เมียทาสสวาท
ขาอาฆาตแค้น ชิงชัง และมุ่งหวังที่จะทำลายชีวิตเธอ
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!

Tags: เศร้า รันทด พระเอกโหด

ตอน: สาวน้อยพิรุณญา

“พี่มิตรออกรถเร็วๆ เข้า พลอยรีบไป”
พลอยไพรินสั่งด้วยความรีบเร่ง เมื่อตัวเองเข้าไปนั่งในรถได้แล้ว มิตรหันกลับมาหาด้วยสีหน้ามีคำถาม เพราะเหลือคุณฝนอีกคนที่เขาจะต้องรับกลับบ้านเช่นทุกวันด้วย แต่เมื่อถูกคุณหนูพลอยสั่งซ้ำหลายต่อหลายรอบด้วยน้ำเสียงอันดัง เขาจึงจำใจต้องทำตาม พิรุณญาวิ่งมาทันได้เห็นแต่ท้ายรถเพียงเท่านั้น นี่เป็นครั้งที่ยี่สิบในรอบสองเดือนนับตั้งแต่โรงเรียนเปิดเทอม ที่ถูกพลอยไพรินสั่งให้คนรถขับหนีกลับบ้านก่อน
“ไปกับรถที่บ้านจี๊ดก็ได้นะฝน เดี๋ยวจะบอกให้แวะไปส่งที่บ้าน ว่าแต่จะไปบ้านเก่าหรือบ้านใหม่ดีล่ะ”
เพื่อนนักเรียนในกลุ่มรีบอาสา เพราะเคยชินกับการกระทำนี้ของพลอยไพรินแล้ว เด็กสาวในชุดมัธยมต้นหันไปยิ้มให้เพื่อนก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางที่ใจอยากจะไป บ้านที่ห่างมาเกือบสี่เดือนดูเงียบเชียบ เมื่อมือน้อยกดออดอยู่หลายครั้ง และก็ไม่เห็นมีใครเดินออกมาเปิดประตูแต่อย่างใด
“คุณฝน! คุณฝนจริงๆ ด้วย โธ่! คิดถึงจังเลยค่ะ แล้วมาได้ยังไงคะ”
สาวน้อยหันไปหาต้นเสียง เมื่อรู้ว่าเป็นป้าสุก็โผลเข้าไปกอดด้วยความรักและคิดถึง ไม่นานสุภางค์ก็รีบจูงมือเล็กๆ เข้าประตู แล้วเดินอ้อมไปทางหลังครัวแทนการเดินผ่าบ้าน เหมือนที่เคยทำมานับตั้งแต่เข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้
“ที่นี่ไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ยัยหนิง คุณผู้หญิงผู้เรื่องมากเข้ามาอยู่แล้วล่ะค่ะคุณฝน ทุกอย่างที่ป้าเคยทำๆ มา แม่คุณสั่งยกเลิกสั่งเปลี่ยนใหม่หมด แล้วหอบคนที่บ้านมาอยู่จนเต็มไปหมด ห้องคุณฝนก็ถูกแม่น้องสาวของคุณผู้หญิงยึดไปแล้ว ป้าแอบย่องไปเก็บเสื้อผ้ากับตุ๊กตาคิตตี้ไปไว้ให้ที่ห้องได้สองสามตัว ว่าจะเอาไปส่งก็ไม่มีโอกาสสักที ตื่นเช้ามาก็ต้องวิ่งวุ่นทำสารพัด ไม่มีเวลาได้พักเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าห่วงคุณพีทนะ ป้าออกไปทำงานที่อื่นแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าขาดคุณผู้หญิงไปแล้ว บ้านจะกลายเป็นขุมนรกได้ขนาดนี้ คุณพีทนะคุณพีท จะมีเมียทั้งทีเอาคนที่มันดีๆ หน่อยก็ไม่ได้”
และอีกสารพัดเรื่องที่สุภางค์ระบายออกมาด้วยความอัดอั้น พิรุณญาให้สงสารป้าสุเหลือกำลัง แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงได้ ตัวเองก็เจอปัญหาไม่มีเว้นวัน จากน้ำมือของพลอยไพริน สองชีวิตที่มีเรื่องอัดอั้นตันใจ จึงต่างได้ระบายความทุกข์ให้กันและกันฟัง จนลืมเวล่ำเวลา
