ทัณฑ์วิวาห์
เปิดเรื่องใหม่ค่ะ ^^
Tags: รักหวานแหว โรแมนติก น่ารัก สดใส

ตอน: ตอนที่ 5

ตึกสูงระฟ้า 32 ชั้นของสำนักงานแห่งหนึ่ง ห้องทำงานของนภศูลอยู่ชั้น 28 ส่วนอีก 4 ชั้นด้านบนมีไว้สำหรับใช้เป็นห้องรับรองและห้องพักส่วนตัว

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมา นภศูลและพิม-ลดาต่างมีท่าทางที่เฉยเมยเย็นชากันมากขึ้น แม้จะอยู่ร่วมห้องกัน แต่น้อยนักที่จะได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผย พิม-ลดาพยายามหลบเลี่ยงนภศูลทุกครั้งถ้าเธอทำได้ ยกเว้นแต่ช่วงเวลาเช้าที่พวกเขาจะต้องออกไปทำงานภร้อมกันเท่านั้น และเช้าวันนี้ก็เช่นเดียวกัน มันเป็นวันที่นภศูลไม่สามารถทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป เขาจะต้องทำอะไรซักอย่าง คิดได้ดังนั้นนภศูลเรียกขอกาแฟจากพิม-ลดาตั้งแต่เช้า ด้วยเธอขอย้ายโต๊ะทำงานออกไปอยู่ร่วมกับคุณเกศราเมื่อหลายวันก่อน

“พิม ผมขอกาแฟหนึ่งแก้ว ด่วนด้วยนะ ไม่ต้องใส่น้ำตาล” นภศูลพูดผ่านโทรศัพท์สื่อสารจากภายในห้อง ส่งผลให้พิม-ลดาที่กำลังนั่งสรุปยอดการขายของบริษัทถึงกับสะดุ้ง หญิงสาวละมือจากจอคอมที่อยู่ตรงหน้า หันไปมองคุณเกศราด้วยสายตาขอร้อง

“ไม่เอาล่ะคะคุณพิม เกศไม่อยากเสี่ยงแล้วนะคะ เมื่อวาน ผอ. เพิ่งตวาดไล่เกศออกมา ขืนวันนี้คุณพิมให้เกศเข้าไปเสิร์ฟกาแฟอีกล่ะก็ สงสัยเย็นนี้คงได้รับซองขาวพร้อมเงินเดือนล่วงหน้าสามเดือนแน่” เลขานุการคนเก่งของนภศูลถึงรีบส่ายหน้า ก่อนที่จะมองสบตาของพิม-ลดาด้วยเสียใจ เธอไม่อยากจะเสี่ยงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเจ้านายอีกแล้วไม่ว่ากรณีไหนๆ ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้มีอะไรกัน ตั้งแต่หลังจากที่คุณนภศูลพาคุณพิม-ลดามาแนะนำตัว หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ปั้นปึงกันโดยตลอด

พิม-ลดาจำใจจะต้องลุกขึ้นไปชงกาแฟมาเสิร์ฟให้เขา หญิงสาวเดินถือถ้วยกาแฟเดินเข้าห้องมา เห็นนภศูลกำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอจึงเดินเข้าไปวางแก้วกาแฟไว้ให้เขาบนโต๊ะรับรองเล็กๆตรงมุมห้อง ก่อนที่จะหันหลังกลับออกไป

นภศูลละสายตาจอจากคอม แล้วเหลือบมามองพิม-ลดา ชายหนุ่มร้องเรียกผู้เป็นภรรยาทันที ก่อนที่เธอจะก้าวออกจากห้องไป

“เดี๋ยวก่อนสิพิม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” น้ำเสียงของเขาทำให้พิม-ลดาชะงักเท้า หญิงสาวหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง เห็นเขากำลังเดินออกมาจากโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะเดินไปนั่งยังโต๊ะรับรองที่อยู่มุมห้อง

“มานั่งนี่สิ” นภศูลเรียกพิม-ลดาให้นั่งลงข้างๆเขา แต่หญิงสาวกลับเลือกนั่งฝั่งตรงกันข้าม ส่งผลให้ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจนัก พิม-ลดานั่งตัวตรงมองไปข้างหน้า ในขณะที่นภศูลอยู่ในท่วงท่าที่สบายกว่า เขาคลายเนคไทบางส่วนลงมา แล้วพับแขนเสื้อขึ้นไปเล็กน้อย

“คุณนภมีอะไรกับพิมงั้นเหรอคะ” หลังจากที่ทนนั่งมองนภศูลละเลียดกาแฟแก้วเล็กอยู่นานสองนาน พิม-ลดาจึงเอ่ยถามขึ้น ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งพิงโซฟา ไขว้ขา จิบกาแฟอยู่นั้น ส่งสายตาคมเข้มมองมาทางเธอ

พิม-ลดาหลบสายตาคู่คมคู่นั้นด้วยความขวยเขิน ใบหน้าของเธอเริ่มจะซับสีเลือด นี่มีใครเคยบอกเขาบ้างไหมว่า ท่าทางสบายๆยามจิบกาแฟแล้วส่งสายตาคมกริบมาทางเธอนั้น ส่งผลให้ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาเพิ่มอีกเท่าตัว

“น้องพิเป็นยังไงบ้าง สบายดีแล้วใช่ไหม” คำถามของเขาทำลายมนต์ขลังของพิม-ลดาลงอย่างสิ้นเชิง หญิงสาวพยายามปรับอารมณ์ให้คงที่อีกครั้ง เตือนตัวเองด้วยประโยคประจำอยู่ในใจว่า อย่าหลงเสน่ห์ในความหล่อเหลาของนภศูลเป็นอันขาด แม้ความจริงแล้วจะปฏิเสธได้ยากก็เถอะ

และดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อย เขาคงจะรู้บ้างว่าพิม-ลดาเห็นเขาเป็นเช่นไร ไม่อย่างนั้นจะขยันหว่านเสน่ห์ใส่เธอได้ทุกวันเช่นนั้นหรือ

“ยัยพิสบายดีแล้วคะ คุณหมออดุลย์มาตรวจแล้วให้ยาบำรุงเล็กน้อย พิมโทรไปถามที่บ้านเมื่อวานนี้เอง”

“อย่างนั้นเหรอ ก็ดีแล้วล่ะ ผมจะได้สบายใจ” ชายหนุ่มตอบพลางวางแก้วกาแฟลง

“คะ” หญิงสาวไม่มีอะไรที่จะพูดมากไปกว่านั้น

“งั้นเย็นนี้ผมคิดว่าจะแวะไปเยี่ยมน้องพิหน่อยก็แล้วกัน พิมจะไปด้วยกันกับผมไหม” คำกล่าวของเขาทำให้พิม-ลดาที่กำลังนั่งก้มหน้าแหงนหน้าขึ้นมาใหม่ ถ้อยคำเรียกชื่อเธอกับพิ-มลดาให้หญิงสาวรู้สึกน้อยใจ เพราะคำว่าน้องพิ กับ พิม ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

