รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 1 : ตามติด

เกิดอยากเขียนหลอนๆ ต้อนรับฮาโลวีน ฉะนั้นจงเขียน...ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ พี่ภีมแปะโป้งรอก่อนน้า

..........................................................................................

ตึกร้าง เก่า คร่ำหลายตึกตั้งอยู่ เสียงฝีเท้าวิ่งกระทบพื้นดังสะท้อนดังในความเงียบอันน่าหวาดหวั่น หญิงสาวผมบลอนด์วิ่งหนีไม่คิดชีวิต เมฆหมอกลอยต่ำเป็นควันขาวรอบกายแบบไร้ที่มาที่ไป เท้าสองข้างหยุดวิ่งไม่ได้แม้ใจยามนี้อยากหยุดพัก เพราะเหนื่อยแทบตาย บางสิ่งอันน่ากลัวสยดสยองยังตามเธอไม่หยุดหย่อน...หยุดก็ตายอยู่ดี

สาวตาฟ้าวิ่งเลี้ยวเข้าไปในตึกหนึ่ง ขึ้นบันไดเหล็กสนิมเขรอะ จับราวเย็นเฉียบ พยุงกายขึ้นมา แต่เพียงแค่ถึงบันไดขั้นสุดท้าย มือเล็บแหลมยาว ที่มีเจ้าของใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดด้วยผิวตะปุ่มตะป่ำผุพอง เสียงหัวเราะในลำคอดังลั่น สั่นประสาท มันกำลังเงื้อง้างมือขึ้นสุดแขน และ

พรึ่บ

“กรี๊ดดด...” สมิตานันผลุบหายเข้าไปในกองผ้าห่มผืนหนาทันควันเพียงแค่ไฟในบ้านดับวูบ โทรทัศน์ที่กำลังฉายหนังดีวีดีเรื่องเฟรดดี้ ครูกเกอร์ หนังผีฆาตกรสุดโหดที่ไล่ล่าคร่าชีวิตคนในความฝัน

หญิงสาวก็เป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ของโลกใบนี้ที่มีความระทึก ชอบเสพย์สื่อหลอนๆ ไม่ว่าจะหนัง ละคร รายการ หรือแม้แต่หนังสือ อยากรู้ไปเสียหมด แต่สำหรับเรื่องกลัวไม่กลัวไหมนั้น...สมิตานันมั่นใจว่าความกลัวผีของเธอมากกว่าคนทั่วไปอีกเท่าตัว

และขนาดกลัวกว่าคนปกติเท่าตัว สมิตานันก็ออกจะบ้า ความคิดสาวขวัญอ่อนคือ เกลียด กลัวอะไร ก็ลองอยู่กับสิ่งนั้นให้มากๆ ไปอีก เผื่อเธอจะเลิกกลัวในสิ่งนั้น งานในรายการผี ทุกแขนง ตามล่าหาความจริงในเรื่องลี้ลับสารพันที่เธอกลัวนักหนา ถูกขุดคุ้ย แต่บางอย่างที่เธอหาคำตอบไม่ได้ โดยรายการที่เลื่องระบือไกลถึงความลองดีก็คือ รายการหลอนดีนัก เดี๋ยวจัดให้ สมิตานันก็จะทำลืมๆ ไป ให้จบไปในตอนนั้นๆ

แค่ชื่อรายการสมิตานันก็คิดว่ามันท้าทายอย่างบอกไม่ถูก...เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้สนใจไอ้เรื่องราวมองไม่เห็น พิสูจน์ก็ไม่ค่อยได้นี้ คนไร้เซ้นส์ มองไม่เห็นผี ไม่เคยรับรู้สัมผัสใดๆ ได้รับฉายาประจำกองถ่ายว่าเธอมันคนมีผีคุ้ม ในขณะที่ใครต่อใครขนลุกขนชัน รับรู้ความรู้สึกประหลาด วูบวาบ ที่เหนือคำบรรยาย สิ่งเดียวที่สมิตานันรู้สึกคือ กลัวความมืด เอะอะกรีดร้องแค่มีจิ้งจกตกใส่หัว

