คือสัญญา
เมื่อน้องสาวไม่พอใจเพื่อนของพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ จนวันหนึ่งเขาได้ถามว่าเธอไม่ชอบอะไรเขานักหนา หากจะเป็นเพื่อนกับเธอต้องทำอย่างไร เธอจึงบอกเงื่อนไขที่เหมือนทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตใหม่ ซึ่งได้พลั้งปากออกไปอย่างไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาทำได้ต่อให้เป็นแฟนก็ยังไหว

เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ

เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
Tags: คือสัญญา

ตอน: ตอนที่ 11 ตอนจบค่า...^^

ปฏิการหลับตาลงอย่างว่าง่าย ปริมจ้องมองใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ที่จริงเขาก็ออกจะหล่อเหลาเอาการไม่ใช่เล่น ตัดผมแล้วน่ารักขึ้นเป็นกองเลย ไม่นึกว่าเขาจะดูดีขนาดนี้ แถมตอนนี้ยังมาทำหน้ายิ้ม ๆ อีก แหม…มีความสุขจังเลยนะ มันน่าจะหยิกแก้มให้หายหมั่นไส้มากกว่า

ปริมข่มใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แก้มของชายหนุ่ม ได้กลิ่นสบู่หอมสดชื่นอ่อน ๆ แต่ก็ยังอึดอัดใจเหลือเกิน ทำใจไม่ได้ทำยังไงก็ตัดใจไม่ลง ไม่คิดว่าจะต้องมาทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ นึกโกรธตัวเองจริง ๆ ที่พูดอะไรไม่คิด ขนาดพ่อแม่ และพี่ชายที่แสนรัก เธอยังไม่เคยเข้าไปหอมแก้มเลย แล้วนี่เขาเป็นใครกัน? ที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้

โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย!!

แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันควัน รีบทำตามความคิดนั้นทันที ค่อย ๆ ยกมือขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เกิดมาเคยตั้งใจถูกเนื้อต้องตัวผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อกับพี่ชายที่ไหนกัน แค่นี้ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเธอเลย รู้สึกลำบากลำบนอะไรอย่างนี้นะ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ก็ไม่รู้จะใช้วิธีไหนอีกแล้ว กลั้นใจเอาหลังมือสัมผัสแก้มของเขาเบา ๆ แทน แล้วรีบถอยออกมา

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ปริม…” เขาจับมือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมากุมไว้เบา ๆ ด้วยความรักอย่างถนุถนอม

“ขอบใจปริมมากเลยนะ สำหรับทุก ๆ อย่าง เพราะเธอ ฉันถึงเป็นแบบนี้ได้ ได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนกับเขาอีกครั้ง ฉันถึงอยากมีเธอไว้เคียงข้าง เพื่อที่เธอจะได้ช่วยเตือนสติฉันไงล่ะ”

ถ้อยคำของชายหนุ่มกับสายตาที่มองตรงมา ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ทำอะไรไม่ถูก อยู่ดี ๆ เข้ามาจู่โจมแบบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน หลังจากไล่ตามสติสตังค์กลับมาครบบริบูรณ์แล้ว รีบสะบัดมือออกจากการกุมไว้ของชายหนุ่ม รีบเอามืออีกข้างตีผวัะ!! ลงบนมือของเขาอย่างแรง เป็นการปราม และเริ่มร่ายกฎข้อบังคับ

“ห้ามมาถูกเนื้อต้องตัวฉันนะ เข้าใจมั้ย! ถึงแม้ฉันจะยอมรับนายเป็น….” คำสุดท้ายเสียงพาลขาดหายลงลำคอไปเสียเฉย ๆ

“แฟน!” เขาเน้นคำต่อให้ พลางยิ้มแย้มอย่างมีความสุข สิ่งนี้เองที่เขาต้องการจากเธอมานานแล้ว ต้องการให้เธอยอมรับเขานั่นเอง ยอมรับเขาในฐานะคนพิเศษของหัวใจ

“เออ…นั่นแหละ หากวันไหน นายกลับไปเป็นเหมือนเดิม สัญญาระหว่างเรา สัมพันธ์ทุกอย่างของเราเป็นอันจบสิ้นกัน นายห้ามทำผิดแม้แต่ข้อเดียว” น้ำเสียงนั้นขึงขังเอาจริงเอาจัง

“ฉันจะรักษาสัญญาทุกอย่างของเราไว้ พอ ๆ กับการรักหัวใจตัวเองที่จะได้มีปริมอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป” เขายิ้มมองเธออย่างมีสุข ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ขาดหายไปนานแล้ว ถูกเติมเต็มด้วยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้

“ต่อไปนี้นะ ถ้าใครมาถามปริมว่า มีแฟนรึยัง ต้องตอบว่า…”

ปริมขมวดคิ้วย่นยู่ยี่ แล้วตอบเลี่ยง ๆ ไป “รู้แล้วน่า…”

คิดในใจว่า…ตายล่ะ!! ต่อไปนี้เธอกลายเป็นคนมีเจ้าของไปซะแล้วหรือนี่!!

