เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)
Tags: นิยายรัก,นายแบบ
ตอน: ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ ที่บอลด์วินทิ้งเอาไว้ก็สัมฤธิ์ในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาในงานเดินแบบงานหนึ่ง นายแบบหนุ่มสุดหล่อเดินเปิดยิ้มตรงเข้ามาทันทีที่เข้ามาในห้องแต่งตัว ราวกับรู้ว่างานนั้ยังไงก้ต้องเจอเธอ ทั้งที่ตั้งแต่วันที่ได้เบอร์โทรศัพท์ไปเขาไม่เคยโทร.มาหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หวัดดีครับ แล้วเราก็ได้เจอกันอีก”
“สวัสดีค่ะ ดูคุณไม่แปลกใจเลยนะคะที่เราเจอกันในงานนี้” บุษบันพูดไปเตรียมงานตรงหน้าไป และเงยหน้าขึ้นมายิ้มตอบชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“ก่อนรับงานแต่ละงานเราก็ต้องรู้ในสิ่งที่อยากรู้สิครับ”
“รวมถึงทีมเดรสเซอร์ด้วยเหรอคะ” หญิงสาวเอียงหน้าขึ้นมองพลางเลิกคิ้ว
“ก่อนหน้านี้ม่เคยสนใจ แต่พอรู้จักคุณก็เริ่มสนใจขึ้นมาหน่อยๆ” บอลด์วินตอบยิ้มๆ พลางยักคิ้วอย่างคนขี้เล่นให้บุษบันที่ทำหน้าตาไม่อยากเชื่อ
“ระวังเถอะเรื่องมากจะไม่มีคนจ้าง”
แทนที่จะสำนึกในคำเตือน ชายหนุ่มกลับหยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“ใครสน” เห็นแล้วบุษบันก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“ตกกระป๋องแล้วจะรู้สึก คุณก็น่าจะรู้วงการนี้มันไม่ยังยื่นหรอกดังได้ก็วูบดำดิ่งได้เหมือนกัน ยิ่งสมัยนี้เด็กใหม่ตบเท้ากันเข้าวงการมาให้ควัก”
“ตอนนี้จะดังจะดิ่งผมไม่สนอยู่แล้ว เพราะอีกแค่สองเดือนผมก็จะลาวงการนายแบบนี้แล้วล่ะ”
“ทำไมคะ” คราวนี้บุษบันหันมาถามเขาอย่างสนใจ แต่ไม่ทันจะได้ตอบช่างแต่งหน้าก็เรียกตัวเสียแล้ว นั่นทำให้บอลด์วินที่เหมือนจะชอบกับการทำให้หญิงสาวข้องใจ หัวเราะในลำคอแล้วพูดทิ้งท้ายว่า
“ผมไปก่อนนะ เลิกงานค่อยคุยกันต่อ ห้ามหนีกลับบ้านเหมือนคราวก่อนล่ะ”
บุษบันมองตามร่างสูงที่เดินไปหาช่างแต่งหน้า พลางขมวดคิ้ว ‘คราวก่อน’ คราวก่อนไหนหว่า ถ้าหมายถึงวันแรกที่เจอกันครั้งแรก เขาต่างหากที่หนีกลับก่อน
และพอเสร็จงานกันพลาดเหมือนครั้งแรก ก่อนไปเปลี่ยนชุดบอลด์วินก็เลยแวะมาย้ำกับบุษบันเรื่องนัดอีกครั้ง
“อย่าหนีกลับก่อนล่ะ คุณไม่ได้เอารถมาใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ เบื่อรถติด นั่งรถไฟฟ้าสะดวกกว่า”
“งั้นดีเลย คุณไม่มีงานที่ไหนอีกใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ว่าแต่คุณเถอะไม่มีงานอีกเหรอคะ”
“ไม่มีครับ ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง” พูดจบเจ้าของร่างสูงก็เดินผละออกไป แต่ไม่กี่ก้าวเขาก็เอี้ยวตัวกลับมาย้ำแบบไม่มีเสียงอีกรอบว่า
“ห้ามหนี”
บุษบันไม่ตอบทำเพียงหัวเราะน้อยๆ แล้วรีบเคลียร์งานเก็บงานของตัวเองให้เสร็จ และระหว่างนั้นเองอโรชาที่สังเกตนายแบบหนุ่มกับลูกทีมคนสนิทมาตั้งแต่เริ่มงานจนจบงานก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามากระแซะถาม ไม่ใช่อยากรู้เพราะนิสัยสอดรู้สอดเห็นแต่อยากรู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับน้องชายสุดที่รัก ห้องนี้ก็ใช่จะกว้างมากมายนัก ทำไมจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นเหมือนจะนัดแนะกัน
“บุษไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม” ถามทั้งที่รู้อยู่แกใจอยู่แล้วว่าบุษบันไม่ชอบขับรถส่วนตัวมาทำงาน
“ไม่ค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“งั้นเดี๋ยวกลับพร้อมกัน พี่ไปส่งนะ” พูดจบก็จะหมุนตัวกลับไปเก็บงานต่อ
“เดี๋ยวค่ะพี่ซี” อโรชาที่ถูกรั้งเอาไว้หมุนตัวกลบมาอีกครั้งพร้อมกับเลิกคิ้ว
“อะไรจ๊ะ”
“เอ่อ…คือ…บุษคงกลับพร้อมพี่ไม่ได้ พอดีบุษมีนัดแล้วนะคะ”
บุษบันก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่หรี่ตามองแล้วหลุบต่ำลงด้วยท่าทีเขินอาย ทำให้อโรชากรอกตาไปมารู้สึกสังหรใจไม่ดีเอาซะเลย
“อย่าบอกนะว่ามีนัดกับนายแบบสุดหล่อที่ชื่อวินซ์น่ะ ดูท่าทางสนิทสนมกันดีจัง ไปรู้จักมักจี่เป็นการส่วนตัวกับนายแบบคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” อโรชาถามเหมือนกระเซ้ากันเล่นๆ
“ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรหรอกค่ะ แค่เคยเจอเคยคุยกันกันครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง”
แม้อยากจะขัดและอยากจะถามเหลือเกินว่าการเจอกันครั้งที่สองเนี่ย ทั้งสองไปเจอกันได้ยังไง บัเอิญเจอหรือนัดเจอ แต่จะลาบละล้วงเกินไปก็ใช่ที
“งั้นก็แล้วไป แต่พี่อยากเตือนอะไรสักนิดว่าไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วยล่ะ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุยธุระกับเขาเสร็จ บุษจะรีบกลับทันที”
“ดีจ๊ะ”
แม้จะบอกอชาว่าจะรีบกลับแต่เอาเข้าจริงๆ เธอกับเขาก็ไปหาอะไรนั่งทานไปคุยกันไปตั้งแต่เรื่องที่พูดค้างเอาไว้เกี่ยวกับการเหตุผลที่เขาจะลาการนายแบบในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ดังนั้นหลังจากจ่ายเงินและเดินออกจากร้านบุษบันจึงหันมาเปรยกับบอลด์วินที่เดินตามหลังยิ้มๆ ว่า
“นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่ฉันนั่งในร้านอาหารนานเกือบสองชั่วโมง ปกติกับเพื่อนที่มาคุยไปเม้าท์ไปเต็มที่ก็แค่ชั่วโมงเดียวเอง”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าผมหาเรื่องมาเม้าท์เก่งกว่าผู้หญิงอย่างนั้นใช่ไหมครับ” ถามพลางแกล้งทำหน้านิ่ง เดือดร้อนบุษบันต้องรีบโบกไม้โบกมือแก้ความเข้าใจผิดเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่ๆ อย่างนั้นค่ะ ที่พูดเนี่ยไม่ได้ว่าคุณนะคะ แค่แปลกใจตัวเองที่สามารถนั่งคุยเป็นต่อยหอยกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างคุณต่างหากล่ะคะ”
“ผมล้อเล่นไปงั้นเอง ว่าแต่คุณอยากจะไปที่ไหนอีกหรือเปล่าผมเต็มใจบริการนะ”
“กลับห้องดีกว่าคะ พรุ่งนี้ยังมีงานรออยู่”
“ว้า…เสียดายจังคืนนี้ว่าจะชวนไปเที่ยวเสียหน่อย” ชายหนุ่มพูดพลางทำหน้าผิดหวัง บุษบันหมุนตัวมายิ้ม แล้วพูดก่อนเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งข้างๆ คนขับว่า
“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะคะ”
ได้ยินคำตอบที่ไม่ระบุเวลาแล้วบอลด์วินได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
“คราวหน้านี้นานแค่ไหนครับ พรุ่งนี้ มะรืนนี้หรือเป็นอาทิตย์”
