จอมสลัดร้ายพ่ายเสน่หา
โทมัส มอลต้า ผู้ก่อตั้งรอยัลมอลตากรุ๊ป เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกาได้เข้าไปเทกร์โอเวอร์ บริษัทอดัม เทรเวล ซึ่งเป็นบริษัทของเดวิท อดัมเพื่อนของโทมัส ซึ่งขาดสภาพคล่องทางการเงินเมื่อหลายปีก่อน ในการบริหารงานของเดวิทในระยะแรกๆ ได้สร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นที่น่าพอใจ แต่มาระยะหลังๆ ผลประกอบการเริ่มแย่ลงและมีการทุจริตเกิดขึ้น โทมัสจึงให้อลัน บอดีการ์ดคนสนิทของ เวลสัน มอลต้าบุตรชายไปว่าจ้างแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีของอดัมเทรเวล และขณะนั้นโทมัสได้วางมือจากงานและได้ถ่ายโอนอำนาจบริหารของรอยัลมอลต้าทั้งหมดให้กับเวลสันบุตรชายขึ้นบริหารแทน ส่วนตัวเขายังคงนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาเท่านั้น
เมื่อแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของอดัมเทรเวล โดยมีเนตรนารีซึ่งเป็นน้องสาวภรรยา ที่เพิ่งจบการศึกษาด้านบัญชีจากเมืองไทยเป็นผู้ช่วย ได้พบหลักฐานการทุจริตโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกในคิวบาเป็นจำนวนเงินเกือบร้อยเจ็ดสิบล้านบาท ทำให้คนที่อยู่เบื้องกลัวความผิด จึงคิดฆ่าปิดปากแอนดูร์และครอบครัว
เมื่อรู้ว่ามีคนปองร้ายแอนดูร์ จึงให้หลักฐานทั้งหมดกับเนตรนารีนำไปให้กับโทมัส มอลต้า เนตรนารีออกจากบ้านไม่นานแอนดูร์และจิตตาภาพี่สาวของเธอก็ถูกฆ่าตาย และบ้านถูกเผาเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด จากนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังได้ส่งคนตามล่าตัวเนตรนารีเพื่อทำลายหลักฐานและฆ่าปิดปากเธอด้วยเช่นกัน
เนตรนารีหนีไปอยู่กับมิเชลล์และวลัยที่คอนโด ก็ถูกกลุ่มมือปืนตามไปทำร้ายดีว่าผู้กองบารอนเจ้าของคดีและอลันตามไปช่วยไว้ทัน บารอนจึงส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปคุ้มกันพยานตลอดยี่สิบชั่วโมง ทันทีที่อลันพบเนตรนารีเวลสันสั่งให้พาเธอไปพบเขาทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะหญิงสาวได้ออกจากคอนโด ไปอยู่ที่บ้านเกิดบิดาแถบชานเมือง เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักได้รับอันตรายไปด้วย
เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เนตรนารีได้ส่งหลักฐานให้กับโทมัสทางอีเมลโดยไม่เปิดเผยตัวแต่ใช้นามปากกา กุญแจปริศนาแทนเพื่อความปลอดภัย โทมัสจึงได้ให้เวลสันจัดการเรื่องนี้แทน เมื่อเวลสันได้รับข้อมูลจึงให้อลันหากุญแจปริศนาดอกนี้ทันที
เมื่อรู้ที่อยู่ของกุญแจปริศนาเวลสันกับอลันก็ตามไป เพื่อจะเอาหลักฐานทั้งหมด แต่คนร้ายก็รู้เช่นเดียวกันจึงตามไปจับตัวหญิงสาวไป แต่เวลสันและอลันช่วยไว้ทันและพาเธอไปอยู่ที่เกาะโกซูเมล ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเวลสัน และที่นั่นเวลสันคือโจรสลัดเวลคลาส ที่คอยปล้นเรือบรรทุกสินค้าผิดกฎหมาย จนได้ฉายาจอมสลัดร้ายแห่งคาริบเบียน แต่จุดประสงค์หลักของเวลสันก็เพื่อควบคุมเส้นทางเดินเรือของรอยัลมอนต้ากรุ๊ปด้วยตัวเอง และเขาชอบออกทะเลมากกว่าที่จะนั่งบริหารอยู่บนโต๊ะ ดังนั้นหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในรอยัลมอนต้ากรุ๊ปจึงตกอยู่ที่อลันทั้งหมด เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นก็เข้าใจผิด คิดว่าเวลสันเป็นพวกเดียวกับคนที่ตามฆ่าเธอจึงพยายามหาทางหนีอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งโทมัสเดินทางมาที่เกาะ เนตรนารีถึงได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเวลคลาสคือเวลสัน มอลต้าผู้บริหารคนปัจจุบันของรอยัลมอลต้ากรุ๊ปและยังเป็นบุตรชายคนเดียวของโทมัสอีกด้วย โทมัสได้กล่าวแสดงความเสียใจและขอบคุณเธอ ที่คอยส่งข้อมูลการทุจริตให้เขาในนามของกุญแจปริศนา
