รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 30 : รักดังฝัน (ตอนจบ)

การกลับมาทำงานถ่ายนิตยสารถึงญี่ปุ่น และรับอีเวนต์ไม่ให้เสียเที่ยวด้วยการแบ็กแพ็ค ปล่อยให้รักษ์กลับไปก่อนตั้งแต่ทำงานเสร็จห้าวันแรก หลังจากนั้นกมลจึงตามไปกลับไปในสองวันต่อมา เธอจึงอยู่ที่นี่คนเดียวครบอาทิตย์หนึ่งพอดี ได้มองหิมะแรกตกผ่านสายตา ยิ่งหนาวยิ่งเหงา พอถึงกำหนดกลับเครื่องบินดันติดพายุหิมะ กว่าจะขึ้นได้เธอต้องนั่งแกร่วรอกว่าหกชั่วโมง

ไม่รู้ป่านนี้ผู้ชายที่เธอตั้งใจประชดเขาด้วยการหนีไปไกลๆ จะแบ่งเศษเสี้ยวความรู้สึกมาคิดถึงเธอบ้างไหม

แต่สำหรับเธอ ทุกๆ ที่ที่เธอเดินทางไปคนเดียว เธอเห็นแต่เงาของเขา นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอพานพบนิมมานสามคนหนึ่งภูต พวกเขาเหล่านั้นมีความแตกต่างกัน เหมือนคนละคน แต่พวกเขาล้วนมีจิตวิญญาณดวงเดียวกัน

เธอรักเขา ไม่ว่าเขาเป็นใคร

สมิตานันเดินผ่านด่านตรวจมาแบบเซื่องซึม ลากกระเป๋าสัมภาระขนาดไม่ใหญ่ ที่มีของฝากอีกเล็กน้อย กับเป้บนหลังอีกหนึ่งใบ อารมณ์ช็อป เที่ยว หายไปเกินครึ่งเมื่อหัวใจดันคอยบินกลับก่อนร่างกายเสมอ

ร่างพะรุงพะรังนั่งพักบริเวณที่นั่งในสนามบิน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องหลังจากตัดสินใจตัดขาดการติดต่อจากทุกคน และไม่ต้องรอนานเลขหมายอันแปลกตา แต่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเบอร์นี้ เคยผ่านตาตอนเธอเจอนิมมานในอนาคต

เขาโทรมาหาเธอเหรอ...หัวใจในอกเต้นรัว สูบฉีดชดเชยช่วงเวลาที่หัวใจทำงานได้เฉื่อยเป็นเต่า รอยยิ้มผลิบานเป็นดอกทานตะวันพบพระอาทิตย์ แต่เธอต้องแกล้งขรึมเข้าสู้ไม่อย่างนั้นเขาจะได้ใจ

“มีอะไรคะ” เธอทำน้ำเสียงนิ่งได้พอประมาณล่ะนะ

“นี่ไม่คิดถึงกันเลยใช่ไหม”

ดูน้อยใจใช้ได้...สมิตานันอยากจะหัวร่อให้สะใจ ความรู้สึกที่นึกว่าเธอทรมานอยู่ฝ่ายเดียว ที่ไหนได้เขาก็คงพอกัน น่าแกล้งต่อให้เข็ด

“มีอะไรให้น่าคิดถึงคะ ตี้เที่ยวจนอยากกลับไปญี่ปุ่นอีกสักรอบเลย”

“ไม่ ให้ กลับ” ปลายสายย้ำชัดเสียงดังจนเธอทำหน้ายู่ใส่ เผด็จการใส่เธอด้วยฐานะอะไรมิทราบ

“จะกลับค่ะ จะห้ามเหรอคะ” ท้าทายใส่ หวังให้อีกฝ่ายเต้นเป็นเจ้าเข้า บอกคิดถึงสักคำก็ไม่มี เอาแต่สั่งเธอ

“ใช่!” เสียงห้วนสั้นเกือบจะตะโกนมาจากเงาร่างสูงใหญ่ เขายืนค้ำร่างเธอจนเงาทาบตลอดตัว ในมือเขายังคงถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู ให้เสียงของเขาฟังชัด และดังทุกๆ คำ “จะรั้งไว้ทั้งตัว ทั้งหัวใจ ไม่ให้ไปไหน ไม่อยู่แค่ในฝันอีกต่อไปแล้ว...ตี้ พี่คิดถึงตี้ คิดถึงมากจริงๆ”

“พี่ปอม” ครางออกมาได้เพียงแผ่วเบา หัวสมองของเธอสว่างไสวไปด้วยแสงพลุจากคำพูดเขา มันชัดเจน และกินใจ อย่างที่เธอไม่เคยนึกฝัน ทุกคำของเขาจริงจัง และสายตาของเขาจริงใจ ความเหงาโดดเดี่ยวถูกเขากอบกุมไว้เพียงแค่เขาพูด...ว่าคิดถึง

ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง คอเชิดตรง “จะไม่พูดอะไรเลย หนีพี่ไปง่ายๆ ที่สำคัญไปกับหมอนั่น”

“มันเป็นงานค่ะ ทำไมหึงเหรอ”

“ใช่ มากด้วย”

เขาเป็นคนตรงๆ แบบนี้เสมอเลยหรือไง...สมิตานันมองคนพูดยอมรับง่ายดายตาค้าง รอยยิ้มสมใจอยากผุดเต็มหน้า เธอมั่นใจว่าเธอยิ้มจากใจแบบนี้ให้เขา ที่รักของเธอเพียงคนเดียว

“ตกลงมารับตี้หรือเปล่าคะ”

“พี่รอตี้อยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน”

น้ำเสียงนิ่งเจือแววน้อยใจโยนซัดใส่เธออีกระลอก สมิตานันก้มหน้านิดหนึ่งพอให้รู้ว่าสำนึกผิด “หิมะตกหนัก เครื่องเลยดีเลย์ค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ”

“พี่ไม่ได้โกรธที่เครื่องดีเลย์”

