กลร้อนซ่อนใจ
นิยายรักโรแมนติกเบาๆสบายๆ แฝงข้อคิดในการทำงานและการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันผ่านมุมมองของพิมพ์นารา ลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ สายการบินเฟริส์แอร์ไลน์ ซึ่งไม่อยากทำงานตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงตามที่พ่อต้องการ เพราะไม่ชอบสังคมเมืองด้วยเหตุผลบางอย่างจึงขอไปทำธุรกิจโรงแรมทางภาคใต้ของครอบครัว ได้ใกล้ชิดธรรมชาติตามที่ใจหลงใหล
แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายนัก เมื่อพ่อได้ยื่นข้อเสนอให้เธอ หางานทำในกรุงเทพฯให้ได้ประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปี ถึงจะยอมทำตามข้อเสนอ หากไม่สำเร็จต้องกลับมารับตำแหน่งตามที่พ่อต้องการ
และเรื่องราวก็ไม่ง่ายจริงๆ เมื่อนางเอกของเราเปลี่ยนงานมาแล้วสองที่ ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ทว่า การทำงานที่ใหม่ในครั้งที่สามจะทำให้เธอค้นพบความจริงบางอย่างในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่สอนให้เธอเรียนรู้มุมมองใหม่คือ เขาคนนั้น
ชายหนุ่มสุขุมหนุ่มลึกซึ่งกลายเป็นตรงกันข้าม เพียงอยู่ใกล้พิมพ์นารา หญิงสาวที่เปรียบดั่งดวงตะวันทอแสงเป็นประกายเจิดจ้า หลอมละลายหัวใจเยือกเย็นของผู้ชายคนนี้....

Tags: โรแมนติก,พาฝัน

ตอน: 13

ระยะเวลาราวเจ็ดเดือนสำหรับการทำงานใน บริษัท ซีเอ็ม ฟู้ดส์ สอนให้พิมพ์นาราเรียนรู้การใช้ชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง จากเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา เป็นบทเรียนซึ่งไม่มีสถาบันการศึกษาใดบรรจุหลักสูตรไว้ นอกจาก ‘มหาวิทยาลัยชีวิต’ ที่มีผู้เรียนและผู้สอนหลอมรวมอยู่ในตัวเธอเอง

วิทยากรรับเชิญคือบุคคลต่างๆ ผ่านเข้ามาในแต่ละวันให้ได้เรียนรู้มุมมองใหม่ หรือ กล่าวอีกอย่างคือ พิจารณาสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้มากขึ้น เจือจางความคิดบางอย่างที่มีแง่เดียวให้ปรากฏหลายด้าน

ทุกบทเรียนย่อมมีบททดสอบตามมาเสมอ เธอเรียนรู้ว่าบางสิ่งในจิตใจเปลี่ยนแปลงไป เมื่อถูกทดสอบให้ใกล้ชิดกับโยธิน คนที่ทำให้เธอเกลียดจนตัวสั่นเมื่อแรกเจอ แล้วเปลี่ยนเป็นหวั่นไหวในภายหลัง สร้างความสับสนจนไม่กล้าหาคำตอบให้กับความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้น ทั้งที่มันคือ ความสุขมากมายกลายเป็นแรงและกำลังใจสำหรับการทำงานในที่แห่งนี้

แต่ถึงกระนั้น พิมพ์นาราพยายามเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ให้ลึกที่สุดในจิตใจ มีบ้างที่ความหวั่นไหวชักชวนความรู้สึกนั้นมาปรากฏตัว แต่ต้องล่าถอยกลับไป เมื่อเผชิญหน้ากับความมุ่งมั่นซึ่งรู้ดีว่า สักวันต้องจากลากันไปตามหนทางที่ต้องการ จึงไม่กล้าผูกมัดตนเองไว้กับความสุขเหล่านั้น

เกิดเป็นบททดสอบใหม่ ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งภายในใจตนเองว่า เธอจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างไร ระหว่างยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้วลืมความตั้งใจที่มีมาแต่แรก หรือ ซ่อนใจไว้อย่างนี้เพื่อทำสิ่งที่ตั้งใจต่อไปให้สำเร็จ