เมื่อรู้ความจริงเกี่ยวกับเวลสัน เนตรนารีจึงยื่นข้อเสนอให้เขาปล่อยเธอไป โดยแลกกับข้อมูลการทุจริตที่เหลือ เวลสันตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะไปได้ก็ต่อเมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทำให้เนตรนารีไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่สาเหตุสำคัญที่เวลสันไม่ยอมปล่อยเธอไปเพราะเขาห่วงและรักเธอเข้าให้แล้ว จึงพยายามรั้งตัวเธอเอาไว้
วันหนึ่งเวลสันได้ทราบข่าวว่า เรือของอดัมเทรเวลมีของผิดกฎหมายอยู่บนเรือ เวลสันในนามของจอมสลัดเวลคลาส จึงพาลูกเรือออกปล้นและได้พบอาวุธสงครามจำนวนมาก ปะปนกับสินค้าที่จะไปส่งที่ท่าเรือในคิวบา เวลสันจึงลากเรือของอดัมเทรเวทกลับไปให้บารอนจัดการเรื่องต่อ คนที่เป็นเจ้าของอย่างเดวิทอดัมก็ออกมาปฏิเสธและโยนความผิดให้กับแอนดูร์และเนตรนารี โดยกล่าวหาว่าแอนดูร์พบหลักฐานการทุจริตบางอย่างและใช้มันข่มขู่เขา จนต้องยอมขนอาวุธพวกนี้ไปส่งให้แอนดูร์ที่คิวบา และเดวิทพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการฆาตกรรมแอนดูร์ เป็นเรื่องของการหักหลังกันเองในกลุ่ม ทำให้บารอนต้องอายัดเรือของอดัมเทรเวลไว้จนกว่าคดีจะจบ เดวิทจึงให้โจรสลัดฮามานดาล ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและมีความแค้นเป็นการส่วนตัวกับบารอน พาลูกเรือไปลักลอบขนอาวุธออกมา
จากข้อมูลที่ได้มาจากเนตรนารีและอาวุธสงครามที่พบในเรือของอดัมเทรเวล เวลสันพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจนกระทั่งรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ เดวิท อดัมเพื่อนพ่อบิดา โดยยักยอกเงินไปซื้ออาวุธสงครามไปต้านต่อรัฐบาลในบ้านเกิดที่ลิเบีย
เนตรนารีรู้เรื่องคดีจึงขอไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ด้วยการออดอ้อนเวลสันจนเขายอมใจอ่อนและเธอก็ได้ตกเป็นของเขาไปด้วย เวลสันยกตำแหน่งประธานบริหารอดัมเทรเวลให้กับเนตรนารี เพื่อให้เธอหาหลักฐานเอาผิดคนชั่วภายใต้การดูแลของเขาและการ์ดมอลต้า แต่สุดท้ายเนตรนารี มิเชลล์และวลัยถูกจับตัวไป เวลสัน บารอนและอลันตามไปช่วยและจัดการกับเดวิทและผู้ร่วมขบวนการได้สำเร็จ
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเวลสันยังไม่หายโกรธเนตรนารี ที่ทำอะไรไม่บอกจนถูกจับตัวไป ชายหนุ่มจึงทำทีหมางเมินกับเธอหลังเกิดเรื่อง เนตรนารีน้อยใจหนีออกจากบ้านมอลต้าไปอยู่กับวลัย ทำให้เวลสันทนคิดถึงไม่ได้จึงตามไปง้องอน เรื่องราวในจะสนุกแค่ไหนติดตามชมกันในแต่ละตอนได้ค่ะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: กุญแจปริศนา

หลังจากมิเชลล์และวลัยออกไปทำงานแล้ว เนตรนารีก็เขียนจดหมายทิ้งไว้บนโต๊ะเพื่อบอกลา เหตุผลที่เธอต้องทำแบบนี้เพียงเพราะไม่อยากให้เพื่อนมีอันตราย เพราะตราบใดที่หลักฐานต่างๆ ยังไม่ถูกทำลาย พวกมันก็ไม่หยุดตามล่าเธอเช่นกัน
ร่างโปร่งระหงของเนตรนารีสวมกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตสีขาว มีหมวกแก๊ปสวมทับบนศีรษะเพื่อปิดบังใบหน้า เดินผ่านประตูคอนโดออกมายืนหันรีหันขวางอยู่ริมฟุตบาท ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นรถแท็กซี่วิ่งมาส่งผู้โดยสารหน้าประตูคอนโด พอผู้โดยสารก้าวลงจากรถ ร่างโปร่งระหงก็ก้าวขึ้นไปนั่งแทนที่และสั่งคนขับให้ออกรถทันที
วลัยและมิเชลล์กลับมาถึงห้อง พบจดหมายที่เนตรนารีเขียนทิ้งไว้ ก็ขับรถตระเวนหาเพื่อนรักทั่วเมืองแต่ก็ไม่พบ มิเชลล์จำต้องไปขอแรงตำรวจมือปราบคู่ปรับเก่าของเธอ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเบาๆ อย่างเกรงใจของนายตำรวจหน้าห้อง ทำให้ผู้กองบารอนเหลือบตาขึ้นไปมองแล้วเอ่ยอนุญาต
“เชิญ...” สิ้นเสียงประตูก็เปิดออก ตามด้วยตำรวจร่างใหญ่คนหนึ่งพาสองสาวเดินเข้ามา แต่เจ้าของห้องก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมอง “มีอะไรจ่า...”
