ดวงใจพรต

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 6

สวัสดีปีใหม่ทุกคนค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา

แม้ไม่สมหวัง ก็อย่าท้อ จงสู้กันต่อไปค่ะ


ตอน 6


ร่างสูงของพรตยืนอยู่ตรงห้องโถงของอาคารเด ม็อตต้า สายตาเขามองภาพที่ติดอยู่บนผนัง ท้องฟ้าสีครามปกคลุมเมืองแฟชั่น คล้ายประกาศความยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง แต่คนที่ยืนอยู่ข้างเขานายมาเฟียหัวใจดอกไม้ ไม่สนใจภาพเหล่านั้น เพราะตวัดสายตาไปมองสิ่งรอบ เก็บรายละเอียดต่างๆตามหน้าที่บอร์ดี้การ์ด แล้วยืดตัวขึ้นตรง บ่งบอกให้พรตที่เห็นด้วยหางตารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น จึงดึงสายตากลับมาและได้เห็นคนที่เดินมาหา ซึ่งช่างหูตากว้างเสียจริง

“สวัสดีครับท่านประธาน ยินดีต้อนรับสู่ม็อตต้า”

“ผมยังไม่ได้เป็น”

“แต่การที่คุณมาวันนี้ ผมถือว่าคุณเป็นแล้ว ขอบคุณที่ทำเพื่อพวกเราและคุณอเล็กซ์”

คำพูดของทนายกัสโซ่ ทำให้มีรอยยิ้มบนสีหน้าของพรต และนั้นทำให้ทนายเฒ่ายิ้มกว้างอย่างดีใจเพราะแน่ใจแล้วว่าไอ้หนุ่มคนไทยรับตำแหน่งนี้แล้วแน่นอน และหันไปมองฝรั่งร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างเขา พรตจึงแนะนำให้รู้จัก

“ไมค์ ญาติของผมครับ”

ทนายกัสโซ่ยิ้มให้ทั้งที่ในใจสงสัยว่าญาติกันยังไง ถึงไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย แต่ก็ยื่นมือไปทักทาย ซึ่งไมค์ก็ยื่นมือมาจับ โดยไม่มีความสงสัยว่าทำไมพรตถึงแนะนำเขาอย่างนั้น เพราะตอนนี้เขาต้องดูแลพรตแบบไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติอยู่แล้ว

“เชิญครับ ทุกคนรออยู่”

พูดจบทนายกัสโซ่ก็เดินนำทั้งสองคนไปขึ้นลิฟต์ส่วนตัวของประธานคนเก่า พรตเดินตามไปพร้อมกับคิดว่าทนายกัสโซ่จัดเตรียมทุกอย่างไว้ราวกับรู้ใจเขาว่ายังไงต้องมารับตำแหน่งนี้แน่นอน หรือเขาไม่นิ่งพอ เสือเฒ่าจึงอ่านได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะทำให้คาดไม่ถึงเอง

พรตเดินตามทนายกัสโซ่มายังห้องประชุม เขาสบตาทุกคน ซึ่งก็เป็นคณะกรรมการที่เขาเคยเห็นแล้วในวันที่มารับฟังจดหมายปิดผนึกของอเล็กซ์ และอดัมที่ก้มหน้าทักทายเขา พรตยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นกันเองแล้วเริ่มทำงานทันที

“การประชุมโครงการน้ำมันที่เลื่อนไป จะจัดขึ้นอีกเมื่อไร ใครทราบบ้าง”

ทุกคนนิ่ง เพราะคิดไม่ถึงว่านายใหม่จะเปิดประเด็นได้แรงขนาดนี้ พลางปรายตามองหน้ากัน อดัมที่นิ่งกว่าใคร เพราะไม่ได้อคติอะไร จึงตอบว่า “เราต้องเชิญทุกฝ่ายมาประชุมกันก่อนถึงจะกำหนดวันได้”

“งั้นกำหนดไปเลยว่าพรุ่งนี้สิบโมงเช้า ม็อตต้าขอเชิญ เราจะได้ทำงานนี้ให้เสร็จสิ้นเสียที”

“มันเร็วไป พวกเขาจะเตรียมข้อมูลไม่ทัน” ริเซเน่ หนึ่งในกรรมการออกความเห็น
“แต่ก่อนหน้าจะมีอุบัติเหตุ ข้อมูลถูกเตรียมไว้หมดแล้วไม่ใช่เหรอ หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่กำหนดไว้ ถึงต้องเลื่อนเวลาออกไปอีก”

“ไม่มี ทุกอย่างที่กำหนดไว้ยังเหมือนเดิม” อดัมตอบแทนทุกคนเช่นเคย

“งั้นก็ตามที่พูด”

ทุกคนมองหน้ากัน สีหน้าดูอึดอัดเพราะคิดต่าง แต่ไม่มีใครค้านออกมา คนที่เห็นด้วยจึงรีบบอกว่า “ได้ครับ ผมดูแลเรื่องนี้ให้เอง”