เช่นเดียวกับบทเรียนจากหญิงดาว ผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของสังคมซึ่งเธอไม่ปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วม สังคมที่ผลประโยชน์กับการแย่งชิงเป็นของคู่กันเสมอ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ คนเหล่านั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง

หลังจากเหตุการณ์ที่ถูกกลั่นแกล้ง พิมพ์นาราได้ผ่านบททดสอบการเปลี่ยนแปลงนิสัยของตนเอง บรรเทาความใจร้อนและมุทะลุลง หยุดนิ่งเพื่อไตร่ตรองมากขึ้น ไม่คิดเอาเรื่องกับใครเพราะตระหนักดีว่าอีกฝ่ายมีเส้นสายใหญ่โตเป็นถึงลูกสาวเพื่อนสนิทของประธานบริหาร บริษัท ซีเอ็ม ฟู้ดส์

หากโต้ตอบกลับไป รังแต่จะเกิดผลเสียแก่ตนเองต้องอยู่ที่บริษัทนี้อย่างลำบาก สู้อดทนต่อไปอีกเพียงไม่กี่เดือน ก็จะครบกำหนดเวลาหนึ่งปีในการทำงานตามข้อตกลงระหว่างเธอกับพ่อ ถึงเวลานั้นจะได้ไปบริหารงานโรงแรมทางภาคใต้ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติตามที่ใจต้องการและชาวบ้านต่างจังหวัดแลดูมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นมิตรภาพที่น้อยนักจะแอบแฝงไว้ด้วยผลประโยชน์

แต่ขณะทำงานอยู่ที่นี่ เธอต้องระมัดระวังตัวเองเสมอ พยายามยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้น้อยที่สุด ธารธาราเองก็คอยช่วยดูแลไม่ให้ใครมาทำอะไรได้ง่ายๆ เพิ่มความอุ่นใจมากขึ้น ไม่ต่างจากโยธินซึ่งคอยปกป้องเธอราวกับทราบถึงสาเหตุของเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา

เขาพยายามทำตัวห่างเหินกับหญิงดาวและตอบปฏิเสธไมตรีจิตของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเวลาชวนไปไหนด้วยเสมอ ทำให้แววตาประสงค์ร้ายของหญิงดาว มุ่งมาที่พิมพ์นาราหลายครั้งตามความผิดหวังในการสานสัมพันธไมตรีกับโยธิน

เวลาที่เหลือเพียงห้าเดือนคือ บททดสอบครั้งสำคัญซึ่งต้องผ่านไปให้ได้ เธอจึงตั้งใจทำงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับ โครงการลดการสูญเสียน้ำหนักของซากสุกรก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูป

หลังจาก ติดตั้งหัวพ่นหมอกให้สเปรย์น้ำเป็นละอองฝอย มายังซากสุกรในห้องชิลศูนย์ โดยทดลองใช้เป็นเวลาสองเดือน พิมพ์นาราและโยธินพบว่า เวลาที่ใช้ในการลดอุณหภูมิ สามสิบเจ็ดองศาเซลเซียสของซากสุกรหลังเชือดให้เหลือเพียง สี่องศาเซลเซียสนั้น ลดลงจาก ยี่สิบชั่วโมงเหลือเพียงสิบชั่วโมง สามารถลดเวลาในกระบวนการผลิตนี้ได้ครึ่งหนึ่ง

อีกทั้ง ละอองน้ำที่แผ่กระจายทั่วบริเวณห้องชิลศูนย์ ทำให้เนื้อสัมผัสของหมูไม่แห้งมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา น้ำในเซลล์ระเหยออกไปได้น้อย ส่งผลต่อน้ำหนักของซากสุกรก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูปกับน้ำหนักหลังแปรรูปเป็น เนื้อสะโพก เนื้อสันนอก เนื้อสันในและผลิตภัณฑ์อื่นๆ แตกต่างกันไม่มากนักจึงได้กำไรเพิ่มขึ้น

