หนี้บริสุทธิ์ ...เทเรน่า
เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นและสะสาง ‘หนี้อัปยศ’ ในอดีต
แต่กลับเป็นฝ่ายถูกเขาตลบหลัง ลากตัวเธอไปสร้าง ‘หนี้สวาท’ อันเร่าร้อนจนเกินจะต้านทานไหว
การที่ ‘ปณาลี’ เจตนาเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
นั่นก็เพราะว่าเขาคือบิดาแท้ๆ ซึ่งเคยขับไล่ผู้เป็นแม่ของเธอออกจากบ้านทั้งที่ตั้งท้องอยู่
จนกระทั่งชีวิตพลิกผัน ต้องขายทั้งหัวใจและศักดิ์ศรีเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้
วันนี้หญิงสาวจึงกลับมาพร้อมคำสาบานว่าจะทำทุกอย่าง
เพื่อทำลายความสุขของครอบครัวบิดาบ้าง...
ถึงแม้จะพบความจริงว่า... เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ
ที่แท้ก็คือน้องสาวต่างมารดา ที่เธอจำใจจะต้องทำร้ายให้เจ็บปวดก็ตาม
แต่ยังไม่ทันที่แผนการล้างแค้นจะรุดหน้าไปถึงไหน
ความหวังก็ต้องพังทลายลงไม่ต่างจากปราสาททรายที่ถูกน้ำเซาะด้วยฝีมือของเขา...
‘ตรีภพ คณารส’
ผู้ชายที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพียงพนักงานกระจอกๆคนหนึ่งในบริษัทของคู่หมั้นน้องสาว...
หากความจริงแล้วเขากลับมีอำนาจมากพอจะทำลายแผนการทุกอย่างที่เธอวางไว้
และวงแขนที่แข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม...
อ้อมกอดอันเร่าร้อน รุนแรง...
รสจูบอันหวานล้ำ และแผงอกเปลือยเปล่ากำยำนั้น...
มันก็เพียงพอจะบังคับให้เธอต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในแผนของตัวเอง
มิหนำซ้ำยังต้องชดใช้ ‘หนี้ชีวิต’ ที่ยังไม่ทันได้ก่อให้แก่เขาด้วย ‘ความสาวบริสุทธิ์’ ก่อนเวลาอันสมควร
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เธอก็ยังไม่รู้ด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบหรือผลักไสอย่างไม่ไยดี!
และเขาเองก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า... หากเธอไม่เป็นฝ่ายหยุด
เขานี่ล่ะที่จะหยุดเธอเอาไว้ด้วยความรักและความอ่อนหวาน
และจะสอนให้เธอรู้ว่า... การสยบลงแทบเท้าของคนที่เรารักและบูชานั้น
ไม่ได้เป็นการเสียเกียรติอะไรเลย...
แต่กลับเป็นฝ่ายถูกเขาตลบหลัง ลากตัวเธอไปสร้าง ‘หนี้สวาท’ อันเร่าร้อนจนเกินจะต้านทานไหว
การที่ ‘ปณาลี’ เจตนาเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
นั่นก็เพราะว่าเขาคือบิดาแท้ๆ ซึ่งเคยขับไล่ผู้เป็นแม่ของเธอออกจากบ้านทั้งที่ตั้งท้องอยู่
จนกระทั่งชีวิตพลิกผัน ต้องขายทั้งหัวใจและศักดิ์ศรีเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้
วันนี้หญิงสาวจึงกลับมาพร้อมคำสาบานว่าจะทำทุกอย่าง
เพื่อทำลายความสุขของครอบครัวบิดาบ้าง...
ถึงแม้จะพบความจริงว่า... เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ
ที่แท้ก็คือน้องสาวต่างมารดา ที่เธอจำใจจะต้องทำร้ายให้เจ็บปวดก็ตาม
แต่ยังไม่ทันที่แผนการล้างแค้นจะรุดหน้าไปถึงไหน
ความหวังก็ต้องพังทลายลงไม่ต่างจากปราสาททรายที่ถูกน้ำเซาะด้วยฝีมือของเขา...
‘ตรีภพ คณารส’
ผู้ชายที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพียงพนักงานกระจอกๆคนหนึ่งในบริษัทของคู่หมั้นน้องสาว...
หากความจริงแล้วเขากลับมีอำนาจมากพอจะทำลายแผนการทุกอย่างที่เธอวางไว้
และวงแขนที่แข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม...
