Sweet Diseases รสหวาน...ตราตรึงใจ
ภีมกำลังป่วยหนัก ไม่ใช่จากทางกาย แต่เป็นทางใจ

คนป่วยใจ รักษาด้วยจิตแพทย์ก็อาจจะหายได้ ยกเว้นว่าสาเหตุของการป่วยครั้งนี้

จะไม่ได้เริ่มมาจาก...คุณหมอ
Tags: ดราม่าโรแมนติก ภีม มิลัน รสหวาน

ตอน: บทที่ 2 (50%) : ไม่เต็มใจ


ผู้ชายตัวสูงโย่งสวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมคอลงไปสองเม็ด กางเกงยีนส์สีเข้ม นั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีชมพู สายตาจดจ้องกับบรรดาอาหารที่ตนตั้งใจซื้อมาเป็นอาหารเที่ยงประทังท้องที่ไม่มีอะไรย่อยมาเกินสิบชั่วโมง หยิบช้อนสั้นตักทานอาหารแบบไม่นึกท่ามาก

คุณหมอปาริตาเลิกคิ้วมองแวบหนึ่ง ก่อนจะเลิกให้ความสนใจ ไม่มีความจำเป็นจะมานึกโกรธ นึกเกลียด แต่ให้เธอไว้ใจ เชื่อใจเขานั้น ไม่มีทางเด็ดขาด

“สวัสดีค่ะป้าแวว ขอบคุณสำหรับน้ำส้มนะคะ เย็นชื่นใจเหมือนเดิมเลยค่ะ” เลือกทักหญิงที่อายุมากกว่ามารดาของเธอร่วมสิบปีด้วยรอยยิ้มหวาน ถือขวดน้ำส้มที่พร่องเกินครึ่งเป็นพยานว่าเธอไม่ได้พูดเอาใจ “ว่าจะมาเหมาเอากลับไปทานที่ห้องด้วยค่ะ”

แววสวมเสื้อปกคอบัวสีขาว กางเกงผ้าหนา หุ่นเจ้าเนื้อ กอปรกับรอยยิ้มใจดีเป็นนิจทำให้ปาริตาวางใจที่จะสนทนากับหล่อนได้ทุกครั้งที่เลิกงาน ถึงจะต้องพบใครอีกคนนั่งเสนอไม่ไกลเหมือนไส้ติ่งในท้องก็ตาม

หญิงสาวเดินชิดรถเข็นน้ำผลไม้ สายตาสำรวจดูก็พบว่าผลไม้ที่บรรจุเต็มคันรถในตอนเช้าหายไปเกินครึ่ง ฝีมือแววเป็นที่ติดปาก ถูกใจใครแถวนี้กันทั้งนั้น ลูกค้าประจำอย่างหมอ พยาบาลผ่านไปมาก็แวะซื้อกันติดไม้ติดมือไป ขาจรอย่างคนไข้ ญาติคนไข้ที่พอได้ลองมีอันได้ติดใจจนต้องวนกลับมาซื้อซ้ำอีกหลายๆ รอบ

ป้าแววลุกจากที่นั่งมองค้อนคุณหมอที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาของเธอเสมอ สลับกับมองไปยังผู้ชายตัวโตที่นั่งตักข้าวคำโตเข้าปาก ไม่ได้ใส่ใจที่จะมองมายังปาริตา แต่เธอก็พอรู้ว่าแอบเผลอเป็นต้องเหลือบมองตลอด ทำมาใจดีกับคนแก่...จริงๆ คงอยากให้ใครแถวนี้สนใจมากกว่า

“ทานข้าวกับป้าก่อนสิมิลัน ป้ารู้นะว่ามิลันยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

“ป้ารู้ได้ไงคะ มิลันอาจแวบไปทานมาแล้วก็ได้” หญิงสาวตอบอย่างรู้ทัน ถึงยังไม่ทานอะไรมาจริง เธอก็ยังไม่อยากไปนั่งทำหน้ากลืนข้าวไม่ลงให้ป้าแววไม่สบายใจ

“พยาบาลมิ้มบอกป้ามาน่ะสิ ดูสิ ผอมจนจะปลิวลมได้แล้วนะมิลัน ถ้าไม่อยากให้ป้าไม่สบายใจรีบมากินข้าวก่อนเลย หรือรังเกียจที่ต้องทานข้าวกับป้า”

