จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!

Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า

ตอน: บทที่ 6 – นางฟ้าในฐานปิศาจ

Darkness cannot drive out darkness: only light can do that. Hate cannot drive out hate: only love can do that

ความมืดไม่สามารถขับไล่ความมืด มีเพียงแสงสว่างเท่านั้นที่ทำได้ ความเกลียดชังไม่สามารถขับไล่ความเกลียดชัง มีเพียงความรักเท่านั้นที่ทำได้



- Martin Luther King Jr

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ - นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกัน



บทที่ 6 – นางฟ้าในฐานปิศาจ



ประเทศไทย

เชียงใหม่



ความมืดมิดที่ครอบคลุมสติสัมปชัญญะของทอฟ้าถูกขับไล่ออกไปเมื่อเธอปรือตาขึ้น แสงสว่างจากโคมไฟส่องเข้ามาในดวงตา หญิงสาวหันหน้าหนี ก่อนที่ความทรงจำจะกลับเข้าที่เข้าทางรวมตัวกันเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะสลบ ทอฟ้าลุกพรวดขึ้นนั่ง ก้มมองตัวเองและโล่งใจที่พบว่าเสื้อผ้าไม่ได้ถูกปลดเปลื้องออกไป

เธอตวัดสายตามองรอบห้องพัก ที่นี่มันที่ไหนกัน?

ทอฟ้าจำได้ว่าหลังรถยนต์ที่พวกเขาโดยสารผ่านออกมาจากด่านตรวจได้ไม่ถึงสิบกิโลเมตร อินทรีน้ำแข็งก็ให้เธอดมกระปุกเล็กๆ ที่ใส่สารอะไรบางอย่าง ทอฟ้ารู้ดีว่าไม่อาจขัดขืนคำสั่ง และเมื่อเธอก้มจมูกลงไปสูดหายใจเข้าลึกๆ เหนือปากกระปุกตามที่เขาบอก สองตาของเธอพลันพร่าเลือนและเธอก็หมดสติลงทันที

ทอฟ้าเหวี่ยงขาลงจากเตียง หมายลุกเดินไปที่ประตู แต่เสียงแก๊งที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอชะงักกึก ทอฟ้าหันขวับมองข้อเท้าขวาของตนเอง โซ่ล่ามเส้นใหญ่ปรากฏให้หัวใจห่อเหี่ยว ความยาวของโซ่ไม่ได้สั้นเหมือนโซ่ที่เธอถูกล่ามในคำแสนหิรัญ แต่มันก็ไม่ได้ยาวมากเกินกว่าจะให้เธอเดินออกจากเตียงเกินสามก้าว

“นี่ มีใครอยู่บ้าง ปล่อยฉันออกไปนะ!” ทอฟ้าตะเบ็งเสียงใส่อากาศธาตุ

เธอไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ประตูห้องกลับเปิดออก

หญิงสาวในชุดพนักงานรับใช้คนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามา ในมือของเธอถือเสื้อผ้าที่เรียบร้อยรัดกุมกว่าชุดที่ทอฟ้าใส่อยู่ขณะนี้มาด้วย ทอฟ้าฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อพนักงานเดินเนิบนาบนำเสื้อผ้าชุดใหม่มายื่นให้เธอ คุณหนูจากคำแสนหิรัญก็เขย่าแขนอีกฝ่ายขอร้องว่า

“ช่วยฉันด้วยนะ ช่วยปลดโซ่ให้ฉันที”

พนักงานสาวยิ้มหวาน หันไปวางเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนย่อกายลงล้วงกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หล่อนสอดไขรูกุญแจปลดล็อคโซ่รอบข้อเท้าของทอฟ้าออก ทันทีที่สายโซ่หลุดกระทบพื้นดังกรื๊ก ทอฟ้าก็สับเท้าเร็วจี๋วิ่งหนีไปยังประตูที่เปิดทิ้งไว้และออกสู่อิสรภาพที่เธอต้องการ

