กลร้อนซ่อนใจ
นิยายรักโรแมนติกเบาๆสบายๆ แฝงข้อคิดในการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันผ่านมุมมองของพิมพ์นารา ลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ สายการบินเฟริส์แอร์ไลน์ ซึ่งไม่อยากทำงานตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงตามที่พ่อต้องการ เพราะไม่ชอบสังคมเมืองด้วยเหตุผลบางอย่างจึงขอไปทำธุรกิจโรงแรมทางภาคใต้ของครอบครัว ได้ใกล้ชิดธรรมชาติตามที่ใจหลงใหล
แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายนัก เมื่อพ่อได้ยื่นข้อเสนอให้เธอ หางานทำในกรุงเทพฯให้ได้ประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปี ถึงจะยอมทำตามข้อเสนอ หากไม่สำเร็จต้องกลับมารับตำแหน่งตามที่พ่อต้องการ
และเรื่องราวก็ไม่ง่ายจริงๆ เมื่อนางเอกของเราเปลี่ยนงานมาแล้วสองที่ ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ทว่า การทำงานที่ใหม่ในครั้งที่สามจะทำให้เธอค้นพบความจริงบางอย่างในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่สอนให้เธอเรียนรู้มุมมองใหม่คือ เขาคนนั้น
ชายหนุ่มสุขุมหนุ่มลึกซึ่งกลายเป็นตรงกันข้าม เพียงอยู่ใกล้พิมพ์นารา หญิงสาวที่เปรียบดั่งดวงตะวันทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า หลอมละลายหัวใจเยือกเย็นของผู้ชายคนนี้....
แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายนัก เมื่อพ่อได้ยื่นข้อเสนอให้เธอ หางานทำในกรุงเทพฯให้ได้ประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปี ถึงจะยอมทำตามข้อเสนอ หากไม่สำเร็จต้องกลับมารับตำแหน่งตามที่พ่อต้องการ
และเรื่องราวก็ไม่ง่ายจริงๆ เมื่อนางเอกของเราเปลี่ยนงานมาแล้วสองที่ ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ทว่า การทำงานที่ใหม่ในครั้งที่สามจะทำให้เธอค้นพบความจริงบางอย่างในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่สอนให้เธอเรียนรู้มุมมองใหม่คือ เขาคนนั้น
ชายหนุ่มสุขุมหนุ่มลึกซึ่งกลายเป็นตรงกันข้าม เพียงอยู่ใกล้พิมพ์นารา หญิงสาวที่เปรียบดั่งดวงตะวันทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า หลอมละลายหัวใจเยือกเย็นของผู้ชายคนนี้....
Tags: โรแมนติก,พาฝัน
ตอน: 14
เวลาล่วงเข้าจนเลิกงานทุกคนจึงแยกย้ายกันออกจากห้องประชุมเพื่อกลับบ้าน เว้นแต่ พิมพ์นาราและธารธารายังคงนั่งปรึกษากันต่อเพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้
“เราเปิดเผยฐานะทางบ้านที่แท้จริงให้เขารู้กันดีไหม”เสียงของธารธาราแผ่วเบาราวกับยังไม่มั่นใจในสิ่งที่พูดออกมา
“ไม่มีประโยชน์หรอก…เพราะตอนเขียนใบสมัคร เราปิดบังข้อมูลทั้งหมดมาตลอดจะเกิดผลเสียแก่พวกเรามากกว่า ทำให้หญิงดาวมีช่องทางทำร้ายเราเพิ่มขึ้นอีก” เธอพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วพิมจะทำยังไงต่อ”
“ฉันจะโทรหาพี่ภูมิคืนนี้ ขอให้ส่งอีเมล์มาชี้แจงว่า ได้เชิญฉันไปร่วมงานเลี้ยงเพราะต้องการให้เห็นวัตถุดิบของทางร้าน เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเสนอขาย และจะสั่งพิมพ์อีเมล์ออกมาให้ คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาในวันพรุ่งนี้” พิมพ์นาราอธิบายเสียงเครียด นอกจากโทรศัพท์ขอร้องภูมิมินทร์ให้ช่วยแล้ว เธอตั้งใจจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด คงต้องให้เขาช่วยสืบจากเกรียงไกรว่า บริษัท เอทา ฟู้ดส์ได้ข้อมูลทั้งหมดมาได้อย่างไร
“ฉันเห็นด้วยกับวิธีนี้นะ…แต่ครั้งนี้น้องหญิงดาวทำเกินไป ครั้งที่แล้วทำร้ายไม่สำเร็จ คราวนี้ลงทุนเอาข้อมูลที่พิมเป็นคนดูแลไปให้บริษัท คู่แข่ง หวังจะใส่ร้ายให้โดนไล่ออกจากงาน”
ใช่…ครั้งนี้หญิงดาวต้องการกำจัดเธอออกไปจากบริษัทนี้…สิ่งที่ทำให้มนุษย์ทำเรื่องเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ ยังสามารถเรียกว่า ‘ความรัก’ ได้อีกหรือ…
แต่…สิ่งที่เธอสงสัยมากไปกว่านั้นคือ หญิงดาวเอาข้อมูลทั้งหมดไปได้อย่างไร ในเมื่อมันอยู่ในความดูแลของแผนกการตลาด ไม่เกี่ยวข้องกับแผนกบุคคลและข้อมูลดังกล่าวเพิ่งถูกแจกจ่ายให้ทุกคนจากมือของเธอในวันนี้
หวนนึกถึงท่าทีของเกรียงไกรในงานเลี้ยงคืนนั้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เธอมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ไปต้องมีเบื้องหลังอันสกปรกแน่นอน
รถกระบะสีดำสี่ประตูชะลอความเร็วลงจนหยุดนิ่ง เมื่อมาถึงบริเวณรั้วเหล็กดัดลวดลายอ่อนช้อยของบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง โยธินปลดเกียร์ลงตรงตำแหน่งจอด กดปิดวิทยุซึ่งกำลังบรรเลงเพลงไพเราะ แต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ แอร์ภายในรถเย็นฉ่ำตรงข้ามกับจิตใจคนขับที่ร้อนรุ่ม เขาเหลียวมองหญิงดาวซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้างกาย
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง เกรงใจพี่โยจัง…” เธอพูดพลางทำจมูกย่นน้อยๆ อย่างน่าเอ็นดูเข้ากันกับน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่เป็นไรครับ น้องหญิงดาวจะลำบากใจไหม ถ้าพี่จะขอดูรูปถ่าย…” เขาเว้นคำพูดแล้วถอนใจยาวแทน
“ไม่ลำบากใจหรอก…นี่ค่ะ” เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดรูปค้างไว้แล้วส่งให้อีกฝ่าย