“เอ่อ...มีนักข่าวกับนักเขียนมาขอพบครับผม...” ผู้ใต้บังคับบัญชายืดอกรายงาน แต่ผู้บังคับบัญชาก็ไม่มีทีท่าจะสนใจสักนิด มิเชลล์หงุดหงิดในหัวใจจนอยากจะหาอะไรสักอย่าง จัดการกับผู้กองคู่อริให้สลบคามือ… ประชาชนมาร้องทุกข์ยังไม่สนใจอีก...
“บอกกลับไปก่อน วันนี้ไม่มีอะไรให้สัมภาษณ์ ...” พอได้ยินเพียงเท่านั้น มิเชล์ถึงกับลมออกหูอย่างโมโห ตบโต๊ะทำงานผู้กองหนุ่มอย่างโมโห
“นี่ผู้กองบารอน เงยหน้าขึ้นสักนิดได้ไหม ฉันกับเพื่อนยืนเมื่อยจะตายอยู่แล้ว…” เสียงหวานแว้ดของผู้มาใหม่ เรียกความสนใจของผู้กองหนุ่มให้ละสายตาจากเอกสารทันที
“นึกว่าใคร คุณวลัยนั่นเองมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ...” บารอนทำทีมองไม่เห็นมิเชลล์ หันไปพูดกับวลัยอย่างสุภาพ
“เนตรหนีออกจากบ้านค่ะ ไม่รู้ไปไหนโทรหาก็ไม่ติด ฉันกับมิเชลล์เป็นห่วงก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากผู้กองนี่แหละ...”
“เมื่อไหร่ครับ...” บารอนขยับตัวถามด้วยสีหน้ากังวล ไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย บารอนนั่งฟังรายละเอียดจากสองสาว แล้วลุกไปสั่งงานลูกน้องให้ออกตามหาเนตรนารี จากนั้นก็โทรศัพท์หาอลันอย่างร้อนใจ

ท้องฟ้าในยามค่ำคืน ยังคงประดับประดาไปด้วยแสงของดวงดาว ส่องสว่างระยิบระยับเป็นเพื่อนกับดวงจันทร์เสี้ยว ที่ลอยอยู่บนม่านฟ้าสีเงิน แต่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ เวลสันยังคงนั่งอ่านรายละเอียดของอดัมเทรเวลเพื่อหาหลักฐาน เอาผิดคนที่กล้ายักยอกเงินบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเอง
เมื่อเห็นเงินเกือบร้อยยี่สิบล้านถูกใช้จ่ายไปอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ คิ้วหนาที่ทอดขนานกับดวงตาคมยกขึ้นอย่างแปลกใจ…บัญชีมีเงื่อนงำขนาดนี้ ผู้ช่วยตรวจสอบบัญชีคนนั้นจะบอกว่าปกติได้ยังไงกัน...หรือว่าเธอกลัวจนไม่กล้าบอกความจริงกับเขากันแน่…
ขณะที่เวลสันกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้น เรียกให้ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นแนบหู แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไรเสียงคนโทรเข้ามาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เธอหนีไปแล้วครับ คนของเราตามไปไม่ทัน...” มือหนากำกระบอกโทรศัพท์แน่น ดวงตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
“ตามหาเธอให้เจออลัน ฉันเชื่อว่าเธอมีหลักฐานบางอย่าง ที่จะทำให้เราสาวถึงพวกโลภในอดัมเทรเวล...” เวลสันบอกเสียงเข้ม และเขาก็เชื่อว่าลูกน้องคนสนิทอย่างอลันจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน แต่เวลสันหารู้ไม่ว่าคนที่เขากำลังตามหาบัดนี้มายืนอยู่ใกล้แค่กำแพงกั้น