บอลด์วินที่ค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของร้านอาหารชื่อดังโดยไม่ได้หันมามองคนนั่งข้างๆ ที่หันมามองเสี้ยวหน้าคมนั้นยิ้มๆ แล้วตอบเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“เดือนหน้าค่ะ”
“ฮ้า!” บอลด์วินอุทานเสียงหลงพลางหันขวับ ด้านบุษบันที่เห็นหน้าตกใจของชายหนุ่มแล้วก้มหน้าหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
“คุณล้อผมเล่นใช่ไหม”
“เรื่องจริงค่ะ เดือนนี้ฉันมีคิวงานเต็มตลอดเดือน ได้หยุดอีกทีก็ประมาณต้นเดือนหน้าค่ะ”
“งั้นผมโทร.หาคุณได้ไหม” เขาถามเสียงอ้อน
“อย่างที่บอกถ้าว่างจะรับสายค่ะ”
“ผมรู้ว่าควรจะโทร.หาคุณตอนไหน รับรองไม่พลาด” ชายหนุ่มหันมายักคิ้วและกดยิ้มมุมปากอย่างเด็กเกเร
“แล้วฉันจะรอดูค่ะ”
“วันไหนผมว่าง หลังเสร็จงานถ้าจะแวะไปรับคุณกลับบ้านบ้างทานข้าวเย็นบ้างจะได้ไหมครับ” บอลด์วินยังไม่พลาดที่จะหาโอกาสให้ตัวเองได้มีเวลาใกล้ชิดกับหญิงสาว
และบุษบันที่ยอมรับกับตัวเองว่าลึกๆ แล้วก็สนใจนายแบบหนุ่มหล่อคนนี้ไม่น้อย ซึ่งความรู้สึกนี้แตกต่างกับอริญชย์โดยสิ้นเชิง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะให้ความใคร่มาครอบงำสติ ผู้ชายหล่อก็ไม่ต่างกับอะไรกับดอกไม้งามที่ใครๆ มักเปรียบเทียบมันกับผู้หญิงสวยว่าภายในความสวยงามล่อตาล่อใจนั้นมักมีอันตรายซ่อนอยู่ บอลด์วินคนนี้ก็ไม่ต่างกัน
“เรื่องนี้คงยังรับปากไม่ได้หรอกค่ะ” บุษบันไม่รับปากหรือปฏิเสธ
“ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าคุณกำลังกลัวผม”
ชายหนุ่มหันมาสบดวงตากลมโตที่หันมาจ้องเขาพอดี หญิงสาวยิ้มแล้วเบือนหน้ามองไปข้างหน้า แล้วบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่เหรอคะ ที่เราจะกลัวใครสักคนที่เพิ่งรู้จักกัน การระวังตัวเป็นเรื่องที่ดี”
บอลด์วินที่รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเป็นตัวอันตรายสำหรับหญิงสาว ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เมื่อคิดขึ้นได้ว่าผู้หญิงอย่างบุษบันไม่ง่าย แม้บางครั้งเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามแต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็เหมือนจะรู้ทันจึงค่อยข้างระมัดระวังตัวเองอย่างดีเยี่ยมเช่นกัน
“ผมเห็นด้วย”
สรุปแล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาบอลด์วินไม่สามารถนัดบุษบันได้แม้แต่วันเดียว ทำได้มากสุดก็โทร.คุยเวลาว่าง เพราะอโรชาที่ต้องการสกัดดาวรุ่งให้เป็นดาวร่วง วันไหนที่บุษบันไม่ได้ขับรถมาเองหรืองานเสร็จเร็วเธอก็จะนัดหญิงสาวให้กลับพร้อมกันบ้าง ให้อลิสราโทร.มาชวนไปทานข้าวที่บ้านบ้าง และที่สำคัญบางวันก็เปิดโอกาสให้น้องชายสุดที่รักอย่างอริญชย์ได้ทำคะแนนโดยการมารับถึงที่ทำงานบ้าง
บุษบันรู้ดีว่าสองศรีพี่น้องอโรชาและอลิสรากำลังเล่นเกมจับคู่เธอกับอริญชย์ ก็ทำไมจะไม่รู้ละวันไหนเลิกงานเร็วเธอจะโดนหนึ่งในสามคนนี้นัดตลอด และแทบจะทุกครั้งเธอจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับอริญชย์สองต่อสองเสมอ
