เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: กุหลาบสีเขียวจากไป

“จะไปจริงๆเหรอพี่เขียว”

เสียงวิงวอนของเด็กสาวแรกรุ่นในยามวิกาลเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ มุกดาวิ่งตามพี่สาวคนโตของหล่อนลงมาจนถึงประตูหน้าบ้าน ดึกสงัดราวตีสอง มรกตตัดสินใจเด็ดขาดหลังจากเคยเปรยให้น้องสาวอย่างมุกดา ผู้ซึ่งหล่อนไว้ใจมากที่สุดรู้ถึงแผนการความลับขั้นสุดยอด

“ไม่อยู่ดูพี่แพรเดินพาเหรดด้วยกันหน่อยเหรอ พรุ่งนี้เองอะ”

เจ้าของใบหน้ารีเล็กยังวอนย้ำรอบสอง ทว่าคนถูกร้องขอส่ายหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยว หล่อนจะไม่มีวันไขว้เขวออกจากทางเลือกที่อุตส่าห์เตรียมการมาเกือบแปดปี..วันนี้คือวันของหล่อนซึ่งครบรอบสิบเก้าปีตั้งแต่ลืมตาดูโลก หญิงสาวต้องการชีวิตอิสระ ต้องการความก้าวหน้า และต้องการผจญภัยในโลกของความเป็นผู้ใหญ่ด้วยตัวคนเดียว

“พี่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวแม่ตื่นมาเห็นล่ะจบกัน ดูแลตัวดีๆล่ะไข่มุก”

มรกตกระชับเป้ใบเขื่องขึ้นที่หลัง มืออีกข้างหิ้วกระเป๋าของใช้ส่วนตัวอันหนักอึ้งเตรียมออกเดินทาง น้องสาวร่างบางในชุดกระโปรงนอนตัวยาวโดดเข้าเกาะแขนไว้แน่น ส่งสายตาวิงวอนเป็นครั้งสุดท้าย ดวงหน้ารูปไข่แน่วนิ่ง ความสวยฉบับสาวมั่นของมรกตไม่ได้ทำให้หล่อนภาคภูมิใจตัวเองนัก

นัยน์ตาคมกริบเป็นประกายแรงกล้า ถ้าหล่อนเป็นชายเสียแล้ว อันตรายรอบตัวคงเกิดได้น้อยลง ผมสั้นระคอหลบซ่อนมิดชิดภายใต้หมวกสีทึมใบพอดีกับศีรษะ เสื้อคลุมตัวโคร่งปกปิดเรือนร่างสมส่วนไว้อย่างแนบเนียน กางเกนยีนส์สีซีดเสริมให้หล่อนดูเหมือนหนุ่มน้อยมอซอไม่น่าดึงดูดชายใด สมใจเจ้าตัว

“พรุ่งนี้พี่แพรจะเป็นดัมเมเยอร์สวยที่สุดเลยนะ อยู่ต่ออีกวันเหอะ”
เสียงเล็กๆของมุกดายังเชิญชวนในแนวเดิม ตามเรื่องที่นึกออกเพียงเรื่องเดียวขณะนั้น มรกตส่ายหน้ายิ้มขันกับความบ้าเห่อคนสวยของน้องสาว

“ไร้สาระน่า ปล่อยให้แพรเค้าสวย เค้าเด่นไปคนเดียวเถิด พี่ฝากคำชื่นชมให้เค้าด้วยละกัน”
“ก้อด้ะ บอกตรงๆเลยคือไม่อยากให้พี่เขียวไป มันอันตรายนะพี่ เดินทางเป็นผู้หญิงคนเดียว”

“ผู้หญิงที่ไหน แหกตาดูหน่อย ฉันอุตส่าห์ลงทุนตัดผมยาวถึงก้นออกไป แต่งชายแล้วนี่ไงหล่อน ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร ไม่มีหน้าไหนมาทำอันตรายฉันได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
มุกดาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่มรกตไม่มีวันใจอ่อนให้กับเด็กขี้แยคนนี้อีกแล้ว