ทว่า ออกจากประตูมาได้เพียงสองก้าว ทอฟ้าก็ต้องชะงักฝีเท้า ด้วยว่าสองข้างของเฉลียงทางเดินหน้าห้องพักของเธอ มีชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมเกรียมยืนคุมเชิงรักษาความปลอดภัยนับสิบคน พวกเขาเหล่านั้นพุ่งสายตาจับที่เธอเป็นจุดเดียว ทอฟ้าผงะถอยหลัง รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย เธอถลากลับเข้ามาหลบในห้อง กระแทกประตูปิดล็อคโดยลืมไปว่าในห้องยังมีเมดสาวอยู่อีกหนึ่งคน

“เสื้อผ้าชุดใหม่อยู่บนโต๊ะแล้วนะคะ ส่วนเสื้อผ้าชุดเก่าของคุณถูกเก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้า และถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็ใช้โทรศัพท์สั่งเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ เมื่อคุณยกหูและกดเลขศูนย์ค้างไว้สามวินาที สายจะถูกโอนให้เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกสั่งมาให้คอยดูแลคุณโดยเฉพาะ แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะโทร.เบอร์อื่น เพราะสัญญาณภายนอกถูกบล็อกแล้วค่ะ” หล่อนกล่าวเมื่อทอฟ้าหันหน้าไปสบตา ก่อนจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่ไหน?” ทอฟ้าถาม ยืนขวางประตูไว้ไม่ขยับเขยื้อน น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวแสดงความถือดีในตัวเอง

“คุณกำลังอยู่ในชัมบาโธเปียรีสอร์ทค่ะ” เมดสาวตอบเสียงหวาน

“รีสอร์ท? ที่นี่คือรีสอร์ทงั้นหรือ?”

“ค่ะ”

“ทำไมฉันถึงถูกพาตัวมาที่นี่?” ทอฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“ไม่ทราบค่ะ” เมดสาวตอบ ขยับเท้าเข้ามาใกล้เธออีกหนึ่งก้าว “กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ”

“พวกคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่?” ทอฟ้าถามต่อ ไม่ยอมหลีกทางง่ายๆ

“ดิฉันเป็นแค่คนรับใช้นะคะ ถามไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกค่ะ” ผู้ถูกถามทำหน้ายิ้มประจบ “คุณคงไม่อยากถูกจับล่ามโซ่อีกนะคะ?”

ทอฟ้านิ่งงันไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าดวงตาของอีกฝ่ายไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนริมฝีปาก ความเป็นจริงที่ว่าตอนนี้การเกิดเป็นลูกสาวนายพลอัศวินแห่งกรมการรักษาความมั่นคงแห่งชาติของคำแสนหิรัญไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วถาโถมเข้าใส่จิตใจของทอฟ้า ตอนนี้เธอทราบดีว่าตนเองเป็นเพียงลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกำมือของอีกฝ่าย...กำมือลึกลับที่เป็นกำมือใครก็ไม่รู้

ดังนั้น เธอจึงได้แต่ผงกศีรษะตอบในที่สุด

“ถ้าคุณมีข้อสงสัยอะไร คุณสามารถโทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ของเราได้ตลอดเวลา” เมดสาวกล่าวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทอฟ้ามีท่าทีที่โอนอ่อนลง

“จริงหรอ?” ทอฟ้าเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ค่ะ”

พร้อมกับเอ่ยคำตอบ เมดสาวพยักหน้ายืนยันอย่างแข็งขัน ทอฟ้าเลยต้องยอมขยับตัวหลีกทางให้แต่โดยดี เมดสาวค้อมศีรษะให้เธออย่างมีมารยาทเมื่อหล่อนเคลื่อนกายผ่าน ประตูห้องถูกเปิดและปิด หลังจากที่ได้อยู่เพียงลำพังในห้อง ทอฟ้าก็ก้าวปราดๆ มาที่โทรศัพท์ชนิดตั้งโต๊ะที่ติดตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอยกหูขึ้นมาและกดนิ้วเรียวลงบนแป้นเลขศูนย์ตามที่ได้รับคำแนะนำ

สัญญาณปลายสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้หรือคะ?”

“ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่ไหน?” ทอฟ้าพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เยือกเย็นมากที่สุด

“ตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่ชัมบาโธเปีย รีสอร์ท เชียงใหม่ ประเทศไทยค่ะ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเป็นมิตร เหมือนพนักงานโอเปอร์เรเตอร์สำหรับติดต่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น

หญิงสาวสูดหายใจลึก “พวกคุณจับตัวฉันมาที่นี่ทำไม?”

“ที่คุณต้องมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะมีคนต้องการตัวคุณค่ะ”

“เขาเป็นใคร?” ทอฟ้าถามละล่ำละลัก

“ข้อมูลส่วนนี้ดิฉันไม่สามารถบอกได้ค่ะ”

“แล้วพวกคุณจะทำอะไรกับฉันต่อไป?”

“ทางเราก็กำลังรอคำสั่งจากผู้จ้างวานอยู่เช่นกันค่ะ”

คำถามที่ถูกตอบอย่างไม่มีการบ่ายเบี่ยงทำให้ทอฟ้าต้องทรุดตัวนั่งบนขอบเตียงอย่างหมดแรง เธอถือโทรศัพท์ค้างไว้โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ สองตากลมโตเหม่อมองไปที่ผนังอย่างไร้ความหวัง ปลายสายไม่ปฏิเสธเลยว่าเธอถูกลักพาตัว ไม่ปฏิเสธเลยว่ามีใครบางคนต้องการตัวเธอ และไม่ปฏิเสธเลยว่าพวกเขาเป็นคนกระทำเรื่องราวทั้งหมด

หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างนะ? ทอฟ้านึกสงสัย

ถ้าต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของไอ้พวกจิตวิปลาสบ้ากามสักคน เธอคงทนไม่ได้...

“มีอะไรจะสอบถามอีกไหมคะ?” เสียงในโทรศัพท์ดังขึ้นอีกคำรบราวกับห่วงใยเธอเสียเต็มประดา

ทอฟ้าวางหูกลับที่เดิมโดยไม่พูดอะไรตอบ รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวของขอบตาที่ปริ่มด้วยน้ำใส ต่อไปนี้เธอจะได้มีวันกลับไปเจอหน้าพ่อไหมนะ? แล้วตอนนี้โคมินต์จะเป็นอย่างไรบ้าง พ่อต้องคิดว่าโคมินต์คือคนที่ทำให้เธอหายตัวไปแน่ๆ

โคมินต์...

ทอฟ้าหลุบสายตามองนิ้วมือของตัวเองโดยอัตโนมัติ บริเวณที่ๆ แหวนเคยอยู่หลงเหลือเพียงร่องรอยซีดจาง ทอฟ้าขมวดคิ้ว ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ในนั้นมีเสื้อผ้าชุดเก่าของเธอแขวนอยู่พร้อมกับกระเป๋าเล็กๆ หนึ่งใบที่ใส่ต่างหู สร้อยข้อมือ สร้อยคอ แต่ไม่มีแหวน

แหวนหายไปไหน?

ฉับพลันนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มผู้เย็นชาคนหนึ่งก็ผุดวาบเข้ามาในสมอง

ชายหนุ่มที่เป็นคนลักพาตัวเธอ แถมยังฉวยโอกาสลวนลามเธอครั้งแล้วครั้งเล่าคนนั้น!

ทอฟ้าเดินลงส้นปึงๆ กลับมาที่เตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเจ้าหน้าที่ เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เธอก็กระแทกเสียงขุ่นเขียวใส่ทันที

“คนที่ชื่ออินทรีน้ำแข็งอยู่ไหน บอกให้เขาเอาแหวนมาคืนฉันเดี๋ยวนี้!”



++++++



อินทรีส่งแหวนเงินในมือให้กับมิสเตอร์เกรย์พร้อมเอ่ยตอบ “นี่คือแหวนที่เธอเรียกหาครับ”

บุรุษในชุดเสื้อคลุมขนอีกาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เอื้อมมือรับแหวนมาถือและหมุนแหวนไปมาเพื่อสำรวจมันทุกตารางนิ้ว นัยน์ตาล้ำลึกของเขาเป็นประกายเยาะหยันเล็กน้อยเมื่อสะดุดกับข้อความบอกรักที่สลักอยู่บนผิวเงินบริสุทธิ์

“แหวนแทนใจจากคนรักสินะ” พูดก่อนยื่นแหวนกลับมาให้อินทรี “ทำไมแกถึงเก็บแหวนนี้ไว้ล่ะฮึ?”

