รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 2 : เจอจังๆ หนีทั้งกอง

“รอตั้งนาน สมิตาที่รัก”

หล่อ...แสงแดดทออ่อนลามไล้ผิวกายน้ำตาลอ่อนของเขาได้อย่างน่ามอง ดวงตาลึกล้ำจ้องมองสบกันไม่วางตา ถึงชุดของเขาจะเป็นชุดสีดำยาวกรอมเท้าอย่างกับพวกหนังเดอะแมททริกซ์ ผู้ชายตรงหน้าดูลึกลับ แต่ก็น่าแปลกที่สมิตานันรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับว่าเคยพบเจอกันมาก่อน...

“ฉันรู้จักคุณด้วยเหรอคะ...ทำไมถึงจำไม่ได้”

ร่างสูงเดินยวบยาบเข้ามา ภาพวิวทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสวยงามพลันกลายเป็นน้ำตก ป่ารกชัฏ ตามแง่งหินมีเขียวตะไคร่ขึ้น สมิตานันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน...แต่น่าแปลกที่เธอกลับลงความเห็นให้ตัวเองได้อย่างดี

ความฝัน...ต้องรีบตื่น

“รอเดี๋ยว” คำพูดนุ่มหูฉุดรั้งผู้หญิงที่กำลังบีบให้ตัวเองหลุดจากภาพฝันนี้ นิมมานก้าวมาประชิดตัวสมิตานัน ที่เผลอถอยหนีไปก้าวหนึ่ง ดวงตาลึกล้ำสะกดดวงตาสีน้ำตาลเข้มสวยให้หยุดมองเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้

“มีอะไรอีกคะ”

“ข้ารู้จักเจ้า” เสียงมีพลังกล่าวเนิบ ยกมือสัมผัสแก้มนุ่มอุ่นด้วยความทะนุถนอม “ข้าชื่อ...” แต่ภาพตรงหน้าเหมือนเริ่มขาดหาย เสียงไม่ออกจากปาก หรือหูของเธอเองที่ไม่ได้ยิน แรงบางอย่างฉุดรั้งสมิตานันให้ดิ่งวูบลงในหุบเหวลึก

ก่อนที่แสงสว่างจ้าจะต้อนรับเธอ...นั่นผู้กำกับ หรือแม้แต่เจ้าพุทธา ที่กำลังเอาอะไรเย็นๆ มาแตะบนหน้าผากของเธอ

เกิดอะไรขึ้น...

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ หูอื้อไปชั่วขณะก่อนที่เสียงกรีดร้องดีใจของพี่สไตล์ลิสประจำกองจะเรียกร้องสายตาทุกคู่ให้มองตรงมาที่เธอ

“น้องตี้ฟื้นแล้วค่ะ น้องตี้ฟื้นแล้ว โหย อกอีแป้นจะแตก”

ว่าแต่นี่มันเรื่องอะไร...ทำไม มีอะไร แล้วผู้ชายชุดดำทะมึนใช้คำสรรพนามโบร่ำโบราณใครกันอีก

สมิตานันมองบุคคลแวดล้อมด้วยสายตางงงัน สติสตังยังมาไม่ครบ แล้วทำไมหน้าตาของใครต่อใครถึงได้เป็นห่วงเป็นใยเธอนัก “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ...ทำไมต้องเอาพระมาแปะหน้าผากตี้ด้วย” หยิบวัตถุกลมเย็นเฉียบด้วยโลหะขึ้นมอง ภาพเพดานของอาคารร้างอยู่ในสายตา

“ตี้ เธอต้องทำบุญขนานใหญ่แล้วรู้ตัวไหม” เพื่อนร่วมงานร่างยักษ์เพศชายหัวใจหญิงปรี่มาประคองสมิตานันให้ลุกขึ้นนั่ง ยาดมหลอดยาวปัดป่ายอยู่ใต้จมูก ใครมีกระดาษรีบนำมาพัดวีให้อย่างพร้อมเพรียง

“มันเกิดอะไรขึ้นคะเจ๊” สมิตานันถามรุ่นพี่สไตลิสต์ร่างใหญ่ด้วยความสงสัย มีแรงพอจะยืนได้เองกวาดตามองว่าในที่นี้พอมีใครตอบคำถามให้เธอบ้างไหม