เสียงอดัมที่ดังขึ้น ทำให้กรรมการทุกคนหันไปมองหน้าเขา แม้จะมีความแปลกใจที่เขากล้าเสนอตัวรับงาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนจะนิ่งๆเงียบๆ รอให้พี่ชายสั่งก็ตาม แต่ไม่มีใครมีคำพูดค้านเขา ... พรตพยักหน้าว่าตกลง จากนั้นเขาก็ถามถึงโครงการทั้งหมดที่ม็อตต้าดูแลอยู่ รวมถึงโครงการใหม่ที่วางแผนกันไว้ โดยขอให้กรรมการทุกคนที่ดูแลอยู่ แจกรายละเอียดให้เขาฟัง อย่างไม่จำเป็นต้องมีเอกสารตรงหน้า เพราะแค่คำพูดก็สามารถบอกให้รู้ถึงกึ่นของทุกคนแล้ว

พรตรับฟังอย่างนิ่งเงียบๆ และเมื่อรายงานจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน สบตาทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มๆ และบอกว่า “ขอบคุณครับ และรายงานทั้งหมดผมขอเป็นเอกสารด้วย” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป

ทนายกัสโซ่สบตากับกรรมการทุกคนเพียงแวบเดียว ก็เดินตามพรตออกไป เช่นเดียวกับไมค์ที่ตวัดสายตามองหน้าทุกคนก่อนจะเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย ...ทุกคนที่นั่งกันอยู่จึงหันมามองหน้ากัน บางคนแสดงสีหน้าบอกความไม่พอใจ แต่บางคนไม่ใช่แค่สีหน้า คำพูดยังออกมาอีกด้วย

“ไอ้หัวดำ”

เสียงที่เค้นออกมาบอกความโกรธเกลียดได้เป็นอย่างดี แล้วหันมามองอดัมที่ดูจะอ่อนน้อมยอมรับใช้มัน อดัมสบตากับทุกคนและเลิกคิ้วขึ้น เมื่อมีเสียงต่อว่าเขาออกมา

“คุณทำให้พวกเราผิดหวัง”

“แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อเขาคือคนที่อเล็กซ์เลือกไม่ใช่ผม”

“แต่พวกเราอยากให้เป็นคุณ”

“ผมมันตัวคนเดียวจะทำอะไรได้”

กรรมการที่นั่งกันอยู่ต่างตวัดสายตามองหน้ากัน เพราะเสียงที่พูดสื่อถึงบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่เหมือนกัน แล้วพากันยิ้มออกมา ก่อนจะทยอยกันลุกขึ้นเดินมาตบบ่าอดัม ซึ่งก็นั่งเฉยจนกระทั่งทุกคนออกจากห้องไป เขาก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน เผยรอยยิ้มที่สาแก่ใจแล้วเดินออกจากห้องไป
*********

ทนายกัสโซ่พาพรตมาห้องทำงาน ซึ่งก็คือห้องของอเล็กซ์ เพียงก้าวเข้ามา ภาพความทรงจำในวันวานก็ผุดขึ้นมา ทุกอิริยบทของเพื่อนที่ยิ้มอย่างยินดีที่เห็นหน้าเขา ให้ความเป็นกันเองทุกอย่าง ก่อนจะจากไปเพราะอุบัติเหตุที่ยังคลุมเครือ จึงเป็นเหตุให้เขาต้องยอมมายืนอยู่ตรงจุดนี้ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความ...ตาย

ไมค์ก้าวตามเข้ามายืนอยู่แค่มุมห้อง แต่สายตาตวัดมองไปทั่วห้อง รวมทั้งทนายกัสโซ่ที่เขารู้สึกว่าจะเป็นมากกว่าทนาย เพราะดูจะมีอิทธิพลต่อทุกคนไม่น้อย แล้วดึงสายกลับมาเมื่อเสียงทนายดังขึ้น

“คุณต้องการจะเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ ทุกอย่างที่เป็นอยู่ก็ดีแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าต้องการอะไร คุณแจ้งเลขาหน้าห้องได้เลย หรือจะติดต่อผมโดยตรงก็ได้ ผมยินดีตลอดเวลา”

“ขอบคุณ”

ทนายกัสโซ่ก้มหน้าให้เพียงนิด ก็ถอยหลังก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไมค์ปรายตามองจนกระทั่งประตูห้องปิดสนิท ก็ก้าวไปล็อกประตูแล้วตรวจเช็กรอบห้องจนแน่ใจว่าห้องนี้ไม่มีสิ่งใดให้เขาสงสัย ก็เดินไปยืนข้างพรต ซึ่งก็มีคำถามเกิดขึ้นทันที

“คิดว่าไง”

