Sweet Diseases รสหวาน...ตราตรึงใจ
ภีมกำลังป่วยหนัก ไม่ใช่จากทางกาย แต่เป็นทางใจ

คนป่วยใจ รักษาด้วยจิตแพทย์ก็อาจจะหายได้ ยกเว้นว่าสาเหตุของการป่วยครั้งนี้

จะไม่ได้เริ่มมาจาก...คุณหมอ
Tags: ดราม่าโรแมนติก ภีม มิลัน รสหวาน

ตอน: บทที่ 2 (100%) : ไม่เต็มใจ

ภีมทำหน้าขรึม ขณะที่สอดตัวเข้ามานั่งในรถ มองอาการของหญิงสาวที่ซ่อนไว้ไม่มิดกำลังทำหน้าง้ำ มุมปากเหยียดออก...นี่เธอคิดว่าตัวเองกำลังโดนบังคับให้กลืนบอระเพ็ดสักกิโลหนึ่งหรือไง

อยากคิดแบบนั้นก็ตามใจ...เขาเองก็สนุกกับการได้เห็นหน้าอมทุกข์ ฝืนใจของปาริตาอยู่แล้ว

คนขับรถต้องซ่อนรอยยิ้มขำกับอาการชะงักเมื่อร่างของคุณหมอเดินเกือบถึง ทำหน้าลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ก็ยอมตัดใจเปิดประตู ปั้นหน้าเฉยเสีย ไม่ยอมปิดประตูรถ

“ปิดประตูสิ” ภีมสั่งเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่ ปาริตาเป็นยาบำบัดชั้นยอดจริงๆ

“ไม่ค่ะ” เชิดคอ ดวงตารั้น “แค่มาเอากระเป๋า ขอคืนด้วยค่ะ” ตั้งใจจะคว้ากระเป๋าที่วางตรงที่วางแขน แต่ภีมรู้ทันรีบหยิบไปหนีบไว้อีกข้าง หัวเราะเบาๆ ในคอให้คนได้ยินกัดฟันกรอด

“ปิดประตู”

ภีมเหลือบมองท่าทางหลับตาหายใจเข้าออกยาวอยู่สองสามครั้ง พอลืมตาขึ้นมาใหม่ ความสงบนิ่งก็เข้ามาแทนที่ ปาริตาคงจะใจเย็นขึ้นจนเขายั่วให้แสดงท่าทีออกมามากๆ อีกไม่ได้แน่ ภีมคิดว่าวันนี้ คงยั่วอะไรเจ้าหล่อนไม่ขึ้นแล้วแน่ๆ

“ต้องการอะไรคะ” ปาริตาปิดประตู ตัดสินใจพูดในสิ่งที่อยากรู้ทันที “เอาเนื้อๆ นะคะ ไม่เอาน้ำ”

คนได้ยินส่งเสียงหึ ไม่ตอบแต่กระชากตัวรถถอยรวดเดียว ก่อนจะพุ่งออกถนนใหญ่ นอกจากไม่ตอบคำถามที่คุณหมอต้องการ ชายหนุ่มยังเริ่มยั่วโมโหด้วยการฮัมเพลงในลำคอด้วยอารมณ์สบายใจ พอถึงช่วงไหนนึกอยากร้องก็ปล่อยเสียงออกมาไม่สนใจเก็บกัก พานให้คนร่วมนั่งในรถต้องเปิดหูรับฟังแบบไม่เต็มใจ

ท่าทางสงบ ไม่สะทกสะท้าน ที่สำคัญคืออาการเบือนหน้าหนี ทำให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับการร้องเพลงร็อคหยุดเสียง “แฟนไปไหนซะล่ะ ไม่โทรรายงานหน่อยเหรอ ว่าออกมากับกิ๊ก”

จากคนที่อยากยั่วเริ่มกลายเป็นคนพาลพาโลเสียเอง อยากเรียกร้องความสนใจ หรือเศษหางตาของปาริตาให้หันมามองกันบ้างแต่ที่ไหนได้ เมินเขา ถึงจะแค่ห้านาทีที่นั่งมาในรถ มันก็มากพอที่จะทำให้เขา...หงุดหงิด ภาพปาริตาที่พักหลังมานี้จะมีผู้ชายสูงโย่ง หน้าออกจะเป็นคนดี มีคุณธรรมขนาดเขามองยังหมั่นไส้

จากสภาพแล้ว เขากับหมอนั่น ถึงเขาจะหล่อกว่า ดูดีกว่า รวยกว่า แต่ในสายตาปาริตา ความดีในตัวเขาคงสู้นายหน้าจืดนั่นไม่ได้เลย