ในเวลานั้นเนตรนารีเดินเลาะเลียบไปตามผนังกำแพงสูง ดวงตาคมโตมองการ์ดสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู วันนี้เธออุส่าห์เสี่ยงอันตรายมาถึงวิลล่าของตระกูลมอลต้า เพียงเพื่อมาพบกับคุณโทมัสและเอาหลักฐานทั้งหมดให้ คนร้ายจะได้ถูกลงโทษเสียที
เนตรนารีซ่อนตัวอยู่ห่างจากประตูเหล็กไม่มากนัก สายตาคมโตมองความเคลื่อนไหวที่ประตูใหญ่ตาไม่กระพริบ แม้จะซุกกายอยู่ในพุ่มไม้อย่างมิดชิด แต่สุดท้ายการ์ดก็หันไปเห็นเธอจนได้ หญิงสาวจึงรวบรวมความกล้าเดินไปเผชิญหน้า โดยมีกระเป๋าเป้คล้องอยู่บนบ่า การ์ดร่างยักษ์คนหนึ่งสอดมือเข้าไปในเสื้อสูทเพื่อหยิบอาวุธประจำตัว
“อย่านะคะฉันมาดี...” เนตรนารียกมือเสมอไหล่ ก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าอย่างระวังตัว การ์ดหน้าประตูมองไปรอบๆ บริเวณ พอเห็นเธอมาคนเดียวจึงถามอย่างแปลกใจ
“มีธุระอะไรแถวนี้หรือเปล่าครับคุณผู้หญิง…”
“ฉันมาขอพบคุณโทมัส ท่านอยู่หรือเปล่าคะ…”
“ท่านไปต่างประเทศครับอีกหลายวันกว่าจะกลับ…” เนตรนารีเม้มริมฝีปากอย่างผิดหวัง อุตส่าห์เสี่ยงตายออกมาหายังไม่เจอ จะทำยังไงล่ะที่นี้นี่ก็มืดแล้วด้วย..หญิงสาวคิดอย่างหวั่นๆ
ขณะที่เนตรนารียืนลังเลอยู่นั้น รถคันหนึ่งก็วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ไฟหน้าเปิดสว่างจ้าจนเธอต้องยกมือป้องแสง พอเห็นคนชุดดำเจ็ดคนยืนถือปืนอยู่บนกระบะท้ายเธอก็รีบวิ่งหนี ไม่ถึงเสี้ยวนาทีพวกมันก็กราดกระสุนเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง เนตรนารีวิ่งหนีเข้าไปในดงหญ้าข้างถนน การ์ดสองคนหลบเข้าไปในป้อมยิงต่อสู้อย่างดุเดือด
ปุๆๆๆๆๆๆ...ปังๆๆๆๆๆ...” เสียงปืนทำให้การ์ดคนอื่นๆ วิ่งเข้ามาช่วย จังหวะนั้นอลันก็กลับมาพอดีจึงช่วยยิงใส่คนร้ายตายไปสอง เวลสันถือปืนวิ่งลงบันไดมา นัยน์ตาสีน้ำเงินมองการต่อสู้อย่างโกรธแค้น...ใครกล้ามาเหยียบเขาถึงถิ่นแบบนี้…
เวลสันวิ่งออกไปหลบข้างกำแพง ตามองรถกระบะสีดำและยิงเข้าใส่ ชายชุดดำที่หลบอยู่ข้างรถล้มลงไปหนึ่ง อลันเห็นเจ้านายหนุ่มอยู่ไปไกลก็วิ่งเข้าไปหา
“เล่นกีฬายิงปืนตอนค่ำแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับบอส..” ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มกับคำพูดล้อเลียนของคนสนิท ขณะยิงโต้ตอบออกไปเวลสันก็ชะงักเมื่อเห็นบางอย่าง เคลื่อนไหวอยู่ในพงหญ้าด้านนอก
“ระวังหลังให้ด้วย...” พูดจบร่างสูงสง่าก็วิ่งออกไป โดยมีสายตาของอลันมองตามอย่างเป็นห่วง เวลสันมองทิศทางการล้มของต้นหญ้าและเดินลุยเข้าไป เสียงปืนเงียบลงแสดงให้รู้ว่าอลันกับการ์ดมอลต้า จัดการศัตรูเรียบร้อยโรงเรียนนรกไปแล้ว
เมื่อไม่มีเสียงปืน รอบบริเวณก็เงียบสงัด เนตรนารีจึงได้ยินเสียงฝีเท้าดังอยู่ไม่ห่าง รองเท้าผ้าใบจึงก้าวข้างหน้าเร็วขึ้นเพื่อให้ไปโผล่ถนนอีกฟาก โชคดีที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟบนเสาไฟฟ้าส่องนำทาง ทำให้เธอเดินไปได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นผลดีกับเธอนัก เมื่อคนตามเร่งฝีเท้ามาทันจนเห็นแผ่นหลังบางเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า