กมลทำหน้าอึดอัดใจ จมูกโตบานออกเพราะหายใจแรง แก้มเนื้อเยอะเป่าลม เบะปาก มีความลังเลใจอัดแน่น ส่งสายตาเว้าวอนไม่อยากเป็นคนตอคำถามนั้นเอง

“ทำใจให้สบาย เดี๋ยวพี่มีอะไรให้ตี้ดู” บูรณ์ผู้กำกับวัยสามสิบปลายๆ ในฐานะผู้กำกับที่เกือบจะหนีเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่อยู่รอมร่อตัดสินใจได้ในที่สุด “เพราะงานนี้ตี้กับพุทจะกลายเป็นตัวนำหลักในเทปหน้าของเรา”

ตัวนำหลักของบูรณ์คงไม่ใช่แค่คนนำเสนอความหลอนของสถานที่เพียงอย่างเดียวแน่ๆ สมิตานันสบตากับพุทธาเด็กรุ่นน้องที่มีของดีสารพันติดตัว แต่ก็บ่อยครั้งที่มักจะโดนดีเพราะร่างกายเป็นสื่อกลาง อะไรก็พานเข้าสิงได้โดยง่าย ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เธอไปมีเอี่ยวด้วยได้อย่างไร คนที่ทำรายการผีมากว่าหกปีไม่มีวี่แววจะพบเจอสิ่งเร้นลับ จู่ๆ จะเกิดเรื่องให้คนแตกตื่นมันจะเป็นไปได้จริงหรือ

จอมอนิเตอร์ถูกกดภาพที่บันทึกไว้ ในขณะที่ทีมงานส่วนหนึ่งถึงกับเบือนหน้าหนี ขนคอลุกกัน มีเพียงพุทธากับสมิตานันที่ยึดพื้นที่หน้าจอ ภาพพุทธาล้มหมดสติถูกฉายต่อหลังจากนั้น และเธอก็ล้มฟุบไปกับพื้นเช่นกัน

เป็นกมลที่ชี้มือไปยังเสาต้นที่ใกล้ตัวสมิตานัน เงาดำวูบไหวก่อนทะลุร่างหลับสนิทของหญิงสาว มือของกมลกำลังเอื้อมมาเพื่อลากร่างสลบใสลของเธอรีบกระโดดหนีตัวลอย ร่างของเธอลุกขึ้นนั่ง ดวงตาขุ่นขวาง ไม่เป็นมิตรกราดมองไปทั่ว

“พวกมึงไสหัวออกไป!” เสียงห้าวของตัวเองตะโกนลั่น คนที่นั่งดูตัวเองโดนบางสิ่งบางอย่างเข้าสิงยกมือปิดปาก ตาค้าง รู้สึกหนาวหลังขึ้นมา “มึง เอาอีนี่ไปจากที่นี่ ก่อนกูจะมีน้ำโห ไล่ฆ่าพวกมึง”

พี่กมลที่แม้ใจจะเป็นหญิง แต่ความเป็นชายที่ไม่กลัวอะไรง่ายๆ ยังยืนหยัด ในฐานะที่ผู้กำกับวิ่งหน้าตั้งไปเกาะกลุ่มอยู่ตรงบันไดทางลงของตึกร้างเรียบร้อย

“คุยกันดีๆ ก่อนนะพี่จ๋า น้องเขายังไม่ทันลบหลู่อะไรพี่เลย จะฆ่าจะแกงอะไร พวกเราแค่มาทำงานกันเท่านั้นเองนะจ๊ะพี่สุดสวย”

“กูผู้ชายเว้ย!”

