คฤหาสน์มรณะ
เมื่อต้องถูกขังอยู่ในพื้นที่จำกับ กับคนที่ไม่รู้จัก และทุกคนไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองไหม ต่างคนต่างระเเวงกัน แล้วใครล่ะที่จะไว้ใจได้
Tags: สืบสวนสอบสวน

ตอน: บทนำ และตอนที่1

เรืองลึกลับที่ลองเขียนดู ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^^
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทนำ

เมื่อลมแห่งเมฆฝนพัดพาความโศกเศร้ามาย้ำเตือนจิตใจ อารมณ์ชั่ววูบทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

สายตาหนึ่งกำลังจ้องมองสาวสวยที่เกล้าผมหางม้าดูท่าทางคล่องแคล่ว เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอออกห่างจากอันตรายที่เขากำลังจะก่อขึ้น แต่เขาก็รู้นิสัยดื้อรั้นของเธอดีว่าคงจะหยุดการเดินทางของเธอไม่ได้

และเธอก็หยุดเขาสิ่งไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่รีบไปทำมันให้เสร็จก่อนที่เธอจะไปถึงจุดหมายปลายทาง
และถ้าเขาทำมันไม่ทันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอคงจะต้องมายุ่งเกี่ยวกับสิ่งนี้



1
ฉันก้มมองรูปถ่ายคฤหาสน์หรู สี่ชั้นที่ทำจากหินอ่อนทั้งหลัง รอบ ๆ บ้านเต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวขจี และท้องฟ้าใส ดูสงบ
มันช่างแตกต่างจากรอบตัวฉันตอนนี่ ที่มีแต่นักท่องเที่ยวจากหลากหลายชาติ พูดกันหลากหลายภาษา ก็แน่ล่ะนี่คือวัดไทยโบราญ ก็ต้องมีนักท่องเที่ยวมาดูสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่น่าเก็บบำรุงรักษา

แต่ที่ฉันจะมาไม่ใช่ที่นี่แน่นอน ไอ้คนนำทางมันหลอกฉันแน่แล้ว กระเป๋าเสื้อผ้ามันก็ขนไปหมด

มันอย่าหวังเลยว่าจะได้อะไรไปนอกจากเสื้อผ้า เพราะขอมีค่าอยู่ในกระเป๋าเป้ที่ฉันถืออยู่นี่ต่างหาก กล้องถ่ายรูปตัวเหยียบแสนกับโน้ตบุ๊กสำหรับใช่งานพร้อมอุปกรณ์ปลอมตัวอีกสองสามอย่าง

“ทำไมชีวิตตาลน้อยอย่างฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้นะ”

ฉันได้แต่ตะโกนโทษฟ้าโทษดิน จนเริ่มรู้สึกตัวว่ามีคนจำนวนมากกำลังจับจ้องมาทางนี้ ฉันถึงได้สงบปากลง

“ให้มันได้ยังนี้สิ”

ฉันรีบเดินออกมาจากจุดเกิดเหตุความอายในทันที จนมาถึงส่วนเมรุของวัด ฉันว่าส่วนเมรุนี่สวยที่สุดแล้ว ฉันเลยไม่รอช้าที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้

“เอาศพลงโลงเนี่ยเท่าไหร่”

เอ๊ะ! ลุงที่ใส่ชุดซาฟารีคนนั้นท่าทางจะเป็นคนไทย ส่วนอีกคนคงจะเป็นสัปเหร่อของวัดนี้สินะ ท่าทางจะขี้เมาเสียด้วย ที่มือยังถือขวดสี
น้ำตาลกระดกเข้าปากตลอด และดูเหมือนจะยืนไม่ค่อยอยู่แล้ว

“แล้วจะพูดกันรู้เรื่องไหมล่ะนั้นนะ”

ฉันเลิกบ่นแล้วฟังพวกเขาคุยกนดีกว่า อ๊ะ...อย่าคิดว่าฉันชอบสอดรู้นะ ก็ฉันเป็นนักข่าวก็ต้องหูตาไวหน่อยสิ

“นอกสถานที่แพงหน่อยนะโว้ย ว่าแต่ศพใครวะคนกันเองข้าคิดแค่ไอ้นี่สักขวดก็พอ”