“หยุด...” เสียงเข้มดังอยู่ข้างหลัง มีผลให้เท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้าสับขาวิ่งหนีสุดกำลัง เวลสันวิ่งตามจนทันและคว้าข้อมือบางได้สำเร็จ
“ว้าย...ปล่อย…” เนตรนารีสะบัดแขนเต็มแรง เวลสันชาวาบไปทั้งตัวไม่คิดว่าคนร้ายจะกลายเป็นผู้หญิงไปได้ ดวงตาคมเข้มจ้องใบหน้ารูปหัวใจเนียนละเอียดตาไม่กระพริบ
“ผู้หญิงนี่หว่า…” เขาอุทานออกมาเบาๆ และไม่ทันระวังตัว กระเป๋าเป้ใบใหญ่ก็เหวี่ยงไปกระทบใบหน้าคมจนชาราวกับถูกฝ่ามือฟาดลงบนหน้า “โอ้ย…” ความเจ็บทำให้เวลสันคลายมือออก พอหันหน้ากลับมาเนตรนารีก็อาศัยจังหวะได้เปรียบ สวนหมัดไปที่เบ้าตาซ้ายเต็มแรงแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เวลสันคว้ามือบางไว้แต่ก็ไม่ทัน แววตาคมดุดันขึ้นอย่างน่ากลัว
“บอสเป็นยังไงบ้างครับ...” อลันและการ์ดอีกสี่คนวิ่งตามมาสมทบ เวลสันสะบัดศีรษะไล่ภาพพร่ามัวที่เกิดจากหมัดของโจรสาวสองสามครั้ง แล้วคำรามออกมาอย่างโมโหสุดขีด
“คนร้ายเป็นผู้หญิง เพิ่งวิ่งหนีไปเมื่อกี้…” การ์ดเฝ้าประตูหันมองหน้ากันเลิ่กลัก แล้วตัดสินใจรายงานเจ้านายทันที
“น่าจะเป็นผู้หญิงที่มาขอพบนายใหญ่เมื่อสักครู่แน่ๆ..” อลันยกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เพราะมือปืนที่ตายไป ฝีมือระดับพระกาฬทั้งนั้น ในการทำงานแต่ละครั้งนักฆ่าผู้หญิง จะถูกส่งไปทำงานแบบประชิดตัวเป้าหมายมากกว่า
“ผู้หญิงที่ไหน..” อลันถามต่อ
“เมื่อสักครู่นี้มีผู้หญิงคนหนึ่ง มาขอพบนายใหญ่ครับคุณอลัน พอผมถามว่าต้องการพบเรื่องอะไร เธอยังไม่ทันได้ตอบ คนพวกนั้นก็กราดยิงมาซะก่อน พวกมันต้องการจะฆ่าเธอมากกว่าจะมาหาเรื่องเราครับ…” การ์ดกล่าวสรุป เวลสันถึงกับอึ้งไปไม่คิดว่าคนที่ตามหาจะมาหาถึงที่ มือหนาคลึงดวงตาข้างซ้ายเพื่อให้คลายความเจ็บ
“ให้คนของเราออกตามหาให้เจอ เธอคงไปได้ไม่ไกล…” เวลสันสั่งหน้าเครียด ขณะเดินตรงไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด อลันรีบตามเข้าไปแล้วหาภาพเหตุการณ์เมื่อสามสิบนาทีที่ผ่านมา
ไม่ถึงสามนาทีภาพร่างโปร่งระหง สวมชุดทะมัดทะแมงคล้ายผู้ชายก็ปรากฏขึ้นบนจอภาพ หมวกแก๊ปบนศีรษะปิดบังใบหน้าเอาไว้จนมองจากกล้องไม่ชัด
“ซูมเข้าไปใกล้อีกหน่อยอลัน...” อลันกดแป้นสองสามครั้งภาพใบหน้าหญิงสาวก็ชัดเจนขึ้น ทั้งเวลสันและอลันจ้องใบหน้าคมสวยด้วยความรู้สึกต่างกัน
“คุณเนตรนารี...” อลันเรียกชื่อเธอเสียงต่ำ เวลสันสบตาคมโตของคนในภาพด้วยแววตาครุ่นคิด “คุณเนตรคงมาขอพบคุณท่านเรื่องอดัมเทรเวล…”
“บ้าชิบ…คลาดกันจนได้..” เวลสันสยบเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมกับอลัน “คนของเราออกจากคอนโดเพื่อนเธอหรือยัง…”
“ยังครับ แต่ผมว่าเธอคงไม่กลับไปที่นั่น เพราะเธอกลัวว่าคุณมิเชลล์กับคุณวลัยจะเดือดร้อนไปด้วย...”