“ว่า…อะไร ตอบมาเร็วเข้า” เขาอมยิ้มกวน ๆ ยังไม่พอใจกับคำตอบ

“มีแล้ว!! พอใจรึยัง” แล้วสะบัดหน้าหนี เดินกลับไปตั้งหน้าตั้งตาจัดดอกไม้ต่อ

ปฏิการพยักหน้าอย่างพอใจ ยิ้มหน้าบาน ก่อนเดินตามเธอไป

“ปริม…จำได้มั้ย คืนที่เรานั่งดูดาวด้วยกัน แล้วมีดาวตก รู้มั้ยว่า…ฉันอธิษฐานว่าอะไร”
“ก็นายไม่บอก ฉันจะไปรู้หรอ”
“ฉันอธิษฐานว่า ขอให้คนที่ฉันต้องทำตามสัญญา คนที่ฉันจะทุ่มเทให้กับเขาเป็นคนดี”

ปริมยิ้ม อย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินถ้อยคำจากเขา

“แล้วเธอล่ะ อธิษฐานว่าไง ฉันยอมบอกก่อนแล้วนะ”
“บังเอิญมากเลยรู้รึเปล่า…”

“ทำไมหรอ” เขาทำหน้าตาสนอกสนใจเป็นพิเศษ

“ก็อธิษฐานเหมือนกันน่ะสิ ฉันอธิษฐานว่า ขอให้คนที่ฉันต้องยอมรับ ทำตามสัญญาเป็นคนดี”

ปฏิการหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่รู้สึกดีที่รู้ว่าเธอคิดเหมือนกัน สายตาเฝ้ามองเธอกำลังจัดดอกไม้อย่างไม่ยอมหันเหสายตามองไปทางไหนอีกเลย

ปริมพยายามไม่สนใจว่าเขากำลังมองเธออยู่ แต่มือไม้กลับหยิบจับดอกไม้อย่างเงอะ ๆ งะ ๆ ชอบกล ครุ่นคิดในใจจะมองอะไรกันนักกันหนานะ จะทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว!!

“ปริม…ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” เขาพูดขึ้นทำลายความเงียบงัน

ปริมก้มหน้าก้มตาจัดดอกไม้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่หัวใจกลับหวั่นไหว สายตาทำเป็นไม่สนใจ แต่หูกลับกำลังตั้งใจฟังเขาอย่างใจจดใจจ่อ

“อยากให้ปริมตั้งใจรับฟังนะ” เขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองมันเต้นแรงผิดปกติ พยายามเรียบเรียงคำพูดทุกคำเอาไว้ในใจ

เสียงเขาเงียบไปนาน จนเธอต้องเงยหน้ามองเขา และมองเห็นเงาของเธออยู่ในดวงตาคมเข้มคู่นั้น

ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ที่เห็นเธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาตามแผนอย่างหลงกล เขารู้…เธอไม่ใช่ไม่ใส่ใจฟัง เธอกำลังตั้งใจฟังเขาอยู่

“ฉันไม่ได้ชอบปริม”

คิ้วของหญิงสาวย่นเข้าหากัน จ้องหน้าฝ่ายตรงข้ามตาไม่กระพริบ เธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า…???

อะไรนะ!! หมายความว่าไง? เธอไม่เข้าใจ

มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไม? อย่างไร? เพราะอะไร?

คำถามประเดประดังเข้ามารอคิวในความคิดอย่างรู้สึกสับสน สมองกำลังตีความถ้อยคำความหมายที่ได้ยิน ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน!! เหมือนแก้วน้ำที่ถูกเทน้ำเย็นจัดลงไปแล้วตามด้วยน้ำร้อนจัดทันที แก้วอาจจะเริ่มร้าว หรืออาจแตกโพละ!! กระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันที

นี่เธอสำคัญตัวเองผิดหรือ?? ที่เคยคิดว่าเธอมีความหมาย มีค่า มีความสำคัญสำหรับเขา คิดว่าเขาสนใจเธอ มันไม่ใช่เลย เธอเข้าใจผิด คิดไปเองตลอด ที่แท้เขาแค่ต้องการเอาชนะเธอเท่านั้น มาแกล้งทำดี เพื่อทำให้หัวใจของเธอไขว้เขว การกระทำที่ผ่านมาทุกอย่างของเขามันหลอกลวงทั้งเพ!!