เอิ่ม...เสียงหัวเราะหลุดมาจากทีมงาน ที่แม้จะกลัวกันหัวหด แต่ไม่วายหูดีคอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาไม่มีพลาด กมลส่งค้อนวงโตฟาดไป ก่อนทำท่าระริกระรี้ “พี่รูปหล่อจ๋า” ดัดเสียงอ่อนเสียงหวาน กระพริบขนตางอนยาวที่จับแต่งมาเป็นพิเศษ “น้องตี้เขาไปทำอะไรพี่น่ะ พี่อย่าทำอะไรน้องตี้นะ เป็นผีแล้วยังทำบาปจะไม่ได้เกิดนะพี่”

“มึงไม่ต้องมาสอนกู ไปเกิดใหม่เป็นผู้หญิงให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาสอน”

กมลหน้าบึ้งตึง นึกอยากเตะผีขึ้นมา ถ้าไม่เกรงว่าร่างของสมิตานันจะพานเจ็บตัวไปด้วยล่ะก็ “แล้วสรุปน้องตี้ไปทำอะไรให้ยะ ว่ามาเลย จะเอาเป็ดไก่ หรือตุ๊ดไปเซ่นไหว้ก็ว่ามา ปล่อยน้องตี้เป็นอิสระสักที”

“อย่าไปเจรจากับผีเร่ร่อนเลยเจ๊” คนที่สลบอยู่ไม่ไกลได้สติเสียที กมลทำหน้าโล่งอก รีบไปออเซาะ ทำตัวอ่อนแอ มือประคองพุทธาให้ลุกขึ้น

“พุทช่วยเจ๊ด้วย เจ๊กลั๊วกลัว สงสารน้องตี้”

พุทธาไม่พูดพร่ำ ถอดสร้อยพระที่ใส่ติดกายมายกพนมไหว้อาศัยพระพุทธคุณอันบริสุทธิ์มาคุ้มครองสมิตานัน และเดินมุ่งหน้ามาวางวัตถุนั้นแตะบนหน้าผากของหญิงสาว เสียงโหยหวนเจ็บปวดดังก้องไปทั่ว ก่อนที่ร่างเพรียวระหงทรุดลงไปนอนกองกับพื้น ไม่นานหลังจากนั้นสมิตานันก็ได้สติ

คนอยู่เบื้องหลังจอมอนิเตอร์มองการกระทำของตัวเองในช่วงนาทีอันไร้สติด้วยความตะลึงงัน ยกมือลูบขนแขนลุกชันไปมา สิ่งที่เกิดขึ้นลบล้างภาพความฝันอันแปลกประหลาดไปจนหมดสิ้น

“พุท นายรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ผีตนนั้น กลัวพี่”

“กลัวฉัน” ทวนคำประหลาดใจ “แต่มาเข้าสิงฉันเนี่ยนะ” อาการขนลุกไล่ขึ้นจากหลังมาถึงคอ จนหญิงสาวต้องห่อไหล่ มองรอบด้านอย่างหวาดระแวง กลัวจะมีอะไรแปลกประหลาดพุ่งเข้าใส่ตัวอีก

“พี่มีบางอย่างคอยติดตามอยู่ไม่รู้หรือไง...ใหญ่พอที่จะทำให้สัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อน กลัวจนต้องมาไล่ให้กลับไปด้วยตัวเอง”

สมิตานันตั้งใจจะถามเค้นคนรู้เยอะให้ตัวเองรับรู้ว่าอะไรตามติดชีวิตเธออยู่ กมลรีบเข้ามาตรวจตราน้องรัก และพากลับไปนั่งรอที่เหลือในรถ ในขณะที่พุทธาต้องอยู่เคลียร์พื้นที่กับทีมงานต่อ

“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะตี้ พี่ล่ะใจหายใจคว่ำ เยี่ยวเกือบราดให้อายผี” กมลกอดแขนสมิตานันแน่น ได้ยินจากบทสนทนาของรุ่นน้องทั้งสองว่าสมิตานันมีของดี เธอก็เชื่อเต็มร้อย ขออยู่รอดปลอดภัยดีกว่าผจญกับอะไรที่รออยู่บนตึกร้างนั้นดีกว่า

“ขอบคุณนะเจ๊ ขนาดกลัว เจ๊ยังเล่นหูเล่นตากับผีได้” สวนกลับไปไม่ให้บรรยากาศออกแนวน่าขนลุกขนพอง โทรศัพท์ที่สมิตานันฝากไว้กับกมลก็ดังให้หนุ่มร่างใหญ่แต่ใจเล็กสะดุ้งสุดตัว

“น้องตี้ทำพี่หลอนไม่เลิกเลยนะ”

คนเพิ่งโดนผีเข้าหัวเราะขัน รับโทรศัพท์มากดรับ ยิ้มหน้าบานกับเลขหมายปลายทาง “ว่าไงมิลัน ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ”