ไมค์ทบทวนเรื่องที่ถามเพียงอึดใจก็รู้ว่าหมายถึงเรื่องที่ได้ทำลงไปในห้องประชุม “คุณเปิดเรื่องเร็วเกินไป”

“แล้วจะช้าอยู่ทำไม การนิ่งเฉยไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น สู้กระตุ้นพวกมันดีกว่า จะได้ร้อนตัวหรือทำอะไรให้เราสังเกตได้ง่าย”

“นั่นมันก็จริง แต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือไม่ อีกอย่างเราจะกลายเป็นเป้าให้พวกเขาเล่นงานทันที”

“นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ เพราะถ้าใครคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นมาทำร้ายฉัน แสดงว่ามันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแน่นอน”

“คุณคิดง่ายเกินไป” เสียงไมค์ติงออกมา “เพราะบางทีการที่มีใครสักคนลุกขึ้นมาหมายหัวคุณ อาจจะไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุ เ แต่เกี่ยวกับส้มที่หล่นอยู่บนหัวคุณก็ได้ เพราะความหอมหวานของมันทำให้ใครๆก็อยากกิน จนต้องช่วงชิงและไม่สนใจวิธีการขอให้ได้มาเป็นพอ”

พรตนิ่งไป เมื่อคิดว่านายมาเฟียพูดถูก เขาไร้ความรอบคอบ ใจร้อนเพราะอยากจะหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่สงสัยอยู่ให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ยังมีข้อกังขาอยู่ดี “แล้วนายไม่คิดว่ามันเกี่ยวกันบ้างเหรอ ทั้งคนที่อยากกินส้มและอุบัติเหตุ อาจจะเป็นคนๆเดียวกันทำก็ได้”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณอาจจะทำถูก แต่ไม่ฉลาดเลย เพราะคุณจะอันตรายมากขึ้น”

“ฉันเชื่อว่านายจะดูแลฉันได้ ฉันมั่นใจในตัวนาย”

“อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ” เสียงไมค์เตือนอีก “เพราะไม่มีใครจะดูแลเราได้เท่ากับตัวเราเอง”

พรตปรายตามองหน้านายมาเฟีย ที่ใช้ประสบการณ์สอนเขาได้ดี ขณะที่ไมค์ที่จับตามองพรตว่าจะยังไง เมื่อเขาพูดตรงเกินไป แต่เมื่อไม่เห็นสีหน้าใดๆ ก็พอใจอยู่เงียบๆและฟังคำพูดที่คล้ายท้าทายออกมาว่า “งั้นฉันคงต้องขอคำแนะนำจากนาย คืนนี้กลับไปก็วัดฝีมือกันหน่อยก็แล้วกัน”

ไมค์ยิ้มอย่างไม่มีปัญหา เพราะจริงๆแล้วเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ทายาทจากเพลิงพญาจะคมในฟักเหมือนพวกแอ็คส์แน็คที่ได้มือดีจากเหมืองร้างสอนให้หรือเปล่า

“แล้วพวกที่อยู่เบื้องหลังม็อตต้า มีความคืบหน้าบ้างหรือเปล่า”

ไมค์นิ่งไป ก่อนจะพูดออกมา “เข้าใจคำว่าความลับหรือเปล่า ถ้าเข้าใจ ก็รู้ไว้ว่ามันไม่ง่ายที่เราจะทำได้ดังใจ คงต้องค่อยขุดค่อยคุ้ยไปพร้อมๆกับการหาตัวคนที่ตีหัวคุณ และถ้าเราได้ตัวมันมา มันจะเป็นชนวนนำเราไปสู่เรื่องอื่นๆที่สงสัยอยู่”

พรตพยักหน้า แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะหนังสือแต่งตั้งตัวเขาเป็นประธาน ซึ่งเขาก็เซ็นชื่อยอมรับลงโดยไม่ลังเลอีก แล้วหยิบงานที่เขาต้องเรียนรู้มาดูและขอคำแนะนำจากไมค์เพราะภาษาสากลที่ไม่ใช่ภาษารากเง้า บางคำบางประโยคเขายังไม่แตกฉานพอ โดยเฉพาะงานที่เขามีหุ้นอยู่และโครงการน้ำมันที่จะต้องประชุมพรุ่งนี้
********
อาคารอัลโตนิโอสวยหรูอยู่ริมถนนธุรกิจ ภายในห้องทำงานของลูกเลี้ยงเจ้าของอาคาร หอมกรุ่นด้วยกลิ่นดอกกุหลาบสีแดงราคาแพงที่หมายถึงความรัก ความปรารถนา วางอยู่บนโต๊ะรับแขก แต่ความสวยงามและความงามของมันไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของห้อง พรีมาดายังก้มหน้าทำงานที่กองอยู่บนโต๊ะ แม้บางขณะจะคิดว่าใครส่งมาให้ก็ตาม