“งั้นนายมาทวงคำสัญญากับฉันทำไม” เธอพูดสวนขึ้นมาทันที จ้องหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาร้อนผ่าว ใจเต้นแรงขึ้น ๆ

“ที่แท้นายแค่ต้องการเอาชนะฉันเท่านั้นเอง ใช่มั้ย?” เธอเน้นคำเสียงดัง ไม่หยุดให้เขาได้มีโอกาศพูดประโยคถัดไปได้เลย

“ฉันยอมแพ้นาย พอใจรึยัง” ปริมรัวคำพูดออกไปอย่างโมโหโทโส รู้สึกอับอายขายหน้าตัวเอง ทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง ทั้งน้อยใจเหลือเกิน ไม่เคยเสียความรู้สึกกับใครมากมายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต

“ฉันขอยกเลิกสัญญา”


ปฏิการนิ่งอึ้ง เขาพูดอะไรผิดไปเนี่ย มันจะไปกันใหญ่แล้ว!!

ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งใจจะพูดถ้อยคำที่ทำให้เธอได้ฟังแล้วต้องเกิดแต่ความรู้สึกดีดี รู้สึกประทับใจ แต่นี่….!!! มัน…!!!

“ปริม…. ฟังฉันพูดให้จบก่อน ฉันยังพูดไม่จบนะ” ไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้เธอโกรธขนาดนี้ เริ่มใจหายกลัวเหตุการณ์จะเลวร้ายบานปลายเข้าไปกันใหญ่ เขาพยายามจะอธิบายต่อ แต่ทำได้เพียงแต่อ้าปากค้างไว้เท่านั้น

“พี่ปฏิการ!!” เสียงใสของเด็กสาวรุ่นน้องดังเข้ามาก่อนจะมองเห็นตัวเธอเสียอีก
“นึกแล้วว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่” เด็กสาวสวมชุดไทยเสื้อแขนกระบอกเดินเข้ามาในซุ้มดอกไม้ไทย

ทั้งสองหันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน

“อาจารย์และทุกคนรอพี่อยู่นะคะ ขบวนแห่พร้อมแล้ว”

ปฏิการมองดูเวลาที่ข้อมือ ตายล่ะหว่า!! ขณะนั้นบอกเวลา 7.30 น. เขาผิดนัดกับอาจารย์มา 30 นาทีแล้ว ลืมเสียสนิทเลย

“ว่าไงคะ พี่การ ทุกคนรอพี่อยู่คนเดียวนะคะ” สาวน้อยย้ำอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นรุ่นพี่ยืนเป็นรูปปั้นอยู่อย่างเดิม

โอ๊ย!! มันอะไรกันเนี่ย…!! อยากจะบ้าตาย!!

เขาจะทำอย่างไรดี ยังไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากอธิบายให้เธอเข้าใจเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ อยากจะพูดกับเธอให้เข้าใจก่อน แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะได้รับปากทุกคนไว้แล้ว งานนี้เป็นงานใหญ่ของมหาวิทยาลัย เขาไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเขาคนเดียว และไม่อาจจะปฏิเสธความรับผิดชอบนั้นได้เลย ใจพะว้าพะวัง สับสนเหลือเกิน

แต่ในที่สุดเขาต้องตัดสินใจเลือก!!

“ปริม…ฉันต้องไปก่อนนะ รอฉันนะ เย็นนี้กลับพร้อมกันนะ นะครับ”

หญิงสาวไม่ตอบ ไม่สนใจ หน้าคว่ำจัดดอกไม้อย่างไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่ากลีบดอกไม้ช้ำไปบ้างหรือเปล่า ไม่มีคำตอบรับว่าจะคอยเขาเหมือนทุกครั้ง

ปฏิการตัดใจเดินจากมาทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ได้รับมอบหมาย เขาไม่ควรทำให้งานที่เขาต้องรับผิดชอบเสียหาย พยายามข่มใจ ลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ชั่วคราว แต่…มันไม่ง่ายเอาเสียเลย