“เอ้า แล้วโกรธอะไรคะ” ประกายประหลาดใจฉายชัด นิมมานยิ้มกริ่ม ความเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้เธอไม่อยากตอบรับ หรือกระโดดถามออกไปโดยไม่คิดแบบนั้นจริงๆ

“โกรธที่ตี้ไม่รอพี่ รู้ไหมว่าพี่กำลังไปหา ทำไมไม่อยู่รอ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็นึกว่าเราไม่สำคัญ” คนพูดทำปากยื่น ดวงตามองค้อนอีกครั้ง ทีนี้คนได้รับความขุ่นเคืองจากสาวงามเผลอปล่อยหัวเราะออกมา ฉุดร่างที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมา กุมมือสองข้าง ใช้นิ้วโป้งลูบวนหลังมือของเธอเป็นการง้องอน

“ตี้ยังไม่ได้เล่าความเป็นมาของพี่เลย”

“อยากรู้ไปทำไมคะ ตี้เล่าไปอาจคิดว่าตี้บ้า แล้วไม่รักตี้ขึ้นมา ไม่แย่เหรอ”

คนฟังตีหน้าดุ ใช้นิ้วสองนิ้วบีบจมูกแสนรั้นของคนพูดไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว “พี่เคยบอกว่าเชื่อ ก็เชื่อสิ ยิ่งไปเจอมาด้วยกันแบบนั้น จะไม่เชื่อได้ยังไง หืม แล้วเรื่องกลัวพี่ไม่รัก พี่ว่าพี่ควรกลัวตี้ไม่รักดีกว่าไหม หายไปสองอาทิตย์ ตามตัวไม่ได้ เกิดนึกอยากประชดพี่หายไปไกลๆ แบบไม่มีกำหนดกลับ พี่ไม่บ้าตายหรือไง”

“สรุปว่ารัก”

“ใช่สิ” คนถูกต้อนให้จนมุมยังไม่รู้ตัว มารู้อีกที ร่างนุ่มก็ฝากรอยหวานทิ้งไว้บนแก้มเขา ลากกระเป๋าจากไป

“นี่ตี้ มาทำให้พี่รักแล้วจากไปไม่ได้นะ” เสียงห้าวดังระดับมาตรฐาน แต่คนที่ฟังใจความอันน่ารักไม่ได้มีคนเดียว สีหน้า และแววตาของใครหลายคนจึงยิ้ม มองล้อเลียนคู่รักที่กำลังคล้ายงอนง้อกันอย่างน่าหยิกน่าตี

หญิงสาวแสนสวยที่ใครหลายคนรู้จักดีจนต้องยกกล้องโทรศัพท์มาถ่ายภาพไว้ กระจายข่าวคู่รักเปิดตัวกลางสนามบินดัง ด้วยบทพูดอันเด็ดขาด กินใจ ซึ่งในเวลาไม่ถึงวันที่มีคนเอาคลิปลงยูทูป ยอดไลค์ก็ทะลุหลายพัน

“แล้วใครว่าตี้ไม่รักพี่ปอมล่ะคะ”


ดูคนเราพอรู้ความจริงที่เธอไปพบเจอมาก็เอาแต่เงียบ ทำหน้าน้อยใจ ก็แค่เธอพบเจอนิมมานมาสามเวอร์ชั่น ก่อนจะพบเจอเขาเท่านั้นเอง มีทั้งภูตนิมมาน นิมมานที่เป็นคนไปเผชิญอดีตพันปีด้วยกันตอนนั้น และยังมีพี่ปอมที่เธอไปเจอหลังจากคืนแต่งงานวันแรก

ถึงแต่ละคนจะมีความแตกต่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกได้ชัดเจนมากที่สุด ก็คือความรักของผู้ชายนิมมาน หัวใจของเธอที่เคยเฝ้าปฏิเสธบอกไม่รักเหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

มีเขาคนแรกนี่ล่ะที่เธอเข้าหาเขาก่อน ยังไงก็จิตวิญญาณเดียวกันแท้ๆ ไม่น่ามาทำหน้าเครียด เอาแต่จ้องเธอแบบนี้

รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

คนที่มาเป็นบุคคลลำดับที่สี่นั่งกอดอกมอง สายตากดต่ำ อุณหภูมิในตัวแฝงความกรุ่นของอารมณ์เต็มเปี่ยม “คนที่สี่ใช่ไหม”

“จะคนที่เท่าไหร่ คนไหนก็คือพี่ปอมเหมือนกัน”

“แต่พี่ไม่ยักจะจำได้”

“พี่ปอมควรขอบคุณพวกเขานะคะ ที่ทำให้ตี้รักพี่ปอมในวันนี้”

“บุญคุณล้นหัวมาก พี่เองก็เพิ่งเข้าใจว่าที่ตี้รักบางทีอาจรักมาจากคนก่อนหน้าไม่ใช่พี่จริงๆ”

สมิตานันกลั้นเสียงกรีดร้องให้กับผู้ชายตัวโตเข้าใจยาก พยายามข่มอารมณ์ให้เย็น คิดว่าเขาคงน้อยใจแต่ตัวออกจะโตทำไมใจน้อยขนาดนี้

เห็นท่าทางร้อนๆ ของอีกฝ่าย สมิตานันเลยตัดสินใจได้ “ตี้ว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”

“อย่าหนีพี่นะ” ข้อมือเล็กถูกรั้งไว้ สมิตานันแค่มองมันนิ่งๆ เธอรู้สึกเหนื่อยกับการนึกถึงช่วงเวลาอันเหนื่อยยากที่ผ่านมา สำหรับเธอทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว และเธออยากให้จบ ไม่ต้องไปแตะต้องหรือนึกถึงอีก ในวันนี้แค่เธอรักเขา คนตรงหน้าเธอ ไม่พอหรืออย่างไร

“ตี้ไม่ได้จะหนี”

“แล้วที่ไม่อธิบาย หรือทำให้พี่เข้าใจนี่ล่ะ”