นับว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ นำความภาคภูมิใจมาสู่โยธินผู้เป็นเจ้าของความคิดค้นคว้าและออกแบบการทดลองดังกล่าวด้วยความยากลำบาก พิมพ์นารารู้สึกอิ่มเอิบใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ แม้จะเป็นเพียงการช่วยทำข้อมูลรายงานก่อนและหลังทำการทดลองเพื่อนำเสนอในที่ประชุม รวมทั้งประสานงานกับผู้รับเหมา แต่ทั้งหมดคือความทุ่มเทอย่างเต็มใจเพื่อเขา…คนที่คอยช่วยเธอเสมอ

เช่นเดียวกับวันนี้ วันแห่งความยินดีสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของงานโครงการนี้ เธอจัดเตรียมข้อมูลทุกอย่างประกอบการเข้าประชุมด้วยความตื่นเต้น หลังจากโทรศัพท์นัดหมายผู้รับเหมาให้เข้าร่วมประชุมบทสรุปของผลการทดลอง เพื่อต่อรองราคาและดำเนินการทำสัญญาซื้อขาย แอบหวั่นใจเล็กน้อย เรื่องเอกสารสัญญาที่อยู่ในความรับผิดชอบของแผนกบุคคล ทำให้การประชุมในวันนี้ มีหญิงดาวและนันทนาเข้าร่วมด้วย

ห้องประชุมช่วงบ่ายเต็มไปด้วยพนักงานจากสามหน่วยงาน คือ แผนกการตลาด แผนกผลิตและแผนกบุคคล ต่างเตรียมความพร้อมในการต่อรองราคากับผู้รับเหมา โดยทบทวนข้อมูลของงานโครงการจากเอกสารที่ได้รับแจกมาจากพิมพ์นารา ระหว่างรอคุณอเนกและผู้รับเหมาที่ยังมาไม่ถึง

หญิงสาวมองเอกสารที่เหลือในมือสองชุด ชุดหนึ่งสำหรับคุณอเนกและอีกชุดสำหรับบุคคลซึ่งทำให้เธอถอนใจออกมายามนึกถึงคือ หญิงดาว อดแปลกใจไม่ได้ที่ตอนนี้ มีนันทนานั่งอยู่ฟากตรงข้ามเพียงคนเดียว

แต่ไม่นานนักความสงสัยก็สิ้นสุดลง เมื่อหญิงดาว เดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับคุณอเนกซึ่งกวาดสายตาคมกริบไปรอบๆ ห้อง สบตากับทุกคนที่ยกมือขึ้นไหว้แทนการทักทาย ระหว่างเดินไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งหัวโต๊ะประชุม หญิงดาวขยับเก้าอี้ให้ประธานบริหาร ก่อนจะเดินไปนั่งข้างนันทนา

เมื่อเห็นทั้งสองคน พิมพ์นาราจึงเดินไปแจกเอกสารข้อมูลของงานโครงการ แล้วกลับมานั่งตามเดิมไม่ได้สนใจมองหญิงดาวซึ่งทำหน้าตึงใส่หลังจากรับเอกสารมา

ชายวัยกลางคนร่างอ้วน ในชุดเสื้อคอปกแขนสั้นลายตาสกอตสีน้ำตาล เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงขายาวสีดำแลดูเรียบร้อย ก้าวเข้ามาในห้องประชุมต่อจากคนทั้งสอง พิมพ์นาราและโยธินส่งยิ้มให้เขาเพราะจำได้ว่าคือ หนึ่งในสมาชิกของผู้รับเหมางานโครงการนี้ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่งานต่อรองราคาครั้งสำคัญกลับส่งคนเพียงคนเดียวมาเจรจาซื้อขาย

แต่ เสียงคุณอเนกที่ทักทายผู้มาเยือนพร้อมกล่าวเปิดการประชุม ทำให้เธอยุติความสงสัยลงและตั้งใจฟังโยธินนำเสนอข้อมูลสรุปผลการทดลองซึ่ง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้เวลาน้อยลงสำหรับลดอุณหภูมิภายในซากสุกรให้เหลือเพียงสี่องศาเซลเซียส รวมทั้งลดการสูญเสียน้ำหนักได้สำเร็จ ทำให้มีผลกำไรเพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว

เมื่อสรุปผลการทดลองเสร็จ สีหน้าของผู้รับเหมาแลดูเคร่งเครียด ทำให้เธอรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ชายวัยกลางคนยังคงนั่งนิ่ง ไม่มีท่าทียินดีกับผลการทดลองที่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเข้าสู่ขั้นตอนการต่อรองราคา

“ผมขอขอบคุณ สำหรับอุปกรณ์การติดตั้งที่ให้ทดลองใช้ จนได้ผลออกมาตามเป้าหมายที่วางไว้ ทางเราได้
อนุมัติการติดตั้งจริงแล้ว แต่จะขอต่อรองราคาจากใบเสนอราคาที่แนบมาให้” คุณอเนกเอ่ยเสียงนุ่ม

“ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบครับ…” ผู้รับเหมากล่าวเสียงขรึม ไม่ต่างจากสีหน้าแล้วเว้นคำพูดไว้เฉยๆ สบตาประธานบริหารพร้อมถอนใจยาว ก่อนจะเริ่มเรื่องอีกครั้ง

“ตอนนี้…ผมคงไม่สามารถรับงานนี้ไว้ได้แล้วครับ” คำพูดของผู้รับเหมาทำให้คุณอเนกเลิกคิ้วขึ้น

“ทำไมล่ะครับ ติดปัญหาอะไรหรือ” เขาถามเสียงเข้ม

“แบบก่อสร้างในงานโครงการที่ทำการทดลองอยู่ที่นี่ ได้ถูกจดสิทธิบัตรโดยบริษัท เอทา ฟู้ดส์แล้วครับ จึงไม่สามารถติดตั้งให้ที่ไหนได้อีก…ผมเองไม่อยากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์นี้” น้ำเสียงของผู้รับเหมาฟังดูหนักใจ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมมีอาการตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน โดยเฉพาะโยธิน

“เป็นไปไม่ได้ ! คนของผมคิดค้นขึ้นมาเอง ทางโน้นจะเอาแบบก่อสร้างไปได้ยังไง” คุณอเนกตะโกนลั่นพร้อมกับลุกขึ้นยืน ท่าทีโกรธเกรี้ยวจนอีกฝ่ายหน้าถอดสี

“ผมไม่ทราบจริงๆครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสัปดาห์ก่อนบริษัท เอทา ฟู้ดส์ จ้างให้ไปติดตั้งงานแบบเดียวกันกับที่นี่ทุกอย่าง พอสอบถาม เขาก็ยื่นสิทธิบัตรที่ไปจดทะเบียนมาให้ดู ผมเองว่าจะโทรถามอยู่เหมือนกันว่าเรื่องราวเป็นมายังไง ก็ติดงานด่วนที่ต่างจังหวัดเสียก่อน พอดีเมื่อวานคุณพิมพ์นาราโทรมาเชิญให้เข้าต่อรองราคาก็เลยตั้งใจจะมาแจ้งให้ทราบในวันนี้ครับ” น้ำเสียงที่บ่งบอกความลำบากใจจากอีกฝ่าย ทำให้คุณอเนกขยับตัวลงนั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เอาละ…ผมต้องขอโทษด้วย ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ คงต้องสอบสวนคนภายในบริษัทก่อน…ถ้ายังไงวันนี้เชิญคุณกลับไปก่อนแล้วกันครับ” คุณอเนกกล่าวเสียบเรียบแตกต่างจากสีหน้าที่ดูว้าวุ่นใจ ผู้รับเหมาก้มศีรษะรับพลางกล่าวอำลาทุกคนสั้นๆแล้วเดินออกจากห้องประชุม

บรรยากาศในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ แฝงไว้ด้วยอาการเคร่งขรึมของแต่ละคน โยธินจ้องมองมือตนเองประสานกันนิ่งอยู่บนโต๊ะ สายตาเขาบ่งบอกถึงความประหลาดใจ ไม่คาดคิดและท้ายสุดก็เปลี่ยนเป็นสะเทือนใจ เห็นได้ชัดว่าผิดหวังมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น

