แสนโหล...แสนหลอน
ในฐานะที่เขาเป็นท่านประธานคนใหม่ของอาณาจักร 'อลังการ เขาใหญ่' สถานพักตากอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เขาจึงต้องเพียบพร้อม ฉลาดหลักแหลม และสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน

จะให้ใครรู้ถึงจุดอ่อนของเขาไม่ได้

'สุดจักรวาล มหาศาลปฐพี' พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาภาพลักษณ์ และเอาชนะทุกคำสบประมาท แต่ทว่า...

ในค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำ ฟ้าคลั่ง ลมกรรโชกแรง

เขาต้องคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มหนา กอดพระพุทธรูปแล้วบริกรรมคำสวดด้วยใจที่หวาดหวั่น

ใ่ช่... เขากลัวผี


ขณะที่เธอ

ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางเหมือนไม้เสียบผี มีบุคลิกลึกลับเข้าขั้นประหลาด ผู้มองเห็นวิญญาณ และติดต่อสื่อสารกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ

'แสนโหล' หญิงสาวที่น่าจะเปลี่ยนไปชื่อ 'แสนหลอน'

เมื่อเหตุการณ์ชวนสยองพาเขาและเธอมาพบกัน จากหลอนจะเปลี่ยนเป็นรักได้หรือไม่... ต้องมาช่วยลุ้นกันนะคะ ^^




ปล. นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ลองแต่งแนวผี ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
Tags: ผี,วิญญาณ,ตลก,

ตอน: บทที่ 4 : สยองจนสยิว



ทั้งๆ ที่เพลงบรรเลงจากหูฟังกำลังเปิดดังกลบเสียงฟ้าผ่า แถมม่านหนาเหนือหน้าต่างช่วยกั้นแสงอสุนีบาตที่ฟาดลงมาไม่ยั้ง ยังมีดวงไฟสีนวลบนเพดานสูงที่ทำให้ทั่วห้องนอนสีขาวสะอาดสว่างไสวเหมือนกลางวัน และที่สำคัญ คือองค์พระพุทธรูปนับร้อยที่เรียงรายอยู่เหนือหัวเตียง

แต่เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย

เสียงคำรามโครกครากเหมือนคนท้องเดินจากฟากฟ้า สายฝนเทกระหน่ำท่ามกลางกระแสลมที่พัดกรูจนไม้ใหญ่ลู่ไหวคือสิ่งที่เขารับรู้ และที่อยู่ในจิตนาการ...คืนฟ้าคลั่งที่วังเวงเหมือนหนังสยองขวัญ ต่อให้จะท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ แทนการนับแกะ แต่ร่างสูงที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ห้วงนิทราได้ ให้ตายสิ... เขาจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้อย่างไร หากว่าใจของเขายังคงสั่น...

บางครั้งนะบางครั้ง เขาก็นึกโกรธพ่อ พ่ออยากได้ความเป็นส่วนตัวอะไรนักหนา ถึงได้สร้างบ้านบนเนินเขาที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติแต่ปราศจากผู้คน ชุมชนที่ใกล้ที่สุดคือรีสอร์ทที่ต้องขับรถไปเกือบ 10 นาที เมื่อก่อนตอนมีพี่ ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้เพียงลำพัง... ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเขาจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากใครได้ สุดจักรวาลที่นอนประสานมือแน่นบนหน้าอกได้แต่คิดด้วยความกังวลใจ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ลืมตาโพลงก่อนผุดลุกขึ้น

ขืนพยายามหลับต่อไปทั้งที่ใจยังไม่นิ่ง เขาอาจฟุ้งซ่านจนกลายเป็นบ้า ดังนั้นชายหนุ่มหน้าเข้มในชุดนอนลายทางเลยคิดจะหาหนังสือมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา รอจนฟ้าสางเขาอาจหลับลง แต่ยังไม่ทันที่เท้าที่ก้าวลงจะสัมผัสกับพรมขนสัตว์ที่ปูรองรอบเตียง แสงสว่างในห้องก็ดับพรึบ