เมื่อเช้านี้เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง ก็ได้เห็นมันวางอยู่แล้ว ถามเลขาสาวก็ได้คำตอบเพียงว่า มีคนให้จัดส่งมาให้เธอ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เธอถอนหายใจปัดเรื่องไร้สาระออกไปและจดจ่ออยู่กับงาน ขณะที่ด้านหน้าอาคารร่างอรชรของหญิงสาวที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนเธอ ก็ก้าวลงมาจากรถ ยืนมองเข้าไปในอาคารที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินไปที่ประตู ซึ่งมีพนักงานเปิดให้และก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม คนแล้วคนเล่าที่หญิงสาวเดินผ่านก็ทำเช่นเดียวกัน จนกระทั่งตัวเธอก้าวไปยืนในลิฟต์ที่พาขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ ก็ก้าวตรงไปยังห้องๆหนึ่ง

เลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องเปิดยิ้มให้แล้วรีบเดินไปเปิดประตูเชิญ แต่เธอยังไม่ก้าวเข้าไป สั่งงานบางอย่าง แล้วเดินเข้าไปข้างในทันที

เจ้าของห้องที่กำลังยุ่งกับงานบนโต๊ะ โปรเจคต่างๆที่เสนอเข้ามาให้อ่าน และตัดสินใจเต็มไปหมด แต่ต้องเงยหน้าขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาในห้อง เพียงเห็นหน้าคนที่มาหา สีหน้าก็ปรับให้ยิ้มให้เพียงนิดก็จะก้มหน้าทำงานต่อ แต่เสียงที่ดังขึ้น ทำให้ต้องตวัดสายตาขึ้นมามอง
“แพทมารบกวนหรือเปล่าคะ”

“นิดหน่อย มีอะไรก็ว่ามา พี่จะได้ทำงานต่อ”

“ยุ่งมากเหรอคะ”

พรีมาดาพยักหน้า แล้วหรุบตาลงดูงานในมือต่อ ขณะที่แพทิเซียก็เดินไปยืนหน้าโต๊ะ มองงานที่อยู่ในมือพี่สาวเพียงแวบก็นั่งลง เอนหลังกับพนักอย่างสบายๆ แล้วพูดขึ้นพลางสังเกตท่าทีของคนเป็นพี่ไปด้วย

“แพทจะไปทำงานกับอดัม เลยมาชวนพี่ให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

“ทำไมต้องมาชวน เธอเป็นคู่หมั้นเขา ไปคนเดียวก็ไม่น่าเกียจ”

“แต่แพทไม่รู้จะพูดกับเขายังไง ไม่ให้น่าเกียจนะซิ อีกอย่างแพทไม่อยากให้เขามองว่าแพทไปเสนอตัวกับเขาเกินไป”

“จะมาคิดมากทำไมตอนนี้ ในเมื่อก่อนหน้านี้ที่ทำลงไป น่าคิดมากกว่าไม่ใช่เหรอ”

“พี่พรีมหมายความว่าไง” เสียงแพทิเซียถามน้ำเสียงนั้นแม้จะราบเรียบเหมือนเดิม แต่คนฟังก็ยังจับได้ถึงความไม่พอใจ มุมปากจึงยิ้มหยันให้เล็กน้อย ก็เงยหน้าขึ้น

“ก็หมายความตามที่พูด ส่วนเธอจะคิดยังไง ก็เรื่องของเธอ และคงจะไปด้วยไม่ได้ พี่ไม่ว่างจริงๆ เธอก็เห็นว่างานพี่เต็มโต๊ะไปหมด”

แพทิเซียตวัดสายตามองงานที่กองเต็มโต๊ะอีกครั้ง แล้วดึงสายตากลับมามองหน้าพี่สาวต่างพ่อด้วยสายตาที่ซ่อนบางอย่างไว้ และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามา ก็ยิ้มหวานอย่างเหนือกว่า ขณะที่พรีมาดาก็ยิ้มหยันให้ตัวเองและคนตรงหน้าที่หันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“คุณพ่อ”

“ว่าไงลูก มีอะไรหรือเปล่าถึงมาที่นี่” นายริคาร์โดถามเพราะปรกติแล้วลูกสาวของเขาจะอยู่บ้าน ช็อปปิ้ง ออกงานการกุศลกับคนเป็นแม่ ไม่ต้องมานั่งทำงานให้หลังขดหลังแข็งอย่างคนอื่นๆ พลางยกมือขึ้นลูบผมนุ่มของลูกรัก ซึ่งก็ยิ้มให้ ก่อนจะบอกว่า

“มาชวนพี่พรีมไปม็อตต้าด้วยกันค่ะ แต่พี่พรีมงานยุ่งจังเลย”

นายริคาร์โดตวัดสายตาคนงานยุ่ง ซึ่งก็ก้มหน้าดูงานตัวเองอยู่ จึงบอกว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวพ่อจะดูงานให้เอง”