อ้อมกอดอันเร่าร้อน รุนแรง...
รสจูบอันหวานล้ำ และแผงอกเปลือยเปล่ากำยำนั้น...
มันก็เพียงพอจะบังคับให้เธอต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในแผนของตัวเอง
มิหนำซ้ำยังต้องชดใช้ ‘หนี้ชีวิต’ ที่ยังไม่ทันได้ก่อให้แก่เขาด้วย ‘ความสาวบริสุทธิ์’ ก่อนเวลาอันสมควร
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เธอก็ยังไม่รู้ด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบหรือผลักไสอย่างไม่ไยดี!
และเขาเองก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า... หากเธอไม่เป็นฝ่ายหยุด
เขานี่ล่ะที่จะหยุดเธอเอาไว้ด้วยความรักและความอ่อนหวาน
และจะสอนให้เธอรู้ว่า... การสยบลงแทบเท้าของคนที่เรารักและบูชานั้น
ไม่ได้เป็นการเสียเกียรติอะไรเลย...
Tags: เทเรน่า อินเลิฟ เลิฟซีน
ตอน: ตอนที่ 6 40%
ปณาลีเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาฯของเกรินทร์ พ่อบังเกิดเกล้าโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้และไม่ระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด เขารู้แต่ว่าปณาลีมีนิสัยบางอย่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาทำให้เกิดความรู้สึกเอ็นดูมากเป็นพิเศษ
ปณาลีหัวไว สอนงานไม่นานก็จดจำได้ งานออกมาเรียบร้อยมากกว่าที่เขาตั้งเป้าเอาไว้สำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน
“เย็นมากแล้วยังไม่กลับอีกหรือหนู” เกรินทร์เดินออกมาจากห้องทำงานเห็นว่าหญิงสาวยังนั่งอ่านแฟ้มเอกสารอยู่อย่างตั้งใจในขณะที่คนอื่นกลับบ้านไปกันหมดแล้วจึงร้องทัก
ปณาลีเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มรายรับเก่าๆ ของบริษัทที่ทำให้เธอรู้ว่าเม็ดเงินที่ไหลบ่าเข้ารัชกานต์ในแต่ละปีช่างมากมายเหลือเกิน
“หนูอยากศึกษางานเก่าๆ ไว้ค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”
เกรินทร์พยักหน้าพอใจ เด็กคนนี้ไฟแรง ต้องคนแบบนี้ถึงจะน่าจ้าง
“ดีแล้ว แต่วันนี้เอาไว้ก่อนเถอะ หากไม่รีบไปไหนก็ไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน ยายษาบ่นถึงหนูตลอดจนฉันหูจะชาอยู่แล้วหาว่าฉันใช้งานหนูหนักจนไม่ปล่อยตัวหนูไปให้เขาบ้าง” ยามเมื่อพูดถึงลูกสาวประกายตาของเกรินทร์เต็มไปด้วยความรักและเอื้อเอ็นดู แต่ยิ่งดูมีมากเท่าไรยิ่งจุดประกายตาแห่งความแค้นเคืองของปณาลีให้มีมากขึ้นเท่านั้น ประกายตาแห่งความรักที่ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รับจากใคร
“หนูเองก็คิดถึงษาค่ะ แต่ษาก็มีคุณไอย์อยู่แล้วคงไม่ได้คิดถึงหนูจริงจังหรอกค่ะ” หญิงสาวหัวเราะฝืนๆ เกรินทร์กับไอศูรย์ เขาสองคนจะเป็นหมากสำคัญในเกมครั้งนี้ของเธอ
“ใครว่า ยายษาเห็นหนูสำคัญเสมอ ไม่เชื่อก็ลองไปที่บ้าน คงดีใจที่รู้ว่าฉันเอาของขวัญชิ้นพิเศษมาส่งให้ถึงบ้าน”
