ลิขิตรักสัญญาหัวใจ
คำโปรยเรื่อง
“ทำไมคุณถึงเป็นทอม” คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังจะหลับเพราะฤทธิ์ของเบียร์กระป๋องเงยหน้าขึ้น ตาสวยดูสะลืมสะลือ เหมือนจะหลับแต่ก็ยังไม่หลับ
“ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ”
“ก็ปกติคนเราทำอะไรก็ต้องมีเหตุผล” หนุ่มหล่อตอบกลับไป แต่ตาไม่ได้หันไปมองหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ
“เหตุผลมานง่ายนิดเดียว แต่ขอนึกก่อน....อืม...อ้อ...นักออกแล้วฉานก็แค่เกลียดผู้ชาย ผู้ชายมันเป็นพวกหลอกลวง มีแต่คนหลอกลวงทั้งนั้น หวังแต่จาฟันผู้หญิง ไม่มีดีสักโคน เมื่อไม่มีผู้ชายดี ๆ ฉันก็อยากเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งกว่าไอ้พวกผู้ชาย พิสูจน์ให้พวกมันเห็นว่าฉันดีกว่าพวกมัน และมีคุณค่าที่จะรักผู้หญิงสักคนมากกว่าพวกมันที่ใช้ผู้หญิงกันอย่างสิ้นเปลือง” ลลนาตอบและกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึก
“แต่ผู้ชายดี ๆ ก็ยังมีอยู่ แล้วผู้หญิงดีกว่าผู้ชายตรงไหน ทั้งที่ฉันคิดว่าฉันมีโปรไฟลดี แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหนีไปคบกับทอม ทอมดีตรงไหน เธอคิดว่าพวกเธอดีตรงไหนกัน” ทั้งที่ปากยังถามอยู่ แต่ดวงตาคมกริบกลับไม่ได้มองคู่สนทนาแต่กลับมองกระป๋องเบียร์คล้ายเหม่อลอย มาดปกติเขาอาจจะดูสุขุม ดูเย็น ๆ ดูปิดกั้น บทบาทพูดจึงดูน้อยในหมู่เพื่อน ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ไม่มีทางที่จะเห็นเขาง้างปากพูด ยิ่งเวลาเมา เขาจะเงียบ เงียบจนน่ากลัว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเอง การผิดหวังถึงสามครั้งเกิดข้อสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้ขึ้นมา
“ฉานก้อม่ายรู้ ตอบม่ายด้าย ถ้าคูนอยากรู้ก้อปายคบกับทอมสิ จะได้รู้ว่าทอมดียางงาย ง่าย ๆ แค่เนี้ย ปานหามานอยู่ที่ไหนก็ไปตรงน้านแหละ” ลลนาตอบกลับไป ทั้งที่หัวตอนนี้ฟุบลงที่โต๊ะกระจก
“ก็จริง...งั้นเรามาคบกันดูไหม”


........หลังจากเริ่มอัพลงทีละตอน ยังไงก็ช่วยคอมเมนต์ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ.......