“สุขสันต์วันเกิด พรุ่งนี้มีวันหยุด ไปทำบุญที่ไหนไหม จะไปด้วย”

“วันเกิด...จริงเหรอ” คนทำงานลืมวันลืมคืนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนร้องอุทานลั่น “ว้าย วันนี้วันฮาโลวีนใช่ไหมมิลัน ให้ตายสิ ถึงว่าผีเพ่นพ่านเชียว ต้อนรับอายุยี่สิบเจ็ดของฉันเชียวนะ”

สมิตานันมองนาฬิกาข้อมือของตนที่เลยเที่ยงคืนมาได้ครึ่งชั่วโมง เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก ไม่รู้ว่าอีกเหตุผลที่เธอชอบเรื่องลี้ลับ มองด้วยตาไม่ได้นี่เหตุผลเพราะดันมาเกิดในเวลาเที่ยงคืนวันฮาโลวีนด้วยหรือเปล่า

แล้วทำไมอายุตั้งยี่สิบเจ็ดเธอถึงเพิ่งมาเจอะมาเจอเรื่องพรรค์นี้...หรือจะเป็นอย่างที่พุทธาว่ามา เธอมีบางสิ่งติดตาม...บรื๋อ น่ากลัว

“ตายแล้ว ฮาโลวีน ค่ำพรุ่งนี้ปาร์ตี้ชุดผีกับแฟนรายการนี่นาน้องตี้” กมลเตือนความจำมาจากในรถ สมิตานันยิ้มเบิกบาน งานโปรดของเธอ ที่กลายๆ จะเป็นงานประจำวันเกิดไปด้วย

“สนใจมางานผีๆ ของฉันไหมมิลัน ระทึก ทำบุญเสร็จก็มาหลอนต่อ”

คนเรียบร้อยที่เป็นถึงคุณหมอจิตเวชมาหมาดๆ หัวเราะครืน “ขอไปทำบุญอย่างเดียวได้ไหม เรื่องหลอนๆ เราเจอที่วอร์ดมามากพอแล้ว”

“ระวังเจอฤทธิ์ตื๊อตลอดการทำบุญอย่าหาว่าตี้ไม่เตือน”

สมิตานันพิงรถคุยโทรศัพท์พยายามไม่มองไปที่ตึกร้าง แต่เสียงวิ่งเฮโลกันลงมา มือแบกอุปกรณ์ในกองถ่าย หน้าตื่น หัวตั้ง ขนาดพุทธายังโดนผู้กำกับลากลงมาด้วยตัวเอง ปากเอ็ดตะโรมาแต่ไกล

“เรื่องของผีกับผี คนไม่เกี่ยวโว้ยยย”

คนคุยโทรศัพท์ค้างรีบวางสาย รีบไปยึดที่นั่งต่อจากกมล กอดเจ๊มลคนแกร่งไว้แน่น ขณะที่อีกด้านเป็นของวิชชี่ คนคิดเรื่องท้าทายสิ่งเร้นลับประจำกอง เป็นเจ้าแม่สคริปต์สยองขวัญ นั่งพนมมือท่วมหัว ผมชี้ฟู ปากพึมพำไม่ได้หยุด

“ตายๆ เป็นผียังมาสู้ให้คนดูอีก ลูกช้างยังไม่ทันท้าทายใครเลยนะเจ้าคะ อย่ามาหลอกมาหลอนต่อหน้าต่อตาแบบนั้นเลย”

ส่วนบูรณ์ที่นั่งอยู่ด้านเบาะหลังคู่กับตากล้อง สั่นเป็นเจ้าเข้า ปากซีด ผมชี้เด่ นิ้วชี้ไปหน้ากระจกรถ คำพูดค้างอยู่แค่ริมฝีปาก

“ผะ...ผะ ผะ”

ไม่มีใครอยากให้นิยามกับภาพบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายคน เสื้อเปื้อนเลือด ดวงตาห้อยรุ่งริ่ง จมูกแหว่ง ลอยมากระทบหนักบนกระจกรถเสียงดังตุ้บ ก่อนมีเงาดำใหญ่วูบไหวลอยมากระชากร่างขาวโพลนผิวซีดลอยคว้างในอากาศ