“เอ๊ย!!!” สุดจักรวาลอุทานลั่นด้วยความตกใจ เพราะแม้แต่มือที่อยู่ข้างหน้าก็ยังมองไม่เห็น ต้องใช้เวลาอยู่ครู่สำหรับการตั้งสติ ก่อนจะหันไปคว้าไฟฉายบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา

บ่อยครั้งที่ฝนตกแล้วไฟดับ... ดีที่เขารอบคอบพอจะเตรียมการรับมือเอาไว้ แสงเป็นลำจากกระบอกไฟช่วยให้ใจชื้น ชายหนุ่มค่อยๆ ย่องไปเปิดไฟจากดวงโคมใส่ถ่านที่วางไว้แทบทุกตารางนิ้วภายในห้อง และเมื่อแสงสว่างกลับคืนมาอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากนี้คงต้องติดต่อให้อัครเดชตามช่างไฟ เขาคิด แต่ขณะที่มือกำลังเลื่อนเปิดหน้าจอโทรศัพท์ หูก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านนอก ที่ทำอยู่จึงชะงักค้างทันที สุดจักรวาลนิ่งเพื่อเงี่ยหูฟังให้แน่ใจ ก่อนเสียงคล้าย ‘ใคร’ กำลัง ‘ทำอะไร’ จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

บ้าน่า เขาต้องหูแว่วไปเองแน่ๆ ในเมื่อบ้านนี้มีเขาอยู่ตามลำพัง แล้วข้างนอกจะมีคนอื่นอยู่ได้อย่างไร...

แล้วถ้า นั่นไม่ใช่ ‘คน’ ล่ะ!!!

ทันทีที่คิดอย่างนั้นเขาก็รู้สึกสะพรั่นหวั่นพรึงจนขนลุก ขุดเอาเหตุผลต่างๆ นานามาเรียกขวัญที่เตลิดหาย แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยเท่าไร ในเมื่อเสียงตึงตังที่เขายังไม่รู้ว่ามีต้นตอจากอะไรยังคงดังสลับกับการคำรามก้องของท้องฟ้า... ขาเริ่มสั่น ใจเริ่มหวั่น สมองไม่อาจสั่งการใดๆ ได้อีกแล้ว

ไม่เอานะเว้ย...อย่ามาเล่นแบบนี้ เขาพึมพำแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อเสียง ‘ปัง ปัง ปัง’ ดังขึ้นใกล้กว่าเก่า ก่อนจะกระหน่ำมาอีกหลายระลอกเหมือนบางอย่างที่อยู่ข้างนอก กำลังทุบกระจกตรงหน้าต่างหวังจะเข้ามาข้างในให้ได้ เหตุการณ์ช่างคล้ายเมื่อตอนสายภายในรถ ตอนที่เขาคิดว่าทุกอย่างเป็นความฝัน แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นจริง

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้...ก็เป็นเรื่องจริงอีกใช่ไหม

สุดจักรวาลถลาไปคว้าองค์พระที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมากอด ขณะที่เสียงปึงปังยังดังอย่างต่อเนื่อง ให้ตายสิ เขาควรทำอย่างไร จะหนีไปทางประตูโดยไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ หรือว่าเปิดม่านดูที่หน้าต่างให้กระจ่างไปเลยดีกว่ากัน แต่ไม่ว่าทางไหน มันก็น่ากลัวเกินไปสำหรับเขาทั้งนั้น

“ช่วย...ด้วย....”

