รักใจร้าย
คียุล ซูเปอร์สตาร์ต้องรักษาภาพลักษณ์ดุจเจ้าชาย แตกต่างจากตัวตนที่แท้จริง ซ้ำร้ายยังต้องแสดงตัวเป็นคู่จิ้นวายตามใจแฟนคลับ ท่ามกลางความแก่งแย่งชิงดีในวงการบันเทิงเกาหลี เขาได้พบกับนัชชา สาวสวยบริสุทธิ์ผู้ต้องตกเป้าหมายการฆาตกรรม...
Tags: ดารา, เกาหลี

ตอน: พิษไข้

3.
คียุลนึกขอบคุณท่านประธานบริษัทอยู่ในใจ ระหว่างที่มือใหญ่ไล้ไปตามผิวนวลเนียนของหญิงสาวที่ทอดกายอยู่ใต้ร่าง...

เจนนี่ ลี...นางแบบนักร้องสาวคนดัง ที่ผู้ชายทั้งเกาหลีใฝ่ฝัน

เสียงร้องของหล่อนในตอนนี้ ฟังหวานหูยิ่งกว่าเพลงที่เขาเคยได้ยินหลายเท่านัก ร่างเพรียวสวยที่บิดเร่าๆ อยู่นี้ ก็มีลีลาที่เร้าใจ ไม่ต่างจากท่าเต้นบนเวที

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่างที่เนียนลื่นราวกับแพร เจนนี่เป็นนางแบบที่ไม่ผอมจนเกินไป หล่อนมีเนื้อหนังในส่วนที่ควร และทรวงอกในมือเขานี้ คียุลก็บอกได้จากสัมผัสว่าเป็นของจริง อย่างที่หาได้ยากยิ่งในวงการบันเทิง

เขาก้มลงพิสูจน์ด้วยริมฝีปากอีกครั้ง...

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ท่านประธานลี นายใหญ่แห่งสตาร์เอนเตอร์เทนเม้นท์ เรียกคียุล หนึ่งในเจ้าชายบอยแบนด์กลุ่มสตาร์ปริ้นส์
เข้าไปพบ แล้วออกคำสั่งสั้นๆว่า “นายควรออกเดทกับเจนนี่ ลี”

เหตุผลก็เพราะ นักข่าวซุบซิบลงรูปคียุลกับซองเจ และจับสังเกตสิ่งของที่ใช้ “คู่” กัน กับกิริยาท่าทางโอบเอว โอบไหล่ กระซิบชิดหูจนน่าจะเกินเพื่อน ทำให้สินค้าที่ใช้สตาร์ปริ้นส์เป็นนายแบบโฆษณาเริ่มไม่พอใจและเตือนมาที่บริษัท แม้ผู้จัดการจะอธิบายไปว่าเป็นแค่ “สกินชิพ” หรือการสัมผัสตัวกันด้วยความอบอุ่นอย่างพี่น้องหรือเพื่อนผู้ชาย เจ้าของสินค้าที่เป็นนักธุรกิจหัวเก่าหลายรายก็ยังไม่รับฟัง จนท่านประธานต้องหาทางแก้ไข ด้วยการทำให้คียุลมีข่าวกับสาวๆ บ้าง

ทางออกเช่นนี้อาจจะขัดกับสัญญาที่ระบุไว้ว่าห้ามศิลปินมีคนรักอย่างเปิดเผย แต่ท่านประธานก็วางแผนว่าเมื่อข่าวกระจายไปสักพักเขาจะออกมาแก้ว่าเจนนี่กับคียุลสนิทกันในฐานะพี่น้องร่วมค่าย และต่างฝ่ายต่างยุ่งกับตารางงานเกินกว่าจะมีความรักหรือออกเดทได้ในขณะนี้ ซึ่งเป็นข้ออ้างง่ายๆ ที่ท่านประธานใช้อยู่เป็นประจำเวลาศิลปินถูกจับได้เรื่องชู้สาว

