ชายาอนุบิส
ข้ารอคอยเพียงหนึ่งชายา ข้าปรารถนานางเพียงหนึ่งเดียว แม้จะต้องสูญสิ้นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร !!

เทพอนุบิสจะทำเช่นไรเมื่อชะตากรรมของพระองค์ถูกกำหนดว่าที่พระชายาเอาไว้ให้แล้ว ชายาที่เป็นแค่เพียงเด็กสาวมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

ม่านเมรีหรือไอมีอัต สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นจ้าวหทัยของเทพแห่งความตายผู้นี้ตลอดกาล
Tags: แฟนตาซี,เทพเจ้า,อียิปต์,อ่อนหวาน,อบอุ่น

ตอน: ตอนที่ 11 ง้อตามแบบฉบับเทพอนุบิส



หลังจากถูกส่งตัวมาให้ประจำอยู่ที่วิหารร้างนอกสามภพภูมิเป็นเวลา 5 ปี ม่านเมรีในขณะนี้กำลังโตเป็นสาวเต็มที่ด้วยวัย 22 ปี ความงดงามของนางเริ่มฉายชัดจนบางทีเหล่าเทพีก็ยังอิจฉา บ้างก็ปล่อยข่าวลือออกไปต่าง ๆ นานา ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเสียหายให้เธอทั้งนั้น
บางทีอยู่คนเดียวนาน ๆ ก็น่าเบื่อเช่นเดียวกัน รื้อค้นมาทั้งวิหารแห่งนี้ก็หลายรอบแล้ว เจอแต่ม้วนกระดาษปาปิรัสเก่า ๆในห้องหนังสือของเทพเจ้าอเตนเท่านั้น แอบเอามาอ่านและศึกษาก็ตั้งหลายหน จนรู้แล้วล่ะว่าวิชาหน้าเด็กของอาจารย์ได้มาอย่างไร

หลายศาสตร์หลายแขนงที่ได้เปิดอ่าน บางทีเธอก็รู้สึกว่าช่างเหมือนกับวิชาที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ยิ่งนัก ยกเว้นอาวุธชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วสะดุดตา อยากได้มาเป็นเจ้าของ แต่ก็จนใจว่าไม่รู้จะไปเสาะหามันได้ที่ไหนได้

บัวแก้วโลหิตแห่งธารโลกันต์ !!

ก็รู้อยู่หรอกว่าธารโลกันต์อยู่ที่ไหน และได้แอบลงไปเมียงมองอยู่ก็หลายครั้ง ไม่เห็นจะมีบัวแก้วโลหิตอะไรนั่นเลยซักดอก สงสัยคงจะโดนตำราเล่มนี้หลอกเสียแล้วกระมังม่านเมรี

คนที่เอาแต่งขลุกอยู่ในห้องหนังสือ จนกริชเทพซึ่งเริ่มจะมีฤทธิ์เดชเพิ่มขึ้นแล้วแอบประท้วงด้วยความน้อยใจ บางทีถึงกับแอบป่วน ลอยวนไปเวียนมาจนเธอเวียนหัว ไม่อาจจะอ่านตำราได้

“มีอะไรอีกล่ะ” คนบ้าเรียนวางตำราในมือลง พลางปรายตามองไปทางกริชเล่มน้อยความ ระอา เห็นผู้มาเยือนกำลังปรากฏกายต่อหน้า ก็ยิ่งจะพาลให้อารมณ์เสียขึ้นมาอีกเท่าตัว

“ท่านมาทำไม” ไล่ไปก็หลายหน เดินหนีไปก็หลายที ตลอดห้าปีมานี้เธอไม่เคยหลบเทพองค์นี้ได้พ้น เทพอะไรหน้าด้านหน้าทนทายาด
“ข้ามาขอยาจากเจ้า” เทพอนุบิสยื่นพระหัตถ์ข้างที่ถูกฟันออกไปให้ดู แผลกว้างแค่นี้ไม่ถึงขึ้นที่จะต้องถ่อมาขอยาจากเธอกระมัง

“นอกจากตรงนี้แล้วยังมีที่อื่นอีกหรือไม่” เผื่อว่าบางทีเธออาจจะคติมากไป

“ไม่มี” รับสั่งกลับมาพระพักตร์ตาย แถมยังเร่งให้เธอช่วยรักษาให้อีกต่างหาก เธอไม่ใช่เทพีแห่งการรักษานะ ถ้าขี้เกียจร่ายมนตรารักษาบาดแผลเองขนาดนั้น แล้วทำไมไม่ไปให้เทพีแห่งการรักษารักษาให้เล่า

ม่านเมรีลงมือทำแผลให้อย่างกระแทกกระทั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมองออกว่าพยายามเบามือ

“ขอบใจเจ้ามาก ข้าไปล่ะ” ครั้นพอเสร็จเรียบร้อยก็รีบจากไป รอจนกระทั่งได้แผลมาใหม่ พระองค์จึงกลับมาให้เธอรักษาอีกครั้ง