“ผมเก็บมันไว้เพื่อใช้ต่อรองกับเธอครับ” ชายหนุ่มผู้ยืนอยู่หน้าโต๊ะของมิสเตอร์เกรย์ตอบราบเรียบ “ตอนแรกผมคิดจะคืนให้เธอเมื่อเรามาถึงที่นี่ แต่เมื่อท่านบอกว่างานของผมเกี่ยวกับเธอยังไม่จบ ผมจึงเลือกเก็บมันไว้กับตัวก่อนครับ”

“แกนี่รอบคอบเสมอเลยนะ” นายใหญ่แห่งฐานปิศาจหัวเราะเบาๆ “รู้ไหมว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้กี่วันแล้ว?”

“สามวันครับ” อินทรีตอบ รู้ดีว่าทอฟ้ามาอยู่ที่ฐานปิศาจได้เจ็ดสิบสองชั่วโมงแล้ว และตั้งแต่รู้สึกตัวในชั่วโมงแรก เธอก็ร้องขอให้เขานำแหวนกลับไปคืน แต่อินทรีเลือกที่จะไม่สนใจ จนกระทั่งมิสเตอร์เกรย์เรียกมาเข้าพบในเช้านี้และซักถามเรื่องแหวนจากเขา

“ถูกต้อง เธออยู่ที่นี่มาสามวัน” มิสเตอร์เกรย์โน้มตัวมาด้านหน้า “และแกรู้หรือเปล่าว่าสามวันที่ผ่านมาเธอไม่ยอมกินอะไรเลยแม้แต่น้ำสักหยด”

“ไม่ทราบครับ” อินทรีตอบตามจริง ไม่มีใครรายงานเขาในเรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของมือสังหารที่ต้องสนใจว่าใครจะทานข้าวลงหรือไม่ แต่ก็จำได้ว่าในวันแรกที่ทอฟ้าอยู่ที่นี่ เธอเคยขู่ว่าหากเขาไม่นำแหวนไปคืน เธอจะฆ่าตัวตาย

และนี่คือวิธีฆ่าตัวตายของเธองั้นหรือ?

อดอาหารจนตาย?

น่าตลกสิ้นดี

มิสเตอร์เกรย์ระบายลมหายใจก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ตราบใดที่ผู้จ้างวานยังไม่ติดต่อมาว่าจะให้ส่งเธอไปที่ไหน พวกเราจะปล่อยให้เธอตายไม่ได้”

อินทรีก้มหน้ามองพื้นและเงียบ

มิสเตอร์เกรย์เดินเนิบนาบตรงไปที่หน้าต่าง เลิกม่านออกแล้วทอดสายตามองออกไปด้านนอก เงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวต่อ

“แกรู้มั้ยว่าที่ญี่ปุ่น ก่อนเขาจะฆ่าวัวเพื่อนำมาทำเนื้อย่าง พวกเขาทำอะไรกับวัวพวกนั้นบ้าง?”

“ไม่ทราบครับ” อินทรียังคงยืนก้มหน้าอยู่กับโต๊ะทำงาน

มิสเตอร์เกรย์ก็ตอบขณะสายตาจับจ้องอยู่ที่นกป่าตัวหนึ่งซึ่งบินผ่านท้องฟ้าเหนือฐานปิศาจ “พวกเขาจะขุนพวกวัวให้อารมณ์ดีมีความสุขตลอดเวลา ป้อนอาหารดีๆ ให้มันกิน เปิดเพลงเพราะๆ ให้มันฟัง พามันออกไปเดินชมทุ่ง ทำกับพวกมันอย่างนั้นจนถึงกำหนด แล้วพวกเขาค่อยฆ่า”

บุรุษในเสื้อคลุมขนอีกาเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนพึมพำ “ชีวิตก็แบบนี้แหละนะ ความสุขอันจอมปลอมที่ได้มาอย่างง่ายๆ มักแลกด้วยจุดจบที่คาดไม่ถึงเสมอ”