เจอหมัดเด็ดของป้าแววดักทางปิดการหนีแบบนี้ปาริตาได้แต่เดินตามไปนั่งลงบนโต๊ะแบบไร้ข้อบิดพลิ้ว เจ้าของร้านน้ำผลไม้จงใจยกตะกร้าส้มไปวางขวางตำแหน่งที่นั่งตรงข้ามกับภีม ส่วนตัวเองไปนั่งสบายอีกด้านโต๊ะ ปล่อยให้ที่นั่งว่างอีกที่ซึ่งติดกันกับภีมถูกปาริตานั่งจับจองอย่างไม่เต็มใจ

“กินเยอะๆ ให้ป้าสบายใจ” ข้าวสวยสองทัพพีตักวางบนจานกระเบื้องลายดอกไม้ ช้อนสั้นวางเคียงกัน ภีมเลื่อนมาให้เงียบๆ ไม่พูดอะไร ปล่อยให้หญิงสาวเม้มปากแน่น แต่เพราะว่ามีป้าแววอยู่ร่วมด้วย เธอถึงพยายามไม่แสดงท่าทางไม่อยากเข้าใกล้ภีมให้ท่านไม่สบายใจ ได้แต่ตักอาหารทานเงียบๆ

“ป้าไปดูลูกค้าก่อนนะ”

ปาริตาตั้งท่าจะเอ่ยค้าน แต่พอเห็นสายตาคมกริบของภีมจ้องมาอย่างท้าทายคล้ายจะบอกว่าเธอมันขี้ขลาดเหลือจะกล่าวได้แต่หุบปากฉับ กลั้นใจด้วยการตักกระเพราไก่พริกแดงมาใส่จานทานต่อ

“จะกลับยังไง”

คนที่รู้ตัวว่าถูกถามทำเป็นไม่ได้ยิน จรดปากซึมซับแกงจืดเต้าหู้หมูสับที่ยังอุ่นๆ ด้วยรอยยิ้มถูกใจ...รู้ว่าเธอเสียมารยาท แต่ในเมื่อเขาพูดแบบไม่มีเจาะจง เธอก็ไม่ตอบ

“รวนเก่งดี” ภีมกัดฟัน มองท่าทางไม่มีเขาในสายตา ได้แต่ย้ำเตือนให้เขาไม่สนใจ ไม่ให้เจ้าหล่อนได้รู้ตัวใดๆ ว่าเธอสำคัญต่อใจเขามากแค่ไหน

“ไก่รวนอร่อยดีนะคะ” เนื้อไก่สีน้ำตาลเหลืองกรอบเคี้ยวด้วยรอยยิ้มมุมปาก รู้สึกสะใจลึกๆ ที่เห็นว่าใบหน้าคมกำลังบึ้งจัดแบบไม่มีปิดบัง...แต่ไหนแต่ไร ผู้ชายพันหน้าคนนี้ก็มักเสแสร้ง ไม่จริงใจ จนไม่รู้ว่าหน้าแบบไหนคือของจริง

หน้าโกรธนี่อาจจะแค่แสดงก็ได้...ปาริตารู้สึกเจริญอาหารตรงหน้ากว่าเมื่อนาทีก่อนขึ้นมาก

“ไม่ยักรู้ว่ากวนด้วย”

“อยากกินมะม่วงกวน” คนอารมณ์ดีสวนด้วยใบหน้ายิ้ม ดวงตากลมโตประกายขำ พอเห็นอาการนิ่งค้างไปของภีม ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะยิ้มตอบกลับมา รอยยิ้มสวยบนหน้าของปาริตาจึงหายวับ กลายเป็นเรียบเฉย นึกตำหนิตัวเองในใจที่เผลอแสดงท่าทีเป็นมิตรไปให้เขาอย่างลืมตัว

ทำเหมือนๆ เดิม ก็จะเจ็บเหมือนก่อน...ผู้ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้

“คิดว่ายิ้มหยอดกระปุกเหรอมิลัน งกไม่เข้าเรื่อง”

“นี่คุณ” คนโดนยั่วอารมณ์กัดฟันกรอด ไม่พยายามไหลไปตามเกมของภีมอีก พอทานอาหารหมดในเวลาอันรวดเร็วร่างผอมรีบลุกขึ้นยืน ตั้งใจคว้ากระเป๋าถือบนโต๊ะมาสะพาย ใครอีกคนก็ลอยหน้าลอยตาคว้าไปอย่างหน้าด้านๆ

“โทษทีติดมือ กระเป๋ามีกาวตาช้างด้วยนะเนี่ย สะบัดให้ตายคงไม่หลุดง่ายๆ”