แน่นอนว่าคียุลก็ยินดีจะทำตามคำสั่ง เขาเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่ารักกับซองเจ และเจนนี่ ลี ก็เป็นผลพลอยได้ที่ยั่วยวนใจเป็นอย่างยิ่ง
ชื่อนี้ในวงการบันเทิงเกาหลีไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเจนนี่เป็นทั้งนักร้องเดี่ยว นางแบบโฆษณาและกำลังร้อนแรงกับงานแสดงละคร ด้วยมาดของสาวน่ารักเซ็กซี่ ดูไร้เดียงสาและยั่วยวนในเวลาเดียวกัน ชุดที่เปิดเผยแบบไม่ตั้งใจทำให้หนุ่มๆ ทั้งในและนอกวงการคลั่งใคล้ แต่คนเดียวที่เธอสนใจมากที่สุด ก็คือคียุล รุ่นน้องร่วมค่ายคนนี้

คียุลแทบจะตะโกนตอบตกลง แต่เพื่อรักษาภาพพจน์ เขาจึงต้องก้มหน้า กะพริบตาอย่างลังเลก่อนจะถามเสียงเบาว่า “แล้วแฟนคลับล่ะครับ”

“เราแค่เป็นข่าวนิดๆ หน่อยๆ พอให้มีรสชาติ แล้วก็ไม่ต้องเปิดเผยหมดสิ พอมีเรื่องสะเทือนใจก็ออกมาปฏิเสธแก้ไขไป พวกนั้นก็จะยิ่งเสียใจที่ทำตัวมีปัญหา แล้วก็จะขอโทษ และรักเรามากขึ้นอีกด้วยซ้ำ เหมือนคนรักที่ผิดใจแล้วดีกันก็หวานขึ้นยังไงล่ะ” ท่านประธานแทบจะได้ยินเสียงเครื่องเก็บเงินดังกรุ๋งกริ๋งอยู่ในหัวเลยทีเดียว

“อีกอย่างนะ คนที่เป็นลูกค้าเรา คนดูคอนเสิร์ตหรือว่ากลุ่มเป้าหมายของโฆษณา หรือว่าผู้ชมในงานโชว์ตัวต่างๆ ไม่ได้มีแต่แฟนคลับ การเป็นข่าวให้คนสนใจอยู่เสมอก็เป็นเรื่องที่ดี แล้วจะมีอะไรที่คนจับตายิ่งไปกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กันล่ะ”

“เราไม่ได้ประกาศจริงจัง แต่ก็ให้มีข่าวออกมาบ้าง ไม่งั้นคนได้หาว่าศิลปินชายค่ายนี้เป็นเกย์กันหมด แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความให้พวกนายควงใครอย่างเปิดเผยหรอกนะ แบบนั้นก็เสียแฟนคลับจริงๆ นายเข้าใจไหม”

ท่านประธานคิดไม่ถึงหรอกว่า เดทแรกของคียุลกับเจนนี่จะจบลงที่เตียงนอน...

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เจนนี่กับคียุลแอบคบกันมาครึ่งเดือนแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ว่างตรงกันพอดี หลังจากดูหนังจบแล้ว ห้องในอพาร์ทเม้นต์จึงกลายเป็นรังรักชั่วคราว

ในเมื่อห้องพักของทั้งสองอยู่ในตึกเดียวกัน ตามที่บริษัทเช่าไว้ให้ศิลปิน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแอบเปิดเพิ่มไว้อีกห้องเพื่อเป็น “เซฟเฮ้าส์” ส่วนตัว และยิ่งง่ายที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกลับห้องของตัวเอง โดยไม่มีแฟนคลับติดตามล่วงรู้...

คียุลถอนใจอย่างสุขสม ไล้มือปัดผมยาวที่รุ่ยร่ายปรกใบหน้าสวยหวาน ก่อนจะจุมพิตริมฝีปากอิ่มช้ำ รอยจูบเริ่มร้อนแรง และเขาก็คงจะต่ออีกรอบ ถ้าเสียงโทรศัพท์มือถือไม่ดังขัดจังหวะเสียก่อน

“ฮื้อ...” เจนนี่ครางประท้วงเมื่อร่างสูงผละไปหยิบไอโฟนในกระเป๋ากางเกงยีนส์ แต่คียุลไม่ยอมหันกลับ เขาไม่อยากพลาดหากพี่ผู้จัดการเรียกตัว

หญิงสาวดึงผ้าห่มมาพันร่าง แต่ผืนแพรก็หลุดลุ่ยลงไปเปิดให้เห็นเนินสะโพกอวบเนียนและเอวคอดที่พลิ้วไหวทั้งเวลาอยู่บนเวที...และบนร่างของคียุล...