ดวงตาเศร้า และเหนื่อยล้ามีรอยน้าอยู่เจือเพิ่มให้คนมองนึกสะท้อนใจ สมิตานันสะกดกลั้นน้ำตาไว้อย่างอดทน เธอจะไม่งอแงเป็นเด็กน้อยช่างร้องไห้อีก เธอโตแล้ว โตพอที่จะรู้ว่าควรเดินไปทางไหน ทำอย่างไรกับชีวิต

“อย่ามาโทษว่าตี้ไม่อธิบาย ใครกันแน่ที่ไม่เข้าใจ ตี้ไม่ว่าถ้าพี่ปอมจะไม่ขอบคุณพวกเขา ทั้งที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาได้เพราะความรักของพี่ปอมทั้งนั้น ตี้ว่าถ้าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ทุกคนคงน่าสงสาร อย่างน้อยๆ พี่ปอมลองนึกสภาพที่ตี้นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราหลับไม่ตื่น ไม่มีความหวัง ขนาดตี้มายืนอยู่ตรงนี้ สิ่งที่ตี้เห็นเป็นภาพสุดท้ายคือร่างไม่ได้สติของตัวเอง กับพี่ปอมในอนาคตที่ยังอยู่อย่างมีความหวัง ในเมื่อพี่ปอมไม่เห็นค่าของตี้ ดูถูกความรักของพี่ปอมเอง และก็ดูถูกความรักของตี้ด้วย วันนี้เราอย่าเพิ่งพูดอะไรกันเลยนะคะ”

เธอสะบัดมือออก มือที่อ่อนแรงของอีกฝ่ายปล่อยเธอโดยไม่ต้องใช้แรงมาก เขาคงนึกเบื่อผู้หญิงเธอ...นึกอย่างขมขื่น กลืนก้อนสะอื้นลงคอ หยิบแว่นดำสวมบนหน้า เชิดหน้าเดินจากมา ต่อให้สายตาใครต่อใครจะพยายามอยากรู้อยากเห็น จะคิดอะไรไปต่างๆ นานาก็ช่าง เธอแคร์แค่เขา แต่ถ้าวันนี้เขาไม่เชื่อใจในความรู้สึกเธอ...มันจนปัญญาสำหรับเธอจริงๆ


เขาว่ากันว่าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งคนเราจะคิดถึงบ้าน

สมิตานันมองถนนลูกรังสีแดงฝุ่นคลุ้งตามล้อยางของรถสองแถวบดกับพื้นถนน เธอนั่งรถประจำทางมาลง ถึงตัวเมืองเมื่อสองชั่วโมงก่อน นั่งรอรถสองแถวต่อเข้าตัวอำเภอที่พ่อแม่เธออยู่อีกชั่วโมง นั่งรมฝุ่นจนจมูกเกือบพัง เอากระเป๋าเป้ขนาดย่อมของตัวเองมากอดด้านหน้า

สามวันที่เธอนั่งคิดนอนคิดถึงการใช้ชีวิตของตัวเอง เธอก็รู้ว่ามันดูว่างเปล่า เธอยกเลิกงานทุกอย่างในวงการ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะกลับมารับเพิ่มอีกไหม นอกจากเท่าที่มีตามสัญญาในเวลานี้ ก็เหลือเพียงพรีเซนเตอร์ของดีเอส กับแอมบาสเดอร์ของห้างไฮสแควร์

รถเบรกเอี๊ยดจนสมิตานันถลาเซ ศีรษะกระแทกดังโป๊กกับตัวรถ นึกๆ แล้วถึงกับหลุดหัวเราะออกมา การเดินทางคนเดียว อาจจะเหงาบ้าง แต่มันก็มีความสุข สุขตรงที่ไม่มีใครรู้จัก เธอจะเปิ่นเป๋อแค่ไหน ใครหัวเราะเธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจ อย่างเด็กหน้ามอมผิวสีเข้มอย่างคนชำนาญกลางแดดกำลังหัวเราะ สะกิดน้องสาวในอ้อมอกมารดาวัยไม่ถึงสามขวบให้เอิ๊กอ๊ากตามกัน

คนกลุ่มใหญ่ทยอยลงไป สมิตานันมองวิวทิวทัศน์ที่เป็นต้นไม้ยืนต้น กับบ้านคนประปราย อาชีพหลักของคนแถวนี้เป็นเกษตรกร ปลูกไม้เมืองหนาว ด้วยสภาพอากาศที่เหมาะสม

ไอเย็นต้องผิวกายจนเธอต้องกระชับผ้าคลุมไหล่ที่พันมาปิดบังหน้าไม่ให้เผลอสูดฝุ่นเข้าไป เมื่อสุดทางรถก็จอดลงริมถนนเล็กๆ ต้นไม้ออกดอกสีชมพูสะพรั่งยามต้องลมร่วงลงมาเป็นทิวสวย หญิงสาวยิ้มให้กับตัวเอง เดินลงจากรถ ซึมซับความรู้สึกของการได้กลับบ้านในรอบหลายปี อ้อมไปจ่ายเงินที่หน้ารถฝั่งคนขับ ลุงคนขับพินิจหน้าเธอนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงลั่น

“ลูกครูใหญ่ใช่ไหมนี่อีหนู”

สมิตานันยิ้มรับ ไม่ได้ตอบคำถามอันค้างคาใจนั้น แต่เดินเร็วมุ่งไปหาบุคคลที่เธอรักยิ่งทั้งสองคนซึ่งยืนรอเคียงกันอีกฟากถนน พ่อแม่ของเธอยังคงรักกัน อยู่ด้วยกัน มันเหมือนความฝัน แต่เป็นความฝันที่เกิดจากการไปแก้ไขของเธอ

ที่นี่คือบ้าน และเป็นบ้านที่พร้อมโอบกอดเธอไว้ไม่ว่าเธอจะกลับมาสภาพย่ำแย่ เหนื่อยล้า แค่ไหน

“ดีใจที่เจอพ่อแม่จังเลยค่ะ”

