เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)

Tags: นิยายรัก,นายแบบ

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

บอลด์วินที่ตอนนี้ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เดรสเซอร์ได้จัดการเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนร่างกำยำให้เรียบร้อย พร้อมกับอมยิ้มเผลอมีเสียงหัวเราะเล็ดลดออกมาอย่างขำๆ บ้างเมื่อเดรสเซอร์สาวสวยที่กำลังทำหน้าที่สวมเสื้อผ้าให้เขามีอาการมือสั่น หน้าแดง จับผิดจับถูกอยู่บ่อยครั้ง

“ใจเย็นๆ ครับยังพอมีเวลา”

ชายหนุ่มปลอบพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้หญิงสาวในชุดสีดำรวบผมหางม้าสูงเงยหน้าขึ้นมายิ้มแห้งๆ

“ค่ะ ขอโทษจริงๆ คือฉัน…”

“ผมเข้าใจครับ คนที่เพิ่งมาทำงานนี้ใหม่ๆ อาจจะมีอาการแบบคุณเสมออยู่ๆ เดี๋ยวก็ชินครับ”

คนที่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคยืดตัวขึ้นมองหน้านายแบบหนุ่มหล่อ และหล่อแบบร้ายกาจต่อหัวใจสาวๆ รวมถึงหัวใจเธอด้วย โคลงศีรษะไปมาแล้วพยักหน้ารับเสียไม่ได้

“ค่ะ คงงั้นมั้งคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”

บุษบันที่สวมเสื้อผ้าให้นายแบบคนสุดท้ายเสร็จก็เดินเลี่ยงออกมาเตรียมชุดต่อไปด้วยท่าทางเครียดเล็กน้อย

เธอไม่ได้เครียดที่โดนนายแบบสุดหล่อคนนั้นว่าเป็นมือใหม่ ทั้งที่ทำงานนี้มาหลายปีแล้ว แต่เครียดที่ชายหนุ่มสร้างความปั่นป่วนให้เธอจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แค่เห็นหุ่นล่ำๆ อย่างคนสุขภาพดี อกกว้างดูแน่นหนั่นมีไรขนบางๆ ปกคลุม หน้าท้องที่ปราศจากไขมันมีเพียงกล้ามท้องสวยๆ หน้าเธอก็แดง มือไม้ก็พานสั่นเมื่อเผลอไปโดน ทำตัวเหมือนเด็กใหม่อย่างที่ชายหนุ่มว่า ทั้งที่รูปร่างหน้าตาแบบนี้ใช่จะไม่เคยเห็นไม่เคยสัมผัส เมื่อคืนเธอต้องนอนไม่พอหรือเมื่อเช้าทานข้าวไม่อิ่มแน่ๆ ถึงได้มาออกอาการกับนายแบบคนนี้ นายแบบคนที่…บุษบันคิดพลางแอบเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง

ที่กำลังมองมาที่เธอยิ้มๆ ใจสั่นมือสั่นอีกแล้ว บุษบันรีบหันกลับพร้อมสบถบ่นคนเดียว ต้องใจเย็นๆ…ใจเย็นๆ บอกตัวเองในใจพร้อมกับยกมือลูบอกที่สัมผัสได้ถึงการเต้นแรงของหัวใจเบาๆ โดยไม่รู้ตัวว่าตัวต้นเหตุกำลังเดินมาหา

“เป็นอะไรหรือเปล่า ผมทำให้คุณเครียดหรือเปล่าครับ”

เพียงปลายนิ้วสัมผัสที่ต้นแขนแม้จะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้บุษบันถึงกับสะดุ้ง หมุนตัวพลางปัดมือชายหนุ่มออกราวกับมันคือของร้อน และเมื่อเห็นสีหน้าคล้ายกับเขารู้สึกเสียใจที่มายุ่งกับเธอ ทำให้บุษบันต้องรีบโค้งและเอ่ยปากขอโทษ

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ พอดีกำลังคิดอะไรเพลิน คุณมาทักเลยตกใจมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ผมแค่เป็นห่วงว่าคุณจะเครียดเรื่องงานที่มีผมเป็นต้นเหตุหรือเปล่า”

“มะ…ไม่ค่ะฉันสบายมาก แต่อาจจะตื่นเต้นมากเกินไปนิดหนึ่ง เดี๋ยวรอบหน้าฉันให้พี่ซีหัวหน้าทีมเป็นคนเปลี่ยนชุดให้คุณดีกว่านะคะ”

บุษบันเสนอและคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเองและนายแบบหนุ่มหล่อคนนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่แค่หน้าตาดีแต่ใจดีด้วย

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลัวนายแบบคนอื่นจะไม่เข้าใจ คุณมาช่วยผมเปลี่ยนชุดน่ะดีแล้ว ตงไหนคุณติดขัดเดี่ยวผมทำเอง…โอเคนะ ได้เวลาแล้วไปล่ะ”

ชายหนุ่มยกมือเป็นการบอกลาเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังนายแบบคนอื่นที่เริ่มทยอยเดินออกไปสู่แคทวอร์คด้านหน้า

และเวลานี้เองที่อโรชาเพิ่งจะสอนงาน แนะนำและอธิบายการทำงานเพิ่มเติมให้กับเด็กใหม่ตัวจริงเสร็จก็รีบปลีกตัวมาหาบุษบันทันที

“พี่เห็นคุณวินซ์เดินมาคุยกับเธอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าบุษ” อโรชาถามอย่างเป็นห่วง เพราะบางทีนายแบบนางแบบบางคนก็เอาเรื่องเหมือนกัน

“เปล่าค่ะพี่ เราคุยเรื่องงานกันนิดหน่อยไม่ได้มีปัญหาอะไร”

“งั้นก็แล้วไป งั้นทำงานต่อเถอะ หนุ่มๆ กลับเข้ามาแล้ว”

ว่าแล้วอโรชาก็ผละไปทำงานประกบเด็กใหม่ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็ลงมือทำงานของตัวเองไป รวมถึงบุษบันที่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อเห็นนายแบบลูกครึ่งสุดหล่อที่เธอเพิ่งรู้จากอโรชาเมื่อครู่ว่าเขาชื่อ ‘วินซ์’ กำลังกลับเดินเข้ามา หน้าที่เปลี่ยนชุดของเธอก็ต้องเริ่มขึ้น

แม้อาการหน้าแดงใจสั่นมือสั่นจะยังไม่หายขาดแต่ก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกนิดหน่อย อีกทั้งได้ความร่วมมือจากนายแบบหนุ่มเป็นอย่างดี ทำให้การเปลี่ยนชุดที่ต้องแข่งกับเวลาผ่านไปอย่างไม่ติดขัดหรือมีปัญหา ทุกชุดทุกรอบผ่านฉลุยจนกระทั่งจบงาน

หลังจากเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดของตัวเอง บอลด์วินก็เดินมาชะเง้อคอมองหน้าเดรสเซอร์สาวสวยที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ แต่มองไปจนรอบห้องแล้วกลับไม่เจอ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินไปถามหญิงสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ

“ขอโทษนะครับ คุณเห็นผู้หญิงที่ช่วยผมเปลี่ยนชุดระหว่างเดินแบบไหมครับ”

อโรชาหันมาเลิกคิ้วมองนายแบบหนุ่มหล่อแล้วแสร้งขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังคิดว่าลูกทีมคนไหนเป็นคนช่ยนายแบบหนุ่มคนดังเปลี่ยนชุด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

“คนที่สูงๆ ผมยาวๆ หน้าตาสวยๆ หน่อยครับ”

ชายหนุ่มพยายามอธิบายลักษณะเด่นของหญิงสาวและเท่าที่ดูลักษณะแบบนี้เขามั่นใจว่าในทีมน่าจะมีคนเดียว

“มีธุระอะไรกับน้องเขาหรือเปล่าคะ”

“อ๋อ เปล่าหรอกครับผมอยากคุยกับเธอนิดหน่อย”

บอกพลางยิ้มเขิน นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งน่ามองและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก จนอโรชากังวลว่าถ้าบุษบันได้ทำความรู้จักหนุ่มหล่อคนนี้ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมาเป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจของน้องชายเธอก็เป็นได้

“พอดีน้องเขามีธุระด่วนน่ะคะ จบงานแล้วจึงขอตัวกลับบ้านเลย”

“อย่างนั้นเหรอครับ ไม่เป็นไรขอบคุณครับ”

“ค่ะ”

อโรชาที่แอบเห็นสีหน้าผิดหวังของชายหนุ่มมองตามร่างสูงที่เพิ่งผละออกไป แล้วถอนหายใจแล้วเอ่ยขอโทษขอโพยชายหนุ่มและบุษบันในใจ ที่ห็นแก่ตัวและรักน้องชายมากไปหน่อย

