมารดามิได้ยืนกรานให้ส่งตัวกลับบ้านหลังได้รับแจ้ง แถมผู้นำตระกูลเนลีคาห์นซึ่งรู้จักวุฒิสมาชิกจากดาวรีเอสเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็กยังยอมรับข้อเสนอแนะให้เธอพักอยู่บนดาเมเนสโดยไม่คิดคัดค้านแม้จะไม่มีความจำเป็นใดให้อยู่ต่อ ทว่าเธอไม่คิดว่าคู่สนทนาจะยอมนิ่งเฉยเปิดโอกาสให้ยูรัสได้สานต่อไมตรีอีกครั้งหลังถอนหมั้นกันไปถึงสี่ปีเต็มเช่นนี้

“แม่คงต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแอสทราอุสมั่นคงกว่าเดิม” วุฒิสมาชิกสาวปรารภเสียงแผ่วเมื่อไม่อาจนึกสาเหตุอื่นออก นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่ามารดาและอดีตผู้นำของแอสทราอุสที่ล่วงลับไปแล้วเคยเป็นเพื่อนสนิทที่ดีต่อกันมาตลอดชีวิต

ศีรษะสีทองคำขาวที่อ่อนจางยิ่งกว่าของบุตรสาวส่ายไปมาให้กับการคาดเดาไม่เข้าท่านั้น ดวงตาสีฟ้าซีดเป็นประกายคมกล้ายามจ้องมองร่างโปร่งบางในชุดขาวล้วนจนแคเทรียนเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายราวกับเป็นเด็กทำความผิดถูกจับได้พร้อมหลักฐานในมือ

“ผู้หญิงคนอื่นในตระกูลอาจแต่งงานด้วยความเหมาะสมหรือผลประโยชน์ได้ แต่ลูกไม่” ไรน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราบเรียบไม่ต่างจากตอนอธิบายข้อเท็จจริงระหว่างการประชุมสภาในอดีต “ลูกอาจจะไม่รู้ตัว ตลอดมาลูกมักจะมองหายูรัสเสมอ โดยเฉพาะช่วงก่อนที่ลูกจะถอนหมั้นเขา”

ความรู้สึกชาวาบแพร่กระจายไปทั่วร่างโปร่งบางทันทีที่ได้ฟังคำแจกแจงของมารดา นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนมองไม่เห็นสิ่งใดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกะพริบถี่เพิ่มดึงการตอบสนองกลับมา ทว่าภาพห้องนอนหรือบุคคลเบื้องหน้าก็ยังพร่าเลือนไปจากคลองจักษุ มีเพียงผู้ชายคนเดียวที่ถูกกล่าวถึงกระจ่างชัดในความทรงจำ

ทั้งใบหน้าคมคายและดวงตาสีเขียวเข้มในเงามืดยามราตรีของชายหนุ่มขณะพร่ำคำรักดูจริงจังมั่นคงน่าเชื่อถือ หากถ้อยคำเชือดเฉือนทำร้ายความรู้สึกที่เขากล่าวกับมาเร็นในงานเลี้ยงของไซเร็คก็ฟังจริงใจไม่ต่างกัน

กระนั้นมันก็ยังเป็นการกระทำของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนเดียวกัน…

ผู้ชายคนที่หลอกล่อจนเธอเผลอใจนอนด้วยในศาลากลางสวนนั่น!





“เวโรนิก้า ช่วยแจ้งทีมงานด้วยว่าผมจะเข้าประชุมสภาสัปดาห์หน้า ให้พวกเขาส่งข้อมูลที่มีทั้งหมดมาให้ผมภายในสองวันนี้”

วุฒิสมาชิกจากดาวรีเอสสั่งเลขานุการิณีส่วนตัว โดยไม่ละสายตาครุ่นคิดไปจากตารางงานที่อีกฝ่ายสั่งให้เปิดแสดงขึ้นเหนือโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องทำงานกว้างขวางติดสวนสวย หญิงสาวชาวโลกรับคำพร้อมส่งคำสั่งจากคอมพิวเตอร์ในมือไปสู่ปลายทางก่อนสอบถามเจ้านายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากห้อง

“ต้องการให้เปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหมคะ”

นิ้วเรียวยาวแตะลงไปบนการนัดพบแต่ละครั้งเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ปรากฏขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วใส่นัดประชุมของผู้ถือหุ้นทุกคนในตระกูล ใบหน้าคมคายยิ่งบึ้งตึงมากขึ้นเมื่อเห็นรายชื่อของสมาชิกที่จะเข้าร่วมการประชุมซึ่งเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด

ตัวแสบทั้งนั้น…

“ผมน่าจะพูดได้เต็มปากว่าเกลียดผู้หญิงนะนี่”

สาวสวยเชื้อสายอเมริกาใต้หลุดหัวเราะเล็กน้อยให้กับการบ่นติดจะประชดประชันนั้นเมื่อเห็นเวลานัดต้นเหตุลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าผู้เป็นนาย การทำงานเป็นเลขานุการส่วนตัวมาเกือบสองปีทำให้พอจะทราบว่าผู้คนและสถานการณ์รอบกายของยูรัสเป็นอย่างไร แต่แล้วเวโรนิก้ากลับพึมพำตอบด้วยดวงตาเป็นประกายระยับขณะหวนคิดถึงอดีตของตนเองและผู้ชายตรงหน้า

“คุณไม่มีทางพูดแบบนั้นได้หรอกค่ะ ไม่ใช่กับผู้หญิงส่วนใหญ่”

แม้ดวงตาสีเขียวเข้มยังคงจับจ้องกับตารางนัดของตนเอง ริมฝีปากบางได้รูปก็ขยับยิ้มนิดๆหลังได้ฟังวาจาของอีกฝ่ายแล้วเหลือบมองใบหน้าสวยหวานที่ส่งยิ้มยวนใจตอบกลับมา

“นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าน้ำเสียงแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะคุณยังลืมผมไม่ได้”

คำถามทีเล่นทีจริงของชายหนุ่มส่งผลให้ร่างงามสมบูรณ์ด้วยสัดส่วนโค้งเว้าในสูททำงานสีครีมตัดกับผิวสีแทนเข้มเดินเข้ามาหาด้วยมาดของหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ท่วงท่าการเดินที่ทำให้สะโพกยักย้ายอย่างน่ามองดึงดูดสายตาของยูรัสจนกระทั่งหล่อนอ้อมโต๊ะมาหยุดยืนข้างเก้าอี้ ใบหน้าทรงเพชรแต่งแต้มสีสันงดงามพอเหมาะก้มลงมาจนผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มระไหล่กว้างใต้เสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อน