มือเรียวยกขึ้นเสยผมที่ยาวเลยไปครึ่งหลัง ก่อนจะกัดริมฝีปากอย่างเง้างอน นัยน์ตาที่หวานเยิ้มด้วยแววรักใคร่มองตามร่างกำยำอย่างหลงใหล

ผมสีน้ำตาลเข้มนั้นยุ่งเหยิงด้วยฝีมือของหล่อน...ต้นคอเขาขาวสะอาดแข็งแรง ลาดสู่บ่ากว้าง และแผ่นหลังที่แน่นด้วยกล้ามเนื้อของนักเต้นรำ ช่วงเอวสอบเพรียวบั้นท้ายแกร่งและช่วงขายาวทำให้เจนนี่มองเพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะปกปิดแต่อย่างใด

หล่อนคงจะรื่นรมย์กว่านี้ หากบทสนทนาในโทรศัพท์จะไม่มีข้อสรุปว่า “โอเคๆ อีกสี่สิบนาทีผมจะไปถึง...”

คียุลกดปุ่มตัดสายโปรดิวเซอร์เพื่อนรักที่ชอบทำงานตอนดึก และโทรศัพท์มาเรียกเขาไปออกความเห็นเรื่องเพลงใหม่ที่กำลังทำอยู่ด้วยกัน

“เจนนี่...นูน่า...” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอ้อนราวกับเด็ก เขาชอบเรียกหล่อนว่านูน่า เวลาที่ทำอะไรผิดมา...

“มีเรื่องอะไร” หล่อนสะบัดเสียง ดึงผ้าห่มปกปิดทรวงอก

“ผมต้องไปแล้ว...”

หญิงสาวแทบร้องกรี๊ด ร่างของหล่อนยังร้อนเร่าด้วยความสุขสม...และอยากได้อีกครั้ง แต่เขาจะกลับไปก่อน ทั้งที่นานๆ จะหาเวลาแอบมาอยู่ด้วยกันได้ หรือว่าเสน่ห์ของหล่อนคลายไปเสียแล้ว...

“จะทิ้งฉันไว้อย่างนี้น่ะหรือ” เจนนี่ค้อน

“น่านะ...” เขานั่งลงบนเตียง ดึงหล่อนมากอดแล้วจูบที่ขมับอย่างเอาใจ “พอลโทร.มาตามเรื่องทำเพลงใหม่” เขาไหวไหล่หนา “ทำยังไงได้ล่ะ”

“อย่ามาเลย” เล็บแหลมจิกบนต้นขา...เลือกทำรอยในที่ซึ่งกล้องโทรทัศน์ไม่มีทางจับได้ “อยากไปหาเพื่อน ก็ไป แล้วถ้ากลับมาไม่เจอเจนนี่ ก็ไม่ต้องบ่นล่ะ เจนนี่น่ะ มีคนรอปลอบใจเยอะนะจะบอกให้”

คียุลขมวดคิ้ว ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก เขาเป็นคนเบื่อง่าย ละจะยิ่งหน่ายเร็วถ้าหากว่าคู่ควงคนไหนเกาะติด หรือทำตัวเป็นเจ้าของต้องการเปิดเผยความสัมพันธ์

เจนนี่ ลี...ใกล้ถึงเวลาหมดอายุแล้วกระมัง!

การออก “เดท” กับเจนนี่ทำให้คียุลลืมนัชชาไปเสียสนิท กว่าจะนึกได้ก็เช้าวันรุ่งขึ้น แต่มีงานถ่ายแบบกันทั้งวง กว่าจะมีเวลาวางแผนไปเยี่ยมคนไข้ ก็ล่วงเข้าวันที่สาม

ป่านนี้ นัชชาคงหายดีกลับมาทำงานได้แล้ว

คียุลแวะไปที่ร้านหมูย่าง โดยบอกกับแฟนคลับสองสามคนที่เรียกแท็กซี่ตามมาว่าจะไปรับประทานมื้อค่ำกับเพื่อน และพวกหล่อนควรจะกลับไปก่อน ซึ่งเด็กสาวเหล่านั้นก็เชื่อฟังโดยดี