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ขืนฉันอยู่ที่นี่มีแต่จะอดตาย มรดกปู่ย่าก็ร่อยหรอลงไปทุกที ร้านดอกไม้ของคุณแม่ก็แทบไม่มีลูกค้า ให้ฉันไปตั้งหลักสักนิดเถอะยัยไข่มุก วันหน้าน้องๆของพี่ทุกคนจะได้สุขสบาย รวมถึงคุณแม่ด้วย”

มรกตพยายามอธิบายเหตุผลอย่างน่าเชื่อถือที่สุด ทว่ามุกดายังไม่อยากเข้าใจอะไรตอนนี้ เรื่องของผู้ใหญ่ช่างน่าปวดหัวจนหล่อนไม่อยากเก็บมาคิดให้รกสมอง

“คิดมากจังเลยพี่เขียว คุณแม่ยังมีเงินอีกตั้งเยอะแยะ ไม่ตายหรอกน่า”
“เธอไม่เข้าใจ..ไว้โตอีกหน่อยเธอจะค่อยๆเข้าใจเองนะไข่มุก”
มุกดาส่ายหน้า ไม่อยากจะรอให้ถึงวันนั้น
“พี่แพรก็เก่งออก เดี๋ยวเดือนหน้าก็ได้ทุนไปเรียนต่อนอก กลับมาช่วยคุณแม่หาเงินได้อีกเป็นกอง”
มุกดาเองก็พยายามให้เหตุผลมางัดคานให้พี่สาวอยู่ต่อด้วยเช่นกัน
“เธอไว้ใจเค้าเหรอไข่มุก เค้าไม่ใช่สายเลือดเดียวกับเรานะ เธอแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าจะกลับมาเลี้ยงดูพวกเธอ”
มุกดายิ่งทำหน้างงไปกันใหญ่
“ไม่ใช่สายเลือดได้ไง พี่แพรเป็นลูกคุณอาวิกร..คุณอาวิกรเป็นน้องแท้ๆของคุณพ่อ เค้าเป็นญาติเรานะพี่เขียว”
“โอย..ฉันคุยกับเธอแล้วปวดหัวจริง เอาล่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว มีอะไรก็ออกมาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาฉันก็แล้วกัน” มรกตต้องรีบตัดบท กลัวจะต้องสรรหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายให้น้องสาวคนซื่อเข้าใจจนถึงเช้า
“เธอเป็นคนซื่อสัตย์ และมีน้ำใจกับทุกๆคน รักษาความดีนี้ไว้นะ พี่เชื่อว่ามันจะคุ้มครองน้องของพี่ให้ปลอดภัยจากสังคมเลวร้ายในวันข้างหน้า”
เอี๊ยดอ๊าด..

เสียงประตูเหล็กด้านในขยับเสียดสีกับพื้น มรกตหยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับใจที่เริ่มกระตุกไม่เป็นจังหวะ เมื่อหันซ้ายหันขวาไม่มีเงาร่างของใครโผล่มาในความมืดมิดและเงียบเชียบ หญิงสาวจึงรีบหมุนตัวออกเดินทาง ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งลาน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันไปล่ะ..ดูแลตัวเองด้วยนะ”

พี่สาวสุดรักมุ่งหน้าสู่อนาคตอันมืดมิดด้วยใจที่เด็ดเดี่ยวเกินหญิง ภาพความปราดเปรียวทุกย่างก้าวของมรกตยังติดตามุกดาไม่เสื่อมคลาย พี่สาวทิ้งหล่อนไปแล้ว..และไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พบกันอีก

ค่ำคืนวันนั้น สงบเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงหวีดร้องของจักจั่นเรไร มุกดาย่องกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตนอย่างพยายามให้เท้าสัมผัสผืนเบาที่สุด ก่อนปิดเปลือกตาบางๆลงด้วยความอ่อนเพลีย เรื่องราววันนี้ถูกเก็บเป็นความลับตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาว..จะไม่มีใครรู้ว่ามรกตหนีไปอยู่ที่ไหน จะไม่มีใครตามเจอ..แม้แต่ตัวหล่อนเองก็เถิด ไม่แน่ใจเลยกับข้อมูลอันน้อยนิดที่ตนรู้มา