“ถูกต้องแล้วค่ะ ฉันยังไม่ลืม และไม่คิดว่าผู้หญิงที่เคยขึ้นเตียงกับคุณจะลืมคุณได้ง่ายนัก”

“ดังนั้นเลยคิดจะล่อลวงผมอีกครั้ง” คิ้วสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นพลางสบตากับดวงตาสีช็อกโกแลตนุ่มนวลเป็นประกายแพรวพราวด้วยรอยยิ้มเท่าทัน และริมฝีปากเคลือบสีส้มอมชมพูที่ขยับตามเป็นรอยยิ้มเร่าร้อนก็ยืนยันคำถามนั้น

“ตอบมาแค่ว่าพร้อมหรือไม่พร้อมก็พอค่ะ”

ดวงตาสีเขียวมรกตถูกเปลือกตาปกปิดไปครึ่งหนึ่งหลังได้ฟังน้ำเสียงนุ่มหวานเร้าอารมณ์กระซิบแผ่วข้างใบหู รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในกายที่สูงขึ้นเล็กน้อยของตนเองและเวโรนิก้าจากความใกล้ชิดและบรรยากาศอันแวดล้อมไปด้วยการกระตุ้นเร้าอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่ากลิ่นหอมเข้มข้นรัญจวนใจจากร่างเลขานุการิณีสาวสวยกลับเตือนให้ชายหนุ่มคิดถึงหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งเขาเพิ่งแยกจากมาไม่นานนี้ ความทรงจำอันวาบหวามยามราตรีกาลและวันถัดมาที่แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำทำให้นึกอยากส่งน้ำหอมกลิ่นอ่อนหวานชวนหลงใหลสกัดจากดอกดิโอเรสขาวไปให้แม้จะทราบดีว่าหล่อนแพ้เกสรดอกไม้ชนิดนี้ก็ตาม

แล้วแคเทรียนก็คงโกรธเกรี้ยวเย็นชาอีกเป็นแน่…

“เดี๋ยวนี้ความอดทนน้อยลงจนไม่คิดจะรอให้เลิกงานก่อนหรือไง”

วาจาเหน็บแนมเยาะหยันด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกที่ดังขึ้นส่งผลให้หญิงสาวชาวโลกสะดุ้งด้วยความตกใจ ในขณะที่วุฒิสมาชิกหนุ่มถอนหายใจสั้นแล้วปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนหันไปยังประตูห้องอันเป็นทิศทางของต้นเสียง จับจ้องร่างเพรียวบางในชุดสูทสตรีสีเขียวอ่อนที่ยืนเชิดหน้าปรายตามองมาที่เขาอย่างดูถูกดูแคลนไม่เปลี่ยน

“มารยาทคุณก็แย่ลงทุกครั้งที่พบกันนะ เดราลีส”

เดราลีสแค่นเสียงในลำคอเผยความไม่พอใจพลางเดินเข้ามาในห้องทำงานของญาติหนุ่มจนกระทั่งไปหยุดยืนที่ชุดรับแขกริมผนังใสด้านที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสวนสวยในคฤหาสน์ได้อย่างชัดเจน ยูรัสจึงยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าเป็นสัญญาณบอกให้ผู้มาเยือนทราบโดยไม่ต้องเอ่ยปากว่าเขาไม่เต็มใจต้อนรับหล่อนแล้วพยักหน้าอนุญาตให้เลขานุการสาวกลับออกไปทำงานต่อ ก่อนผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้นั่งลงตามมารยาทอันควรแม้จะไม่เต็มใจเลยก็ตาม

“มีธุระสำคัญหรือครับ”

ชายหนุ่มเปิดประเด็นถึงเหตุที่ทำให้ญาติผู้ธำรงตนเป็นอริอยู่เสมอปรากฏกายในห้องทำงานของเขาก่อนถึงการประชุมผู้ถือหุ้นสัปดาห์หน้า พิจารณาใบหน้าสวยงามเย็นชาเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองตามแบบฉบับของสตรีในตระกูลแอสทราอุส ค้นหาเงื่อนงำที่จะบอกได้ว่าหล่อนมาเยือนด้วยเหตุใด แล้วริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยให้เห็นชัดว่าเสแสร้งก่อนกระตุ้นอีกฝ่ายด้วยเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายเดือดดาลได้เร็วที่สุด

“ถ้าเป็นเรื่องซ้ำซากที่คุณทะเลาะกับสามี ผมคงให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้ ตอนคุณแต่งงานก็ไม่ได้มาถามความเห็นผมเสียด้วยสิ”

ใบหน้าสวยเริ่มแดงด้วยโทสะยามคู่อริพาดพิงถึงชีวิตสมรสซึ่งเกิดการทะเลาะเบาะแว้งเป็นประจำระหว่างหล่อนกับสามีผู้นิยมแสวงหาความสำราญนอกบ้านอยู่เสมอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสีเขียวหยกยิ่งเป็นประกายวาววับเมื่อถูกเสียดสีถึงพฤติกรรมของสตรีเพศที่ชอบสนทนาพูดคุยขอความคิดเห็นจากผู้คนใกล้ชิดในเรื่องต่างๆจากผู้ชายที่มิได้แสดงความสนใจในเรื่องส่วนตัวของญาติฝ่ายสตรีมากนัก

“แทนที่จะมายุ่งกับเรื่องของฉัน คุณควรจะให้ความสนใจกับพฤติกรรมน้องชายของคุณมากกว่านี้นะ ยูรัส!” เสียงแหลมยิ่งขึ้นจมูกมากขึ้นเมื่อเจ้าตัวพยายามระงับอารมณ์ให้อยู่ภายใต้การควบคุม รู้ดีว่าการปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดออกไปจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายสนุกสนานมากขึ้น “รู้ไหมว่าตอนนี้ฟีเรนท์ส์ทำตัวน่าขายหน้าขนาดไหน”