เขากลั้นใจสั้นๆ จ้องสิ่งที่ยื่นมาให้พริบตาเดียว ก่อนจะรับมาพิจารณา โยธินเพ่งมองรูปพิมพ์นารายืนเคียงข้างภูมิมินทร์และผู้ชายอีกคนซึ่งเขาไม่รู้จัก จากท่าที่โกรธเกรี้ยวของคุณอเนกเมื่อช่วงบ่ายคาดเดาว่า ผู้ชายคนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับบริษัทคู่แข่ง
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือครับ” เขาตัดสินใจถาม
“คุณเกรียงไกร เจ้าของบริษัท เอทา ฟู้ดส์ เห็นคุณพ่อเคยบอกว่า คุณอาอเนกไม่ชอบเขามากเพราะผลิตสินค้าเลียนแบบเรา แล้วขายในราคาต่ำกว่าเสมอ หญิงดาวก็เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคุณอาวันนี้เอง” เธอพูดเสียงเศร้าไม่ต่างจากสีหน้า เมื่อเห็นโยธินหน้าเครียดจึงรีบพูดต่อ
“พี่พิมไม่น่าเอาข้อมูลบริษัทเราไปขายแบบนี้เลย…พี่โยอุตสาห์คิดค้นขึ้นมา”
“แต่…พี่ไม่คิดว่าพิมจะเป็นคนทำนะครับ”
เธอสะบัดหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน หันไปค้อนลมค้อนแล้ง ก่อนจะเอ่ย
“เขาทำกับพี่โยขนาดนี้แล้วยังเข้าข้างอยู่อีกหรือคะ…กฎก็ต้องเป็นกฎ ภายในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ดีพอมาแก้ตัว คุณอาก็ต้องไล่พี่พิมออก”
โยธินหน้าถอดสี แม้จะรู้สึกเจ็บปวด เมื่อเห็นพิมพ์นารายืนเคียงคู่กับภูมิมินทร์ แต่ สัญชาตญาณของตนเองบอกว่า เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่มีรูปถ่ายแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความสัมพันธ์บางอย่างเกี่ยวโยงไปยังเจ้าของ บริษัท เอทา ฟู้ดส์ และข้อมูลทั้งหมดของงานโครงการยังอยู่ในความรับผิดชอบของเธออีก ทุกอย่างมุ่งตรงไปที่พิมพ์นาราคนเดียว จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าคุณอเนกจะเชื่อตามที่หญิงดาวกล่าวหาจนไม่พอใจถึงขั้นไล่ออกจากงาน
“น้องหญิงดาวครับ…พี่มีเรื่องขอร้อง…” โยธินรอให้อีกฝ่ายหันมามองจึงพูดต่อ
“ช่วยพูดกับคุณอเนกไม่ให้ไล่พิมออกได้ไหม...ขอเวลาพี่หน่อย พี่จะพยายามหาหลักฐานมาให้ได้ว่า พิมไม่ได้เป็นคนขายข้อมูลงานโครงการนี้...หากไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ พี่ยินดีลาออกชดใช้ความผิดแทน” เขาตัดสินใจหาวิธีช่วยเหลือพิมพ์นารา
“พี่โย !” หญิงดาวสะบัดเสียงใส่ ตาลุกวาว ชายหนุ่มเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าเธออาจจะโกรธ
หญิงดาวจ้องมองอีกฝ่ายราวกับไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วหลับตาลงช้าๆ นิ่งไปอึดใจหนึ่งจึงลืมตาขึ้นมองด้วยแววตัดพ้อระคนขุ่นเคือง
“พี่โยลงทุนขอร้องขนาดนี้คงห่วงพี่พิม มากใช่ไหมคะ…ก็ได้ค่ะ หญิงดาวจะขอให้คุณพ่อช่วยพูดให้”
“ขอบคุณมากครับ” โยธินยิ้มกว้างมองอีกฝ่ายเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“แต่ มีข้อแม้…”
เขาขมวดคิ้วช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มค่อยๆ เลือนหาย เฝ้ามองเธอพูดต่อ
“พี่โยต้องคบกับหญิงดาวแบบคนรักและหมั้นหมายกันเท่านั้น พี่พิมจึงจะได้ทำงานที่นี่ต่อ…” เธอเชิดหน้าขึ้นมอง แสดงออกให้เห็นว่าถือไพ่เหนือกว่าเขา
“น้องหญิงดาว ! ” เขาจ้องอีกฝ่ายราวกับเห็นตัวประหลาด สิ่งนี้ต่างหากที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าต้องเผชิญ
ที่ผ่านมา โยธินเข้าใจความรู้สึกที่หญิงดาวมีมาให้ แต่ เขาเลือกจะไม่รับรู้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจและหวังว่าสักวัน เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องจะตัดใจไปได้เอง ทว่า เวลานี้เขากลับเลือกไม่ได้ สิ่งที่ปฏิเสธมาตลอดกำลังแขวนอนาคตพิมพ์นาราไว้ที่ปลายเหว หมิ่นเหม่เสียจนเพียงหายใจรุนแรงก็ร่วงหล่นได้
ชายหนุ่มละสายตาจากคนข้างกาย เหม่อมองผ่านกระจกใสของรถกระบะไปยังความมืดเบื้องหน้า ความคิดมากมายสาดใส่สมองเป็นระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่า เขาคิดไม่ตกว่าจะช่วยเหลือพิมพ์นาราได้อย่างไรในเวลาเร่งรัดแบบนี้ ข้อเสนอของหญิงดาวแลดูเป็นหนทางเดียว แต่ต้องแลกกับความละอายใจ ยอมทรยศต่อความรู้สึกตนเองและทำร้ายจิตใจคนที่เขารัก
เมื่อตรองมาถึงตรงนี้ ขมับเริ่มปวดร้าวเกร็งและตึงตลอดสองข้าง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นกระตุกเบาๆแต่ถี่ หัวสมองหมุนเคว้งปั่นป่วนราวกับน้ำวน
“ถ้าพี่โย ลำบากใจก็ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงของเธอคือ หินก้อนเขื่องกระแทกใส่ห้วงน้ำแห่งความคิด จนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นวงใหญ่ทำลายความคิดทั้งหมดลง
หญิงดาวปลดเข็มขัดนิรภัย ขยับตัวเตรียมเปิดประตูลงจากรถ
“เดี๋ยวก่อนครับ ! ” โยธินพูดพลางจับแขนอีกฝ่าย เธอขยับตัวลงนั่งอีกครั้ง ผินหน้าไปทางประตูรถ กระตุกยิ้มที่มุมปากช้าๆ
“พี่ยอมทำตามข้อเสนอครับ” เขาตอบรับอย่างจำยอมพยายามตีหน้าให้นิ่งที่สุด ทั้งที่ภายในใจบิดเบี้ยวเป็นเกลียวแห่งความรวดร้าว
ในระยะเวลาสั้นๆที่คับขันเช่นนี้ คงไม่สามารถสืบหาคนผิดได้ทัน วิธีนี้สามารถยื้ออนาคตพิมพ์นาราไว้ได้ เขาตั้งใจจะสืบหาคนผิดให้ได้ก่อนงานหมั้นจะเกิดขึ้น และล้มเลิกข้อตกลงนี้ทันที
“แต่ข้อเสนอยังไม่หมดเท่านี้นะคะ…ต้องทำให้หญิงดาวมั่นใจในตัวพี่โยด้วย” เสียงของเธอ ทำให้ความคิดเขาหยุดชะงัก