ถ้าโตอีกหน่อย อยากมาเจอฉัน..ตามหาคนชื่อ พิมพลอย อสุรา ให้พบ..ฉันรอเธออยู่ที่นั่นนะไข่มุก

คือข้อความที่มรกตทิ้งไว้สองวันก่อนหนีไปในคืนนี้ นอกเหนือจากเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้แสนยากเย็น

เสียงดนตรีหลากชนิดประโคมดังประสานเสียง วงโยธวาทิตประจำโรงเรียนทำหน้าที่ร่วมกันด้วยความสมานสามัคคี ผลงานชั้นยอดเคยประกวดได้รางวัลระดับภูมิภาคมาแล้ว สร้างชื่อเสียงให้เหล่าอาจารย์และเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นได้ภาคภูมใจมานักต่อนัก บนลู่วิ่งแข่งขันทางโค้งถูกเว้นไว้ให้ขบวนพาเหรดประจำโรงเรียน และแต่ละสีได้ใช้กันอย่างเต็มที่เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ

สายตานักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลายจากสองฟากฝั่งอัฒจรรย์กองเชียร์ต่างพุ่งเป้าไปที่จุดๆเดียว หลายคนอยากอยู่ในระยะใกล้เพื่อยลโฉมหนุ่มหล่อสาวสวยให้เต็มตา จึงแห่ลงมายืนออจนล้นออกไปนอกฉากกั้นด้านล่าง ดรัมเมเยอร์ที่ควงคฑาฉับไวยืนเด่นอยู่หน้าวงโยธวาทิตลือชื่อ หล่อนเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าถูกจับตามองด้วยสายตามากคู่มากที่สุดของงาน..ก็แน่สิ หล่อนเป็นถึงดาวโรงเรียนที่ใครหลายคนต่างอิจฉาและชื่นชมระคนกัน

“นั่นไงจอย พี่แพรของฉัน”
เสียงมุกดาบอกกล่าวเพื่อนซี้ด้วยความปลาบปลื้ม

“โอ๊ย ฉันล่ะเบื่อเธอจริงๆ บ้าเห่อพี่สาวไม่เลิก”
“ก็คนเค้าสวย เพอร์เฝ็กนี่จ๊ะ เราก็ต้องชื่นชมเค้าเป็นธรรมดา”

นักเรียนชายแข่งกันส่งเสียงชอบใจดังมาเป็นระลอก เมื่อคฑากรสาวแสนสวยหยุดโยนไม้ประจำตำแหน่งขึ้นโชว์ลีลาเหนือศีรษะ จังหวะเพลงปลุกใจสร้างความรู้สึกสมัครสามัคคี ดาวเด่นของงานเดินนำขบวนไปด้วยก้าวย่างดุจนางพญา แลดูสง่าเกินวัย สีหน้า แววตาบ่งบอกการวางตัวอย่างเหมาะสมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติที่หากเป็นเด็กสาวรุ่นเดียวกันคงถือโอกาสโปรยเสน่ห์ด้วยประกายตายั่วยวนชายหนุ่ม ทว่าสำหรับแพรวามีแต่ใบหน้าเชิดตรง ไม่วอกแวกกับสิ่งแวดล้อมอื่นใดนอกจากหน้าที่ของตนในขณะนี้

“พี่สาวฉันมาดเท่สุดๆไปเลย”

มุกดาคอยบรรยายคุณลักษณะพี่สาวต่างสายเลือดอยู่ตลอดทุกย่างก้าว จนคนฟังต้องแอบเบะปากด้วยความเลี่ยน

