จุมพิตในเพลิงทราย
เมื่อ ราจีฟ เทพบุตรนักรักแห่งแดนทราย พ่ายต่อมนต์เสน่หาของดาราสาวไทย
เขาผู้ไม่เคยง้อใคร กลับยอมทุ่มสุดใจเพียงหวังให้ได้ สไบนาง มาแนบชิด
ทว่ามันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อดาราดาวยั่วจอมหยิ่งไม่ทิ้งดีกรีรั้นร้าย
เลือดร้อนของหนุ่มนักรักแดนทรายจึงกระหายอยากปราบพยศ
+++
และโชคชะตาได้นำพาเขาและเธอมาพบกันในแดนทราย
ในขณะที่เทพบุตรนักรักถูกจับคลุมถุงชนกับหญิงสาวปริศนา
แต่ครั้นเมื่อได้พบหน้า ราจีฟต้องตกตะลึงงันอย่างไม่คาดคิด
หญิงสาวที่เขาหมายปองซุกซ่อนตนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีสวย
กระแสปรารถนาหวามไหวไม่อาจเก็บซ่อน...ยามสองกายแนบชิดสนิทกัน
แม้คิดว่าเป็นคนละคน แต่เมื่อใกล้เธอแล้วใจสั่น ก็ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้หลุดมือ!

จุมพิตหวานท่ามกลางเพลิงทรายร้อนระอุ
ปริศนาที่ถูกปิดซ่อนไว้ยังไม่ถูกคลี่คลาย
เธอคือใคร และเขาจะทำอย่างไรเมื่อสตรีที่ยอมพลีใจให้ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
แล้วเขาและเธอจะฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้หรือไม่?
ร่วมไขปริศนารักหวานท่ามกลางเพลิงทรายร้อนได้ใน...จุมพิตในเพลิงทราย
Tags: ลินิน ทราย

ตอน: ตอนที่ 4 80%

ลำยองแทบกระโดดตัวลอยด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้รับการติดต่อจากยูซุป ชายชาวอาหรับ ว่าเจ้านายของเขาต้องการพบสไบนาง เสนอราคาให้สูงลิ่ว ใช้จ่ายสบายไปได้อีกนานแสนนาน แค่อาทิตย์เดียวกับเงินสิบล้าน คุ้มแสนคุ้ม สไบนางไม่รับก็โง่เต็มทน
ลำยองรับปากเป็นหมั้นเหมาะกับยูซุป ว่าอย่างไรจะต้องพาสไบนางไปพบเจ้านายของเขาให้จงได้ เธอเองก็จะได้ค่าดำเนินการแสนงามถึงห้าแสนบาท
งานง่ายๆ รายได้งาม ขอแค่สไบนางยินยอมเท่านั้น
เมื่อทนอึดอัดไม่ไหว หลังสไบนางถ่ายละครเสร็จจึงรีบไปรับหลานสาวคนสวยทันที ท่าทางอึกอักของผู้เป็นน้าสาว ทำให้เธอต้องเอี้ยวตัวมาถาม
“น้ามีอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ นิดหน่อย แวะกินอะไรเย็นๆ หน่อยดีกว่านะ วันนี้น้าเลี้ยงเอง” ลำยองบอกทำให้คิ้วคู่งามเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ ตั้งแต่เป็นน้าหลานกันมา เคยที่ไหนที่น้าของเธอจะยอมควักกระเป๋าเลี้ยงหลานสาวคนนี้
“ถูกหวยเหรอ”
“เปล่าน่า…” ลำยองตัดบทแล้วเลี้ยวเข้าไปในร้านกาแฟที่บรรยากาศของร้านมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร เมื่อนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มกันเรียบร้อยแล้ว จึงเกริ่น
“หวาน แกว่าเงินสิบล้านมันมากไหม”
“มากสิน้า หวานทำงานมาขนาดนี้แล้ว เงินเก็บยังมีไม่กี่ล้าน ถามทำไม มีคนจ้างหวานขนาดนั้นรึไง ไม่มีใครบ้าขนาดนั้นหรอกมั้ง” หญิงสาวหัวเราะขึ้น ดื่มน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลเข้าไปจนเกือบครึ่งแก้ว แม้จะชอบอาหารรสหวาน แต่เพราะงานและหน้าที่จึงต้องอดใจควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เสมอ
“แล้วถ้าน้าบอกว่าใช่”
“หืม? งานอะไร” สไบนางเริ่มมองน้าสาวอย่างไม่ไว้ใจ คราวนี้จะหาอาเสี่ยคราวพ่อที่ไหนมาให้เธออีก
“หลานหวาน…” ลำยองลากเสียงยาว หวานหยดย้อย ลองได้ใช้น้ำเสียงแบบนี้ สไบนางนึกรู้ได้ทันทีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
“น้าพูดมาเลยดีกว่า”
“แหม เกลียดนักเชียว คนรู้ทัน” คนเป็นน้าฟาดเบาๆ มาบนต้นแขนของหลานสาว กระแอมทีหนึ่งแล้วเริ่มเรื่อง “มีงานสบายๆ ให้ทำ เขาจ้างตั้งสิบล้าน”
“งานอะไร คงไม่ใช่งานง่ายๆ แบบที่ต้องนอนแบให้ผู้ชายตักตวงหรอกนะ แบบนั้นหวานไม่เอาแน่ๆ” หญิงสาวปฏิเสธตั้งแต่แรก จนลำยองต้องมองค้อน
“ตั้งสิบล้าน”
“ร้อยล้านหวานก็ไม่เอา”
“แค่อาทิตย์เดียวเองนะหวาน เศรษฐีน้ำมันเชียวนะ เกิดเขาถูกใจแกขึ้นมา สบายไปทั้งชาติ ใครๆ ก็อยากไปกันทั้งนั้น” ลำยองพยายามหว่านล้อม สไบนางล้วงหยิบเงินในกระเป๋า วางเอาไว้บนโต๊ะ แล้วบอกเสียงห้วนแบบไม่รักษามารยาท
“น้ำไม่ต้องเลี้ยงหวาน หวานจะไปรอที่รถ แล้วหวังว่าน้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“นังหวาน!” ลำยองตวาดอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นหลายคนมองมา จึงยิ้มแหยๆ แล้วเปลี่ยนโทนเสียง “หลานวาน รอน้าด้วยสิจ๊ะลูก”