“ค่ะ หนูจะไป”
“ดีเลย…แม่ของฉันได้ยินยายษาพูดถึงหนูก็ยิ่งอยากรู้จัก คนแก่ก็แบบนี้ละ เหงา อยากให้ลูกหลานมาอยู่ใกล้ๆ”
“แม่ของท่าน…ย่าของษา” ปณาลียิ้มเหี้ยม กลืนคำว่าย่าของเธอลงคอไปด้วยความเจ็บใจ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวตั้งตัวตีให้แม่ของกวินวษาได้พบกับเกรินทร์ แม่ถึงต้องระเห็จออกไปจากบ้านรัชกานต์พร้อมกับก้อนเนื้อมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เรื่องของผู้ใหญ่อย่างเธอ
“ใช่…ไปกันเลยนะ” เกรินทร์เดินนำ หญิงสาวลุกขึ้นเดินตาม เว้นระยะห่างให้เยื้องไปเล็กน้อย หมากเกมนี้เธอจะค่อยๆ รุกปล่อยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแทรกซึมเพราะยิ่งเชื่อใจมากเวลาเจ็บมันจะได้จดจารลึกไว้ในสมอง
กวินวษาแทบกระโดดตัวลอยเมื่อเจอหน้าเพื่อนรัก หญิงสาวสวมกอดปณาลีแนบแน่นแล้วจูงมือพาไปแนะนำกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วบ้าน ย่าของกวินวษาเป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่า ต้องนั่งบนรถเข็นเพราะตกบันไดจนเป็นอัมพาติครึ่งล่างมาสองปีเต็ม
หึ…กรรมเริ่มตามสนองและเธอจะทำให้กรรมนั้นตามมาทันเร็วขึ้น
“ย่าขา…นี่อย่างไรละคะปณาลี เพื่อนรักของษา” กวินวษาส่งเสียงมาก่อนตัว คุกเข่าลงด้านล่าง ปณาลีจึงต้องคุกเข่าตาม ผู้เป็นหลานสวมกอดแล้วเอียงหน้าให้ย่าหอมซ้ายขวา ทุกกิริยาที่สองย่าหลานปฏิบัติต่อกันทำให้หัวใจของปณาลีลุกเป็นไฟ เขาจะรู้ไหม…รู้ไหมว่าหลานที่เขาไม่ต้องการอย่างเธอเจ็บแค่ไหน
“หน้าตาน่าเอ็นดู” คะนึงมองจับมาหาปณาลีด้วยสายตามีเมตตาทว่าเมื่อมองสบเข้าไปในดวงตาสีสนิมนั้น กระแสบางอย่างทำให้ผู้มากวัยและมากประสบการณ์กว่าเกิดความรู้สึกแปลบในอก แววตาแบบนี้เธอเคยเห็นจากที่ไหน แววตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและอวดดี
หญิงสาวกราบไปบนตักของหญิงชรา นอบน้อมอ่อนหวานทั้งที่ในใจเกลียดชังผู้หญิงคนนี้จับหัวใจ ทุกคนที่นี่เป็นสาเหตุทำให้เธอกับแม่ต้องทนทุกข์
“ขอบพระคุณค่ะท่าน”
“เรียกฉันว่าย่าเถอะจ้ะ หนูเป็นเพื่อนของยายษาก็เหมือนกับเป็นหลานสาวของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน”
“ค่ะ คุณย่า” หญิงสาวเรียกได้เต็มปากเต็มคำ เกิดความรู้สึกซ่านที่ปลายลิ้น แต่ครู่เดียวเธอก็ผลักความรู้สึกอุ่นซ่านนี้ให้ไกลห่าง
“ยายษาพูดถึงหนูมาหลายปี เจอตัวจริงแล้วก็ไม่ผิดหวัง”
“หนูเองก็ไม่ผิดหวังเหมือนกันค่ะ ที่ได้พบกับคนในตระกูลรัชกานต์กันทุกคน” สุ้มเสียงของปณาลีแปร่งไปเล็กน้อยแววตาฉายความรู้สึกบางอย่างที่วาบผ่านแค่เสี้ยววินาทีทำให้ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในเนื้อสมองของคะนึง
“วันนี้ษามีความสุขที่สุดเลยค่ะคุณย่า แบบนี้ชวนพี่ไอย์มากินข้าวที่บ้านเราดีกว่า” กวินวษาผละออกไป ปล่อยให้ผู้เป็นย่าคุยกับเพื่อนรักโดยมีพยาบาลที่จ้างมาดูแลพิเศษเฝ้าอยู่ไม่ไกล หญิงชรามองตามแผ่นหลังของหลานสาวแล้วมองจับมายังเสี้ยวหน้าของปณาลีอีกครั้ง
“หนูทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก ขอโทษทีเถอะนะ แม่ของหนูชื่ออะไรจ๊ะ” คะนึงเอ่ยถาม พยายามบังคับให้สุ้มเสียงดูราบเรียบเหมือนการซักถามเรื่องราวธรรมดาทั้งที่ในใจกำลังกรุ่นไปด้วยความอยากรู้
“ดับค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ ทำให้หัวใจของคนมากวัยกว่ากระตุก
“ดับ!ประดับ”
ปณาลีเพียงแต่ยิ้มในหน้า เว้นจังหวะให้คะนึงคิดเองอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ ชื่อดับเฉยๆ ไม่มีคำนำหน้าและลงท้าย ส่วนพ่อชื่อธงค่ะ” หญิงสาวตอบขึ้นทำให้คะนึงผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ความรู้สึกที่ฉายออกมาทางแววตายากจะอ่านออก
“อย่างนั้นหรอกหรือ” ผู้พูดเอนกายลงกับรถเข็นแล้วหลับตาแต่ปากยังขยับเพื่อส่งเสียงพูด “ฉันคงคิดไปเอง”
“หน้าหนูคล้ายเขามากหรือคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ อย่าไปใส่ใจเลย แค่คนที่บังเอิญรู้จักเท่านั้น” หญิงชราตัดบทเมื่อเห็นหลานสาวสุดที่รักเดินยิ้มหน้าบานมาหา
“พี่ไอย์จะมากินข้าวกับเราค่ะคุณย่า แล้วก็มีแขกพิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งคนด้วย” กวินวษายิ้มร่า ในชีวิตไม่เคยมีเรื่องอะไรให้ต้องทุกข์อย่างน่าอิจฉา
“ใครลูก ตาภพหรือ” คะนึงคาดเดา กวินวษาจึงทำหน้ายุ่ง
“ว้า…หมดกัน ษาอุตส่าห์จะเซอร์ไพร้ส์หยก”
“ภพ? ภพไหน คุณตรีภพนะหรือ” ปณาลีมุ่นคิ้ว เธอไม่ได้เจอเขามาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เหตุเพราะตรีภพไปดูงานที่สิงคโปร์แทนเจ้านาย
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ แล้วษาก็ดูออกด้วยว่าพี่ภพเขาสนใจหยก ษาเชียร์สุดใจขาดดิ้นเลยด้วยเพราะพี่ภพเป็นคนดีมาก ผู้หญิงที่ไหนได้เขาไป โชคดีสุดๆ” กวินวษาออกโรงเป็นแม่สื่อเต็มที่
ปณาลีฟังแล้วกัดปากตัวเองแน่น ยังไม่พร้อมจะพบเขาในตอนนี้ เธอไม่อยากให้เขาเห็นหรือสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไร และเมื่อเห็นเพื่อนรักเชียร์ออกนอกหน้าจึงย้อนถาม
“ถ้าเขาดีขนาดนั้น ทำไมเธอไม่รักเขาเสียเองละ” สุ้มเสียงปณาลีดูห้วนไปจนคนฟังมุ่นคิ้ว ปณาลีรู้สึกตัวจึงได้เสหัวเราะขึ้นแล้วเอ่ยแก้ “ฉันล้อเล่นน่ะ”
“หยกละก็ ษาตกใจหมด นึกว่าโกรธกันเสียอีก ถ้าหัวใจของษาไม่ตกหลุมรักพี่ไอย์ไปเสียก่อนละก็ คงไม่ปล่อยพี่ภพให้หลุดมือไปถึงหยกแน่ๆ” กวินวษาบอกจริงจังทำให้ปณาลีแปลกใจ
ตรีภพเป็นแค่พนักงานธรรมดาของบริษัทในเครือคณารส แต่ทำไมดูเขาสนิทสนมกับทุกคนที่เธอขอเรียกว่าคนละชนชั้นถึงขั้นที่กวินวษาพูดถึงอย่างสนิทสนมแถมยังเชียร์ออกนอกหน้า และวันนี้ยังได้เชิญเขามารับประทานอาหารที่นี่
เขากำลังปิดบังอะไรเธอ….