เสียงหนึ่งดังแว่ว ทำเอาชายหนุ่มแข็งทื่อไปหลายวินาที ก่อนสัมปชัญญะเฮือกสุดท้ายจะสั่งให้หนี เขารีบร้อนออกจากห้อง วิ่งฝ่าความมืดลงบันไดไปยังโรงรถด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า ท่ามกลางพายุที่ยังคงกระหน่ำ มือข้างหนึ่งกระชับองค์พระไว้ อีกข้างกำไฟฉายแน่น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้เอากุญแจรถลงมา

ให้ตายสิ...ชายหนุ่มสบถ นึกโกรธตัวเอง แต่เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นทางรอดอื่น เขาจึงหันหลังกลับไปยังตัวบ้าน แต่ทันใดนั้น เงาทะมึนที่ปรากฏใกล้ก็ทำให้สุดจักรวาลสะดุ้งโหยง หลับตาแน่นก่อนยื่นพระในมือออกไปป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ

“โอ๊ย...” เสียงจากผู้จู่โจมดังขึ้น เขาจึงค่อยๆ ลืมตา เมื่อไม่มีเงาดำน่ากลัวอยู่ต่อหน้า ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดี แต่ความโล่งใจกลับอยู่กับเขาได้ไม่นาน เพราะเมื่อขยับจะกลับไปในบ้าน ‘บางอย่าง’ ก็ตะครุบขาสองข้างของเขาไว้ สุดจักรวาลร้องลั่นด้วยความตกใจ บทสวดมากมายถูกนำออกมาใช้ พร้อมยกองค์พระขึ้นท่วมหัว

“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย”

สุดจักรวาลทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มหน้าก้มตาบริกรรมบทสวดต่อหน้าองค์พระพุทธรูปด้วยใจที่เต้นรัวจวนจะระเบิดจากทรวงอก แต่ผีจับขาก็ยังไม่ยอมเลิกรา ค่อยๆ ไต่ฝ่ามือขึ้นมาเรื่อยๆ

ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตาย... นี่เขาจะต้องตกเป็นเป้าหมายของผีตลอดชีวิตนี้เลยใช่ไหม

“ฉันไม่ใช่ผี... ฉันเป็นคน”

นี่สินะผีหลอกของแท้ เขาต้องไม่หลงกล ถ้าไม่อยากถูกบีบคอหรือหัวโกร๋น เขาต้องไม่หลงกล

“ฉันเป็นคนที่คุณมาหาเมื่อตอนบ่ายไง ฉันเป็นคนจริงๆ”

ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้สุดจักรวาลชะงัก ไม่ได้ผลีผลามก้มไปพิสูจน์ แต่ฉายไฟจากกระบอกพลาสติกในมือไปยังใบหน้าของ ‘ผี’ ที่อ้างตัวว่าเป็นคน นับหนึ่งถึงสิบในใจ แล้วจึงตัดสินใจก้มลงมอง

ดวงหน้าขาวซีดที่ถูกลำแสงสีขาวสาดส่องยิ่งดูซีดเซียวไร้เลือดฝาด ตาโตเท่าไข่ห่านอาจทำให้เขาผงะในตอนแรกแต่ก็เริ่มจดจำได้ และแล้วประสาทที่เครียดขึงอยู่เมื่อครู่ก็เริ่มผ่อนคลาย หัวใจเริ่มลดระดับอัตราการเต้นให้ช้าลง

“เธอเป็นคน...” เขาทวนคำแต่ก็ยังยกพระขึ้นมาขวางกั้นขณะเปิดตาขึ้นทีละน้อย “เธอเป็นคนจริงๆ ใช่ไหม”

“จริงๆ” หญิงสาวหน้าเซียวตอบเสียงนิ่ง ทันใดนั้น แสงไฟในบ้านรวมถึงไฟสนามก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้งราวกับรู้จังหวะ ปรากฏเป็นตัวคนให้เห็นกับตา โดยไม่ต้องอาศัยคำยืนยันใดๆ อีก

สุดจักรวาลกระแทกลมหายใจยาวเหยียด เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่ก็ยังคิดในใจ... ผู้หญิงบ้าอะไรน่ากลัวยิ่งกว่าผี



“เธอมีธุระอะไรกับฉัน”