หญิงสาวกลับถึงบ้านด้วยสีหน้าบูดบึ้งจนคนเป็นยายอดไม่ไหวต้องเอ่ยถาม ส่วนลำยองนั้นเพราะโกรธหลานสาวจึงขับรถออกไปเที่ยวกลางคืนคลายเครียด
“เป็นอะไรลูก ทะเลาะกับน้ามาเหรอ”
“ก็เรื่องเดิมๆ แหละยาย หวานบอกน้าลำยองตั้งหลายครั้ง ว่าถึงหวานจะจน ถึงหวานจะต้องทำงานหนักตัวเป็นเกลียว แต่หวานก็ไม่คิดจะขายตัวให้ใคร” หญิงสาวยืนยันหนักแน่น มือเหี่ยวย่นจึงลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมสวย สีดำสนิทนั้นอย่างเข้าใจ
“อย่าไปถือสานังลำยองมันเลย มันก็แบบนี้ รักสบายก็เลยคิดว่าคนอื่นเขาจะพลอยรักสบายเหมือนตัวเองไปด้วย หวานปฏิเสธไป มันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ยายประนอมปลอบใจ
“หวานก็คิดอย่างนั้นละคะ ดึกแล้ว นอนดีกว่านะยาย พรุ่งนี้หวานว่าจะไปเยี่ยมแม่สักหน่อย ยายไปด้วยกันไหมจ๊ะ” เธอเอ่ยชวน
“ไปสิ ยายเองก็คิดถึงนังเครือมันเหมือนกัน นังเครือมันน่าสงสาร ความสวยของมันมีภัย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องหอบหวานหนีหัวซุกหัวซุนมา” ยายประนอมถอนหายใจ รู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ ยี่สิบกว่าปีมาแล้วที่ต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลบ้า เพราะเหตุใดนางเองก็สุดจะคาดเดา
“ยาย ตอนแม่มา แม่พาหวานมาคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ก็มาคนเดียวนะสิวะ มีอะไรหรือ” ยายประนอมสงสัย สไบนางจึงรีบส่ายหน้า
“เปล่าหรอกจ้ะ หวานแค่ถามดู เผื่อจะมีใครมาส่งแม่บ้าง” เธอปด ไม่ยอมบอกเรื่องของลัยลาให้รู้ เพราะยายเองก็คงไม่ได้รู้เรื่องราวมากไปกว่าที่เล่า “ยายจ๊ะ แม่ถูกยิงก่อนเข้าโรงพยาบาลหรือ”
“ฮื่อ ยายก็ไม่รู้ว่าใครมันช่างใจร้ายนัก มันกะจะเอาให้ถึงตาย แม่เอ็งโดนมันยิงปางตาย มันยังส่งคนมาตามฆ่าถึงโรงพยาบาล แต่ยายกลัวก็เลยพามันหนีออกมาก่อน” ยายประนอมหลับตานึกถึงภาพนาทีหวาดหวั่นขึ้นมา ขนในกายก็ลุกชันขึ้นไปด้วย
“ขนาดนั้นเลยหรือยาย” สไบนางตกใจกับข้อมูลใหม่ที่พึ่งได้รับรู้ ยายประนอมเองไม่อยากจะเล่าถึง เพราะอยากจะลบภาพนี้ออกไปจากความทรงจำ แต่แล้วก็เผลอหลุดปากออกมาจนได้