“คราวนี้ไปโดนอะไรมาล่ะ” ถามอย่างเซ็ง ๆ

“เจ้าเห่าน้อยของท่านป้าไอซิส” เทพอนุบิสรับสั่ง พลางยื่นต้นพาหาที่ลงทุนไปล่อสัตว์เลี้ยงขอเทพีไอซิสออกมาให้มันฉกเสียจนม่วงคล้ำให้เธอดู

พิษขนาดนี้ดูก็รู้ว่ามิอาจคร่าชีวิตของเทพแห่งความตายผู้นี้ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทรงไปทำอีท่าไหน ถึงได้โดนมันฝากรอยเขี้ยวไว้เป็นสิบแห่งขนาดนี้

“งูพิษของเทพีไอซิสอย่างนั้นหรือ” ม่านเมรีมองเทพอนุบิสตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“ข้าเผลอไปทำร้ายมันเข้ามันจึงกัดเอา” รีบรับสั่งแก้ตัวทันที เพราะเรื่องจริงนั้นหาได้เป็นเช่นนี้ไม่ ทรงเอาต้นพระพาหาออกไปให้มันกัดเล่นคลายเครียดเองต่างหากเล่า

“แล้วที่ยมโลกไม่มียาแก้พิษหรือยังไง” เทพธิดามาอัตแถมอาจารย์ของนางเทพีอเมนเททก็มีความสามารถด้านปรุงยาเป็นเลิศมิใช่หรือ
“ข้าไม่อยากรบกวนพวกนาง” แต่ก็ทรงกล้ามารบกวนเธอถึงที่นี่

“รีบรักษาเสียที ข้าจะรีบกลับไปทำงาน” รับสั่งอย่างถือดี พลางกล่าวโทษเธออีกต่างหาก แบบนี้มันน่าจะใส่พิษเพิ่มเข้าไปให้จริง ๆ

“อยู่นิ่ง ๆ สิ ข้าจะได้ใส่ยาให้ได้” ก็เล่นขยับยุกยิกแบบนี้เธอจะใส่ยาได้ถนัดอย่างไร ม่านเมรีอดเคืองพระองค์ในใจไม่ได้ ช่างขยันสร้างรอยแผลจริงๆนะ ไม่รู้ว่าทรงทำไปเพราะอะไรกันแน่

ข้างฝั่งเทพอนุบิสครั้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นนางกำลังทำแผลให้อย่างตั้งใจ ก็เริ่มพอพระทัยขึ้นมา ดีกว่าห้าปีก่อนหน้านี้เป็นไหน ๆ ไม่เสียแรงที่ยอมลงทุนให้แผนเจ็บตัวขนาดนี้

“ขอบใจเจ้ามากไอมีอัต ไว้รอข้าบาดเจ็บอีกเมื่อไหร่ จะกลับมาให้เจ้ารักษาให้อีก” รับสั่งเหมือนจะดูดี แต่แฝงไว้ด้วยเจตนารมอื่นฉายชัด ขัดกับท่าทางสำนึกในบุญคุณมิใช่น้อย

วันนี้ก็ปล่อยให้นางได้มีเวลาตั้งตัวรอรับมือกับพระองค์ในวันพรุ่งนี้อีกทีก็แล้วกัน ขยันใช้แผนผู้กล้าบาดเจ็บเจียนตายหลาย ๆ ครั้งเข้า อีกไม่นานนางก็คงจะใจอ่อนไปเอง

‘เห็นทีว่าครั้งหน้าคงจะต้องเดินไปให้พญางูยูเรอัสขบกัดเล่นเสียแล้วกระมัง’

เทพแห่งความตายดำริในพระทัยอย่างหมายมั่น ครั้งที่แล้วก็เป็นฝ่ายจงใจให้ศัตรูฟันแขนมา ครั้งนี้ก็ยังเจียดเวลาไปให้งูเห่ากัด ช่างน่านับถือในความพยายามหาเรื่องเจ็บตัวยิ่งนัก เทพอนุบิสพระองค์นี้

ม่านเมรีมองผู้ที่กำลังจะจากใบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า แต่ทว่าเสียดายยิ่งนักที่เทพอนุบิสไม่ได้เห็น...เทพผู้เย็นชาไร้หัวใจ...บางทีนางควรจะมองพระองค์ใหม่เสียแล้วล่ะ



ข้างฝั่งเทพอนุบิสเมื่อรับการรักษาเสร็จก็กลับลงไปยังยมโลกอีกครั้ง หลายวันมานี่ทรงมีแต่บาดแผลไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้เทพีไอมีอัตซึ่งทำงานอยู่ใกล้กัน อดพระทัยไม่ไหวรับสั่งถามทันที

“ทรงไปบาดเจ็บมาได้อย่างไรหรือเพคะ” ความห่วงใยที่มียังคงท่วมท้น หลายครั้งหลายหนที่เสนอตัวรักษาให้แต่ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม

“ข้าไม่เป็นอะไรมาก” รับสั่งตอบไปอย่างเย็นชา ไม่เคยใส่พระทัยในน้ำเสียงห่วงหาอาทรนั่นเลยซักครั้ง กี่พันปีมาแล้วที่เฝ้ารอคอยอย่างจงรักภักดี แต่เทพแห่งความตายผู้นี้ก็ไม่เคยสนพระทัย

“ข้ามันไม่มีหัวใจอีกต่อไปแล้วอเมนเทท เจ้าก็จงอย่าเสียเวลารอข้าอีกต่อไปเลย” เคยรับสั่งกับนางเช่นนั้น แต่นางก็ยังคงดึงดันที่จะเฝ้ารอ เผื่อว่าซักวันพระองค์จะพระทัยอ่อนขึ้นมา จนกระทั่งวันนี้....วันที่พระนางได้ค้นพบว่า ผู้เป็นดั่งศัตรูของหัวใจได้หวนคืนมาอีกครั้ง....ม่านเมรี หรือไอมีอัต !!