ปณาลีคิดด้วยความรู้สึกร้อนรุ่ม หัวใจแข็งกร้าวของเธอค่อยๆ มีตรีภพเข้ามาแทรกแซงโดยไม่รู้ตัว
“อะไรกันยายษา มาพูดจาบอกว่ารักผู้ชายต่อหน้าคนอื่นเป็นคุ้งเป็นแควอย่างไม่อายปาก” ผู้เป็นย่าที่นั่งนิ่งฟังอยู่นานเห็นว่าทนไม่ไหวจึงตำหนิขึ้นทว่าไม่จริงจังนักเพราะกวินวษาเป็นหลานเพียงคนเดียวจึงต้องถนอมทั้งร่างกายและจิตใจมากเป็นพิเศษ
“โธ่…คุณย่าขา ก็ก็ษากับพี่ไอย์เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้วนี่คะ แล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันอยู่แล้วด้วย” หลานสาวคนโปรดแก้ตัวเสียงอ่อย
คะนึงส่ายหน้าแล้วเอื้อมมือมาโยกศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่ไปมา ปณาลีเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง
“ให้แต่งกันเสียก่อนเถอะย่ะ แล้วจะบอกรักกันวันละกี่หนจะไม่ว่า เฮ้อ…เด็กสมัยนี้ตามความคิดมันไม่ทันจริงๆ” คะนึงบ่น กวินวษาจึงหัวเราะ
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องตามหรอกค่ะ ไปทานข้าวกันดีกว่านะคะคุณย่า เดี๋ยวสองหนุ่มนั่นก็มากันแล้ว” กวินวษาพยักหน้าให้พยาบาลเข็นรถเข็นไปยังโต๊ะอาหารจากนั้นจึงแตะแขนปณาลีให้เดินไปด้วยกัน ปณาลีจึงคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นลงแต่เมื่อเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้จึงได้เอ่ยถาม
“คุณภพเขาสนิทกับคุณไอย์มากหรือ”
“มากสิจ๊ะก็เขาโตมาด้วยกัน ก็เลยรักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ” กวินวษาบอกเพียงเท่านั้นไม่ได้ขยายความต่อ ปณาลีจึงคาดเดาไปว่าตรีภพคงสนิทสนมกับครอบครัวเจ้านายมากนั่นเองไอศูรย์ถึงได้ไว้ใจพอจะให้ไปไหนมาไหนด้วยและโดยเฉพาะในเวลานี้ เขาจำเป็นต้องเรียนรู้งานจากตรีภพเพื่อมาบริหารงานต่อจากพ่อ
เธออยากรู้ว่าคนพวกนี้จะคบหาใครด้วยความจริงใจบ้างไหม นอกจากคบหาเพื่อผลประโยชน์
หญิงสาวคิดในใจอย่างชิงชัง เคยคิดว่าตัวเองชอบไอศูรย์แต่เมื่อเขารักกวินวษา เขาก็คือคนที่เธอพร้อมจะเผาผลาญเช่นเดียวกัน
ตรีภพนั้นดีใจอย่างที่สุดที่ได้พบปณาลีโดยบังเอิญ สีหน้าระรื่นนั้นทำให้กวินวษาพยักพเยิดให้กับคู่หมั้น อาหารมื้อนี้สำหรับตรีภพจึงอร่อยลิ้น อร่อยตามากกว่าทุกวัน หลังกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนุ่มสาวสองคู่จึงออกไปเดินเล่นชมดาวเป็นการย่อยอาหาร
ปณาลีหัวไว สอนงานไม่นานก็จดจำได้ งานออกมาเรียบร้อยมากกว่าที่เขาตั้งเป้าเอาไว้สำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน
“เย็นมากแล้วยังไม่กลับอีกหรือหนู” เกรินทร์เดินออกมาจากห้องทำงานเห็นว่าหญิงสาวยังนั่งอ่านแฟ้มเอกสารอยู่อย่างตั้งใจในขณะที่คนอื่นกลับบ้านไปกันหมดแล้วจึงร้องทัก
ปณาลีเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มรายรับเก่าๆ ของบริษัทที่ทำให้เธอรู้ว่าเม็ดเงินที่ไหลบ่าเข้ารัชกานต์ในแต่ละปีช่างมากมายเหลือเกิน
“หนูอยากศึกษางานเก่าๆ ไว้ค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”
เกรินทร์พยักหน้าพอใจ เด็กคนนี้ไฟแรง ต้องคนแบบนี้ถึงจะน่าจ้าง