“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดจะไปนั่งฟังเสียงซุบซิบนินทาถึงน้องชายตัวเองหรอกนะครับ” ยูรัสกอดอกอิงสะโพกกับโต๊ะทำงานพร้อมปฏิเสธเสียงเรียบเรื่อยด้วยท่าทางไม่ใส่ใจที่ยิ่งทำให้ความไม่พอใจของอีกฝ่ายทวีคูณ “แต่เมื่อคุณเสียสละเวลาอันมีค่ามาพบผมเพราะเรื่องนี้ ผมก็ยินดีจะฟัง”

หญิงสาวกำมือแน่นพลางจ้องมองใบหน้าคมคายของญาติหนุ่มด้วยแววตากรุ่นโกรธมุ่งร้ายไม่ปิดบัง หากตัดสินใจไม่ใส่ใจกับวาจาชวนโมโหของอีกฝ่ายก่อนที่จะได้เอ่ยถึงสาเหตุของการมาพบในวันนี้

“ไปบอกให้ฟีเรนท์ส์เลิกเป็นนายแบบซะ!”

คิ้วสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นหลังได้ฟังถ้อยคำแข็งกร้าวที่ไม่สามารถเข้าใจเป็นอื่นไปได้นอกจากคำสั่ง ดวงตาสีเขียวมรกตเป็นประกายพราวด้วยความขบขันเมื่อคำนึงถึงเหตุการณ์ปะทะกันหลายครั้งหลายหนในอดีตที่อีกฝ่ายพยายามจะเอาชนะเขาเสียทุกเรื่อง หากหล่อนกลับไม่ยอมจดจำเลยสักครั้งว่าตัวเองไม่เคยประสบความสำเร็จเลย

“งานนั่นเป็นงานสุจริต รายได้ก็ดีพอที่จะดูแลตัวเองได้สบาย ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเลิกเลย”

“ทำไมจะไม่จำเป็น!” เดราลีสประท้วงเสียงแหลมอย่างอดรนทนไม่ไหวเมื่อนึกถึงข่าวน่าอับอายที่ได้รับรายงานมา “ช่วงหลังนี่เด็กนั่นเหลวไหลมากเกินไปแล้ว ไม่เข้ามาทำงานช่วยเหลืออะไรในตระกูลยังพอว่า แต่การไปปาร์ตี้ มั่วผู้หญิง ใช้กำลังลงมือกับนักข่าวนิตยสารกระจอกๆ กลายเป็นข่าวซุบซิบรายวันให้ชื่อเสียงตระกูลเสียหายนี่มันเกินทนแล้วนะ!”

“ฟีเรนท์ส์โตแล้ว ผมไปบังคับอะไรไม่ได้หรอก แล้วคุณเองก็ไม่ควรจะเสียเวลาไปใส่ใจกับข่าวซุบซิบพวกนั้นด้วย” ไหล่กว้างไหวเล็กน้อยให้กับปัญหาที่อีกฝ่ายเห็นเป็นเรื่องสำคัญต้องแก้ไขให้ลุล่วงอย่างไม่คิดจะใส่ใจ ริมฝีปากบางขยับยิ้มละไมที่แผ่ขึ้นไปถึงดวงตาจนฉายประกายเจ้าเล่ห์ที่คนนั่งห่างออกไปมองไม่เห็น “ถ้าคุณมาพูดเรื่องนี้เพราะห่วงสถานะของผมก็อย่าวิตกกังวลไปเลย ถึงอย่างไรคนอื่นเขาก็สนใจว่าวุฒิสมาชิกอย่างผมจะทำอะไรมากกว่าจะสนใจน้องชายผมอยู่แล้ว”

หญิงสาวในชุดเขียวส่งเสียงคำรามในลำคอใส่คำพูดที่มีทั้งการเสียดสีและตอกย้ำถึงตำแหน่งที่เธอไม่มีโอกาสได้รับนั้นเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อมือใหญ่เอื้อมไปหยิบบุหรี่จากกล่องโลหะสวยหรูบนโต๊ะทำงานมาจุดสูบ หล่อนจึงตวัดเสียงไม่พอใจออกไปทันทีที่เห็นว่าเขากำลังจะทำอะไร

“เกรงใจสุภาพสตรีบ้างสิ!”

“ไม่ช้าไปหน่อยหรือครับ สำหรับการทำตัวเป็นสุภาพสตรีตอนนี้น่ะ คุณพยายามจะเอาชนะผมมาตลอด...กี่ปีนะ ยี่สิบเจ็ดปีใช่ไหม”

ชายหนุ่มแสร้งถามด้วยน้ำเสียงขบขันแล้วจุดบุหรี่สูบโดยไม่ใส่ใจกับสีหน้าเดือดดาลของคู่สนทนา อารมณ์รำคาญใจเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับเมื่อปฏิกิริยาของญาติสาวเป็นไปตามที่ต้องการไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่เด็ก ทว่าเขาก็ยังอดสงสัยมิได้ว่าอีกฝ่ายจะกระทำตนเป็นศัตรูไปจนกระทั่งความตายมาเยือนหรือไม่

ทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันก้าวหน้าส่งผลให้การผสมเทียมและฝังตัวอ่อนทารกเข้าไปเลี้ยงในมดลูกเทียม อำนวยให้สตรีเพศสามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยปราศจากความเสี่ยงด้านสุขภาพ กลายเป็นที่นิยมอย่างสูงในดาราจักรเซเฟรัส และการดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกอันทรงเกียรติแห่งดาวรีเอสซึ่งมีงานมากมายต้องรับผิดชอบสะสาง ผู้นำตระกูลแอสทราอุสรุ่นก่อนจึงตัดสินใจเลือกใช้วิธีการอันสะดวกสบายนี้เพื่อมีบุตร เลือกใช้บริการของธนาคารอสุจิในการคัดสรรพันธุกรรมที่มีลักษณะเด่นในด้านต่างๆเพื่อให้กำเนิดทายาทที่จะสามารถควบคุมดูแลตระกูลให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

และเงินก็สามารถบันดาลให้ทุกอย่างเป็นตามประสงค์…

ยกเว้นปัญหาที่เขากับฟีเรนท์ส์ดันเกิดมาเป็นผู้ชายนี่แหละ!