เมื่อเท้าก้าวออกจากซุ้มดอกไม้ไทย เขาสวนกับนายปกป้อง ที่กำลังจะเดินเข้าซุ้มดอกไม้ไทย คู่แข่งหัวใจของเขามาอีกแล้ว หนุ่มหล่อรถป้ายแดงคนนั้น เขาไม่เข้าใจ ทำไมหมอนี่! ต้องโผล่มาตอนนี้ด้วยนะ!! สถานการณ์ยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ สร้างความกลัดกลุ้มกังวลใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ ได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

====================


เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากในครัว ปริมขมวดคิ้วอย่างสงสัย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง และมีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่พี่ปรามของเธอจะพามาที่บ้าน ยังไม่ทันคิดอะไรต่อไป เพื่อนสาวของพี่ชายก็วิ่งออกมาที่ห้องรับแขก

“อ้าว! ปริมกลับมาแล้วหรอจ๊ะ มาเงียบเชียวนะ หิวมั้ย พวกพี่กำลังช่วยกันทำอาหารเย็นอยู่จ้ะ” ปิ่นขวัญทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“ค่ะพี่ปิ่น” ปริมรับคำสั้น ๆ ด้วยเสียงเนือย ๆ

“ปิ่นหายตัวไปไหน อย่าให้จับได้นะ!” เสียงพี่ชายตะโกนออกมาจากห้องครัว ก่อนที่จะพาร่างสูงก้าวตามเข้ามาทันที
“ปริมช่วยพี่ด้วยจ้ะ พี่ปรามของปริมจะรังแกพี่นะ” ปิ่นขวัญรีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังปริมด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

“ปริมขอตัวก่อนนะคะ” ปริมเดินเลี่ยงออกมาจากห้องรับแขก

ทั้งสองมองปริมอย่างรู้สึกงุนงง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?

“ปิ่นตามไปดูปริมก่อนนะปราม” เธอรู้สึกถึงความผิดปกติของเด็กสาว

ปรามมองตามหลังไว ๆ ของน้องสาวด้วยสายตาห่วงใย

“ปล่อยให้ปริมเขาอยู่คนเดียวซักพัก ตอนนี้เขาอาจจะไม่อยากให้เราเข้าไปวุ่นวายนะ” ปรามพยักหน้าย้ำตามความหมายที่พูดไว้อีกครั้ง เพราะเขารู้นิสัยของน้องสาวดี

ทั้งคู่จึงกลับไปทำอาหารในครัวกันต่อ…คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ และเฝ้ารอเวลาที่อาจจะทำให้เรื่องหม่นหมองในหัวใจของปริมดีขึ้นได้

ผิวน้ำกระเพื่อม เกิดคลื่นน้ำแผ่รัศมีกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างจากจุดศูนย์กลาง เมื่อปลาช่อนตัวโตโผล่ขึ้นมาฮุบเอาอากาศหายใจเหนือผิวน้ำ ก่อนมุดตัวหายลงไปใต้น้ำสีหยก กลีบดอกพลับพลึงสีขาวลอยไปตามน้ำในบึงที่เคลื่อนไหว ก้อนหินเล็ก ๆ ถูกขว้างไปกลางบึงก้อนแล้วก้อนเล่า คิ้วขมวดย่นอย่างกำลังใช้ความคิด ริมฝีปากเม้มสนิทราวกับกำลังตัดใจจากอะไรบ้างอย่าง ร่างของหญิงสาวที่สะท้อนเงาในน้ำไหวไปมาช้า ๆ

เรื่องราวเมื่อเช้านี้ยังวนเวียนอยู่ในสมอง บอกตัวเองให้ เลิกคิด! เลิกคิด! เลิกคิด! แต่ทำไม่ได้! ทำอย่างไรมันก็กลับมาคิดอีกอยู่ดี เบื่อตัวเองเหลือเกิน ที่ไม่อาจจะควบคุมความคิดของตัวเองได้ นี่เธอเผลอใจให้กับเขาแล้วหรือนี่!! ความหนักแน่น ความเข้มแข็ง มันหายไปไหนหมด

เธอถอนหายใจยาว ก่อนลุกขึ้นจากท่าน้ำ ปลาในบึงเคยเป็นที่สนอกสนใจของเธอเสมอ ตอนนี้ทำไมถึงไม่น่าสนใจอย่างเคย แล้วพาตัวเองไปเดินเล่นในสวนผลไม้ อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง พยายามดึงความสนใจให้อยู่กับสิ่งรอบตัว เอาใจจดจ่อกับสิ่งรอบข้าง