“ทำยังไงครับ” โยธินเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“ก่อนงานหมั้น ห้ามยุ่งเกี่ยวกับพี่พิม ไม่ว่าจะเป็น คุยเล่นเรื่องใดก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องงานต้องพูดกันให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้น ถือว่าไม่ให้เกียรติกัน หญิงดาวจะล้มเลิกข้อตกลงทั้งหมดและจะบอกคุณอาอเนกว่า พี่โยหลอกใช้หญิงดาวกับคุณพ่อ” เธอมองอีกฝ่ายด้วยสายตาท้าทาย
โยธินหน้าเผือดลง เมื่อได้ยินข้อเสนอทั้งหมด เพราะหนทางอื่นไม่มีให้เลือกเดิน จึงต้องยอมเชือดใจตนเองและพิมพ์นาราให้เจ็บปวดรวดร้าว แทนการตกลงไปในหุบเหวให้อนาคตแหลกสลาย
พิมพ์นาราเดินวนเวียนหน้าประตูทางเข้าห้องประชุม แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เรื่องอีเมล์ของภูมิมินทร์ที่ส่งให้อาภาพรในตอนเช้า อดเกรงใจหัวหน้าไม่ได้สำหรับเรื่องวุ่นวายในวันนี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีห่วงใยและปลอบให้ใจเย็นจึงรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง
หากกระนั้น ระหว่างรอคณะกรรมการสอบสวนประชุมปรึกษากัน ก่อนเรียกตัวเธอเข้าไปพิจารณาในห้องประชุม เรื่องราวเดิมๆกลับเข้ามาบั่นทอนจิตใจอีกครั้ง ความกระวนกระวายวิ่งพล่านอยู่ในอกจนอยากเข้าไปชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดเสียตอนนี้
เธอจึงตัดสินใจหยุดเดินไปเดินมา เอนหลังผิงผนังหน้าห้องประชุมเพื่อระงับนิสัยใจร้อนมุทะลุลง ถอนใจยาวๆหลายครั้งเพื่อละลายความตึงเครียด และความฟุ้งซ่านที่แทรกแซงเข้ามาคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
ธารธารามองอาการกระสับกระส่ายของเพื่อนอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนก้มหน้ามองพื้นนิ่งจึงขยับเข้าไปใกล้ แตะบ่าเบาๆให้กำลังใจ
“ใจเย็นๆ…อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถึงแม้ครั้งนี้ฉันไม่ได้เข้าไปด้วย แต่ ฉันจะยืนรออยู่ตรงนี้นะ…”
พิมพ์นาราเงยหน้ามองเพื่อนรัก รู้สึกอุ่นใจชั่วขณะ แล้วเปลี่ยนเป็นหนาวเยือกเข้าไปในอกจนต้องห่อไหล่ช้าๆ การสอบสวนครั้งนี้ธารธาราต้องรออยู่ข้างนอก เพราะจำกัดเพียงคณะกรรมการพิจารณาและผู้ต้องสงสัย นึกมาถึงตรงนี้มุมปากเหยียดออกช้าๆ สวนทางกับใบหน้านิ่งเศร้า บอกไม่ถูกว่าอยากยิ้มหรืออยากร้องไห้
เมื่อความรู้สึกทั้งสองจู่โจมพร้อมๆกัน นึกขันตนเองที่ชีวิตหนึ่งมีโอกาสอยู่ในสถานะซึ่งรังเกียจมาตลอด ได้เป็นผู้ต้องสงสัยเยี่ยงคนโกงกินบริษัท แต่ในโลกแห่งความจริงเธอกลับตกเป็นเหยื่อของสังคม ที่ผลประโยชน์กับการแย่งชิงเป็นของคู่กัน ถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิดจากสิ่งที่ไม่ได้กระทำ
เสียงประตูห้องประชุมถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าอวบอูมของเอิงชะโงกมามอง ทำให้หัวใจที่เริ่มสงบนิ่งของหญิงสาวเต้นแรงและเร็วอีกครั้ง
“พิม…เข้ามาได้แล้ว…”
ไม่รู้เธอคิดไปเองไหมว่า น้ำเสียงของเอิงฟังดูเศร้าๆ ทั้งยังไม่ยอมสบตาตอนพูด ยิ่งปลุกเร้าความคิดฟุ้งซ่านให้กลับมาใหม่
พิมพ์นาราจ้องมองบานประตูที่คุ้นชินซึ่งเปิดแง้มไว้ แต่วันนี้กลับรู้สึกแปลกตา ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ละเลียดเลียปลายเท้าเพิ่มความหนาวเหน็บในจิตใจ ราวกับปลายลิ้นของปีศาจแห่งความอยุติธรรมรอเวลากลืนกินเหยื่อ
เธอหลับตานิ่งอึดใจหนึ่ง สูดอากาศเข้าลึกๆ รับรู้ถึงลมหมุนเวียนในร่างกายซึ่งบ่งว่าชีวิตยังมีอยู่ ตราบใดยังหายใจอย่าได้หวั่นเกรงต่อสิ่งใด แล้วลืมตาขึ้นสลัดความกลัวที่แทรกแซงเข้ามา ก้าวเข้าไปในห้องประชุมด้วยความเข้มแข็ง เหมือนเรือลำน้อยแล่นทวนกระแสน้ำเชี่ยวไม่คิดหันหัวเรือหนี
บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบสงบ ดั่งท้องทะเลไร้คลื่นลมก่อนเกิดพายุครั้งใหญ่ ทุกสายตาจับจ้องมาทางหญิงสาวซึ่งกำลังเดินไปนั่งบนเก้าอี้ว่างเพียงหนึ่งตัว ตรงข้ามกับทุกคนที่นั่งเรียงอยู่อีกฟากของโต๊ะประชุมตัวยาว เพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวใจยิ่งนัก
สายตาของผู้จัดการฝ่ายบุคคลจ้องเธออย่างเพ่งพิศ ตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้า ราวกับค้นหาหลักฐานการกระทำผิดจนพิมพ์นารารู้สึกอึดอัดจึงเบือนหน้าหนีไปหาอาภาพรและเอิงซึ่งนั่งถัดไปทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือ มีนันทนา หญิงดาวและโยธินนั่งอยู่
เมื่อเห็นชายหนุ่ม เธอจึงเริ่มอุ่นใจขึ้นบ้างพยายามสบตาเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่มองตอบ ท่าทีดูเมินเฉยเสียจนความอบอุ่นใจของเธอแปรเป็นร้อนรุ่มอยู่ภายในอก
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลละสายตาจากหญิงสาว แล้วเพ่งมองกองเอกสารบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“อีเมล์จากคุณภูมิมินทร์ ค่อนข้างชัดเจนถึงจุดประสงค์ของเขา ในการเชิญเธอไปร่วมงานเลี้ยง แต่มันไม่เพียงพอที่จะใช้ชี้แจงว่า เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลของงานโครงการซึ่งบริษัทคู่แข่งได้ไป” หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนหน้าตาดุดันพูดจบ ทิ้งกระดาษลงบนกองเอกสารตามเดิม
พิมพ์นาราใจหล่นวูบตามแผ่นกระดาษ ที่ค่อยๆลอยต่ำลงไปกองรวมกับเอกสารจำนวนมาก เธออยากเอื้อมคว้ามันขึ้นมาชี้แจงอีกครั้ง