หนุ่มหน้าเข้าในชุดนอนที่เปียกปอนเอ่ยขึ้นเมื่อกลับเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อหญิงสาวที่มาบุกรุกยามวิกาลอ้าปากจะตอบ เขาก็รีบยกมือห้ามเมื่อเห็นสภาพของเธอเต็มตา

แม้ตอนแรกเธอจะใส่เสื้อกันฝนสีชมพูสะท้อนแสงกับรองเท้าบู๊ทสีเดียวกันลายจุดสีเหลือง แต่ปอยผมและเสื้อผ้าหลายส่วนก็ยังแฉะชื้นด้วยหยาดน้ำและเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน

ไม่ใช่แค่สกปรกและอุดมไปด้วยเชื้อโรค แต่เธออาจเป็นหวัดได้

“ก่อนที่เธอจะคุยกับฉัน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสำคัญแค่ไหน แต่ยังไงเธอก็ต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“ฉันไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”

“แต่ฉันมี นี่มันบ้านฉัน ฉันมีเสื้อผ้าตัวอื่นนอกจากที่ใส่อยู่ ไม่ต้องห่วง ตัวเธอก็ไม่ได้ใหญ่อะไร น่าจะใส่เสื้อฉันได้อยู่แล้ว เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ อย่าไปไหน อย่าขยับ อย่าจับต้องอะไรเด็ดขาด ฉันไม่ชอบให้ใครมาป้วนเปี้ยนในบ้าน เข้าใจใช่ไหม”

หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ โดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้คนที่แสดงออกว่าไม่ไว้ใจทิ้งเธอให้อยู่ตามลำพัง

ดวงตากลมโตมองตรงไปข้างหน้าเหมือนปกติ แต่สักพักก็อดไม่ได้ที่จะกรอกซ้ายที ขวาทีเพื่อสำรวจ พื้นกระเบื้องสีขาว ผนังสีขาว โซฟา หมอนอิง แม้แต่พรมเช็ดเท้าก็ยังสีขาว ถ้าไม่ได้โคมระย้าคริสตัลน้ำงามที่ประดับอยู่บนเพดานสูงดึงสายตาเอาไว้ ความขาวสะอาดก็คงไม่ต่างจากแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยความจืดชิด แล้วแสนโหลก็จบการตรวจตราโดยไม่ได้ติดใจอะไร ก่อนจะนึกขึ้นได้ เพราะเนื้อตัวมอมแมมของเธอหรือเปล่า ที่ทำให้เขาสั่งห้ามเธอขยับเขยื้อน

คิดถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก็ย้อนกลับมาในหัว เธอขับรถกระบะของพี่ชายฝ่าสายฝนกระหน่ำมายังบ้านบนเนินเขาตามพิกัดที่ได้โทรศัพท์ไปถามกีรติ หลังจากกดกริ่งอยู่หลายนาทีก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าของบ้านจะออกมาต้อนรับ เจ้าผีจิ๊กโก๋ที่ตามมาด้วยก็เร่งยิกๆ ให้เธอตามเขาออกมาให้ได้ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่ปีนรั้วเข้ามาเหมือนขโมย เดินวนรอบบ้านไม่พบการเคลื่อนไหวก็คิดว่าไม่มีใครอยู่ แต่พอเงยหน้าขึ้นดูถึงจะเห็นแสงรำไรที่ลอดผ่านม่านหนา พยายามตะโกนเรียกแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ เดินกลับไปเอาบันไดลิงที่รถแล้วนำมาพาดกับหน้าต่าง ปีนขึ้นไปหาด้วยความยากลำบาก ทั้งเคาะทั้งเรียกอยู่นานแต่ความเงียบก็เป็นสิ่งเดียวที่ตอบกลับมา เธอถอดใจให้ความล้มเหลวของตัวเอง แต่พลันเห็นร่างสูงวิ่งหน้าตั้งออกมาจากบ้าน ความตื่นเต้นทำให้เธอรีบร้อนกระโดดลงจากบันได หกล้มคลุกคลานแต่ก็ยังตามออกไปยืนขวางเขาไว้ได้ทัน