ภายในหทัยร้อนดังไฟแผดเผา ยิ่งเมื่อรู้ว่าเทพอนุบิสคอยตามติดนางเป็นเงา เทพีอเมนเททก็มิอาจระงับความอิจฉาเอาไว้ได้

“ทรงไม่เป็นอะไรมาก ข้าก็วางใจ” เทพีแห่งความตายรับสั่งออกมา พลางตัดสินพระทัยอย่างเด็ดขาดไม่อาจจะยืดเยื้อเวลาได้อีกต่อไป !

“เทพีเนฟทิสมีรับสั่งให้พระองค์กับข้าเข้าเฝ้า คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการอภิเษกของเรา พระองค์จะทรงเสด็จไปพร้อมกันกับหม่อมฉันหรือไม่” จบสิ้นกันเสียทีกับการเฝ้ารออย่างเลื่อนลอย แม้จะต้องฝืนพระทัยกันขนาดไหนนางก็จะทำ !

เพราะรักมากกว่าที่จะยับยั้งชั่งใจได้

เพราะมิอาจปล่อยเฉยได้อีกต่อไป

และ....

เพราะเทิดทูนบูชามากไป เลยไม่เกรงกลัวต่อความผิดใดๆ อีกต่อไปแล้ว !!




วิหารเทพธอธ

ผู้เป็นเจ้าของวิหารประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ปรายสายพระเนตรมองไปทางเทพโฮรัสที่กำลังเสวยอาหารของโลกมนุษย์ซึ่งมีเมอริคาเรเป็นคนทำถวายด้วยความสำราญ ไม่คิดเผื่อแผ่มายังตนผู้เป็นอาจารย์เลยซักนิด คิดผิดจริง ๆ ที่ตกลงมารออนุบิสยังวิหารของพระองค์แบบนี้

“เจ้าอิ่มหรือยังโฮรัส” ครั้นเมื่อเห็นผู้เป็นศิษย์ยังคงให้ความสนใจต่ออาหารตรงหน้ามากกว่าพระองค์ผู้เป็นอาจารย์ เทพแห่งกาลเวลาก็ทรงรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นนิด ๆ ทำให้เทพโฮรัสหยุดเสวยรีบอิ่มทันที ด้วยไม่อยากได้รับไมตรีเป็นอาหารพิษจากผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งกล้ารับประกันด้วยเศียรรูปพญาเหยี่ยวเลยว่า ไม่ด้อยไปกว่าอาหารที่ม่านเมรีทำให้เทพอนุบิสแต่อย่างใด

“อนุบิสยังไม่กลับมาจากวิหารของบิดาอีกหรืออาจารย์” รับสั่งถามแต่ก็ยังมีเวลายื่นพระหัตถ์ออกไปจัดการกับอาหารตรงหน้าอีกครั้งด้วยความอดพระทัยไว้ไม่ไหว เทพธอธส่ายพระเศียรรูปนกกระเรียนไปมาด้วยความระอาในพระทัย มาถึงพร้อมกัน แล้วตัวติดกันตลอด ยังมีหน้ามาถามอีกว่าอนุบิสกลับมาหรือยัง

ข้างฝั่งเทพโฮรัสเมื่อเห็นผู้เป็นอาจารย์เงียบไปจึงดำริขึ้นมาในพระทัยได้ว่า ตนได้กล่าวอะไรที่ไม่สมควรกล่าวออกไปเสียแล้ว

“ข้าก็แค่แปลกใจที่อนุบิสหายนาน ปกติแทบไม่อยากจะเหยียบไปยังวิหารของพระบิดาเสียด้วยซ้ำ” รีบแก้ตัวทันควันก่อนที่เทพแห่งกาลเวลาจะหันมาเล่นงานตน คนเป็นศิษย์ก็อย่างนี้ล่ะ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเป็นของเล่นของอาจารย์อยู่ร่ำไป ว่าแต่ทำไมอนุบิสซึ่งเป็นศิษย์เหมือนกันถึงไม่โดนแบบเขาบ้าง

“ข้าอยู่นี่” ยังไม่ทันที่เทพธอธจะรับสั่งอะไรออกมา เทพอนุบิสก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมด้วยสีพระพักตร์บึ้งตึงที่ดูราวกับว่าผู้ที่ตนกำลับสบตาด้วยนั้นหาใช้อาจารย์แต่เป็นศัตรู

ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวไปเจออะไรมาจากวิหารเทพโอซิริสบ้าง เห็นที่คงไม่ต้องบรรยายให้มาความกระมัง

“เจ้า...กลับมาแล้วหรือ...อนุบิส” น้อยครั้งนักที่จะเห็นผู้เป็นอาจารย์รับสั่งตะกุกตะกักออกมาแบบนี้ แถมยังมีสีพระพักตร์ซีดเผือดอีกต่างหาก นับได้ว่าช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง นึกไว้อาลัยให้กับทุกสิ่งภายในวิหารแห่งนี้เหมือนกัน สงสัยคงจะโดนโทสะของเทพแห่งความตายทำลายสิ้นในอีกไม่ช้า

เปรี๊ยะ !!

ได้ยินเสียงเหมือนไม้ปริแตก ก่อนที่ประตูวิหารจะถูกรัศมีของแรงโทสะของใครบางคนแยกมันออกเป็นสองท่อน...มีชิ้นที่หนึ่ง ก็ต้องมีชิ้นที่สอง...

เทพโฮรัสกวาดสายพระเนตรมองไปรอบๆด้วยความระแววระวัง ในขณะที่เทพธอธผู้เป็นอาจารย์ได้แต่มองซากประตูวิหารด้วยความอาลัย
อุตส่าห์ถ่อสังขารไปนำไม้มาจากสุดขอบแดนสวรรค์ที่ทั้งแห้งแล้งและกันดารมาเชียวนะ ใช้เวทย์มนต์คาถาไปอีกมากโขเพื่อสลักสร้างมันขึ้นมาอย่างสวยงาม แถมยังอยู่คู่วิหารของพระองค์มาเป็นพัน ๆ ปี นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกทำลายซะจนป่นปี้แทบไม่เป็นชิ้นดีภายในพริบตา

เพล้ง !!

คราวนี้เป็นหม้อต้มยาในตำนาน ที่พระองค์ทรงแอบซ่อนเอาไว้ไม่ทัน

เสียงหม้อแตกทำให้เทพโฮรัสสะดุ้งทั้งองค์ทันทีด้วยความตกพระทัย หวังว่าชิ้นต่อไปคงไม่ใช่บัลลังก์แก้วเจียระไนที่ยังคงไร้เจ้าของข้างแท่นประทับของเทพธอธนั่นหรอกนะ

“อย่า อนุบิส !!” เทพแห่งกาลเวลารีบรับสั่งห้ามทันที ก่อนที่จะมีอะไรเสียหายเพิ่มอีก ในขณะที่เทพโฮรัสเองก็รีบเข้าไปลากพระเชษฐาออกมา เพื่อให้ห่างจากข้าวของที่เปราะบางและที่เสี่ยงต่อการเสียหาย...ยอมเสี่ยงตายเพื่อวิหารของพระองค์เลยนะอาจารย์ ท่านพอจะมีโล่แห่งความกล้าหาญและความภักดีประทานให้กับข้าได้หรือไม่

“ใจเย็นก่อนอนุบิส เห็นหรือไม่ว่าวิหารของอาจารย์แทบจะหมดสิ้นแล้วเพราะฝีมือเจ้า” ผู้เป็นอนุชารับสั่งออกมา พลางรั้งร่างของเทพอนุบิสที่กำลังเดินไปยังข้าวของบางชิ้นเพื่อระบายโทสะอีกครั้ง

“ขืนเจ้ายังทำลายข้าวของภายในวิหารข้าอีกล่ะก็ ข้าจะเอาม่านเมรีไปซ่อน”

เทพอนุบิสเมื่อได้ยินผู้เป็นอาจารย์รับสั่งก็ทรงได้สติขึ้นมา และนึกเสียพระทัยอยู่เหมือนกัน ในสิ่งที่พระองค์มิได้ตั้งพระทัยกระทำลงไป แต่จะว่าไปแล้วนี่ถือเป็นส่วนน้อยที่เสียหายไปเท่านั้น ไม่เชื่อก็ไปยังวิหารโอซิริสดูสิ แล้วจะรู้ว่า เสียหายส่วนใหญ่ มันเป็นยังไง

“ข้าขออภัยท่านอาจารย์ แล้วจะหามาซ่อมแซมให้ใหม่” รับสั่งพลางประทับนั่งยังที่ที่โฮรัสจัดเตรียมเอาไว้ให้ มันน่าโมโหน้อยเสียที่ไหน บังคับให้อภิเษกก็มีด้วย

“แล้ว...เจ้าตกลงว่าอย่างไร” ผู้เป็นอาจารย์ลองเสี่ยงตายถามบ้าง เพื่อลูกศิษย์ที่ทำท่าทางราวกับว่าอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดาแต่ไม่กล้าลงมือถามเองคนนั้น

เทพอนุบิสเมื่อได้รับฟังคำถามก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ตัดขาดกันแล้วแม้จะยังคงเป็นมารดาก็เป็นไปสิพระองค์ไม่มีสิทธิ์แก้ไข แต่จะมาบังคับด้วยอ้างว่าเป็นมารดานั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ยอมรับไม่ได้