และรู้ทั้งรู้แต่ก็เดินตามเกมที่สามพี่น้องวางไว้อยากจะลากไปไหนก็ไปไม่เคยปฏิเสธ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อที่จะห่างกับบอลด์วินและใกล้ชิดอริญชย์ให้มากขึ้น มีบางคนเคยบอกว่าความหวั่นไหวเกิดจากความใกล้ชิด และหนึ่งเดือนที่ได้ใกล้ชิดกับอริญชย์มากเป็นพิเศษอาจจะทำให้เธอหวั่นไหวได้บ้าง อย่างที่หวั่นไหวกับบอลด์วิน คิดเอาไว้อย่างนั้น แต่ผลที่ได้ก็ออกมาเหมือนเดิม ยังไงๆ สำหรับอริญชย์เธอก็ไม่สามารถคิดเกินเลย ในขณะกับอีกคนที่ได้ยินแค่เสียงใจก็เต้นโครมครามแล้ว บุษบันคิดยิ้มๆ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวแล้วตามมาด้วยอาการใจเต้นโครมครามขึ้นมาจริงๆ และมันเป็นอย่างนี้ตลอดในช่วงที่ไม่ได้เจอหน้าบอลด์วิลได้ยินแค่เสียงผ่านเครื่อมือสือสาร
“สวัสดีครับ ผมดูปฏิทินแล้ว วันนี้มันเดือนใหม่แล้วนะ”
เสียงนุ่มทุ้มทวงสัญญาดังมาตามสาย ทำให้บุษบันอดไม่ได้ที่จะก้มดูวันที่บนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วยิ้มกับมัน
“ตรงเวลาจังเลยนะคะ แต่เอ…ฉันจำได้ว่าไม่ได้ระบุวันนะคะว่าวันไหน บอกแค่ว่าต้นเดือนเท่านั้นเอง” บุษบันที่รู้สึกอารมณ์ดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับคนต้นสายรวนกลับไปบ้าง
“อ้าว…แสดงว่าผมจะต้องชวดนัดอีกแล้วใช่ไหมครับเนี่ย” เสียงครางอย่างคนอ่อนใจทำห้บุษบันหัวเราะคิกคักลอดไปตามสาย
“ชอบใจล่ะสิที่ทำให้ผมคลั่งได้”
“แล้วทำไมต้องคลั่งด้วยล่ะคะ…”
บุษบันลงท้ายประโยคเสียงแผ่วรีบยกมือปิดปากตัวเอง เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเผลอถามอะไรที่มันไม่เข้าท่าออกไปเสียแล้ว อย่างนี้ทางโน่นจะคิดว่าปูทางให้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“อยากรู้จริงๆ เหรอว่าทำไมผมต้องคลั่ง”
แม้จะมีเพียงเสียงล้อเลียนที่ดังผ่านสายมา แต่บุษบันกลับคิดว่าชายหนุ่มกำลังยิ้มและมองเธอด้วยสายตากรุ่มกริ่มทำให้ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าว ใจที่สงบกลับเต้นแรงอีกครั้ง
“อะ…เอ่อ ฉันแค่พูดเล่นน่ะคะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ฉันหยุดค่ะ เอ่อ…ยังไงค่อยคุยกันอีกทีนะคะ ฉันต้องวางสายแล้ว บายค่ะ” บอกลาเสร็จบุษบันก็ชิงวางสายทันที
หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่หาทางเลี่ยงที่จะฟังคำตอบที่ตัวเองเป็นคนถามเองได้
คราวหน้าถ้าได้เจอหรือพูดคุยกันเธอจะพยายามควบคุมอารมณ์และมีสติให้มากกว่านี้ แม้บอลด์วินจะค่อนข้างแสดงออกว่าสนใจใจตัวเธอค่อนข้างมาก แต่ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงก็ควรจะไว้เชิงบ้างไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์มากเกินไป เพราะอย่างที่รู้ๆ ผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดีมักมีความอันตรายที่ซ่อนเอาไว้อยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวเองที่จะมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
*********************************************************************************
มาอัพให้อ่านกันอีกตอนแล้วนะคะ ตอนแรกว่าจะอัพเมื่อวานแต่กลับบ้านไม่มีเน๊ต 555 เลยยกมาอัพให้อ่านกันวันนี้เลยแล้วกันนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกการติดตามนะคะ ( ^_/\_^ )
เกศมณี
19/12/56
คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ ที่บอลด์วินทิ้งเอาไว้ก็สัมฤธิ์ในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาในงานเดินแบบงานหนึ่ง นายแบบหนุ่มสุดหล่อเดินเปิดยิ้มตรงเข้ามาทันทีที่เข้ามาในห้องแต่งตัว ราวกับรู้ว่างานนั้ยังไงก้ต้องเจอเธอ ทั้งที่ตั้งแต่วันที่ได้เบอร์โทรศัพท์ไปเขาไม่เคยโทร.มาหาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หวัดดีครับ แล้วเราก็ได้เจอกันอีก”
“สวัสดีค่ะ ดูคุณไม่แปลกใจเลยนะคะที่เราเจอกันในงานนี้” บุษบันพูดไปเตรียมงานตรงหน้าไป และเงยหน้าขึ้นมายิ้มตอบชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“ก่อนรับงานแต่ละงานเราก็ต้องรู้ในสิ่งที่อยากรู้สิครับ”
“รวมถึงทีมเดรสเซอร์ด้วยเหรอคะ” หญิงสาวเอียงหน้าขึ้นมองพลางเลิกคิ้ว
“ก่อนหน้านี้ม่เคยสนใจ แต่พอรู้จักคุณก็เริ่มสนใจขึ้นมาหน่อยๆ” บอลด์วินตอบยิ้มๆ พลางยักคิ้วอย่างคนขี้เล่นให้บุษบันที่ทำหน้าตาไม่อยากเชื่อ
“ระวังเถอะเรื่องมากจะไม่มีคนจ้าง”
แทนที่จะสำนึกในคำเตือน ชายหนุ่มกลับหยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“ใครสน” เห็นแล้วบุษบันก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“ตกกระป๋องแล้วจะรู้สึก คุณก็น่าจะรู้วงการนี้มันไม่ยังยื่นหรอกดังได้ก็วูบดำดิ่งได้เหมือนกัน ยิ่งสมัยนี้เด็กใหม่ตบเท้ากันเข้าวงการมาให้ควัก”
“ตอนนี้จะดังจะดิ่งผมไม่สนอยู่แล้ว เพราะอีกแค่สองเดือนผมก็จะลาวงการนายแบบนี้แล้วล่ะ”
“ทำไมคะ” คราวนี้บุษบันหันมาถามเขาอย่างสนใจ แต่ไม่ทันจะได้ตอบช่างแต่งหน้าก็เรียกตัวเสียแล้ว นั่นทำให้บอลด์วินที่เหมือนจะชอบกับการทำให้หญิงสาวข้องใจ หัวเราะในลำคอแล้วพูดทิ้งท้ายว่า
“ผมไปก่อนนะ เลิกงานค่อยคุยกันต่อ ห้ามหนีกลับบ้านเหมือนคราวก่อนล่ะ”
บุษบันมองตามร่างสูงที่เดินไปหาช่างแต่งหน้า พลางขมวดคิ้ว ‘คราวก่อน’ คราวก่อนไหนหว่า ถ้าหมายถึงวันแรกที่เจอกันครั้งแรก เขาต่างหากที่หนีกลับก่อน
และพอเสร็จงานกันพลาดเหมือนครั้งแรก ก่อนไปเปลี่ยนชุดบอลด์วินก็เลยแวะมาย้ำกับบุษบันเรื่องนัดอีกครั้ง
“อย่าหนีกลับก่อนล่ะ คุณไม่ได้เอารถมาใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ เบื่อรถติด นั่งรถไฟฟ้าสะดวกกว่า”
“งั้นดีเลย คุณไม่มีงานที่ไหนอีกใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ว่าแต่คุณเถอะไม่มีงานอีกเหรอคะ”
“ไม่มีครับ ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง” พูดจบเจ้าของร่างสูงก็เดินผละออกไป แต่ไม่กี่ก้าวเขาก็เอี้ยวตัวกลับมาย้ำแบบไม่มีเสียงอีกรอบว่า
“ห้ามหนี”
บุษบันไม่ตอบทำเพียงหัวเราะน้อยๆ แล้วรีบเคลียร์งานเก็บงานของตัวเองให้เสร็จ และระหว่างนั้นเองอโรชาที่สังเกตนายแบบหนุ่มกับลูกทีมคนสนิทมาตั้งแต่เริ่มงานจนจบงานก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามากระแซะถาม ไม่ใช่อยากรู้เพราะนิสัยสอดรู้สอดเห็นแต่อยากรู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับน้องชายสุดที่รัก ห้องนี้ก็ใช่จะกว้างมากมายนัก ทำไมจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นเหมือนจะนัดแนะกัน
“บุษไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม” ถามทั้งที่รู้อยู่แกใจอยู่แล้วว่าบุษบันไม่ชอบขับรถส่วนตัวมาทำงาน
“ไม่ค่ะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“งั้นเดี๋ยวกลับพร้อมกัน พี่ไปส่งนะ” พูดจบก็จะหมุนตัวกลับไปเก็บงานต่อ
