รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 29 : โรคคิดถึง

เสียงพ่นลมหายใจบอกความหงุดหงิดของผู้เปิดหน้า สมิตานันรีบดึงรั้งมือของนิมมานที่กำลังพุ่งกำปั้นไปกระทบหน้าของอีกฝ่ายไว้แน่น ส่ายศีรษะบอกไม่ให้เขาทำ

“เราควรเปลี่ยนแปลงมันด้วยความเข้าใจ อย่าได้ฆ่าใคร หรือฝากความแค้นไว้ในใจใครอีกเลยนะคะ เท่านี้ในอดีตทุกคนก็เจ็บร้าวมากพอแล้ว”

เท่านั้นชายหนุ่มถึงกับหงุดหงิดสะบัดแขนออกจากสมิตานัน ยืนกอดอกคุมเชิงไม่ห่างกัน “อยากจะทำอะไรก็เชิญ”

คนโดนหงุดหงิดใส่ทำหน้าง้ำ แต่ยังไม่นึกเอามาเป็นอารมณ์ให้ทะเลาะกัน “ทำแบบนั้นทำไม”

“ข้าไม่อยากให้แม่นางไป ข้าไม่ไว้ใจความคิดของนาง ข้าเป็นห่วง”

“แต่เจ้าก็อยู่ข้างพวกนั้น” สมิตานันชี้ไปยังร่างที่สลบ ใบหน้าช้ำ “ถ้ามาไม่ทัน สมิตาได้ตายสมใจ”

“ข้าแฝงตัวมา ไม่คิดว่ามันจะชิงลงมือระหว่างทาง ข้าขอโทษ”

ดวงตาสำนึกผิดตรงหน้า และน้ำเสียงขอโทษขอโพยกำลังทำให้เจอเธออ่อนยวบ เธอมักถูกหลอกง่ายด้วยเหตุผลนี้กระมัง เชื่อง่าย หลอกง่าย

“จะให้ข้าเชื่อหรือไง จะบอกอะไรให้นะ ว่าคนที่เจ้าไม่ไว้ใจ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่สมิตาเหมาะจะไว้ใจมากที่สุดในชีวิต” สมิตานันย้ำชัด เธออยากจะทำให้คนพวกนี้รับรู้ว่านิมมานเป็นคนดีมากพอจะฝากชีวิตทั้งชีวิตไว้ได้ เธอไม่อยากให้ใครมาทำลายความเชื่อใจของสมิตาที่มีต่อนิมมาน เธอไม่อยากให้ความรักกลายเป็นยาพิษ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

จบคำถามนั้น หญิงสาวเดินมาหาผู้ชายที่เธอวางหัวใจไว้ในกำมือเขา พร้อมจะฝากความเชื่อใจทั้งหมดไว้ที่เขาเพียงคนเดียว ไม่เหลือคำถามใดๆ อีกเมื่อเธอโน้มเขาเข้ามาประทับริมฝีปากลงไปบนส่วนเดียวกันด้วยสัมผัสเพียงแผ่วเบา

เธอหันมามองร่างที่ถูกมัดไว้แน่น พบว่าเขามองอย่างตะลึงงัน “เจ้าเป็นใคร”

“สมิตาจำเป็นต้องรู้ความจริง แผนการร้ายทั้งหมดเป็นฝีมือของท่านสุกรี เจ้าได้ยินชัดแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องทำเพื่อชดใช้การกระทำครั้งนี้”

ทหารหนุ่มแห่งบุรเขตทอดสายตามองคนสั่งการ รู้สึกยอมรับโดยดี ตนช่วยคนผิด “เจ้าสั่งมาเถิด ข้ายินดีชดใช้ความผิด”

“กลับไปบุรเขต และสั่งห้ามทุกคนลงโทษท่านสุกรี บอกเขาว่าบุตรสาวของเขาจะได้รับการช่วยเหลือ เลิกทำร้ายบ้านเผาเมืองแบบนี้เสียที กับสิ่งที่เขาทำกับสมิตา จะไม่มีการถือโทษโกรธใดๆ อีก”

“สมิตาอาจไม่ยอม”

“รีบไป นี่คือคำสั่งของเจ้านาง บอกกล่าวให้ท่านวาฬีรรู้ว่าหลานสาวคนใหม่ของเขาปลอดภัย และสั่งการมา คำสั่งนั้นจะได้รับการสนองทันที”

คนโดนสั่งมองอย่างหวาดระแวง สมิตานันยอมเชื่อใจคนหน้าเหมือนรักษ์ตรงหน้าอีกครั้ง ไปปลดเชือกที่มัดไว้ออก ปากยังคงพูดในสิ่งที่เธอรู้ดีออกไป “บอกท่านน้าว่าข้าขอบคุณเขามากสำหรับมีดพกในอีกพันปีข้างหน้า”