ดีใจที่ความรักของท่านทั้งสองยังอยู่ในใจ...ให้เธอได้พบพร้อมหน้าอีกครั้ง


เธอกับพ่อแม่มีเรื่องเล่ามากมายถ่ายทอดพูดคุยกันให้ฟัง เธอเองได้รับรู้ความเป็นไปของพ่อแม่มากขึ้นในช่วงเวลาที่เธอไม่เคยได้รู้ การอยู่ร่วมกันพัฒนาโรงเรียนเล็กๆ ทางนี้ ให้ความรู้ชาวบ้านรู้จักทำมาหากิน ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร หรือนายทุนหน้าไหน มีการสนับสนุนให้แหล่งทำกินกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติได้อีกด้วย

ตอนที่เธออยู่ที่นี่ในความทรงจำก็มีน้อยเหลือเกิน นับตั้งแต่พ่อแม่เลิกกัน เธอก็ย้ายบ้านไปอยู่บ้านโน้นบ้านนี้ เหมือนไม่ได้เป็นหลักแหล่ง พอแม่กับพ่อยังรักกันดีเธอเลยรู้สึกว่าอะไรๆ ก็ดีขึ้นมาก

ความรักทำให้คนเรามีความสุข และร่วมชีวิตกันได้ยาวนานจริงเชียว เธอเองก็อยากมีความรักแบบนี้ ภาพผู้ชายใจร้ายที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก ไม่ฟังอะไรแบบนั้น ทำให้ใจเธอเจ็บปวดที่ใจจนต้องสะบัดศีรษะขับไล่

“พ่อกับแม่นอนก่อนนะตี้ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า หนูก็ระวังน้ำค้างด้วย กลางคืนมันแรงจะเป็นหวัดเอา”

“ฝันดีนะคะพ่อ ฝากบอกแม่ด้วย”

ร่างสูงมีเนื้อนิดๆ รับคำ เดินกลับเข้าไปในบ้าน สมิตานันจึงได้ยืนทอดอารมณ์ริมระเบียงชานบ้านปูนชั้นเดียวยกพื้นหนึ่งเมตร มองแสงดาวบนฟ้ากำลังส่องแสงพริบพรับละลานตา ดาวที่นี่ไม่มีแสงไฟที่ไหนมาขัดขวาง มันจึงสว่างไสว และน่ามองจับใจ

เธอหวนนึกถึงวันที่ได้มองดาวกลางป่ากับนิมมาน ความรู้สึกสุขเคล้าเศร้าตีรื้นจนขอบตาแดงก่ำ เวลานี้เธอขอร้องไห้เงียบๆ คิดเขาได้ไหม ไม่มีใครมอง ไม่มีใครจ้องเธออีกต่อไป

เป็นเพียงคนธรรมดา เป็นลูกสาวของพ่อแม่ และหัวใจที่ยังรักผู้ชายเข้าใจยากคนนั้นไม่เปลี่ยน

ห่างกันไกล แต่ใจเธอกลับยิ่งบีบรัดแน่น กลัวเขาจะลืมเธอ และเลิกรักเธอไป การจากมาด้วยความไม่เข้าใจ มันทรมานอย่างนี้นี่เอง

โทรศัพท์พกพากำลังสั่นเรียกร้องความสนใจ หน้าจอแสดงชื่อที่เธอแทนเขาด้วยอารมณ์หมั่นไส้ ‘หมายเลข 4’ รอยยิ้มของเธอที่ควรจะเกิดเสมอเวลาพบเจอเรื่องราวเกี่ยวกับเขากลายเป็นเคร่งเครียด เธอกลัวว่าการรับโทรศัพท์คราวนี้จะได้รับฟังประโยคไม่น่าฟัง ระคายหู และทนรับความไร้เหตุผลของเขา

แต่เธอก็เฝ้าเตือนว่าการกระทำของเธอไม่ใช่การหนี แค่ตั้งหลักที่บ้านเฉยๆ

“ค่ะ”

“พี่ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนลงของเขา ทำให้ใจคนฟังอ่อนยวบ คนฟังยิ้มแก้มปริ

“เรื่องอะไรคะ”

“ทุกๆ เรื่อง”

สิ่งหนึ่งที่เธอหลงรักในตัวของนิมมาน คงจะเป็นความตรงไปตรงมา เขารู้ตัวว่าผิดเขาก็จะขอโทษ รู้ว่ารักเขาก็จะพูด แสดงออก เธอถามอะไรก็ตอบออกมาเสมอ

“แล้วตี้ควรจะทำยังไงล่ะคะ ให้อภัยเหรอ”

“แล้วให้อภัยได้หรือเปล่า”

สมิตานันยกมือปิดปากสะกดเสียงกรีดร้องไว้ ยังไม่อยากให้พ่อแม่ตื่นมาพบเห็นลูกสาวไม่เต็มเต็ง แหงนหน้ามองผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ ปล่อยให้สายลมเย็นยามค่ำพัดผ่านผิว เธอไม่รู้สึกหนาว เหมือนได้รับอ้อมกอดจากปลายสายโอบประคองไว้

“อยากรู้คำตอบก็ลองมองฟ้าดูสิคะ”

เสียงกุกกัก เคลื่อนย้ายของปลายสาย ทำให้เธอจินตนาการว่าเขาคงจะลุกจากเตียง และเลื่อนเปิดประตูระเบียงเพื่อออกมายลฟ้าสีน้ำเงินเข้มเกือบดำผืนเดียวกับเธอแน่

“ไหนล่ะคำตอบ”

“เห็นดาวดวงโน้น กับอีกดวงที่อยู่เหนือพระจันทร์เสี้ยวไหมคะ แล้วให้เอียงคอมองสี่สิบห้าองศา” คนพูดหัวคิกคัก เอียงคอมองตาม มือจับองศาจุดที่เธอว่าถึงด้วยรอยยิ้มกว้าง “เห็นไหมคะ”

“พระจันทร์ยิ้ม”

“ตี้กำลังยิ้มให้พี่ปอม”

ถ้าเกิดเธอมีตาทิพย์ คงได้เห็นรอยยิ้มสว่างไสวเฉกเช่นของเธอบนหน้าคมของนิมมาน “พี่อยากเจอตี้”

“ตี้อยู่ไกลค่ะ คงเจอพี่ปอมไม่ได้”

“ช่วงนี้พี่วุ่นๆ ที่ห้างกำลังเร่งเตรียมงานปีใหม่ ตี้จะมาไหม”

หญิงสาวถอนสายตาจากหมู่ทะเลดาว เคลื่อนตัวไปพิงกับกำแพงขาว กอดตัวเองไว้แน่น ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ขนาดเสื้อหนาที่เธอแบกมายังเกือบเอาไม่อยู่

“ไม่ไปค่ะ ตี้จะอยู่ที่นี่”

“แต่...”