“เดี๋ยวค่ะพี่ซี” อโรชาที่ถูกรั้งเอาไว้หมุนตัวกลบมาอีกครั้งพร้อมกับเลิกคิ้ว
“อะไรจ๊ะ”
“เอ่อ…คือ…บุษคงกลับพร้อมพี่ไม่ได้ พอดีบุษมีนัดแล้วนะคะ”
บุษบันก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่หรี่ตามองแล้วหลุบต่ำลงด้วยท่าทีเขินอาย ทำให้อโรชากรอกตาไปมารู้สึกสังหรใจไม่ดีเอาซะเลย
“อย่าบอกนะว่ามีนัดกับนายแบบสุดหล่อที่ชื่อวินซ์น่ะ ดูท่าทางสนิทสนมกันดีจัง ไปรู้จักมักจี่เป็นการส่วนตัวกับนายแบบคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” อโรชาถามเหมือนกระเซ้ากันเล่นๆ
“ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรหรอกค่ะ แค่เคยเจอเคยคุยกันกันครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง”
แม้อยากจะขัดและอยากจะถามเหลือเกินว่าการเจอกันครั้งที่สองเนี่ย ทั้งสองไปเจอกันได้ยังไง บัเอิญเจอหรือนัดเจอ แต่จะลาบละล้วงเกินไปก็ใช่ที
“งั้นก็แล้วไป แต่พี่อยากเตือนอะไรสักนิดว่าไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วยล่ะ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุยธุระกับเขาเสร็จ บุษจะรีบกลับทันที”
“ดีจ๊ะ”
แม้จะบอกอชาว่าจะรีบกลับแต่เอาเข้าจริงๆ เธอกับเขาก็ไปหาอะไรนั่งทานไปคุยกันไปตั้งแต่เรื่องที่พูดค้างเอาไว้เกี่ยวกับการเหตุผลที่เขาจะลาการนายแบบในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ดังนั้นหลังจากจ่ายเงินและเดินออกจากร้านบุษบันจึงหันมาเปรยกับบอลด์วินที่เดินตามหลังยิ้มๆ ว่า
“นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่ฉันนั่งในร้านอาหารนานเกือบสองชั่วโมง ปกติกับเพื่อนที่มาคุยไปเม้าท์ไปเต็มที่ก็แค่ชั่วโมงเดียวเอง”
“นี่คุณกำลังจะบอกว่าผมหาเรื่องมาเม้าท์เก่งกว่าผู้หญิงอย่างนั้นใช่ไหมครับ” ถามพลางแกล้งทำหน้านิ่ง เดือดร้อนบุษบันต้องรีบโบกไม้โบกมือแก้ความเข้าใจผิดเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่ๆ อย่างนั้นค่ะ ที่พูดเนี่ยไม่ได้ว่าคุณนะคะ แค่แปลกใจตัวเองที่สามารถนั่งคุยเป็นต่อยหอยกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างคุณต่างหากล่ะคะ”
“ผมล้อเล่นไปงั้นเอง ว่าแต่คุณอยากจะไปที่ไหนอีกหรือเปล่าผมเต็มใจบริการนะ”
“กลับห้องดีกว่าคะ พรุ่งนี้ยังมีงานรออยู่”
“ว้า…เสียดายจังคืนนี้ว่าจะชวนไปเที่ยวเสียหน่อย” ชายหนุ่มพูดพลางทำหน้าผิดหวัง บุษบันหมุนตัวมายิ้ม แล้วพูดก่อนเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งข้างๆ คนขับว่า
“เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะคะ”
ได้ยินคำตอบที่ไม่ระบุเวลาแล้วบอลด์วินได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ
“คราวหน้านี้นานแค่ไหนครับ พรุ่งนี้ มะรืนนี้หรือเป็นอาทิตย์”
บอลด์วินที่ค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของร้านอาหารชื่อดังโดยไม่ได้หันมามองคนนั่งข้างๆ ที่หันมามองเสี้ยวหน้าคมนั้นยิ้มๆ แล้วตอบเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“เดือนหน้าค่ะ”
“ฮ้า!” บอลด์วินอุทานเสียงหลงพลางหันขวับ ด้านบุษบันที่เห็นหน้าตกใจของชายหนุ่มแล้วก้มหน้าหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