หญิงสาวมองร่างของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไรกับสมิตา จากไปยังทิศทางตรงกันข้าม ลึกๆ เธอยังเชื่อในความดีของเขา สายตาของเขาไม่มีความกระหายอยากฆ่าเหมือนกับอีกสองคนที่โดนล้มไป

“มาถึงนี่ก็ยังจะเจอ”

น้ำเสียงห้วนห้าวของคนนิมมานฉุดเธอกลับมาอยู่ในปัจจุบัน ให้ตายสิ ครั้งก่อนก็มีหมอธี ครั้งนี้เธอยังต้องมารับอารมณ์กรุ่นโกรธของเขาด้วยเรื่องของรักษ์อีก สมิตานันมองค้อนเขาในความมืด คว้าแขนหนามาเกี่ยวไว้หน้าตาเฉย พูดลอยๆ กับลมฟ้าอากาศ “ถ้าหากยังไม่พอใจ จะให้ตี้จูบอีกสักทีก็ได้นะคะ”

“ก๋ากั่น”

โดนต่อว่าแต่เธอกลับยิ่งยิ้มหน้าบาน รู้สึกมีความสุขกับการมีเขาอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหน “พี่ปอมคะตี้รักพี่ปอมคนเดียวนะคะ”

เสียงสูดหายใจเบาๆ ดังชิดเส้นผม เธอแหงนหน้ามองเขาเล็กน้อยก่อนวางใจทิ้งร่างลงในอ้อมแขนของเขา เสียงสวบสาบเคลื่อนไหวไม่ไกลขัดความสุขเล็กๆ ของเธอ หากเธอไม่เห็นร่างบางหน้าเหมือนตัวเองมอมแมมเดินสะดุดล้มรากไม้หน้าทิ่ม เธอคงลืมตัวเองในอดีตไปแล้ว

อีกสาเหตุที่เธอยังต้องสะสาง...

สมิตานันลองออกมาจากอ้อมกอดของนิมมาน และเป็นไปอย่างที่นึก เธอมองไม่เห็นร่างของสมิตา หญิงสาวเลยเลือกทำตามใจอยาก ฝังตัวไปในอ้อมกอดเขา ดึงนิมมานนั่งลงตรงหน้าร่างมอมแมม เผชิญกับผู้หญิงที่เธอเผลอโกรธขึ้นมา ก็ใครใช้ให้อดีตเธอเลือกทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้กัน

เพียงแค่สมิตาผงกหัวขึ้นมอง สมิตานันไม่รอช้าที่จะเริ่มบทสนทนนาทันที “หยุดความคิดที่จะทำร้ายท่านนิมมานซะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน เธอน่าจะตาสว่างพอรู้ว่าใครดี เลว ชั่ว ถ้ายังพอมีปัญญา”

นิมมานตีไหล่ของเธอพอบอกให้รู้ว่าคำพูดของเธอคงไม่ได้ฟังรื่นหูแต่อย่างใด

“ข้าจะเชื่อใจคนที่หักหลังเมืองข้าได้อย่างนั้นเหรอ”

“พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง เข้าใจยาก ถ้านิมมานไม่รักเธอ เขาไม่โง่ดักดานรอผู้หญิงโง่ๆ อย่างเธอมานานถึงพันปีหรอก เธอจะทำให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม ได้โปรดเปิดตาเปิดใจ นิมมานรักเธอด้วยใจจริง”

“พวกเจ้ามาด้วยมนตร์ดำอันใด ถึงได้พูดจาแปลกหูพิกล”

สมิตานันพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เธอได้รับอ้อมกอดของนิมมาน ได้รับความรักเขาแล้ว แต่สมิตาคนโง่ ยังโง่ไม่เปลี่ยน นอกจากไม่เข้าใจ ยังมายอกย้อนถามการมาของเธอ ช่างเป็นผู้หญิงที่ดื้ออะไรอย่างนี้ หรือเธอจะมีนิสัยแบบนี้

เฮ้อ... เอาเถอะ โชคชะตาคงส่งมาให้เธอทะเลาะกับตัวเองเมื่อพันปีก่อน

“พันปีในอนาคตเธอจะเป็นฉัน และนิมมานก็จะเป็นเขา เรารักกัน ไม่มีใครมาเล่นของหรอก”

“ข้าไม่อยาก...”

