เจ้าสาวไร้อันดับ (ตันตรา)
เฮนริค...เจ้าชายนักรักผู้สูงศักดิ์แห่งประเทศนาดาล กำลังตกที่นั่งลำบาก เมื่อชีวิตอิสระกำลังถูกพรากไปกับการคลุมถุงชน แต่มีหรือที่คนอย่างเขาหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ และเมื่อฟ้าเป็นใจส่งลูกแมวเชื่องๆ มาให้ถึงที่ ปฏิบัติการย้อมแมวบ้านๆ ให้กลายเป็นแมวสาวแสนสวยทรงเสน่ห์จึงเกิดขึ้น
ญาสุมินทร์...สาวไทยไร้ศักดินา เพราะความยากจนและแสนซื่อ ทำให้ถูกหลอกมาขายตัวไกลถึงนาดาล และไม่รู้โชคชะตาหรือฟ้ากลั่นแกล้ง เมื่อจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นคนรัก (จอมปลอม) ของเจ้าชายรัชทายาท ผู้ร้ายกาจ เอาแต่ใจ ประกาศตัวเป็นเจ้าชีวิตและเห็นเธอเป็นแค่ลูกแมวเชื่องๆ ที่จะจัดการเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาร้ายกาจ ไร้หัวใจ แต่เธอกลับหวั่นไหวใจสั่นทุกคราที่เขาเข้าใกล้ อันตรายต่อหัวใจจนยากรักษา
ทว่า...เมื่อเส้นทางความรักของเธอกลับเขาที่เปรียบดังเส้นขนาน โคจรมาพบกันราวกับพรหมลิขิตเล่นกล ปมร้ายถูกเปิดเผยพร้อมกับความผิดถูกโยนมาให้สาวน้อยเป็นผู้รับผิด
จากโสเภณีข้ามแดนมาสู่ผู้ร้ายข้ามชาติ บทลงทัณฑ์หนักที่ยากเกินกว่าจะทนรับไหว หัวใจของสาวน้อยคั่งแค้น น้อยเนื้อต่ำใจ ตั้งมั่นจะไม่มีวันให้อภัยผู้ชายเลือดเย็นอย่างเขา
แต่เธอจะทำอย่างไร...เมื่อสิ่งที่ทำลงไป...ไม่ต่างกับการทำร้ายหัวใจตัวเอง

Tags: แสนรัก ตันตรา

ตอน: ตอนที่ 3 40%

กวินวษาชะเง้อมองเข้าไปในเขตบ้านของคุณยายดอกรักด้วยความแปลกใจที่เห็นความวุ่นวายเกิดขึ้น หน้าบันไดไม้ เธอเห็นมะนาวกำลังร้องสั่งให้ชายคนหนึ่งหามร่างคุณยายดอกรักขึ้นรถกระบะเก่าๆ โกโรโกโส เด็กสาวตกใจจึงรีบวิ่งไปหาทันที
“คุณยาย เป็นอะไรคะ”
“อยู่ๆ ก็หมดสติไป ฝากบ้านด้วยนะกะทิ ป้าจะไปกับคุณยาย” มะนาวร้องสั่งแล้วก้าวขึ้นรถ ร้องสั่งให้คนขับออกรถทันที
กวินวษามองตามด้วยความเป็นห่วง พนมมือไหว้พลางขอพรไปด้วย
“ช่วยคุ้มครองคุณยายดอกรักด้วยนะคะ” หญิงสาวพึมพำ ชะเง้อคอมองจนรถกระบะนั้นจนลับตาจึงขึ้นบ้านไปทำความสะอาดตามหน้าที่
มือเรียวเอื้อมไปหยิบรูปของคุณยายดอกรักมาปัดฝุ่น สตรีชราเริ่มมีผมสีดอกเลา อายุ 62 ปีแต่ยังแข็งแรงดี จู่ๆ ก็ป่วยกะทันหันแบบนี้แม้เธอไม่ใช่ญาติยังใจหาย
แม่เคยบอกว่าคุณยายดอกรักมีลูกสาวคนเดียว แต่งงานกับฝรั่งที่ร่ำรวยมากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน นานๆ ครั้งถึงจะมาเยี่ยมเยียนสักครั้ง
บ้านของเธออยู่ห่างจากบ้านคุณยายดอกรักหลายกิโล ต้องปั่นจักรยานมา เมื่อก่อนนี้เธอยังไม่ได้มาทำงานบ้านหลังนี้ แต่ระยะเวลาไม่นานเธอก็รู้สึกสนิทสนมกับคุณยายดอกรัก มีอะไรก็ปรึกษาท่าน เธอพูดคุยปรึกษาคุณยายดอกรักมากกว่าแม่ตัวเองเสียด้วยซ้ำไป