“ดีแล้ว แต่วันนี้เอาไว้ก่อนเถอะ หากไม่รีบไปไหนก็ไปกินข้าวที่บ้านด้วยกัน ยายษาบ่นถึงหนูตลอดจนฉันหูจะชาอยู่แล้วหาว่าฉันใช้งานหนูหนักจนไม่ปล่อยตัวหนูไปให้เขาบ้าง” ยามเมื่อพูดถึงลูกสาวประกายตาของเกรินทร์เต็มไปด้วยความรักและเอื้อเอ็นดู แต่ยิ่งดูมีมากเท่าไรยิ่งจุดประกายตาแห่งความแค้นเคืองของปณาลีให้มีมากขึ้นเท่านั้น ประกายตาแห่งความรักที่ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รับจากใคร
“หนูเองก็คิดถึงษาค่ะ แต่ษาก็มีคุณไอย์อยู่แล้วคงไม่ได้คิดถึงหนูจริงจังหรอกค่ะ” หญิงสาวหัวเราะฝืนๆ เกรินทร์กับไอศูรย์ เขาสองคนจะเป็นหมากสำคัญในเกมครั้งนี้ของเธอ
“ใครว่า ยายษาเห็นหนูสำคัญเสมอ ไม่เชื่อก็ลองไปที่บ้าน คงดีใจที่รู้ว่าฉันเอาของขวัญชิ้นพิเศษมาส่งให้ถึงบ้าน”
“ค่ะ หนูจะไป”
“ดีเลย…แม่ของฉันได้ยินยายษาพูดถึงหนูก็ยิ่งอยากรู้จัก คนแก่ก็แบบนี้ละ เหงา อยากให้ลูกหลานมาอยู่ใกล้ๆ”
“แม่ของท่าน…ย่าของษา” ปณาลียิ้มเหี้ยม กลืนคำว่าย่าของเธอลงคอไปด้วยความเจ็บใจ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวตั้งตัวตีให้แม่ของกวินวษาได้พบกับเกรินทร์ แม่ถึงต้องระเห็จออกไปจากบ้านรัชกานต์พร้อมกับก้อนเนื้อมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เรื่องของผู้ใหญ่อย่างเธอ
“ใช่…ไปกันเลยนะ” เกรินทร์เดินนำ หญิงสาวลุกขึ้นเดินตาม เว้นระยะห่างให้เยื้องไปเล็กน้อย หมากเกมนี้เธอจะค่อยๆ รุกปล่อยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแทรกซึมเพราะยิ่งเชื่อใจมากเวลาเจ็บมันจะได้จดจารลึกไว้ในสมอง
กวินวษาแทบกระโดดตัวลอยเมื่อเจอหน้าเพื่อนรัก หญิงสาวสวมกอดปณาลีแนบแน่นแล้วจูงมือพาไปแนะนำกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วบ้าน ย่าของกวินวษาเป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่า ต้องนั่งบนรถเข็นเพราะตกบันไดจนเป็นอัมพาติครึ่งล่างมาสองปีเต็ม
หึ…กรรมเริ่มตามสนองและเธอจะทำให้กรรมนั้นตามมาทันเร็วขึ้น
“ย่าขา…นี่อย่างไรละคะปณาลี เพื่อนรักของษา” กวินวษาส่งเสียงมาก่อนตัว คุกเข่าลงด้านล่าง ปณาลีจึงต้องคุกเข่าตาม ผู้เป็นหลานสวมกอดแล้วเอียงหน้าให้ย่าหอมซ้ายขวา ทุกกิริยาที่สองย่าหลานปฏิบัติต่อกันทำให้หัวใจของปณาลีลุกเป็นไฟ เขาจะรู้ไหม…รู้ไหมว่าหลานที่เขาไม่ต้องการอย่างเธอเจ็บแค่ไหน
“หน้าตาน่าเอ็นดู” คะนึงมองจับมาหาปณาลีด้วยสายตามีเมตตาทว่าเมื่อมองสบเข้าไปในดวงตาสีสนิมนั้น กระแสบางอย่างทำให้ผู้มากวัยและมากประสบการณ์กว่าเกิดความรู้สึกแปลบในอก แววตาแบบนี้เธอเคยเห็นจากที่ไหน แววตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและอวดดี
หญิงสาวกราบไปบนตักของหญิงชรา นอบน้อมอ่อนหวานทั้งที่ในใจเกลียดชังผู้หญิงคนนี้จับหัวใจ ทุกคนที่นี่เป็นสาเหตุทำให้เธอกับแม่ต้องทนทุกข์
“ขอบพระคุณค่ะท่าน”
“เรียกฉันว่าย่าเถอะจ้ะ หนูเป็นเพื่อนของยายษาก็เหมือนกับเป็นหลานสาวของฉันคนหนึ่งเหมือนกัน”
“ค่ะ คุณย่า” หญิงสาวเรียกได้เต็มปากเต็มคำ เกิดความรู้สึกซ่านที่ปลายลิ้น แต่ครู่เดียวเธอก็ผลักความรู้สึกอุ่นซ่านนี้ให้ไกลห่าง
“ยายษาพูดถึงหนูมาหลายปี เจอตัวจริงแล้วก็ไม่ผิดหวัง”