พูดแล้วชูขวดขึ้น แหนะ! เมาแล้วยังมีน้ำใจอีก

“บอกไปแล้วแกจะรู้จักไหม ท่านเป็นเจ้านายฉัน เจ้าสัวเฉลิมพงศ์ เจ้าของคฤหาสน์บนยอดเขานั้น ท่านตกเหวตายเมื่อสายนี้ แล้วรับรอง
เลยนะ แกจะได้ขวดสีขาวมาหลายขวดเลย”

อ๋อ...เจ้าสัว คนรวยสินะ เอ๊ะ! เจ้าสัวพงศ์เฉลิม ไม่ ๆ ตกลงมันเจ้าสัวอะไรกันนะ

“เจ้าสัวเฉลิมพงศ์ ไม่ใช่พงศ์เฉลิม เมาใช่ไหมเนี่ย”

เอ้า! มารู้ใจฉันได้ยังไงล่ะเนี่ย แล้วหนูก็ไม่ได้เมานะลุง เอ๊ะ! เจ้าสัวเฉลิมพงศ์อย่างนั้นเหรอ นั้นมันเพื่อนคุณอัต และเป็นเจ้าของบ้านที่ฉัน
จะมาพักแล้วก็มาทำข่าวงานแต่งงานนะสิ แย่แล้วลุงเฉลิมตายแบบนี้คุณอัตจะรู้รึยังนะโทรบอกหน่อยดีกว่า

“รอข้าเดี๋ยวไปเก็บของก่อน”

นั้นตาลุงสัปเหร่อตกลงแล้วเหรอ ไม่ต้องโทรบอกแล้ว ฉันไปไหว้ศพเลยดีกว่า จริงสิคนบ้านนั้นนอกจากลุงเฉลิมแล้วก็ไม่มีใครรู้จักฉันนี่ เอาไงดี ๆ ฮึ ๆ วันนี้ขอมีพ่อจำเป็นไว้ใช้งานหน่อยดีกว่า

“ขอโทษทีนะคะคุณอัต”

ฉันรีบเดินตามลุงสัปเหร่อไปจนที่พักของเขาที่อยู่หลังกุฏิพระ ซึ่งอยู่ใกล้กับป่าช้าเก่า

“เมาแล้วยังเดินไวอีก ฮู้...วังเวงได้อารมณ์จริงๆ ถ่ายรูปเก็บไปฝากลุงเก้งหัวเรื่องผีหน่อยดีกว่า”

แชะ! แชะ!

“ใครมายืนทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ”

เสียงลุงสัปเหร่อแกจะโกนมาจากในบ้าน แล้วเดินโซซัดโซเซออกมายืนมองฉันอยู่หน้าบ้าน เมื่อกี้ยังเห็นเดินดี ๆ อยู่เลย

“นักท่องเที่ยวเหรอ ตรงนี้เข้าไม่ได้ ไปถ่ายรูปที่อื่น”

“ลุงฉันไม่ได้มาเที่ยว ฉันมาหาลุงนี่แหละ”

“พ่อเอ็งตายเหรอนังหนู วันนี้ข้าไม่ว่างแล้วต้องขึ้นไปบนเขา ตอนเย็นถ้ากลับมาทันจะไปเอาลงโลงให้”

ดูเขาพูด ฉันแทบจะเอาก้อนขี้หมาที่อยู่อยู่ข้าง ๆ ปาใส่หน้าเขาเลย

“พ่อฉันยังไม่ตายลุง คือแบบนี้นะลุง”ฉันเดินเข้าไปใกล้ ๆ ลุงสัปเหร่อ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์โดดมาเตะจมูกฉันเต็ม ๆ แต่ก็ต้องบอกตัวเอง
ให้เย็นไว้ “ฉันชื่อตาลนะลุง ฉันเป็นนักข่าวด้วยนะลุง…”


“แล้วยังไงวะ เอ็งจะมาทำข่าวข้าเหรอ”

พูดไม่คิดเลยนะลุง

“ฉันเองก็อยากจะทำแบบนั้นนะลุง แต่มันไม่ได้…”

“แล้วทำไมวะ”

ฉันกัดปากแน่นเพื่อเก็บอารมณ์โมโห หลังจากถูกพูดแทรกมาสองครั้ง

“คือแบบนี้นะลุง…”

“หรือจะมาทำข่าวพระกินข้าวสามมื้อ โอ๊ยข้าไม่เปิดเผยเรื่องภายในหรอกโว้ย เพราะเดี๋ยวจะอดกินไปด้วย แล้ว...”