“เห็นทีว่าเย็นนี้คุณนภจะต้องไปเยี่ยมยัยพิคนเดียวแล้วล่ะ เพราะพิมไม่ว่าง มีธุระส่วนตัวนิดหน่อย” พิม-ลดาตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผิดกับนภศูลซึ่งให้ความรู้สึกตรงข้ามกันเลย ชายหนุ่มกำลังตีสีหน้ายุ่ง

“ธุระอะไรกันนักหนา อย่าบอกผมนะว่าคุณนัดนายเกรียงไกรอะไรนั่นไว้” นภศูลตะคอกถามออกมาอย่างไม่พอใจ ด้วยเมื่อวานเขาได้ยินพิม-ลดารับโทรศัพท์จากลูกชายหมออดุลย์เข้าโดยบังเอิญ

แต่ที่เขาไม่รู้คือเนื้อหาที่ทั้งคู่คุยกันต่างหาก เลยพาลเข้าใจไปว่า พิม-ลดากำลังคิดนอกใจเขา

“ว่ายังไงล่ะ คุณนัดนายเกรียงไกรนั่นไว้ใช่ไหม !” นภศูลถามกลับมาใหม่ สันกรามของเขากำลังขบเข้าหากันด้วยความโกรธขึ้ง
“ผมไม่ให้คุณไปนะพิม-ลดา เย็นนี้คุณจะต้องไปเยี่ยมน้องพิที่บ้านโน้นพร้อมผม”

และในขณะที่ชายหนุ่มกำลังรอคำตอบจากพิม-ลดาอยู่นั้น โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มพักเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ก่อน แล้วลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์หลังจากนั้น

“ว่าไงนะ อืม ได้ เดี๋ยวฉันจะออกไป ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นแค่นี้นะ” นภศูลวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาใหม่ เขาเดินเข้าไปหาพิม-ลดาอีกครั้ง พูดด้วยเสียงดังฟังชัดแกมบังคับออกไปว่า

“เรายังมีเรื่องต้องตกลงกันนะพิม-ลดา คุณจะต้องอยู่รอผมเย็นนี้” พูดจบปุ๊บชายหนุ่มก็เรียบคว้าเสื้อสูทแล้วก้าวออกจากห้องไปทันที ก่อนที่พิม-ลดาจะอ้าปากปฏิเสธคำเขาเสียด้วยซ้ำ

พิม-ลดามองตามร่างสูงที่กำลังก้าวออกไปด้วยความไหวหวั่น แล้วเย็นนี้เธอจะอยู่รอนภศูลได้ยังไง ในเมื่อเธอได้นัดเกรียงไกรเอาไว้ก่อนแล้ว



เย็นวันนั้น

หลังจากเลิกงานพิม-ลดาก็เตรียมพร้อมสำหรับกลับบ้าน โดยมีคนขับรถของบ้านนภศูลมามารออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวจัดการเก็บเอกสารต่างๆลงกระเป๋า ก่อนที่คุณเกศราซึ่งกำลังเตรียมพร้อมจะกลับบ้านเช่นเดียวกันจะเดินออกมาจากห้องทำงานของนภศูล หลังจากที่ได้เข้าไปดูแลความเรียบร้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“อ้าวคุณพิม จะกลับแล้วเหรอคะ” คุณเกศราถามออกมาอย่างแปลกใจ ก็เจ้านายของเธอยังคงติดธุระสำคัญกับหุ้นส่วนอยู่นี่นา แถมยังได้ยินมาแว่วๆว่า คุณนภจะให้ภรรยากลับบ้านพร้อมกับเขา

พิม-ลดาซึ่งกำลังจะเดินออกไปถอนหายใจออกมาเบา ๆ

‘ช่างเขาเถอะน่าคุณเกศราจ๋า พิมไม่อยากจะอยู่คอยท่าเขาอยู่หรอกนะ’ ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะกล่าวคำนี้ออกมา แต่ก็เกรงว่าคุณเกศราจะยิ่งงงไปใหญ่ แค่เห็นเธอเตรียมตัวจะกลับเท่านั้น คุณเลขายังขมวดคิ้วสงสัย และถ้าเธอพูดอย่างที่คิดออกไป คุณเกศรามิได้ซักฟอกเธอจนตายเป็นเลยหรือ

“เอ่อ...พอดีว่าพิมจะกลับกับนายสนนะคะ เมื่อครู่นี้คุณนภโทรมา บอกว่าจะให้นายสนมารับพิมกลับบ้าน” พูดออกไปแล้วก็ชักจะหวาดหวั่นขึ้นมา คนมีชนักติดหลังก็อย่างนี้แหละ แถมยังอ้างคำพูดของนภศูลที่ป่านนี้เจ้าตัวยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำ ว่าเธอบังอาจเอาชื่อเขามาโกหกคำโตขนาดนี้

“อ๋อคะ ถ้าอย่างนั้นเดินทางกลับระวังๆด้วยนะคะ อุบัติเหตุบนท้องถนนมันเกิดขึ้นได้เสมอ” พิม-ลดาส่งยิ้มหวานให้แก่เกศรา ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาบ้างว่า

“พิมขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยเช่นกันนะคะ พิมไปล่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน” หญิงสาวโค้งให้ผู้อาวุโสกว่าอีกนิด ก่อนที่จะผลักประตูออกไปหลังจากนั้น พนักงานที่อยู่ทำโอทีต่างลุกขึ้นมาโค้งให้เธอกันเป็นทิวแถว พิม-ลดาซึ่งแม้จะเคยชินบ้างแล้ว แต่บางครั้งก็ยังอดรู้สึกขัดเขินอยู่อีกไม่ได้ ครั้งหนึ่งเธอบอกให้พวกเขาเลิกทำแบบนี้ไป แต่ก็นั่นแหละพอเข้าวันใหม่ พวกเขาก็กลับมาทำเช่นเดิม

ภรรยาของนภศูลยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกไปหลังจากนั้น

“จอดตรงนี้ล่ะนายสน ขอบใจมาก นายกลับไปก่อนเถอะ บอกคุณลุงกับคุณป้าด้วยว่า วันนี้ฉันจะกลับค่ำเล็กน้อย” พิม-ลดาสั่งนายสนซึ่งเป็นคนขับรถประจำบ้านกาญจนานันท์ ให้จอดรถตรงบริเวณหน้าคลินิกแห่งหนึ่ง คลินิกที่วันนี้เพิ่งจะเปิดทำการ ด้วยว่าหมอประจำเพิ่งจะออกเวรมาจากโรงพยาบาล

“แล้วคุณพิมจะไม่ให้ผมอยู่รอก่อนเหรอครับ ตรวจร่างกายเท่านั้นคงไม่นาน อีกทั้งถ้าผมกลับไปโดยไม่มีคุณพิม คุณท่านทั้งสองคงจะดุผมแน่” นายสนกล่าวยิ้มๆอย่างนอบน้อย เพราะตั้งแต่ที่พิม-ลดาเข้ามาเป็นนายคนใหม่ของบ้าน เธอไม่เคยตวาดใส่หรือดูถูกพวกเขาเลยซักครั้ง