“ทำไมคุณไม่มาเยี่ยมท่านบ้างนะ” หญิงสาวบอกกับภาพถ่ายสตรีสาวสวยในชุดแต่งงาน ข้างกายมีชายร่างใหญ่ผมสีทอง ทั้งสองยิ้มแย้มด้วยสีหน้าชื่นสุข
หลายครั้งที่คุณยายบ่นน้อยใจลูกสาวที่หาเวลามาเยี่ยมเยียนท่านไม่ได้ มีแค่ส่งเงินมาให้และโทรหาเป็นครั้งคราว แต่ไม่ว่าเงินทองจะให้มามากแค่ไหน สำหรับคนเป็นแม่ก็คงอยากเห็นหน้าลูกตัวเองมากกว่า
หญิงสาวใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น แต่มือพลาดไปโดนแก้วน้ำที่เดาว่าคุณยายดอกรักคงดื่มค้างไว้ ทำให้น้ำหกเลอะอัลบัมภาพเก่าๆ
กวินวษาตกใจรีบถอดเสื้อคลุมแขนยาวของตัวเองเช็ดให้อย่างร้อนรน ภาพอื่นไม่เป็นไรแต่ภาพเด็กชายผมสีมะฮอกกานีถูกน้ำ
“ตายแล้ว หลานชายคนโปรดของคุณยายซะด้วย” หญิงสาวทำหน้าอยากตาย ค่อยๆ บรรจงเอาเสื้อตัวเองซับน้ำให้ เด็กชายในภาพยืนถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นผู้ชายเปลือยกาย แต่มือเล็กซุกซนวางแหมะไปบนอวัยวะเพศของรูปปั้นด้วยท่าทางสนใจเป็นพิเศษ
“ฉายแววเกย์ตั้งแต่เด็กเลยนะ” หญิงสาวหัวเราะ ถือโอกาสพลิกหน้าต่อไปดูด้วย เธอไม่เคยดูรูปในอัลบัมนี้แต่จำหน้าเด็กชายผมสีมะฮอกกานีได้ว่าคุณยายดอกรักเคยเอาภาพมาอวด
ภาพต่อมาเป็นภาพเด็กชายยืนถือภาพวาดครั้งแรกในชีวิตอวดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ เป็นภาพเดียวกับรูปปั้นผู้ชายเปลือยแต่ฝีมือยังไม่เข้าท่านัก จากนั้นจึงเป็นภาพแสดงพัฒนาการของเด็กชายทีละช่วงอายุ ภาพสุดท้ายเป็นภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าเห็นเพียงด้านข้างกำลังตั้งอกตั้งใจวาดภาพอยู่
“หล่อจัง” กวินวษาอมยิ้มมองเพลิน ทั้งรูปร่างหน้าตาคนวาดราวกับว่าจิตรกรชั้นเอกของโลกสร้างสรรค์มาถึงได้ทำให้เขาดูดีทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้
หญิงสาวจัดการตากภาพถ่ายใบนั้นไว้ให้แห้งแล้วจึงตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดบ้านต่อไป แต่ในใจก็ยังอดนึกถึงใบหน้าเคร่งขรึมนั้นขึ้นมาไม่ได้

จัสมินตกใจจนโทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือเมื่อทราบข่าวร้ายจากทางบ้าน ตอนนี้แม่ของเธอนอนห้องไอซียู เพราะช็อกจากระดับน้ำตาลต่ำ คุณยายดอกรักผู้แข็งแรงยิ่งกว่าคนวัยเดียวกันจึงไม่รู้ว่าตัวเองป่วยด้วยโรคเบาหวาน โชคดีที่มะนาวมาพบทันอาการจึงปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว
“แม่คะ” อลิซาเบทรีบเข้ามาประคอง หลังจากเห็นผู้เป็นแม่ซวนเซจวนล้ม เธอเองก็พึ่งแวบออกไปดูว่าลูกชายตัวดีก่อเรื่องอะไรให้ชาร์ลปวดหัวอีกหรือไม่ หากทำงานเสียหายเป็นครั้งที่สอง ต่อให้เป็นหลานในไส้คนอย่างชาร์ลคงไม่ยอมละเว้นเป็นแน่