ดวงตาสีเขียวหลุบต่ำขณะอัดควันเข้าปอดเมื่อนึกถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เขาจำต้องอดทนกับการก่อกวนชวนรำคาญใจตั้งแต่อดีตมาจนถึงวันนี้ ปล่อยให้เดราลีสตำหนิแสดงความไม่พอใจในตัวฟีเรนท์ส์ต่อไปไม่สนใจจะฟัง สายตามองทอดไปยังทิวทัศน์นอกผนังใสขณะใช้สมองคิดเรื่องธุรกิจต่างๆจนกระทั่งหล่อนเริ่มเอ่ยถึงญาติผู้น้องอีกคนหนึ่ง

“ขนาดเวเรเนียอายุน้อยกว่ายังทำตัวดีกว่าเลย ฟีเรนท์ส์ก็ดีแต่ก่อปัญหาให้คนตระกูลเท่านั้นแหละ”

“บอกผมหน่อยสิว่าเวเรเนียเป็นอย่างไรบ้าง”

วาจาของยูรัสส่งผลให้อีกฝ่ายหยุดชะงักอาการพร่ำบ่นชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงถากถางอย่างอดไม่ได้ที่จะยกญาติสาวขึ้นเทียบกับต้นเหตุของการมาเยือนวันนี้

“ดีกว่าน้องชายของคุณมาก เธอเพิ่งเข้าร่วมองค์กรการกุศลและได้เป็นผู้ช่วยรองผู้อำนวยการโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำของระบบเราเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”

“น่าจะไปได้สวย” วุฒิสมาชิกหนุ่มพึมพำกับตนเองเมื่อคิดถึงญาติผู้น้องคนเก่งที่มีศักยภาพสูงและทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ และเตือนตนเองให้ส่งของขวัญไปแสดงความยินดีทันทีที่มีเวลาว่าง

“แน่นอน ไปได้สวยจนอาจจะเขี่ยคุณตกจากตำแหน่งวุฒิสมาชิกได้ในอีกไม่นาน ระวังตัวไว้เถอะ”

ดวงตาสีเขียวหยกเป็นประกายวาววับอย่างคาดหวังระคนมุ่งร้ายยามจ้องมองวุฒิสมาชิกคนปัจจุบันของดาวรีเอส แม้จะไม่สามารถเอาชนะผู้ชายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจคนนี้ได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าญาติผู้น้องคนเก่งสามารถทำให้เขาสำนึกตัวเองว่ามิได้มีความสามารถเหนือไปกว่าผู้หญิงในตระกูลก็สมใจหล่อนแล้ว

ริมฝีปากบางได้รูปขยับยิ้มบางเบาเมื่อได้ฟังวาจาท้าทายของอีกฝ่าย ละสายตาจากผนังใสเบื้องหน้ากลับมายังดวงหน้าของผู้ที่นั่งอยู่อีกฟากห้องด้วยแววตารื่นรมย์ไร้กังวล

“ผมไม่กังวลหรอก เดราลีส หากเวราเนียมีความสามารถจริงก็ให้น้องมาเอาตำแหน่งผมไปได้เลย”





มือขาวจัดบอบบางแตะแท่งแก้วสีฟ้าอ่อนลงไปบนแท่นข้างประตูสั่งให้ยานพาหนะที่อยู่ในโรงจอดเคลื่อนมารอรับบริเวณประตูทางออก ก่อนก้าวเข้าไปยังห้องรอเทียบยานที่มีพนักงานไม่กี่คนในอาคารกำลังเฝ้ารอยานพาหนะของตัวเองเข้ามาเทียบ ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางกวาดมองรอบห้องสำรวจหาสิ่งผิดปกติตรวจสอบความปลอดภัยของตนเอง เมื่อไม่พบอะไรน่าสงสัยร่างโปร่งบางในชุดขาวล้วนจึงเดินเข้าไปภายในห้องอย่างเงียบๆ

แคเทรียนยืนห่างจากจุดเทียบหลักที่เปิดให้ใช้บริการเพียงจุดเดียวในเวลาค่ำคืนเล็กน้อย ยานพาหนะประเภทต่างๆเรียงแถวเข้ามาจอดเทียบตามลำดับการเรียกหาของผู้เป็นเจ้าของแล้วเคลื่อนออกไปหลังรับผู้โดยสารเรียบร้อย จนถึงลำดับของวุฒิสมาชิกสาวก็มียานพาหนะแปลกตาไม่คุ้นเคยเคลื่อนผ่านเข้ามาในห้อง

เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาหยุดชะงักเมื่อเห็นยานลำเพรียวสีดำรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวประกาศถึงความสามารถในการเดินทางด้วยความเร็วสูงและมีราคาสูงพอๆกันมาหยุดนิ่งบริเวณจุดเทียบหลัก วุฒิสมาชิกสาวเหลียวมองรอบกายก็พบแต่ความว่างเปล่าก่อนสำนึกถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตนเองในไม่กี่วินาทีต่อมา

ไม่มีคน!

แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งกลับเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อรักษาความความปลอดภัยให้ตนเองด้วยเกรงจะเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง ประตูยานพาหนะตรงหน้าก็เลื่อนเปิดออกให้เห็นห้องโดยสารสว่างไสวจนสามารถมองเห็นบุคคลภายในได้อย่างชัดเจน

“ไปทานมื้อค่ำกับผมเถอะ”

คิ้วเรียวสีทองคำขาวขมวดเข้าหากันทันทียามได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสีน้ำตาลทองส่งยิ้มสบายอารมณ์มาเป็นกำนัลพร้อมประกายพราวระยับในดวงตาสีม่วงอมน้ำเงิน อาการตื่นตระหนกตกใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธกรุ่นในทันทีที่ตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง

“ยานฉันอยู่ที่ไหน” หญิงสาวชาวบาโรวิทถามเสียงห้วนไม่คำนึงถึงมารยาทสังคม มือกำหูกระเป๋าถือแน่นขณะส่งสายตาเย็นชาให้ผู้มาเยือนที่เธอไม่ปรารถนาจะเห็นหน้าไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

“ในโรงจอดอาคารที่พักคุณ” พ่อค้าอาวุธหนุ่มไขข้อข้องใจแล้วเอ่ยปากชักชวนอีกครั้งด้วยประโยคเดิม “ไปทานมื้อค่ำกับผม แล้วผมจะไปส่งคุณเอง”

“ไม่!” แคเทรียนปฏิเสธหนักแน่นไม่คิดสนใจข้อเสนอของชายหนุ่มที่เธออยากหลีกหนีไปให้ไกล แน่ใจว่าการกลับไปนั่งในห้องทำงานระหว่างรอให้ยานพาหนะย้อนกลับมารับก่อนที่ความไร้จริยธรรมของเขาจะแพร่ใส่

โดยเฉพาะเมื่อเธอเผลอตัวทำสิ่งน่าอับอายกับเขาในคืนนั้น!