“ดูสิจอย พี่แพรไม่เห็นสนใจใครเลย หนุ่มนักบอลยืนออกันเต็ม” เด็กสาวเจ้าของดวงตากลมใสเอ่ยด้วยความปลื้มใจ เมื่อบุคคลที่เธอกล่าวถึง หยุดยืนในท่าสำรวมบนสนามหญ้าซึ่งเตรียมไว้สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชายระดับภูมิภาค เด็กหนุ่มวัยโจ๋ กระเบียดกระเสียนกันเข้าไปใกล้คฑากรคนสวย ทว่าไม่มีแม้แต่หางตาชำเลืองแลตอบรับเสน่หาจากใครสักคนเดียว มุกดานึกในใจว่าผู้ชายเหล่านั้นถ้าไม่กำลังแนะนำตัวทำคะแนน ก็คงแย่งกันขอเบอร์โทรศัพท์พี่สาวของเธออยู่แน่นอน

“พี่สาวฉันน่ะรักนวลสงวนตัว ไม่เหมือนดาวโรงเรียนอื่นๆที่ชอบแอบนินทา แล้วก็หาเรื่องยกพวกมาทะเลาะกับพี่สาวฉัน”

สีหน้าคนพูดมีแววขุ่นเคือง เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา

“พวกนั้นน่ะชอบให้ท่าผู้ชาย ยังไม่ทันเรียนจบก็พากันใจแตก”

ลลิตพรรณได้แต่พยักหน้าเออออกับคำบอกกล่าวของเพื่อนสนิท เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้หญิงพวกนั้นนักหรอก แต่ก็พอจะได้ยินข่าวคาวๆมาเป็นระยะ

“ปีที่แล้วมีรุ่นพี่หลีดมหาลัยคนนึงมาชอบพี่แพร พวกนั้นก็มารุมหาเรื่อง หาว่าพี่สาวฉันไปให้ท่า”

มุกดาเอ่ยพลางขมวดคิ้วเครียด

“ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละ ผู้ชายเขาไม่สน เลยมาพาลเอากับพี่แพร”

“อืม สรุปพี่สาวเธอคือนางฟ้า ใครแตะต้องไม่ได้ ดีเลิศประเสริฐศรี”

เด็กสาวดวงตาเล็กรีหยีตาเพ่งมองบุคคลที่ถูกเอ่ยถึง ท่าทางถือตัวไม่สนใจใครกลับทำให้เธอมีความคิดบางอย่างที่สวนทางกับเพื่อนซี้

“นี่ประชดฉันเหรอจอย ฉันพูดจริงๆนะ ไม่ได้ล้อเล่น”

ลลิตพรรณรีบหันมาพยักหน้าหงึกหงักยืนยันว่าเพื่อนสนิทพูดจริง ก่อนที่เจ้าตัวจะเก็บไปคิดมากจนฝันร้ายคืนนี้

“เออ ฉันก็เชื่อ..เธอโกหกใครเป็นเสียเมื่อไหร่”

“ฉันเพียงแต่คิดว่า..”

มุกดาค่อยสบายใจขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่คลายสงสัย
“คิดว่าอะไร”

“พี่สาวเธออาจจะเป็นคลื่นใต้น้ำที่หมุนเร็วและแรง..”

เจ้าของดวงตาเล็กรีเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินเพียงแค่สองคน ข่าวเงียบบางอย่างที่เธอรู้มา แต่มุกดาไม่รู้ ทำให้ความคิดเห็นฉีกแนวออกไป

“รอวันปะทุน้ำนิ่งขึ้นมาก็เท่านั้น”