ซึ่งนั่นเอง เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมีสภาพไม่ต่างจากควายไปปลักโคลน

“นี่เสื้อผ้าของฉัน เธอน่าจะใส่ได้” เสียงที่ดังขึ้นจากบันไดทำให้แสนโหลค่อยๆ หันไป พบชายหนุ่มผิวเข้มในชุดคลุมอาบน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่บนไหล่กำลังเดินลงมาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อยู่ในมือ

“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น เธอไปทำตัวให้สะอาดแล้วค่อยมาคุยกัน ฉันให้เวลา...หนึ่งชั่วโมง พอหรือเปล่า”

“พอ” ตอบสั้นๆ แต่แอบคิด เขาคงเห็นว่าเธอสกปรกมากสินะ ถึงได้ให้เวลานานขนาดนั้น หญิงสาวไม่พูดอะไรค่อยๆ หันไปตามทิศที่เขาบอก แต่ยังไม่ทันก้าวเดิน เขาก็รั้งไว้

“เดี๋ยวก่อน” แสนโหลหันไปช้าๆ ดวงหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาแล้วถามเสียงหวาด “มีผีตามเธอมาด้วยหรือเปล่า”

“มี”

“หา!!!”

“แต่เข้ามาไม่ได้ เจ้าที่ไม่อนุญาต”

“เจ้าที่?” สุดจักรวาลทวนคำ พลางนึกถึงศาลพระภูมิที่อยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน “ฉันไม่เคยกราบไหว้ท่านเลย ไม่นึกว่าท่านจะทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างนี้ แสดงว่าจะไม่มีผีตัวไหนผ่านเข้ามาในบ้านฉันได้ใช่ไหม... นี่ เธอถามท่านให้ทีสิว่าชอบอะไร พรุ่งนี้ฉันจะได้จัดชุดใหญ่ไปถวาย”

แสนโหลนิ่งไป ก่อนที่ดวงตากลมโตจะจับจ้องที่เขาเขม็ง

“จะให้ไปอาบน้ำ หรือให้ไปถาม”

“ก็...” ชายหนุ่มเดาไม่ออกว่าเธอย้อนเพราะอยากรู้หรือหงุดหงิด แต่นั่นแหละ เขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก “ไปอาบน้ำ คุยกันให้เสร็จก่อน แล้วตอนขากลับออกไปค่อยถาม โอเคไหม”

หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนเดินช้าๆ ไปยังห้องน้ำ... ไม่ถึงห้านาทีก็กลับออกมา ในเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงผ้าตัวยักษ์ ดูคล้ายเด็กฮิพฮอพซื้อเสื้อผ้าผิดไซส์อย่างไรอย่างนั้น

“เสร็จแล้วเหรอ ทำไมไวจัง เธอได้อาบน้ำหรือเปล่า ผมยังเปียกอยู่เลยนี่ ทำไมไม่เป่าให้แห้งก่อน เดี๋ยวก็เป็นหวัด”

ชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างรอบนโซฟาบ่นเหมือนคนแก่ แต่เมื่อเธอไม่ตอบ เขาจึงยักไหล่ แล้วผายมือไปยังที่ว่างตรงข้าม “นั่งสิ”

หญิงสาวทำตาม ด้วยการเดินกำขอบกางเกงที่ใหญ่กว่าเอวมาทรุดตัวลงนั่ง แล้วประเด็นที่ตั้งใจมาก็ได้เวลาเริ่มต้น

“ตกลงว่าเธอมีเรื่องอะไร ถึงได้บุกมาหาฉันมืดๆ ค่ำ”

“เลือดของฉันใช้ไม่ได้ เด็กคนนั้นเลยขอให้ฉันมาขอคุณ”