อินทรียังคงก้มหน้ามองพื้นและเงียบดังเดิม

มิสเตอร์เกรย์หมุนตัวกลับมามองอินทรี “ฉันต้องการให้แกทำให้เธอกินได้ นอนหลับและอารมณ์ดีจนกว่าจะถึงเวลาที่ผู้จ้างวานติดต่อมา ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ปล่อยให้เธอได้รับสิ่งนั้น แม้เธอต้องการออกจากห้องพัก แกก็ต้องพาเธอออกมา เพียงแต่อย่าให้หนีรอดไปได้เท่านั้น”

ในที่สุด อินทรีหันกายมาทางเจ้านาย ค้อมศีรษะพลางรับคำ

“ครับ”

มิสเตอร์เกรย์จ้องมองชายหนุ่ม ฉีกยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้าไปทางประตู “ไปทำงานได้แล้ว ผู้จ้างวานติดต่อมาเมื่อไหร่ฉันจะบอก”

อินทรีรับคำสั่งในลำคอและค้อมศีรษะอีกครั้ง ก่อนหมุนกายเดินออกมาจากห้องด้วยฝีเท้าเป็นจังหวะมั่นคงและหนักแน่น อันแสดงให้เห็นถึงบุคลิกอันซื่อสัตย์ของเขาได้เป็นอย่างดี



++++++



เมื่อประตูห้องเปิดออก ทอฟ้าซึ่งกำลังนั่งกอดเข่าร่ำไห้อยู่บนเตียงด้วยความช้ำใจก็เหลือบตามองไปที่ประตูโดยหวังว่าจะมีตำรวจ ทหาร หรือถ้าเป็นไปได้ก็คือโคมินต์บุกเข้ามาช่วยเหลือเธอออกไปจากที่นี่ ทอฟ้ามีความหวังเช่นนั้นเสมอเมื่อได้ยินเสียงปลดล็อคประตู

แต่เธอก็พบความผิดหวังเสมอเช่นเดียวกันเพราะคนที่เข้ามาในห้อง ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพวกคนรับใช้ของทางรีสอร์ทที่นำอาหารขึ้นมาให้เธอนั่นเอง

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเอามาให้ ฉันไม่กิน!” หญิงสาวตวาดใส่เมดสาวที่เดินเข็นรถใส่ถาดอาหารผ่านประตูเข้ามาหยุดที่ข้างเตียง แม้จะอ่อนระโหยเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองสามวันแล้ว แต่ทอฟ้าก็มีทิฐิเกินกว่าจะทานอาหารเลิศหรูที่คนพวกนี้จัดหามาปลอบใจเธอ ทอฟ้าคิดว่าหากเธอต้องมีอันพลัดพรากจากโคมินต์ไปตลอดชีวิต เธอขอยอมตายเสียยังดีกว่า

“ถึงไม่อยากกิน แต่ยังไงวันนี้คุณก็ต้องกิน” เสียงทุ้มลึกไร้อารมณ์ดังขึ้นจากปากประตูอย่างไม่คาดคิด ทอฟ้าหันมองไปที่ต้นเสียง เมดสาวถอยกายไปด้านข้าง เผยให้เห็นร่างกำยำในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนพิงกรอบประตูมองมายังเธอด้วยสายตาที่แสดงความรำคาญอยู่ไม่น้อย

“คุณ...” ทอฟ้าสบถ ถลันกายหมายลุกขึ้นจากเตียงแต่กลับไร้เรี่ยวแรง สองขาเล็กบางราวตะเกียบคู่อ่อนยวบส่งเธอทรุดลงจากเตียงมานั่งกองกับพื้น เมดสาวขยับเข้ามาใกล้เพื่อประคอง แต่ชายหนุ่มกลับออกคำสั่งว่า

“ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

พูดพลางสาวเท้าเข้ามา พยักหน้าส่งสัญญาณให้เมดสาวออกไปจากห้อง หล่อนค้อมศีรษะให้เขาและทำตามคำสั่ง ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูห้องก็ถูกงับปิดลง ภายในห้องเหลือเพียงทอฟ้ากับชายหนุ่มเท่านั้นเมื่อเขาเดินมาหยุดยืนข้างๆ เธอ