และผู้รับรู้เหตุการณ์...เสียงกรีดร้องลั่นรถ

“กรี๊ดดดด...อ๊ากกกก”

รถตู้ถอยหลังยาว ก่อนหักพวงมาลัย แล่นออกจากบริเวณน่ากลัวนั้นแบบไม่เหลียวหลัง เสียงในรถยังแข่งกันร้องไม่หยุดหย่อน ยกเว้นหนึ่งหนุ่มอย่างพุทธา มองกลับหลังไปพบแสงสว่างสีขาววาบขึ้น ปรากฏชัดเจน บุคคลที่คนอื่นเห็นเป็นเงาดำ แต่คนที่อยู่กับความสามารถพิเศษพวกนี้มองด้วยความสงบ และรู้แน่ชัด ว่าใครมาจัดการผีที่เข้าสิงสมิตานัน ในเมื่อบุคคลผู้นั้นแต่งตัวได้ไม่ต่างกับสิ่งลี้ลับที่คอยใช้เขาเป็นสื่อกลางเสมอ...ภูต


“พอแล้วนิมมาน”

ภูตหนุ่มกำลังง้างฝ่าเท้าเพื่อเหยียบดวงวิญญาณอันต่ำต้อยให้จมหายตายดับไปอีกรอบหยุดอีกแค่หัวไม้ขีด วิญญาณสะบักสะบอมหลายดวงนอนโอดครวญ ทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดกับการโดนสั่งสอนให้หลาบจำ

“ท่านยมทูต”

นิมมานถอยหลบไปหลายก้าว ถอนหายใจเฮือกยาวด้วยความเคืองแค้น “พวกมันกล้ามาทำร้ายสมิตา มันกล้าลองดีกับข้า”

“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้มีใจผูกพันอะไรกับมนุษย์คนนั้นแล้วไง”

นิมมานหัวเราะ มีคำตอบแน่นอนในใจ “ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าต้องรอถึงอีกหนึ่งชาติ หรืออาจมากกว่านั้น ข้าไม่ต้องการรออีกแล้ว ข้าอยากไปเกิดเสียที เรื่องผูกพันอะไรนั่นสำหรับข้ามันหมดไปนานแล้ว ข้าอยากมีครอบครัว มีชีวิตอย่างที่ข้าเคยมี”

“ทั้งที่พวกมนุษย์กลับโหยหาชีวิตนิรันดร์ อยากเป็นเทพ อยากขึ้นสวรรค์ หรืออยากมีอิทธิฤทธิ์ เป็นพ่อมดหมอผีก็ยังยอม นั่นน่ะรึที่เจ้าอยากเป็น” ร่างกายสูงใหญ่ ในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับนิมมานเดินเสียงลงเท้าหนัก ยกมือวาดกลางอากาศเพียงนิด ดวงวิญญาณที่นอนเกลื่อนบนพื้นถูกจับใส่โหลแก้วใสไว้ “ถ้ากลับไปเป็นมนุษย์สักวันเจ้าก็ต้องเป็นเหมือนพวกนี้”

“ชีวิตของมนุษย์เลือกได้ แต่พวกเขามักใช้ความอยากเป็นตัวเลือก แต่ข้าจะขอลิขิตชีวิตของข้าเอง...การเห็นใครต่อใครผ่านไปมา จากแล้วก็ตาย สำหรับท่านมันเป็นความจริงที่ดีจริงเหรอ”

ดวงหน้าคมคร้าม หัวคิ้วชี้ขึ้น ดวงตาของยมทูตไม่ได้ดุอย่างที่มนุษย์กลัว “ใช้แบบเราสินิมมาน หาร่างมนุษย์สักร่างแล้วก็ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ เบื่อๆ ก็ออกมา”

“แบบที่ท่านสิงเจ้าหน้าอ่อนนั่นใช่ไหม”

ครามหัวเราะก้องไม่ตอบก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ชัดว่าใครที่ซัดตนตกตึก...”จากนี้คงง่ายขึ้น...แค่วันแรกเจ้าก็ทักทายสมิตาของเจ้าถึงในฝันได้เชียว แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ครอบงำความฝันนั้น เจ้าเหมือนพาวิญญาณส่วนหนึ่งของสมิตาออกมาด้วย หากมีอะไรไปสิงสู่ในร่างนั้นอย่างที่เพิ่งเกิดก่อนหน้า บ่อยๆ เข้า ร่างที่ดวงตกอาจตายตกตามไป”