แต่คนขวัญอ่อน แต่ไม่เคยดวงตก กลับไม่เคยพบเจอสิ่งประหลาดทั้งที่ใจหนึ่งก็ชอบท้าทาย ถ้าหากหน้าตาของสมิตานันไม่ได้สวยเด่นจนเป็นน้องๆ ของแอฟ ทักษอร เชื่อได้ว่ารายการผีที่ชอบพิสูจน์เรื่องลี้ลับ กับพิธีกรไร้สัมผัสพิเศษ ขวัญอ่อนเป็นที่สุด อาจไม่ดังเปรี้ยงแบบนี้

ไฟในห้องกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง สมิตานันรีบหยิบรีโมทโทรทัศน์ใกล้มือขึ้นมาปิดหน้าจอก่อนที่เครื่องเล่นจะทำการฉายภาพการฆ่าของผีโรคจิตต่อ มองนาฬิกาบนหัวเตียงพบว่าเข็มสั้นกำลังแตะเลขเก้า หญิงสาวรีบลุกพรวด เกือบสะดุดผ้าห่มผืนหนาหน้าทิ่ม เข้าห้องน้ำจัดการเตรียมออกภาคสนามกับรายการหลอนดีนัก เดี๋ยวจัดให้


เสียงน้ำจากฝักบัวดังมาได้พักหนึ่ง เงาดำวูบไหวจากกำแพงค่อยพาดผ่านตามขอบห้อง ก่อนที่ที่นอนจะยวบราวกับถูกใครทิ้งน้ำหนักลงไป ทั้งที่ไม่มีวัตถุให้เห็นเป็นรูปร่าง เสียงถอนหายใจดังก้อง

ก่อนที่ภาพผู้ชายร่างสูงใหญ่ ในชุดสีดำสนิททั้งร่าง ยาวกรอมเท้านั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย โครงหน้าคมเข้ม คิ้วเรียวยาวดำหนา ดวงตาสีดำขลับ สันจมูกโด่ง และริมฝีปากกำลังเหยียดเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะในลำคอดังหลอน

ประตูห้องน้ำเปิดผัวะออกอย่างรุนแรง ผู้หญิงร่างผอมที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายกวาดตามองรอบด้านอย่างหวาดระแวง หูเธอได้ยินเสียงหัวเราะหลอนๆ ราวกับหลุดมาจากในหนังเฟรดดี้ ครูกเกอร์

“ผีมันหลุดมาจากในหนังได้ด้วยเหรอ...หูฝาดแน่ๆ”

“เฮ้อ”

“กรี๊ดดด...” เสียงถอนหายใจดังชัดขนาดเหมือนดังอยู่ข้างหูทำให้คนขวัญอ่อนขนคอลุกชัน กระโดดตัวลอยกลับเข้าห้องน้ำ น้ำหูน้ำตาพานจะไหล ความกลัวแล่นจับจิต

หลับตาท่องบทสวดมนต์ทุกบทที่พอจะนึกออก กลับหน้ากลับหลังด้วยสมองสับสนงงงวยสมิตานันก็ยังกลัว กลัวว่าออกไปคราวนี้จะมาเป็นรูปร่าง ยื่นเล็บยาวแหลมกระซวกหัวใจเธอ

“ไอ้ผีโรคจิต!...อย่าคิดว่าฉันจะกลัว เห็นอย่างนี้อย่าหวังได้เห็นขาอ่อนฉันเลย” ปากกล้าทั้งที่ขาสั่น สมิตานันมองบานประตูห้องน้ำสีขาวสะอาด อยากให้มันไปถึงอะไรก็ตามที่ส่งเสียงสั่นประสาทของเธอ นึกอยากเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอด ตากลับแข็งค้าง ไม่หลับง่ายๆ

“ขาเป็นท่อนซุง หน้าอกแบนเป็นไม้กระดานน่ะรึ ข้าไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าหวังที่จะได้ยล” จู่ๆ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาลึกลับ ปรากฏชัดทะลุผ่านประตูเข้ามา พูดวิจารณ์หุ่นเธอให้ฟัง

ในขณะที่สมิตานันตาค้าง เริ่มเหลือกลาน ปากอ้ากว้าง ขาแข็งขยับหนีไปไหนไม่ได้ ส่วนร่างตรงหน้ากำลังเคลื่อนช้าๆ ทะลุกำแพงมาทั้งตัว อาศัยความใหญ่ของตัวข่มให้ร่างเล็กรู้สึกตัวเล็กเท่ามด และก่อนที่มือใหญ่กำลังยกขึ้น เสียงที่หาไม่เจอก็แผดร้องลั่น

“กรี๊ดดดดดด...”