“ทำตัวอ่อนแอแบบนี้มันน่าสมเพชนะรู้มั้ย” น้ำเสียงราบเรียบที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำเย้ยหยันกลับไม่มีความหยาบกระด้างอย่างที่คิดมากนัก ทอฟ้าเงยหน้ามองเขา ชายหนุ่มกระพริบตาเนิบช้ามองเธอครู่หนึ่ง ก่อนถือวิสาสะช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นจากพื้นและวางลงบนเตียงอย่างนุ่นนวลโดยไม่บอกไม่กล่าว

แม้ไม่ชอบใจ แต่ทอฟ้าก็หมดแรงที่จะขัดขืนหรืออาละวาด

อีกอย่าง เธออยากรู้ว่าเขามาที่นี่ทำไม?

เขามาเพื่อคืนแหวนให้เธอหรือเปล่า?

“นี่ไม่ได้อาบน้ำเลยใช่มั้ย?” เจ้าของร่างกำยำพูดต่อขณะทำจมูกฟุดฟิดเมื่อยืดตัวขึ้น “เป็นลูกคุณหนูประสาอะไรซกมกชะมัด”

ตั้งแต่รู้สึกตัว ทอฟ้าก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่สวมใส่ก่อนถูกลักพาตัว เธอไม่มีกระจิตกระใจที่จะคิดอาบน้ำแม้ปกติเป็นคนรักความสะอาดมากก็ตาม สิ่งที่เธอทำตลอดเวลาที่รู้สึกตัวคือนั่งจมอยู่ในความเศร้าและร้องไห้ให้กับวันเวลาที่รอคอยเธออยู่ข้างหน้า

ทอฟ้าไม่ตอบคำถามของเขา ได้แต่จ้องมองดวงตาเย็นชาและถาม

“แหวนของฉันอยู่ที่ไหน?”

“แหม ห่วงแหวนยิ่งชีพเป็นไอ้กอลลั่มเชียวแฮะ” นักฆ่าแค่นยิ้ม ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงและหยิบสิ่งหนึ่งออกมา “ใช่วงนี้หรือเปล่า แหวนของคุณน่ะ?”

ทอฟ้าเขม้นตามอง แสงสะท้อนของพลอยบนหัวแหวนแวบเข้าดวงตา เธอฉีกยิ้มออกมา เอื้อมมือไปหมายคว้ามาถือ แต่ชายหนุ่มกลับชักมือหนี

“เอาแหวนฉันมานะ!!!” หญิงสาวแผดเสียง

“บนโลกนี้ไม่มีการร้องขอครั้งใดประสบผลสำเร็จโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอก” อินทรีน้ำแข็งถอยหลังสองก้าวไปหยุดที่รถเข็นอาหาร ฝาครอบสแตนเลสของถาดอาหารถูกมือของเขายกออก กลิ่นสเต๊กหอมกรุ่นลอยฟุ้งมาแตะจมูก ทอฟ้าเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระเพาะของเธอมันกำลังร้องโครกครากด้วยความหิวโหย

“ผมได้รับคำสั่งให้มาดูแลคุณอย่างดี ไม่ว่าคุณต้องการอะไร นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ผมต้องทำให้คุณกินได้ ยิ้มออกและมีความสุข” นักฆ่ากล่าวพลางวางฝาครอบลงข้างถาดและรินน้ำผลไม้จากเหยือกใส่แก้วทรงกระบอก ก่อนคีบน้ำแข็งสองก้อนใหญ่ตามลงไปเป็นเครื่องดื่มของเธอ

“ฉันคงจะมีความสุขได้หรอกนะในเมื่อถูกคนจับตัวมาเพื่ออะไรก็ไม่รู้” ทอฟ้าตวัดเสียงห้วนสั้น ไม่ยอมหันหน้ามองอีกฝ่าย