“รีบเก็บข้าวของเถอะ”
“เก็บไปไหนคะ”
“คุณยายป่วย เราต้องไปเยี่ยมท่านนะ เร็วเข้าไปบอกชาร์ลกับโทมัสด้วย ส่วนคุณพ่อให้ตามไปสมทบทีหลัง แม่นี่แย่จริงๆ ไม่มีเวลาไปเยี่ยมแม่ตัวเอง” จัสมินเช็ดน้ำตาด้วยกิริยาที่ถูกฝึกมาอย่างดี เฝ้าโทษตัวเองไปมาที่ไม่ค่อยมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนท่าน
“ตายจริง แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ” อลิซาเบทเองก็ตกใจ กว่าหกปีมาแล้วกระมังที่ไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนยายแท้ๆ ความทรงจำในบ้านสวนร่มรื่นมีไม่มากนัก นับตั้งแต่แต่งงานและมีเจ้าตัวยุ่งอย่างโทมัส เธอก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย ทั้งที่เคยตั้งใจจะพาโทมัสไปกราบหลายครั้งแล้ว
“ปลอดภัย แต่โรคนี้มันขึ้นๆ ลงๆ แม่อาจจะอยู่เป็นเพื่อนคุณยายนานเป็นเดือน แต่ลูกกับชาร์ลก็ควรจะไปให้ท่านเห็นหน้าบ้าง จะว่าไปโทมัสเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้ายายทวดเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นสิคะแม่ มันทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นหลานที่แย่จริงๆ งั้นหนูไปตามชาร์ลกับโทมัสนะคะ” อลิซาเบทผละจากแม่แล้วเดินแกมวิ่งออกไปหาน้องชายทันที

คุณยายดอกรักแทบว่าจะหายป่วยเมื่อได้ยินว่าลูกสาวกับหลานๆ จะมาเยี่ยม วันนี้จึงคะยั้นคะยอขอหมอกลับบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับจนมะนาวต้องสั่งห้าม
“น้า ไม่ต้องห่วงบ้านหรอกน่า กะทิมันปัดกวาดเรียบร้อยแล้ว รับรองเลยว่ามะรืนนี้มะลิมันมาถึง บ้านเราไม่มีฝุ่นติดตีนสักเม็ด” มะนาวหมั่นไส้คนป่วยที่หน้าระรื่นขึ้นมาทันทีเมื่อบอกว่าลูกสาวจะมา ทั้งที่เมื่อวานนี้ยังนอนให้น้ำเกลืออยู่เลย เล่นเอาตกใจแทบแย่
“ก็ข้าห่วงบ้าน ให้ข้ากลับเถอะนะ ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าหมอเขาเอาน้ำเกลือออกแล้ว” คุณยายดอกรักพยายามร้องขอแต่ไม่เป็นผล
“ไม่ได้ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะทำยังไง จู่ๆ น้าก็หมดสติ ปลุกไม่ตื่น เป็นคราวหน้าไม่รู้จะตื่นรึเปล่า” มะนาวไม่ยอมท่าเดียว
เธอเป็นแค่หลานแต่ก็รักคุณยายดอกรักผู้เลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กไม่ต่างจากพ่อแม่แท้ๆ
“เอ็งอย่ามาแช่งข้า”
“ไม่ได้แช่ง แต่ถ้าน้าไม่เชื่อ ช็อกอีกคราวนี้คงไม่ได้เห็นหรอกหน้าหลาน หน้าเหลน”
“พูดถึงเหลนข้าก็เคยเห็นแค่รูปตอนมันตัวแดงๆ ตอนนี้คงกำลังซนได้ที่ เฮ้อ…รู้งี้ไม่ให้นังมะลิมันมีผัวฝรั่งก็ดีหรอก อยู่ไกลกัน มันมาหาข้าก็ลำบาก” คุณยายดอกรักทอดถอนใจแล้วมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