“เด็กคนนั้น? เธอหมายถึงวิญญาณที่ตามหลอกหลอนฉันน่ะเหรอ ให้ตายสิ นี่เรื่องนี้ยังไม่จบอีกหรือไง แล้วเธอ... เธอลงทุนบุกบ้านฉันตอนฝนตกเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ นี่เธอรู้หรือเปล่าว่าทำให้ฉันเกือบหัวใจวายอยู่แล้ว”

“เด็กคนนั้นกำลังจะตาย ถ้าไม่ได้เลือดจากคุณ”

“หมายความว่ายังไง ฉันต้องกลับไปให้เลือดที่โรงพยาบาลเหรอ ไม่เอา ฉันไม่อยากไป ฉันไม่ชอบโรงพยาบาล”

“เด็กคนนั้นกำลังจะตาย ถ้าไม่ได้เลือดจากคุณ”

“ก็มาเอาสิ มาเอาเลือดเลย ตามหมอมาเจาะเลือดที่นี่ได้เลย แต่ยังไงฉันก็ไม่กลับไปที่โรงพยาบาล สกปรก น่าขนลุก ฉันไม่ชอบ ไม่กลับไปเด็ดขาด”

“ถ้าเด็กคนนั้นตาย เขาคงกลายเป็นผีมาหลอกคุณ”

“โอเค งั้นเราไปกันเลย”

เป็นการเปลี่ยนใจกะทันหันหลังคำของหญิงสาว เขาเด้งตัวขึ้นเหมือนโดนเข็มจิ้มก้น ตั้งท่าพร้อมเดินทางทุกเมื่อ

“ทำไมไม่ลุกล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอจะรออยู่ที่นี่... ไม่ได้ ถ้าฉันไปเธอก็ต้องไปกับฉัน ฉันไม่ไปคนเดียวหรอก”

ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่า แต่ยังเอื้อมมือมาใช้ปลายนิ้วดึงแขนเสื้อข้างหนึ่งของเธอให้ลุกไปด้วยกัน แสนโหลยังไม่มีโอกาสได้พูดอะไรสักคำ ก็ต้องรีบร้อนลุกตามเขาไป โดยไม่ทันระวังว่ากางเกงที่สวมใส่นั้นหลวมโครกแค่ไหน เมื่อลุกโดยไม่จับไว้ มันจึงร่วงลงไปกองกับพื้นทันที แล้วทีนี้พอเธอเริ่มก้าว ขาที่ถูกพันไว้ทำให้สะดุดหน้าคว่ำ ซึ่งชายหนุ่มที่หันกลับมาพอดีก็ดันรับร่างไว้ไม่ทัน เมื่อถูกถลาใส่จึงหงายหลังล้มลงไปก่อน ตามมาด้วยร่างบอบบางของเธอทาบทับลงมา

“โอ๊ย...” ชายหนุ่มครางเมื่อรู้สึกระบมที่ก้นกบ ก่อนจะเริ่มตระหนักได้ว่าเขาและเธอกำลังอยู่ในสภาพใด ตอนที่เธอล้มใส่คงพยายามไขว่คว้าบางอย่างไว้ เสื้อคลุมอาบน้ำที่เขามัดหลวมๆ ถึงได้หลุดลุ่ยออกจากกัน แล้วตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดของเธอก็กลายเป็นสีแดงก่ำ เมื่อนวลหน้าแนบเนื้อลงบนแผงอกกำยำ ส่วนช่วงล่าง...ลองจินตนาการกันเองเถิดว่า จากที่บรรยายมาแล้วจะเหลืออะไรอยู่บ้าง

จากเรื่องสยองกลายเป็นฉากสยิวที่ชวนให้ใจหวิว แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากับว่าใครบางคนเปิดประตูบ้านเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี



“ฉันไม่สนหรอกนะว่าหลานชายฉันจะนอนกับใคร ที่ไหน หรือจำนวนเท่าไร แต่ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมที่ทำให้ตาสุดไม่ยอมมาประชุม”

หญิงสูงวัยที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเอ่ยถามปลายสายด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ใบหน้าเต่งตึงปรากฏร่องรอยหงุดหงิดเด่นชัด ยามเมื่อภาพที่ยังคงติดตาหวนคืนมา

