เมียทาสสวาท
ขาอาฆาตแค้น ชิงชัง และมุ่งหวังที่จะทำลายชีวิตเธอ
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!

Tags: เศร้า รันทด พระเอกโหด

ตอน: วิหคน้อยเปลี่ยงรวงรัง

พชรต้องยกเลิกการไปเรียนต่อโทตลอดไป เพราะต้องเข้าไปทำงานต่อจากแม่ แม้จะอายุยังน้อยและมีประสบการณ์แค่ไม่กี่วันเขาก็ต้องเดินหน้าต่อ โดยมีพร้อมพงษ์คอยเป็นที่ปรึกษาให้ บานเย็นเลขาผู้จงรักภักดีต่อเจ้านายก็ถือเป็นหัวแรงสำคัญได้ในบางเรื่อง และในช่วงเวลาที่เขากำลังเสียขวัญเช่นนี้ ปันนิตาแฟนสาวก็ถือโอกาสหอบเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ในบ้าน เพื่อคอยช่วยดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยแทนเขา โดยที่เขาเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับเห็นว่าแฟนมาช่วยแก้ไขปัญหาหลายอย่างให้เขาได้มากมายทีเดียว
เด็กหญิงพิรุณญา รัตน์คุณ ต้องกลายไปเป็นลูกเลี้ยงของพร้อมพงษ์กับจันทภา และย้ายไปอยู่บ้านของเขาหลังจากนั้นไม่นาน พร้อมพงษ์เห็นว่าหลานชายไม่อยู่ในฐานะจะรับผิดชอบชีวิตน้องสาวได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ในช่วงนี้ เพราะหลานจะต้องให้เวลากับงานในบริษัทมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้แต่ว่าที่หลานสะใภ้เองพร้อมพงษ์ก็รีบจัดหาตำแหน่งสำคัญให้ นั่นคือการเข้าไปดูแลเรื่องการเงินเคียงคู่กับคนเก่าแก่
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดคิดมาก่อน ส่วนตัวเขาในระยะแรกๆ จะให้เวลากับงานของหลานแทบจะเรียกได้ว่าคนละครึ่งกับเวลางานที่บริษัทตัวเองก็ว่าได้ แม้จะเหนื่อยแต่เขาก็ต้องทำ เพราะรักปากพี่สาวไว้แล้ว และเขาก็ไม่อยากเห็นทุกอย่างที่พี่สาวกับพี่เขยสร้างมาต้องพังลงในรุ่นลูก
“เราต้องให้ฝนต่อมัธยมที่โรงเรียนเดิมเลยเหรอคะคุณ” จันทภาเอ่ยถามสามีในเรื่องนี้ เพราะรู้ดีว่าจะต้องใช้เงินหลายแสนบาทสำหรับเป็นค่าแป๊ะเจี๊ยะเข้าเรียนต่อ
“ใช่! แต่ภาไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก พี่พัณจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนจะรู้ว่าตัวเองต้องไปแบบกระทันหันเลย อีกอย่างฝนเรียนเก่งที่ไหนๆ ก็อ้าแขนรับอยู่แล้ว”
จันทภาพยักหน้ารับคำของสามีด้วยอาการโล่งใจเล็กน้อย ตามประสาคนเป็นแม่บ้านแม่เรือน ที่ต้องคิดหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องการเงิน แม้ครอบครัวจะร่ำรวยอยู่มากแต่ก็ยังต้องคิดอ่านให้ดี พร้อมพงษ์เหมือนจะเข้าใจหัวอกเมีย จึงตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้พูดมาก่อนในชีวิตนี้
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับการที่ผมรับฝนมาอยู่ด้วย แต่ผมรับปากพี่พัณไว้ก่อนตายแล้ว ผมไม่อยากเสียคำพูด อีกอย่างผมคงจะทิ้งฝน ไว้ให้ตาพีทดูแลไม่ได้หรอก หลานมีภาระมากมายแล้ว ไหนจะเมียแฟนอีกและอีกไม่นานสองคนนี้ก็ต้องมีลูกด้วยกัน ฝนก็จะกลายเป็นส่วนเกินในครอบครัวไป ปันนิตาเองก็คงจะไม่ได้เอ็นดูฝนนักหรอก คุณก็รู้ แต่สำหรับเราไม่ได้เดือดร้อนอะไร จะรับเด็กมาเลี้ยงเพิ่มอีกสักคนก็คงจะไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเรานักหรอก
อีกอย่าง บอกตรงๆ ว่าผมห่วง เพราะก็เห็นว่าพี่น้องต่างสายเลือดคู่นี้รักกันมาก เวลาดีอกดีใจก็จะวิ่งมากอดกัน หอมแก้มกัน หรือขี่หลังกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่อีกหน่อยฝนก็จะโตเป็นสาวแถมหน้าตาคงจะสะสวยไม่น้อย ถ้าขืนยังปล่อยให้ใกล้ชิดกันแบบนี้มากๆ ผมกลัวเรื่องที่ยายพริ้มเดาสุ่มสี่สุมห้าจะเป็นความจริงขึ้นมา เรื่องพรรภ์นี้ไม่เข้าใครออกใคร ดังนั้นเราควรจะเอาน้ำมันไปอยู่ห่างๆ ไฟไว้ก่อนจะดีกว่า”
จันทภาเห็นด้วยทุกอย่างที่สามีพูดมา หากก็ยังมีความกังวลอยู่อีกเรื่อง นั่นก็คือพลอยไพรินผู้เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ที่ออกอาการไม่ยินยอมให้พิรุณญาเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันนับตั้งแต่รู้ข่าวแล้ว
“ภาเห็นด้วยกับคุณทุกอย่างค่ะ จะติดก็ตรงที่ยายพลอยของเรานี่สิคะ คุณก็รู้ว่ายายพลอยรู้สึกยังไงกับฝน”
พร้อมพงษ์รู้ดี แต่เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการกับลูกได้ไม่อยาก และแน่นอนว่าเขาจัดการได้ด้วยการสั่งพลอยไพรินอย่างเด็ดขาดว่าให้ยอมรับพิรุณญาเข้าเป็นสมาชิกในครอบครัวแต่โดยดี และห้ามมีข้อแม้ใดๆ ยังผลให้คนถูกสั่งโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ร้องเอะอะโวยวายลั่นบ้าน
“ไม่เอานะคะคุณพ่อ พลอยไม่ยอมให้ยายนั่นมาอยู่บ้านเรา บ้านยายนั่นก็มีทำไมไม่ไปอยู่ พลอยไม่ยอมๆ พี่เพชรช่วยพลอยพูดกับคุณพ่อคุณแม่หน่อยสิคะ พลอยไม่ชอบแม่นั่น ไม่อยากให้มาอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเห็น”
เพชรกล้าเข้าใจและเห็นใจน้องเป็นอย่างดี แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะต้องเดินทางไปอเมริกาแล้ว และจะต้องเป็นการไปอยู่อย่างเดียวดายโดยไม่มีพี่พีทไปด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นความทุกข์ของเขาอีกอย่าง เพราะไม่รู้จะอยู่จะกินคนเดียวยังไง

ห้องนอนสีชมพูหวานแหว๋ว ที่แวดล้อมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ยีห้อเฮลโลคิตตีแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มปลอกหมอนผ้าปูที่นอน เครื่องเขียนบนโต๊ะ หรือแม้แต่ของใช้ในห้องน้ำล้วนแล้วแต่มีเจ้าแมวเหมียวสีชมพู ยืนยิ้มหน้าแป้นไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่างเว้น ผิดกับคนที่เป็นเจ้าของที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้นห้อง เอาหลังพิงขอบเตียงไว้อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
สุภางค์ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วยังคงเห็นเด็กน้อยนั่งอยู่ในท่าเดิม มุมเดิมมาตั้งแต่หลังอาหารเที่ยงแล้ว สองแก้มขาวใสที่ไร้เครื่องแต่งแต้ม ก็ยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาไหลรินลงมาเป็นทางไม่ว่างเว้น กระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องกับของใช้อีกสามใบ ถูกสุภางค์ยกลงจากเตียงจนเสร็จ จากนั้นก็เข้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เด็กน้อยด้วยความสงสารระคนใจหาย ที่จะต้องแยกกันไปอยู่คนละบ้าน ทั้งที่ได้อยู่ร่วมชายคากันมาตั้งสิบสองปีเต็มๆ