“ข้าจะไปตายให้ดู !!” ว่าแล้วก็ทรงหายตัวไปจากวิหารเทพธอธทันที มาทำลายข้าวแล้วชิ่งหนีแบบนี้ ช่างเป็นลูกศิษย์ที่กตัญญูต่ออาจารย์ยิ่งนัก จนพระองค์แทบกรรแสงออกมา

“เจ้ารีบกลับไปดูที่วิหารโฮซิริสซิว่ายังมีอะไรหลงเหลืออีกบ้าง ออ แล้วอย่าริอาจออกไปตามอนุบิสตอนนี้ล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เจ้าอาจจะถูกยูเรอัสเล่นงานเข้าอีกคน” ผู้เป็นอาจารย์มีหรือที่จะไม่เข้าใจศิษย์ คิดจะเดินไปให้พญางูยูเรอัสฝากบาดแผลเพื่อระบายโทสะอีกล่ะสิท่า แถมยังได้โอกาสดีเพื่อไปให้ม่านเมรีรักษาให้อีกต่างหาก ‘งานแต่งก็ไม่ต้อง แต่งานง้อก็ก้าวหน้า’ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ควบคุมของเทพแห่งความตายทั้งนั้น ช่างน่ามาเป็นเทพแห่งกาลเวลาแทนพระองค์ซะจริง ๆ

เทพธอธทอดพระเนตรมองข้าวของที่เสียหายภายในวิหารแล้วถอนปัสสาสะออกมา ยังดีที่เป็นแค่ประตูวิหารและหม้อยาเท่านั้น ไม่อยากจะนึกไปถึงวิหารโฮซิริสเลยว่าจะโดนไปมากขนาดไหน นึกตำหนิเทพีเนฟทีสอยู่ในพระทัยเหมือนกัน สงสัยคงจะต้องไปอบรมในฐานะอาจารย์เสียหน่อยแล้ว

ว่าแล้วก็รีบหายไปตัวโฮรัสไปยังวิหารโฮซิริสทันทีอย่างไม่รอช้า



และทุกสิ่งก็เป็นดังคาด เทพอนุบิสได้รับรอยเขี้ยวจากพญางูยูเรอัสซึ่งลงทุนไปแหย่มาถึงรัง เป็นของฝากให้ม่านเมรีอีกครั้งยามพบหน้า

“ท่านได้รับบาดเจ็บมา จนยาของข้าแทบจะไม่พอรักษาอยู่แล้ว” คนที่เริ่มจะรู้แกวแล้วว่าถูกง้อ เริ่มใจอ่อนอีกหน เทพหน้าทนผู้นี้ช่างง้อนางได้ทรหดยิ่งนัก

“ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็คนให้อภัยเขายังโกรธข้าอยู่อีกนี่” รับสั่งแต่ละทีเหมือนย้ำว่าผู้ผิดคือนางซะอย่างนั้น ม่านเมรีทำหน้าคว่ำด้วยความขัดใจ พลางกระแทกกระทั้นทำแผลให้จนเรียบร้อย คนเจ็บแม้ว่าจะรู้ตัวหน่อยๆว่าที่กล่าวไปนั้นมันไม่ได้ความ แต่พระองค์ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร

“เจ้า...จะให้อภัยข้าได้หรือไม่” รับสั่งอย่างอ่อนโยน จนทำเอาม่านเมรีถึงกับตกใจ ยิ่งเมื่อสบสายพระเนตรที่มีละลอกคลื่นของความเสียพระทัยฉายชัด เธอก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก

“ได้โปรดเถิดเมรี อภัยให้ข้าผู้นี้ได้หรือไม่” เป็นครั้งแรกที่พระองค์เอ่ยเรียกเธอด้วยนามนี้ มันช่างเป็นสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนยิ่งนัก และนึกอยากจะให้พระองค์เรียกเธอเช่นนี้ตลอดไปชั่วกาล

“อย่าโกรธข้าอีกเลยเด็กน้อย” ยิ่งเห็นนางยอมอ่อนให้ พระองค์ก็ยิ่งรุก ฉวยโอกาสตอนที่ม่านเมรีทำอะไรไม่ถูก รั้งร่างนั้นขึ้นมาวางไว้บนพระเพลา แล้วโอบกอดไว้แนบอุระ

“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น อย่าใจร้ายกับข้านักเลยเมรี รู้หรือไม่ว่าข้ารอคอยเจ้ามานานขนาดไหน” แม้จะไม่เข้าใจในรับสั่งของเทพแห่งความตายนักแต่เธอก็สัมผัสถึงความทุกข์ระทมและรอคอยของพระองค์ได้ ม่านเมรีเอาแต่ส่ายหน้าไปมาอยู่กับแผ่นอุระกว้าง พลางกระชับวงแขนที่โอบรอบบั้นพระองค์ของเทพอนุบิสไว้แน่นเข้า ในขณะที่อ้อมพาหาของเทพอนุบิสก็กระทำเช่นเดียวกัน อยากให้เวลาหยุดหมุนแล้วมีนางอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์เช่นนี้ตลอดไป