“คุณล้อผมเล่นใช่ไหม”
“เรื่องจริงค่ะ เดือนนี้ฉันมีคิวงานเต็มตลอดเดือน ได้หยุดอีกทีก็ประมาณต้นเดือนหน้าค่ะ”
“งั้นผมโทร.หาคุณได้ไหม” เขาถามเสียงอ้อน
“อย่างที่บอกถ้าว่างจะรับสายค่ะ”
“ผมรู้ว่าควรจะโทร.หาคุณตอนไหน รับรองไม่พลาด” ชายหนุ่มหันมายักคิ้วและกดยิ้มมุมปากอย่างเด็กเกเร
“แล้วฉันจะรอดูค่ะ”
“วันไหนผมว่าง หลังเสร็จงานถ้าจะแวะไปรับคุณกลับบ้านบ้างทานข้าวเย็นบ้างจะได้ไหมครับ” บอลด์วินยังไม่พลาดที่จะหาโอกาสให้ตัวเองได้มีเวลาใกล้ชิดกับหญิงสาว
และบุษบันที่ยอมรับกับตัวเองว่าลึกๆ แล้วก็สนใจนายแบบหนุ่มหล่อคนนี้ไม่น้อย ซึ่งความรู้สึกนี้แตกต่างกับอริญชย์โดยสิ้นเชิง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะให้ความใคร่มาครอบงำสติ ผู้ชายหล่อก็ไม่ต่างกับอะไรกับดอกไม้งามที่ใครๆ มักเปรียบเทียบมันกับผู้หญิงสวยว่าภายในความสวยงามล่อตาล่อใจนั้นมักมีอันตรายซ่อนอยู่ บอลด์วินคนนี้ก็ไม่ต่างกัน
“เรื่องนี้คงยังรับปากไม่ได้หรอกค่ะ” บุษบันไม่รับปากหรือปฏิเสธ
“ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าคุณกำลังกลัวผม”
ชายหนุ่มหันมาสบดวงตากลมโตที่หันมาจ้องเขาพอดี หญิงสาวยิ้มแล้วเบือนหน้ามองไปข้างหน้า แล้วบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่เหรอคะ ที่เราจะกลัวใครสักคนที่เพิ่งรู้จักกัน การระวังตัวเป็นเรื่องที่ดี”
บอลด์วินที่รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเป็นตัวอันตรายสำหรับหญิงสาว ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เมื่อคิดขึ้นได้ว่าผู้หญิงอย่างบุษบันไม่ง่าย แม้บางครั้งเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามแต่ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็เหมือนจะรู้ทันจึงค่อยข้างระมัดระวังตัวเองอย่างดีเยี่ยมเช่นกัน
“ผมเห็นด้วย”
สรุปแล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาบอลด์วินไม่สามารถนัดบุษบันได้แม้แต่วันเดียว ทำได้มากสุดก็โทร.คุยเวลาว่าง เพราะอโรชาที่ต้องการสกัดดาวรุ่งให้เป็นดาวร่วง วันไหนที่บุษบันไม่ได้ขับรถมาเองหรืองานเสร็จเร็วเธอก็จะนัดหญิงสาวให้กลับพร้อมกันบ้าง ให้อลิสราโทร.มาชวนไปทานข้าวที่บ้านบ้าง และที่สำคัญบางวันก็เปิดโอกาสให้น้องชายสุดที่รักอย่างอริญชย์ได้ทำคะแนนโดยการมารับถึงที่ทำงานบ้าง
บุษบันรู้ดีว่าสองศรีพี่น้องอโรชาและอลิสรากำลังเล่นเกมจับคู่เธอกับอริญชย์ ก็ทำไมจะไม่รู้ละวันไหนเลิกงานเร็วเธอจะโดนหนึ่งในสามคนนี้นัดตลอด และแทบจะทุกครั้งเธอจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับอริญชย์สองต่อสองเสมอ
และรู้ทั้งรู้แต่ก็เดินตามเกมที่สามพี่น้องวางไว้อยากจะลากไปไหนก็ไปไม่เคยปฏิเสธ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อที่จะห่างกับบอลด์วินและใกล้ชิดอริญชย์ให้มากขึ้น มีบางคนเคยบอกว่าความหวั่นไหวเกิดจากความใกล้ชิด และหนึ่งเดือนที่ได้ใกล้ชิดกับอริญชย์มากเป็นพิเศษอาจจะทำให้เธอหวั่นไหวได้บ้าง อย่างที่หวั่นไหวกับบอลด์วิน คิดเอาไว้อย่างนั้น แต่ผลที่ได้ก็ออกมาเหมือนเดิม ยังไงๆ สำหรับอริญชย์เธอก็ไม่สามารถคิดเกินเลย ในขณะกับอีกคนที่ได้ยินแค่เสียงใจก็เต้นโครมครามแล้ว บุษบันคิดยิ้มๆ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวแล้วตามมาด้วยอาการใจเต้นโครมครามขึ้นมาจริงๆ และมันเป็นอย่างนี้ตลอดในช่วงที่ไม่ได้เจอหน้าบอลด์วิลได้ยินแค่เสียงผ่านเครื่อมือสือสาร