Tags: ความรัก ความเศร้า การเปลี่ยนแปลง

ตอน: 5 การแต่งงานเท่ากับหายนะ

5
การแต่งงานเท่ากับหายนะ

....หนึ่งเดือนผ่านไป....
ในที่สุดวันเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง ลลนาอยากให้วันที่ 31 มีนาคมหายไปจากปฏิทิน อยากให้เดือนมีนาลงท้ายด้วย..ยน... จะได้มีเพียงสามสิบวัน ไม่อยากให้วันนี้มาถึง วันแต่งงานไงล่ะ วันนี้เจ้าสาวแสนสวยอยู่ในชุดไทยคลาสสิคสีขาว ที่ด้านบนห่มด้วยสไบผืนใหญ่สีขาวงาช้าง ตัวกระโปรงสีขาวปักลายวิจิตงดงามตาทั้งเชิงและชาย และคาดทับด้วยเข็มขัดสีทอง ซึ่งมองดูก็รู้ว่าเป็นของแท้คำแท้ที่มีเพชรพลอยประดับอยู่ที่ตัวเข็มขัด ผมที่ซอยสั้นถูกจัดทรงอย่างเรียบง่าย ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางสีหวาน ซึ่งมองแล้วแปลกตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าสวยของคนเป็นเจ้าสาวควรจะมีความสุข แต่ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกคือใบหน้าที่บึ้งตึง เมื่อลองนึกย้อนไปหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ลลนาออกจากโรงพยาบาลเลขาของฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวก็โทรมานัดวันลองชุด โดยวันที่เธอไปเจ้าบ่าวนั้นไม่มา ติดธุระธุรกิจพันล้านของตัวเอง เนื่องจากมันเป็นงานแต่งงานหลอกตา มันจึงไม่มีการ์ดเชิญงานแต่งงาน ของชำร่วย เค้กเก้าชั้น ส่วนสถานที่นั้นเลือกจัดที่รีสอร์ทของครอบครัวธนกฤตที่อยู่ในจังหวัดระยอง เป็นรีสอร์ทติดทะเลที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก เหมาะสำหรับงานแต่งงานเงียบ ๆ ที่สุด ซึ่งเธอเองก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ถ้าเจ้าบ่าวต้องการแบบนั้น หลังจากวันที่เขามาพบเธอที่โรงพยาบาลเขาก็ไม่มาปรากฏตัวให้เธอสะพรึงกลัวอีก แม้แต่ก่อนวันแต่งงานสามวันที่เธอต้องมาเตรียมตัวอยู่ที่รีสอร์ทรุ้งประกายแสง เขาก็ยังไม่มา เธอรู้แค่ว่าเขาจะมาในวันนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูดังขึ้น ก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้ามา ธิติยา แพรวพิมล และเพชรนารี เดินเข้ามาในห้อง และมองผลงานชิ้นเอกในวันนี้ เพื่อนของเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วเมื่อถูกจับมาแต่งตัวก็ยิ่งสวยมากขึ้น ดวงหน้าหวานมองเพื่อนเหมือนจะร้องไห้ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่น้ำตาแห่งความดีใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความเสียใจที่เธอต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่พบหน้ากันไม่ถึงสามครั้ง
“วันนี้แกสวยมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นแกแต่งตัวเป็นหญิงแบบนี้ แถมกำลังจะเป็นเจ้าสาวด้วย”
“นี่จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะแต่งตัวแบบนี้”
“แน่ดิ ผู้หญิงแต่งงานหลายครั้งไม่ดีหรอก แกเป็นผู้หญิงที่หน้าอิจฉาที่สุดในโลกเลยนะ มีผู้หญิงเป็นล้าน ๆ คนอยากแต่งงานกับพี่ติณห์ ผู้ชายสำเร็จรูปที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปทรัพย์ และคุณทรัพย์แบบนี้หาไม่ได้ในสามโลกนี้หรอกนะ ผู้ชายสำเร็จรูปไม่ได้ผ่านเข้ามาบ่อย ๆ หรอกนะ คว้า ๆ ไว้เป็นกำไลชีวิตไง” คำพูกของแพรวพิมลไม่ได้ทำให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้นเลบ แต่รู้สึกย่ำแย่กับชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“ฉันไม่น่าเมาเลย ถ้าคืนนั้นฉันไม่ไปกับพวกแก ยอมเมาโค้กอยู่บ้าน ชีวิตฉันจะไม่ป่นปี้แบบนี้ เพราะพวกแก”