“ฝันดีนะคะพี่ปอม ตี้ง่วงนอนแล้ว ตี้รักพี่ปอมนะคะ ผู้ชายหมายเลขสี่ หมายเลขสุดท้ายของตี้ด้วย” พูดจบก็รีบตัดสาย หน้าแดงก่ำ สองแก้มร้อนผ่าว อุณหภูมิในกายสูงขึ้น ดวงตามีรอยระริกเต้นได้ด้วยความสุขขับเคลื่อน

ไม่รู้ว่าพอเธอเรียกหมายเลขสี่ไปแบบนั้นจะงอนหน้าคว่ำอีกหรือเปล่า

แต่วันนี้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะ...ฝันดี

แล้วเขาจะรู้ไหมว่า ‘ที่นี่’ ของเธอคือที่ไหน


ภารกิจของเธอนับตั้งแต่กลับบ้าน สมิตานันได้มีโอกาสดูแลโรงเรือนผักขนาดหนึ่งไร่ของพ่อแม่ และได้เที่ยวเตร่ชมดอกไม้เมืองหนาวบาน ขึ้นนั่งรถขึ้นเขาต่อมาอีกหน่อย เพื่อพบกับไร่ผืนใหญ่ อาณาเขตไพศาล และมีชื่อระดับประเทศ คุ้มนายแม่

เธอมองความยิ่งใหญ่นั้นพลางห่อไหล่ มันดูเป็นไร่ครบวงจรแต่ไม่มีหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงแตรรถบีบไล่หลัง เธอต้องกระโดดหลบ ยกมือปิดปากกับควันดำที่พุ่งใส่ นั่นไง...ขับฉิวไปไม่เห็นหัวเธอ สมกับที่เธอปรามาสความไม่มีหัวใจของคนที่นี่

เอี๊ยดดด...เสียงล้อเบรกอัดกับถนนที่เป็นดินแดงจนฝุ่นยิ่งคลุ้งไปทั่ว คนไม่ค่อยพบเจอสภาพแบบนี้ไอค่อกแค่ก หาทางหลบมุม ไปยืนชิดแนวรั้ว ประตูรถกระบะสีแดงกลางเก่ากลางใหม่ฝั่งคนนั่นงเปิดออก สตรีสูงวัยสวมเสื้อลูกไม้ กระโปรงผ้าไทยเดินตรงมาทางเธอ รอยเหี่ยวย่นบนหน้ามีร่องรอยปีติ

“เธอมาจากกรุงเทพ เป็นดาราใช่ไหม”

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“รู้จักพุทธาหรือเปล่า”

สมิตานันเอียงคอสงสัย หัวคิ้วขมวดมุ่น เธอไม่รู้หรอกว่าการตอบรับว่ารู้จักในครั้งนี้ จะนำพาชีวิตของพุทธา รุ่นน้องของเธอผู้รักความสงบ และพร้อมช่วยเพื่อนมนุษย์โลก วิญญาณ วุ่นวายอีกเท่าตัว

“ค่ะ รู้จักดีค่ะ”

สตรีสูงวัยปิดปากร้องไห้ตัวโยน ปากของหล่อนพร่ำสิ่งหนึ่งที่เธอได้ยินถึงกับตาโต “หลานชายฉัน ต้องซ่อนไว้ ต้องซ่อนให้พ้นนายแม่”

นั่นล่ะ...คือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ สมิตานันได้แต่พยักหน้ารับกับคำสั่งแกมขอร้องของอีกฝ่าย “จำไว้นะว่าเราสองคนไม่เคยเจอกัน ใครที่ไม่รู้จักถามถึงพุทธาก็บอกปัดไป ไว้สักวันฉันจะไปเยี่ยมหลานชายฉัน”

“ว่าแต่คุณเป็นญาติฝ่ายไหนของพุทคะ”

“ฉันเป็นยายของเขา ตระกูลอนาญทิพย์ พุทเขาไม่ได้เห็นอนาคตอะไรใช่ไหม”

ชื่อตระกูลอีกตระกูลที่ดังทำให้คนฟังนิ่วหน้า ตามรายการทีวีเกี่ยวกับศาสตร์หมอดู มีหมอดูหลายท่านนามสกุลนี้ เธอเคยได้ยินว่ามันเป็นศาสตร์พิเศษที่สืบทอดกันภายในตระกูลนี้ และต้องเป็นทายาทที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น...ไม่ใช่เหรอ

“ไม่แน่ใจค่ะ แต่เรื่องรู้วิญญาณ พุทไม่เป็นสองรองใคร”

“สมแล้วจริงๆ ฝากดูแลหลานชายฉันด้วยนะ โดยเฉพาะเรื่องความรักของเขา”

“ทำไมคะ...คุณเห็นอะไร”

“ความเจ็บปวด ความเดือดร้อน หลานฉันจะไม่มีความสุข” หญิงสูงวัยกระแอมเรียกเสียงไม่ให้แหบเกินไป จับมือหญิงสาวตรงหน้า ภาพทุกอย่างไหลทะลักจนเธอตะลึง “นี่เธอไปเจออะไรมา แต่มันจบลงแล้วล่ะ ชีวิตได้เริ่มต้นใหม่จริงๆ และจะมีแต่ความสุข หลานชายของฉันช่วยชีวิตเธออยู่หลายครั้งเลยนะ”