“เมื่อก่อนบ้านเราอยู่สระบุรี หลังจากที่นังเครือมันหอบเอ็งมา มันก็เที่ยวบอกว่ามีคนตามจะฆ่า แต่ไม่มีใครเชื่อมันสักคน นอกจากบอกว่ามันเหมือนคนบ้า เที่ยวหวาดระแวงคนเขาไปทั่ว ยายเองก็เหมือนกัน นังเครือมันออกไปหางานทำ กลับมาด้วยสภาพเลือดเต็มตัวไปหมด แต่ตอนนั้นมันถูกยิงเฉียดๆ คราวนี้ยายก็เริ่มเชื่อมันขึ้นมาหน่อย เราก็รีบย้ายบ้านกันในวันนั้นเลย มันตามไปที่โรงพยาบาล ดีนะยายพามันหลบออกด้านหลัง”
ตลอดเวลาที่ยายประนอมเล่า หญิงสาวตั้งใจฟังด้วยหัวใจลุ้นระทึก ไม่คิดเลยว่าปูมหลังของแม่จะมีเรื่องราวน่ากลัวแบบนี้
“เราอยู่กันมาสงบๆ ได้เดือนเศษ นังเครือมันก็ถูกยิง แล้วลากมันไปทิ้งแม่น้ำ แต่บุญของมันยังมี มันไม่ตาย แต่ก็อย่างที่เห็น นังเครือมันเป็นบ้า”
“โธ่แม่…” สไบนางปิดปากเพื่อกลั้นเสียงร้องไห้ ไม่คิดเลยว่าผู้เป็นแม่จะต้องผ่านชะตากรรมเลวร้ายอย่างนี้ ใครกันหนอ มันช่างใจร้ายคิดฆ่าแกงผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอ
“ยายพาแม่กับหวานหนีมากรุงเทพฯ มันคงคิดว่านังเครือตายแล้ว ถึงได้อยู่อย่างสงบมาถึงตอนนี้”
“หวานจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ทำไมถึงคิดร้ายกับแม่ได้” สไบนางกำมือแน่น รู้สึกโกรธแค้นแทนแม่ขึ้นมาทันที แต่ยายประนอมรีบห้าม
“อย่านะหวาน มันแล้วไปแล้วนะลูก ถ้าขืนหวานเข้าไปยุ่ง มันอาจจะมีอันตรายมาถึงตัว” ยายประนอมเตือนสติด้วยความหวังดี แต่ทว่าแววตามุ่งมั่นของหลานสาวทำให้นางหนักใจ
คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองด้วยเถิด อย่าให้สไบนางคิดทำอะไรเกินตัวเลย
“หวานก็พูดไปอย่างนั้นละยาย ผ่านมาตั้งนานนม ถึงหวานจะไปควานหาตัวมันมาก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน คนที่จะให้คำตอบได้ก็มีแต่แม่เท่านั้น” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มประจบให้ผู้เป็นยาย ค่อยทำให้ยายประนอมหายใจหายคอโล่งขึ้น กลัวเหลือเกินว่าสไบนางจะหุนหันทำอะไรไปโดยไม่คิด
“คิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว ไปนอนนะลูก พรุ่งนี้ยายจะทำของชอบของแม่เอ็งให้”
“จ้ะยาย” สไบนางวางแบนศีรษะลงกับตักนุ่มๆ ปากยิ้มแต่สมองครุ่นคิด