“ป้าสุไม่ต้องไปส่งฝนหรอกค่ะ รีบทำกับข้าวเถอะ ฝนจะเดินออกไปนั่งรถเมล์หน้าปากซอยเองค่ะ”
สิ้นคำทั้งสองก็รีบแยกย้ายกันไป พิรุณญาหันหลังกลับไปมองบ้านหลังใหญ่ ที่เมื่อไม่นานมานี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเอง และได้ใช้พักพิงด้วยความสุขใจมาตลอดตั้งแต่จำความได้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่ที่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว น้ำตาแห่งความเสียใจและคิดถึงแม่ก็ไหลรินออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนที่สองเท้าจะค่อยๆ ก้าวเดินจากไป
“ฝน! มาทำอะไรแถวนี้”
เสียงเรียกของพี่ชายต่างสายเลือดที่ขับรถผ่านมาเจอน้องพอดี ทำให้ดวงหน้าขาวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตายิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วสองร่างก็โผลเข้าไปกอดกันด้วยความคิดถึง โดยเฉพาะคนเป็นน้องที่ไม่เจอหน้าพี่มานานและกำลังมีทุกข์ใจ
“ตอนนี้พี่ยุ่งมาก งานมีให้ทำเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะศึกษาตรงไหนบ้าง ถ้าไม่ได้คุณน้าเข้ามาช่วย ป่านนี้ก็คงจะงมเข็มงมโข่งอยู่คนเดียว นี่โชคดีนะที่พี่เสร็จจากลูกค้าแล้วตรงกลับบ้านเลย ปกติกว่าจะถึงก็สองทุ่มไปแล้ว เหนื่อยน่าดูเลย พี่เองก็เพิ่งจะเข้าใจหัวอกคุณพ่อกับคุณแม่วันนี้เองล่ะ ว่ากว่าจะทำงานหาเงินมาให้เราใช้ได้แต่ละบาทลำบากแค่ไหน”
เมื่อเห็นพี่ชายยุ่งและมีปัญหามากพอแล้ว เรื่องที่จะบอกกล่าวก็ถูกเก็บไว้ในใจดังเดิม น้ำตาที่จะไหลรินออกมา พิรุณญาก็สั่งห้ามเอาไว้ แล้วก้มลงไปสนใจกับไอศรีมถ้วยโปรด ที่ไม่ได้ลิ้มลองมานับตั้งแต่สิ้นแม่อันเป็นที่รักไป จากนั้นพชรก็พาน้องเดินดูข้าวของหลายอย่าง และควักกระเป๋าซื้อให้เหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนคือเขาเห็นว่าน้องไม่ค่อยอยากจะได้อะไรเช่นเมื่อก่อนแล้ว จนเขาต้องคะยั้นคะยอให้น้องถึงจะยอมรับ
พชรเลี้ยวรถเข้าบ้านในเวลาไล่เลี่ยกับที่พร้อมพงษ์มาถึงพอดี เขาจึงได้รู้ว่าพิรุณญามาไม่ทันรถที่บ้านไปรับ ครั้นจะเรียกลูกสาวมาถามเดี๋ยวนั้นก็ไม่อยากทำนัก เขาจึงออกปากชวนหลานชายให้ร่วมมื้อเย็นด้วย ส่วนเรื่องไตร่สวนพรุ่งนี้วันเสาร์เขาจะจัดการกับลูกเอง แต่ดูเหมือนเขาจะคิดแผนช้าไปสักหน่อย เพราะถูกผู้เป็นภรรยาชิงตัดหน้าจัดการไปก่อนแล้ว
“ถ้าคุณท่านถาม ฝนก็ต้องบอกว่า ฝนอยากจะแวะไปหาป้าสุเอง ไม่เกี่ยวกับยัยพลอยนะจ้ะ ฉันไม่อยากให้คุณท่านไม่สบายใจ เพราะมีงานเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วฉันจะลงโทษยัยพลอยเอง”