“ทำไมฝนจะต้องไปอยู่บ้านนั้นด้วยล่ะคะป้าสุ ให้ฝนอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอคะ ฝนสัญญาว่าฝนจะไม่กวนพี่พีทกับป้าสุเลย ฝนจะเป็นเด็กดี กลับมาจะช่วยป้าสุทำงานบ้านทุกอย่าง”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สุภางค์ได้ยินประโยคนี้ แม้ไม่เห็นด้วยกับการแยกกันในครั้งนี้ แต่สุภางค์ก็มองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่พชรจะรับผิดชอบชีวิตน้องสาวต่างสายเลือดให้ได้ดีในตอนนี้ และอีกไม่นานเขาก็ต้องมีลูกเป็นของตัวเอง ความรักความเอ็นดูที่มีให้น้องก็คงจะลดน้อยถอยลงเป็นแน่ ไหนจะแม่ว่าที่คุณผู้หญิงของบ้านที่สถาปนาตัวเองมาเป็นใหญ่ไปเรียบร้อยแล้วอีก นี่ยังไม่นับรวมกับการจะหอบพ่อแม่พี่น้องเข้ามาอยู่ในบ้านนี้จนวุ่นวายอีก
สุภางค์จึงไม่คิดจะคัดค้านเมื่อพร้อมพงษ์บอก ในเรื่องที่จะรับเลี้ยงดูเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ต่อเลย ถึงจะรู้ว่าไปอยู่ที่โน่นก็คงจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนตอนพัณนิดามีชีวิตอยู่ก็ตามที แต่อย่างน้อยๆ คนที่จะรังแกเด็กน้อยก็คงจะมีแค่พลอยไพรินเท่านั้น คนอื่นๆ ก็คงจะไม่เท่าไหร่ สุภางค์อยากเอ่ยปากอธิบายเรื่องราวเหล่านี้เหลือเกิน แต่ก็รู้ดีว่าด้วยสมองและความคิดอ่านของคนรับนั้นยังมีน้อยนิด เกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวหรือเหตุผลของผู้ใหญ่ได้
“ไปอยู่กับคุณน้าพงษ์นั่นล่ะค่ะดีแล้วคุณฝน พี่พีทจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง อย่าลืมนะคะว่าพี่พีทจะต้องทำงานดูแลกิจการแทนคุณแม่ ถ้าคุณพีทมัวแต่ห่วงคุณฝนก็คงจะไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดีสิคะ อีกอย่างบ้านก็อยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ เวลาคุณฝนคิดถึงคุณพีทก็โทรมาบอกสิคะ ป้าจะให้คุณพีทขับรถไปรับแป๊บเดียวก็ได้เจอกันแล้วนะคะ”
ดวงหน้าขาวยังคงซบคางลงกับเข่าเช่นเดิม โดยไม่ได้สนใจกับพี่ชายต่างสายเลือดที่เดินเข้ามาในห้องด้วยความแผ่วเบาเลยสักนิด สุภางค์แหงนหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มแล้วยิ้มจางๆ ให้ พชรเดินไปนั่งข้างๆ น้อง แล้วเอื้อมแขนไปโอบไหล่น้องพร้อมกับตบเบาๆ สองสามครั้งเป็นการปลอบใจ เขารู้ดีว่าน้องเสียใจยังไง และมันก็ไม่ได้แตกต่างจากเขามากมายนัก แล้วมันก็ทำให้เขาคิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ
ถ้าแม่ยังอยู่ปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ป่านนี้เขาคงจะได้บินไปเรียนต่อเรียบร้อยแล้ว น้องก็คงไม่ต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้อยู่แบบนี้ อันที่จริงเขาจะขัดขืนหรือยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะดูแลน้องด้วยตัวเองก็คงจะพอทำได้ แต่เขาก็ไม่มั่นใจนักว่าผู้เป็นอาจะพอใจมากน้อยแค่ไหน ที่บังอาจไปขัดขืนคำสั่ง จึงจำเป็นจ้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าตัวเองจะต้องพึ่งพาอาอีกหลายๆ อย่างในอนาคตอันใกล้นี้
“ฝนอยากอยู่กับพี่พีทกับป้าสุค่ะ ฝนไม่อยากไปอยู่บ้านคุณน้าพงษ์ ฝนไม่ชอบพลอย เขาชอบว่าฝนเป็นกาฝาก เป็นเด็กที่คุณแม่เก็บมาจากกองขยะ เป็นลูกที่พ่อแม่เอามาทิ้งเพราะไม่อยากให้เกิดมาค่ะพี่พีท”