กริ๊งงง...

สมิตานันผุดลุกขึ้นนั่ง มือทุบไปบนนาฬิกาปลุก เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผากหัวใจระรัวแรงด้วยความหวาดหวั่น กายยังคงสั่นไม่หาย อีกนิดเดียว มือซีดๆ นั่นจะมาถึงตัวเธอ หญิงสาวหลับตา ยกมืออุ่นของตัวเองตบแก้มหลายทีให้ตื่นตัว และรู้สึกเจ็บ จึงแน่ใจว่าไม่ได้ฝัน

“แค่ฝันน่า มันแค่ฝัน” มองภาพจอโทรทัศน์เป็นสีเทา บอกว่าการแสดงความระทึกขวัญของภาพยนตร์จบสิ้นไปแล้ว สมิตานันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็อดกวาดมองตรวจตราบริเวณรอบห้องนอนอีกครั้งด้วยความเสียวไส้ไม่ได้

ว่างเปล่า...ปราศจากไอ้ผีชีกอปากเสีย ไม่รู้ว่าผีแบบนั้นมาผุดอยู่ในฝันของเธอได้อย่างไร สงสัยเธอจะทำงานหนัก หรือจับเรื่องโน้นมาโยงเรื่องนี้ให้วุ่นไปหมด

“มาขอส่วนบุญก็ไม่ทำให้หรอก นิสัยเสีย จะขอให้ทำบุญไปให้ล่ะสิท่า วันหลังมาทำท่าน่าสงสาร ค่อยคิดใหม่ละกัน” สมิตานันโวยเสร็จ มองชุดทำงานของตัวเองที่แต่งเรียบร้อยก่อนมานั่งดูภาพยนตร์ก็โล่งอก ความจำเธอช่างสั้นจริงๆ ในฝันถึงได้จำไม่ได้ว่าอาบน้ำไปแล้ว

โทรศัพท์เสียงหลอนประกอบหนังผีไทยดังขึ้นในความเงียบ และวังเวงของห้อง สมิตานันกดรับเยี่ยมหน้าไปดูหน้าประตูบ้าน เวลาสามทุ่มครึ่ง ได้เวลาออกล่าเรื่องลี้ลับของเธอแล้ว รถตู้ขนาดกลางน่ารัก ติดรูปหัวกะโหลก เขียนชื่อรายการแปะข้างรถกลัวคนไม่รู้ว่าหลอนดีนัก เดี๋ยวจัดให้ออกทำการ

“รู้แล้วค่า จะไปเดี๋ยวนี้” กรอกเสียงเสร็จ ร่างผอมเพรียวรีบเดินเร็วออกจากห้องไป งับประตู ยกมือพนมท่วมหัวให้เจ้าที่เจ้าทางปัดเป่าอะไรก็ตามที่หลอกหลอนในฝันของเธอไปให้พ้นหูพ้นตาพ้นฝัน

หึ...เสียงห้าวหัวเราะหยัน มองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หญิงสาวหวังมาใช้ขับไล่ตน โดยไม่รู้ว่าอะไรก็ตามมาผลักไสเขาไปจากชีวิตของเธอไม่ได้

สมิตานันไม่ใช่คนเดียวที่อยากหลุดพ้นจากเขา...นี่เธอคงคิดว่าตัวเองน่าพิศวาสนักสิ

“ชาตินี้ขอให้เป็นชาติสุดท้ายที่ข้าต้องตามติดเจ้าเถอะ พันปีมานี้ข้าเองก็รู้สึกจำทนเกินพอ” ภูตหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ไม่นานร่างของตนก็หายวับตามติดร่างระหงที่ขึ้นรถไป

เงารัตติกาลคืบคลานลอยตามไม่ห่าง ไม่ได้เกิดจากความพิศวาสตามแต่ชาติแรกที่ลาจากกัน ชาติแรกนิมมานจากสมิตาด้วยความรัก ความห่วงหา อาลัย รักที่ต้องเสียสละจนตัวตาย สาบานด้วยสัตย์ว่าจะรักมั่น ปกป้องเธอตลอดกาล แต่การต้องผูกดวงวิญญาณในรูปภูตแบบนี้ จริงๆ มันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก หากว่าทุกเดือน จะมีสี่วันต้องมาพบเจ้าหล่อนในทุกคืนวันพระ คลาดจากกันไม่ได้