พิมพ์นารารู้สึกเป็นห่วงชายหนุ่มเพราะเข้าใจดีว่า ทุกขั้นตอนของงานโครงการนี้ เกิดจากการค้นคว้าหาข้อมูลอย่างต่อเนื่องมาเป็นแรมปี และทุ่มเททำการทดลองจนประสบความสำเร็จ หากดำเนินการติดตั้งจริงจะนำผลกำไรมาสู่บริษัทมากมาย เปรียบดั่งเลือดในอกของเขา

แต่…วันนี้ เขาถูกพรากเลือดในอกไป…

จะมีสิ่งใดเจ็บปวดไปกว่า…เราไม่มีสิทธิ์ในความคิดของเราเอง…

แม้ตัวเธอเป็นเพียงส่วนเล็กๆในงานโครงการนี้ ยังรู้สึกเจ็บช้ำใจราวกับโดนคมมีดกรีดแทง คิดมาถึงตรงนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองชายหนุ่ม

แล้วเขาล่ะ จะรวดร้าวใจเพียงไร…

โยธินยังคงมองมือตนเองที่ประสานกันนิ่ง ทว่า ตอนนี้แววตาปราศจากความหมายใดๆ ทำให้พิมพ์นาราทรมานใจมากขึ้น ครั้งนี้บริษัท เอทา ฟู้ดส์ทำเกินไป ขโมยผลงานของคู่แข่งอย่างไร้จรรยาบรรณแล้วยังจดสิทธิบัตรไม่ให้ใครมาทำตามได้

หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเพราะความคับแค้นพลุ่งพล่านอยู่ในอก หากไม่ติดว่าภูมิมินทร์ไปทำงานในต่างประเทศ เธอจะโทรศัพท์ไปถามเสียตอนนี้ว่า ทำไมเพื่อนเขาถึงร้ายกาจนัก แต่ ความสงสัยบางอย่างแล่นวาบเข้ามาในความคิด

ใครกันเป็นคนให้ข้อมูลงานโครงการทั้งหมดแก่ เกรียงไกร…

ทว่า เธอยังไม่ทันคิดหาคำตอบไปไกล เสียงของหญิงดาวที่นั่งอยู่ฟากตรงข้ามก็ดังขึ้น

“คุณอาอเนกคะ…หญิงดาวพอเดาได้ว่า ใครเป็นคนเอาข้อมูลของงานโครงการนี้ ไปให้บริษัทคู่แข่งค่ะ” เธอพูดจบ ขยับตัวลุกเดินไปหาประธานบริหาร ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

หญิงดาวส่งโทรศัพท์มือถือซึ่งมีแสงสว่างเรืองบนหน้าจอให้คุณอเนก เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วรับมาพิจารณา

“รูปใครกัน มองไม่ค่อยชัด”

“คุณอาลองเลื่อนดูไปเรื่อยๆสิคะ” จากคำแนะนำบ่งบอกว่ามีอีกหลายภาพที่ต้องการให้ดู เขาจึงทำตาม

“รูปเกรียงไกรกับใครกัน เห็นแต่ด้านข้างคล้ายใครนะ…นึกไม่ออก…” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วมุ่น

พิมพ์นาราสังเกตเห็นอาการชะงักของคุณอเนกพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป เธอคาดเดาว่าเขาคงเริ่มนึกออกและไม่ว่าคนในรูปถ่ายจะมีหน้าตาคล้ายใครก็ตาม คำตอบที่เกิดขึ้นในใจทำให้ประธานบริหารหน้าตาถมึงทึงทันที

“คุณอา…พอจะทราบแล้วใช่ไหมคะ” หญิงดาวถามเสียงเย็นเยียบ

กรรมการบริหารไม่สนใจตอบคำถามจากเสียงข้างกาย เขาหันมองพิมพ์นาราด้วยดวงตาวาวโรจน์

“หมายความว่ายังไง ทำไมถึงมีรูปเธอยืนอยู่กับเกรียงไกร…ตอบมาซิ พิมพ์นารา ! ” คุณอเนกถามเสียงดุกร้าวจนเธอสะดุ้งสุดตัวทั้งที่ยังมึนงง แว่วๆว่า มีชื่อของเกรียงไกรอยู่ในประโยคนั่นด้วย