“ทรงอยู่เป็นเพื่อนเมรีในร่างสุนัขจิ้งจอกเหมือนตอนเด็ก ๆ ได้หรือไม่” ฉวยโอกาสเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองเคยได้รับมาในตอนที่ยังเป็นเด็กทันที ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่รอคอยมานานและต้องการตลอดมา

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” รับสั่งพลางร่ายมนตราจำแลงกายเป็นลูกสุนัขจิ้งจอกสีดำอีกครั้ง พลางก้าวย่างผ่านม่านเมรีตรงไปยังเตียงนอนเพื่อเตรียมตัวเป็นหมอนหนุน

ข้างฝั่งม่านเมรีเมื่อได้รับความอบอุ่นและทะนุถนอมเช่นตอนเด็กอีกครั้ง เธอก็หัวเราะเสียดังแล้วกระโดดโลดเต้นไปมา หญิงสาวรีบคลานขึ้นเตียงทันที แล้ววางศีรษะของตนไว้บนท้องน้อย ๆ ของลูกสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ เอื้อมมือไปลูบไล้ขนของมันเล่น จนกระทั่งหลับไปในที่สุด

ภาพของหญิงงามที่มีลูกสุนัขเป็นหมอนหนุนทำให้เทพหลายพระองค์ที่เฝ้าดูอยู่นั้นมีสุขพระทัย ลุ้นกันมาหลายพันปี ก็มีวันนี้แหละที่อนุบิสทำเข้าท่า

เทพแห่งการเวลา เทพโฮรัส รวมทั้งเมอริคาเร ต่างหัวเราะเสียงดังไปทั้งวิหาร

เทพเจ้าราห์แย้มยิ้มเต็มพระพักตร์

เทพเซทและผ่านเมฆแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยแต่ทว่าแววตากับมีระลอกคลื่นแห่งความสุขใจ

เทพีไอซีส เทพีบาสเทต และเทพีแห่งไนล์ ซึ่งมักจะสังสรรค์กันบ่อยครั้ง ก็ลอบยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

....สมกับที่รอยคอยหรือไม่ เทพอนุบิส เทพแห่งความตาย...




วิหารโอซิริส

มหาเทพผู้เป็นใหญ่เหนือเทพทั้งปวงทอดพระเนตรดูผลงานของผู้เป็นบุตรชายที่ได้ฝากเอาไว้ ด้วยสีพระพักตร์ที่บอกไม่ถูกเลยว่าจะบรรยายได้อย่างไรดี ก่อนที่จะทรงพระสรวลเสียงดังออกมา

“สมกับที่เซทเลี้ยงดูมายิ่งนัก ข้าไม่แปลกใจจริง ๆ” ว่าแล้วก็ทรงเนรมิตทุกสิ่งให้กลับเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง วิหารที่พังทลายลงมาทั้งหลังจนไม่เหลือซาก ด้วยแรงโทสะของเทพอนุบิสผู้นี้

“เป็นอย่างไรล่ะเนฟทิส คราวนี้เจ้ายังจะกล้าเจ้ากี้เจ้าการกับอนุบิสอีกหรือไม่” เทพโอซิริสรับสั่งกับชายารองด้วยความสังเวชใจ พระองค์เริ่มที่จะทรงเบื่อระอากับนิสัยของกนิษฐาองค์นี้แล้วเช่นกัน

เทพีเนฟทิสซึ่งกำลังกรรแสงอยู่นั้น รีบก้มพระพักตร์ลงทันทีด้วยความละอายในพระทัย

“หม่อมฉันจะไม่ยุ่งกับอนุบิสอีกแล้วเพคะ” รับสั่งพลางร่ำไห้ ทำให้เทพีอเมนเทนที่นั่งปลอบพระนางอยู่นั้น มีสีหน้าผิดหวัง

“เจ้าก็เหมือนกันอเมนเทท ข้าขอเตือนไว้อย่างหนึ่งว่า สองมือของเจ้าไม่อาจปิดบังแผ่นฟ้าได้” รับสั่งพลางเสด็จเข้าวิหารไป ทำให้เทพีอเมนเททมีสีพระพักตร์ซีดเผือดทันที

หรือความผิดที่กระทำมาทั้งหมดนี้จะมีผู้พบเห็น !!

เทพีแห่งความตายเริ่มหวาดหวั่นขึ้นมา ระแวงไปว่าแผนการของนางจะมีผู้รู้เห็น ให้ใจเย็นอีกต่อไปคงไม่ได้ กำจัดศัตรูหัวใจไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียเลยดีกว่า ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เทพีอเมนเททคิดอย่างหมายมั่น เห็นทีว่านางจะต้องรีบลงมือ !!