“ค่ะ ฉันเป็นหนี้ของพุทเยอะมากจริงๆ ถ้าตอบแทนอะไรได้ก็อยากจะทำ”

“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จำคำของฉันเอาไว้ ดีใจที่ได้เจอเธอนะ อ้อ ในระยะเวลาใกล้ๆ นี้ถ้ามีใครมาขออะไรก็อย่าปฏิเสธล่ะ ไม่อย่างนั้นลูกเธอจะมาเกิดช้า”

มือของเธอเป็นอิสระ เธอกระพุ่มมือไหว้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท มองเขาขึ้นรถเข้าไปในอาณาเขตของคุ้มนายแม่ คนที่เธอเจอไม่ใช่เจ้าของสมญานามนายแม่สินะ...สมองเธอหวนนึกถึงคำสุดท้ายที่ได้ฟัง

ลูกจะเกิดช้าอย่างนั้นเหรอ...คราม ไม่รู้ป่านนี้เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว

ลูกชายของเธอ แล้วไอ้ที่ขอที่ว่านี่ขออะไร


ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ปฏิทินแขวนเป็นตัวเลขสีแดงในวันสุดท้ายของปี เธออยู่ที่นี่มาครบอาทิตย์ จิตใจของเธอสงบ และได้พักอย่างจริงจัง ที่สำคัญถึงจะห่างกับนิมมานเกือบพันกิโลเมตร แต่ผู้ชายที่อวดอ้างว่าเป็นนักยูโด ชอบเล่นเทควอนโด และมวยไทยเป็นงานอดิเรกบอกกับเธอว่ารักว่าคิดถึงวันละสองครั้ง และยามคิดถึงแบบไม่นับเวลาเสมอ

แม้แต่พ่อแม่ยังสังเกตว่าเธอมีบางเรื่องแอบซ่อนเอาไว้...ก็เธอไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องนี้ยังไง

ร่างบาง หุ่นเพรียวสวมชุดขาว ผมรวบขมวดเป็นปมกลางศีรษะ หน้าปราศจากเครื่องสำอาง สวมรองเท้าแตะ แบกหนังสือพระเดินตามบิดามารดา ตามที่พ่อของเธอแนะนำว่า

‘เพื่อความสิริมงคลกับชีวิต การสวดมนต์ข้ามปี ทำจิตใจให้สงบย่อมดีกว่าฟุ้งซ่าน ดื่มเหล้า เมาหัวราน้ำ นะลูก’
ตอนเช้าเธอตักบาตรไปแล้วรอบหนึ่ง หัวค่ำ เธอก็แต่งชุดเต็มยศ มือข้างหนึ่งแบกเสื่อมากอดไว้ เป็นปีแรกที่เธอได้อยู่กับครอบครัวในช่วงปีใหม่แบบพร้อมหน้า ก็ตั้งแต่เธอจำความได้พ่อแม่ก็ทะเลาะให้เธอเห็น นี่คือชีวิตใหม่ และเธอภูมิใจที่อย่างน้อยเธอได้ครอบครัวที่รักคืนมา

“น่าเสียดายนะคะที่พี่ลี่มาไม่ได้”

ทั้งสามเลี้ยวผ่านซุ้มประตูวัด สู่เขตพัทธสีมา ช่อฟ้าใบระกางามเด่นตรงหน้า มีจำนวนคนเดินประปราย ล้วนเป็นชาวบ้านในท้องที่ สมิตานันเดินตามบิดามารดาไปยังลานโล่ง

เธอเริ่มจัดการจองพื้นที่ปูเสื่อผืนยาว เพราะว่ามาช้าพื้นที่บริเวณอื่นจึงเริ่มเต็มอย่างที่แม่บอกไว้ล่วงหน้า พ่อแม่ขอตัวไปนั่งกับทางผู้ใหญ่ของอำเภอ เธอจึงได้พื้นที่สะดวกชิดแนวต้นไม้สัก มีเวลาว่างเปิดอ่านหนังสือธรรมะไปเงียบๆ

รู้สึกโชคดีที่กมลไม่ได้ว่าอะไรกับการตัดสินใจเชิงเกือบออกจากวงการแบบนี้ เหลือไว้แค่งานตามสัญญาที่ทำไว้กับสินค้าสองสามตัว อีกสักพักเธอก็ต้องกลับไปทำงานที่เหลือ ส่วนรายการหลอนดีนัก ตอนนี้ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ เทปสุดท้ายเธอได้ดูเมื่อสามวันก่อน เธอไม่รู้ว่าแฟนๆ จะเศร้าใจแค่ไหน แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

ละครเรื่องใหม่ที่มีรักษ์พระเอกดาวรุ่งกับนางเอกหน้าใหม่จิ้มลิ้มเริ่มโปรโมทเตรียมลงจอต่อทันทีแล้ว เธอทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ไม่ต้องมีใครไปรบกวนดวงวิญญาณที่น่าสงสารไม่พ้นทุกข์เหล่านั้นอีก ที่ผ่านมาเธอพบเจอมันไม่ต่างจากฝันร้าย แต่เมื่อผ่านมา ความวุ่นวาย และทุกข์ใจหลังฝ่าพายุฝน เธอได้พบท้องฟ้าสว่าง

เสียงสวดมนต์เริ่มดังขึ้น สมิตานันวางความคิดทุกอย่างลง พนมมือนิ้วโป้งหนีบหนังสือเล่มเล็ก เปิดหน้าบทสวดมนต์ตามที่กำลังท่องกันนับร้อยรอบนี้จนกว่าจะผ่านพ้นเวลาเที่ยงคืนนี้

อาการง่วงงุนเริ่มเล่นงานพอผ่านไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง คนห่างวัดอ้าปากหาวหวอด มือลดลงจากพนม เธอตั้งใจให้อยู่ในท่านั่งสมาธิ วางมือทับตรงเอวแทนเสีย มองคนรอบข้างจมอยู่กับการสวดมนต์ ไม่มีใครมาสนใจคนใกล้หลับเช่นเธอ จึงแอบหลับตาเสียเลย