ลุงแกหยุดพูดทันที่ที่เห็นธนบัตรห้าร้อยในมือฉัน จะได้หยุดพูดในเรื่องที่ฉันไม่ได้ถามสักที

“ถ้าจะเอาก็เงียบฟังฉัน ห้ามพูดแทรกใด ๆ ทั้งสิ้น”

ลุงแกพยักหน้าหงึก ๆ ฉันเลยยื่นเงินนั้นให้แก แกรีบรับไปทันที

“ฉันจะไปบ้านเจ้าสัวเฉลิมพงศ์กับลุง ลุงบอกกับทุกคนไปนะว่าฉันเป็นลูกสาว ชื่อตาล ไปอยู่กรุงเทพมาหลายปีเพิ่งกลับ ได้ไหมลุง”

ลุงแกเงียบไม่ตอบ คงกำลังคิด


“ลุงคิดดี ๆ นะแค่เป็นพ่อให้ฉันแป๊บเดียวเอง ว่าไงลุงตกลงรึเปล่า”


แล้วฉันก็ได้มานั่งอยู่หลังคนขับที่กำลังขนโลงศพหรูไปยังบ้าน ไม่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ตามลุงคนขับรถถึงจะถูก

จะมีใครบ้างนะต้องจ้างคนที่ไม่รู้จักมาเป็นพ่อ แถมยังถูกจนน่าใจหายแค่ห้าร้อยบาท แต่ไหน ๆ ฉันจะปลอมตัวแล้วก็ต้องเอาให้สุดจะให้ใส่

เสื้อผ้าทะมัดทะแมงก็ใช่ที่ ต้องนี่ถักเปียทรงพจมาน ใส่แว่นหนาๆ เสื้อเก่า ๆ แล้วก็ผ้าถุงเชย ๆ ลากดินสิจะได้ดูกลมกลืนสมกับเป็นลูกสาว
สัปเหร่อ

แล้วตาสัปเหร่อจะตัวเหม็นไปไหนเนี่ย ดีนะที่ลุงคนขับรถยังใจดีเปิดกระจกให้ หรือเขาเองก็ทนกับกลิ่นไม่ได้ด้วยก็ไม่รู้
ทางมาคฤหาสน์นี่มันก็ช่างยากลำบาก ทางขึ้นเขานี่น่ากลัวใช่เล่นมีแค่ทางรถยนต์เลนเดียว ไม่คิดว่าจะมีรถสวนมาบ้างรึไง ถึงว่าคุณลุง
เฉลิมถึงได้ตกลงไปตายง่าย ๆ นั้น ๆ เอาเข้าไป จะขับเร็วไปตายเป็นเพื่อนเจ้านายลุงรึไง

“ขับช้า ๆ หน่อยได้ไหมลุง ทางน่ากลัวจะตาย”

ฉันเอ่ยเตือน ลุงคนขับรถเหล่ตามาฉันมองนิดหนึ่ง แล้วหันไปแหงนมองขึ้นฟ้า จริงสิท้องฟ้าตอนบ่ายโมงกว่า ๆ ทำไมมันมืดทึบแบบนี้ เอา
ล่ะงานนี้ฝนตกทางลื่นกลับลงมาหาโรงแรมนอนไม่ได้แน่ ๆ

“ลุงเจ้านายลุงตายยังไงเหรอ”

ฉันลองเสี่ยงถามทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจว่าจะได้คำตอบไหม

“ตกเหว ข้าผิดเองที่ไม่ได้มาขับรถให้ท่าน ข้าผิดเองจริง ๆ”

เสียงลุงแกเหมือนจะร้องไห้


สงสัยว่าลุงแกจะทำงานกับคุณลุงเฉลิมมานาน อ๊ะ! ทำงานมานาน ฉันรู้สึกว่าฉันต้องเคยเจอเขาแน่ ๆ ชื่อลุงสมรึเปล่านะ เอาไงดีล่ะ จะเปิด
เผยตัวดีรึเปล่า แต่ถ้าเป็นลุงสมก็ต้องจำฉันได้นะสิ