“คุณคงไม่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงถูกลักพาตัว”

ทั้งคำเปรยสะดุดหูและน้ำเสียงห้าวต่ำที่ลดความขี้เล่นลงกระชากความสนใจของหญิงสาวไว้ได้ทันควัน ร่างโปร่งบางยืนนิ่งอยู่กับที่ขณะพิจารณาอีกฝ่ายอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แม้ริมฝีปากได้รูปสวยของเธรอนจะยังคงแย้มยิ้มด้วยความรื่นเริงเช่นเดิม หากวุฒิสมาชิกสาวเริ่มลังเลเมื่อถูกกระตุ้นเร้าความสนใจในเรื่องที่ยังไม่อาจหาข้อสรุปที่ถูกต้องได้ด้วยตนเอง

เซสรู้อะไร?

“คุณจะบอกว่าคุณรู้สาเหตุที่ทำให้ฉันโดนลักพาตัวอย่างนั้นหรือ”

ดวงตาสีไอซ์บลูหรี่ลงยามจ้องหนุ่มชาวคีเรี่ยนด้วยแววเฉียบคมประเมินข้อเท็จจริง แม้จะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกลวงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการอยู่ตามนิสัยดั้งเดิมของเขาหรือไม่ ทว่าก็อดสงสัยมิได้ว่าคนตรงหน้าอาจมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย

อาการนิ่งเฉยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธของเธรอนส่งผลให้ริมฝีปางบางเม้มเข้าหากันก่อนเดินไปยังยานพาหนะเบื้องหน้า ก้าวเข้าไปในที่นั่งข้างชายหนุ่มก่อนประตูจะปิดตามหลังแล้วยานก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากจุดเทียบทันที

“คุณกลับบ้านค่ำแบบนี้ทุกวันเลยหรือไง” พ่อค้าอาวุธหนุ่มเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้งหลังปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมภายในห้องโดยสารครู่หนึ่ง มือใหญ่แข็งกระด้างบังคับการทำงานของยานพาหนะขณะเร่งความเร็วขึ้นหลังพ้นออกมาจากอาคารสำนักงานที่ตั้งมูลนิธิในการบริหารแคเทรียน

“อย่าเสียเวลาชวนคุยเลยค่ะ คุณเซส โปรดบอกมาดีกว่าว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นบ้าง”

น้ำเสียงสุภาพเยือกเย็นบอกถึงการควบคุมตัวเองได้ของหญิงสาวดึงดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินแปลกตาให้เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนนำพวกเขาทั้งคู่เข้าสู่ช่องทางจราจรกลางอากาศ วุฒิสมาชิกสาวจากดาวบาโรว์เม้มปากให้กับภาพทิวทัศน์เบื้องล่างที่เลื่อนผ่านไปรวดเร็วเกินจำเป็นแต่ก็มิได้ปริปากตำหนิอีกฝ่าย

“ใจเย็นๆสิครับ คนดี เราทานไปคุยกันไปได้ไหม ผมหิวแทบแย่แล้ว” เธรอนท้วงด้วยน้ำเสียงออดอ้อนขอความเห็นใจแฝงอารมณ์ขำขัน “ผมจองโต๊ะไว้ด้วยนะ ขืนไปสายได้อดแหงๆ”

คำเรียกขาน ‘คนดี’ ซึ่งไม่เคยมีใครใช้เรียกเธอมาก่อนและการจองโต๊ะรับประทานอาหารมื้อค่ำประกาศชัดถึงแผนการที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว คิ้วเรียวสีทองคำขาวจึงขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เริ่มไม่แน่ใจในการตัดสินใจร่วมทางมากับชายหนุ่มผู้ปราศจากมาตรฐานศีลธรรมใดๆซึ่งเป็นไปได้สูงว่าใช้วิธีการผิดกฎหมายในการส่งยานพาหนะของเธอกลับบ้านและพาตัวเองเข้ามาแทนที่ว่าถูกต้องหรือไม่

“คุณส่งยานของฉันกลับไปก่อนได้อย่างไร”

“อุปกรณ์นิดหน่อยกับฝีมืออีกเล็กน้อย” คำตอบที่มาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์มิได้อธิบายวิธีการหรือรายละเอียดใดให้สามารถนำไปแจ้งฝ่ายรักษาความปลอดภัยของอาคารได้ แถมชายหนุ่มก็คงเดาความคิดของเธอได้จึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังปลอบใจเด็ก “อย่าวิตกไปเลย ถ้าผมไม่ได้มีหุ้นอยู่ในบริษัทที่ผลิตและติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย คงต้องใช้มากกว่าครึ่งนาทีในการเจาะระบบ”

ใบหน้าขาวจัดปราศจากเครื่องสำอางหันขวับไปจ้องคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง แม้เขาจะสามารถเรียกข้อมูลของระบบรักษาความปลอดภัยมาใช้ได้อย่างสะดวกสบาย หากการเจาะระบบหลังจากลูกค้าได้กำหนดรหัสและรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมหลังซื้อบริการ และแทรกคำสั่งใหม่ลงไปในโปรแกรมเรียกหายานพาหนะในโรงจอดของอาคาร ก็ควรจะต้องใช้เวลาเกินกว่าห้านาทีในการทำตามลำดับขั้นตอนทั้งหมดเป็นอย่างน้อย

โดยเฉพาะการจัดการกับยานที่เพิ่งยกระดับความปลอดภัยของเธอมาสดๆร้อนๆ…

“ขอโทษที ฉันลืมไปว่าคนที่ดึงข้อสอบครั้งสำคัญจากศูนย์รักษาข้อมูลส่วนกลางออกมาขายเป็นประจำอย่างคุณสามารถทำเรื่องนี้ได้ง่ายๆอยู่แล้ว” แคเทรียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เล่าลือในอดีตที่เคยได้ยินบ่อยครั้ง ก่อนเพิ่มเติมด้วยข้อสงสัยที่มั่นใจว่าน่าจะเป็นจริง “ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าคุณได้ลำดับที่หนึ่งในสาขาเพราะแอบเข้าไปแก้คะแนนของตัวเอง”