ความอ่อนน้อม และพูดจาไพเราะ รวมถึงการกระทำทุกอย่าง นายสนไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมนภศูลจึงเย็นชากับภรรยานัก แต่ก็นั่นแหละ นี่มันเป็นเรื่องของเจ้านายเขา เราเป็นบ่าวจะช่วยอะไรท่านได้ สงสารก็แต่คุณพิมเท่านั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คุณนภศูลจะเลิกปั้นปึงใส่ซักที

“ไม่ต้องหรอกจ้า นี่ร้านหมอเพื่อนพิมเองนะ อีกทั้งเย็นนี้นายสนจะต้องพาคุณลุงไปสมาคมอีกไม่ใช่หรือ อย่าให้ท่านรอนานเลย เดี๋ยวตรวจเสร็จพิมจะให้เพื่อนไปส่งก็ได้” พิม-ลดาตอบกลับไป ก่อนที่จะยิ้มลาให้แก่นายสนอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปในคลินิกแห่งนั้น

นายสนเมื่อได้ยินว่าจะมีเพื่อนไปส่งคุณพิมเขาก็เบาใจ อย่าน้อยเธอก็ไม่ต้องนั่งรถเมล์หรือแทกซี่กลับ ซึ่งปัจจุบันรถพวกนี้ใช่ว่าจะปลอดภัย นายสนอ้อมไปนั่งทางคนขับ แล้วสตาร์ทรถออกไปหลังจากนั้น และถ้าเขารู้ก่อนว่า เพื่อนของพิม-ลดาเป็นผู้ชายล่ะก็ เขาไม่มีทางปล่อยให้คุณพิมกลับกับผู้ชายคนไหนแน่ แต่เมื่อไม่รู้เขาก็มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความสบายใจ ส่วนคนที่กำลังนั่งปั้นปึงรออยู่ที่บ้านนี่สิน่าสงสัย นภศูลจะรู้สึกเช่นไร เมื่อนายสนกลับไปโดยที่ไม่มีพิม-ลดา

หลังจากแยกกับนายสนพิม-ลดาก็เดินเข้ามาภายในคลินิก เห็นลุงอดุลย์กำลังนั่งตรวจคนไข้อยู่ในห้อง ถัดไป เธอจึงตัดสินใจนั่งรออยู่ไม่ไกลกันนัก หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วห้อง เย็นนี้คนไข้ของลุงอดุลย์มีอยู่หลายคน กว่าจะตรวจเสร็จก็คงอีกนาน

เกรียงไกรซึ่งเพิ่งจะกลับเข้ามา เห็นพิม-ลดานั่งอยู่รวมกับคนไข้รายอื่นที่กำลังรอคิวตรวจเข้าพอดี ชายหนุ่มรีบเดินปรี่ตรงเข้ามาหา พร้อมบอกให้เธอเดินตามเขาไปอีกห้อง

“นั่งรอผมซักครู่นะครับพิม ขอขึ้นไปเอาเอกสารบางอย่างก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” เกรียงไกรพาพิม-ลดามานั่งยังห้องรับรองส่วนตัวของคลินิก ก่อนที่เขาจะวิ่งหายขึ้นไปบนชั้นสอง รีบร้อนอยากบอกสิ่งปรกติที่เกิดขึ้นกับพิ-มลดา เลยนัดเธอมาในเย็นวันนี้

พิม-ลดาที่ทราบมาก่อนล่วงหน้าแล้วว่า เรื่องที่เกรียงไกรจะคุยกับเธอนั้นคงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพิ-มลดาแน่นอน แต่เธอไม่แน่ใจว่า มันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ภาวนาอย่าให้น้องสาวฝาแฝดเป็นอะไรมากไปกว่านี้

อีกไม่กี่นาทีเกรียงไกรก็ลงมา ในมือของเขามีเอกสารสำคัญทางการแพทย์สองสามใบ ขณะที่สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียด ลูกชายหมออดุลย์เลือกนั่งตรงข้ามพิม-ลดาหลังจากนั่น ชายหนุ่มส่งเอกสารสำคัญใบหนึ่งให้พิม-ลดา หญิงสาวรับไปอ่านก่อนที่จะเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ

“นี่หมายความว่า...” พิม-ลดาเปล่งเสียงออกมาแทบไม่พ้นริบฝีปาก

“มะ..ไม่...เป็นไปได้ยังไง พิมไม่เชื่อ” เธอส่ายหน้าประกอบ มือไม้อ่อนแทบจะทำกระดาษแผ่นนั้นหลุดร่วงจากมือ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเกรียงไกรอย่างไม่เชื่อถือ เป็นไปไม่ได้ น้องสาวเธอนะหรือจะกลายเป็นแบบนั้น

“ยังไงก็ทำใจเอาไว้บ้างก็แล้วกัน ผมถึงบอกพิมเสมอยังไงล่ะว่า อย่าได้ขัดใจพิ-มลดามากนัก นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะหนักหนาขนาดไหน”

แม้แต่เกรียงไกรเขาก็ยังกลุ้ม ด้วยเดิมทีเขารักพิ-มลดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเจ้าสาวของนภศูลเปลี่ยนไปเป็นพิม-ลดาเขาก็แอบดีใจ หวังว่าซักวันจะสามารถพิชิตใจพิ-มลดาลงได้ แต่เมื่อใบตรวจร่างกายของพิ-มลดายืนยันออกมา เขาแทบจะล้มทั้งยืนเป็นคนแรก

“พิมไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะคะ บอกไม่ถูกเลยว่าจะจัดการอะไรก่อนดี นี่ถ้าเรื่องนี้คุณแม่รู้เข้า พิมไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านจะเสียใจขนาดไหน”

“ก็อย่างนั้นไง ผมถึงห้ามคุณพ่อเอาไว้ว่าไม่ให้บอกคุณน้า แต่พ่อผมก็ยังคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ครอบครัวของพิ-มลดาควรรับรู้เอาไว้ ด้วยว่าจะได้ปฏิบัติตัวกับเธอได้อย่างถูกต้อง”

“แล้วคุณก็เลือกที่จะบอกกับพิมใช่ไหมคะ” คำถามของพิม-ลดาทำให้เกรียงไกรพยักหน้าเป็นการตอบรับ

“ผมรู้ว่ามันบีบคั้นพิมมากเกินไป แต่จะให้ผมทำร้ายจิตใจของคุณน้าหรือพิ-มลดาผมทำไม่ได้ พิมเข้าใจผมใช่ไหมครับ ผมรักน้องสาวของคุณมาก รักมากจนไม่อาจจะบอกเรื่องร้ายๆทำลายเธอได้”

‘แต่คุณไม่เคยคิดเลยว่าพิมจะรู้สึกเช่นไร’ พิม-ลดาคิดในใจโดยไม่พูดออกมา

“เอาเถอะคะ ต่อไปพิมจะระวังให้มาก ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจยัยพิเป็นอันขาด เสร็จธุระแล้วใช่ไหมคะ งั้นพิมขอตัวกลับก่อนนะ” พิม-ลดาลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะกลับออกไป แต่เกรียงไกรก็เรียกเธอเอาไว้ เขารู้ดีว่าเรื่องนี้คนที่เจ็บปวดที่สุดนั้นต้องเป็นใคร แต่เขาก็อ่อนแอเกินไปที่จะแบกรับเรื่องนี้เอาไว้เพียงคนเดียว