นั่นมันคุณต่างหาก...ปาริตาอดกลั้นสุดความสามารถไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นมาบีบคอคนเจ้าปัญหา จินตนาการว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับผู้ป่วยร้ายกาจสักคน ที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากเธอ

“ขอกระเป๋าคืนด้วยค่ะ”

“จะคืนก็ต้องเดินทางไกลหน่อย” ภีมยิ้มกริ่ม ทำไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ดวงตายังจ้องรอยฉงนจากนัยน์ตาของอีกฝ่าย “ช่วยงานคนป่วยเล็กๆ น้อยๆ ‘หมอ’ คงว่างนะครับ”

คนอยากป่วยแสดงท่าทีเป็นต่อ ยกกระเป๋าถือมีสายคล้องยาวสีน้ำตาลของเธอโยกไปมา มีรอยยิ้มร้ายแต้มริมฝีปาก...เธอเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของเขาที่สุด

“ถ้าป่วยนักอย่าลืมไปตรวจคลื่นสมองด้วยนะคะ...เผื่อจะพบว่าคุณมีอาการผิดปกติทางสมอง”

“ตกลงจะไม่ช่วย” ท้ายประโยคเสียงสูง คิ้วเข้มข้างหนึ่งยกขึ้น ยิ่งทำให้คนมองระงับอาการหน้าบึ้งไว้ไม่ได้อีกต่อไป

“จะให้ทำอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ...อย่าให้โมโหง่วง”

มุขโมโหง่วงพานให้คนฟังขำพรืด ภีมเพิ่งสังเกตว่าใต้ตาสองข้างของปาริตาบวมขึ้นมาอย่างคนอดนอน...นึกเป็นห่วงสุขภาพของคุณหมอ ไม่รู้ว่าได้ดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า หรือมัวแต่ดูแลใครต่อใคร แต่ลืมใส่ใจตัวเอง

“หน้าตาโทรมขนาดนี้ ส่องกระจกคุณอาจตกใจได้นะ หน้าซีดๆ ตาโหลๆ”

ปาริตาเม้มปาก จ้องคนวิจารณ์ใบหน้าเธอด้วยแก้มขึ้นสี ใช้เวลาหาทางตอบโต้ได้รวดเร็ว “แต่ขนาดหน้าโทรมๆ จนเหมือนผี ใครแถวนี้ก็เหมือนจะติดใจ ถึงได้อยากมาพบมาเจอของแปลก...จริงไหมคะ”

ภีมจ้องหน้าคนพูดนิ่ง ไม่แสดงความนึกคิดออกมานอกจากลุกขึ้นเดิน มือติดกระเป๋าแบบที่เจ้าตัวเรียกว่ามีกาวตราช้างแปะอยู่ไป ปล่อยให้คุณหมอนั่งอึ้ง กว่าจะรู้ตัวว่าต้องรีบตามไป ป้าแววก็เดินเข้ามาหาอย่างรู้จังหวะ

“พ่อหนุ่มไปไหนแล้วล่ะมิลัน”

ไปบ้าค่ะ...ปาริตานึกคำตอบให้ในใจ ได้แต่ยกมือไหว้ป้าที่ยัดเยียดน้ำผลไม้อีกหลายขวดติดไม้ติดมือเธอกลับมาด้วย “เอาไปแบ่งพ่อหนุ่มหน่อยนะมิลัน อุตส่าห์ซื้ออาหารมาให้เต็มโต๊ะ”

“ขอโทษนะคะป้าที่มิลันไม่ได้ช่วยป้าเก็บโต๊ะเลย พอดี...” ไล่สายตาไปยังร่างสูงที่ยืนพิงรถยุโรป หันข้างใส่เธอ มือควงกุญแจเล่น ยิ่งเห็นอารมณ์ด้านมืดของเธอยิ่งเล่นงาน...ผู้ชายคนนี้ชอบทำให้เธอหงุดหงิด โมโห และหมั่นไส้ได้อยู่เรื่อย ทั้งที่ปกติเธอไม่เคยรู้สึกติดลบกับใครมาก่อน

ผู้ชายคนนี้กวนประสาท บ้า และเด็ก เป็นผู้ใหญ่นิสัยเด็กที่ชอบเรียกร้องความสนใจที่สุด

แววยกมือไล่ด้วยสีหน้าของคนที่ผ่านโลกมามาก สายตาของเธอพอมองออกว่ามีบางอย่างที่คนคู่นี้ยังก้าวข้ามมันมาไม่ได้ ถึงได้แสดงท่าทางแปลกออกมาให้คนแก่อย่างเธอขบคิดตามไม่ทันตลอดหลายเดือนนี้