ภาพเมฆหมอกทะมึนลอยต่ำตรงหน้า สายฟ้าแปลบปลาบผ่านทะลุชั้นเมฆ เธอรู้สึกถึงลมแรงจนต้องคว้าต้นไม้ใหญ่กอดไว้ สมิตานันค่อยๆ ทรงตัว ต้านลมเดินไปช้าๆ ไม่รู้ว่าสถานที่แปลกตานี้คือที่ไหน

“แม่ครับ”

เสียงอันคุ้นหูทางด้านหลังทำให้เธอยิ้มออกมาก่อนจะหันกลับไปเห็นตัวเสียอีก ผู้ชายตัวสูงยืนยิ้มให้เธอ และวางมือมาตรงหน้า สมิตานันวางมือตัวเองลงไป สัมผัสได้ถึงพลังความรู้สึกอันยิ่งใหญ่กำลังดันคับอกของเธอ เธอได้พบหน้าลูก ไม่สิ เขาจะมาเป็นลูกของเธอ

“ครามอยู่ที่นี่เหรอ”

“อีกไม่นานผมก็ไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ แค่รอเวลา”

“เราจะได้เจอกันแน่ๆ ใช่ไหม”

“ถ้าแม่จะตอบรับคำขอของพ่อตั้งแต่วันนี้ ก่อนกลางปีผมก็จะมีโอกาสได้เกิด”

“แล้วถ้าไม่ทันล่ะ”

ครามยิ้มเศร้า กระชับมือของเธอแน่นขึ้น “ก็คงไม่ใช่ผม”

สมิตานันลืมตาขึ้นมา น้ำเสียงเศร้าของครามดังชัดอยู่ในหัว เธอจะยอมให้ครามไปเกิดเป็นลูกคนอื่นได้อย่างไร

มือของเธอตั้งใจจะมาลูบหน้าเพื่อให้ตื่นเต็มตา ก็พบว่ามีวัตถุบางอย่างสวมติดนิ้ว แหวนทองคำขาว ประดับเพชรสีน้ำเงินเม็ดเล็กน่ารัก เธอเพ่งมองมันด้วยความไม่เข้าใจ พยายามมองหาว่าใครบังอาจเอาแหวนมาสวมทั้งที่เธอกำลังหลับ หน้าหนังสือของเธอก็มีแผ่นกระดาษแผ่นเล็กคั่นไว้อยู่ มือของเธอสั่นเทา หัวใจเต้นรัวเมื่อพยายามยื่นมือออกไปเปิด

กระดาษสีขาวแผ่นเล็ก เหมือนฉีกออกมาจากอะไรสักอย่าง เขียนด้วยลายมือหวัดๆ ลงท้ายชื่อด้วยบุคคลที่เธอไม่คาดฝัน

‘พี่จะรออยู่ที่หน้าทางเข้าวัด ให้ขอแต่งงานตอนที่เขากำลังสวดมนต์ข้ามคืน คงไม่ดี...รัก พี่ปอมของตี้’

“จะนั่งหลับต่อก็ได้นะ” เสียงยียวนดังขึ้นข้างๆ เธอถึงกับหลุดหัวเราะ ห่างไปอีกที่นั่ง รียากรกำลังลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง ที่นั่งข้างกันเป็นสัตวแพทย์หนุ่มที่กำลังพึมพำสวดมนต์ พยายามไม่สนใจสองสาวพี่น้อง

“พี่ลี่มาได้ยังไง” กระซิบถามออกไป สีหน้าดีใจ

“ก็แฟนใครแถวนี้บอกว่าจะมาทำธุระสำคัญ อยากกลับมาเยี่ยมบ้านด้วย พี่ธีจะได้มารู้จักพ่อกับแม่” คนพูดกล่าวออกมาหน้าก็ขึ้นสี โบกมือไล่ไปมา “พี่จะสวดมนต์ จะไปไหนก็ไปเถอะ”

“ขอบคุณนะคะพี่ลี่” สมิตานันมองบุคคลที่เธอได้พบหลังจากแก้เรื่องเลวร้ายผ่านพ้น เธอไม่เห็นสายตาอาฆาต หรือความมุ่งร้ายจากผู้เป็นพี่ ซ้ำยังช่วยเหลือความรักของเธอ

“เธอทำมันทั้งหมด พี่แค่ช่วยเหลือน้อยนิด ไปตามที่หัวใจเรียกร้องเถอะ บางทีสาววงการ อาจต้องใช้เวลาปรับตัวกว่าจะนั่งสวดมนต์ได้จนจบบท”

ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ร่างบางรีบค้อมตัว หลบฉากออกมาจากสถานอันสงบนี้ เธอจะวิ่งไปหาหัวใจ เธอจะตอบรับคำขอของเขาแบบไหนดี

ผู้ชายร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เขี่ยเท้าไปมาหน้าซุ้มวัด มีแสงจันทร์ส่องกระทบสว่าง เขาเพิ่งหันมาพบเธอ ความสว่างไสวบนใบหน้าเปิดรับเธอ เขารู้คำตอบดีตั้งแต่พบเธอเดินออกมา

สมิตานันวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดเขา ไม่ต้องรอให้เขาขอ เสียงของเธอก็ประกาศความต้องการย้ำชัด

“แต่งค่ะ ตี้จะแต่งงานกับพี่ปอม”

แสงสว่างบนฟากฟ้า ดังปุ้งปั้ง เป็นประกายสว่าง สมิตานันทอดมองมันหลังจากยืนบนพื้น และให้เขาโอบกอดเธอไว้แทนผ้าห่มอันหนานุ่ม คู่รักมองฟ้าเหนือสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาดังมีพลุสว่างเป็นสัญลักษณ์สู่เวลาของปีใหม่

“นึกว่าจะหลับยาว”

“แซวเหรอ” สองเสียงประสานเสียงหัวเราะ ดวงตาทอดมองกันเป็นประกายความสุข นิมมานก้มลงมาจะฉกชิงความหวานของริมฝีปากบาง แต่สมิตานันหลีกหนีในนาทีสุดท้าย