“ลุงชื่อสมรึเปล่าจ๊ะ”

“หนูรู้ได้ยังไง”

ลุงแกทำหน้าสงสัย ฉันเห็นจากกระจก ลุงแกไม้ได้หันมามอง

“ลุงสมจริง ๆ ด้วย หนูตาลเองค่ะลุง หลานคุณลุงเฉลิม ลูกคุณอัตยังไงล่ะคะ”

“คุณหนูตาล” ลุงสมแกพึมพำแล้วก็รีบจอกรถ หันมามองหน้าฉัน ดูฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “โกหกน่า”

“หนูตาลจริง ๆ นะลุง ไม่อย่างนั้นหนูจะรู้เหรอว่าคุณลุงเฉลิมจะเรียกหนูว่า หนูตาล อ๋อ...หนูจำได้อีกอย่างแล้ว คุณลุงเฉลิมเล่าว่าตอนลุงสม
หนุ่ม ๆ ชอบเอารถคุณลุงเฉลิมไปรับสาวเที่ยว”


“คุณหนูตาลจริง ๆ ด้วย”

ลุงสมดูอึ่งไปเลย แหมก็อดีตของลุงสมจะมีใครที่ไหนรู้นอกจากคุณลุงเฉลิม

“ใช่ค่ะ”
“แล้วทำไมถึงอยู่สภาพนี้ล่ะครับ”


“ตอนแรกที่หนูได้ยินว่าคุณลุงเสีย หนูก็เลยอยากมาไหว้ แต่ลุงสมก็รู้ว่าคนอื่น ๆ ไม่มีใครรู้จักหนูเลย”
“แต่ตอนนี้ลุงรู้แล้ว เดี๋ยวลุงจะบอกคุณนายใหญ่ให้นะครับคุณหนู”


มันเป็นแบบนั้นก็ดี แต่ฉันรู้สึกว่ายังไม่อยากบอกใครเพราะฉันคิดว่าหมดคุณลุงเฉลิมแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปสุงสิงกันคนเหล่านั้น

“ไม่จำเป็นหรอกลุงสม บอกทุกคนแค่ว่าหนูเป็นลูกตาสัปเหร่อก็พอ เพราะยังไงหนูก็จะกลับเลยอยู่แล้ว”

“จะดีเหรอครับคุณหนู”
ลุงสมดูไม่ค่อยมั่นใจ แต่ฉันพยักหน้ายืนยัน ลุงสมก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อหันกลับไปขับรถ




ฉันนั่งต่ออีกราวสิบนาทีก็ถึงทางสะพานที่ต่อกับยอดเขาอีกลูก มานะกันจริง ๆ คนรวยเนี่ย

เอ๊ะ! ที่หัวสะพานด้านฝังนั้นมีแสงอะไรน่ะสีแดง ๆ คงไม่ไฟระเบิดหรอกล่ะมั่ง อาจจะเป็นเลเซอร์ดักจับรถแปลกปลอมก็ได้

แต่มันจะใช่จริง ๆ นะเหรอ

“ถึงแล้วครับคุณหนู”

ลุงสมเอ่ยเรียก
“ลุงเรียกหนูว่าตาลเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”


“ครับ”

ลุงสมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินลงจากรถไป ฉันกับลุงสัปเหร่อเดินตามลงมา
ภาพที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้มันตรงกลับรูปถ่ายที่คุณลุงเฉลิมส่งมาให้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน สวยไม่มีที่ติจริง ๆ

“ตามผมมาทางนี่ครับ”

ลุงสมเดินนำฉันกับตาลุงสัปเหร่อตรงมาหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางดูสง่าเหมือนนางพญา หน้าตึงเหมือนสาวสี่สิบนิด ๆ


“คุณนายใหญ่ครับ”
อะไรนะลุงสมเรียนเธอว่าคุณนายใหญ่ ฉันแทบไม่เชื่อหู คนรวยนี่นะตัดตรงนั้น เสริมตรงนี้ ดึงตรงโน้น หมดเงินนับล้านเพื่อความไม่

แน่นอนของสังขาร น่าสงสารจริง ๆ

ดู ๆ ไปคุณป้าดูไม่เสียใจเลยสักนิด นั้นสามีตายนะคะ จะไม่ได้เจออีกแล้วนะ

“มาทำไมเยอะแยะ”

เสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ มือที่ถือพัดโบกไม่หยุด ข้อนี้ฉันเข้าใจว่าคงจะเหม็น แต่เอ่อ...ไอ้ที่ว่ามากันเยอะแยะนี่ใช้อะไรมองเหรอคะ

“สัปเหร่อแกพาลูกมาช่วยครับคุณนายใหญ่”

ฉันรีบไหว้คุณป้า .... ฉันควรจะเรียกคุณนายใหญ่คงจะดีกว่า
“จะอะไรก็ช่างเถอะ รีบกลับ ๆ ไปซะ”


คุณนายใหญ่โบกมือไล่ ลุงสมเลยรีบเดินนำออกมา ตาลุงสัปเหร่อเดินตามไปแล้ว ฉันเลยรีบไหว้คุณนายใหญ่อีกครั้งแล้วเดินตามลุงสมอ
อกมา

ฉันเห็นมีตำรวจอยู่สามคนกำลังสอบปากคำของคนในบ้าน มีคนงานสองคนเดินมาช่วยลุงสมกับตาสัปเหร่อยกโลง
ฉันเดินตามพวกเขาเข้าไปในบ้าน แล้วหางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ้ม ๆ อยู่ที่โรงรถ พอฉันหันไปมองกลับไม่เห็นอะไรหรือใคร
เลย


“หนูตาลมองอะไรเหรอครับ”
ลุงสมเดินมาถามฉันตอนนี้คนที่เดินนำฉันเมื่อกี้หายไปหมดแล้ว สงสัยว่าจะไปถึงที่กันแล้ว

“เปล่าค่ะลุงสม ลุงยกโลงไปไว้แล้วเหรอ”
“ครับ ลุงเห็นหนูตาลไม่ตามมาเลยเดินมาหา”

“ขอบคุณค่ะลุงสม”

ฉันเดินตามลุงสมมาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่รู้เรื่องคุณลุงเฉลิมเลย

“ลุงสมคะ คุณลุงเขาลงเขาไปทำไมคะ”

“ลุงก็ไม่ทราบครับ แต่เมื่อเช้าของสดหมด ตอนแรกลุงจะให้ไอ้ชัยมันพาคุณพ่อบ้านลงไปซื้อ แต่ท่านเจ้าสัวบอกให้ลุงเป็นคนพาไปเพราะ
ชำนาญทางกว่าและท่านก็ไม่มีธุระอะไร แต่ก็ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ท่านก็จะลงมาทำธุระด่วนตอนที่ผมออกมาได้ไม่นาน ไอ้ชัยมันก็เลยต้องขับรถ
ให้ท่านแทนลุง ลุงกับคุณพ่อบ้านขึ้นเขามาอีกทีก็เจอรอยแปลก ๆ ก็เลยจอดรถลงไปดู ก็พบว่าเป็นรอยรถตกเหว รถระเบิดไหม้ทั้งคัน แต่
โชคดีที่มีฝนตกลง ร่างท่านเจ้าสัวก็เลยยังไหม้ไม่หมด แต่ก็เกรียมจนจำไม่ได้ ไอ้ชัยมันก็เลวไม่เหลือดี มันทิ้งท่านไว้ในรถแล้วมันก็หนี
ออกมา ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนคงจะกลัวความผิด ไอ้หลานเลว”

ลุงสมแกเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว คงทั้งเป็นห่วงหลาน และรู้สึกผิดต่อเจ้านาย ฉันเองก็เห็นใจเลยได้แต่จับมือลุงปลอบใจ

ลุงสมเปิดประตูห้องไปก็เจอเข้ากับผู้หญิงร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังดูการทำพิธีอยู่ เธอใส่เสื้อผ้าที่สาวแฟชั่นสมัยนี้นิยมใส่กัน ต่างหูยาวละคอ
ปากแดงสีเลือด แก้วแดงอมชมพู สวยแบบแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ แต่ก็สวยล่ะนะ

“ว้าย!”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2556, 20:09:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2556, 20:09:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 881





   ตอนที่ 2 >>
เพียงใจกล้า 7 ธ.ค. 2556, 15:03:07 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account