“ชีวิตคนเรามันสั้นนะคุณ ในเมื่อมีความสุขได้ก็มีความสุขไปก่อนเถอะ อย่าเศร้าหรือคิดให้มันมากนัก บางทีอนาคตที่มาถึงอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่วาดภาพไว้ก็ได้” เสียงชายหนุ่มพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ทอฟ้ารู้สึกว่ามีไอเย็นแผ่มาสัมผัสข้างแก้ม จึงหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ

ไอเย็นนั้นแผ่มาจากแก้วน้ำผลไม้ที่เขายื่นมาให้เธอ

“คำปลอบใจที่เป็นไปไม่ได้สินะ” ทอฟ้าตอบ ทำเหมือนมองไม่เห็นแก้วน้ำในมือเขา

“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นได้หรือเปล่า” นักฆ่าระบายลมหายใจ “ไม่มีใครรู้เรื่องราวของอนาคตหรอก”

กล่าวจบชายหนุ่มก็ยื่นขอบแก้วมาแตะริมฝีปากเธอ ทอฟ้าจึงต้องรับแก้วมาถือและกว่าที่จะรู้ตัว ความหิวกระหายของเธอก็กระดกดื่มมันไปเกินครึ่งแก้วแล้ว

“บอกตามตรง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่จ้างให้เราลักพาตัวคุณคือใครและลักพาเพื่ออะไร แต่คิดในทางที่ดี นี่อาจเป็นเพียงการจับตัวเรียกค่าไถ่ธรรมดา เมื่อเขาเจรจากับพ่อคุณเรียบร้อย หน้าที่ของผมที่เหลือก็คือการพาคุณกลับไปส่งบ้านที่คำแสนหิรัญ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”

น้ำเสียงสงบราบเรียบน่าเชื่อถือ คงสามารถโน้มน้าวใจใครต่อใครให้หลงเชื่อได้ไม่ยาก ทอฟ้าคิดอย่างหงุดหงิด แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเขาหรอก เขาก็แค่พ่นคำปลอบใจออกมาเพื่อให้เธอเลิกวิตกกังวลจนไม่เป็นอันกินอันนอนตามหน้าที่ของเขา

หน้าที่ที่ต้องมาคอยดูแลเธอ...

ทันใดนั้น ความคิดอันสดใสก็ปรากฏในห้วงคำนึงของหญิงสาว ความมืดมนที่รอคอยเธออยู่พลันพบแสงสว่างจุดเล็กๆ แห่งความหวังที่ปลายอุโมงค์

เธอคิดว่าตัวเองพอจะมีทางรอดแล้ว!

ทอฟ้ากระดกน้ำผลไม้ที่เหลือจนหมดแก้ว ก่อนหันหน้ากลับมาหาเขาอย่างมีชีวิตชีวา

“ขอบใจมากนะที่ทำให้ฉันสบายใจขึ้น” นางฟ้าจากคำแสนหิรัญกลบซ่อนความเกลียดชังและแค้นเคืองไว้ภายในจิตใจขณะพูดต่อ “ดูๆ ไปแล้วคุณก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ”

ทอฟ้ายิ้มหวานให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงจะไม่เคยหว่านเสน่ห์ปั่นหัวผู้ชายมาก่อนเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเธอ แต่ทอฟ้าก็รู้ดีว่าหากลองทำจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งมาหลงรักเธอแบบหัวปักหัวปำ เธอมีตัวอย่างมากมายให้เห็นจากบรรดาเพื่อนสาวที่ชอบบริหารเสน่ห์เป็นกิจวัตรประจำวัน...

ทอฟ้าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ก่อนที่จะมีการดำเนินการกับเธอในขั้นต่อไปตามคำสั่งของผู้จ้างวาน แม้มันจะมีเวลาเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่เธอจะต้องทำให้นายอินทรีน้ำแข็งอะไรคนนี้มาหลงรักเธอให้ได้ เพื่อที่เธอจะได้หลอกใช้เขาเป็นเครื่องมือในการคุ้มครองและพาเธอกลับไปหาโคมินต์ คนรักที่ป่านนี้คงรอคอยเธอจนทรมานแทบขาดใจแล้ว




บุุหลันสีคราม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2556, 15:48:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2556, 15:48:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1314





<< บทที่ 5 – ความปั่นป่วน    
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account