ห้องทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสถูกจัดแบ่งไว้เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายซึ่งมาร่วมทำกิจกรรมในวันงานกีฬาสีคราวนี้ แสงสีส้มหม่นอมชมพูที่ลอดผ่านหน้าต่างบานเกล็ดเข้ามาบ่งบอกเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนจัดเก็บสัมภาระแยกย้ายกันกลับบ้านกันเกือบหมด เหลือแต่เพียงเด็กสาวดวงตากลมโตคนหนึ่งนั่งยิ้มค้างอยู่คนเดียวบนเก้าอี้ไม้หน้าล๊อกเกอร์
“รอนานมั้ยจ๊ะเด็กน้อย” เสียงหวานใสมีกังวานเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของร่างสมส่วน สูงเพรียว ดูโดดเด่นเกินหน้าเกินตาดรุณีสาววัยเดียวกัน
“เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเหรอคะพี่แพร ทีนี้ได้กลับบ้านแล้วใช่มั้ย”
ดาวดวงเด่นยื่นหน้าลงมาใกล้ๆ เด็กสาวแก้มใสพลางแกล้งใช้มือหนีบจมูกน้องสาวคนโปรดจนเจ้าตัวร้องเสียงอู้อี้ในลำคอ
“ขอบใจจ้ะที่รอพี่”
“วันนี้พี่แพรสวยมากค่ะ เหมือนนางพญาเลย”
คนถูกชมยักไหล่น้อยๆ ท่อนแขนกลมกลึงตวัดเอวเด็กสาวเข้ามาใกล้ด้วยความเอ็นดู
“อยากเป็นเหมือนพี่มั้ยล่ะ”
มุกดารีบพยักหน้าเร็วๆ แต่ก็ต้องถอนหายใจเมื่อนึกถึงความเป็นจริง
“อยากสิคะ ผู้หญิงก็ต้องอยากสวย แต่ไข่มุกคงสวยได้แค่ไข่มุกเล็กๆ ไม่มีทางโดดเด่นได้อย่างพี่แพรหรอกค่ะ”
น้ำเสียงคนพูดบ่งบอกความเจียมเนื้อเจียมตัวที่มีจนติดเป็นนิสัย
เจ้าของร่างงามในชุดกระโปรงแขนกุดสีแสบตาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่จริงหรอกจ้ะ ขยันเรียนเข้าไว้ ทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ อย่าออกนอกลู่นอกทาง” แพรวาพร่ำสอนน้องรักอย่างที่เคยทำจนชิน
“แล้ววันนึงไข่มุกจะเด่นได้ยิ่งกว่าพี่เสียอีก ดาวโรงเรียนคนนี้ขอคอนเฟิร์ม”
เสียงหัวเราะใสแจ๋วของมุกดาทำให้แพรวาหายเหนื่อยจากการเดินนำขบวนวันนี้เป็นปลิดทิ้ง ไหนจะยังต้องปั้นหน้าให้เชิด หลีกหนีพวกผู้ชายเจ้าชู้ไม่น่าไว้ใจทั้งหลาย
“ไข่มุกจะทำดีอย่างที่พี่แพรบอกไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยค่ะ” มุกดายกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะเรียกเสียงหัวเราะจากพี่สาวได้เหมือนทุกครั้ง