“เดี๋ยวก่อนครับพิม” เกรียงไกรเรียกพิม-ลดาเอาไว้ก่อนที่เธอจะหมุนตัวออกไปจากห้อง

“ให้ผมไปส่งพิมที่บ้านเถอะนะ เดินทางตอนที่อารมณ์ไม่ปรกติแบบนี้อาจไม่ปลอดภัย” คำพูดของเขาเตือนสติของพิม-ลดาที่กำลังตีรวนกันอยู่ภายในอย่างหาคำตอบไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พยายามทำใจให้เข้าสู่สภาวะปรกติอีกครั้ง พยายามยอมรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เอางั้นก็ได้คะ แต่ใบตรวจฉบับนี้พิมมีสิทธิ์ที่จะเก็บเอาไว้ใช่ไหมคะ งั้นขอพิมเถอะนะ” พิม-ลดาเดินกลับมายังโต๊ะรับแขกตัวนั้นอีกครั้ง หญิงสาวก้มลงใบหยิบใบตรวจร่างกายฉบับนั้นของพิ-มลดาขึ้นมา ก่อนที่จะแหงนหน้าขึ้นสบตาเกรียงไกรด้วยความเข้าใจ

“คุณไม่ต้องรู้สึกว่าทำผิดขนาดนั้นก็ได้ รู้ไหมว่าพิมดีใจที่ได้รู้เรื่องนี้เป็นคนแรก และพิมก็รู้ดีว่า คุณเองก็เสียใจไม่ต่างกัน” ด้วยเพราะว่าความรักที่เกรียงไกรมีให้น้องสาวฝาแฝดของเธอนั้น พิม-ลดาเองก็รับรู้มานาน เกรียงไกรรักพิ-มลดาตั้งแต่แรกเห็น แม้ว่าจะเป็นได้แค่เพียงพี่ชายอีกคนของพิ-มลดาเท่านั้น ส่วนเธอก็เช่นกัน แม่รักนภศูลมากขนาดไหน วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งคู่ต่างทำเพื่อคนที่รัก จึงทำให้คนภายนอกคิดกันไปว่า คู่นี้คงจะลงเอยกันได้ แต่เมื่อสิ่งที่หวังไว้ได้เปลี่ยนแปรไป แต่ทั้งสิ้น-ลดาและเกรียงไกรต่างไม่เสียใจเลยซักนิด

“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับพิม” เพียงเท่านี้เท่านั้นที่เกรียงไกรพอจะทำได้ เขาขับรถไปส่งพิม-ลดาจนถึงบ้านหลังจากนั้น โดยหารู้เลยว่า พายุลูกใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘นภศูล’ กำลังรออยู่ !!



บ้านกาญจนานันท์

นภศูลนั่งรอพิม-ลดาอยู่ในห้องรับแขกด้วยหัวใจอันร้อนรุ่ม ชายหนุ่มผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายครั้ง ภายในใจกำลังสบสนและหวาดกลัว ภรรยาของเขายังไม่กลับมา ทั้งที่เขาได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ให้รอกลับพร้อมกัน แต่ดูเหมือนว่าคำสั่งของเขาจะไม่เป็นผล พิม-ลดายังดื้อเพ่งให้นายสนมารับกลับไปจนได้ แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเขากลับมาถึงบ้านกลับพบว่า พิม-ลดาไม่ได้กลับมาพร้อมกับนายสนด้วย

ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวายใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ความรู้สึกเหล่านี้จางหายไปดี ความสบสนต่างๆ ความกังวล และความห่วงใยที่มี นานเข้าความรู้สึกเหล่านี้กำลังแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้ง

นภศูลแหงนหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝา ซึ่งกำลังบอกเวลา 2 ทุ่มพอดี พิม-ลดายังไม่กลับมา ทั้งๆที่เธอได้บอกกับนายสนเอาไว้ว่า จะกลับมาในตอนค่ำ อีกทั้งคืนนี้พ่อแม่ของเขาก็พากันออกไปทำธุระกันข้างนอก เหลือเพียงแต่เขากับคนรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้น ชายหนุ่มกำลังอยากจะระเบิดอารมณ์อยู่เต็มกำลัง พร้อมกันนั้นได้ตะโกนเรียกหานายสนลั่นทั่วบ้าน

นายสนซึ่งกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในครัวกับคนรับใช้คนอื่นๆ รีบวางจานข้าวลงแล้ววิ่งออกมา ทันเห็นนภศูลกำลังกวาดสายตามองหาเขาอยู่พอดี

“คุณนภมีอะไรจะใช้ผมงั้นเหรอครับ” นายสนเดินเข้ามาด้วยความนอบน้อม ไม่กล้าสบตานายหนุ่มที่กำลังโกรธขึ้ง ใบหน้าบึ้งตึงของนภศูลในยามนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับทศกัณฑ์ในวรรณคดีไทยมากนัก และถ้าเขาจะมีเขี้ยวงอกมาด้วยล่ะก็ นายสนฟันธงได้เลยว่า นายน้อยของเขากลายเป็นทศกัณฑ์ไปแล้ว

“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายหน่อย ไหนนายบอกฉันว่าคุณพิมจะกลับมาในตอนค่ำ แล้วนี่มันอะไรกัน รู้ไหมว่านี่มันกี่โมงกี่ยามกันเข้าไปแล้ว” น้ำเสียงของชายหนุ่มที่พูดออกมาแลดูแข็งกร้าว ประกายตาแวววาวแสดงออกถึงความโกรธขึ้ง ใบหน้าคมสันที่ขาวจัดเริ่มจะแดงก่ำ คิ้วเข้มหน้าเป็นปื้นกำลังขมวดเข้ามาชนกัน สันกรามกระตุกสองสามครั้ง จนนายสนนึกหวาดหวั่นไปถึงพิม-ลดา เห็นที่ว่าถ้าเธอกลับมาคงจะถูกนายน้อยเล่นงานหนักแน่

“บอกฉันมาสิว่าคุณพิมไปพบใครที่ไหน แล้วจะกลับมากับใคร ทำไมป่านนี้ยังกลับมาไม่ถึง” นภศูลตะคอกถามกลับมาอีกครั้ง จ้องมองนายสนด้วยดวงตาสีสนิมกล้าดุจพญาเหยี่ยวกำลังล่าเหยื่อ

“คุณพิมให้ผมไปส่งเธอที่คลินิกแห่งหนึ่งแถวๆรัชดาครับ เธอบอกว่าหลังจากเสร็จธุระแล้วจะให้เพื่อนมาส่ง” นายสนอ้อมแอ้มตอบกลับมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงโกรธมากขนาดนี้ และถ้าจะคิดให้ดีนี่มันเพิ่งจะสองทุ่มเองนะ ไม่ได้ดึกไปซักหน่อย ทีคุณนภยังกลับมาแทบสว่างก็เคยมี

นภศูลที่กำลังกระวนกระวาย ครั้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของนายสนขึ้นมา ชายหนุ่มแทบอยากจะขับรถไปกระชากพิม-ลดากลับมาเสียเดี๋ยวนั้น คลินิกแถวรัชดา ถึงไม่มีใครบอกเขาก็รู้ว่าพิม-ลดาจะไปพบใคร นายเกรียงไกร ชำนาญเวช คู่รักเก่าที่พิม-ลดาไม่เคยลืม

คิดขึ้นมาหัวใจของเขาเหมือนถูกบีบรัดขึ้นมาอีกครั้ง มันกำลังเจ็บปวดราวกับว่ามีอะไรมาทิ่มแทง ยอกแสลงไปทั้งหัวใจ พิม-ลดา เธอเป็นภรรยาของฉัน แม้เราจะไม่รักกัน แต่เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้ !