คนหนึ่งนั่งเฝ้า แต่ก็ทำเหมือนไม่ได้มาเพื่อรอหมอปาริตา บางวันแค่เห็นหน้าก็กลับไป แต่วันไหนที่ปาริตาเลิกไม่ตรงเวลา เหตุการณ์ก็มักลงเอยด้วยการคนสองคนสร้างสงครามประสาทขึ้นมา

“รีบไปเถอะมิลัน ป้าเองก็ยังกินได้อีกมื้อ ค่อยเก็บได้” หน้าของเด็กรุ่นลูกแม้จะไม่ได้ทำปากยื่นไม่พอใจ แต่ดวงตา และอาการนิ่งเงียบ เม้มปาก ก็พอแสดงออกให้รู้ว่าปาริตาไม่พอใจมากแค่ไหน...อดีตแม่บ้านจับต้นแขนของปาริตา เตือนด้วยความเป็นห่วง

“มิลัน อย่าให้ทิฐิมันบังหัวใจจนมองไม่เห็นอะไรเลยสิ ป้าอยากเห็นหนูมีความสุขในทุกๆ เรื่อง ที่ผ่านมาชีวิตของหนูเหนื่อยมากพอแล้วนะ”

ปาริตายิ้มให้กับความหวังดี และคำแนะนำอย่างผู้ใหญ่ที่เธอฟังแล้วอบอุ่น คงยกเว้นเรื่องหนึ่ง...ทิฐิ เธอมั่นใจว่าที่มีอยู่มันไม่ใช่ทิฐิอย่างที่ป้าแววว่า

แต่เธอแค่ไม่พร้อมพาตัวเองไปรับรู้ความไม่จริงใจของอีกฝ่ายอีกครั้ง...เท่านั้นเอง
...........................................

มาครึ่งแรกก่อนนะคะ

คุณ ใบบัวน่ารัก สี่ปีมีสองคน พี่ปั้นเขาเก่ง ฮา ส่วนคู่นี้คงต้องลุ่นกันจนเหนื่อยไปข้างค่ะ พี่ภีมก็ใช่ย่อย

คุณ konhin ยินดีต้อนรับค่า อิอิ หมอเขาไม่รู้ว่าอยากได้ยาใจจากภีมไหมนะคะ จะเป็นยาขมแทน

คุณ ร้อยวจี พามาครึ่งตอนก่อน ไม่รู้ว่าบทนี้จะฮาดีหรือเครียดดีค่ะ >_<

คุณ ปรางขวัญ ฝากป้าแววไปบอก ท่าทางจะไปไม่ถึงใจหมอมิลันเขาค่ะ คงอีกนาน

คุณ sai มาลุ้นต่อนะคะ ว่าภีมจะน่าสงสารต่อไปอยู่ไหม

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากดไลท์มากค่า ^^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ย. 2556, 01:26:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ย. 2556, 01:29:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1601





<< บทที่ 1(100%): การเปลี่ยนแปลง   บทที่ 2 (100%) : ไม่เต็มใจ >>
ร้อยวจี 26 พ.ย. 2556, 01:42:23 น.
สงสัยจะเครียดค่ะ แต่อย่ามากนะคะ อยากให้หวานๆ มีดราม่าเล็กๆ แต่สุดท้ายตามใจไร้ท์เตอร์ค่ะ รออีกครึ่งนะคะ


konhin 26 พ.ย. 2556, 05:19:38 น.
เก็กเข้าไป ระวังเก็กแตกซักวัน ทั้งคู่เลยอ่ะ


ปรางขวัญ 26 พ.ย. 2556, 07:06:49 น.
คุณภีมขาาา คิดถึงหมอก็บอกตรงๆสิคะ


ใบบัวน่ารัก 26 พ.ย. 2556, 07:09:55 น.
ดื้อกันจังทั้ง2 คน ไปๆๆๆเลี้ยงหลานๆๆกัน
น่าสนุกออก หลานชื่ออะไรบ้าง เหมือนใครบ้างคะ


sai 26 พ.ย. 2556, 07:33:20 น.
หมูภีมน่ารักได้แปบ กวนอีกแล้ววว


ผักหวาน 26 พ.ย. 2556, 20:56:03 น.
ยังดีที่ชีวิตของหนูมิลันยังมีคนดีๆ อย่างป้าแววเป็นห่วงเป็นใยนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account