นิมมานหน้านิ่งขึ้น ในใจรู้ดีว่าตนรอเวลาเหมาะเจาะนี้มานานเท่าไหร่ วันที่สมิตานันดวงตกมากที่สุดในชีวิต และเขาจะทำอะไรเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อหน้าเธอได้มากขึ้น


ห้านวมผืนหนาห่มร่างเพรียวในกองผ้า เริ่มเคลื่อนไหว ผงกหัวขึ้นมาขอบตาดำคล้ำ ผมยาวถูกขมวดเก็บไว้กลางศีรษะ กันการชี้ฟูด้วยเหตุผลกลัวผีจนขึ้นสมอง แสงอาทิตย์อ่อนยามเช้าเริ่มไล่แตะขอบหน้าต่างพอให้คนขวัญอ่อนใจชื้น ไม่รู้หรอกว่าตำราผีกลัวแสงสว่างจะจริงแท้แค่ไหน แต่อย่างน้อยแสงสว่างก็เปรียบดังลมหายใจของทุกชีวิตพร้อมเพรียงกันตื่นขึ้นมา หากเธอจะเจอ...เธอก็ไมได้เจอคนเดียว

ดวงตากวาดมองห้องนอนอันอบอุ่นของเธอด้วยความหวาดหวั่นที่ยังไม่หาย หลังจากรถทีมงานมาส่งหน้าบ้าน หลายเสียงสนับสนุนให้เธอกลับไปนอนด้วยกันที่สำนักงาน แต่ตอนเช้าเธอมีนัดกับปาริตา สู้กลับมานอนในบ้านสองชั้นขนาดกลางของเธอให้อุ่นใจยังดีกว่า

อาการขนลุกชันยังไม่หาย แค่เคลื่อนตัวสมิตานันก็รับรู้ว่าตัวเองใกล้บ้าเต็มที ทำไมถึงรู้สึกว่าถูกใครต่อใครจับจ้องไม่คลาดสายตา เธอไม่ได้เล่นเกมเรียลลิตี้โชว์ใครหรอกนะ

“ถ้าเห็นอะไร ก็ให้ทำเป็นมองไม่เห็น”

มาจากไหนอีก...สมิตานันรู้สึกว่าตัวเองใกล้บ้าเต็มแก่ กอดตัวเองแน่น ยกมือปิดหู ไม่อยากรับรู้ใดๆ

“ฟังข้าให้ดีสมิตา” ข้อมือเล็กถูกกระชากออกไปด้วยสัมผัสเย็นเฉียบจับขั้ว จนสะดุ้ง สมิตานันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเธอตื่นจริงหรือเปล่า แล้วเขา ชายที่เธอเห็นในฝัน มาอยู่ในห้องเธอได้อย่างไร

อยากจะกรีดร้อง เสียงมันไม่ยอมออก แล้วถ้าเขาทำมิดีมิร้ายกับเธอล่ะ...กรี๊ดดดด หญิงสาวได้แต่กรีดร้องในใจ โหยหวนจนคนที่อ่านความคิดนั้นออกต้องเขม็งมองดุ

“หยุดนึกเรื่องอุบาทว์ที่ข้าไม่เคยคิดสักทีสมิตา ข้าแค่มาเตือนเจ้าให้เลิกสติแตก แล้วเริ่มคุ้นชินกับมันได้แล้ว” ยกมือประกบแก้มนุ่ม ให้มองหน้ากันชัดๆ หน้าหล่อห่างจากสมิตานันไม่ถึงคืบ แต่แววตาดุจัด และมีอำนาจบางอย่างสะกดให้หญิงสาวหยุดมอง ทำให้เธอเผลอยอมรับฟังโดยง่าย

“ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เจ้าก็ต้องฟัง ไม่ว่าอะไรจะผ่านตาเจ้า อย่าไปสนใจ อย่าไปมอง อย่าไปรับรู้ ข้าไม่อยากให้เจ้าบ้าตายเข้าใจไหม”