ความหึงที่มาพร้อมกับความโกรธขึ้งทำให้นภศูลมองข้ามความละเอียดอ่อนของหัวใจ ที่กำลังร่ำร้องเรียกหาแต่พิม-ลดานั้นไป มีแต่ความอคติเท่านั้น เป็นปราการสำคัญที่บดบังความอ่อนแอของหัวใจเขาเอาไว้

“เอาล่ะ นายมีอะไรจะไปทำก็ไปเถอะนะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉันก็จะขึ้นไปอาบน้ำแล้วเหมือนกัน” นภศูลเดินเลี่ยงออกจากห้องรับแขกหลังจากนั้น ก้าวขึ้นสู่ชั้นสองด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง บางทีการอาบน้ำอาจจะทำให้ความรัดรึงลดลงไปบ้าง แล้วเขาจะรอจนกว่าพิม-ลดาจะกลับมา อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะแก้ตัวว่าอย่างไร หายไปกับชู้แบบนั้น ถ้ายังจะปิดบังกันอีกเห็นทีจะเอาไว้ไม่ได้ หย่าๆเสียให้สิ้นเรื่องไป มันจะได้จบสิ้นกันไปเสียที !!

ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่น ก่อนที่จะเดินบึงปังเข้าไปในห้อง เปิดน้ำอุ่นๆเอาไว้รออาบ คว้าเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนราวเดินเข้าห้องน้ำไป



น้ำอุ่นกำลังสบายช่วยให้เขาผ่อนคลายลงไปได้บ้าง นภศูลหลับตาลงในขณะที่แช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่าง เป็นนานกว่าที่จะลุกขึ้นมาล้างตัวด้วยน้ำเย็น ชายหนุ่มหยิบเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาสวมหลังจากนั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูฝืนเล็กที่พิม-ลดามักจะนำมาแขวนไว้ให้ประจำซับหยาดน้ำบน เรือนผมนั้นออกมา พอดีกับที่มีเสียงบีบแตรจากรถคันหนึ่งดังขึ้นมาจากทางหน้าบ้าน นภศูลเดินไปยังขอบหน้าต่างที่อยู่ไม่ห่างกันนัก จำได้ทันทีแม้บริเวณนั้นจะไม่สว่างมากนัก ว่ารถคันนั้นมันเป็นของใคร

สันกรามของเขาเริ่มจะทำงานอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าของหนุ่มตี๋ที่เพิ่งจะลงจากรถมา แล้วอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้ภรรยาของเขา แววตาของนภศูลเริ่มจะแข็งกร้าว จ้องมองไปทางพิม-ลดาและชายหนุ่มคนนั้นราวดั่งเปลวไฟที่กำลังจะแผดเผา

เกรียงไกร ชำนาญเวช !! เพียงชื่อนี้เท่านั้นที่เขาไม่อยากจะเกี่ยวข้อง แต่ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ แล้วเขาจะมัวหลีกเลี่ยงมันอีกทำไม คิดได้ดังนั้นนภศูลจึงหมุนตัวกลับมา สาวเท้าเดินไปยังตู้เสื้อผ้า จัดการแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วเดินลงมา พบพิม-ลดากำลังยืนล่ำลานายเกรียงไกรอยู่หน้าบ้านพอดี

“งั้นผมกลับก่อนนะพิม” หนุ่มหน้าตีกล่าวลา ส่งยิ้มให้พิม-ลดาเล็กน้อย แม้จะได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา แต่เกรียงไกรคิดว่า รอยยิ้มของพิม-ลดาไร้ความสดใส

“เป็นอะไรไปพิม กังวลใจอย่างนั้นหรือ” แทนที่จะหมุนตัวกลับไปเกรียงไกรกลับเลือกที่จะเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มก้มลงมองพิม-ลดาที่กำลังพยายามซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ โดยการเสมองไปทางอื่นด้วยความเข้าใจ เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดดี ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเดี๋ยวนี้

ความที่เกรียงไกรรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยในตัวพิม-ลดาทำให้เขาเอื้อมมือออกมา กุมมือของพิม-ลดาเอาไว้ โดยหวังว่าจะช่วยถ่ายทอดความรู้สึกเห็นใจผ่านปลายมือของเขาออกไปได้บ้าง อีกทั้งยังเป็นการให้กำลังใจพิม-ลดาได้อีกทางหนึ่ง

พิม-ลดาไม่ได้ชักมือหนีในการกระทำอย่างรวดเร็วนั้น ด้วยเธอก็เข้าใจเช่นกันว่าเกรียงไกรต้องการจะสื่ออะไร ไม่ใช่ฉันท์ชู้สาวหรือคู่รักในแบบนั้น แต่เป็นการถ่ายถอดความรู้สึกดีๆให้กันต่างหาก

“พิมไปเป็นอะไรแล้วล่ะ ขอบใจมากนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ครอบครัวของเรา นี่ก็เริ่มจะดึกแล้วคุณขับรถระวังด้วยนะ อย่างขับเร็วนักล่ะ แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยด้วย” พิม-ลดากล่าวออกมา เตือนเกรียงไกรต่างๆนาๆด้วยความเป็นห่วง การขับรถกลางค่ำกลางคืนแบบนี้อันตรายต่างๆมักเกิดได้ง่าย อีกทั้งเกรียงไกรก็เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนค่ำมาก่อนเช่นกัน

“ไว้ใจผมเถอะน่า คราวนี้จะไม่ประมาทอีกเด็ดขาด คราวก่อนพลาดไปเจ็บเจียนตาย ผมไม่อยากได้พยาบาลจำเป็นเป็นแบบพิมอีกแล้วนะ” เกรียงไกรสัพยอกพิม-ลดาออกมาอย่างเห็นขัน ก็มันจริงนี่นา คราวก่อนที่เขาประสบอุบัติเหตุมา พยาบาลจำเป็นอย่างพิม-ลดาเกือบทำเขาตายอีกครั้ง

พิม-ลดาเมื่อได้ฟังถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา คิดไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น วันที่ครอบครัวของเธอไปเยี่ยมผู้ป่วยอย่างเกรียงไกร และในขณะที่พิ-มลดาจะต้องไปตรวจร่างกายกับหมออดุลย์นั้น พ่อแม่ของเธอต่างก็แห่กันไปเฝ้า ทิ้งเธอกับคนป่วยเจียนตายไว้ในห้องแค่สองคน