ใครจะรู้เล่าว่า การไปหาหลานยังบ้านบนเนินเขาอีกลูกเพราะเป็นห่วงเมื่อเห็นไฟดับ จะทำให้เธอเจอเข้ากับฉากรักสุดสยดสยองนั้นเข้า... สองร่างกึ่งเปลือยเปล่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนพื้น... ไม่รู้สุดจักรวาลคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนั้น

“ตกลงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร ทำมาหากินอะไร แล้วทำไมมาพัวพันกับตาสุดได้ คุณเดช คุณเล่ามาให้ละเอียดเลยนะ ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้”

อัครเดชที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงโทรศัพท์ พยายามตั้งสติ ก่อนเล่าเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ให้เจ้านายอีกคนของเขาฟังด้วยเสียงอู้อี้ เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่สุดจักรวาลตามหาเธอจากกล้องวงจรปิด เสาะหาจนพบว่าเธอเป็นใครและติดตามไปถึงบ้าน รวมทั้งเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล โดยที่เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของการกระทำเหล่านั้น

“เธอชื่อแสนโหลครับ เป็นลูกสาวของเจ้าของร้านขายต้นไม้ชื่อ สวนสมชาย ครอบครัวมีพ่อ แม่ และพี่ชาย ทำอาชีพเดียวกันหมด อ๋อ เธอเป็นเพื่อนกับคุณกีรติ เลขาฯ ของคุณอรุณด้วยนะครับ” อัครเดชปิดท้ายเช่นนั้น ยิ่งฟัง...คิ้วโก่งสีน้ำตาลเข้ากับเรือนผมตีโป่งก็ขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ

“เป็นแค่คนขายต้นไม้ ถ้าคบเล่นๆ น่าจะเป็นไปได้ แต่ฟังจากที่คุณเล่า มันแปลก เพราะปกติตาสุดไม่ใช่คนที่จะทุ่มเทเพื่ออะไรขนาดนั้น แล้วยังเป็นเพื่อนกับยายก้อยอีก เรื่องนี้มันมีลับลมคมในอะไรหรือเปล่า ทำไมเพื่อนของยายก้อยถึงได้มานอนกับตาสุดได้ หรือว่ามีใครส่งมา... เหมือนเรื่องเมื่อตอนบ่าย ที่มีคนมาโวยวายว่าได้รับอุบัติเหตุเพราะเครื่องเล่นของเรา คุณไปสืบมาแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ฉันว่า...ก็คงเป็นคนเดียวกันนั่นแหละ คนที่คิดไม่ดีกับตาสุด อาจส่งผู้หญิงคนนั้นมาเป็นนางนกต่อก็ได้”

“คงไม่ใช่หรอกครับ เพราะว่าเธอ เอิ่ม... ค่อนข้างไม่เหมือนผู้หญิงปกติ”

“ทำไม? เธอเป็นบ้าหรือไง”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ คุณอรุณได้เจอเธอแล้วไม่ใช่หรือครับ คุณไม่รู้สึกเหรอครับว่าเธอไม่เหมือนคนอื่น”

“ฉันเปิดประตูไปเจอตอนพวกเขานอนด้วยกัน เห็นแบบนั้นฉันก็รีบออกมา จะให้ฉันรู้สึกอะไรล่ะ แล้วที่คุณบอกว่าแปลก เธอแปลกยังไง”

“ก็...” อัครเดชพยายามหาคำที่เหมาะสม แต่เขาก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรนอกจากคำว่า “เธอดูหลอนๆ น่ะครับ”

“หลอน!?! คุณหมายความว่ายังไง... คุณเดช คุณกำลังทำให้ฉันกังวลนะ ฉันไม่ไว้เรื่องนี้จริงๆ” อรุณสวัสดิ์กล่าวอย่างเคร่งเครียดก่อนเงียบไป อึดใจจึงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ฉันปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”