พรีมาดาวางงานในมือทันที ไม่มีคำพูดใดโต้แย้ง เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ และหันไปหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ ลุกขึ้นบอกว่าพร้อมจะไปแล้ว แพทิเซียจึงคล้องแขนคนเป็นพ่อเดินนำออกไป ด้วยสีหน้าสะใจอยู่ลึกๆ จนกระทั่งลงมาถึงหน้าอาคาร เธอก็หอมแก้มพ่อแล้วขึ้นไปนั่งบนรถที่รออยู่แล้ว พรีมาดาตามขึ้นไป นั่งเรียบร้อยแล้วรถก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปจากอาคารอัลโตนิโอ

รถยนต์คันหรูวิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เสียงเครื่องยนต์ดังแทรกความเงียบเข้ามาภายในรถแผ่วๆ ไม่นานเสียงคนที่นั่งอยู่ก็ดังขึ้น “โกรธแพทหรือคะ” แพทิเซียถามเมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่เมินมองออกไปมองวิวนอกหน้าต่างรถ
“โกรธแล้วได้ประโยชน์อะไร”

“แล้วทำไมไม่มาตั้งแต่แพทชวนละคะ”

พรีมาดาหันหน้ามาสบตาแพทิเซีย แล้วบอกว่า “พี่ก็คิดว่าเธอจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นไร เพราะพี่เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจว่าแพทใช้คุณพ่อบังคับพี่เหรอคะ”

“เข้าใจว่าเธอเห็นแก่ตัว”

แพทิเซียคอแข็งไปนิด ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ดีค่ะ เพราะบางทีแพทอาจจะทำมากกว่านี้ก็ได้”

พรีมาดายิ้มอย่างไม่แปลกใจ เพราะตั้งแต่เด็กหญิงถือกำเนิดเกิดมา เธอก็ได้รู้ว่าชีวิตตัวเองต้องเปลี่ยนไปยังไง แรกๆอาจจะไม่รู้ซึ้งมากนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อเธอล้มแล้วไม่มีมือมาคอยพยุง ไม่มีอ้อมแขนมาประคอง ไม่มีไออุ่นในวันที่หนาวเหน็บ วันเวลากับการแสดงออกของคนเป็นแม่และพ่อเลี้ยง ที่ใส่ใจดูแลลูกรักยังกับไข่ในหิน ทำอะไรผิดก็ถูก อยากได้อะไรก็ได้ ก็ทำให้เธอได้รู้ และเข้าใจแล้วว่าทำไม?

ลูกติดของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องเข้ามาอยู่บนแผ่นดินของคนอื่น จึงไม่มีสิทธิมีเสียงไม่มีความเป็นอยู่ที่ดีเลิศนัก เธอจึงต้องเรียนรู้ ต้องปรับตัวและที่สำคัญต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ เรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ ฝึกใจให้เข้มแข็ง เก็บกดทุกอย่างไว้ภายใต้สีหน้าและความเฉยชาของตัวเอง
********
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถยนต์คันหรูก็มาจอดหน้าอาคารเด ม็อตต้า ซาก้ารีบลงจากรถมาเปิดประตูให้คุณหนูที่แท้จริงของตระกูล ส่วนพรีมาดาเปิดประตูลงมาเอง แพทิเซียปรายตามองเพียงนิด ก็ยืดตัวเชิดหน้าออกเดินนำอย่างกับเจ้าหญิงที่มีสาวใช้เดินตามหลัง พรีมาดาเดินตามไปอย่างไม่รู้สึกอะไร เพราะรู้นิสัยที่แท้จริงของอีกฝ่ายดี แต่ที่ไม่รู้คือแพทิเซียอยากมาทำงานที่นี่ทำไม

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดออก แพทิเซียยิ้มหวานให้เจ้าของห้องที่มองมา ก่อนจะเปิดประตูออกกว้างพลางบอกว่า “เซอร์ไพร์สค่ะ”

แววตาของอดัมไม่ได้บอกอะไรทั้งที่ใจเขาตื้นเต้นเมื่อเห็นอดีตคู่ควงที่เขารักแต่ไม่ได้สมรัก ยืนอยู่กลางประตู เขายืดตัวขึ้นเปิดยิ้มยินดีต้อนรับพร้อมกับก้าวมายืนข้างคู่หมั้นสาว ที่ส่งยิ้มหวานแต่สายตาคอยจับผิดสีหน้าท่าทางของพี่สาวและแฟนหนุ่ม

“แพทชวนพี่พรีมมาแบ็คเมล์คุณค่ะ”

“เรื่องอะไรครับ” อดัมถามอย่างใจดีพลางเดินนำสองสาวเข้ามานั่งที่โซฟาหนานุ่มมุมห้องทำงานเขา แพทิเซียเดินเข้าไปนั่งแนบชิดบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ยื่นมือไปคล้องแขน เอนตัวไปซบแขน เกยคางกับไหล่มองหน้าเขาอย่างอ้อนๆ