หนุ่มชาวคีเรี่ยนหัวเราะในลำคอให้กับวาจากระทบกระเทียบดูแคลนกึ่งสบประมาทของหล่อน รู้แน่แก่ใจดีว่าถูกหญิงสาวข้างกายรังเกียจด้วยพฤติกรรมและชื่อเสียงในด้านลบจนไม่ต้องการคบหาสมาคมมาตั้งแต่ในอดีตที่ศึกษาในสถาบันเดียวกัน เพราะอีกฝ่ายมักจะขอตัวไปอย่างรวดเร็วทุกครั้งเมื่อเขาแวะเข้าไปทักทายขณะหล่อนสนทนาอยู่กับไซเร็ค ทว่าในวันนี้เขาจะไม่ปล่อยให้หญิงสาวผู้มีระดับจริยธรรมสูงส่งกลับไปง่ายๆโดยที่ยังมิได้สอบถามก่อนอย่างแน่นอน

“คุณช่วยระงับการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมของผมไว้ชั่วคราวก่อนได้ไหม อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะไปถึงโต๊ะ”

นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจางตวัดมองคนพูดแวบหนึ่งก่อนจะสังเกตเห็นการลดระดับลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของอีกฝ่าย ยอมปฏิบัติตามคำขอปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามต้องการจนกระทั่งผู้จัดการร้านอาหารนำพวกเขาทั้งคู่ไปสู่โต๊ะที่จองไว้ และแคเทรียนก็มิได้สังเกตรายละเอียดใดๆนอกจากความโอ่โถงมีระดับยามเดินเข้ามาจนกระทั่งเห็นชื่อร้านบนรายการอาหารที่รับมาถือไว้ก่อนฟังคำบรรยายถึงรายการอาหารพิเศษ

ภัตตาคารยอดนิยมสำหรับบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง…

หญิงสาวเหลือบมองโต๊ะทรงกลมปูผ้าสีขาวทับด้วยสีแดงอมน้ำตาลอ่อนมีแจกันดอกไม้สดสีสวยทรงกลมประดับอยู่ตรงกลาง กวาดตามองอย่างรวดเร็วก็เห็นภาชนะชั้นเลิศชนิดต่างๆจัดไว้อย่างมีระเบียบสำหรับสองที่นั่งเบื้องหน้า และห้องโปร่งโล่งตกแต่งงดงามตั้งโต๊ะกระจายกันอย่างมีศิลปะซึ่งน่าจะรักษาความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้าได้ดีพอสมควร หลังจากนั้นก็มิได้ใส่ใจในสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยมัวแต่มุ่งความสนใจไปยังข้อสงสัยที่ยังค้างคาใจอยู่จนบัดนี้

“คุณชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” เธรอนหันมาถามความเห็นของเธอหลังฟังนิ่งฟังรายการอาหารแนะนำครู่หนึ่ง

“ที่ว่ามาเมื่อครู่ก็ดีแล้ว” หญิงสาวชาวบาโรวิทตอบอย่างไม่ใส่ใจนักแม้สายตาจะทอดมองรายการอาหารเบื้องหน้า ครั้นผู้จัดการร้านผละไปจึงเอ่ยถึงปัญหาสำคัญที่ทำให้ยอมมากับพ่อค้าอาวุธหนุ่มด้วยน้ำเสียงใกล้หมดความอดทนเต็มที “คราวนี้คุณจะพูดได้หรือยัง”

“เสาน้ำแข็งกำลังจะละลายแล้วหรือครับ” คิ้วหนารูปปีกนกเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มนิดๆติดริมฝีปากหลังเอ่ยถึงสมญานามอันโด่งดังของหล่อน ดวงตาคมสีเข้มจ้องมองใบหน้างดงามเคร่งขรึมของวุฒิสมาชิกสาวด้วยแววหัวเราะระคนคาดหวังอะไรบางอย่าง “ลองถามมาสิ ถ้าผมรู้ ผมจะตอบ”

แคเทรียนเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาของอีกฝ่ายทันที่สัมผัสได้ถึงความเจ้าเล่ห์แสนกลของอีกฝ่ายในคำพูดนั้น รู้ สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อแน่ใจว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังหยั่งเชิงเธอด้วยการให้โอกาสถามคำถามที่เขาอาจไม่ตอบความจริงทั้งหมด แต่ความสนใจใคร่รู้ถึงความจริงและสาเหตุที่เขามาวันนี้ก็แล่นโลดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“คุณรู้จักเฌอราสมานานหรือยัง”

“นี่คุณตั้งใจจะหาข้อมูลของผมหรือของเขากันล่ะ” เธรอนกล่าวยิ้มๆยามสบตากับดวงตาจริงจังสีไอซ์บลู มือใหญ่สีน้ำตาลทองยกแก้วก้านยาวบรรจุไวน์สีเหลืองทองขึ้นมาจิบก่อนตอบคำถามนั้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายที่บอกชัดว่าแสร้งทำ “ผมรู้จักเขานานกว่าที่วุฒิสมาชิกของคุณรู้จัก”

ริมฝีปากบางเม้มแน่นพยายามระงับใจตนเองมิให้คว้าเครื่องดื่มขึ้นมาสาดใส่รอยยิ้มกวนโทสะแล้วลุกจากไปโดยไม่เหลียวหลัง แม้จะรู้แน่แก่ใจดีกว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนจอมปลอมเห็นแก่ตัวที่มักหลอกใช้ผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิดว่าหนุ่มชาวคีเรี่ยนคนนี้จะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับยูรัสจนสามารถนำมายั่วเล่นได้ และบทสนทนาที่ยังไปไม่ถึงไหนก็บังคับให้เธอต้องบริภาษอีกฝ่ายในใจแทน

คนสารเลวน่ารังเกียจ!