แต่สีหน้าเคลือบแคลงของอีกฝ่ายคือ คำตอบที่ชัดเจนว่า ต่อให้ภูมิมินทร์มายืนพูดด้วยตนเองก็ไม่มีวันยอมเชื่อ
“ทางคณะกรรมการประชุมหารือกันแล้วว่า เราจะภาคทัณฑ์เธอไว้ก่อน จึงมีเอกสารใบเตือนมาให้” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดจบ ยื่นมือไปรับเอกสารจากนันทนามาส่งให้เธอ
พิมพ์นาราพยายามทำใจให้สงบพิจารณาเอกสารในมือ เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วกายท่ามกลางอุณหภูมิเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง เมื่อเนื้อหาทั้งหมดสรุปโดยรวมว่าเธอเป็นคนผิด แต่ที่ขมขื่นใจไปมากกว่านั้นคือช่องว่างบนบรรทัดสุดท้ายถูกเว้นไว้ให้ ผู้ที่โดนทำโทษลงชื่อรับทราบ…ความผิดที่ตนกระทำไว้…
ความผิดที่ตนกระทำไว้…
ตัวอักษรที่อ่านซ้ำอีกครั้งเริ่มไหวเบาๆ จากสองมือสั่นเทาซึ่งจับขอบกระดาษ กระแสร้อนผ่าวแผ่ซ่านทั่ววงหน้าเลยไปถึงใบหู ท้ายสุดแล่นไปยังกระบอกตา จนเกร็งและตึงขมับตลอดสองข้าง หญิงสาวพยายามข่มความรู้สึกโกรธระคนหดหู่ เชิดหน้าขึ้นมองอีกฟาก พบสายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเธอ ราวกับเป็นตัวประหลาดซึ่งหาดูได้ยาก
“ทำแบบนี้เท่ากับสรุปว่า พิมเป็นคนผิด โดยไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน มันไม่ต่างกับการกล่าวหานะคะ” เธอเพ่งมองผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่จ้องกลับด้วยสายตาเอาเรื่อง
“พนักงานตำแหน่งเล็กๆกับเจ้าของบริษัทคู่แข่ง มายืนคุยกันอย่างสนิทสนม มันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ…เธอเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ไปรู้จักกับคนระดับนั้นได้อย่างไร พนักงานในบริษัทของเขาเอง อาจไม่มีโอกาสเช่นนี้” หัวหน้าของนันทนาและหญิงดาวพูดเสียงเข้ม
“แค่เห็น ยืนคุยกันก็ถือว่าผิดแล้วหรือคะ” เธอโต้ตอบพลางเหลียวมองหญิงดาวซึ่งตีหน้านิ่งไม่แยแสต่อคำพูดที่ได้ยิน
“มันคงไม่ผิดอะไร หากข้อมูลในงานโครงการทั้งหมด ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง คนที่เธอเพิ่งไปยืนคุยมาและที่แย่ไปกว่านั้น คนดูแลข้อมูลทั้งหมดก็คือเธอ ถามจากใจจริงเลยนะ ว่าความละอายใจมีบ้างไหม กินเงินที่นี่ทุกเดือนยังทำได้ลงคอ หรือ ว่าที่บ้านขัดสนมากนัก”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและคำพูดเหยียดหยาม ทำให้พิมพ์นาราขบฟันแน่น ข่มอารมณ์เจ็บแค้นที่เริ่มพลุ่งพล่าน
“ฉันไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในงานโครงการนี้คือ ส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานที่ยินดีทุ่มเทสร้างสรรค์มันขึ้นมาด้วยความรัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทำงานนี้ด้วยใจค่ะ…ไม่มีทางทำร้ายหัวใจตัวเองได้…” รวมไปถึงหัวใจเขาด้วย เธอผินมองโยธินด้วยแวววิงวอน
สิ่งหนึ่งที่สำคัญเท่ากับงานโครงการนี้คือ ความรู้สึกของโยธิน พิมพ์นาราไม่อยากสูญเสียสิ่งใดทั้งนั้น ปีกแห่งความรักและความผูกพันถูกกางออกเพื่อโอบอุ้มทั้งสองสิ่งไว้ ขอเพียงมีแรงใจจากเขาเป็นดั่งลมใต้ปีกส่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
แม้พายุฝนเทกระหน่ำ เธอก็พร้อมจะบินฝ่าไปอย่างไม่หวั่นเกรง
“สรุปเธอจะลงชื่อรับทราบไหม บอกให้รู้ไว้อย่างนะ ครั้งนี้คุณอเนกเมตตาเธอมากให้แค่ใบเตือน ไม่ถึงกับไล่ออก แต่ถ้ายังไม่พอใจในการตัดสิน ฉันก็มีอีกทางเลือกให้…” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลหยุดพูด เอื้อมหยิบเอกสารจากนันทนาส่งให้เธอ
เมื่อเห็นเอกสารที่รับมา พิมพ์นาราขมวดคิ้วมุ่น เลือดฝาดใต้ผิวบางบนใบหน้าจางหายไป เหลือเพียงความเผือดซีด ริมฝีปากอิ่มเริ่มสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่
“ใบลาออก !” เธอครางออกมาเบาๆ แต่ดังพอที่จะทำให้หญิงดาวและนันทนาแสยะยิ้มมาให้พร้อมกัน
“เราเปิดเผยฐานะทางบ้านที่แท้จริงให้เขารู้กันดีไหม”เสียงของธารธาราแผ่วเบาราวกับยังไม่มั่นใจในสิ่งที่พูดออกมา
“ไม่มีประโยชน์หรอก…เพราะตอนเขียนใบสมัคร เราปิดบังข้อมูลทั้งหมดมาตลอดจะเกิดผลเสียแก่พวกเรามากกว่า ทำให้หญิงดาวมีช่องทางทำร้ายเราเพิ่มขึ้นอีก” เธอพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ
“แล้วพิมจะทำยังไงต่อ”
“ฉันจะโทรหาพี่ภูมิคืนนี้ ขอให้ส่งอีเมล์มาชี้แจงว่า ได้เชิญฉันไปร่วมงานเลี้ยงเพราะต้องการให้เห็นวัตถุดิบของทางร้าน เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเสนอขาย และจะสั่งพิมพ์อีเมล์ออกมาให้ คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาในวันพรุ่งนี้” พิมพ์นาราอธิบายเสียงเครียด นอกจากโทรศัพท์ขอร้องภูมิมินทร์ให้ช่วยแล้ว เธอตั้งใจจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด คงต้องให้เขาช่วยสืบจากเกรียงไกรว่า บริษัท เอทา ฟู้ดส์ได้ข้อมูลทั้งหมดมาได้อย่างไร
“ฉันเห็นด้วยกับวิธีนี้นะ…แต่ครั้งนี้น้องหญิงดาวทำเกินไป ครั้งที่แล้วทำร้ายไม่สำเร็จ คราวนี้ลงทุนเอาข้อมูลที่พิมเป็นคนดูแลไปให้บริษัท คู่แข่ง หวังจะใส่ร้ายให้โดนไล่ออกจากงาน”
ใช่…ครั้งนี้หญิงดาวต้องการกำจัดเธอออกไปจากบริษัทนี้…สิ่งที่ทำให้มนุษย์ทำเรื่องเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ ยังสามารถเรียกว่า ‘ความรัก’ ได้อีกหรือ…