ตอนที่ 5
ราจี๊ฟ เบน บินฮาซิม ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอาหารด้วยความโกรธขึ้ง นับตั้งแต่เขาโตเป็นหนุ่ม และเริ่มเรียนรู้การมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะถูกปฏิเสธอย่างนี้ มันน่าอับอาย น่าขายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของยูซุป
“ขำอะไร” เขาตวาด
“เปล่าครับคุณราจี๊ฟ แต่ผมแค่แปลกใจ ปกติไม่เคยเห็นคุณราจี๊ฟโมโหเพราะผู้หญิงขนาดนี้มาก่อน ผู้หญิงไทยคนนั้นบังอาจมากจริงๆ” ยูซุปรีบเอ่ยแก้ แม้แต่ตัวเขายังนึกทึ่ง ผู้หญิงที่ไหน เมื่อเห็นเงินวางอยู่ตรงหน้ามากมายขนาดนั้น แทบไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
“ใช่ บังอาจมาก บังอาจที่กล้าปฏิเสธคนอย่างฉัน” ราจี๊ฟคำรามลั่น ดวงตาดุจเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ชื่อสไบนางให้แหลกคามือ
“ผู้หญิงคนนี้อาจจะแค่เล่นตัวเพื่อเรียกร้องเงินก็ได้นะครับ” ยูซุปออกความเห็น เพราะเขาเองก็เคยเห็นแต่ผู้หญิงประเภทหิวเงิน จึงไม่คิดมองใครในแง่ดี
“งั้นให้หล่อนเพิ่มสิบห้าล้านบาทไทย จะดูซิว่ายังจะกล้าปฏิเสธอีกไหม” เขาตัดสินใจรวดเร็วฉับไว แต่คนฟังลอบกลืนน้ำลาย เพราะไม่คิดว่าเจ้านายจะยอมทุ่มเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อนอนกับผู้หญิงคนเดียว ทั้งที่มีผู้หญิงดาหน้ามาให้เลือกมากมาย
“คุณราจี๊ฟ…”
“นี่เป็นคำสั่ง ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้ นายจะทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้หล่อนมา”
“ครับ” ยูซุปค้อมศีรษะรับคำ แต่หนักใจขึ้นมาไม่น้อยเลยกับจำนวนเงินที่มากมายอย่างนั้น แต่ในเมื่อเป็นคำสั่ง เขาเป็นแค่ลูกน้องจะกล้าขัดอะไรได้
เมื่อยูซุปออกไปพ้นแล้ว เขาจับจ้องรูปถ่ายของดาราสาวเขม็ง มือหนาอยากจะขยำรูปถ่ายเย้ายวนนั้นเสีย หากแล้วกลับทำไม่ลงจึงได้แต่คำรามในลำคอ
“เล่นตัวนักหรือสาวน้อย อยากจะรู้นัก ถ้าเห็นเงินที่ฉันให้ จะทำตาโตสักแค่ไหน คราวนี้ละ ฉันจะลงโทษเธอให้หนัก ให้สาสมกับความผิดครั้งนี้” เขาจับจ้องดวงตาดุจพญาราชสีห์เข้ากับดวงตายั่วยวนคู่นั้น แค่เพียงสัมผัสรูปถ่าย อารมณ์บางอย่างก็ก่อกวนขึ้นมาจนต้องเรียกหาเบลให้มาดับอารมณ์ร้อนๆ ที่คุกรุ่น
เขาใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าข้าวของเครื่องใช้ แต่นั่นย่อมไม่ผิด สังคมของอาไบย่า ผู้ชายมีสิทธิเสรีภาพมากพอ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง และพวกเธอเหล่านั้นก็ล้วนเต็มใจให้เขาได้ลองลิ้มชิมรสเอง ไม่ได้บังคับเลยแม้แต่น้อย ดอกไม้งามที่ไหนก็อยากหาแจกันดีๆ เอาไว้อาศัยกันทั้งนั้น
แต่ผู้หญิงคนนี้….
ช่างกล้า!

ลำยองต้องตาลุกวาวอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อคราวนี้ทางฝ่ายนั้นเพิ่มเงินให้อีกถึง 15 ล้านบาท เงินจำนวนนี้สไบนางต้องเล่นหนังอีกกี่เรื่อง ถ่ายแบบอีกกี่เล่มถึงจะได้มา ถ้าคราวนี้หลานสาวเธอยังปฏิเสธอยู่อีกก็เห็นจะต้องเรียกควายว่าพี่แล้ว



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2556, 22:27:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2556, 22:27:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 892





<< ตอนที่ 4 40%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account