“กิ๊ก รู้สึกว่าจะไม่เคยมีนะคะ”

“แล้วอยากมีอะไรล่ะ มากกว่าแฟนไหม” อาศัยช่วงที่รถติดไฟแดงเยี่ยมหน้าไปถาม ในขณะที่ปาริตาจ้องตากลับไม่ยอมหลบไปไหน ออกจะติดแววเบื่อหน่าย

ภีมยกมือพาดพนักพิงที่นั่งของปาริตา เคาะเป็นทำนอง ค่อยๆ เยี่ยมหน้าไปให้ลมหายใจเป่ารินรดผิวแก้มของคุณหมอที่ไม่แม้แต่จะแสดงความกลัวออกมา แต่เพราะว่าปาริตาไม่ยอมเคลื่อนหนี กลิ่นหอมอ่อนจากผิวเนียนค่อยๆ ดึงดูดจมูกคนขี้แกล้งให้ไปใกล้มากขึ้น จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอุ่น แม้จะยังไม่สัมผัส ปลายจมูกพอเฉียดผิวแก้ม และเลื่อนไปยังใบหู กลั่นกรองคำพูดเจ็บแสบได้เท่าที่มีไฟก้อนเล็กในใจ

“ทำตัวง่ายแบบนี้กับผู้ชายทุกคนหรือไงมิลัน”


ผู้ชายคนนี้...สมแล้วที่เธอรังเกียจ

ปาริตากัดริมฝีปากล่าง เบือนหน้าหนี รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว คำพูดทุกคำของภีมมักกรีดใจเธอให้รู้สึกเจ็บได้เสมอ แม้จะพยายามเฝ้าเตือนตัวเองไม่ให้ใส่ใจเขา อาการที่เธอแสดงจึงออกมากลายเป็นพยศร้าย ไม่แคร์ แต่ก็ไม่กลัวให้เขารู้ว่าเธออ่อนแอ ทั้งที่จริงใจของเธอตอนที่เขาเยี่ยมหน้ามาใกล้จะสั่นรัวเป็นกลองแค่ไหน

แต่ก็แค่นั้น...คำพูดของเขาทำให้เธอตื่นจากฝันที่ไม่มีอยู่จริงได้เสมอ คนที่ไม่มีวันเปลี่ยนได้ คือเขา และสำหรับเธอ การที่เป็นแบบนี้มันเป็นการปกป้องตัวเอง ไม่ให้เจ็บ ไม่ว่าเขาจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหน เธอจะไม่ใส่ใจเด็ดขาด

ยิ่งเขามองเธอแย่เท่าไหร่...เขาจะยิ่งมาข้องเกี่ยวกับเธอน้อยลงเท่านั้น

“ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ...แต่กับพุท ก็คงบ่อย” หญิงสาวนึกขอโทษขอโพยรุ่นน้องของเพื่อนรักที่ถูกโยงมายุ่งในเรื่องนี้ สำหรับเธอพุทธาเป็นคนที่เธอคุยด้วยแล้วสบายใจ ถึงบางครั้งเธอจะรู้สึกว่าเด็กรุ่นน้องจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ แต่อาการสุภาพ และให้เกียรติเธอเสมอ ก็ไม่ทำให้เธอต้องรู้สึกอึดอัด...ไม่เหมือนใครแถวนี้

ภีมเหยียบคันเร่งกระชากรถออกไปเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนอีกครั้ง อารมณ์หงุดหงิดในหัวใจเล่นงาน แต่แสดงออกมาไม่ได้... “หึ ของจืดๆ จืดกับจืดมาเจอกัน สงสัยเป็นน้ำล้างผัก”

“เหรอคะ พอดีชอบทานน้ำล้างผัก มากกว่ายาพิษน่ะค่ะ” ตอบทันกันได้เชือดเฉือน แม้ใจจริงปาริตาจะรู้สึกเจ็บเหมือนโดนชกไปหลายหมัดแล้วก็ตาม

ก็แค่ของจืดๆ...จะไปสู้สาวเปรี้ยว สังคมหรูอย่างที่เขาต้องการได้อย่างไร

“ยาพิษ...เคยลองเหรอ”

“ถ้าไม่เคยลองจะรู้เหรอคะ ว่ายาพิษชนิดไหนไม่ควรหยิบมาลองซ้ำ ถ้าไม่อยากตาย”

“ตลกดีนะ” ภีมพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “เหมือนว่าเราสองคนจะมีมีดมาปาใส่กันได้ไม่หยุด...คุณไม่เจ็บ แต่ผมจุกจนเจ็บเลยล่ะ มีความสุขดีนะ”