แต่…สิ่งที่เธอสงสัยมากไปกว่านั้นคือ หญิงดาวเอาข้อมูลทั้งหมดไปได้อย่างไร ในเมื่อมันอยู่ในความดูแลของแผนกการตลาด ไม่เกี่ยวข้องกับแผนกบุคคลและข้อมูลดังกล่าวเพิ่งถูกแจกจ่ายให้ทุกคนจากมือของเธอในวันนี้
หวนนึกถึงท่าทีของเกรียงไกรในงานเลี้ยงคืนนั้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เธอมั่นใจว่าข้อมูลที่ได้ไปต้องมีเบื้องหลังอันสกปรกแน่นอน
รถกระบะสีดำสี่ประตูชะลอความเร็วลงจนหยุดนิ่ง เมื่อมาถึงบริเวณรั้วเหล็กดัดลวดลายอ่อนช้อยของบ้านหลังใหญ่ใจกลางเมือง โยธินปลดเกียร์ลงตรงตำแหน่งจอด กดปิดวิทยุซึ่งกำลังบรรเลงเพลงไพเราะ แต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ แอร์ภายในรถเย็นฉ่ำตรงข้ามกับจิตใจคนขับที่ร้อนรุ่ม เขาเหลียวมองหญิงดาวซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้างกาย
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง เกรงใจพี่โยจัง…” เธอพูดพลางทำจมูกย่นน้อยๆ อย่างน่าเอ็นดูเข้ากันกับน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่เป็นไรครับ น้องหญิงดาวจะลำบากใจไหม ถ้าพี่จะขอดูรูปถ่าย…” เขาเว้นคำพูดแล้วถอนใจยาวแทน
“ไม่ลำบากใจหรอก…นี่ค่ะ” เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเปิดรูปค้างไว้แล้วส่งให้อีกฝ่าย
เขากลั้นใจสั้นๆ จ้องสิ่งที่ยื่นมาให้พริบตาเดียว ก่อนจะรับมาพิจารณา โยธินเพ่งมองรูปพิมพ์นารายืนเคียงข้างภูมิมินทร์และผู้ชายอีกคนซึ่งเขาไม่รู้จัก จากท่าที่โกรธเกรี้ยวของคุณอเนกเมื่อช่วงบ่ายคาดเดาว่า ผู้ชายคนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับบริษัทคู่แข่ง
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือครับ” เขาตัดสินใจถาม
“คุณเกรียงไกร เจ้าของบริษัท เอทา ฟู้ดส์ เห็นคุณพ่อเคยบอกว่า คุณอาอเนกไม่ชอบเขามากเพราะผลิตสินค้าเลียนแบบเรา แล้วขายในราคาต่ำกว่าเสมอ หญิงดาวก็เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคุณอาวันนี้เอง” เธอพูดเสียงเศร้าไม่ต่างจากสีหน้า เมื่อเห็นโยธินหน้าเครียดจึงรีบพูดต่อ
“พี่พิมไม่น่าเอาข้อมูลบริษัทเราไปขายแบบนี้เลย…พี่โยอุตสาห์คิดค้นขึ้นมา”
“แต่…พี่ไม่คิดว่าพิมจะเป็นคนทำนะครับ”
เธอสะบัดหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน หันไปค้อนลมค้อนแล้ง ก่อนจะเอ่ย
“เขาทำกับพี่โยขนาดนี้แล้วยังเข้าข้างอยู่อีกหรือคะ…กฎก็ต้องเป็นกฎ ภายในวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ดีพอมาแก้ตัว คุณอาก็ต้องไล่พี่พิมออก”
โยธินหน้าถอดสี แม้จะรู้สึกเจ็บปวด เมื่อเห็นพิมพ์นารายืนเคียงคู่กับภูมิมินทร์ แต่ สัญชาตญาณของตนเองบอกว่า เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่มีรูปถ่ายแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความสัมพันธ์บางอย่างเกี่ยวโยงไปยังเจ้าของ บริษัท เอทา ฟู้ดส์ และข้อมูลทั้งหมดของงานโครงการยังอยู่ในความรับผิดชอบของเธออีก ทุกอย่างมุ่งตรงไปที่พิมพ์นาราคนเดียว จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าคุณอเนกจะเชื่อตามที่หญิงดาวกล่าวหาจนไม่พอใจถึงขั้นไล่ออกจากงาน
“น้องหญิงดาวครับ…พี่มีเรื่องขอร้อง…” โยธินรอให้อีกฝ่ายหันมามองจึงพูดต่อ
“ช่วยพูดกับคุณอเนกไม่ให้ไล่พิมออกได้ไหม...ขอเวลาพี่หน่อย พี่จะพยายามหาหลักฐานมาให้ได้ว่า พิมไม่ได้เป็นคนขายข้อมูลงานโครงการนี้...หากไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ พี่ยินดีลาออกชดใช้ความผิดแทน” เขาตัดสินใจหาวิธีช่วยเหลือพิมพ์นารา
“พี่โย !” หญิงดาวสะบัดเสียงใส่ ตาลุกวาว ชายหนุ่มเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าเธออาจจะโกรธ
หญิงดาวจ้องมองอีกฝ่ายราวกับไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วหลับตาลงช้าๆ นิ่งไปอึดใจหนึ่งจึงลืมตาขึ้นมองด้วยแววตัดพ้อระคนขุ่นเคือง
“พี่โยลงทุนขอร้องขนาดนี้คงห่วงพี่พิม มากใช่ไหมคะ…ก็ได้ค่ะ หญิงดาวจะขอให้คุณพ่อช่วยพูดให้”
“ขอบคุณมากครับ” โยธินยิ้มกว้างมองอีกฝ่ายเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“แต่ มีข้อแม้…”
เขาขมวดคิ้วช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มค่อยๆ เลือนหาย เฝ้ามองเธอพูดต่อ
“พี่โยต้องคบกับหญิงดาวแบบคนรักและหมั้นหมายกันเท่านั้น พี่พิมจึงจะได้ทำงานที่นี่ต่อ…” เธอเชิดหน้าขึ้นมอง แสดงออกให้เห็นว่าถือไพ่เหนือกว่าเขา
“น้องหญิงดาว ! ” เขาจ้องอีกฝ่ายราวกับเห็นตัวประหลาด สิ่งนี้ต่างหากที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าต้องเผชิญ
ที่ผ่านมา โยธินเข้าใจความรู้สึกที่หญิงดาวมีมาให้ แต่ เขาเลือกจะไม่รับรู้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจและหวังว่าสักวัน เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องจะตัดใจไปได้เอง ทว่า เวลานี้เขากลับเลือกไม่ได้ สิ่งที่ปฏิเสธมาตลอดกำลังแขวนอนาคตพิมพ์นาราไว้ที่ปลายเหว หมิ่นเหม่เสียจนเพียงหายใจรุนแรงก็ร่วงหล่นได้
ชายหนุ่มละสายตาจากคนข้างกาย เหม่อมองผ่านกระจกใสของรถกระบะไปยังความมืดเบื้องหน้า ความคิดมากมายสาดใส่สมองเป็นระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่า เขาคิดไม่ตกว่าจะช่วยเหลือพิมพ์นาราได้อย่างไรในเวลาเร่งรัดแบบนี้ ข้อเสนอของหญิงดาวแลดูเป็นหนทางเดียว แต่ต้องแลกกับความละอายใจ ยอมทรยศต่อความรู้สึกตนเองและทำร้ายจิตใจคนที่เขารัก