เมื่อถึงเวลาทานยาจึงลำบากถึงพิม-ลดา ด้วยชายหนุ่มถูกเข้าเฝือกทั้งแขนและขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อีกทั้งพิม-ลดาก็ไม่เคยช่วยเหลือใครให้ทานยามาก่อน การที่จะให้เธอก้มลงในป้อนยาผู้ป่วยที่กำลังนอนเป็นง่อยอยู่นั้น ช่างน่าทุลักทุเลและน่าขันยิ่งนัก

“ทางนี้สิพิม นั่นคุณจะจ่อแก้วน้ำไปทางไหน เดี๋ยวผมก็ได้สำลักน้ำตายหรอก” คนป่วยไม่วายบ่นพึมพำออกมา ด้วยพิม-ลดาที่กำลังก้มลงมาป้อนน้ำจากแก้วให้เขานั้น เธอทำได้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ มากที่สุด

“เอ๊ะ คุณอย่าขยับนึกสิ พิมทำให้ไม่ถนัดแล้วนะ นี่มันอะไรกัน ทำไมหน้าที่ป้อนยาป้อนน้ำของคุณต้องเป็นพิมด้วย” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสวนขึ้นมาบ้าง การที่จะต้องเขย่งปลายเท้าแล้วโน้มตัวลงมา อีกทั้งจะต้องโอบแขนไปรวบตัวของเขาด้วยนั้น มันช่างเป็นท่าที่น่าเวทนายิ่งนัก ครั้นจะให้เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ทำไม่ได้ ด้วยเพราะขาข้างที่เข้าเฝือกเอาไว้ต้องห้อยต่อแต่งแขวนอยู่แบบนั้น

เกรียงไกรเมื่อทานน้ำเสร็จชายหนุ่มก็สั่งให้พิม-ลดารีบถอยออกไปโดยเร็วพลัน นี่ถ้ามือของเขายังดีอยู่ล่ะก็ พิม-ลดาพนันได้เลยว่าเขาจะต้องใช้มันผลักเธอจนกระเด็นออกไปแน่ ๆ

“แหม พอหมดประโยชน์แล้วก็ผลักใสกันเลยนะ” คำพูดของพิม-ลดาทำให้เกรียงไกรยักคิ้วอย่างถ้าทายกลับมาเล็กน้อย

“ไม่รู้ล่ะ ก็ผมกลัวว่าถ้าน้องพิกลับมาอาจจะเข้าใจผิดได้ ยิ่งตอนนี้คุณน้าพิมชนกยิ่งพยายามจับคู่ให้เราอยู่จะตาย ขืนมาเห็นภาพที่พิมกำลังป้อนน้ำให้ผมด้วยท่าทางทุเรศๆแบบนั้นล่ะก็ มีหวังพาลคิดไปว่า คุณกำลังจะปล้ำจูบผมอยู่แน่ๆ”

คำพูดของเขาทำให้พิม-ลดาอยากหัวเราะออกมาอย่างเต็มแก่ ไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือขบขันกับคำพูดและการกระทำของชายหนุ่มดี

“เข้าใจแล้วจ้า งั้นพิมไม่กวนแล้วนะ ว่าจะออกไปดูยัยพิกับคุณพ่อคุณแม่เสียหน่อย ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกท่าจะเป็นยังไงบ้าง หวังว่าแม่คงจะไปเป็นลมไปแล้วหรอกนะ” พิม-ลดากล่าวออกมาอย่างติดตลก ด้วยครั้งก่อนที่พิ-มลดามาตรวจร่าวงกายแล้วจะต้องเข้าไปเอ็กซ์เรย์ในเครื่อง มือที่ล้ำสมัยนั้น มารดาของเธอแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้กับ พิม-ลดาเข้า

“นั่นเขาจะส่งยัยพิไปตายในห้องมืดหรือยังไง !” แม่ของเธอเคยประชดออกมาเช่นนั้น

“งั้นถ้าตรวจเสร็จแล้วคุณอย่าลืมบอกให้น้องพิแวะมาเยี่ยมผมด้วยนะ กำลังใจน่ะ ผมจะได้หายเร็วๆไง” ขนาดเจ็บปางตายแต่คนป่วยก็ยังไม่วายที่จะออดอ้อน

“ฝันไปเถอะยะ คิดเหรอว่ายัยพิจะมา” พิม-ลดาเผลออุทานออกมาอย่างเผลอไผล ก่อนที่จะคิดได้ว่า คำพูดของเธอน่าจะทำร้ายจิตใจของเกรียงไกรมิใช่น้อย

“ฉันหมายความว่า เอ่อ...อ๋อ...คือฉันแค่อิจฉานายนะ ไม่มีอะไรหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะบอกยัยพิให้” พิม-ลดาฝืนยิ้มให้เกรียงไกรกลับไปเพื่อให้เขาคลายความกังวล และมันก็ได้ผลเกินคาด เพราะคนที่กำลังนอนภะงาบๆอยู่นั้นมีสีหน้าแจ่มใสขึ้นมันควัน

งั้นพิมไปก่อนนะ” พูดจบพิม-ลดาก็ก้าวออกมา เดินไปรอผลการตรวจร่างกายของพิ-มลดาพร้อมกับพ่อแม่ของเธอ ซึ่งหลังจากตรวจเสร็จพิ-มลดาก็ได้มาเยี่ยงเกรียงไกรตามที่พิม-ลดาได้บอกเอา ไว้ โดยน้องสาวฝาแฝดมีข้อแลกเปลี่ยนกับเธอว่า ถ้าเธอมาเยี่ยมเกรียงไกร เย็นนี้พิม-ลดาจะต้องชวนนภศูลมาทานข้าวที่บ้านให้ได้

พิม-ลดาซึ่งจำใจยอมรับข้อตกลงยิ้มแหยๆส่งกลับมา ในตอนนั้นพิ-มลดายังไม่ได้หมั้นกับนภศูล อีกทั้งช่วงนั้นพี่ชายข้างบ้างก็หายหน้าหายตาไป ด้วยเพราะว่าเขาเพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งสูงภายในบริษัทแทนพ่อของเขาที่กำลัง ปลดเกษียรอยู่พอดี

คิดขึ้นมาถึงตรงนี้ก็ทำให้พิม-ลดาเผลอยิ้มขึ้นมา นภศูลในเวลานั้นช่างน่ารักนัก แม้ขนาดงานยุ่งเขาก็ยังปลีกตัวมาให้ เธอจำได้ว่าครั้งแรกที่โทรไป เลขาส่วนตัวของเขาถามเสียยกใหญ่ จนเธอแทบจะตอบคำถามกลับไปไม่ทัน ก่อนที่นภศูลจะเดินมารับโทรศัพท์เองหลังจากนั้น และเมื่อรู้ว่าเธอโทรมาชวนเขาไปทานข้าวที่บ้าน ชายหนุ่มก็ตอบตกลงทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ผิดกับตอนนี้ที่พี่ชายผู้แสนดีได้เปลี่ยนไป อารมณ์ของเขาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมรับฟังเหตุผลที่เธอจะพยายามอธิบายให้ฟังเลยซักครั้ง เพราะหลังจากแต่งงานกันมา เธอพยายามหาเวลาที่จะคุยกับเขา แต่ก็มีเรื่องราวทุกทีสิน่า ไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือเพราะว่าเขาจงใจกันแน่