โลกมนุษย์

นานกี่ปีแล้วนะที่เทพีอเมนเททไม่ได้ลงมาเยือนยังโลกมนุษย์แห่งนี้ ถ้าไม่ติดว่าจำเป็นที่จะต้องมาไหว้วานให้ใครบางคนช่วยเหลือแล้วละก็ พระนางก็คงไม่เสด็จลงมา

ชายารองของท่านชีคฮามานรอรับเสด็จอยู่แล้วยังซากวิหารของเทพีอเมนเททที่ผุพังไปตามกาลเวลา และตั้งอยู่ไม่ห่างจากกระโจมที่พักนัก

“ทำไมวิหารของข้าถึงทรุดโทรมเช่นนี้” ทรงทอดพระเนตรมองดูซากปรักหักพักที่แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมเหมือนดั่งหลายพันปีก่อน อย่างไม่ใคร่พอพระทัยนัก

สาวใช้นามเมทารีบคลานเข่าเข้ามาหมอบกราบกรานอยู่หน้าพระพักตร์ พลางทูลถวายแทนผู้เป็นนายออกไปว่า

“ทูลเทพีเพคะ วิหารแห่งนี้เพิ่งจะถูกค้นพบได้ไม่นาน จึงยังมิทันได้รับการบูรณาเฉกเช่นเดียวกับวิหารของเทพอนุบิส” คำกล่าวของเมทาทำให้เทพีอเมนเททเริ่มสนพระทัยขึ้นมาทันที

“เจ้าว่าวิหารของเทพอนุบิสอยู่ตั้งแถวนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ” รับสั่งด้วยสุรเสียงแข็งกร้าว ทำให้ชายาแพรฟ้าซึ่งไม่คุ้นชินนัก มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที นางเป็นคนไทยที่ไม่ค่อยจะคุ้นชินกับเหล่าเทพและเทพีของอียิปต์นัก

“เพคะพระนาง” เมทาตอบกลับไป

“เป็นไปได้อย่างไร วิหารของเทพแห่งความตายไม่สมควรที่จะมาตั้งยังโอเอซิสแห่งนี้” แต่ไหนแต่ไรมาวิหารของเทพแห่งความตายจะถูกสร้างไว้ยังทิศตะวันตกของทะเลทรายมิใช่หรือ เทพีอเมนเททขมวนพระขนงมุ่นอย่างไม่เข้าพระทัย ก่อนที่จะทรงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า

“หรือเป็นเพราะนาง....ไม่...ต้องไม่ใช่ !” คิดไม่ถึงเลยว่าแม้นจะถูกกำจัดมาครั้งหนึ่งแล้ว เทพีน้อยแห่งธารโลกันต์ก็ยังคงได้รับการดูแลป้องกันจากเทพอนุบิสไม่เปลี่ยน

“เสียแรงที่ข้าหลงวางใจ คิดไม่ถึงเลยว่าเทพอนุบิสจะตอบแทนน้ำพระทัยของข้าด้วยวิธีการเช่นนี้”

ม่านเมรีนะม่านเมรี เจ้าจะโชคดีได้รับความรักจากเทพแห่งความตายผู้นี้ไม่ถึงเมื่อไหร่กัน !

เทพีอเมนเททอดที่จะริษยาในพระทัยไม่ได้ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ต้องทรงแอบไปกรรแสงอยู่เพียงลำพังเพราะความรักที่ไม่สมหวัง กี่คราวกี่หนที่จะต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดได้เห็น

การรอคอนที่แม้จะได้รับแค่เพียงความเย็นชาตอบกลับมาแต่พระนางก็มิเคยกล่าวโทษผู้ใด ขอเพียงแค่เทพแห่งความตายผู้นั้นไม่มีสตรีใดเคียงข้างการก็เท่านั้น

“สิ่งที่ข้าต้องการ เจ้าจัดหามาให้ข้าเรียบร้อยแล้วหรือไม่” รับสั่งพลางทอดพระเนตรมองขวดแก้วในมือของชายาแพรฟ้าด้วยความสนพระทัย

“อยู่นี่เพคะ หม่อมฉันได้เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” ชายาแพรฟ้ารีบยื่นขวดแก้วซึ่งบรรจุน้ำใส ๆ สีเหลืองอ่อนออกไปให้เทพีแห่งความตายทันที

“ขอบใจเจ้ามาก ข้ากลับก่อนล่ะ และหวังว่าคราวหน้าวิหารของข้าคงจะดูดีกว่าที่เป็นอยู่นี้” การที่วิหารได้รับการดูแลเป็นอย่างดีก็ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของมนุษย์ที่เมต่อเหล่าเทพและเทพีอย่างหนึ่ง

“แล้ววิหารของเทพอนุบิสล่ะ บัดนี้มีสภาพเป็นอย่างไร” อดที่จะรับสั่งถามออกมาไม่ได้ เพราะในบรรดาเหล่าเทพและเทพีด้วยกันแล้วนั้น การบุกเข้าวิหารของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือได้ว่าเป็นความผิดอย่างหนึ่ง

เมทาซึ่งได้เคยไปแอบดูมาแล้วในสมัยที่ม่านเมรียังเป็นเด็ก ตอบกลับไปว่า

“กราบทูลพระนาง วิหารของเทพอนุบิสนั้นได้รับการตกแต่งดูแลเป็นอย่างดี”