เมื่อตรองมาถึงตรงนี้ ขมับเริ่มปวดร้าวเกร็งและตึงตลอดสองข้าง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นกระตุกเบาๆแต่ถี่ หัวสมองหมุนเคว้งปั่นป่วนราวกับน้ำวน
“ถ้าพี่โย ลำบากใจก็ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงของเธอคือ หินก้อนเขื่องกระแทกใส่ห้วงน้ำแห่งความคิด จนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นวงใหญ่ทำลายความคิดทั้งหมดลง
หญิงดาวปลดเข็มขัดนิรภัย ขยับตัวเตรียมเปิดประตูลงจากรถ
“เดี๋ยวก่อนครับ ! ” โยธินพูดพลางจับแขนอีกฝ่าย เธอขยับตัวลงนั่งอีกครั้ง ผินหน้าไปทางประตูรถ กระตุกยิ้มที่มุมปากช้าๆ
“พี่ยอมทำตามข้อเสนอครับ” เขาตอบรับอย่างจำยอมพยายามตีหน้าให้นิ่งที่สุด ทั้งที่ภายในใจบิดเบี้ยวเป็นเกลียวแห่งความรวดร้าว
ในระยะเวลาสั้นๆที่คับขันเช่นนี้ คงไม่สามารถสืบหาคนผิดได้ทัน วิธีนี้สามารถยื้ออนาคตพิมพ์นาราไว้ได้ เขาตั้งใจจะสืบหาคนผิดให้ได้ก่อนงานหมั้นจะเกิดขึ้น และล้มเลิกข้อตกลงนี้ทันที
“แต่ข้อเสนอยังไม่หมดเท่านี้นะคะ…ต้องทำให้หญิงดาวมั่นใจในตัวพี่โยด้วย” เสียงของเธอ ทำให้ความคิดเขาหยุดชะงัก
“ทำยังไงครับ” โยธินเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“ก่อนงานหมั้น ห้ามยุ่งเกี่ยวกับพี่พิม ไม่ว่าจะเป็น คุยเล่นเรื่องใดก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องงานต้องพูดกันให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้น ถือว่าไม่ให้เกียรติกัน หญิงดาวจะล้มเลิกข้อตกลงทั้งหมดและจะบอกคุณอาอเนกว่า พี่โยหลอกใช้หญิงดาวกับคุณพ่อ” เธอมองอีกฝ่ายด้วยสายตาท้าทาย
โยธินหน้าเผือดลง เมื่อได้ยินข้อเสนอทั้งหมด เพราะหนทางอื่นไม่มีให้เลือกเดิน จึงต้องยอมเชือดใจตนเองและพิมพ์นาราให้เจ็บปวดรวดร้าว แทนการตกลงไปในหุบเหวให้อนาคตแหลกสลาย
พิมพ์นาราเดินวนเวียนหน้าประตูทางเข้าห้องประชุม แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เรื่องอีเมล์ของภูมิมินทร์ที่ส่งให้อาภาพรในตอนเช้า อดเกรงใจหัวหน้าไม่ได้สำหรับเรื่องวุ่นวายในวันนี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีห่วงใยและปลอบให้ใจเย็นจึงรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้าง
หากกระนั้น ระหว่างรอคณะกรรมการสอบสวนประชุมปรึกษากัน ก่อนเรียกตัวเธอเข้าไปพิจารณาในห้องประชุม เรื่องราวเดิมๆกลับเข้ามาบั่นทอนจิตใจอีกครั้ง ความกระวนกระวายวิ่งพล่านอยู่ในอกจนอยากเข้าไปชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดเสียตอนนี้
เธอจึงตัดสินใจหยุดเดินไปเดินมา เอนหลังผิงผนังหน้าห้องประชุมเพื่อระงับนิสัยใจร้อนมุทะลุลง ถอนใจยาวๆหลายครั้งเพื่อละลายความตึงเครียด และความฟุ้งซ่านที่แทรกแซงเข้ามาคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
ธารธารามองอาการกระสับกระส่ายของเพื่อนอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนก้มหน้ามองพื้นนิ่งจึงขยับเข้าไปใกล้ แตะบ่าเบาๆให้กำลังใจ
“ใจเย็นๆ…อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถึงแม้ครั้งนี้ฉันไม่ได้เข้าไปด้วย แต่ ฉันจะยืนรออยู่ตรงนี้นะ…”
พิมพ์นาราเงยหน้ามองเพื่อนรัก รู้สึกอุ่นใจชั่วขณะ แล้วเปลี่ยนเป็นหนาวเยือกเข้าไปในอกจนต้องห่อไหล่ช้าๆ การสอบสวนครั้งนี้ธารธาราต้องรออยู่ข้างนอก เพราะจำกัดเพียงคณะกรรมการพิจารณาและผู้ต้องสงสัย นึกมาถึงตรงนี้มุมปากเหยียดออกช้าๆ สวนทางกับใบหน้านิ่งเศร้า บอกไม่ถูกว่าอยากยิ้มหรืออยากร้องไห้
เมื่อความรู้สึกทั้งสองจู่โจมพร้อมๆกัน นึกขันตนเองที่ชีวิตหนึ่งมีโอกาสอยู่ในสถานะซึ่งรังเกียจมาตลอด ได้เป็นผู้ต้องสงสัยเยี่ยงคนโกงกินบริษัท แต่ในโลกแห่งความจริงเธอกลับตกเป็นเหยื่อของสังคม ที่ผลประโยชน์กับการแย่งชิงเป็นของคู่กัน ถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิดจากสิ่งที่ไม่ได้กระทำ
เสียงประตูห้องประชุมถูกเปิดออก พร้อมกับใบหน้าอวบอูมของเอิงชะโงกมามอง ทำให้หัวใจที่เริ่มสงบนิ่งของหญิงสาวเต้นแรงและเร็วอีกครั้ง
“พิม…เข้ามาได้แล้ว…”
ไม่รู้เธอคิดไปเองไหมว่า น้ำเสียงของเอิงฟังดูเศร้าๆ ทั้งยังไม่ยอมสบตาตอนพูด ยิ่งปลุกเร้าความคิดฟุ้งซ่านให้กลับมาใหม่
พิมพ์นาราจ้องมองบานประตูที่คุ้นชินซึ่งเปิดแง้มไว้ แต่วันนี้กลับรู้สึกแปลกตา ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ละเลียดเลียปลายเท้าเพิ่มความหนาวเหน็บในจิตใจ ราวกับปลายลิ้นของปีศาจแห่งความอยุติธรรมรอเวลากลืนกินเหยื่อ
เธอหลับตานิ่งอึดใจหนึ่ง สูดอากาศเข้าลึกๆ รับรู้ถึงลมหมุนเวียนในร่างกายซึ่งบ่งว่าชีวิตยังมีอยู่ ตราบใดยังหายใจอย่าได้หวั่นเกรงต่อสิ่งใด แล้วลืมตาขึ้นสลัดความกลัวที่แทรกแซงเข้ามา ก้าวเข้าไปในห้องประชุมด้วยความเข้มแข็ง เหมือนเรือลำน้อยแล่นทวนกระแสน้ำเชี่ยวไม่คิดหันหัวเรือหนี
บรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบสงบ ดั่งท้องทะเลไร้คลื่นลมก่อนเกิดพายุครั้งใหญ่ ทุกสายตาจับจ้องมาทางหญิงสาวซึ่งกำลังเดินไปนั่งบนเก้าอี้ว่างเพียงหนึ่งตัว ตรงข้ามกับทุกคนที่นั่งเรียงอยู่อีกฟากของโต๊ะประชุมตัวยาว เพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวใจยิ่งนัก