มือหนาของผู้พี่ยกขึ้นไปลูบกลุ่มผมดกดำยาวสลวยของน้องไปมาด้วยความสะเทือนใจ แล้วเขาก็ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างยากจะหักห้ามใจเพราะสงสารน้อง สงสารตัวเอง ที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมมแบบนี้ แม้จะไม่ได้คลานตามกันมา แต่สิบกว่าปีที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เขาก็รักพิรุณญาประหนึ่งน้องร่วมอุทรเลยทีเดียว
“ฝนจะต้องเข้มแข็งนะจ้ะ คุณแม่สอนเราสองคนประจำว่าให้เข้มแข็ง ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของใคร พี่สัญญาว่าถ้าทุกอย่างที่บริษัทเรียบร้อยดีแล้ว พี่จะรับฝนกลับมาอยู่ด้วยอีก ขอเวลาพี่หน่อยนะจ้ะไม่นานหรอกน้องรัก แล้วพี่กับป้าสุจะหมั่นไปหาฝนบ่อยๆ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนฝนก็แวะมาที่บ้านก่อนก็ได้ จะได้เจอป้าสุ พอพี่กลับจากทำงานแล้วพี่จะไปส่งเอง อย่าร้องไห้ เราต้องเข้มแข็งนะจ้ะจำเอาไว้คนดีของพี่”
“คุณฝนคนดีของป้า ไปอยู่บ้านคนอื่นต้องเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายหัดเป็นคนอ่อนน้อมแต่อย่าอ่อนแอ เป็นคนเข้มแข็งแต่อย่าแข็งกระด้างนะคะ อย่าเกเร อย่าขี้เกียจ และต้องเรียนให้เก่งๆ อย่าทำตัวให้มีปัญหา ไม่งั้นจะไม่มีใครรักใครเมตตา จำคำป้าไว้ให้ดีๆ นะคะคุณฝน”
และอีกหลายร้อยคำปลอบใจที่ผู้พี่กับสุภางค์มีให้เด็กน้อย ทั้งสามต่างน้ำตาร่วงลงมาอีก นานเป็นชั่วโมงกว่าทั้งสามจะลงมาข้างล่างได้ พร้อมพงษ์เป็นคนเดียวที่นั่งมาในรถรับ เขาสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นน้ำตาของทุกคนไหลอาบสองแก้ม ประหนึ่งว่าเขาจะพาอีกชีวิตห่างหายไปอย่างไม่มีวันกลับก็ไม่ปาน เมื่อสิบสองปีที่แล้วเขาไม่เคยคาดคิดว่าเด็กน้อยที่เขาคัดค้านการรับเลี้ยงของพี่สาว จะต้องกลายมาเป็นเขาที่ต้องรับเลี้ยงดูเสียเอง แต่ในเมื่อลั่นวาจาไว้แล้วก็จะต้องทำตามที่พูดไว้ให้จงได้
“ฝนอยู่ห้องนี้นะ น้าจัดไว้ให้แล้ว ถ้าฝนอยากได้อะไรก็บอกน้าภานะจ้ะ หรือจะมาบอกน้าเองก็ได้ แล้วน้าจะหามาให้”
พร้อมพงษ์บอกเด็กน้อยขณะเดินเข้าห้อง กระเป๋าสี่ใบจากหลังรถถูกยกขึ้นมาให้โดยนายมิตรคนขับรถ แล้วก็รีบเดินออกไป จันทภายืนจับมือลูกสาววัยสิบขวบอยู่หน้าห้องเท่านั้น เมื่อพร้อมพงษ์พยักหน้าให้สองแม่ลูกก็ผละจากประตูไป ทิ้งให้ผู้มาใหม่นั่งลงกับพื้นห้อง กอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างเตียงตามลำพัง พอเริ่มจะหมดแรงเด็กน้อยก็ค่อยๆ นอนลงกับพื้น หนุนเป้คิตตีแล้วหลับทั้งน้ำตาอยู่ในห้องนั้นเอง
เกือบเที่ยงคืนที่พร้อมพงษ์กับจันทภาค่อยๆ เดินเข้ามาดู ทั้งคู่ต่างสะเทือนใจไม่แพ้กัน กับสภาพการนอนขดอยู่กับกองกระเป๋าของเด็กน้อย จันทภาทำท่าจะเข้าไปปลุก แต่ถูกสามีห้ามไว้แล้วเขาก็เดินไปดึงผ้าห่มบนเตียง เอาไปคลุ่มให้ร่างผอมเล็กด้วยความสงสาร แล้วจูงมือภรรยาออกจากห้องไป เพราะไม่อยากกวนเวลานอนของเด็กน้อยที่ตอนนี้คงจะหลับลึกไปแล้ว



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2556, 13:24:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2556, 13:24:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1209





<< ขาดร่มโพธิ์ร่มไทย   สาวน้อยพิรุณญา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account