มะม่วงลูกโตกำลังห้อยเป็นพวงเล็กพวงน้อยดกเต็มต้นเชียว เป็นแต่ก่อนต้องรีบปีนป่ายไปเก็บมาทำน้ำปลาหวานจิ้มกินไปแล้ว แต่ตอนนี้…ทำไมรู้สึกเฉย ๆ ก็ไม่รู้ เงาะโรงเรียนสีแดงสดตัดใบสีเขียวเข้มห้อยระย้าเต็มต้นไปหมด มังคุดกำลังออกลูกสีม่วงอ่อน ๆ ผลไม้โปรดของเธอทีเดียว แต่ทว่าไม่ว่าจะเดินดูอะไร มันก็ไม่สดชื่นแจ่มใสเหมือนเคยเอาซะเลย แถมยังมีแต่เงาของเขาปรากฎอยู่ทุกหนทุกแห่ง ภาพที่เขาเคยวิ่งไล่จับตัวเธอมาหวดตีจนต้องกระโดดกระหยองกระแหยงหลบไม้เรียว เธอยังจำได้ติดตา เรื่องราวของเขามันกลับเข้ามารกสมองอีกแล้ว ยิ่งพยายามไม่คิด กลับยิ่งคิดมากขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ รู้สึกตำหนิตัวเองอย่างแรง ทำไมต้องแสดงกิริยาโวยวายโกรธขึงบึ้งตึงกับเขาขนาดนั้นด้วยนะ แบบนี้เขาคงรู้หมดว่าเธอเผลอใจให้เขาแล้ว

เฮ้อ….หมดกัน!!

“ฉันไม่ได้ชอบปริม”

คำพูดของชายหนุ่มผุดขึ้นมาในสมองอีกแล้ว พร้อม ๆ กับน้ำตารื้นขึ้นมาคลอขอบตาเอาไว้

เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมต้องเสียใจกับคำพูดประโยคนี้ของเขา ทำไมต้องรู้สึกผิดหวัง และน้อยใจเหลือเกิน

ไม่! เธอจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด! รีบหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้น้ำตาในดวงตาเหือดแห้งไป

อยากจะลืมเขาให้ได้เดี๋ยวนี้!! ทำไมทำไม่ได้นะ เฮ้อ…

เธอได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“ปริม…ฉันขอเวลาหน่อยนะ สักวันฉันจะต้องลืมเขาให้ได้” เธอบอกตัวเอง

ถ้าเขามาหาอีกจะทำอย่างไรดี ถ้าเจอหน้าเขาอีกจะทำอย่างไร ถ้า….ถ้า…ถ้าและถ้า…. ฯลฯ

เธอจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปได้ไหม…เธอไม่รู้เลย รู้สึกแต่ว่า ตอนนี้ไม่อยากพบหน้าคนหลอกลวงคนนั้นอีกแล้ว…มันเจ็บที่หัวใจเหลือเกิน…

เสียงใบไม้แห้งบนพื้นดินเกิดเสียงดังกรอบแกรบ!! เหมือนมีคนกำลังเดินมา หญิงสาวรีบหันไปมอง

“ปฎิการ!!” เธออุทานอย่างตกใจ!!

“ปริม…”

เธอฉุนเฉียวเดินเลี่ยงไปทันที

“เดี๋ยวปริม!!”

ไม่มีถ้อยคำใด ๆ หลุดออกจากปากของเธอ เธอตอบเขาด้วยความเงียบ และสีหน้าบูดบึ้งแทนคำพูด รีบเดินหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งไป ฟังฉันก่อน” เขาคว้าข้อมือเธอไว้ได้ทัน

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย!!” เธอเน้นคำ แล้วดึงมือตัวเองออกมา

แต่ทว่ากลับถูกชายหนุ่มดึงรั้งไว้

“ปริม!! ฟังฉันก่อน”

ปริมพยายามยื้อข้อมือตัวเองกลับคืนมา

เขามองเธอที่ไม่สนใจจะรับฟังอะไรทั้งนั้น พยามยามดื้อดึงจะเดินหนีไปอยู่ท่าเดียว เขาไม่มีวันปล่อยเธอเดินจากเขาไปอีกแล้ว….