“คุณอรุณจะทำอะไรครับ”

หญิงวัยกลางคนไม่ตอบอะไร แต่ลางสังหรณ์ก็เตือนให้อัครเดชไม่สบายใจเอาเสียเลย





-------------------



พาแสนโหลกะพ่อสุดมาเรียกเสียงหัวเราะกันต่อค้าาาา ต่อไปจะมาวันพุธ กับเสาร์ไม่ก็อาทิตย์นะคะ (ถ้าแต่งทันนะ)

ขอให้สนุกกับการอ่านนะค้า


คุณอัศวินนภา : แสนโหลสุดสวยมากมาแล้วค้าา 5555 มาแบบแสนสยิวด้วยตอนนี้

คุณSukhumvitt66 : แก้ให้เป็นขาว จนเกือบซีดแล้วนะคะ ความจริงอยากให้ดูผอมๆ เซียวๆ ในตอนแรกๆ แล้วค่อยมีสีสันขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ (อุ๊ตาย สปอยเรื่องป่าวเนี่ย ><))

คุณดังปัณณ์ : หนุ่มในบึงนี่กิ๊กคนที่หนึ่งของหนูโหลเค้าค้าาา นางมีกิ๊กเยอะ 5555

คุณnateetip : ขอบคุณค้าาา ตามมาจาก blog หรือเปล่าคะ ใช่คนเดียวกันหรือเปล่าเ่อย ^^

คุณพี่แตงกวา : ขอบคุณมากค้าาาา แวะมาให้กำลังใจกันตลอดๆ อิอิ เราจะสรรหาบรรดาผีๆ ไว้ในทุกตอนนะค้า

คุณkaelek : นั่นสิคะ คนแต่งยังกังกวล 55555



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2556, 19:08:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2556, 19:08:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1777





<< บทที่ 3 : และแล้วก็เจอกัน   บทที่ 5 : ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ (ลบ) >>
พันธุ์แตงกวา 9 พ.ย. 2556, 19:44:55 น.
555+ สงสารตาสุด ผู้หญิงบ้าอะไรน่ากลัวกว่าผี
คุณป้าออกโรงแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ลุ้นๆ


Pat 9 พ.ย. 2556, 20:05:35 น.
55555555555


ดังปัณณ์ 9 พ.ย. 2556, 20:18:26 น.
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เห้อ เอิ่ม หนูโหลช็อกตาตั้งไปแล้วมั้งน่ะ ฮ่าๆๆ อาไร้ อาไร้ อิตาสุดเหนยังพอว่า คุณป้าเหนด้วยนี่สิเปนเรื่อง อั้ยๆๆๆๆ

ว่าแต่...อัครเดชมา แล้วพรประภาล่ะคะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ตอนมาซ่อมไฟอัครเดชคงยืนนึกในใจนานพอควร (เก๊กเสียงหล่อ) เอ๊...เราจะซ่อมเส้นไหนก่อนดี ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

แต่เห็นด้วยกับพี่แตง อิตาสุดนี่ น่าสงสารจิงจิ๊ง พ่อคุณคงสับสน ไหนคนไหนผี ฮ่าๆๆๆๆ


อัศวินนภา 9 พ.ย. 2556, 20:55:06 น.
น้องโหลจะกลายเป็นน้องหลอนซะแล้ว


nateetip 9 พ.ย. 2556, 21:18:55 น.
ใช่ค่ะ.. เรื่องนี้น่ารักค่ะ


kaelek 9 พ.ย. 2556, 22:39:30 น.
สยิววววี้ดวิ้ววว งานเข้าใครหว่า.. น้องโหลหรือนายสุด คุณป้าก็เบาๆมือหน่อยน้าา เดี๋ยวน้องโหลจะหน้าซีดกว่าเดิม


Sukhumvit66 10 พ.ย. 2556, 13:02:36 น.
อร้ายยยย.......ล้มได้ดั่งใจแม่ยกมากคร้าาาา อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account