“ท่าทางจะมีปัญหาทางจิตนะคะ”

“ผมถึงต้องมาหา ’หมอ’” จงใจย้ำสถานะหลังว่าหมอที่ว่าไม่ใช่แค่หมอ “ถ้าเป็นมะเร็ง ผมคงตายไปนานแล้ว”

“สาวๆ ในฮาเร็มคุณน่าจะรักษาได้นะคะ”

“วันนี้ผมถึงพาคุณมาหาหนึ่งในสาวฮาเร็มของผมไง...ฉลาด สวย น่ารัก”

“ไม่มีความจำเป็นสักนิด...เสียเวลาการนอนของฉันค่ะ” ปาริตาหาเหตุผลมาอธิบาย ไม่อยากหาเรื่องทะเลาะหานให้โยนมีดใส่กันไปมากกว่านี้ ได้แต่เฝ้าเตือนเขาจะไปสนใจใครก็ไม่ใช่เรื่องเธอ เรื่องของเธอเรื่องเดียวในตอนนี้ คือเอากระเป๋าตัวเองกลับมา และลงจากรถ

“ผมลืมไป” ภีมตอบเบาๆ “แถวนี้ใกล้คอนโดของผมพอดี นอนที่นี่เลยแล้วกัน”

“ฉันไม่รบกวนคุณขนาดนั้นหรอกค่ะ” กัดฟันตอบ เห็นทิศทางรถเลี้ยวเข้าไปในตัวตึกสูงสีน้ำตาลตัดขาวหลายสิบชั้นดวงตาที่มองอยู่ก็ยิ่งเบิกกว้าง

เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ชื่อภีมจะเอาแต่ใจตัวอย่างร้ายกาจ เขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่เคยต้องการความช่วยเหลืออะไรจากเขา แต่นี่มันไม่ใช่การช่วยเหลือ...มันคือการบังคับ

จะทำให้เธอต้องเกลียดเขามากไปถึงไหน

“หรือไม่กล้า บอกไว้ก่อนว่าหน้าผักต้มแบบคุณผมกินไม่ลงหรอก”

อีกครั้งที่ปาริตารู้สึกโดนภีมตบหน้าด้วยคำพูด รถของเขามาจอดลงที่ชั้นเก้าซึ่งก็คงเป็นชั้นที่พักของเขา มองกระเป๋าของตัวเองที่เขาส่งมาให้เธอโดยไม่ต้องให้ทวงรอบสามรอบสี่ ให้เวลาเธอตัดสินใจด้วยการถอดกุญแจรถ ลงไปรอข้างนอก ปล่อยให้เธอนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน

หน้าผักต้มอย่างเธอถ้าไม่น่าสนใจแล้วใครใช้ให้เขามายุ่มย่ามกับเธออาทิตย์ละหลายวันกัน...คนโดนว่าหลับตาสงบสติอารมณ์ อยู่กับภีมอารมณ์ของเธอโดนเขาปั่นเล่นยิ่งกว่าเครื่องเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์เสียอีก

อดไม่ได้ที่อาการง่วงจะเริ่มเข้ามาทักทาย ตอนนี้เธอก็ไม่ได้นอนมาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยแล้ว ยกมือปิดปากหาว ตัดสินใจออกมาจากในรถของเขา มองลานจอดรถสำหรับผู้พักอาศัยในตัวตึกผ่านๆ เห็นว่ามีแต่รถราคาแพง ขนาดเธอที่ชีวิตพลิกผันได้มีโอกาสใช้ของแพงได้ เธอยังเลือกขับรถกระป๋องธรรมดาที่จอดทิ้งไว้ที่บ้านพักหลังย่อมของเธอ ดีกว่าการนั่งรถไปทำงานที่โรงพยาบาลผจญกับรถติดเป็นไหนๆ

จังหวะที่ภีมกอดอกพิงรถรอ ปาริตารีบเดินกึ่งวิ่งกอดกระเป๋าของตัวเองเดินลงไปยังทางวิ่งขึ้นลงของรถ หน้าผักต้มอย่างเธอขอทนง่วงกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า

“ขี้ขลาด...ทำไมกลัวใจตัวเองจะทนอยู่ใกล้อดีตแฟนไม่ได้หรือไง”

กึก...ปาริตาหยุดเดิน หันมาส่งสายตาวาวใส่ผู้ชายที่ย่างก้าวตรงมาไม่รีบร้อน ในที่สุดเขาก็ทำให้เธอซ่อนสีหน้าไว้ต่อไปไม่ได้ “เข้าใจอะไรผิดไปไหมคะ ฉันไม่เคยเป็นแฟนกับคุณ แค่คิดก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนจนอยากอาเจียนเลยค่ะ”