“รูปอะไรหรือคะ” เธอถามเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

“รูปในงานเลี้ยงฉลองยอดขายและเปิดตัวร้านอาหารสาขาใหม่ของคุณภูมิมินทร์ไงละ” หญิงดาวตอบเสียงหยัน ท่ามกลางแววตาฉงนจากหลายคนในที่ประชุม

พิมพ์นาราหน้าซีดลงทันที คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ความเย็นค่อยๆ แล่นขึ้นทีละน้อย แผ่ซ่านจากปลายนิ้ว ไปถึงแผ่นหลัง ตื่นตกใจที่ฝ่ายนั้นรู้ว่าเธอไปร่วมงานเลี้ยงแล้วเริ่มนึกขึ้นได้ว่า พ่อของหญิงดาวเป็นหนึ่งในประธานบริหารของบริษัทในเครือ จากการแสดงออกบ่งบอกว่า วันนั้นเธอกับพ่อคงไปเป็นตัวแทนคุณอเนกเพื่อร่วมแสดงความยินดีแก่ ภูมิมินทร์

หญิงสาวลืมข้อนี้ไปเสียสนิท ไม่สิ…เธอไม่คิดว่าหญิงดาวจะไปร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย

“สรุปว่าเป็นเธอใช่ไหม ที่เป็นคนเอาข้อมูลของงานโครงการนี้ไปให้บริษัทคู่แข่ง” ทันทีที่คุณอเนกพูดจบ โยธินเหลียวมองพิมพ์นาราด้วยแววตาคาดไม่ถึง เหมือนกับอีกหลายคนในที่ประชุม

“ไม่ใช่นะคะ ! ” เธอตอบด้วยเสียงหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แล้วทำไมถึงไปร่วมงานเลี้ยงนั่นได้ล่ะคะ แถมยังยืนคุยกับคุณเกรียงไกรเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ที่สำคัญข้อมูลทั้งหมดของงานโครงการนี้ พี่พิมเป็นคนดูแล” หญิงดาวคาดคั้น

“น้องหญิงดาวมีเพียงรูปถ่ายเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอื่น มันดูไม่ยุติธรรมสำหรับพี่เลยนะคะ” เธอฝืนใจตอบโต้ ความเย็นเฉียบยังคงแล่นไปทั่วตัวจนหนาวจับใจ แต่แปลกที่โคนผมกลับชื้น เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อซึมออกมา

“เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะว่า ไปอยู่ในงานเลี้ยงกับเกรียงไกรได้ยังไง” น้ำเสียงของคุณอเนกดุดันตามอารมณ์ไม่พอใจ

“คือ…” ความตีบตันแล่นขึ้นมาที่ลำคอ พิมพ์นารามองอีกฝ่ายด้วยแวววิงวอน ทำให้ธารธาราเขยิบเข้ามาใกล้เอื้อมมือมาแตะแขนเบาๆ

“ว่ายังไง…” คุณอเนกเร่งรัด

หญิงสาวก้มหน้านิ่งคิด ประสานมือแน่นไว้บนตัก เริ่มอึดอัดคล้ายหายใจไม่ออก คำถามของคุณอเนกและหญิงดาวรัวเข้าใส่ราวกับกระสุนปืนระดมยิงโดยมีตัวเธอเป็นเป้าหมาย

“ก็ได้…ถ้ามันดูไม่ยุติธรรมสำหรับเธอนัก ฉันจะทำให้เป็นขั้นตอนเอง นันทนา…” คุณอเนกตะโกนเรียก ทำให้นันทนาหันมามอง หน้าตาเหลอหลา คล้ายเรียบเรียงเหตุการณ์ตรงหน้ายังไม่ได้

“ช่วยแจ้งหัวหน้าของเธอ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิมพ์นาราเดี๋ยวนี้ แล้วสรุปรายงานมาให้ฉันด่วน! ” เขาแผดเสียงดังลั่น อีกฝ่ายรีบตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะหันไปหาหญิงดาวซึ่งยืนมองด้วยแววตาสาแก่ใจ

ความเย็นที่แผ่ขยายไปทั่วร่างกายพิมพ์นารา แปรสภาพเป็นน้ำแข็งก้อนแหลมคมจำนวนมาก ทิ่มแทงทั่วทั้งตัวสร้างความร้าวรานใจเจียนแตกสลาย