“ตัวนิดเดียวจะมีกำลังหนีรอดสักกี่วัน…” เวลสันบอกอย่างไม่ต้องการคำตอบ หากน้ำเสียงฟังดูห่วงใยพิกลจนคนฟังรู้สึกแปลกใจ
“ถึงเธอตัวนิดเดียวก็เกือบล้มจอมสลัดชื่อดังได้นะครับบอส…” อลันอมยิ้มอย่างอดขำไม่ได้เมื่อเห็นขอบตาซ้ายเริ่มเขียวซ้ำขึ้นมาให้เห็น เวลสันขึงตามองลูกน้องอย่างคาดโทษก่อนจะยกมือกดคลึงเบาๆ เพื่อบรรเทาความเจ็บ ดวงหน้าเนียนสวยกับแววตาหวั่นๆ ของเธอเด่นชัดขึ้นมาในห้วงคำนึง

เมื่อหลุดออกมาจากเหตุการณ์ระทึกใจได้สำเร็จ เนตรนารีก็นั่งรถแท็กซี่ หนีความวุ่นวายของสังคมเมือง ไปยังชนบทที่อยู่ห่างจากเม็กซิโกซิตี้ออกไปเกือบห้าสิบกิโล รถแท็กซี่สีเขียวคาดเหลืองวิ่งผ่านรั้วไม้สีขาวเข้าไปจอดหน้าบ้านไม้หลังเล็กๆ น่ารักที่ปลูกอยู่บนเนินดิน หญิงสาวจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อย คนขับก็ลงไปช่วยยกกระเป๋าใบเล็กสองใบ ไปวางไว้ที่หน้าบันไดแล้วขับรถออกไป
เนตรนารียืนมองรอบๆ ตัวบ้าน ดอกไม้ในกระถางยังคงออกดอกสะพรั่ง วางเรียงรายอยู่หน้าระเบียง บ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่บิดาชาวอเมริกันทิ้งไว้ให้เธอกับพี่สาว ดวงตาคมหม่นเศร้าลงทันทีเมื่อคิดถึงคนที่จากไป หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง จากนั้นก็เดินสำรวจรอบบ้าน โชคดีที่แอนดูร์กับพี่สาวของเธอจ้างคนดูแลเป็นประจำ ทำให้สภาพบ้านสะอาดสะอ้านน่าอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเดินสำรวจบ้านและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเสร็จ เนตรนารีก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายก็สดชื่น พอสมองปลอดโปร่งร่างงามก็เดินออกไปรับลมที่ระเบียงหน้าห้องนอน จิตใจที่เคร่งเครียดมาตลอดทั้งวันก็รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ดวงตาคมโตมองพระจันทร์ดวงใหญ่ ที่ลอยอยู่เหนือยอดไม้ด้วยหัวใจทุกข์ระทม หญิงสาวรู้สึกหนักใจกับอนาคตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของตัวเอง เพราะยังไงเสียพวกมันคงตามเก็บกวาดหลักฐานไม่เลิก ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย เธอต้องรีบเอาหลักฐานไปให้โทมัส มอลต้าเร็วที่สุดเพื่อจะได้เอาผิดกับคนชั่วพวกนั้น ส่วนตัวเธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเสียที…
เนตรนารีเดินกลับเข้าไปในห้อง มือคว้ากระเป๋าเป้ไปวางลงบนเตียงนอน ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบคอมพิวเตอร์ตัวเล็กแต่ทรงประสิทธิภาพที่พี่เขยทิ้งไว้ให้ออกมา ปลายนิ้วเรียวสวยกดแป้นคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่วเพื่อส่งข้อมูลบางอย่างออกไป

หลังจากเหตุการณ์ยิงถล่มจบลง เวลสันก็เข้าไปนั่งทำงานในห้อง สมาธิที่เคยจดจ่ออยู่กับงานเริ่มหายไป ดวงหน้ารูปหัวใจที่สะดุดตาของเนตรนารีวิ่งวุ่นอยู่ในหัว ร่างสูงกระแทกแผ่นหลังกับพนักพิง ในขณะที่ปากกาในมือกระแทกลงบนโต๊ะ ตามด้วยเสียงถอนลมหายใจดังออกมาอย่างหงุดหงิด ครั้นจะหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิให้กลับมา ปรายหางตาก็เหลือบไปเห็นซองจดหมายสีขาว กระพริบอยู่มุมขวาบนสุดของคอมพิวเตอร์ คิ้วหนาขมวดขึ้นสูงปลายนิ้วแกร่งกดเข้าไปดูข้อความในจดหมายอย่างสนใจ