“ทำไมน้าไม่ไปอยู่กับพี่มะลิล่ะ ดีออกนะอเมริกา เขาว่ามันสวย มันหนาว มีหิมะด้วยนะน้า” มะนาวทำหน้าเพ้อฝัน อยากไป
“ไม่เอาหรอก มันไม่ชิน อยู่โน่นข้าคงหาหมากเคี้ยวยากตายชัก มันจะมีปลาร้าให้กินรึเปล่ายังไม่รู้ อยู่บ้านข้านะดีแล้ว” คุณยายสั่นหน้าดิก
“แล้วก็มาบ่นคิดถึงลูก เขาจะเอาไปอยู่ด้วยก็ไม่ไป” มะนาวหัวเราะแล้วส่ายหน้าขำ
“เดี๋ยวมันก็มา นังมะลิมันไม่ทิ้งแม่หรอก” คุณยายบอกอย่างมั่นใจ ยิ้มในหน้าเมื่ออีกไม่นานจะได้เจอหน้าทั้งลูกทั้งหลานสมกับที่รอคอยมานานปี

หลังออกจากโรงพยาบาลคุณยายดอกรักดูแข็งแรงเป็นปกติ มีเรี่ยวแรงมากพอจะคอยบงการให้ทุกคนรวมทั้งกวินวษาทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ แม้มะนาวกับกวินวษาจะลงความเห็นตรงกันว่ามันเรียบร้อยดีแล้ว ต้นไม้ใบหญ้าถูกกวาดจนไม่เหลือสักใบ
“น้า ใบไม้กวาดแล้ว พรุ่งนี้มันก็หล่นอีก” มะนาวท้วง นั่งแหมะลงกับพื้นในมือมีถังใส่ใบไม้แห้งอย่างหมดแรง เช่นเดียวกับกวินวษา
“ใช่ค่ะคุณยาย หญ้าบ้านเรามันเป็นหญ้าเกิดตามธรรมชาติ ตัดยังไงมันก็ไม่สวยเหมือนหญ้าญี่ปุ่นนะคะ” กวินวษาบอกขึ้นบ้าง เมื่อเห็นคุณยายว่าจ้างผู้ชายหลายคนในละแวกบ้านตัดหญ้าจนโล่งเตียน
“เออ จริง ก็ข้ากลัวงูเอย ตะขาบเอยมันจะมากัดเหลนข้านี่หว่า”
“วุ้ย ฉันอยู่นี่มาตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยเห็นว่าบ้านเรามีงูซักตัว แล้วไอ้กระดานเรือนนี่ น้าจะให้ขัดจนมันส่องหน้าได้รึไงเนี่ย เดี๋ยวกะทิมันก็เข็ดไม่กล้ามาหรอก” มะนาวส่ายหน้ากับความเห่อหลานของคุณยายดอกรัก กวินวษาเองก็เลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย
อีกครั้งที่ภาพใบหน้าขรึมกำลังขะมักเขม้นในการวาดภาพมารบกวนจิตใจ เธอเองก็อยากเห็นตัวจริงเขาขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

จากที่นั่งบนเครื่อง ชาร์ล สตีเวนล์นั่งติดกับหลานชายจอมป่วน โทมัส ชาน ที่สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยได้ไม่หยุดหย่อนจนต้องยกเอาหูฟังขึ้นมาปิดเสีย ไม่ได้ยินที่เด็กชายพูดเจื้อยแจ้วแต่พยักหน้ารับรู้เวลาที่เด็กชายเขย่ามือเป็นเชิงบอกให้ตอบ
“แม่บอกว่าบ้านทวดน่าอยู่ มีน้ำคลองให้เล่น จริงไหมฮะน้า”
“ฮื่อ” คนเป็นน้าพยักหน้ารับ
“มีสนามให้วิ่งเล่นด้วยใช่ไหมฮะน้า”
“ฮื่อ”
“แม่บอกว่ามีบัฟฟาโล่ หลายตัวด้วยใช่ไหมฮะน้า”
“ฮื่อ” ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้ารับ คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบอยู่นานเกือบยี่สิบนาที จากนั้นจึงผล็อยหลับไปทั้งน้าหลาน