“สัญญาก่อนซิคะว่าถ้าบอกแล้วจะไม่ปฏิเสธ”

“ครับ”

แพทิเซียยืดหน้าขึ้นหอมแก้มเขาอย่างดีใจ แต่สายตาแอบมองว่าคนเป็นพี่ว่าจะมีสีหน้ายังไง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นความหวั่นไหวใดๆ นั่นเป็นเพราะพรีมาดาเคยเห็นมามากกว่านี้และแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเจ็บ หรือเป็นเพราะเธอรู้เบื้องหลังของทั้งคู่แล้ว จากที่เจ็บจึงเปลี่ยนเป็นสมเพชมากกว่า

“ให้พี่พรีมบอกดีกว่า”

อดัมจึงหันไปมองอดีตคนรัก ซึ่งก็สบตาเขาอย่างไม่มีแววใดๆ และบอกโดยไม่มีการอ้อมค้อมใดๆด้วยว่า “แพทเขาอยากมาทำงานกับคุณค่ะ”

อดัมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “ยินดีครับ”

“จริงเหรอคะ”

“ครับ”

“แพทรักคุณจัง” พูดจบแพทิเซียก็กอดอดัมอย่างดีใจ ก่อนจะถามว่า “แล้วจะให้ทำตำแหน่งอะไรคะ”

“คนรักผมก็ต้องเป็นผู้ช่วยผมซิครับ”

แพทิเซียยิ้มหน้าบาน พลางสบตาเขาอย่างยั่วยวน เหมือนจะให้เขาเปิดเปลือยตัวเธอ ก่อนจะกะพริบตาให้จางหาย เพราะรู้ดีว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ยังไงเสียเธอก็ยังไม่อยากให้คนเป็นพี่รู้ว่าเธอไวไฟเป็นของเขาไปแล้ว โดยไม่รู้ว่าสิ่งเธอปิดนั้น ไม่ได้เป็นความลับสำหรับพรีมาดาแล้ว

“งั้นพาแพทเยี่ยมชมม็อตต้าหน่อยซิคะ แพทอยากเห็นความยิ่งใหญ่” อดัมยิ้มให้อย่างยินดี แพทิเซียจึงหันไปมองพี่สาว “พี่พรีมไปด้วยกันนะคะ”

พรีมาดาที่อยากจะขอตัวกลับไปทำงาน แต่จำต้องพยักหน้าเพราะไม่อยากมีปัญหาที่ไม่ได้จบแค่ที่นี่ แต่เลยไปถึงอัลโตนิโอ จึงเดินตามคนทั้งคู่ออกไปดูความโอ่อ่าหรูหราที่สวยงาม แต่ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ทุกห้องที่เดินผ่านเธอก็มองผ่านๆ ขณะที่เสียงแพทิเซียกับคู่หมั้นก็ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ แต่ไม่มีคำใดที่จะเข้ามาให้เธอจดจำ จนกระทั่ง

“ห้องท่านประธาน ใช่คนที่เป็นตัวแทนของอเล็กซ์หรือเปล่าคะ”
อดัมพยักหน้า ก่อนจะเคาะประตูเบาๆแล้วเปิดออก จับข้อศอกคู่หมั้นสาวให้เดินเข้าไปด้วยกัน แพทิเซียเดินตามเข้าไปเพียงนิดก็ต้องชะงัก เพราะพรีมาดาไม่ได้มีท่าทีว่าจะเดินตามมา ด้วยคิดว่าไม่อยากรู้จักใคร แพทิเซียจึงมองอย่างบังคับ เธอจึงต้องลากขาเข้าไปอย่างเสียไม่ได้

พรตกับไมค์ที่เงยหน้าขึ้นรอดูคนที่เข้ามาตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูแล้ว แต่ใครก็ไม่น่าสนใจเท่ากับหญิงสาวที่เดินตามมาข้างหลัง ท่าทางเหมือนไม่สนใจอะไร แต่พรตกับไมค์สนใจและคิดว่าเธอมากับคนทั้งคู่นี้ได้ยังไง หรือว่า...