“หนูเองก็ไม่ผิดหวังเหมือนกันค่ะ ที่ได้พบกับคนในตระกูลรัชกานต์กันทุกคน” สุ้มเสียงของปณาลีแปร่งไปเล็กน้อยแววตาฉายความรู้สึกบางอย่างที่วาบผ่านแค่เสี้ยววินาทีทำให้ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในเนื้อสมองของคะนึง
“วันนี้ษามีความสุขที่สุดเลยค่ะคุณย่า แบบนี้ชวนพี่ไอย์มากินข้าวที่บ้านเราดีกว่า” กวินวษาผละออกไป ปล่อยให้ผู้เป็นย่าคุยกับเพื่อนรักโดยมีพยาบาลที่จ้างมาดูแลพิเศษเฝ้าอยู่ไม่ไกล หญิงชรามองตามแผ่นหลังของหลานสาวแล้วมองจับมายังเสี้ยวหน้าของปณาลีอีกครั้ง
“หนูทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก ขอโทษทีเถอะนะ แม่ของหนูชื่ออะไรจ๊ะ” คะนึงเอ่ยถาม พยายามบังคับให้สุ้มเสียงดูราบเรียบเหมือนการซักถามเรื่องราวธรรมดาทั้งที่ในใจกำลังกรุ่นไปด้วยความอยากรู้
“ดับค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ ทำให้หัวใจของคนมากวัยกว่ากระตุก
“ดับ!ประดับ”
ปณาลีเพียงแต่ยิ้มในหน้า เว้นจังหวะให้คะนึงคิดเองอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ ชื่อดับเฉยๆ ไม่มีคำนำหน้าและลงท้าย ส่วนพ่อชื่อธงค่ะ” หญิงสาวตอบขึ้นทำให้คะนึงผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ความรู้สึกที่ฉายออกมาทางแววตายากจะอ่านออก
“อย่างนั้นหรอกหรือ” ผู้พูดเอนกายลงกับรถเข็นแล้วหลับตาแต่ปากยังขยับเพื่อส่งเสียงพูด “ฉันคงคิดไปเอง”
“หน้าหนูคล้ายเขามากหรือคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ อย่าไปใส่ใจเลย แค่คนที่บังเอิญรู้จักเท่านั้น” หญิงชราตัดบทเมื่อเห็นหลานสาวสุดที่รักเดินยิ้มหน้าบานมาหา
“พี่ไอย์จะมากินข้าวกับเราค่ะคุณย่า แล้วก็มีแขกพิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งคนด้วย” กวินวษายิ้มร่า ในชีวิตไม่เคยมีเรื่องอะไรให้ต้องทุกข์อย่างน่าอิจฉา
“ใครลูก ตาภพหรือ” คะนึงคาดเดา กวินวษาจึงทำหน้ายุ่ง
“ว้า…หมดกัน ษาอุตส่าห์จะเซอร์ไพร้ส์หยก”
“ภพ? ภพไหน คุณตรีภพนะหรือ” ปณาลีมุ่นคิ้ว เธอไม่ได้เจอเขามาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เหตุเพราะตรีภพไปดูงานที่สิงคโปร์แทนเจ้านาย
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ แล้วษาก็ดูออกด้วยว่าพี่ภพเขาสนใจหยก ษาเชียร์สุดใจขาดดิ้นเลยด้วยเพราะพี่ภพเป็นคนดีมาก ผู้หญิงที่ไหนได้เขาไป โชคดีสุดๆ” กวินวษาออกโรงเป็นแม่สื่อเต็มที่
ปณาลีฟังแล้วกัดปากตัวเองแน่น ยังไม่พร้อมจะพบเขาในตอนนี้ เธอไม่อยากให้เขาเห็นหรือสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไร และเมื่อเห็นเพื่อนรักเชียร์ออกนอกหน้าจึงย้อนถาม
“ถ้าเขาดีขนาดนั้น ทำไมเธอไม่รักเขาเสียเองละ” สุ้มเสียงปณาลีดูห้วนไปจนคนฟังมุ่นคิ้ว ปณาลีรู้สึกตัวจึงได้เสหัวเราะขึ้นแล้วเอ่ยแก้ “ฉันล้อเล่นน่ะ”
“หยกละก็ ษาตกใจหมด นึกว่าโกรธกันเสียอีก ถ้าหัวใจของษาไม่ตกหลุมรักพี่ไอย์ไปเสียก่อนละก็ คงไม่ปล่อยพี่ภพให้หลุดมือไปถึงหยกแน่ๆ” กวินวษาบอกจริงจังทำให้ปณาลีแปลกใจ
ตรีภพเป็นแค่พนักงานธรรมดาของบริษัทในเครือคณารส แต่ทำไมดูเขาสนิทสนมกับทุกคนที่เธอขอเรียกว่าคนละชนชั้นถึงขั้นที่กวินวษาพูดถึงอย่างสนิทสนมแถมยังเชียร์ออกนอกหน้า และวันนี้ยังได้เชิญเขามารับประทานอาหารที่นี่
เขากำลังปิดบังอะไรเธอ….