ขณะกำลังสะลึมสะลือ จิตรกรหนุ่มนักรักตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขาเดินตามทางเดินสีขาวโรยด้วยดอกกุหลาบสีม่วง รอบกายขมุกขมัวด้วยกลุ่มควัน ทัศนียภาพแตกต่างจากที่เขาเคยเห็น ด้านหน้าเป็นสะพาน ล้อมรอบด้วยแม่น้ำใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นตัวปลาเล็กๆ กำลังแหวกว่าย
ชายหนุ่มก้าวขายาวๆ ขึ้นไปถึงกึ่งกลางสะพาน มีใครคนหนึ่งรูปร่างบอบบางในชุดทักซิโด้สีขาวยืนหันหลังให้ น่าแปลกที่เขาเชื่อแน่ว่าเจ้าของร่างเป็นผู้ชายแต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรงแปลกๆ
“คุณ” เขาร้องทักชายนิรนามร่างบางคนนั้นด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว ตื่นเต้นราวกับกำลังขอทำความรู้จักสตรีสาวผู้งดงาม
“ฮะ” หนุ่มร่างบางผิวขาวจัดเหมือนคนเมืองหนาวหันมาหา รอยยิ้มหวานหยดย้อยนั้นแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นของผู้ชายด้วยกัน
แทนคำถามเขาสาวเท้าเข้าไปหาแล้วคว้าร่างนั้นมาจูบดูดดื่มด้วยความลืมตัวโดยไม่ซักถาม เป็นนานกว่าจะยอมถอนริมฝีปากออก ท่าทางของเขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองราวกับถูกสะกดด้วยมนต์ดำ
สติของเขากลับคืนเมื่อเสียงเล็กๆ คล้ายจะถูกดัดให้ทุ้มตอบกลับมา
“ผมเป็นผู้ชายนะฮะ”
“ผู้ชาย! จริงด้วย โอ ฉันจูบผู้ชาย” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงโวยวายลั่นเครื่อง
“น้าฮะ…น้า” มือเล็กเขย่าปลุกเมื่อผู้เป็นน้าร้องโวยวายจนคนแตกตื่น เมื่อลืมตาตื่นขึ้นหนุ่มหล่ออย่างชาร์ล สตีเวนล์จึงตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร
“เป็นอะไรลูก” จัสมินชะโงกหน้าจากที่นั่งอีกด้านเข้ามาถาม แต่คนพึ่งตื่นพะอืดพะอมเต็มทีเมื่อนึกถึงความฝันอันแสนทุเรศเมื่อครู่
“ไม่เป็นไร ผมขอตัว” ชายหนุ่มปลดสายรัดเข็มขัดออกแล้ววิ่งไปห้องน้ำ จัดการอาเจียนอาหารราคาแสนแพงที่ทานไปก่อนขึ้นเครื่องออกจนหมดอย่างไม่คิดเสียดาย ราวกับต้องการให้ฝันอันน่าสะอิดสะเอียนนั้นไหลออกมาด้วย “บ้าจริง”
ชาร์ลพิงร่างเข้ากับผนังห้องน้ำอย่างอ่อนแรงก่อนค่อยๆ หยัดกายเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง ท่ามกลางความเป็นห่วงของแม่และพี่สาว สายตาของใครหลายคนยังจับจ้องมองเขาอยู่อย่างสนใจใคร่รู้ ต่อเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ของเขาจึงมองไปทางอื่นเสีย
“เป็นอะไรลูก ทำอย่างกับไม่เคยนั่งเครื่อง” จัสมินเอื้อมตัวเข้ามากระซิบแผ่ว เพราะเกรงผู้โดยสารคนอื่นจะรำคาญแต่ชายหนุ่มโบกมือพลางส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรครับ ฝันร้ายนิดหน่อย”