“สงครามจบลงแล้ว ทุกอย่างจะคลี่คลาย ได้โปรดเชื่อใจฉัน” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ สมิตานันตั้งท่าเอื้อมมือไปคว้าข้อมือนั้น แต่เธอสัมผัสตัวเองในอดีตไม่ได้ “วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ที่ออกเดินทาง”

สมิตาแววตาทอแสงอ่อนลง ไหล่ลู่ตก ตัวสั่นเทา “รุ่งเช้าของวันพรุ่ง คือวันที่สาม”

“ทางบุรเขตจับตัวทรยศได้ แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรจงใช้หูของตัวเองฟังเถอะ” สมิตานันบอกปัด หยัดกายลุกขึ้น

“ข้าจะทำยังไงต่อไป”

ไม่ทันสิ้นคำ เสียงตะโกนก้องในป่าก็เป็นคำตอบได้อย่างดี แสงไฟจากคบเพลิงส่องสว่างขับไล่ความมืดออกไป บัดนี้แสงจันทร์นวลบนฟ้าเริ่มทอส่องอีกครั้ง

“ข้าอยู่นี่” สมิตานันยอมลงทุนปลอมเป็นสมิตาอีกหน ตะโกนเสียงดังเพื่อให้ทหารที่ตามตัวเจ้านางรู้ทิศทาง ก่อนคว้ามือของนิมมานออกวิ่งไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ปล่อยให้ร่างของสมิตาถูกทหารในชุดเกราะอันคุ้นเคยของทางบุรเขต และไม่ใช่แค่เฉพาะทางบุรเขต ทหารมากหน้ากว่าสิบชีวิตชุดแปลกตาแหวกทางให้คนๆ หนึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าร้อนอกร้อนใจของเขาสลายหายไปกลายเป็นยิ้มกว้าง และวิ่งมากอดร่างอ้อนแอ้นนั้นเต็มอ้อมแขน

นิมมานมารับหัวใจของเขาด้วยตัวเอง...จากนี้เธอคงวางใจ น้ำตาของสมิตายามไหลอาบแก้ม พร่ำพูดขอโทษขอโพยด้วยเสียงสั่นเครือก่อนกอดตอบนั้น ทำให้เธอเบาใจ กระทั่งคณะเดินทางจากไปไกล หญิงสาวในยุคสองพันถอนหายใจอย่างโล่งอก ภาระหนักอึ้งเหมือนถูกวางลงข้างตัวโดยสมบูรณ์

สมิตานันโถมตัวกอดร่างของคนที่กอดเธอจากด้านหลังจนล้มลงไปนอนบนพื้นด้วยกัน หญิงสาวหัวเราะเสียงแว่วหวาน แนบหูลงฟังเสียงหัวใจ และกลิ่นน้ำหอมของเขา นิมมานหัวเราะตอบกลับมา กระชับอ้อมแขนรัดรึงร่างนิ่มด้วยความรู้สึกหลายอย่าง

“มีอะไรที่อยากเล่าไหม รู้สึกว่าพี่ควรจะรู้อะไรเยอะแยะ”

คนอยากเล่าแต่เริ่มง่วงพยักหน้าชิดอกเขา ทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง ซึ่งเป็นลานโล่ง มองเห็นแสงดาวได้ชัดเจน วันนี้ท้องฟ้าโปร่งกว่าทุกๆ วัน

“เวลานี้พี่ปอมรู้แค่ว่า ตี้รักพี่ปอมไปก่อนได้ไหมคะ” ทำเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อน ยื่นหน้ามาหอมไรหนวดจางๆ ตรงคางเขาอย่างเอาใจ หลับตาพริ้ม ปล่อยให้อ้อมแขนของเขารัดร่างเธอแน่นขึ้น “ตี้ง่วงนอนจัง”

เสียงทุ้มหัวเราะข้างกาย มองฟ้าที่กำลังมีแสงสีเหลืองไล่ระบายช้าๆ “กำลังสว่างแล้วนะ”

“เอ๊ะ...จะเช้าแล้วเหรอคะ” ความง่วงงุนยังพอมี แต่คำว่าเช้าทำให้เธอตาสว่าง สมิตานันหยิบมีดพกออกมา ความเก่าของมันราวกับผ่านการใช้งานมานานหลายชั่วอายุคน หญิงสาวขมวดคิ้ว นิมมานก็เช่นกัน ทั้งสองลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หูแว่วได้ยินเสียงบางอย่าง

ค่อยๆ ดังขึ้นมาทีละนิด ใกล้มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