“ขอโทษนะครับที่เข้ามารบกวน” เสียงอดัมดังขึ้นขัดความคิดของพรต ซึ่งก็ยิ้มให้อย่างไม่เป็นไร ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เดินออกมายืนหน้าโต๊ะ พอดีกับที่อดัมพาแพทิเซียเดินมายืนตรงหน้าเขา

แพทิเซียเปิดยิ้มให้ทั้งที่ตื้นเต้นอยู่ในใจ พลางคิดว่า นี่ซิสิ่งที่เธอต้องการ ได้เจอผู้ชายที่กำม็อตต้าไว้ในมือ คิดไม่ถึงว่าจะคมเข้ม ดูดี เฟอร์เฟคขนาดนี้ และเมื่ออดัมแนะนำเธอในฐานะคู่หมั้นเขาให้รู้จัก พรตก็ยื่นมือมาทักทาย เธอยื่นมือออกมาจับอย่างนุ่มนวล ก่อนจะปล่อยและทำให้พรตแปลกใจ เมื่อเธอขออนุญาตอดัมพูดภาษาถิ่นเกิดกับเขา

“แพทพูดไทยได้ค่ะ คุณแม่เป็นคนไทย”

“ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เช่นกันค่ะ และเราคงได้เจอกันบ่อย เพราะแพทจะมาทำงานที่นี่”

พรตยิ้มยินดีตามมารยาท และตวัดสายตามองเลยไปที่หญิงสาวที่เขาเข้าใจแล้วว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง แต่ท่าทีที่ไม่ได้หันมามองเขานอกจากมองภาพวาดที่ติดอยู่บนผนัง ทำให้พรตเดินเข้าไปหา แพทิเซียมองตามไป ความคลับคล้ายคลับคลาบางอย่างผุดขึ้นมา และเด่นชัดขึ้น เมื่อภาพที่เธอเคยเห็นผู้ชายคนหนึ่งคุยกับคนเป็นพี่ซ้อนขึ้นมา ความในใจเริ่มสั่นไหว แต่สีหน้ายังยิ้มเหมือนเดิม แล้วดึงอดัมให้เดินไปกับเธอ มายืนข้างพรีมาดาที่มองผู้ชายที่มายืนตรงหน้าอย่างไม่คิดว่าจะได้เจออีก

“พี่พรีม พี่สาวแพทค่ะ” เสียงแพทิเซียเรียกความสนใจจากพรตได้ไม่น้อย “ที่สำคัญเธอเกือบจะได้เป็นคู่หมั้นคนในตระกูลเดียวกับแพทด้วยนะคะ”

พรีมาดาอึ้งไปกับคำพูดของน้องต่างพ่อ และมองอย่างตำหนิที่เอาเรื่องส่วนตัวเธอมาพูดให้คนอื่นฟัง แต่แพทิเซียกลับยิ้มให้เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด

“คู่หมั้น คุณคงไม่ได้หมายถึง...” พรตถามพลางปรายตามองอดัม ที่เขาเข้ารู้มาว่าเคยเป็นคนรักของเธอ แพทิเซียที่ไม่รู้ว่าพรตรู้ ก็ปฏิเสธให้ว่า

“ไม่ใช่ค่ะ แต่เขาคือคนที่ตายไปแล้วไงค่ะ”

พูดจบแพทิเซียก็ยิ้มหวานแต่ภายในสะใจที่ได้ทิ้งความคลางแคลงใจไว้ในใจชายหนุ่ม แล้วหันมาชวนอดัมกลับไปที่ห้องเขา ซึ่งก็เดินไปอย่างว่าง่าย ทั้งๆที่มีบางอย่างค้างคาใจ ว่าทำไมสีหน้าทุกคนจึงดูแปลกๆ โดยเฉพาะสีหน้าของอดีตคนรัก ที่เขามองออกว่ากำลังโกรธ
พรตไม่ได้สนใจคนทั้งคู่อีก เพราะตอนนี้ในหัวเขามีแต่ภาพและเสียงของอเล็กซ์ที่พูดถึงผู้หญิงที่ชอบถึงขั้นจะยอมให้มีแหวนมาจับจ้องบนนิ้วนาง คิดไม่ถึงว่าเขาว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ใต้จมูกเขาเอง ส่วนพรีมาดาก็ยืนข่มความโกรธที่มีต่อแพทิเซียให้หายไป เพียงอึดใจก็หมุนตัวจะเดินตามออกไป แต่...

“คุณเกี่ยวข้องกับการตายของอเล็กซ์หรือเปล่า”

คำถามที่ดังขึ้น หยุดเท้าที่กำลังจะก้าวของพรีมาดาให้หยุดนิ่ง และอึ้งไปกับคำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาถามเธอ เพราะความเป็นจริงที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน จึงหมุนตัวกลับมามองร่างสูงแล้วบอกว่า “เปล่า ฉันไม่รู้อะไรเลย”

“แน่ใจเหรอ”

“หมายความว่ายังไง” พรีมาดาถาม เมื่อรู้สึกว่าคำถามนั้นคล้ายจะคลางแคลงใจในตัวเธอ

“คุณเป็นผู้หญิงที่เขาสนใจ ถึงขึ้นจะหมั้นหมาย จะไม่รู้อะไรเลยได้ยังไง”

“แล้วทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเขาสักนิด”

“แล้วรู้เรื่องการตายของอเล็กซ์แค่ไหน”

“ไม่รู้”

“รีบปฏิเสธยังกับคนร้อนตัว หรือว่ามีส่วน”