อึนฮวาวิ่งวุ่นหน้ามันอยู่ในร้านเหมือนเคย โดยมีออนนี่ร้องสั่งงานเสียงแจ้ว แต่คียุลกวาดตามองเท่าไรก็ไม่เห็นนัชชา

เขาสั่งซี่โครงหมูและเบียร์กับพนักงานที่ไม่รู้จัก รอจนอึนฮวาว่างจึงหันไปเรียก

เพื่อนของนัชชาเม้มปากนิดนึ่งเมื่อเห็นหน้าเขา เป็นลางที่ไม่ดีนักสำหรับคียุล แต่ชายหนุ่มก็ยังแข็งใจถามไปว่า “นัชชาเป็นยังไงบ้าง กลับมาทำงานแล้วใช่ไหม”

“ยัง” อีกฝ่ายตอบห้วนแต่เขาก็ไม่ยอมย่อท้อ

“เมื่อไรเขาจะกลับมาได้ แล้วมีใครดูแล”

“ไม่รู้”

“นั่นคุณตอบคำถามข้อไหน” น้ำเสียงล้อเลียนนิดๆ ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลย อึนฮวาหน้างอยิ่งไปกว่าเดิม จนเจ้าของร้านสังเกตเห็นและเดินเข้ามาถาม

“อ้อ...คุณ” สีหน้าผู้สูงวัยเปลี่ยนไปเมื่อจำเขาได้

“ผมขอโทษอีกครั้ง สำหรับเรื่องวุ่นวายเมื่อวันก่อน” คียุลโค้งต่ำ สุภาพ แล้วเงยขึ้นส่งยิ้มละลายใจที่ใช้ได้ผลมานักต่อนัก

และครั้งนี้ก็ไม่พลาด เสียงเจ้าของร้านอ่อนลงเมื่อตอบเขาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

“นัชชายังไม่กลับมาทำงานหรือครับ” เขารีบถามต่อ

“เธอยังไม่หาย ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับมาได้ ฉันก็เลยหาคนแทนแล้ว” หล่อนบอกตรงๆ

“โอ...” คียุลอุทาน มองหน้าอึนฮวา

“ก็แบบนี้แหละ” สาวเสิร์ฟพยักหน้า “ร้านนี้แขกเยอะ รอนัชชาไม่ไหวหรอก ออนนี่ก็ต้องรับคนใหม่ ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะหาย นี่โรงเรียนก็ไม่ได้ไป ทั้งเรียนภาษา แล้วก็สไตลิสต์”

“ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะใจจืดใจดำหรอกนะคะ” เจ้าของร้านแก้ตัว “ฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาตามสมควรแล้ว พอหายดีถ้าอยากจะกลับมาทำงานก็ค่อยว่ากันใหม่ แต่ตอนนี้ฉันต้องหาคนแทนไปก่อน...”

คียุลก้าวออกจากร้านหมูย่างด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขาไม่โหดหินถึงขนาดจะไม่รู้สึกอะไรที่ไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตกงานและเสียการเรียน

คำสัญญาที่ว่าจะรับกลับเข้ามาอีกนั้นเขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก ถ้าไม่มีใครลาออก เจ้าของร้านจะจ้างแรงงานส่วนเกินไว้ให้สิ้นเปลืองทำไม อีกอย่าง นัชชาก็แค่มาหารายได้พิเศษ ไม่ใช่พนักงานประจำอยู่แล้ว

ป่านนี้เจ้าหล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างนะ...เขาสอดมือเข้าไปในกระเป๋าแจ็คเก็ต ดึงโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็หยุดนิ่ง กะพริบตามองอุปกรณ์สื่อสารในมืออย่างงุนงง

เขาลืมขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอไว้นี่นา!

ชายหนุ่มยกมือลูบท้ายทอย ยิ้มเก้อๆ ดีใจที่ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเอง...แล้วมือที่ไวกว่าความคิดก็โบกเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาโดยอัตโนมัติ

โชคดีที่เขายังจำที่อยู่ของเธอได้ คียุลดึงหมวกแก๊ปลงมาเกือบถึงคิ้ว ห่อไหล่ในเสื้อแจ็คเก็ตก้มงุดๆ ก้าวเข้าประตูตึกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น

ห้องพักแบบสตูดิโอในอพาร์ทเม้นท์ที่ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา แม้จะเล็กซอมซ่อแต่ก็ปลอดภัยและสบายดีพอใช้ อย่างน้อยก็มีลิฟต์ให้เขาขึ้นไปได้ไม่ต้องปีนบันไดให้ลำบาก คียุลกดเลือกชั้นที่จำได้ นึกแปลกใจเหมือนกันที่ไม่ยักลืมหมายเลขห้องของหล่อน

แต่กดกริ่งอยู่นานเป็นอึดใจแล้ว ก็ไม่มีใครมาเปิดรับ...