“ตี้...ตี้ คุณปอม” เสียงประกาศดังข้างหู มาจากหูฟังที่เชื่อมต่อกับทีมงาน คนสองคนมองหน้ากัน นิมมานเริ่มรู้หน้าที่ เป็นฝ่ายดึงร่างนุ่มไปกอดไว้แน่น ปล่อยให้สมิตานันกระโดดโหยงเหยงกรีดร้องไปมา เป็นการตอบคำถามการมีตัวตนอีกทางไปโดยปริยาย

“เฮ่อ ติดต่อได้สักที อยู่ที่ไหนแล้วตี้ เจ๊จะได้ให้เจ้าหน้าที่ไปรับ”


หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ชีวิตของเธอก็เหมือนเข้ารูปเข้ารอย และเป็นปกติ ทางทีมงานบอกว่ากล้องที่ถ่ายตอนเธอเข้าไปในป่าถ่ายอะไรไม่ได้ตั้งแต่หายเข้าไปครึ่งชั่วโมงแรก สรุปเทปนั้นก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าการถ่ายเชิงสารคดี และโยงเข้าความลี้ลับเรื่องฐานวังโบราณที่ถูกขุดค้นพบ

เธอกับนิมมานมีเวลาพบหน้ากันน้อยลง ทางเขาก็มีเรื่องต้องไปจัดการบอกว่าจะติดต่อกลับมา เธอไปทำบุญขนานใหญ่ และขอยกเลิกทุกเทปที่ถูกวางให้ถ่ายเทปต่อไปจนถึงละคร เธอว่าเธอเหนื่อยกับเรื่องลี้ลับพวกนี้มากพอแล้ว ขอมีชีวิตสงบสุข เรียบง่ายไม่ต้องหวือหวา อยากหาเรื่องสยองให้ตัวเองเฉกเช่นในอดีตอีก

มาถึงวันนี้เธอเพิ่งรู้ว่าการชอบเรื่องลี้ลับน่ากลัว จริงๆ แล้วอาจเพราะถูกกำหนดมาเพื่อให้เธอต้องมาผจญกับเรื่องอดีต ปัจจุบัน อนาคตแบบนี้

และพบเขา...หัวใจของเธอ ผู้ชายที่เธอเคยกลัวเขา หนีเขา และรักเขา

แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคืออะไรกัน...ตั้งแต่กลับจากการถ่ายทำ เธอไม่ได้พบหน้าเขา ไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่รับรู้การมีตัวตนของเขาอีกเลย

“ถอนหายใจครั้งที่เจ็ด”

“เอ๊ะ”

“ตี้ถอนหายใจไปเจ็ดครั้งแล้ว กำลังคิดเรื่องอะไร”

สมิตานันยิ้มจืดชืด พลิกกายนอนหลบแดดตรงระเบียงบ้านพักของคุณหมอปาริตา ก่อนเผลอถอนหายใจอีกรอบแบบลืมตัว “ก็เบื่อๆ เซ็งๆ”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“เรื่องความรักล่ะมั้ง”

ตอบไปแล้วก็อยากกัดปากตัวเองโทษฐานพูดออกไปแบบไม่กลั่นกรอง เธอเองก็พอรู้ว่าปาริตาไม่ได้มีความสุขกับความรักนักหรอก ผู้ชายนิสัยร้ายกาจคนหนึ่งเอาแต่ตามตื๊อตอแย แต่ก็คอยแสดงความร้ายกาจออกมาว่าไม่รัก สมิตานันเห็นทีไรพานของขึ้นทุกที

“อย่าใส่ใจเลยมิลัน”

“แล้วเรื่องงานล่ะ สรุปวันนั้นไปเจออะไรมา หลงป่ากับคุณปอมสองคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“อืม ก็แค่แก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาด ถ้าฉันแก้ไขเรื่องวันนั้นไม่ทัน จะมีผู้ชายคนหนึ่งรอฉันนับพันปี แต่ตอนนี้เป็นฉันต่างหากที่ต้องรอ” สมิตานันส่งเสียงขึ้นจมูก ขัดใจ หมุนตัวเล่นบนเบาะไปมาจนสบายใจ จึงนอนหงาย กางแขนขา บ่นเสียงดังอย่างหมดความอดทน

“ผู้ชายบ้า ไม่อยากเจอ ไม่อยากคุยกันอีกแล้วใช่ไหม” ยิ่งพูดหน้ายิ่งยับยุ่ง ปากบิดเบี้ยว อารมณ์น้อยใจพุ่งพล่าน มือควานหาโทรศัพท์ติดต่อเลขหมายปลายทางให้ใจเธอหายงุ่นง่าน

“เจ๊ มีอีเวนต์ไหนติดต่อให้ตี้ไปคู่กับรักเจ๊รับเลยนะ ตี้จะทำ”

ขอบอกว่าคนอย่างตี้ไม่เคยต้องทน...