“คุณเซส” สาวสวยผู้เคร่งขรึมเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระด้างข่มกลั้นอารมณ์เตือนให้รู้ตัวว่าควรจะให้ความสนใจอย่างจริงจังยิ่งกว่าเดิม “การที่ฉันยอมนั่งร่วมโต๊ะในร้านที่มีชื่อเสียงรับประกันว่ารักษาความลับได้เป็นอย่างดีเพื่อคุยเรื่องอุปัทวเหตุกับคุณ ไม่ได้หมายความว่าฉันจะลุกหนีกลับไปไม่ได้นะ”

“ครับ ผมทราบดี” ศีรษะสีดำหยักศกสะบัดปลายเล็กน้อยยาวระต้นคอน้อมลงเล็กน้อยด้วยลีลาสง่างาม หากดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินมีแววขบขันเต้นระริกอยู่ภายในกลับไม่ละสายตาไปจากสีหน้าเผยความหงุดหงิดของคนนั่งตรงข้าม “แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับวุฒิสมาชิกผู้เปี่ยมประสิทธิภาพพอๆกับความงาม จะให้ผมห้ามความเพลิดเพลินของตัวเองก็คงเป็นไปได้ยากสักหน่อย”

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางฉาบโทสะหรี่ลงอย่างไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้นหลังได้ยินวาจาสุภาพชื่นชมเสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษตอบกลับคำพูดเย็นชาของเธอ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของชายหนุ่มส่งผลให้แคเทรียนตระหนักว่าประสบการณ์จากการพบปะกับผู้คนจากหลายภูมิหลังหลากที่มายังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ตนเองสามารถทำความเข้าใจบุคคลตรงหน้าได้ จึงนิ่งเงียบทบทวนความคิดและคำถามที่อยากจะได้คำตอบเมื่อบริกรนำอาหารจานแรกเข้ามาเสิร์ฟและผละไป

“เฌอราสลักพาตัวฉันไปแล้วขายให้วุฒิสมาชิกแอสทราอุสเพื่ออะไร”

วุฒิสมาชิกจากดาวบาโรว์ตัดสินใจถามถึงปัญหาสำคัญอย่างตรงไปตรงมาไม่อยากเสียเวลาสนทนากับอีกฝ่ายนานนัก ผลักอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายตรงหน้าออกไปจากสมองเมื่อตั้งใจว่าจะต้องเค้นหาความจริงออกมาให้จงได้ แม้ประโยคต่อมาของคู่สนทนาจะยังคงกวนประสาทเช่นเดิม

“เข้าเป้าเผง” เธรอนเปรยเสียงแผ่วพร้อมประกายระยับในดวงตาไม่เปลี่ยนแปลง ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มกว้างขึ้นเมื่อสังเกตเห็นท่าทางมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของหญิงสาวประกาศว่าจะไม่ยอมแสดงความไม่พอใจออกมาให้เขาเห็นอีก “ก่อนที่ผมจะบอก ผมอยากรู้ว่าคุณคิดว่าเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร”

แม้จะไม่เคยรู้สึกอยากลงมือใช้กำลังกับผู้ใดมาก่อนนอกจากอดีตคู่หมั้นที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการจะกลับมาเป็นคู่ หมั้นอีกครั้ง หญิงสาวก็เริ่มอยากจะหยิบจานอาหารตรงหน้าขว้างใส่ใบหน้าสีน้ำตาลทองของอีกฝ่ายแล้วมองดูคราบซุปสีเขียวบนเสื้อนอกสีดำของอีกฝ่ายอย่างยิ่ง

“เฌอราสอยากได้ตัวสายข่าวของฉันใช่ไหม”

หนุ่มชาวคีเรี่ยนวางช้อนซุปลงหลังได้ยินคำย้อนถามตอบคำถามของตนเองกลับมา ดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินปรายมองอาการขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่แน่ใจกึ่งคาดคั้นของแคเทรียนก่อนถามหล่อนกลับไปอีกครั้ง

“สายข่าวของคุณมีความสำคัญต่อเขาขนาดไหนล่ะ”

คราวนี้คำถามของเขาทำให้วุฒิสมาชิกสาวต้องทบทวนความคิดและบทสนทนาระหว่างตนเองกับมารดาในเรื่องนี้ ส่วนใหญ่แล้วสายของเธอมักประสบความสำเร็จในการค้นหาข่าวสารที่ต้องการ หากเมื่อเป็นเรื่องที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มเครสกลับประสบความล้มเหลวบ่อยครั้งจากความผิดพลาดระหว่างการพิสูจน์ข้อเท็จจริง

แบบเดียวกับความล้มเหลวครั้งล่าสุดของเธอ…

“หรือว่าหาตัวคนทรยศ” คิ้วเรียวสีทองคำขาวเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถามยามมองหน้าอีกฝ่าย ภายใต้วิธีการทำงานและเส้นทางผิดกฎหมายของสลัดอวกาศผู้นั้นย่อมเต็มไปด้วยผู้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ทรัพย์สินหรือสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสำคัญ และคู่สนทนาของเธอก็น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง

“ก็ไม่เชิง” ไหล่กว้างใต้เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินทับด้วยเสื้อนอกสีดำสนิทไหวเล็กน้อย เว้นช่วงให้บริกรเสิร์ฟอาหารจานต่อไปก่อนดำเนินบทสนทนาต่อ “ควรจะบอกว่าหาตัวศัตรูมากกว่า”

“อธิบายมาสิ” วุฒิสมาชิกสาวเอ่ยเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายให้ความสนใจกับอาหารร้อนกรุ่นเบื้องหน้าจนเงียบไปครู่หนึ่งจนเธอชักทนไม่ไหว ครั้นสบตากับนัยน์ตาสีเข้มพราวระริกด้วยแววหัวเราะก็รู้ตัวทันทีว่ากำลังโดนถ่วงเวลา “คุณจะพูดหรือไม่พูด”

“ใจร้อนจริง” พ่อค้าอาวุธหนุ่มพึมพำเสียงไม่เบานัก เมื่อได้รับสายตาคุกรุ่นตอบกลับมาจึงเริ่มเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางรับประทานอาหารไปพร้อมกัน “คุณคงรู้อยู่แล้วว่าไม่ว่าจะเอธานหรือผมล้วนมีศัตรู ตัวคุณเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่คราวนี้ศัตรูของเขาใช้วุฒิสมาชิกผู้มีอำนาจอย่างคุณเป็นหนึ่งในเครื่องมือบ่อนทำลายเขา”

การเคลื่อนไหวทั้งหมดของแคเทรียนหยุดชะงักไปเมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่ได้ฟัง ความขัดแย้งในแวดวงการทำงานทำให้เธอต้องระมัดระวังในการกระทำทุกย่างก้าว ข้อมูลข่าวสารที่ผ่านเข้ามาก็ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องอย่างละเอียดรอบคอบ ทว่าปัญหาต่างๆก็ยังเกิดขึ้นและดำเนินต่อไปไม่ว่าจะทำอะไร คำบอกเล่าของอีกฝ่ายจึงไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเธอ

แต่มันน่าโมโห!