สายตาของผู้จัดการฝ่ายบุคคลจ้องเธออย่างเพ่งพิศ ตั้งแต่เส้นผมจดปลายเท้า ราวกับค้นหาหลักฐานการกระทำผิดจนพิมพ์นารารู้สึกอึดอัดจึงเบือนหน้าหนีไปหาอาภาพรและเอิงซึ่งนั่งถัดไปทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือ มีนันทนา หญิงดาวและโยธินนั่งอยู่
เมื่อเห็นชายหนุ่ม เธอจึงเริ่มอุ่นใจขึ้นบ้างพยายามสบตาเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่มองตอบ ท่าทีดูเมินเฉยเสียจนความอบอุ่นใจของเธอแปรเป็นร้อนรุ่มอยู่ภายในอก
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลละสายตาจากหญิงสาว แล้วเพ่งมองกองเอกสารบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“อีเมล์จากคุณภูมิมินทร์ ค่อนข้างชัดเจนถึงจุดประสงค์ของเขา ในการเชิญเธอไปร่วมงานเลี้ยง แต่มันไม่เพียงพอที่จะใช้ชี้แจงว่า เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลของงานโครงการซึ่งบริษัทคู่แข่งได้ไป” หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนหน้าตาดุดันพูดจบ ทิ้งกระดาษลงบนกองเอกสารตามเดิม
พิมพ์นาราใจหล่นวูบตามแผ่นกระดาษ ที่ค่อยๆลอยต่ำลงไปกองรวมกับเอกสารจำนวนมาก เธออยากเอื้อมคว้ามันขึ้นมาชี้แจงอีกครั้ง
แต่สีหน้าเคลือบแคลงของอีกฝ่ายคือ คำตอบที่ชัดเจนว่า ต่อให้ภูมิมินทร์มายืนพูดด้วยตนเองก็ไม่มีวันยอมเชื่อ
“ทางคณะกรรมการประชุมหารือกันแล้วว่า เราจะภาคทัณฑ์เธอไว้ก่อน จึงมีเอกสารใบเตือนมาให้” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดจบ ยื่นมือไปรับเอกสารจากนันทนามาส่งให้เธอ
พิมพ์นาราพยายามทำใจให้สงบพิจารณาเอกสารในมือ เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วกายท่ามกลางอุณหภูมิเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง เมื่อเนื้อหาทั้งหมดสรุปโดยรวมว่าเธอเป็นคนผิด แต่ที่ขมขื่นใจไปมากกว่านั้นคือช่องว่างบนบรรทัดสุดท้ายถูกเว้นไว้ให้ ผู้ที่โดนทำโทษลงชื่อรับทราบ…ความผิดที่ตนกระทำไว้…
ความผิดที่ตนกระทำไว้…
ตัวอักษรที่อ่านซ้ำอีกครั้งเริ่มไหวเบาๆ จากสองมือสั่นเทาซึ่งจับขอบกระดาษ กระแสร้อนผ่าวแผ่ซ่านทั่ววงหน้าเลยไปถึงใบหู ท้ายสุดแล่นไปยังกระบอกตา จนเกร็งและตึงขมับตลอดสองข้าง หญิงสาวพยายามข่มความรู้สึกโกรธระคนหดหู่ เชิดหน้าขึ้นมองอีกฟาก พบสายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเธอ ราวกับเป็นตัวประหลาดซึ่งหาดูได้ยาก
“ทำแบบนี้เท่ากับสรุปว่า พิมเป็นคนผิด โดยไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน มันไม่ต่างกับการกล่าวหานะคะ” เธอเพ่งมองผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่จ้องกลับด้วยสายตาเอาเรื่อง
“พนักงานตำแหน่งเล็กๆกับเจ้าของบริษัทคู่แข่ง มายืนคุยกันอย่างสนิทสนม มันไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ…เธอเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ไปรู้จักกับคนระดับนั้นได้อย่างไร พนักงานในบริษัทของเขาเอง อาจไม่มีโอกาสเช่นนี้” หัวหน้าของนันทนาและหญิงดาวพูดเสียงเข้ม
“แค่เห็น ยืนคุยกันก็ถือว่าผิดแล้วหรือคะ” เธอโต้ตอบพลางเหลียวมองหญิงดาวซึ่งตีหน้านิ่งไม่แยแสต่อคำพูดที่ได้ยิน
“มันคงไม่ผิดอะไร หากข้อมูลในงานโครงการทั้งหมด ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง คนที่เธอเพิ่งไปยืนคุยมาและที่แย่ไปกว่านั้น คนดูแลข้อมูลทั้งหมดก็คือเธอ ถามจากใจจริงเลยนะ ว่าความละอายใจมีบ้างไหม กินเงินที่นี่ทุกเดือนยังทำได้ลงคอ หรือ ว่าที่บ้านขัดสนมากนัก”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและคำพูดเหยียดหยาม ทำให้พิมพ์นาราขบฟันแน่น ข่มอารมณ์เจ็บแค้นที่เริ่มพลุ่งพล่าน
“ฉันไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายนี้ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในงานโครงการนี้คือ ส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานที่ยินดีทุ่มเทสร้างสรรค์มันขึ้นมาด้วยความรัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทำงานนี้ด้วยใจค่ะ…ไม่มีทางทำร้ายหัวใจตัวเองได้…” รวมไปถึงหัวใจเขาด้วย เธอผินมองโยธินด้วยแวววิงวอน
สิ่งหนึ่งที่สำคัญเท่ากับงานโครงการนี้คือ ความรู้สึกของโยธิน พิมพ์นาราไม่อยากสูญเสียสิ่งใดทั้งนั้น ปีกแห่งความรักและความผูกพันถูกกางออกเพื่อโอบอุ้มทั้งสองสิ่งไว้ ขอเพียงมีแรงใจจากเขาเป็นดั่งลมใต้ปีกส่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
แม้พายุฝนเทกระหน่ำ เธอก็พร้อมจะบินฝ่าไปอย่างไม่หวั่นเกรง
“สรุปเธอจะลงชื่อรับทราบไหม บอกให้รู้ไว้อย่างนะ ครั้งนี้คุณอเนกเมตตาเธอมากให้แค่ใบเตือน ไม่ถึงกับไล่ออก แต่ถ้ายังไม่พอใจในการตัดสิน ฉันก็มีอีกทางเลือกให้…” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลหยุดพูด เอื้อมหยิบเอกสารจากนันทนาส่งให้เธอ
เมื่อเห็นเอกสารที่รับมา พิมพ์นาราขมวดคิ้วมุ่น เลือดฝาดใต้ผิวบางบนใบหน้าจางหายไป เหลือเพียงความเผือดซีด ริมฝีปากอิ่มเริ่มสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่
“ใบลาออก !” เธอครางออกมาเบาๆ แต่ดังพอที่จะทำให้หญิงดาวและนันทนาแสยะยิ้มมาให้พร้อมกัน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2556, 07:26:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2556, 18:28:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1424
<< 13 |

lookpud 19 ธ.ค. 2556, 07:45:44 น.