เทพีอเมนเททได้แต่พยักพักตร์รับอย่างเข้าพระทัย “เป็นฝีมือของมนุษย์สาวนามว่าไอมีอัตใช่หรือไม่” รับสั่งของพระนางทำให้ชายารองแพรฟ้ารีบถามกลับไปทันที

“ทรงรู้จักไอมีอัตด้วยหรือเพคะ” คิดไม่ถึงเลยว่าเธออุตส่าห์ไล่เด็กคนนี้ให้กลับไปยังประเทศไทยได้แล้ว ก็ยังหนีไม่พัน

“ข้าต้องรู้จักนางสิ แถมยังรู้จักดีอีกด้วย” รับสั่งอย่างเย้ยหยันแต่ก็มิได้ขยายความแต่อย่างใด เทพีแห่งความตายมอบหมายงานให้แก่ชายารองแพรฟ้าสองสามอย่าง ก่อนที่พระนางจะร่ายมนตราหายตัวไปจากวิหารของโลกมนุษย์

ชายารองแพรฟ้าสุดที่จะคาดการได้ว่าของที่เธอถวายให้เทพีอเมนเททไปนั้น พระนางจะทรงเอามันไปทำอะไร

ก็ในเมื่อทรงเป็นถึงเทพี หยูกยาก็มีมากมาย แถมยังมีฤทธิ์ที่วิเศษเหนือกว่ายาใดในโลกมนุษย์ ไม่เห็นเลยว่าจะต้องมาขอยาจากโลกมนุษย์แห่งนี้

“อย่างคิดมากเลยเจ้าคะนายหญิง บางทีเทพีอเมนเททอาจมีความจำเป็นบางอย่างก็ได้” เมทาเอ่ย

“ข้าแค่สงสัย...พระนางจะเอายาเสน่ห์และน้ำมันพรายไปทำไมก็เท่านั้น” ชายาแพรฟ้ากล่าวบ้าง ยาพวกนี้เธอมีติดตัวมา และมักใช้กับท่านชีคฮามานจนประสบผลสำเร็จมาแล้วทุกครั้ง

“เมทาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เรากลับกันดีกว่า เดี๋ยวทานชีคฮามานจะสงสัย”

หลังจากนั้นทั้งนายและบ่าวก็รีบกลับไปยังกระโจมที่พักทันที โดยสั่งให้ลูกจ้างที่ตามมาด้วยกันส่วนหนึ่ง อยู่บูรณวิหารเทพีอเมนเททแห่งนี้ให้เรียบร้อย




รรรรรรณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ย. 2556, 10:34:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ย. 2556, 10:34:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 2866





<< ตอนที่ 10 หน้าที่ยังวิหารอเตน   ประกาศค่ะ >>
รรรรรรณ์ 23 พ.ย. 2556, 10:55:23 น.
อัพตอนใหม่แล้วคะ ชอบหรือไม่ชอบยังไง สามารถติชมกันได้นะคะ

คอมเม้นต์ของท่านคือกำลังใจของผู้แต่งค่ะ


ร้อยวจี 23 พ.ย. 2556, 12:47:02 น.
น่ารักค่ะ แต่อเมนเททหมดปัญญาแล้วหรือถึงต้องมาใช้น้ำมันพรายของไทย ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้บ้างหรือเปล่า ถ้าเป็นเทพแล้วมาโดนของแบบนี้จะมีทางแก้หรือเปล่า สงสารทั้งคู่ค่ะ มาอัพต่อนะคะ สนุกค่ะ


Zephyr 23 พ.ย. 2556, 14:34:30 น.
ง้อแบบมาโซไปหน่อยนะคะ ฮ่าๆๆๆ
ยอมเจ็บตัวเพื่อเจอหน้าเจ้า
แต่ ดีกันแล้วววว
เดี๋ยวจะหวานแล้วใช่มั้ย
อเมนเทท ไม่สำนึกเลย นางคงโดนหนักแหๆๆๆๆ


รรรรรรณ์ 23 พ.ย. 2556, 15:28:30 น.
สวัสดีค่ะ
ถ้าต้องการอ่านเรื่องนี้ต่อ
รบกวนรีดเดอร์ทุกท่านตามลิงค์นี้ไปนะคะ ^^

สำหรับท่านที่ต้องการจะอ่านเรื่องนี้อีกครั้ง สามารถตามลิงค์ไปได้เลยจ้า ~

http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=998262



Zephyr 23 พ.ย. 2556, 15:45:44 น.
อ้าว จะไม่อัพต่อแล้วรึคะ


Zephyr 23 พ.ย. 2556, 15:50:47 น.
ไปแอบดูมาละค่ะ ขึ้นตอนจบแล้ว
เปิดเข้าไปแล้ว มีแต่ขีด ยังไม่อัพสินะคะ
แต่จะจบแล้วอ่า ยังฟินไม่จบกับเทพบ้าและชายาน้อยเลย
แงๆๆๆๆ ยังไม่อยากให้จบเลย


ร้อยวจี 23 พ.ย. 2556, 21:02:48 น.
อ่านแล้วสนุกมาก แต่ตอนจบขึ้นแต่หัวข้อยังไม่มีเนื้อหาค่ะ รอนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account