และคุณหมอสาวก็เพิ่งรู้สึกว่าพลาดที่ไปปลุกนิสัยร้ายกาจของเด็กในร่างผู้ใหญ่ให้ตื่น ภีมตรงดิ่งก้าวยาวไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ จัดการช้อนตัวเธอพาดบ่าแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงพาเดินกลับไปยังทางเข้าที่พัก พูดเสียงเรียบแต่มั่นคง

“จะนอนพักดีๆ หรือจะทำให้เพลียแล้วค่อยนอน มิลัน”

คำพูดความหมายพานให้คิดทำให้ปาริตาเม้มปากแน่น นึกเพิ่มข้อเสียอันร้ายกาจของเขาเข้ามาในใจ ให้ภาพพจน์ของภีมที่ไม่มีดีอยู่แล้วติดลบแบบหาทางกลับมาสว่างไสวในใจเธอไม่เจอ เขามันบ้า...ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอเกลียดเขาแค่ไหน ก็ยังชอบแสดงท่าทางที่เธอเกลียดให้เธอต้องเกลียดเพิ่มขึ้น

“ปล่อยเถอะค่ะ...มีขา เดินเองได้”

ร่างของเธอถูกวางลงบนพื้น โดนดันให้เดินต่อเอง มีเสียงบ่นไล่หลังจากเขามาทดสอบความอดทนของเธออีกหลายๆ รอบในวันนี้

“หนักชะมัด ไหล่จะอักเสบไหมเนี่ย”

เขามันบ้า...บ้ากว่าคนไข้ทุกคนที่เธอเคยเจอ อย่างน้อยๆ สำหรับคนไข้เธอก็รับมือได้ ไม่เหมือนกับเขาสักนิด

............................................
พี่ภีมทำไมนิสัยอย่างนี้ แอบปาดเหงื่อ

คุณ ร้อยวจี เครียดไหม นิดหนึ่งค่ะ แต่มีช่วงเบรกอารมณ์ ^^

คุณ konhin อยากให้เก๊กหลุดเหมือนกันค่ะ แต่อารมณ์ของมิลันยังพาไปไม่ถึง แอบพาพุทธามาชะแวบแล้วจากไป ฮา

คุณ ปรางขวัญ ปากหนักค่ะ จริงๆ เขียนไปเขียนมาก็ชักรู้สึกว่าพี่ภีมบ้ามาก นิสัยเสียได้อีก ไม่รู้ว่าอ่านไปจะรักหรือจะเกลียดค่ะ

คุณ ใบบัวน่ารัก หลานยังไม่มาเลย แปะโป้งก่อนนะคะ ตอนนี้ยังคิดชื่อหลานได้ไม่ครบเลย ฮา เดี๋ยวพามาป่วนค่ะ

คุณ sai จากน่ารัก มากวน ตอนนี้มานิสัยเสียต่อ เป็นผู้ชายที่มีพัฒนาการลงค่ะ

คุณ ผักหวาน ขอบคุณสำหรับทุกๆ เมนท์จากเรื่องสวีทอีกสองเรื่องเลยนะคะ อ่านหมดแล้วค่า ^^ เรื่องนี้มิลันโชคดีที่มีคนรอบข้างดี แต่ไม่รู้ว่าพบภีมจะโชคแบบไหนนะคะ

ขอบคุณทุกๆ ความเห็น ทุกคะแนนโหวต และนักอ่านเงาทุกท่านค่า เรื่องนี้ไปแบบช้าๆ อีกสักพักจะมาอัพเรื่องนี้บ่อยขึ้นนะคะ ^^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2556, 15:46:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2556, 15:46:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1568





<< บทที่ 2 (50%) : ไม่เต็มใจ   
ใบบัวน่ารัก 2 ธ.ค. 2556, 16:37:38 น.
ปากไม่ตรงกะใจ
ดีกันนะคะ หรืออะไปร่วมกู้ชาติกู้บริษัทกันดี
จะได้ปรับความเข้าใจกัน น่าจะดี


sai 2 ธ.ค. 2556, 20:56:24 น.
อีตาภีมปากอย่างนี้น่าเอาตะกร้อครอบนะ


konhin 3 ธ.ค. 2556, 04:39:19 น.
ปากร้ายมากๆ


ผักหวาน 3 ธ.ค. 2556, 16:04:36 น.
สองคนนี้จะเปิดใจกันตอนไหนคะเนี่ย

พี่คุ๊กกี้ของน้องมิลัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account