ชายหนุ่มตัดสินใจก้าวซวบเข้าไปหาพร้อม ๆ กับออกแรงดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จะให้เธออยู่เพื่อรับฟังเหตุผล ไม่ได้คิดจะล่วงเกินเธอแบบนี้เลย

“เธอกำลังเข้าใจผิดนะ ฉันมาเพื่ออธิบาย เธอยังฟังไม่จบ ฉันมาเพื่อตอบคำถามของเธอทุกคำถามที่เธอถามไว้เมื่อเช้านี้”

“นายกล้าดียังไงที่ทำแบบนี้ กับฉัน!!!”

ปริมตะโกนลั่น พลางจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง และฉายแววโกรธลึกลงไปอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“นายทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!! ไปทำแบบนี้กับผู้หญิงของนาย! แฟนคลับของนายโน่น!” เธอพยายามผลักไสไล่ส่งเขาออกไปอย่างสุดแรง แต่ยิ่งพยายามออกห่าง กลับยิ่งถูกเขากอดเอาไว้แน่นขึ้นด้วยกำลังของคนหนุ่ม ไม่อาจจะหลีกหนีหลุดพ้นออกไปได้เลย

“ฟังนะ!! ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใคร!! และไม่เคยคิดจะใช้วิธีนี้ล่วงเกินใครด้วย” เขาตะโกนเสียงดัง

“แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอเดินจากฉันไปแบบนี้อีกแล้ว จากไปอย่างไม่เคยเข้าใจอะไรเลย จากไปอย่างเข้าใจผิดแบบนี้ ฉันไม่ให้เธอไป จนกว่าเธอจะฟังฉันจบ ได้ยินมั้ย!! ปริม!! เธอบอกฉันสิ! ว่าถ้าฉันไม่ทำแบบนี้เธอจะอยู่ฟังฉัน เธอจะไม่เดินหนีจากฉันไป” เขารัวพูดใส่เธอเสียงดังลั่น ราวกลับว่ากลัวเธอจะไม่ยอมรับฟังอะไรอีกเลย

ปริมนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะทำอย่างไร สมองหยุดสั่งการชั่วคราว

เขากอดเธอไว้ในความเงียบงัน เหมือนโลกทั้งใบหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว

“ปริมฟังนะ” เขาทำลายความเงียบขึ้นเมื่อเห็นเธอนิ่งพร้อมที่จะรับฟังมากขึ้น

“ฉันไม่ได้ชอบเธอจริง ๆ แต่…มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่านั้น” เขาหยุดไปชั่วขณะก่อนบอกความหมายสำคัญของหัวใจกับคนที่อยู่ในอ้อมแขน

“ฉันรักเธอนะ ปริม” เขาพูดเน้นหนักอย่างชัดเจนทีละคำ

“ฉันรักเธอ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร นอกจากเธอคนเดียว”

ปริมนิ่งอึ้ง!! มันอะไรกันแน่ เขาต้องการเล่นตลกอะไรกับเธออีก เธอรู้สึกสับสน! งงไปหมดแล้ว

เขาค่อย ๆ คลายอ้อมแขน

“รักกับชอบมันไม่เหมือนกันนะ เธอเข้าใจมั้ย” เขาย่อตัวลงเล็กน้อย มองหน้าเธออย่างขอร้องให้เธอเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด

“ความชอบเป็นแค่ความสนใจเท่านั้น รู้สึกอยากรู้จักมากขึ้น แต่ความรักคือ การอยากทำให้คนที่เรารักมีความสุข และเธอเป็นคน ๆ นั้นที่ฉันไม่ใช่แค่สนใจ หรืออยากรู้จักมากขึ้นเท่านั้น แต่เธอคือคนที่ฉันไม่อาจจะทนเห็นเธอมีความทุกข์ได้” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง พยายามค่อย ๆ อธิบายอย่างช้า ๆ และชัดเจน

ปริมได้แต่นิ่งเงียบฟังเขาพูด ความโกรธ ความไม่เข้าใจทั้งหลายทั้งปวงเริ่มคลี่คลายลง

“เชื่อฉันนะ” เขาจับมือของเธอขึ้นมากุมไว้เบา ๆ

“บ้า!!! นายมันบ้า!!”

เธอเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอกเธอแล้ว

“นายแกล้งฉัน นาย…นายหลอกถามความรู้สึกของฉันเหรอ” เธอเข้าไปกระหน่ำรัวทั้งตีทั้งทุบเขาไม่หยุด

ปฏิการยึดมือเธอเอาไว้ รอยยิ้มแต้มอยู่ในสีหน้า

“ปริมกลัวฉันจะไม่รักเหรอ”

เขาหัวเราะอย่างได้ที ความรู้สึกค่อยผ่อนคลายลงหลังจากตึงเครียดมาทั้งวัน ที่ต้องจมอยู่กับความกลัว ความกังวลใจตลอดเวลา

“บ้า!!!” สีหน้าเริ่มแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“นี่!! ปล่อยมือฉันนะ นายผิดกฎแล้ว”

“ก็มารัวทุบตีทำร้ายร่างกายเค้าก่อนทำไมล่ะ เค้าแค่ป้องกันตัวเองนะ แล้วก็ไม่ได้ให้สาว ๆ คนไหนก็ได้นะ มาถูกเนื้อต้องตัวเค้าได้แบบนี้” เขายิ้ม สายตามองปฏิกิริยาของเธอตลอดเวลา

“มีปริมคนเดียวนะ ที่ยอม…” ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดอะไรแบบนี้ออกไปได้ยังไง แต่มันก็พูดออกไปเอง พูดออกไปแล้ว

“แล้วปริมล่ะ รู้สึกยังไงกับฉัน บอกมาซะดีดี” เขาหันกลับมาถามคำถามที่อยากรู้เหลือเกิน อยากรู้มานานว่าเธอคิดอย่างไร

“ฉันไม่ได้ชอบนายเหมือนกัน!!” เธอกระแทกเสียงใส่เขา

ชายหนุ่มใจหาย!! แม้อาจจะเดาว่าเธอน่าจะล้อเล่นก็ตาม

“พูดเล่นน่า…เอาคืนหรือไง”

ปริมไม่ตอบพยายามดึงมือตัวเองออกมา

“ไม่ตอบก็ได้นะ แต่ต้อง…” เขาไม่คืนมือให้เธอแถมดึงเธอเข้ามาใกล้

“ตอบ ๆๆๆๆ “ เธอตกใจ! รีบพูดรัวเร็วปรื๋อ เหมือนจะรู้ว่าเขาจะดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้อีกครั้ง

ชายหนุ่มยิ้ม “ว่าไงล่ะ รีบพูดมา เดี๋ยวเปลี่ยนใจนะ”

“ก็…ก็…” เธอพูดตะกุกตะกัก คอมันเริ่มตีบตันชอบกล

“ก็…รู้สึกเหมือนนายน่ะ นายรู้สึกยังไง ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น” กว่าจะหลุดคำพูดนั้นออกไปได้ แล้วรีบดึงมือตัวเองออกมา ถอยตัวเองออกไปยืนห่าง ๆ ในระยะที่คิดว่าวิ่งหนีได้ทันแน่นอน

ปฏิการฟังคำตอบของเธออย่างนึกขำ เขารู้ว่าเธอพยายามเลี่ยงตอบอย่างอ้อม ๆ ไม่ยอมบอกออกมาตรง ๆ ด้วยคำ ๆ เดียว คำนั้น

“ปริม…ขอกอดทีหนึ่งได้ไหม…”

“บ้า!! ห้ามนะ!! บอกแล้วไงว่าห้ามมาถูกเนื้อต้องตัวฉันนะ แล้ว…นาย…ก็…กอดฉันไปตั้งหลายทีแล้วด้วย” ประโยคสุดท้ายพูดอ้อมแอ้มไม่ค่อยเต็มเสียง ความรู้สึกอายมันขึ้นมาเกาะกุมจิตใจอีกแล้ว

“ที่ผ่านมาฉันกอดเธอด้วยความเป็นห่วง เต็มไปด้วยความกังวลใจ เป็นทุกข์ใจทุกครั้งเลย อยากกอดเธอด้วยความสบายใจ มีความสุขสักครั้งไม่ได้หรอ” เขาพยายามอ้อน เท้าค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาเธออย่างช้า ๆ

“ไม่ได้!! ไปกอดคนอื่นดิ ฉันอนุญาต” เธอตอบเสียงเข้ม ใจคอรู้สึกไม่ค่อยดี

“บ้าดิ ฉันไม่ได้อยากกอดคนอื่นซักหน่อย” ชายหนุ่มทำหน้างอที่เธอไล่เขาไปกอดคนอื่นแบบนี้

“อยากกอดปริมคนเดียวนะ”

“ที่นายมาทวงสัญญาขอเป็นแฟนกับฉัน เพื่อจะเอามาอ้างขอมาทำแบบนี้กับฉันรึไง” ปริมถามเสียงแข็ง คิดว่าได้เป็นแฟนแล้วจะมีสิทธิ์มาล่วงเกินเธอได้งั้นหรือ? แค่แฟนน่ะ ไม่มีสิทธิ์นะ จะบอกให้!