สมิตานันคงไม่รู้ตัว ว่าเวลาเจ้าหล่อนทำงาน แล้วอยู่รอดปลอดภัยทั้งที่ทีมงานชอบไปหาเรื่องกับดวงวิญญาณอย่างพวกลองดี แล้วยังอยู่รอดปลอดภัย ถ้าไม่มีเขา ทีมงานนี้อาจได้ตายกันไปนานแล้ว...นิมมานมองสถานที่รกร้างของตึกเก่าที่รถทีมงานของหญิงสาวเพิ่งเคลื่อนที่มาจอด ดวงวิญญาณหลายดวงชะโงกหน้าจากตัวตึกลงมา แต่เพียงสัมผัสไอเย็นวาบ และคลื่นอำมหิตจากผู้ติดตามอีกตน สิ่งเหล่านั้นกลับพลันสูญหายไป

นิมมานกอดอก ขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ มองการทำงานของเหล่าทีมงานด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ สำหรับเขามันไม่เหมือนตามละครที่มนุษย์เหล่านี้ชอบดูกัน ความรักพันปีอยู่ยืนยงคงกระพันไม่แปรเปลี่ยน แต่ถ้าต้องตามติดชีวิตคนที่ตัวเองเคยมีใจปฏิพัทธ์ มองเห็นคนๆ นั้นทำทุกกิริยา บางชาติเป็นผู้หญิงแสนดี บางชาติเป็นนางมารร้าย หรืออีกชาติเกิดเป็นคนบ้าไม่สมประกอบ ชดใช้บาปกรรมจากชาติก่อน เกิดเป็นสัตว์น้อยก็ยังมี เป็นชายก็ยังเคย นิมมานรู้จักตัวสมิตานันดีกว่าเจ้าตัวรู้จักตัวเองด้วยซ้ำ

ความดีของเขาถึงเกณฑ์ที่สามารถใช้สิทธิ์ไปขอเกิดใหม่ได้ หลุดพ้นจากการเป็นภูตคอยเก็บดวงวิญญาณ ถ้าเพียงแต่ไม่มีคำสัญญาจากอดีตชาติตัวเองฉุดรั้งไว้ไม่ยอมปล่อย และมันจะหลุดพ้นได้ ถ้าเขาทำตามที่ท่านยมทูตกล่าว
‘สิ่งเดียวที่ปลดปล่อยท่านได้ คือการได้รับความรักตอบจากมนุษย์ผู้นั้น’

นั่นล่ะปัญหาใหญ่ ระหว่างการต้องมาพบสมิตานันทั้งปีทั้งชาติ นิมมานคิดว่าไปเกิดใหม่เสียยังดีกว่า แต่มันไม่ง่าย หลายๆ ชาติที่เขาไปโผล่หน้าให้สมิตานันเห็น รายนั้นก็สติแตก หวีดร้อง หรือตกใจหนีจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต กลายเป็นบาปของเขาไป บางชาติเจ้าหล่อนจิตแข็ง มองไม่เห็น หรือรับรู้การมีตัวตนของเขา

ชาตินี้ของเธอเขาถึงต้องระวัง...สมิตานันควรรู้ว่าชีวิตนิรันดร์ แท้จริงมันไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่า...สำคัญที่สุด เขาเหงา...และเธอต้องเอาหัวใจมาปลดปล่อยพันธนาการสัญญาของเขา

“ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน” เสียงหัวเราะของภูตขี้เหงาดังไปถึงหูของสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตทุกสรรพสิ่ง นิมมานกระตุกยิ้ม ดวงตาสีดำลึกลับมีประกายสีแดงจัดจ้าขึ้น

ผู้ชายตัวผอม แขวนเครื่องรางเต็มตัว สะพายย่าม กอดอกมองมาจากด้านบนด้วยความแน่วนิ่ง ตรงข้ามกับกองถ่ายที่เหลือ ต่างตัวสั่นงันงก ยกมือไหว้ หลับหูหลับตาท่องภาวนาเรียกหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

นิมมานเลิกคิ้วมองมนุษย์กล้าแกร่ง จิตแข็ง และมีวิชาตรงหน้า หายตัวไปปรากฏบนอากาศว่างเปล่า ห่างจากร่างของพุทธาสองก้าว

“เจ้ามนุษย์ อยากท้าทายข้านักรึ”