“แล้วเขาคิดว่าการลักพาตัวฉันไปขายให้ยูรัสจะช่วยให้หาตัวศัตรูเจอหรือไง” เสียงหวานตวัดห้วนและคำเรียกขานอดีตคู่หมั้นที่เปลี่ยนแปลงไปเผยโทสะที่เริ่มลุกโชนขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางซีดลงด้วยแรงอารมณ์ภายในจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาที่ยังคงดูรื่นเริงสบายใจไม่เปลี่ยน “ถ้าเฌอราสอยากรู้ขนาดนั้นทำไมไม่ถามฉันโดยตรง แค่นั่งคุยกันไม่กี่นาทีฉันก็ไม่ต้องเสียเวลาอยู่กับยูรัสตั้งสองเดือน”

แต่เมื่อหญิงสาวชาวบาโรวิทเห็นรอยยิ้มขำขันระคนลึกลับบนริมฝีปากเย้ายวนใจยามอีกฝ่ายก้มหน้าตักอาหาร การรับรู้โดยอัตโนมัติก็ผุดขึ้นมาในสมองทันควัน

“เขาทำแล้วใช่ไหม”

การค้นหาความจริงจากผู้คนที่ไม่ยินดีจะให้ข้อมูลมีวิธีการต่างๆมากมายให้เลือก และเท่าที่เธอจำได้ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในห้องที่ เอธาน เฌอราส ปรากฏตัวจนถึงวันที่เขาวาร์ปเธอส่งให้กับยูรัสก็ไม่เคยมีการเอ่ยถึงเรื่องนี้สักครั้งเดียว เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาและกิจกรรมต่างๆรอบกาย โอกาสจึงมีอยู่เพียงครั้งเดียวยามเธอสลบไม่ได้สติตอนถูกลักพาตัวเท่านั้น

“เพราะอย่างนั้นถึงได้ขายฉันให้ยูรัส” แคเทรียนสรุปได้เองเมื่อได้ข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการมาไขข้อข้องใจ วุฒิสมาชิกหนุ่มเป็นลูกค้าที่คุ้นเคยกับเฌอราสดีจากการประมูลผู้หญิงทางช้างเผือก เขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการส่งหล่อนต่อไปให้หลังเสร็จสิ้นการเค้นข้อมูลไม่ว่าสลัดอวกาศผู้นั้นจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอหรือไม่ก็ตาม

“ด้วยตำแหน่งวุฒิสมาชิกค้ำคอ ยูรัสไม่มีทางทำอันตรายเพื่อนร่วมงานอย่างคุณแน่ แถมยังจะได้รับคำขอบคุณและการสำนึกในบุญคุณที่ให้ความช่วยเหลือคุณอีก” เธรอนเพิ่มเติมรายละเอียดให้อย่างเอื้อเฟื้อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางเหลือบมองคู่สนทนาด้วยดวงตาฉายประกายรู้ทัน “ในกรณีที่เขาไม่ได้มีเยื่อใยกับคุณนะ”

วุฒิสมาชิกสาวจากดาวบาโรว์ปรายตามองคู่สนทนาอย่างรำคาญใจเมื่อเผชิญกับการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้ชายช่างหลอกลวงที่ไม่ปรารถนาจะคิดถึงในขณะนี้ ความสนใจจดจ่ออยู่กับข้อเท็จจริงที่เพิ่งได้ทราบจากพ่อค้าอาวุธหนุ่มจนไม่คิดใส่ใจกับการยั่วแหย่นั้น

“แล้วศัตรูที่ว่าคือใคร”

ใครกันที่ทำให้เธอต้องถูกลักพาตัวแบบนั้น?

แม้นัยน์ตาสีม่วงอมน้ำเงินมองตรงมาราวกับจะสำรวจให้แน่ใจว่าหล่อนมีค่าพอที่เขาจะบอกความจริงข้อนี้ให้ทราบหรือไม่ หญิงสาวก็ยังคงรอคอยและจ้องกลับด้วยดวงตาแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน ครู่เดียวหนุ่มชาวคีเรี่ยนก็ละสายตากลับไปสู่จานอาหารเบื้องหน้า

“อาจจะเป็นเคเซรอส”




TBC.




เอาละค่ะ พักเรื่องรักมาต่อเรื่องอื่นๆกันบ้างเนอะ ^^

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปุณไปเที่ยวพักผ่อนค่ะ ก็เลยไม่ได้โพสต์นิยายต่อ หากทำให้ใครต้องรอก็ขออภัยด้วยนะคะ
ปุณแจ้งเอาไว้ในเพจ แต่เพื่อนๆที่ไม่ได้ใช้เฟซบุ๊คอาจไม่ทราบ ^^"

ตอนนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน แต่ก็พยายามหาเวลาและอินเทอร์เน็ตมาโพสต์ให้สาวๆอ่านกัน
เผื่อจะมีใครลงแดงไปเรียบร้อยแล้ว 5555

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ



ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2556, 15:30:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2556, 15:30:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1189





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
ปุณณารมย์ 5 ต.ค. 2556, 15:31:45 น.

ตอบคอมเมนต์จากตอนที่แล้วค่ะ ^^

คิมหันตุ์
กร๊ากกกก สรุปว่าเครียดทั้งตอนเลย ถึงจะได้กันแล้วก็ตาม ^^

sonakshi
พอให้ซู่ซ่าค่ะ ไม่งั้นเลือดจะพากันแข็งตัวทั้งคนเขียน ตัวละคร แล้วก็คนอ่านกันเลย เย็นเฉียบกันมาตลอดเรื่องเลยทีเดียว คริคริ


คิมหันตุ์ 6 ต.ค. 2556, 00:50:19 น.
ฮ่าาาาา เซส นี่ ยั่วตลอด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account