“เรากลับกันได้รึยังคะ ไข่มุกเริ่มหิวข้าวแล้ว”
เสียงท้องร้องจากเจ้าตัวยืนยันคำบอกกล่าวได้เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวสิ พี่มีของสำคัญจะให้เรา”
ไม่ทันที่เด็กสาวตาโตจะได้เอ่ยถามอะไร แพรวาก็หมุนตัวกลับไปหยิบกล่องพลาสติกใบใหญ่มีรูระบายอากาศบนฝาสีทึบ..กล่องประหลาดที่มุกดาเฝ้ามองอยู่นาน และเดาไม่ออกเลยว่าภายในมันบรรจุสิ่งใด
“สุขสันต์วันเกิดจ้ะน้องรัก”
เด็กสาวทำหน้าเหวอ เมื่อเจ้าของยื่นกล่องใบนั้นมาให้พร้อมคำอวยพร
“ทำหน้าแบบนี้..ลืมวันเกิดตัวเองอีกแล้วใช่มั้ย”
แพรวาวางกล่องใบนั้นลงบนพื้นแล้วผายมือเป็นเชิงเชิญชวนให้เจ้าของวันเกิดเปิดฝากล่องด้วยมือตัวเอง
“อะไรอะคะพี่แพร”
“เปิดดูเองสิจ๊ะ ของขวัญชิ้นนี้พี่ตั้งใจทำเพื่อไข่มุกโดยเฉพาะเลย”
เด็กสาวทำตาปริบๆ เหมือนอยากจะร้องไห้ รอยวามวาวในแก้วตาใสซาบซึ้งจนยากจะเอื้อนเอ่ยเป็นคำขอบคุณได้หมดจด
“ขอบคุณนะคะพี่แพร ไม่มีใครจำวันเกิดไข่มุกได้ แม้แต่ตัวไข่มุกเอง..มีแต่พี่แพร”
แพรวายื่นมือมายีผมเส้นละเอียดเล็กด้วยความรักกึ่งสงสาร
“อย่ามัวมาทำซึ้งกันอยู่เลย รีบเปิดสิ พี่อยากรู้ว่าเราจะชอบรึเปล่า”
มุกดาพยักหน้ายกมือปาดน้ำตา ก่อนจะรีบก้มลงไปนั่งยองๆ มือเล็กบางขยับเข้าไปใกล้ฝากล่องด้วยใจระทึก
และเมื่อกล่องพลาสติกใบนั้นถูกเปิดออก ภาพที่สะท้อนสู่สายตาของมุกดาคือความรู้สึกนวลลออ บริสุทธิ์สุกสว่าง
“ไวท์ คริสต์มาส”
แพรวาส่ายหน้าให้กับคำกล่าวด้วยเสียงประหลาดใจของน้องสาว
“มันอาจจะเป็นพันธุ์ไวท์ คริสต์มาส เหมือนที่ปลูกในแปลงบ้างเรา แต่พี่ขอตั้งชื่อให้ใหม่ว่าพันธุ์ไข่มุก”
เด็กสาวยิ่งทำหน้าฉงนเข้าไปใหญ่
“ดูสิ ดอกมันสีขาวสดแต่เลื่อมมันวาวไม่ผิดกับไข่มุก นี่เป็นไม้ประดับต้นแรกที่พี่ปลูกในกระถางได้สำเร็จ”
นัยน์เนตรกลมใสมีมุมหยักขึ้น ทั้งสองข้างเสมือนยิ้มได้
“ความฝันของพี่แพรตอนเด็กๆ”
ดวงหน้าสวยหวานมองคนพูดด้วยสายตาที่ยืนยันว่าถูกต้อง
“เป็นความฝันเล็กๆที่พี่ตั้งใจทำให้สำเร็จเพื่อไข่มุก”
มุกดายิ้มกว้าง ดีใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เคยเป็น
“พี่สาวไข่มุกเก่งที่สุดในโลก ขอบคุณจริงๆค่ะ”