เด็กน้อยพิรุณญาจำเป็นต้องรับคำเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ความอัดอั้นตันใจถูกเก็บงำเอาไว้เพียงคนเดียว มีเพียงน้ำตาคอยเป็นเพื่อน เมื่อยามได้อยู่ในห้องตามลำพังเท่านั้น บันทึกเล่มน้อยๆ ถูกเปิดขึ้นมา แล้วระบายเรื่องราวต่างๆ ให้แม่ผู้จากไปได้รับรู้ พร้อมกับน้ำตาแทบจะทุกครั้งที่มีความทุกข์ คืนแล้วคืนเล่า วันแล้ววันเล่า จนเวลาล่วงเลยมาถึงแปดปีที่ฝากชีวิตไว้กับบ้านหลังนี้ นางสาวพิรุณญาวัยยี่สิบปีเต็มก้าวเดินไปตามถนนเล็กๆ เพื่อไปมหาวิทยาลัยในคณะคหกรรมศาสตร์ แทนการได้ไปเรียนบริหารเมืองนอก ตามที่แม่พัณนิดาเคยบอกเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
“เรียนคหกรรมนี่ล่ะฝน ฉันว่ามีประโยชน์กว่าอย่างอื่น อย่างน้อยๆ ก็จะได้เอาไว้มาทำอาหารให้ฉันกับคุณท่านกินไง เรียนจบแล้วฉันจะจ้างให้มาเป็นแม่ครัวประจำบ้านเลย แต่อย่าบอกคุณท่านว่าฉันบอกนะ ให้บอกว่าฝนอยากเรียนเอง อ้อ! อีกเรื่องไหนๆ บอกท่านแล้วก็บอกท่านไปด้วยว่าฝนอยากไปพักที่หอ เพราะขี้เกียจนั่งรถไปเรียน อย่าลืมล่ะ”
นั่นคือคำบอกกล่าวหรือการสั่งกรายๆ ของจันทภา ซึ่งหญิงสาวเรียก ‘คุณท่าน’ จนเคยชินแล้ว และหอพักหญิงจึงเป็นบ้านใหม่ ที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ตั้งแต่เรียนปีแรก พร้อมพงษ์ไม่เคยเห็นดีเห็นงามในเรื่องนี้ เพราะเป็นห่วงและกลัวเด็กในปกครองจลำบาก ป้าสุที่เธอแวะไปหาก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นคือรางวัลที่ดีเลิศที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะจะได้อยู่ห่างคุณหนูพลอยที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ และถ้าเลือกได้วันเสาร์อาทิตย์เธอก็ปรารถนาที่จะอยู่หอพัก โดยไม่คิดจะกลับไปบ้านนั้นอีกเลยด้วยซ้ำ
“วันหยุดมาช่วยพิมพ์งานให้ฉันก็ได้ จะได้เรียนรู้ไปด้วย จบมาแล้วฉันจะให้ไปช่วยงานที่บริษัท ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ฉันก็อายุเริ่มเยอะแล้ว รอเจ้าเพชรมาช่วยมันก็ไม่กลับมาสักที สงสัยจะหอบเมียแหม่มกับลูกๆ มาพร้อมกันเลยล่ะมั้งฉันว่า”
แต่เธอก็ยังอดคิดถึงน้ำเสียงและสีหน้าอันเปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาของพร้อมพงษ์ไม่ได้ ทุกวันหยุดถ้าไม่มีกิจกรรมอะไรหญิงสาวจึงต้องกลับไปช่วยงานตามคำสั่งเรื่อยมา เฉกเช่นพรุ่งนี้ที่จะต้องไป แม้ใจไม่อยากก็ตามที



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ย. 2556, 19:54:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ย. 2556, 19:54:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1232





<< วิหคน้อยเปลี่ยงรวงรัง   หนามหัวใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account