เธอบุ้ยใบ้ไปยังเขตวัด “ไปนั่งเล่นที่บ้านดีกว่าค่ะ แถวนี้ประเจิดประเจ้อ ดูชุดตี้สิ เขาให้มาถือศีล พี่ปอมมาสติตี้หายหมด ขอแต่งงานได้โรแมนติกมากค่ะ”

โดนประชดเข้าให้คนขอแต่งงานหัวเราะครืน สอดนิ้วผ่านง่ามนิ้วเล็ก บีบไว้แน่น ออกเดินไปในทิศทางที่มีแสงไฟริมทางส่อง มองความสงบเงียบ และใบหน้าปีติของชาวบ้านที่ผ่านไปมา คำทักทายสวัสดีปีใหม่ดังไปทั่ว

“พี่ปอม ตี้ฝันถึงลูก”

“หืม...ลูก แต่ว่าเรา”

“ค่ะ ทันทีที่แต่ง ภาระหนักจะอยู่ที่พี่ปอม เราจะแต่งกันให้เร็วที่สุดนะคะ”

“แต่งเพราะพี่หรือเพราะลูกเนี่ย” คนตัวโตเริ่มออกอาการน้อยใจอีกหน แต่พอมีสัมผัสแผ่วเบาบริเวณแก้มสาก เขาก็ต้องกลั้นยิ้มไว้ ในใจรับรู้ความสำคัญของตัวเอง

“พี่ปอมกับครามลูกของเรา สำคัญกับตี้ทั้งสองคนค่ะ”

“ตั้งชื่อลูกรอไว้เลย”

สมิตานันหัวเราะเสียงพลิ้ว หยุดยืนตรงเนินเขาย่อมๆ เหม่อมองไปยังทิวเขาทึบ ทะมึน น่าแปลกที่วันนี้เธอไม่หวาดกลัวความมืดอีกแล้ว แสงจันทร์นวลส่องขับไล่ความมืด และความรักของเขาและเธอขจัดความกลัวในใจไปหมดสิ้น

“เหมือนฝันเลยนะคะที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้รักพี่ปอมแบบนี้ ตี้ไม่รู้จะขอบคุณอะไรเลย มันมากมายจริงๆ กว่าที่เราจะได้มาอยู่เคียงข้างกัน”

“มันไม่ใช่ความฝันหรอกตี้ มันคือความจริง”

“ค่ะ ความรักของเรามันคือความจริง เพราะตี้เชื่อแบบนั้นมาตลอด”

หญิงสาวเอนตัวให้ร่างใหญ่ได้โอบกอดไว้ มองความเป็นไปอันสงบเงียบ และน่าพักใจ นี่คือชีวิตที่เธอต้องการ ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ขอแค่มีเขาอยู่ข้างกาย มีความรักที่เธอสัมผัสได้

ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่บททดสอบของเวลา เธอต้องการความจริงที่เป็นเขา

เธอรักเขา...และเขารักเธอ ความจริงก็มีอยู่แค่นี้จริงๆ


..................................................

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ สงสัยต้องฝึกเขียนฉากบู๊อีกเยอะๆ ฮา เรื่องคู่รองไม่มีเลย มีแค่กล่าวถึงคู่พี่ ฮา ไว้รอบทพิเศษนะคะ อิอิ

คุณ konhin ใช่ค่ะ จบหมดแล้ว เหลือบทพิเศษอย่างเดียว ไม่ต้องงแล้วเนอะ

คุณ mhengjhy อ่านตอนนี้แรกๆ พี่ปอมน่าหมั่นไส้พอควร ฮา

ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอดนะคะ น่ารักมากๆ เลย ^^ อันนี้วางไว้ก็น่าจะรู้ว่าพุทธาบทยังไม่หมด ไว้ถ้าใครอยากรู้ก็รออ่านในสวีทสุดท้ายนะคะ จะพาพุทธาไปเรียกคะแนน ส่วนเรื่องรุ่นลูก (คราม) ไว้รอเคลียร์สวีททั้งสามให้หมด ค่อยว่ากัน รู้สึกนิยายที่เขียนมา จะมีลูกไปหลายคู่แล้ว คงมันส์หยดติ๋ง ไว้ปีหน้าค่อยขุดมาพูดใหม่ค่า ฮิ้ววว รอบทพิเศษนะคะ ^o^ ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า รวมทั้งแฟนนิยายเรื่องนี้ที่ตามติดกันมาตลอด ซึ้งใจมากๆ ค่ะ จะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ เรื่องนี้เป็นพล็อตยาก ทำมึนไปหลายหน ถ้ามีโอกาสในอนาคตคงได้เอามาปัดฝุ่นเขียนใหม่ แต่ยังไม่รีไรท์ในเวลาใกล้ๆ นี้แน่นอน ฝากเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะ






ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2556, 01:10:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2556, 01:10:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2551





<< บทที่ 29 : โรคคิดถึง   
ปีกกรรณิการ์ 15 ธ.ค. 2556, 01:57:02 น.
ฟินค่ะฟิน ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไงแล้วค่ะ
ปล นี่คือแอบหลงรักครามแบบเบาๆ 555


mhengjhy 15 ธ.ค. 2556, 08:50:14 น.
55 เลิฟ เลิฟ


ใบบัวน่ารัก 15 ธ.ค. 2556, 09:11:16 น.
ดีใจด้วย มีลูกหลายๆๆคนนะคะ
อยากไปเที่ยวจัง


ChaCha 15 ธ.ค. 2556, 21:51:23 น.
น่ารักจัง ^^ เขียนได้สนุกมากเลยค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ธ.ค. 2556, 23:57:51 น.
เค้าชอบตอนจบ!!!! (จะโดนว่าเป็นมารศาสนาป่าวอ่า)
ชอบทุกฉากเลย ชอบๆๆๆ
จริงๆ ก็ชอบทั้งเรื่องแหละ ฮาาาาาา
ขอบคุณไรเตอร์ค่าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account