“คุณพูดอะไร กรุณาให้เกียรติกันหน่อย” เสียงพรีมาดามีแววโกรธ พลางมองหน้าคมที่คอยจะหาเรื่องเธออย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาจะพูดให้เกี่ยวโยงกันทำไม

“งั้นช่วยตอบมาหน่อยซิว่า ทำไมเขาถึงอยากหมั้นกับคุณ”

“ฉันจะไปรู้เขาได้ยังไง ในเมื่อตัวเขา ฉันก็แทบจะไม่รู้จัก”

“อเล็กซ์เขาออกจะเด่นดัง ทั้งรูปร่างหน้าตา บารมี และเงินทอง แถมยังเป็นใหญ่เป็นโตในเมืองนี้ คุณจะไม่รู้จักเขาเลยได้ยังไง อีกอย่างคุณเคยเป็นถึงคู่รักน้องชายเขา จะไม่เคยรู้จักเทือกเถาเหล่ากอเขาเลยเหรอ ไม่น่าเชื่อสักนิด หรือที่เขาว่ากันว่า ใจคนมันยากแท้หยั่งถึง โดยเฉพาะผู้หญิงนี้ ถ้าจะจริง”

“คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ จะสรุปเอาเองว่าฉันเป็นคนทำให้เขาตายก็ตามใจ เพราะยังไงคุณก็ไม่มีหลักฐาน ที่สำคัญฉันก็ไม่ได้ทำ ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะทำ แต่บางทีใครจะไปรู้ว่าคนที่ทำอาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้เขาในนาทีสุดท้ายก็ได้”

พรตก้าวพรวดเดียวจนไปยืนตรงหน้าหญิงสาว ซึ่งผงะอย่างตกใจก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่หวั่น แต่พรตมองเป็นความท้าทาย มุมปากเขาจึงหยักขึ้นคล้ายจะหยันแล้วบอกว่า “พูดได้ดี และรู้ไว้เลยว่าตอนนี้เธอเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของฉัน”

“คุณจะปรักปรำฉัน”

“เปล่า แต่ฉันจะปล้ำเธอต่างหาก”

พรตบอกเมื่อเขาเห็นใครบางคนกำลังจะเดินเข้ามาหา แล้วยกแขนขึ้นกอดตัว ยกมือขึ้นตรึงท้ายทอยไว้ ก้มหน้าลงมาจูบโดยที่พรีมาดาไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนนิ่งเพราะตกใจสภาพที่คนภายนอกเห็นจึงเหมือนเธอสมยอม แพทิเซียยืนจ้องภาพนั้นเพียงอึดใจ ก็หันหลังเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่นิ่งลึกจนยากที่จะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

ด้านหลังเธอภายในห้อง พรีมาดาที่หายตกใจ ดันตัวออกมาจากอ้อมแขนแกร่งของพรต แล้วฟาดฝ่ามือบนหน้าเขาจนแก้มสะเทือน และจ้องหน้าเขาอย่างแสนจะเกลียดชัง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปเงียบๆ พรตจะก้าวตาม แต่ไมค์เดินเข้ามาขวางไว้เสียก่อน และพูดโดยที่พรตไม่ต้องสงสัยว่าจะเห็นอะไรหรือไม่

“คุ้มไหมครับที่ทำ”

“คุ้ม เพราะอย่างน้อยฉันก็รู้ว่า ฉันเป็นจูบแรกของเธอ”

*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ธ.ค. 2556, 15:27:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ธ.ค. 2556, 15:27:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 5009





<< ตอน 5   
แว่นใส 27 ธ.ค. 2556, 16:50:25 น.
เปิดตัวได้แรงมากค่ะ


konhin 27 ธ.ค. 2556, 21:35:21 น.
พระเอกแรงได้ใจ


kaelek 27 ธ.ค. 2556, 22:43:10 น.
อัยย๊ะ!!! จูบแรก


นกขมิ้น 28 ธ.ค. 2556, 20:43:59 น.
I feel good


Zephyr 29 ธ.ค. 2556, 21:20:32 น.
โอ้ว แรงได้ทั้งตระกูล ฮะฮ่า
หมั่นไส้นังแพทจริง จะทำอะไรก็ทำไปสิ
จะดึงพี่สาวมาเพื่ออออออ
เอามาตอกย้ำ รึ นางเป็นง่อยทำเองไม่ได้


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 ธ.ค. 2556, 22:30:33 น.
บางที ใจผู้ชายก็ยากแท้ หยั่งถึง เช่นกันนนน
อืมมม


ผักหวาน 2 ม.ค. 2557, 20:10:50 น.
อ๊ะๆๆๆ ยายแพทจะทำอะไรเนี่ย


ANNA1999 9 ม.ค. 2557, 16:45:53 น.
ชอบมากเลยค่ะ ... ตอนต่อไปมาเร็วๆๆๆ นะค่ะ คิดถึง (*-*)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account