“สวัสดีครับ ผมดูปฏิทินแล้ว วันนี้มันเดือนใหม่แล้วนะ”
เสียงนุ่มทุ้มทวงสัญญาดังมาตามสาย ทำให้บุษบันอดไม่ได้ที่จะก้มดูวันที่บนนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วยิ้มกับมัน
“ตรงเวลาจังเลยนะคะ แต่เอ…ฉันจำได้ว่าไม่ได้ระบุวันนะคะว่าวันไหน บอกแค่ว่าต้นเดือนเท่านั้นเอง” บุษบันที่รู้สึกอารมณ์ดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับคนต้นสายรวนกลับไปบ้าง
“อ้าว…แสดงว่าผมจะต้องชวดนัดอีกแล้วใช่ไหมครับเนี่ย” เสียงครางอย่างคนอ่อนใจทำห้บุษบันหัวเราะคิกคักลอดไปตามสาย
“ชอบใจล่ะสิที่ทำให้ผมคลั่งได้”
“แล้วทำไมต้องคลั่งด้วยล่ะคะ…”
บุษบันลงท้ายประโยคเสียงแผ่วรีบยกมือปิดปากตัวเอง เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเผลอถามอะไรที่มันไม่เข้าท่าออกไปเสียแล้ว อย่างนี้ทางโน่นจะคิดว่าปูทางให้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“อยากรู้จริงๆ เหรอว่าทำไมผมต้องคลั่ง”
แม้จะมีเพียงเสียงล้อเลียนที่ดังผ่านสายมา แต่บุษบันกลับคิดว่าชายหนุ่มกำลังยิ้มและมองเธอด้วยสายตากรุ่มกริ่มทำให้ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าว ใจที่สงบกลับเต้นแรงอีกครั้ง
“อะ…เอ่อ ฉันแค่พูดเล่นน่ะคะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ฉันหยุดค่ะ เอ่อ…ยังไงค่อยคุยกันอีกทีนะคะ ฉันต้องวางสายแล้ว บายค่ะ” บอกลาเสร็จบุษบันก็ชิงวางสายทันที
หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่หาทางเลี่ยงที่จะฟังคำตอบที่ตัวเองเป็นคนถามเองได้
คราวหน้าถ้าได้เจอหรือพูดคุยกันเธอจะพยายามควบคุมอารมณ์และมีสติให้มากกว่านี้ แม้บอลด์วินจะค่อนข้างแสดงออกว่าสนใจใจตัวเธอค่อนข้างมาก แต่ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงก็ควรจะไว้เชิงบ้างไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์มากเกินไป เพราะอย่างที่รู้ๆ ผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดีมักมีความอันตรายที่ซ่อนเอาไว้อยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะเป็นตัวเองที่จะมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
*********************************************************************************
มาอัพให้อ่านกันอีกตอนแล้วนะคะ ตอนแรกว่าจะอัพเมื่อวานแต่กลับบ้านไม่มีเน๊ต 555 เลยยกมาอัพให้อ่านกันวันนี้เลยแล้วกันนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกการติดตามนะคะ ( ^_/\_^ )
เกศมณี
19/12/56
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2556, 19:38:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2556, 19:38:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1671
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |
แว่นใส 19 ธ.ค. 2556, 20:59:22 น.
เริ่มจีบเต็มที่เลย
เริ่มจีบเต็มที่เลย
pkka 20 ธ.ค. 2556, 09:06:36 น.
น่ากลัวแฮะ
น่ากลัวแฮะ