“ขอโทษทีคะพี่ซี ที่เข้าห้องน้ำนานไปหน่อย”

เสียงของหญิงสาวเพิ่งเดินเข้าห้องมาหลังจากที่บอลด์วินเดินออกไปไม่นาน ทำให้อโรชาที่กำลังเก็บของสะดุ้ง มองไปที่ประตูห้องนิดหนึ่งแล้วหันมายิ้มแหยๆ ให้กับลูกทีมคนสวย

“ไม่เป็นไรจ๊ะ นี้ก็ใกล้จะเก็บของเสร็จแล้วล่ะ”

บุษบันพยักหน้าช่วยหัวหน้าทีมเก็บของไปพักหนึ่งก่อนจะทำท่ามองหาใครสักคน และนั่นทำใหอโรชาแอบมองปฏิกิริยาของหญิงสาวอดที่จะเอ่ยถามได้

“มองหาใครหรือเปล่าบุษ”

“ปะ…เปล่าค่ะ แค่ดูว่านายแบบกลับไปหมดทุกคนหรือยังเท่านั้นเองค่ะ”

บุษบันตอบแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของ เลิกสนใจที่จะมองหานายแบบหนุ่มที่กระซิบบอกก่อนจะออกไปเดินบนแคทวอร์ครอบสุดท้ายว่า ‘หลังเสร็จงานไว้เรามาคุยกันนะ’ แม้ลึกๆ จะผิดหวังเล็กน้อย แต่จะเอาอะไรกับพวกหล่อเลือกได้ เขาคงทำเป็นหมาหยอกไก่เล่นๆ เท่านั้น



เรื่องนายแบบหนุ่มหลุดออกไปจากวงโคจรความสนใจของบุษบันทันที เมื่อเธอต้องทำงานเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ไปอีสานกลับมาที่กรุงเทพตลอดตามแต่จะมีการว่าจ้าง และยิ่งช่วงนี้เปลี่ยนฤดูงานยิ่งชุกแทบจะไม่มีวันหยุด ดังนั้นตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมาในหัวของบุษบันจึงไม่มีเรื่องอื่นนอกจากงานๆๆ และงาน แม้อริญชย์จะโทร.หาเกือบทุกวันหวังจะให้เธอรู้จักเขามากขึ้นและเร่งความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้า แต่สำหรับบุษบันแล้วความรู้สึกทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม

อย่างพรุ่งนี้อริญชย์รู้ว่าเธอหยุดก็โทร.มาชวนไปทานข้าวเที่ยง แต่เธออยากตื่นสายๆ ใกล้เที่ยงค่อยขยับก้นไ ปหาข้าวทานที่ห้าง จากนั้นก็เดินช็อปปิ้งคนเดียวแบบสบายๆ ต่อมากกว่าจึงตอบปฏิเสธไปพร้อมกับให้เหตุผลสั้นๆ ว่ามีนัดกับเพื่อนแล้วจากนั้นก็ขอตัววางสายเป็นการตัดบทสนทนาที่คงจะยืดยาวจนเธออาจจะเผลอพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้แน่ว่าโกหก

ดังนั้นวันหยุดวันนี้บุษบันจึงตื่นเกือบสิบเอ็ดโมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวแบบใจเย็นๆ ก่อนจะออกไปโบกแท๊กซี่ตรงไปที่ห้าง หาข้าวทานแล้วเดินช็อปปิ้งตากแอร์เล่นๆ จนมาหยุดที่ร้านเสื้อร้านหนึ่งที่บุษบันบังเอิญสะดุดตาสะดุดใจเสื้อในร้านเลยแวะเข้าไปดูเสียหน่อย และนานๆ จะเจอเสื้อถูกใจเสียทีบุษบันก็ไม่พลาดที่จะสอยมันซะเลย โดยที่ลืมไปว่าเงินสดในกระเป๋านั้นมีไม่มาก

“อุ๊ย! ตายแล้วเงินไม่พอ” มือบางพยายามค้นหาทุกซอกหลืบของกระเป๋าเงิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มแห้งๆ ให้กับพนักงานขาย

“ขอโทษนะคะเงินไม่พอ ฝากเสื้อและเงินนี้ไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันขอวิ่งไปกดเงินแป๊บหนึ่ง”