ร่างสูงหันหลังกลับ แล้วก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องทักว่า “อึนฮวาเหรอ รอเดี๋ยวนะ”

คนข้างในแง้มประตูออกมาดู และคงจะผลักปิดแล้วถ้าคียุลไม่เอื้อมมือไปกันไว้ก่อน

“เดี๋ยว...คุณเป็นไงบ้าง”

“ไม่เป็นไร” เสียงตอบแหบแห้ง นัยน์ตาที่มองออกมาแดงก่ำด้วยพิษไข้

“ขอผมเข้าไปดูหน่อย”

“ไม่ต้อง คุณกลับไปเถอะ” นัชชารวบรวมกำลังตอบออกไป ก่อนจะใช้มือยันผนังข้างประตู ซบหน้าลงกับท่อนแขน

“ท่าทางคุณแย่มาก” เสียงห้วนจัดยังรบกวนไม่เลิกรา

“ขอบใจที่ชม” เธอเองก็ยังมีแรงประชดกลับไป

“เปิดประตูหน่อยสิ” เขาพยายามดัดเสียงให้อ่อนลง

“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” เธอย้ำอีกครั้งทั้งที่แทบยืนไม่อยู่

สภาพของนัชชาที่เขาเห็นทำให้คียุลไม่รักษามารยาทอีกต่อไป เขาสอดปลายเท้ากันไม่ให้หล่อนปิดประตูใส่ แล้วแทรกตัวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอุทานออกมาเต็มเสียง

“อะ...อ้าว...คุณ!”

เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ล้มพับลง...

อ้อมแขนของคียุลโอบรอบร่างเล็กไว้ทันก่อนที่ศีรษะของเธอจะฟาดพื้น นัชชาไม่ได้ขัดขืน เพราะสติของเธอดับวูบไปแล้ว ร่างกายที่ขาดทั้งน้ำและอาหารไม่อาจทนทานกับพิษไข้ได้อีกต่อไป

เขาช้อนอุ้มเธอไปวางที่เตียง แล้วก็ยืนหมุนงงอยู่กลางห้อง ละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เป็นไข้...ก็ต้องเช็ดตัวใช่ไหม คียุลยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้องครู่หนึ่ง เพราะไม่เคยพยาบาลใครมาก่อน แต่จะทิ้งเธอไว้อย่างนี้ก็คงไม่ได้ อย่างน้อยควรจะดูแลให้ฟื้นขึ้นมาก่อน

ชายหนุ่มค้นตู้เสื้อผ้าปลายเตียง ได้ผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดหน้าให้เธอ ความเป็นห่วงทำให้ไม่ได้สนใจอะไรอื่น นอกจากถุงกระดาษประทับตราโรงพยาบาลที่วางอยู่บนโต๊ะ

คียุลโล่งใจเมื่อพบยาลดไข้บรรเทาปวด และยาทาพร้อมอุปกรณ์ทำแผลในถุงนั้น

ในความเป็นสตาร์ปริ้นส์ พวกเขารักปริ้นเซสอย่างจริงใจเสมอ คียุลยินดีที่จะดูแลเธอ ตอบแทนน้ำใจและความรัก ที่แฟนคลับมีให้เขา

อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฟัน ตะกายดาวกันมา พวกเขาก็มีเหล่าปริ้นเซสนี่แหละ ที่คอยให้กำลังใจ สนับสนุน ทุ่มเทมาตลอด

ในหลายเรื่อง คียุลอาจดื้อดึง หรือออกนอกทาง ทำให้ปริ้นเซสเสียใจไปบ้าง และเขาเองก็ยอมรับว่าบางทีเคยรำคาญพวกหล่อนอยู่เหมือนกัน แต่อะไรที่ทำให้ได้ เขาก็ยินดีเสมอ

ที่คียุลให้เหตุผลกับตัวเองมายืดยาวนี้ ก็เพื่อยืนยันที่อุตส่าห์มาดูแลนี่ก็เพราะสงสารและรู้สึกผิดหรอกนะ ไม่ใช่เพราะความสวยน่ารัก ที่เห็นชัดแม้แต่ในยามที่เจ็บป่วย...