“ฝันว่ากินอึหมาเหรอฮะ น้าชาร์ล” เด็กชายถามประสาซื่อ ตามความคิดอันน้อยๆ แล้ว หากฝันว่ากินอะไรสกปรกเท่านั้นแหละถึงจะอยากอาเจียนได้มากขนาดนี้
“บ้าน่า” ชาร์ลผลักศีรษะเด็กชายแล้วหลับตาลงเสียเป็นการตัดบท แค่คิดถึงความฝันบ้าๆ นั่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาอีก จูบกับใครก็ได้ในโลกนี้ เป็นหญิงสาวที่ขี้เหร่ที่สุดเขาก็ยังพอทนได้แต่ต้องไม่ใช่กับผู้ชายแบบนี้ แค่คิดขนก็ลุกชันไปทั่วตัว

เนื่องจากคนในบ้านไม่มีใครขับรถเป็นสักคน คนที่ได้รับมอบหมายให้ขับรถไปรับครอบครัวสตีเวนล์ก็คือสาวน้อยผู้พึ่งได้รับใบขับขี่มาหมาดๆ อย่างกวินวษา ที่หัดขับรถเอาไว้เพราะว่าคนบ้านนี้มีแต่ผู้หญิง จึงคะยั้นคะยอให้ลุงคนขับสองแถวข้างบ้านหัดให้
“ฝากด้วยนะกะทิ” คุณยายดอกรักบอกขึ้นเมื่อหญิงสาวสตาร์ตรถกระบะเก่าๆ อันเป็นรถประจำตัวของคุณยายที่ซื้อไว้แต่ขับไม่เป็น เมื่ออยากออกไปไหนก็ต้องวานให้คนอื่นขับให้อยู่ดี
“จ้า” กวินวษาหัวเราะขึ้น ผมยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นห้างม้าแล้วเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้หมวกแก๊ป ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับกางเกงยีนเก่าๆ แต่ทว่าสะอาดสะอ้าน หญิงสาวแตะปลายเท้าเหยียบคันเร่งวิ่งฉิวจนคุณยายใจคอไม่ดี
“ไหนว่ามันพึ่งหัดไงวะ ทำไมมันเร็วอย่างกับจรวด”
“เชื่อมือกะทิมันเถอะน้า มีอะไรบ้างที่กะทิมันทำไม่ได้” มะนาวหัวเราะตามหลัง หญิงสาวตัวเล็กๆ อายุพึ่งผ่านพ้นวัย 18 ปี แต่ต้องทำงานหนักเลี้ยงทุกคนในครอบครัว มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี ตัวเธอเองต่างหากที่ถือเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างแท้จริง
“นั่นสิ ข้าละลืมไปแล้วว่ามันเป็นผู้หญิง ดูไกลๆ ข้าละนึกว่าหนุ่มน้อยที่ไหน” คุณยายหัวเราะตาม เคยนึกอยากได้กวินวษาเป็นหลานสะใภ้ เมื่อครั้งที่มะลิเคยปรารภเรื่องความเจ้าชู้ของหลานชาย กลัวว่าจะหาเมียดีๆ ไม่ได้ แต่พอนานวันเข้าคุณยายก็ชักจะลืมเสียแล้วว่ากวินวษาเป็นผู้หญิง
กวินวษาเองแม้จะพึ่งขับรถออกถนนใหญ่ครั้งแรก แต่ก็สามารถพารถโกโรโกโสคันเก่าของคุณยายดอกรักมาถึงสนามบินเชียงใหม่จนได้
หญิงสาวมองรูปถ่ายของมะลิเมื่อหลายปีก่อนในมือแล้วกวาดสายตามองหา แต่เกิดหิวน้ำขึ้นมาจึงต้องเร่งรีบสาวเท้าออกไปหาน้ำดื่ม



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2556, 22:56:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2556, 22:56:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1156





<< ตอนที่ 2 100%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account