“เฮ้ย! ไม่ใช่! นะ ปริม อย่าเข้าใจผิด” ชักจะไปกันใหญ่แล้ว

“ฉันอยากมีเธอเป็นแฟน เพราะรู้สึกว่าเวลาอยู่ใกล้เธอแล้วฉันมีความสุข มีกำลังใจต่างหาก ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย”

มองดูสีหน้าตึง ๆ ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว รู้ดีว่าคงไม่มีทางผ่านกฏเหล็กข้อนี้ของเธอไปได้ เขาไม่ควรดันทุรังที่จะเห็นแก่ตัวต่อไป และกลัวที่สุดคือ กลัวเธอจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เธออีก

“เฮ้อ…ช่างเถอะ ไม่กอดก็ได้ ฉันล้อเล่นนะปริม งั้นนั่งคุยกันนะ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ปริมก็พอ ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว จริง ๆ นะ”

“โอ๊ย!! “ ปริมตะโกนลั่นพร้อมกับกระโดดโหยง ราวกับถูกอะไรกัดเข้าที่เท้า

“เป็นอะไรหรอ!!” เขามีสีหน้าตกอกตกใจ

“มดกัด…ด!!“

ปริมหัวเราะ “ก็พูดซะหวานขนาดนี้ มดมันขึ้นแล้ว เดี๋ยวฉันไล่มดไม่ทันนะ มาเป็นโขยงเลย”

ปฏิการอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้

“ปฏิการ…นายไม่เบื่อฉันบ้างหรอ ฉันทำไม่ดีกับนาย ทำตัวไม่น่ารักกับนายไว้ตั้งเยอะนะ”

“อืม…ฉันคิดว่าการที่เราจะรักใครซักคนเราต้องยอมรับในความไม่ดี และจุดบกพร่องของคนที่เรารักด้วย ต้องรักความไม่ดีของเขาด้วย ฉันรู้ว่า ปริมกำลังทดสอบความเพียรพยายาม ความหนักแน่นมั่นคงของจิตใจของฉันอยู่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกตรง ๆ ว่า เคยพยายามจะลืมเธอหลายครั้งแล้ว แต่…ฉันไม่เคยทำได้เลย เธอยังอยู่ในใจฉันเสมอ”

ปริมยิ้ม รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ที่มีคน ๆ หนึ่งพร้อมจะดีกับเธอ พร้อมจะยอมรับสิ่งที่เธอเป็น พร้อมจะให้อภัยเธอเสมอ และไม่เคยโกรธเธอเลย เขาเป็นคนที่แสนดีสำหรับเธอเสมอ เป็นคนที่เธอควรจะ “รัก”

“ขอบใจนายมากนะ ที่ดีกับฉันมาตลอด ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับนายด้วยนะ” เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าสบสายตาของเขาที่มองมาตรง ๆ แบบนี้

ปฏิการมองเธอด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยความสุข เกือบสามปี นับจากวันเริ่มคำสัญญา ความเพียรพยายาม ความอดทนของเขาไม่ได้ไร้ความหมาย หรือสูญเปล่าเลย หากแม้วันนี้มันอาจจะไม่มีความหมายกับเธอเลย เขาก็ไม่เสียใจ เพราะการได้อยู่ใกล้ ๆ เธอตลอดมา เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเขาที่สุดแล้ว

วันนี้…เขามองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาสวยคู่นั้นของเธอแล้ว…

ตุลาคม-พฤศจิกายน 2538
ปรับปรุงใหม่ 27-5-47



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2556, 18:54:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2556, 18:54:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1357





<< ตอนที่ 10   
พราวชมพู 19 ธ.ค. 2556, 19:29:08 น.
สนุกดีค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน รออ่านเรื่องใหม่นะคะ ^ ^


ริเศรษฐ์ 19 ธ.ค. 2556, 19:55:38 น.
ขอบคุณนะคะ ที่ชอบ ^_____^


Kazalong 24 ธ.ค. 2556, 21:58:36 น.
เรื่องราวน่ารักมากๆคะ รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ


ริเศรษฐ์ 25 ธ.ค. 2556, 00:04:20 น.
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ลองอ่านเรื่องอื่น ๆ ที่ลงไว้ก่อนหน้านี้ไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account