พิม.....พิม !!” เกรียงไกรเรียกพิม-ลดาเสียงดังเมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบรับคำเรียกขานของเขา

“เป็นอะไรไปนะ แล้วนี่ใจลอยไปถึงไหน ผมกำลังจะกลับแล้วนะ หรือไม่อยากให้ผมไป งั้นไปขออนุญาตคุณนภสิ เผื่อว่าเขาจะอนุญาตให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน” คำพูดของเกรียงไกรทำให้พิม-ลดาหัวเราะคิกออกมา ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสรรหาตลกร้ายมาล้อเธอเล่นอยู่เรื่อย แต่ถ้าจะไม่สวนกลับไปบ้าง บางทีเกรียงไกรอาจจะคิดว่า เธอไม่มีน้ำยาก็ได้

“ก็งั้นสิจ๊ะคุณเกรียงไกร หรือคุณเองไม่อยากจะอยู่กับฉันกันล่ะ งั้นเราเข้าไปขออนุญาตคุณนภด้วยกันไหม เผื่อบางทีคุณนภอาจจะเห็นใจพวกเราได้” พิม-ลดาพูดออกไปอย่างนึกสนุก ในขณะที่คนแอบยืนดูการสนทนาของทั้งคู่อยู่นานทนไม่ได้อีกต่อไป ในตอนแรกนภศูลคิดว่าจะเคลียร์กับพิม-ลดาเมื่อเกรียงไกรกลับไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเธอกล่าวออกมาแบบนั้น อารมณ์เดือดของเขาก็ประทุขึ้นมาทันควัน ใบหน้าแดงก่ำโกรธขึ้ง ยิ่งกว่าทศกัณฑ์โดนเผากรุงลงกาไปเสียอีก !!

“หมายความว่าพวกคุณจะมาขออนุญาตผมให้ได้อยู่ด้วยกันเช่นนั้นหรือ” จู่ๆนภศูลก็เดินออกมาจากตัวบ้าน เข้ายืนแทรกกลางระหว่างพิม-ลดาและเกรียงไกรทันที กวาดสายตาอันคมหรี่มองทั้งคู่สลับกัน สันกรามบึกบึนขบเข้าหากันแน่น นี่ถ้าไม่ได้รับคำชี้แจงจนเป็นที่พอใจแล้วล่ะก็ อย่างหวังเลยว่าเกรียงไกรจะรอดกลับไปจากบ้านนี้ได้

เกรียงไกรหันไปสบตาพิม-ลดาอย่างขอคำปรึกษา เพิ่งจะมาเห็นจริงว่าปลาหมอตายเพราะปากก็วันนี้แหละ ช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆเลยนายเกรียงไกร อยู่ดีไม่ว่าดีมาให้เขากระแทกปากจนถึงที่

“สวัสดีครับคุณนภ” หนุ่มตี๋ยังมีกระจิตกระใจที่จะเอ่ยทัก ก็ในเมื่อเขาไม่ทราบว่าจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ยังไงนี่นา อีกทั้งแววตาของนภศูลที่จ้องมองมามันราวกับว่า เขาได้ไปช่วงชิงของรักของหวงของนภศูลมาอย่างนั้น แต่คิดอีกทีพิม-ลดาก็อาจจะเป็นของรักของหัวได้เช่นเดียวกัน หนอยทำเป็นฟอร์ม เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันล่ะว่านภศูลคิดยังไงกับพิม-ลดากันแน่

‘แต่ถ้าจะต้องแลกกับการปากแตกมันจะคุ้มไหมนะ’

เกรียงไกรคิดขึ้นมาอย่างสยอง ประเมินสถานการณ์ของตัวเองที่อาจจะถูกนภศูลแจกหมัดให้กินต่างข้าวก็ได้ แต่เพียงซักครั้งที่เขาอยากจะลองเหมือนกันว่านภศูลมีความรู้สึกกับพิม-ลดา เช่นไร อย่างน้อยถ้าหมอนั่นมีใจให้พิม-ลดาบ้าง การแต่งงานที่เกิดขึ้นโดยพิม-ลดาไม่มีส่วนผิดอาจจะดีกว่าที่กำลังคิดอยู่ก็ ได้

เมื่อชั่งน้ำหนักดูแลการลองชิมหมัดของนภศูลดูซักครั้งมันจะเป็นไรไป และเขาก็ควรจะทำอะไรเพื่อพิม-ลดาบ้าง ตอบแทนเธอที่ทำทุกอย่างเพื่อทุกคนมานานแล้ว

“ครับคุณนภ นี่ผมกำลังคิกอยู่เลยว่าจะขออนุญาตคุณยังไงดี” พูดออกไปแล้วชายหนุ่มหน้ามนกลั้นลมหายใจแล้วหลับตาปี๋ เกรงตัวรอรับหมัดของนภศูลที่กำลังจะกระแทกเข้ามา แต่เมื่อรออยู่นานจึงเห็นว่านภศูลไม่มีท่าทางว่าจะทำร้ายเขาแต่อย่างใด
‘หรือหมอนี่ไม่ได้มีใจให้พิม-ลดาอย่างที่คิด’

เกรียงไกรคิดในใจอย่างสงสัย งั้นไม่เป็นไร ลองใหม่อีกครั้งก็ได้ หนุ่มหน้าตี๋กำลังเตรียมการที่จะยุแหย่นภศูลอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วนภศูลกำลังช็อกไปกับคำกล่าวแรกของเกรียงไกรอยู่ต่างหาก แม่แต่พิม-ลดาเองก็มีอาการไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าการแสดงออกของแต่ล่ะคนก็ต่างกันออกไปเท่านั้น พิม-ลดาซึ่งช็อกไปแล้วถึงกับอ้าปากหวอ ใบหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันตาเห็น ในขณะที่สามีของเธออาการหนักว่าที่เป็น เขานิ่งเงียบไปเลยเมื่อได้ยินประโยคนั้นเข้า

“ว่ายังไงล่ะครับคุณนภ คุณจะอนุญาตให้พวกเราอยู่ด้วยกันอีกซักครู่จะได้ไหม ขอเวลาเป็นส่วนตัวด้วยนะครับ ผมให้สัญญาเลยว่าจะไม่ทำอันตรายใดๆภรรยาของคุณเป็นอันขาด” ยิ่งพูดออกมาก็ยิ่งสะใจ ในขณะที่พิม-ลดาแทบจะยืนต่อไปไม่ไหวอยู่แล้ว ส่วนนภศูลเองก็หาได้รู้แกวของเกรียงไกรเลยซักนิด นี่ล่ะที่เขาบอกว่าความหึงมันปิดหูปิดตา จนทำให้คนที่ว่าฉลาดนักฉลาดหนามองข้ามกลลวงยั่วยุอารมณ์เช่นนี้ไม่ได้

ประกายตาของนภศูลเริ่มจะลุกโชนขึ้นมา สองมือของเขาที่แนบข้างลำตัวกำลังกำเข้าหากันแน่น มันจะดูถูกเขามากเกินไป อะไรที่เป็นของเขาอย่างหวังเลยว่าใครจะเอาไปได้ แม้กระทั้งร้องเท้าที่ใช้แล้วเขายังเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี แล้วนี่พิม-ลดาเป็นใคร เธอเป็นภรรยาของเขานะ หน้าไหนจะแย่งเธอไปจากอกเขาได้!!