ปณาลีคิดด้วยความรู้สึกร้อนรุ่ม หัวใจแข็งกร้าวของเธอค่อยๆ มีตรีภพเข้ามาแทรกแซงโดยไม่รู้ตัว
“อะไรกันยายษา มาพูดจาบอกว่ารักผู้ชายต่อหน้าคนอื่นเป็นคุ้งเป็นแควอย่างไม่อายปาก” ผู้เป็นย่าที่นั่งนิ่งฟังอยู่นานเห็นว่าทนไม่ไหวจึงตำหนิขึ้นทว่าไม่จริงจังนักเพราะกวินวษาเป็นหลานเพียงคนเดียวจึงต้องถนอมทั้งร่างกายและจิตใจมากเป็นพิเศษ
“โธ่…คุณย่าขา ก็ก็ษากับพี่ไอย์เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้วนี่คะ แล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะแต่งงานกันอยู่แล้วด้วย” หลานสาวคนโปรดแก้ตัวเสียงอ่อย
คะนึงส่ายหน้าแล้วเอื้อมมือมาโยกศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่ไปมา ปณาลีเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง
“ให้แต่งกันเสียก่อนเถอะย่ะ แล้วจะบอกรักกันวันละกี่หนจะไม่ว่า เฮ้อ…เด็กสมัยนี้ตามความคิดมันไม่ทันจริงๆ” คะนึงบ่น กวินวษาจึงหัวเราะ
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องตามหรอกค่ะ ไปทานข้าวกันดีกว่านะคะคุณย่า เดี๋ยวสองหนุ่มนั่นก็มากันแล้ว” กวินวษาพยักหน้าให้พยาบาลเข็นรถเข็นไปยังโต๊ะอาหารจากนั้นจึงแตะแขนปณาลีให้เดินไปด้วยกัน ปณาลีจึงคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นลงแต่เมื่อเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้จึงได้เอ่ยถาม
“คุณภพเขาสนิทกับคุณไอย์มากหรือ”
“มากสิจ๊ะก็เขาโตมาด้วยกัน ก็เลยรักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ” กวินวษาบอกเพียงเท่านั้นไม่ได้ขยายความต่อ ปณาลีจึงคาดเดาไปว่าตรีภพคงสนิทสนมกับครอบครัวเจ้านายมากนั่นเองไอศูรย์ถึงได้ไว้ใจพอจะให้ไปไหนมาไหนด้วยและโดยเฉพาะในเวลานี้ เขาจำเป็นต้องเรียนรู้งานจากตรีภพเพื่อมาบริหารงานต่อจากพ่อ
เธออยากรู้ว่าคนพวกนี้จะคบหาใครด้วยความจริงใจบ้างไหม นอกจากคบหาเพื่อผลประโยชน์
หญิงสาวคิดในใจอย่างชิงชัง เคยคิดว่าตัวเองชอบไอศูรย์แต่เมื่อเขารักกวินวษา เขาก็คือคนที่เธอพร้อมจะเผาผลาญเช่นเดียวกัน
ตรีภพนั้นดีใจอย่างที่สุดที่ได้พบปณาลีโดยบังเอิญ สีหน้าระรื่นนั้นทำให้กวินวษาพยักพเยิดให้กับคู่หมั้น อาหารมื้อนี้สำหรับตรีภพจึงอร่อยลิ้น อร่อยตามากกว่าทุกวัน หลังกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนุ่มสาวสองคู่จึงออกไปเดินเล่นชมดาวเป็นการย่อยอาหาร
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2556, 22:45:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2556, 22:45:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1065
<< ตอนที่ 5 100% |