“กุญแจปริศนา...” เวลสันอุทานชื่อคนส่ง แล้วรัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อเปิดไฟล์ที่แนบมาอย่างใคร่รู้
“โอ้...พระเจ้า…” เวลสันอุทานอย่างตื่นเต้น สายตาจ้องมองตัวเลขที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแปลกใน เพราะมันคือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีของอดัมเทรเวล ดวงตาคมเข้มมองแถบสีแดงซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ถูกถ่ายโอนไปจากบัญชีรายรับของบริษัท โดยไม่มีรายละเอียดชี้แจงเอาไว้ นิ้วแกร่งพิมพ์ข้อความตอบกลับไปหาเจ้าของนามปากกากุญแจปริศนาทันที
“ขอบคุณสำหรับข้อมูล คุณเป็นใคร ได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหน...” พิมพ์เสร็จเวลสันก็กดส่งออกไป รอไม่นานอักษรภาษาอังกฤษถูกพิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เวลสันจ้องตาไม่กระพริบและอ่านทุกคำพูดอย่างละเอียด
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอก แค่อยากช่วย ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมจะส่งไปให้เรื่อยๆ แต่มีข้อแม้ว่าคุณต้องจัดการกับคนพวกนั้นให้ได้เพื่อคนที่ตายไปแล้วและคนที่ยังมีลมหายใจอยู่...กุญแจปริศนา...” เวลสันอ่านข้อความแล้วยกหูโทรศัพท์ส่งงานให้อลันทันที
“อลันตรวจสอบเมลปลายทางด้วย ฉันต้องการรู้เรื่องภายในสองชั่วโมง...” เขาสั่งสั้นๆ แล้ววางสาย สายตาจับจ้องข้อมูลที่ปรากฏบนจออย่างสนใจ ข้อมูลที่คนส่งมาเป็นเหมือนกุญแจดอกสำคัญ ที่จะทำให้เขาสืบหาเส้นทางการเงินของอดัมเทรเวลที่หายไปได้
เมื่อรู้ว่าบริษัทอดัมเทรเวลมีผลกำไรมากพอสมควร แต่ถูกคนในกลบเกลื่อนตัวเลขยักยอกเงินเข้ากระเป๋า เวลสันถึงกับลมออกหูอย่างโกรธแค้น...เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขาสะเทือนสักนิด แต่ที่ต้องเร่งจัดการคนผิดก็เพื่อสองชีวิตที่สูญเสีย กับอีกหนึ่งลมหายใจที่เหลืออยู่นั่นต่างหาก และคนที่กล้าหักหลังมอลต้า ต้องได้รับบทเรียนแสนสาหัสหรืออาจหมดแม้กระทั่งลมหายใจ…แต่สิ่งที่กัปตันหนุ่มแห่งมอลต้าอยากรู้มากที่สุดตอนนี้ก็คือ เจ้าของนามปากกานี้เป็นใครกันแน่…
ไม่ถึงชั่วโมงเวลสันก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของนามปากกา กุญแจปริศนา จอมสลัดร้ายก็ไม่รอช้าที่จะไปหาคำตอบด้วยตัวเอง รถยุโรปคันหรูวิ่งออกจากคฤหาสน์กลางดึก ท่ามกลางการอารักขาของบอดี้การ์ดนับสิบคน
“ข้อมูลถูกส่งมาจากคอมพิวเตอร์แถวๆ ชานเมือง ห่างจากที่นี่ห้าสิบกิโลครับบอส...พอเราจับตำแหน่งได้ กล่องเมลก็ถูกบล็อกเหมือนรู้ว่าเรากำลังตรวจสอบอยู่...”
“หาตัวเนตรนารีเจอหรือยัง…”
“ยังครับ…คนของเรากับลูกน้องของบารอนกำลังสืบหาอยู่…” อลันรายงาน เวลสันอ่านประวัติของหญิงสาวคร่าวๆ แล้ววางไว้ข้างตัว
“รีบหาให้เจอก่อนที่เธอจะหายไปจากโลก...”