โดยไม่ต้องหาเหตุผลมาไขข้อข้องใจ นภศูลก็สวนหมัดออกไปทันทีหลังจากนั้น เข้าเป้าตรงบริเวณมุมปากของเกรียงไกรเข้าอย่างจัง ในขณะที่หนุ่มตี๋นั้นยังไม่ทันตั้งตัว

“ว๊าย !!” พิม-ลดาร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่จะถลาเข้าไปช่วยเกรียงไกรที่เซถลาไปเล็กน้อยกัลป์แรงกระแทกจากหมัดของนภศูล

หมัดที่มาพร้อมกับความหึง ดูๆไปแล้วมันก็หนักไม่ใช่เล่น !!

เกรียงไกรพึมพำสบถออกมา ไหนหมอนี่เคยบอกว่าไม่รักพิม-ลดาเลยยังไง นี่ขนาดเขาพูดเล่นเขานั้นยังโดนเข้าอย่างจังแถมไม่พรากเป้าเลยซักนิด ทีพอเตรียมใจพร้อมจะรับหมัด นภศูลกลับไม่เหวี่ยงออกมา ครั้นภอนึกสนุกขึ้นมากลับโดนพ่อเหวี่ยงมาเสียกรามแทบหักเลยอย่างนั้น ต่อไปเขาจะไม่ล้อเล่นกับผู้ชายที่ชื่อนภศูลอีกเป็นอันขาด ด้วยรู้แล้วว่ายามที่หมอนี่หึงพิม-ลดามันน่ากลัวมากแค่ไหน

“เอาเป็นว่าหมัดนี้ของคุณถือเป็นการลงโทษผมที่บังอาจล่วงเกินภรรยาของคุณก็ แล้วกันนะ ผมไม่ได้ติดความแต่อย่างใด อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ผมได้ตาสว่างเห็นอะไรดีๆขึ้นมาแล้วบ้าง หรือคุณคิดว่าไงคุณนภศูล” แม้จะเจ็บจนกรามแทบหักแต่ก็ไม่วายที่จะฝากคำคมเอาไว้ ชายหนุ่มหันไปกล่าวขอบคุณพิม-ลดาที่เข้ามาช่วยประคองเขา ก่อนที่จะกล่าวลาเธอหลังจากนั้น

ก่อนกลับเกรียงไกรเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับนภศูล ที่ยังคงมีใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธขึ้ง ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้าไป แล้วกระซิบให้ได้ยินแค่เพียงสองคนเท่านั้น

“ผมคิดว่าคุณหลงรักพิม-ลดาอย่างไม่ต้องสงสัย อย่าปฏิเสธตัวเองอีกเลยน่า ระวังจะเจ็บแบบไม่ทันตั้งตัวนะ ผมขอเตือนเอาไว้ พิม-ลดาน่ารักเสมอสำหรับใครๆอีกหลายคน หรือคุณไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่า คนอื่นๆก็กำลังต้องการพิม-ลดาอยู่เหมือนกัน” พูดจบแล้วเกรียงไกรก็เดินผ่านหน้านภศูลออกไป ก้าวขึ้นรถเตรียมพร้อมจะกลับ ก่อนที่จะเลื่อนกระจกลงมาแล้วยักคิ้วส่งท้ายให้นภศูลอีกเล็กน้อย

“ผมไปล่ะ คิดให้ละเอียดอีกครั้งนะคุณนภศูล” แล้วหลังจากนั้นเกรียงไกรก็สตาร์ทรถออกไป ทิ้งไว้แค่เพียงนภศูลกับพิม-ลดาเท่านั้น ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องพิม-ลดาทันทีอย่างทันควัน สายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง ขณะที่ใบหน้าคมก็ยังแดงก่ำอยู่เช่นเคย แต่จะแดงก่ำด้วยเหตุผลใดนั้น แม่แค่เพียงนภศูลเองเท่านั้นที่รู้คำตอบ

การที่ถูกคนอื่นมาประกาศต่อหน้าว่าจะขอแย่งพิม-ลดาคืนไปบ้างอาจทำให้นภศูล คิดอะไรขึ้นมาได้ นี่คือเหตุผลที่เกรียงไกรต้องการจะสื่อออกไป แต่ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะรับรู้ความปรารภนาดีของเขาหรือยัง

“งั้นพิมขอตัวก่อนนะคะ เหนื่อยมาทั้งวัน พิมอย่างพักผ่อน” พิม-ลดาชิงกล่าวขึ้นมาก่อน ก่อนที่นภศูลจะเอ่ยอะไรออกมา วันนี้เธอเจอเรื่องที่หนักหนามามากพอแล้ว อีกทั้งการเผชิญหน้ากับนภศูลในเวลาเช่นนี้อย่าหวังเลยว่าเขากับเธอจะตกลงกัน ได้

พิม-ลดาหมุนตัวกลับเข้าบ้านไปหลังจากนั้น และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่นภศูลรับรู้ว่า พิม-ลดากำลังต่อต้านเขา เธอไม่ได้เชื่อฟังเขาไปหมดเสียทุกอย่างเหมือนในอดีตอีกต่อไป บางทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะทำให้นภศูลคิดขึ้นมาได้ เขาอาจจะลองสำรวจดูหัวใจของตัวเองอีกครั้ง ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเขาต้องการอะไรกันแน่

และที่ทำมาทั้งหมดนี้มันถูกต้องแล้วหรือ !!

ชายหนุ่มซึ่งยังคงทำอะไรไม่ถูกยืนนิ่งเป็นหลักสิลาอยู่ตรงบริเวณหน้า บ้านอยู่นาน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อสามารถปรับอารมณ์ของตนให้เป็นปรกติได้ อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ก็ทำให้เขาได้เห็นอะไรอีกมากมาย และถึงแม้ว่าผลสุดท้ายแล้วจะออกมาเป็นเช่นไร เขาจะระมัดระวังในการตัดสินใจให้มากขึ้น



รรรรรรณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ย. 2556, 10:32:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ย. 2556, 10:32:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1289





<< ตอนที่ 4   
รรรรรรณ์ 24 พ.ย. 2556, 10:33:15 น.
ทุกท่านสามารถติดตามเรื่องนี้ต่อได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ ^^

http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1058697


Zephyr 24 พ.ย. 2556, 12:29:50 น.
หมัดคุณนภอร่อยมั้ย คุณเกรียง 5555
แหย่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ จริงๆรู้แต่อยากให้แน่ใจใช่ป่ะ


ปรางขวัญ 24 พ.ย. 2556, 15:28:14 น.
นารักจัง แอบสงสารคุณหมอโดนต่อยเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account