“คุณอเนกคะ รบกวนเลื่อนการสอบสวนออกไปได้ไหมคะ รอพี่อาภาพรกลับมาจากดูงานในต่างประเทศ วันพรุ่งนี้ก่อน ” เอิงรีบพูดช่วยทันที

กรรมการบริหารมีท่าทีหนักใจแล้วหันไปมองพิมพ์นาราอย่างคาดโทษ

“เลื่อนการสอบสวนเป็นวันพรุ่งนี้ แจ้งอาภาพรให้เข้าร่วมด้วยนะ ถ้าลูกน้องเขาหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ว่าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ ก็เตรียมหาลูกน้องใหม่ได้เลยเพราะคนที่เอาข้อมูลของบริษัทไปขาย ไม่สมควรเลี้ยงไว้” คุณอเนกพูดจบ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน

เตมินทร์รีบเดินมาหาธารธารา ท่าทางกระวนกระวายใจ ต่างจากโยธินที่ยังคงนั่งนิ่งจับสายตาไว้ที่หญิงดาว

“น้ำ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น…” เสียงของเตมินทร์ฟังดูร้อนรน เขามองพิมพ์นาราด้วยแววห่วงใยมากกว่าสงสัย

“น้ำก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…แต่รู้อย่างเดียวว่า พิมไม่ได้เป็นคนขายข้อมูลให้บริษัทคู่แข่งแน่นอน” เธอจับมือเพื่อนบีบเบาๆให้กำลังใจ

“พี่เข้าใจพิมนะ…และจะไม่ถามว่าไปอยู่ในงานเลี้ยงได้ยังไง แต่ ขอให้พิมหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ได้ พี่ประวิงเวลาได้เพียงเท่านี้ แผนกเรามีกันอยู่ไม่กี่คนต้องช่วยเหลือกันให้ถึงที่สุด” เอิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวถัดไป ชะโงกหน้ามาพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

พิมพ์นารารู้สึกปวดร้าวตึงๆตรงขมับ ตามมาด้วยอาการอึดอัดแน่นท้องระคนคลื่นไส้ เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเครียดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกะทันหัน ราวกับโลกทั้งใบพลิกคว่ำ จนเธอกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้นโดยไม่รู้ตัว

ความกังวลจากหลายเรื่องจู่โจมใส่จนไม่รู้ว่า วิตกเรื่องใดมากกว่ากันระหว่างอาจไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อให้ครบกำหนดหนึ่งปีตามข้อตกลงของเธอกับพ่อ หรือ กลัวว่าโยธินจะเข้าใจผิดตามที่หญิงดาวกล่าวหา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องจนกระทั่งตอนนี้ เขายังคงนั่งนิ่งไม่ถามอะไรสักคำ

“น้องหญิงดาว เย็นนี้ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะครับ…พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” โยธินตะโกนเรียก เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับนันทนา หญิงดาวชะงัก หันมาตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

พิมพ์นาราหน้าซีดเผือด แขนและขาเริ่มไม่มีแรง แทบไม่เชื่อหูตนเอง ได้แต่มองตามโยธินซึ่งเดินจากไป ตอบไม่ถูกว่า รู้สึกดีใจหรือเสียใจที่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย หลังจากเขานั่งเงียบมานาน



พราวชมพู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2556, 08:48:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2556, 08:54:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1331





<< 12   14 >>
พราวชมพู 18 ธ.ค. 2556, 08:59:34 น.
ขอบคุณ คุณ phugan มากนะคะ ที่เอาใจช่วยพิมค่ะ

ขอขอบคุณ ผู้อ่านทุกๆท่านด้วยค่ะ

จากนี้เรื่องราวจะเข้าสู่โหมดดราม่าบ้างแล้วนะคะ อาจกดดันกันสุดๆ แต่ คนทำผิดต้องได้รับผลกรรมแน่ค่ะ ขึ้นอยู่ว่าช้า หรือ เร็ว มาตามกันต่อนะคะ


phugan 18 ธ.ค. 2556, 09:38:52 น.
มาเอาใจช่วยค่ะ....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account