ปาริตามองเพื่อนที่กำลังมีรังสีบางอย่างในตัวพุ่งพล่าน นี่คงจะเป็นเหตุผลของคนมีรัก...ความรักทำให้เพื่อนของเธอมีชีวิตชีวามากขึ้นจริงๆ


‘รอตี้มาให้คำตอบเองเถอะนะ อีกสองสัปดาห์ก็กลับมาแล้ว’

เขาอุตส่าห์รีบเคลียร์งานในระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ตัดสินใจบอกพ่อแม่ และน้องสาวว่าเขากำลังคบหากับสมิตานัน หัวใจของเขาก็โหยหาอยากพบเจอ ใจเย็นให้พ่อแม่ยอมรับ และบอกว่าเขาอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด นั่นถึงกับสร้างความตื่นตะลึงให้กับนีรนา แต่พอเจ้าตัวหายตกใจถึงกับดีอกดีใจยกใหญ่

เมื่อเขาไปหาสมิตานันีท่บ้านก็พบว่าไม่อยู่ คุยเรื่องสำคัญกับพี่สาว ก็โดนปัด และบอกให้เขารอ

เขาอดทนไม่มาหาสมิตานันก็เพื่อท้าทายคำของนีรนาที่ยกมาหวังทดสอบเขา

‘ไม่เจอคุณตี้อาทิตย์หนึ่ง กล้าหรือเปล่า ถ้าความรู้สึกยังเหมือนเดิมก็แปลว่ารักกันจริง’

‘ไร้สาระน่า พี่กับตี้เจออะไรกันมาเธอไม่รู้หรอก’

‘อีโธ่ ไม่กล้าล่ะสิ ไม่แน่ใจในความรู้สึกของคุณตี้ใช่ไหม’

เจอท้าทายแบบนั้นเขาจึงอยากพิสูจน์ให้นีรนาเห็นกับตา แต่ผลที่ได้คือพอครบกำหนดเขาไม่เจอเธอว่าแย่แล้ว แต่ยิ่งรู้ว่าเธอไปทำงานกับรักษ์ถึงญี่ปุ่นนานถึงสองสัปดาห์ ความรู้สึกหึงหวงแล่นพล่าน

อยากจัดการกับแม่น้องสาว รายนั้นก็ท้าทายเขาใหม่ ด้วยความจริงที่เขายอมรับ

‘ถ้าแค่สองอาทิตย์ทนไม่ได้ พี่ปอมก็เลิกรักเถอะ เชื่อใจคุณตี้สิคะ ถ้าพี่ปอมพิสูจน์ให้เห็นว่ารักของพี่มันใหญ่พอ ปัดจะช่วยกันคุณรักษ์ให้ออกห่างจากความรักพี่ปอมเอง’

นั่นล่ะเขาถึงยอมตกลง..และวันนี้ก็ครบสองอาทิตย์ แต่มันครบสามอาทิตย์นานพอที่จะทำให้เขานอนฝันเห็นหน้าสมิตานันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฝ้าคิดว่ารักษ์จะทำให้คนรักของเขาหวั่นไหวหรือเปล่า

เหมือนเขาใกล้ป่วยเต็มที

ป่วยด้วยโรคคิดถึง...คิดถึงตี้จัง

...........................

คุณ konhin ฮ่าๆๆ เรื่องนี้งงวันนิดแปบๆ ก็จบค่ะ

ชะแวบมาบอกว่าตอนหน้าน่าจะจบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เพราะยังไม่ได้เขียน เอ๊ะ ฮา ขอบคุณสำหรับเมนท์ ไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า ใครเพิ่งไปตอบเมนท์ในตอนที่แล้ว จะรวบตอบตอนหน้าทีเดียวนะคะ :)



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2556, 01:08:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2556, 01:08:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1677





<< บทที่ 28 : ภารกิจค้างคา   บทที่ 30 : รักดังฝัน (ตอนจบ) >>
konhin 14 ธ.ค. 2556, 09:33:27 น.
เย้ ได้กลับไปแก้ไขครบแล้ว (มั้ง)


mhengjhy 14 ธ.ค. 2556, 10:53:51 น.
5555 สงสารพี่ปอมนิดดดดเดียว


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 ธ.ค. 2556, 21:16:49 น.
อุ้ยๆๆๆ จะจบแล้ววว
ยังสนุกอยู่เลยยยย
คิๆๆๆ หรือ ตอนจบ จะได้เพิ่มมาอีกคู่น้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account