เศร้า
เศร้า

wind 19 ธ.ค. 2556, 16:57:12 น.
ถึงขั้นนี้แล้ว ต้องพูดความจริงจะดีที่สุด เก็บไว้ก็ไม่เห็นมีประโยชน์ ตอกหน้าให้หมดทุกคนเลย ส่วนพระเอกเพลีย ตัดสินใจได้แย่มาก
ถึงขั้นนี้แล้ว ต้องพูดความจริงจะดีที่สุด เก็บไว้ก็ไม่เห็นมีประโยชน์ ตอกหน้าให้หมดทุกคนเลย ส่วนพระเอกเพลีย ตัดสินใจได้แย่มาก

พราวชมพู 19 ธ.ค. 2556, 18:11:06 น.
ขอบคุณ คุณ lookpud มากค่ะ ที่ติดตามอ่าน ^ ^
ขอบคุณ คุณ wind ด้วยค่ะ
พระเอกเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา ไม่มีเส้นสาย ไม่ได้ใหญ่โตในบริษัท
เขาเล็งเห็นว่าปัญหาทั้งหมด น่าจะเกิดจากหญิงดาวเข้าใจผิดจึงพยายามหาทางคุยให้เข้าใจว่า เขาเชื่อว่านางเอกไม่ได้ทำและอยากให้อีกฝ่ายช่วยพูดให้เจ้านายเข้าใจในฐานะที่สนิทกัน
โยธินเองก็ไม่คิดว่าหญิงดาวจะมีข้อเสนอแบบนี้ ลึกๆในจิตใจเขาก็ไม่ได้อยากทำตามข้อเสนอ ในสถานการณ์ที่กดดันและเร่งรัดด้วยเวลาเพียงคืนเดียว การสอบสวนจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขายอมแลกภาพพจน์เกีรยติภูมิในตนเองเพื่อปกป้องอนาคตของผู้หญิงที่เขารัก โดยรู้อยู่แก่ใจว่า ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยจะมองเขาเช่นไร หากมีเวลามากกว่าคืนเดียวเขาคงไม่ยอมทำเช่นนี้แน่
ส่วนพิมพ์นารา เธอเป็นคุณหนูใจร้อน รังเกียจสังคมเมือง ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หรือ อะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง การทำงานในบริษัทนี้เป็น บริษัทที่สามของเธอซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่เดือนจะครบกำหนดตามข้อตกลงกับพ่อ หลังจากลาออกติดๆกันมาแล้วสองครั้ง ตัวละครนี้ เธออยากทำให้ได้ค่ะ เธอตั้งใจจะพัฒนาตนเองลดความใจร้อนมุทะลุและเรียนรู้ที่จะอดทนมากขึ้น ไม่ต้องห่วงเรื่องเอาคืน หรือ ตอกหน้านะคะ มีแน่ๆค่ะ และเป็นอะไรที่คนทั้งบริษัทคาดไม่ถึงค่ะ
ขอบคุณ คุณ lookpud มากค่ะ ที่ติดตามอ่าน ^ ^
ขอบคุณ คุณ wind ด้วยค่ะ
พระเอกเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดา ไม่มีเส้นสาย ไม่ได้ใหญ่โตในบริษัท
เขาเล็งเห็นว่าปัญหาทั้งหมด น่าจะเกิดจากหญิงดาวเข้าใจผิดจึงพยายามหาทางคุยให้เข้าใจว่า เขาเชื่อว่านางเอกไม่ได้ทำและอยากให้อีกฝ่ายช่วยพูดให้เจ้านายเข้าใจในฐานะที่สนิทกัน
โยธินเองก็ไม่คิดว่าหญิงดาวจะมีข้อเสนอแบบนี้ ลึกๆในจิตใจเขาก็ไม่ได้อยากทำตามข้อเสนอ ในสถานการณ์ที่กดดันและเร่งรัดด้วยเวลาเพียงคืนเดียว การสอบสวนจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขายอมแลกภาพพจน์เกีรยติภูมิในตนเองเพื่อปกป้องอนาคตของผู้หญิงที่เขารัก โดยรู้อยู่แก่ใจว่า ใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยจะมองเขาเช่นไร หากมีเวลามากกว่าคืนเดียวเขาคงไม่ยอมทำเช่นนี้แน่
ส่วนพิมพ์นารา เธอเป็นคุณหนูใจร้อน รังเกียจสังคมเมือง ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หรือ อะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง การทำงานในบริษัทนี้เป็น บริษัทที่สามของเธอซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่เดือนจะครบกำหนดตามข้อตกลงกับพ่อ หลังจากลาออกติดๆกันมาแล้วสองครั้ง ตัวละครนี้ เธออยากทำให้ได้ค่ะ เธอตั้งใจจะพัฒนาตนเองลดความใจร้อนมุทะลุและเรียนรู้ที่จะอดทนมากขึ้น ไม่ต้องห่วงเรื่องเอาคืน หรือ ตอกหน้านะคะ มีแน่ๆค่ะ และเป็นอะไรที่คนทั้งบริษัทคาดไม่ถึงค่ะ

phugan 19 ธ.ค. 2556, 18:58:41 น.
รอดูตอนหนูพิมเอาคืนเลยทีเดียว.....ตอนนี้มันเศร้าสงสารทั้งหนูมทั้งพี่โยเลย....
รอดูตอนหนูพิมเอาคืนเลยทีเดียว.....ตอนนี้มันเศร้าสงสารทั้งหนูมทั้งพี่โยเลย....