“บางทีกุญแจปริศนาดอกนี้อาจเกี่ยวข้องกับเธอก็ได้นะครับ” เวลสันขยับตัวมองสบตาคนสนิทด้วยแววตาเคร่งขรึม
“เร็วกว่านี้อีวานก่อนที่ทุกอย่างจะช้าเกินไป...” สิ้นคำสั่งจากนายใหญ่ รถก็ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มพิกัด แต่ก็ยังช้ากว่าใจของเวลสันที่วิ่งไปถึงจุดหมายก่อนตัวด้วยซ้ำ
เนตรนารีส่งข้อมูลเสร็จก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปนั่งที่เตียงกว้าง สายลมเย็นพัดวูบไหวผ่านช่องหน้าต่างเข้ามากระทบกาย หญิงสาวจึงเดินไปปิดหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มเคลื่อนไหวอยู่หน้าบ้าน มือบางรีบปิดหน้าต่างลงกลอนอย่างแน่นหนา ก่อนจะวิ่งไปล็อกประตูห้องนอน
เนตรนารีหยิบเครื่องช๊อตไฟฟ้าของวลัยออกจากกระเป๋า เสียงขยับประตูดังขึ้นเบาๆ ทำเอาเธอสะดุ้งกำเครื่องป้องกันตัวแน่น อึดใจต่อมาบานประตูก็เปิดออก ตามด้วยร่างของชายชุดดำสามคนเดินเข้ามา เนตรนารีก็ช๊อตพวกมันคนหนึ่งสั่นไปทั้งตัว
“อ๊าก!!...” มันร้องเสียงดังลั่น เนตรนารีใช้ไหล่กระแทกร่างคนร้ายล้มลง แล้ววิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง คนร้ายที่เหลือก็วิ่งตามเธอลงมา
“หยุดนะ จะหนีไปไหน...” มือหยาบกร้านของมันจับผมยาวไว้และกระชากเต็มแรง
“โอ้ย ปล่อยนะ ปล่อย...” เนตรนารีดิ้นหนีสุดกำลังแต่ก็ไม่หลุด เธอจึงยกเข่าขึ้นกระแทกกลางกล่องดวงใจของมันล้มลงไปนอนหน้าเขียวอยู่บนพื้น
“อ๊าก!นังสารเลว...” มันด่าทอด้วยความเจ็บปวด สายตามองหญิงสาวอย่างเคียดแค้น ร่างบางถอยห่างพวกมันอีกคนพุ่งเข้าไปหาอย่างโกรธแค้นแทนเพื่อน
“เพี๊ยะ...” ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนใบหน้าเธอจนชาไปทั้งแถบ ดวงตาดุดันมองมาอย่างเหี้ยมโหดแกมสะใจ
“ฤทธิ์มากนักนะมึง…” พูดจบมันก็ต่อยท้องเธอทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น ร่างใหญ่ผิวดำคล้ำย่างสามขุมเข้าไปหา ริมฝีปากคล้ำใต้หนวดหนาเหยียดยิ้ม แล้วเอื้อมมือหยาบกร้านไปจิกผมสลวยดึงให้ลุกขึ้น แต่แล้วมันก็ต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อมีกระสุนปริศนา วิ่งเข้าไปเจาะหน้าผากจนทะลุไปอีกด้าน
“อ๊าก…” เลือดสีแดงฉานไหลออกมาไม่หยุด พอเห็นเพื่อนถูกยิงไปต่อหน้า คนที่เหลือก็โกรธแค้น หันปลายกระบอกปืนไปหาคนมาใหม่หวังจะเอาคืน
“พวกมึง…” มันสยบได้เพียงเท่านั้นก็ต้องผละอย่างตกใจ มัจจุราชสีดำในมือของเวลสันและการ์ดนับสิบเล็งมาที่พวกมันเพียงจุดเดียว คนที่เคยไล่ล่าเมื่อตกเป็นฝ่ายถูกล่าถึงกับเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“จับไปรีดแล้วส่งไปติดคุกที่เกาะ...” กัปตันหนุ่มสั่งเสียงเข้ม ตาคมมองพวกมันอย่างเกรี้ยวกราด ร่างสูงเดินไปพยุงร่างบางลุกขึ้น เนตรนารีปรือตามองผู้มาใหม่และดิ้นหนีอย่างไม่ไว้ใจ เวลสันก้มมองใบหน้าชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อของหญิงสาว แก้มขาวซีดอาบไปด้วยคราบน้ำตา มือหนายกขึ้นปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงออกเพื่อให้เห็นเธอเต็มตา ดวงตาคมโตปรือมองใบหน้าคมเข้มที่ลอยอยู่ใกล้ๆ และเอนซบกับอกกว้างอย่างอ่อนแรง และสุดท้ายเธอก็ประคองสติต่อไปไม่ได้รอบกายดับวูบลง ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป



อิงทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2556, 06:59:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2556, 06:59:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 947





<< ปกป้องหัวใจ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account