บุษบันวางเงินเท่าที่มีลงบนเคาร์เตอร์แล้วเลื่อนไปให้พนักงานเก็บเอาไว้ก่อน ซึ่งพนักงานก็ยิ้มและรับเอาไว้พรอมกับแนะนำว่า

“ทางร้านยินดีรับบัตรเครดิตนะคะ”

“แฮะๆๆ ไม่มีค่ะ พอดีชอบใช้เงินสดมากกว่านะคะ รอแป๊บนะคะ” เอ่ยจบบุษบันก็หมุนตัวเดินออกจากร้านอย่างไว

แต่แค่เดินเลี้ยวออกจากร้านมาไม่กี่ก้าวบุษบันที่รีบจนไม่คิดจะสนคนที่เดินผ่านไปมาก็ถูกใครบางคนดึงรั้งเอาไว้

“เดี๋ยวสิครับคุณ”

บอลด์วินที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอหญิงสาวที่นี้รั้งแขนเล็กเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปากเรียก จากที่ก่อนหน้านี้เขาทักหญิงสาวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้ยินและมองไม่เห็น ด้วยความดีใจกลัวจะพลาดอีกเขาจึงตัดสินใจรั้งเธอเอาไว้ก่อน

“อ้าว คุณนั่นเอง”

บุษบันหันมามองแล้วอุทานออกมาอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนจะทักทายแล้วพูดต่อไปว่า “สวัสดีค่ะ มาซื้อของเหรอคะ”

“มาเดินเล่นน่ะครับ แล้วคุณล่ะผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเห็นท่าทางรีบร้อน ทักก็ไม่ได้ยิน”

“ขอโทษทีค่ะ พอดีจะรีบไปกดเงินมาจ่ายค่าเสื้อนะคะ” พูดพลางยิ้มแหยๆ และพยักพเยิดไปที่ร้านเสื้อข้างๆ

“เท่าไหร่ครับเดี๋ยวเอาที่ผมก่อนก็ได้”

“ไม่เป็นไรคะ ธนาคารอยู่ใกล้ๆ นี้เอง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

และไม่รอให้หญิงสาวได้ปฏิเสธเป็นรอบที่สอง บอลด์วินก็เดินเข้าไปในร้าน แล้วสอบถามจำนวนเงินที่ยังขาดกับพนักงาน

“นี้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวน เดี๋ยวฉันไปกดเงินมาคืนคุณดีกว่านะคะ ไปคะ”

บุษบันพยักหน้าน้อยพร้อมรอยยิ้ม่อนจะเดินนำเจ้าของร่างสูงไปยังธนาคารภายในห้างที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนะ

“เงินแค่ห้าร้อยผมไม่อยากได้คืน ขอเปลี่ยนจากคืนเงินเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ”

บุษบันหยุดเดินแล้วหันมามองนายแบบหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อที่หยุดเดินแล้วกำลังมองเธอยิ้มๆ อยู่อย่างรอคำตอบ แล้วเดินต่อพร้อมกับบอกว่า

“อย่างอื่นที่ว่าคืออะไรล่ะคะ”

“ชื่อของคุณไง ผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย…ผมวินซ์ครับ” เขาถามพร้อมกับแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ ซึ่งมันก็ทำให้บุษบันหันมามองเขาแล้วหัวเราะน้อยๆ

“ฉันชื่อบุษค่ะ ห้าร้อยแลกกับคำตอบแค่นี้ดูเหมือนจะแพงไปไหมคะ”

“ผมก็ว่าอย่างนั้น ถ้าขอให้คุณเลี้ยงหนังสักเรื่องจะว่ายังไงครับ”

บุษบันยังไม่ตอบแต่เธอเดินเข้ากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม โดยที่บอลด์วินก้รู้มารยาทจึงยืนรอหญิงสาวห่างออกจากตู้เอทีเอ็มที่หญิงสาวกดพอสมควร

แล้วบอลด์วินก็ทำหน้างงๆ เมื่อบุษบันเดินกลับออกมาพร้อมกับยื่นเงินห้าร้อยบาทนั้นให้เขา หรือนี่คือคำตอบ

“ไม่เอา หนังผมเลี้ยงคุณเองก็ได้นะ”

ชายหนุ่มเสนออย่างกลัวว่าคราวนี้จะชวดจากการทำความรู้จักกับหญิงสาวเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก

“ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครค่ะ คุณรับไว้แล้วเราไปหาหนังสักเรื่องดูกัน ฉันเลี้ยงเอง ตอบแทนที่คุณอุตส่าห์มีน้ำใจ ว่าไงคะ” ถามพลางเลิกคิ้วขณะที่มือก็คีบแบงค์สีม่วงแกว่งไปมา

บอลด์วินยิ้มขำๆ รีบรวบเงินของตัวเองมาไว้ทั้งที่ไม่ได้จะอยากได้คืน แต่ถ้าไม่รับคืนรู้เลยว่าเขาต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักกับสาวสวยตรงหน้า

“ตกลงครับ”



รถสปอร์ตสีขาวของบอลด์วินวิ่งมาจอดหน้าคอนโดหรูในเวลาเกือบจะสองทุ่ม เพราะหลังจากออกจากโรงหนัง ซึ่งก็เย็นแล้วชายหนุ่มได้โอกาสก็ไม่พลาดที่จะชวนบุษบันไปทานข้าวเย็น และพอทานเสร็จเขาก็ชวนหญิงสาวไปฟังเพลงต่อ แต่เธอก็ปฏิเสธแบบนุ่มนวลว่า

“ฉันอยากกลับแล้วล่ะคะ วันนี้ตะลอนทั้งวัน ขอเป็นโอกาสหน้าแล้วกันนะคะ”

นั่นหมายความว่าจะโอกาสได้เจอกับหญิงสาวอีกครั้งแน่นอนบอลด์วินจึงไม่เซ้าซี้ตื้อแบบไม่ดูสถานการณ์ ยินดีไปส่งตามที่อีกฝ่ายร้องขอ แต่ก่อนจะปล่อยตัวเธอลงจากรถเขาก็ต้องได้อะไรที่สามารถจะติดต่อกับหญิงสาวได้

“เดี๋ยวสิครับคุณบุษ ถ้าจะกรุณาผมขอ…” บอลด์วินหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาโชว์ยิ้มๆ แทนคำพูด

“ได้ไหมครับ”

บุษบันที่ขยับจะเปิดประตูทำท่าคิดยิ้มๆ เหมือนแกล้งเล่นตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพาย

“บอกเบอร์คุณมาสิคะ”

บุษบันพูดแทบจะไม่จบประโยคคนอยากแจกเอบณ์โทร.ก็รีบบอกอย่างไว ทำเอาคนกดแทบกดไม่ทันต้องทวนใหม่อีกรอบก่อนจะกดโทร.ออก พอโทรศัพท์ในมือของชายหนุ่มดังเธอก็กดวางสาย

“ฉันลงจากรถได้แล้วใช่ไหมคะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ แล้วผมจะโทร.หา” หญิงสาวที่ก้าวเท้าลงจากรถแล้วเอี้ยวตัวกลับมาแล้วตอบยิ้มๆ ว่า

“ถ้าว่างจะรับสายนะคะ ขับรถดีๆ ราตรีสวัสดิ์นะคะ” บุษบันบอกทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน กระจกด้านข้างคนขับก็เลื่อนลง

“ฝันดีราตรีสวัสดิ์ คิดว่าเราคงได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้นะครับ”

บอลด์วินเงียบเหมือนรอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้มาคือรอยยิ้มหวานและการโบกมือลาจากหญิงสาว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ โบกมือตอบนิดหนึ่งแล้วโมเมไปเองซะเลยว่า

“แล้วเจอกันครับ”

เขาปิดกระจกแล้วค่อยๆ เคลื่อนรถออก ขณะสายตาที่มองถนนด้านหน้าก็คอยชำเลืองมองกระจกข้างดูหญิงสาวที่หมุนตัวเดินเข้าไปในคอนโดทันทีที่เขาขยับรถ ไม่มีการเอ่ยปากชวนขึ้นห้องหรือยืนอาลัยอาวรณ์อย่างที่คนในรถหวังอยู่ลึก แต่แบบนี้มันก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน!!!

*********************************************************************************
ไม่รู้แจ้งไปหรือยังนะคะ แต่เรื่องนี้จะตีพิมพ์กับ สนพ.มายเลิฟ (เล่มเล็ก) นะคะ แต่คนเขียนจะอัพให้อ่านเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 70% และถ้าปกมาเมื่อไหร่จะเอามาอวดค่า ^^

ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
เกศมณี
12/12/56



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2556, 15:53:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2556, 15:53:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1954





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
แว่นใส 13 ธ.ค. 2556, 07:50:05 น.
น่ารักจริงเชียว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account