คียุลแกะผ้าพันแผลเก่าออก ทาครีมแก้ไฟลวกลงไปบางๆ แล้วใช้ผ้ากอซแผ่นใหม่ปิดลงไปเบาๆ

เขาประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมา ป้อนยาแก้ไข้ไปสองเม็ด ก่อนจะผ่อนอ้อมแขนวางให้เธอนอนสบายขึ้น

ยอมรับว่าความงามที่เป็นธรรมชาติและแปลกตา เมื่อรวมเข้ากับท่าทางไร้เดียงสาเขินอาย แต่เข้มแข็งก็ทำให้ร่างเล็กนี้เย้ายวนใจในแบบที่เขาไม่เคยพบมาก่อน

แต่คียุลไม่บ้าถึงขนาดจะเอาเปรียบคนเจ็บ...

เขารอได้...

ร่างเล็กขดซุกกับผ้านวมอย่างน่าเวทนา ผมยาวสยายยุ่งเหยิง ดูแล้วไม่น่าสบายเลยสักนิด แต่อย่างน้อย เธอก็ได้พักผ่อน มือแข็งแรงค่อยเสยผมทัดหูให้ แล้วขยับห่มผ้า อ่อนโยนจนเขาเองยังแปลกใจ

“แม่...แม่จ๋า...” เสียงเรียกแหบโหยปลุกให้ร่างสูงที่เอนหลับอยู่บนโซฟาขยับตัวลุกขึ้น คียุลมองไปรอบๆ งุนงงก่อนจะรู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน เขาเสยผมลวกๆ สะบัดหน้าไล่ความง่วงงุนแล้วเดินมาที่เตียง

ผิวแก้มแดงจัดของคนไข้ทำให้เขาตกใจ ไม่ต้องแตะก็รู้ว่าร้อนจัดแน่ๆ

ชายหนุ่มพลิกข้อมือดูนาฬิกา

ถ้ารีบพาเธอไปโรงพยาบาลตอนนี้จะเสี่ยงเกินไปไหม...แฟนคลับจะเห็นหรือเปล่า แต่อย่างไร เขาก็คงทิ้งคนเจ็บไว้ไม่ได้...

มือไวกว่าความคิด คียุลดึงโทรศัพท์ออกมากดเรียกเพื่อน

ปลายสายสบถยืดยาว ก่อนจะบอกว่า “เออ เดี๋ยวไปช่วย!” สมแล้วที่เป็นเพื่อนเก่า...คียุลยิ้มออกมาได้

ไบรอันอยู่ในวงเหล้าวันนั้นด้วย จึงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ...

รออยู่แค่อึดใจ เจ้าเพื่อนรักก็มาเคาะประตูห้อง

“ทำไงดี ” คียุลถามดื้อๆ

“ก็ส่งโรงพยาบาลสิวะ” ไบรอันตอบสั้นๆ “ฉันพาไปเองก็ได้”

“ไม่เป็นไร ไปด้วยกัน”

“จะดีเรอะ เดี๋ยวแฟนคลับเห็นเข้า”

“ฉันต้องรับผิดชอบ” ความรู้สึกผิดทำให้ไม่กล้าทิ้งไป แม้จะมีเพื่อนมาช่วยดูแลก็ตาม

“งั้นก็ไปกันเลย” ไบรอันใช้ผ้าห่มห่อตัวนัชชาก่อนจะอุ้มไปที่ลิฟต์

“ไข้สูงมาก” คียุลพึมพำหลังจากขึ้นรถของไบรอัน “ขนาดนี้ยังไม่ตื่นเลย”

“คงไม่ไหวจริงๆ ไปโรงพยาบาลนั่นแหละ ดีแล้ว” ไบรอันเหลียวไปถอยรถ

ทั้งสองรีบร้อน จนไม่ทันได้สังเกตร่างที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ริมถนนพร้อมกล้องติดเลนส์ซูมกระบอกโต...



ไอลี่
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2556, 20:02:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2556, 20:17:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 830





<< ความรับผิดชอบ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account