แค่เขาคนเดียวก็ทำเธอบ้าได้...สมิตานันกลืนน้ำลายลงคออึกโต ตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันไม่มีเงินทองของมีค่าติดบ้านหรอกนะ บ้านนี้ฉันก็อยู่คนเดียว พ่อแม่ไม่อยู่ แกมาพล่ามอะไรให้ฉันฟัง รีบไปก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจ ฉันไม่ได้ขู่นะ ฉันทำแน่ อย่าคิดว่าหล่อ...แล้วใจฉันจะอ่อนระทวย รักแรกพบ เหอะ อย่าฝัน”

“แต่เจ้ากำลังฝันผู้หญิงบื้อ...จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าก็ช่างปะไร ถือว่าข้าทำบาปกับเจ้ามามาก”


“มาเจอคนแบบคุณต่างหากที่บาปน่ะ” ปากสวนกลับไปเสียงดังลั่น

ฝัน...คนหลับตาสะดุ้งตื่น รู้สึกถึงความจริงบางอย่าง ยกมือตบแก้มตัวเองทดสอบว่าจริงแท้แค่ไหน ยังไม่มั่นใจพอจนต้องหยิกเนื้อที่แขนจนหน้าเบ้

นี่สิของจริง...ปราศจากคนแปลก แล้วเธอไปนึกถึงเขาตอนก่อนนอนหรือไง เรื่องที่ตึกร้างทำเธอคิดอะไรไม่ออกสักอย่างเดียว นอกจาก กลัวผีขึ้นสมอง

“ฝันอะไรเหมือนจริงชะมัด แกต้องเครียดไปแล้วนังตี้” ยกมือบีบนวดขมับสองข้าง รายการหลอนดีนัก เดี๋ยวจัดให้ทำเธอหลอนสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มาทำงาน ทั้งโดนผีเข้า หรือผีสู้กับผี แล้วยังจะฝันประหลาดนั่นอีก ขอโทษเถอะคนอยากเจอตอนนี้ขอเปลี่ยนสถานะเป็นแค่เคยอยากเจอยังทันไหม

อยู่กันคนละภพละชาติดีแล้ว...

......................................................................................


เป็นเรื่องที่คิดว่าจะเอาใครมาเป็นเพื่อนตี้ดี คิดอยู่ไม่นาน หมอจิตเวชน่าจะเหมาะที่สุด ฮา ไว้เจอมิลันในเรื่องนี้ค่ะ ไว้ให้หายคิดถึง อิอิ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ คิดพล็อตนี้ออกเพราะไปอ่านเรื่องอะไรมาย่อหน้าหนึ่งค่ะ คันมือเลยลงมือซะเลย โชคดีฮาโลวีนพอดี พล็อตนี้ก็ทำคนเขียนฝันร้ายมาสองคืนติดแล้ว นิมมานหลอกหลอน ฮิ้ววว...

คุณ ใบบัวน่ารัก รอรักไหมไม่รู้ แต่นิมมานต้องทำให้สมิตาหลงรัก ถ้าใครเป็นนางเอกเรื่องนี้อาจจะบ้าไปแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่มากดไลค์ และอ่านด้วยนะคะ

ไว้พามิลันมาทักทายค่ะ ตอนหน้า หมอจิตเวชกับคนเห็นผี เพื่อนกันเป็นอะไรที่เหมาะมาก หัวเราะอย่างชั่วร้าย



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ย. 2556, 01:19:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2556, 17:35:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1789





<< บทที่ 1 : ตามติด   บทที่ 3 : การปลอบโยนคน(ไม่อยาก)เห็นผี >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 2 พ.ย. 2556, 21:04:15 น.
โอ้ยยยย ท่านนิมมาน มาแบบนี้ เค้าเองยังไม่รู้เลยว่า เรื่องจริง หรือฝันไป
ชอบแอบคิดไปว่า ท่านมาจริง แต่ทำให้รู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน (คงจิอินมากไป) 5555


ปอกะเจา 3 พ.ย. 2556, 15:48:33 น.
นางเอกตลกมาก อ่านแล้วหยุดขำไม่ได้ คุณนิมมานก็น่ารักกกกกกกก ถ้าแบบนี้สักตนรักตายเลย 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account