พุทธาไม่ตอบแต่กระตุกยิ้มมุมปากกลับ ดวงตาแดงก่ำทอดมองกดดันให้ร่างของนิมมานต้องทรุดฮวบตกจากอากาศทันควัน นิมมานมายืนนิ่งทางด้านหลังสมิตานันอีกครั้ง รู้สึกถึงความเจ็บชั่ววูบหนึ่งตอนโดนพลังจิตนั่นซัดใส่ พุทธาหันกลับมาทำตาวาวแดงโรจน์ หัวเราะเสียงห้าวลึกกังวานอาณาบริเวณ กองถ่ายหลอนดีนักเดี๋ยวจัดให้ถอยกรูกันมาหลังชิด กอดกันกลม

สมิตานันไม่สนว่าจะคว้ามือใครได้ ขอยกขึ้นมาจับ สัมผัสเย็นเฉียบ น่าขนลุกของมือข้างนี้ คงเกิดจากความกลัว หลอนตรงหน้า หญิงสาวนึกปลอบใจ ลูบมือเย็นเฉียบไปมา หลับตาแน่น ทีมกองถ่ายไม่มีใครกล้าวิ่งหนี ส่วนหนึ่งเพราะไม่สามารถทิ้งพุทธาไปได้

เสียงหัวเราะเงียบลง แต่การก้าวย่างของรองเท้าดังกระทบพื้นปูน ดูก้องกังวานในความเงียบ ผู้กำกับของกองถ่ายตั้งท่าเตรียมวิ่งหนีก่อนใคร

“อยากรู้นัก ข้าก็มาให้รู้แล้วไง ถ่ายไว้สิ” เสียงที่เปลี่ยนแปลงจากเสียงเดิมของพุทธา ทุ้มต่ำ ไหนจะดวงตาแข็งกระด้าง ไร้ชีวิตนั้นอีก ผิวของชายหนุ่มรุ่นน้องของสมิตานันขาวซีดจนน่ากลัว

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจอันหลอกหลอนยิ่งกว่าดังข้างหูหญิงสาว สัมผัสเย็นเฉียบที่สัมผัสได้หายวับไป ทิ้งไว้แค่ความรู้สึก สมิตานันมั่นใจว่าก่อนหน้าเธอได้สัมผัสความเย็นยะเยือกหยาบของมือนั้นจริงๆ เข่าสองข้างเกิดอ่อนยวบกะทันหัน เป็นจังหวะเดียวกับที่พุทธาก็ทรุดลงกับพื้น

สมิตานันไม่รู้สึกอะไรอีก เสียงความวุ่นวายค่อยๆ ถอยห่างออกไปไกลจากตัวเธอ จากที่คิดว่าจะได้พบเจอความมืดครอบงำ แต่ทุ่งหญ้าพลิ้วไหว มีสายลมพัดผ่าน และเธอเหมือนสัมผัสได้ รายล้อมรอบกาย แผ่นหลังผู้ชายคนหนึ่งยืนมองพระอาทิตย์สีส้มดวงโต ก่อนหันกลับมา เสียงนุ่มพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างคนใจดี

“รอตั้งนาน สมิตาที่รัก”

..........................................................................................
อารมณ์เปลี่ยนเกิดอยากเขียนนิยายผีต้อนรับฮาโลวีน คิดพล็อตออกเมื่อวาน เลยขอเลื่อนพี่ภีมออกไปก่อน แต่เดี๋ยวเขียนพี่ภีมแน่นอนค่ะ เบรกทิ้งระยะ อยากเขียนอะไรหลอนๆ โรแมนติก โรแมนติกอีกแล้ว เหรอออ ก็ไม่รู้สินะ ฝากนิมมานกับสมิตานันด้วยนะคะ จะไปคู่กันได้ยังไง หรือรักกันได้ไง ไว้มารอลุ้นกันค่า




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2556, 00:59:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ย. 2556, 02:38:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2428





   บทที่ 2 : เจอจังๆ หนีทั้งกอง >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 1 พ.ย. 2556, 02:47:47 น.
ไรเตอร์ อินเทรรด์สุดๆๆ
ยังไงเค้าก็รอนะเคอะ ทั้งพี่ภีม ทั้งที่รักของสมิตา คิๆๆ


ใบบัวน่ารัก 1 พ.ย. 2556, 06:46:38 น.
เป็นผีแล้ว
รอรัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account