เสียงกริ่งหน้าบ้าน ทำให้หญิงวัยกลางผู้เป็นเจ้าของเรือนกุหลายรีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากในความรู้สึกผู้มาเยือนทั้งสอง ด้วยตามปกติจะเป็นหน้าที่ของพี่เลี้ยงคนเก่าแก่ประจำตระกูล
“มีเรื่องอะไรหรือคะคุณป้า ทำไมรีบวิ่งออกมาอย่างนี้”
แพรวาเอ่ยถามด้วยสีหน้าห่วงใย คุณหญิงนารีเหลือบมองมาเห็นกระถางต้นไม้ใบย่อมในกล่องพลาสติก มีกุหลาบพันธุ์คุ้นตาชูดอกเด่นวาววับ ก็มีแววครุ่นคิดแกมสนเท่ห์อยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ทว่าเรื่องร้อนใจที่มีอยู่ก่อนทำให้ของในมือลูกสาวคนสุดท้องไม่มีความสำคัญเท่า
“เขียวไม่ได้กลับมาด้วยหรือหนูแพร ป้าไม่เห็นเขาแต่เช้าแล้ว นึกว่ารีบไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน” คุณหญิงนารีละล่ะลักบอก ความกังวลในน้ำเสียงบอกชัดถึงปริมาณความรักที่มากกว่าลูกหลานคนไหน
“นี่ก็จะมืดแล้ว ยังไม่กลับมาอีก”
ความกระวนกระวายใจของญาติผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิต ทำให้แพรวารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอีกคน ทว่าเมื่อนึกทบทวนตามหลักเหตุผล และสิ่งที่เคยประสบมา ทำให้หญิงสาวค่อยยิ้มออก พร้อมกับคำปลอบประโลม
“ยายเขียวก็อย่างนี้แหละค่ะ เป็นถึงประธานนักเรียนคงมีอะไรให้ต้องทำเกือบทุกวัน อย่าห่วงเลยนะคะคุณป้า เดี๋ยวงานเสร็จเขาก็กลับของเขาเอง”
คุณหญิงนารีค่อยใจชื้นขึ้น เมื่อนึกถึงหลักความจริงข้อนี้ ทว่าก็ยังอดวิตกไม่ได้
“ก็จริงอย่างที่หนูแพรบอก..แต่ครั้งนี้ป้ารู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
“เข้าไปนั่งดื่มน้ำให้ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะคุณป้า แพรอยู่โรงเรียนเดียวกับเขียว ทำไมจะไม่รู้ว่าเขียวน่ะเก่งแค่ไหน ไม่มีใครมาทำอะไรเขาได้หรอกค่ะ ก๋ากั่นซะหยั่งกับชาย”
สายตาเครียดขึ้งตวัดมามองทันที แพรวาจึงกระแอมไอนิดหนึ่งก่อนเปลี่ยนคำพูด
“เอ้อ..แพรหมายถึงเก่งเทียมชายน่ะค่ะ เราเข้าไปนั่งรอในบ้านกันก่อนเถอะ น้องไข่มุกบ่นหิวจะแย่แล้ว”
เจ้าของเรือนผู้สูงวัยเหลือบมามองลูกเล็กคนสุดท้องที่ดูจะไม่ประสีประสาอะไรเท่าลูกสาวคนโตอย่างมรกต และไม่ได้ครึ่งของความสมบูรณ์แบบในตัวหลานคนสวยอย่างแพรวาก็ค่อยมีแก่ใจขยับเท้าเข้าบ้าน
เหงื่อเม็ดเกาะพราวเต็มหน้าผาก ดวงหน้าซึมหงอย..คนมองจึงคิดไปว่าเจ้าตัวคงเหนื่อยจากกิจกรรมที่โรงเรียน และหิวข้าวจริงๆอย่างที่หลานสาวบอก
“อืม ไปกินข้าวกันก่อนก็ดี ยายไข่มุกคงหิวจะแย่ ดูสิหน้าโทรมเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินหันหลังกลับเข้าตัวบ้าน เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นถี่ๆ คุณหญิงนารีรีบหมุนตัวกลับมาทางต้นเสียงอย่างมีความหวังเป็นคนแรก
“สวัสดีตอนเย็น ค่ะคุณแม่”
เสียงเรียบใสของผู้มาเยือนทำให้คุณหญิงนารีแทบคอตกอย่างคนหมดหวัง เจ้าของใบหน้าเนียนรูปหัวใจประดับแว่นตาหนาเทอะกรอบสี่เหลี่ยม ผมทรงนักเรียนตัดสั้นแค่ใบหู บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ใช่คนที่กำลังเฝ้ารอ หากแต่เป็น ไพลิน ลูกสาวคนที่สองของเธอ ซึ่งเป็นคนระเบียบเยอะ และเรียบร้อยที่สุดในบ้าน
“นั่นล่ะค่ะคุณป้า เหรัญญิกเจ้าระเบียบกลับบ้านแล้ว อีกไม่นานน้องเขียวก็มา”
ใครๆในที่นั้นอาจมีความหวัง และสีหน้าแช่มชื่นขึ้นได้บ้าง
ทว่าสำหรับมุกดา..อาหารเย็นมื้อนี้อาจจะไม่อร่อยเท่ามื้ออื่นๆ ค่ำคืนยาวนานคงจะมีแต่ฝันร้ายเท่านั้นสำหรับเธอ..












ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2554, 13:33:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2555, 21:27:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2347





<< ความหลังของกุหลาบ    กุหลาบสีขาวหางาน >>
kk007 13 มิ.ย. 2554, 11:00:38 น.
สนุกคะ รอนะค่ะ


jink 6 ก.ค. 2555, 23:30:27 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account