“ไม่เอาน่า วันนี้เป็นวันดี อย่าทำให้มันเสียฤกษ์สิ”
“มันไม่ใช่วันดี มันเป็นวันหายนะ การแต่งงานที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รักกันมันคือหายนะแกเข้าใจไหม การแต่งงานที่ใช้ฤกษ์สะดวก มันก็คือหายนะ ชีวิตฉันไม่ต้องพึ่งคำสาปแช่งในสัญญานั่นหรอก หลังจากนี้ชีวิตฉันมันก็ไม่ต่างจากหายนะเลย เพราะเขา เขา เขา เขาคนเดียวเลย”
“ไม่เอาแล้วไม่พูดแล้ว เตรียมตัวดีกว่า ตอนนี้เจ้าบ่าวคงมาแล้ว”
“น่าเสียดายที่ไม่มีงานเลี้ยงตอนกลางคืนนะคะ หนูนาอยากเห็นลินินใส่ชุดแต่งงานสีขาวกระโปรงพอง ๆ มันคงจะวิเศษมากแน่นอนค่ะ” ลลนาเบ้ปาก แน่สิ มันไม่ใช่งานแต่งงานจริง ๆ ก็แค่แต่งแก้ขัดสำหรับผู้ชายคนนั้น และแต่งแก้เคล็ดสำหรับเธอ ดังนั้นพิธีสำคัญหลาย ๆ อย่างจึงถูกตัดออกไป อย่างการตักบาตรตอนเช้า รดน้ำพระพุทธมนต์ หรือพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งเธอเองก็ไม่ขัดที่จะให้พิธีเหลือแค่การสวมแหวนและผูกข้อไม้ข้อมือเท่านั้น พิธีการแต่งงานที่ควรจะยาวเหยียดเช่นคู่อื่น ๆ ถูกตัดสั้นจนแทบไม่เหลือความสำคัญใด ๆ
“ดีแล้วล่ะ นินไม่ได้อยากแต่งจริง ๆ ก็แค่แต่งสะเดาะเคราะห์ หวังว่าท่านเจ้าพ่อเจ้าแม่จะไม่เอาชีวิตของฉันอีกแล้วหลังจากวันนี้ เจ้าพ่อเจ้าแม่ค่ะดิฉันนางสาวลลนา แต่งงานแล้วนะคะ ทำตามสัญญาแล้ว ต่อจากนี้ทุกอย่างถือเป็นโมฆะนะคะ” ลลนาพนมมือและตะโกนดังลั่นห้อง เพื่อนสาวทั้งสามส่ายหน้ากันทันที
“งั้นก็ลงไปกันเถอะ พี่หนึ่งโทรขึ้นมาว่าข้างล่างพร้อมแล้ว” ธิติยาเอ่ย ทั้งสามกำลังจะเดินออกไป แต่เจ้าสาวกับไม่ขยับตัว นั่งเหงื่อตกมือสั่น ทั้งสามยิ้ม
“ไปได้แล้ว มือน่ะเลิกสั่นได้แล้ว” และสามสวยสวยต่างสไตล์ก็พากันกึ่งลากกึ่งดึงเพื่อนออกจากห้อง ตรงไปที่สถานที่จัดสถานที่จัดพิธี
“มือแกเย็นมากเลยนะ ตื่นเต้นหรอ”
“เปล่า ในห้องเปิดแอร์เย็นไปหน่อยต่างหาก งานแต่งหลอก ๆ ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นเลย” ลลนาตอบและเดินตามแรงดึงเพื่อนมาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้างาน ทุกสายตาจับจ้องมองเจ้าสาวที่หยุดยืนอยู่หน้าบานประตูใหญ่ แขกที่มีเพียงหยิบมือ นั่นคือกลุ่มเพื่อนสนิทของติณภัทรที่รับรู้เรื่องราว และเพื่อนของลลนาทั้งสี่ มีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวเพียงคนเดียวนั่นคือท่านติณภพ พ่อของเจ้าบ่าว ในขณะที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ไตรภูมิขอร้องพ่อตนให้มาช่วยเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งพ่อของไตรภูมิ คุณตรีศูลก็ไม่ได้รังเกียจรังงอน ออกจะเต็มใจจนออกนอกหน้า ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจกับงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่ปิดไม่ให้คนนอกรู้เหมือนไม่ให้เกียรติเจ้าสาว แต่เมื่อฟังคำอธิบายก็ยิ่งทำให้โมโห แต่สุดท้ายก็ยอมอย่างจนใจ ในใจได้แต่คิดถ้าทศพลพ่อของลลนารู้เข้าจะเกิดอะไรขึ้น
“สวย” คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากเพื่อนฝ่ายชาย ในขณะที่เจ้าบ่าวทำเพียงมอง แล้วก็ผ่านไป นอกจากใบหน้าที่ดูตื่นตะลึงของทุกคนยังมีใบหน้าที่บ่งบอกถึงความโล่งอก งานแต่งครั้งที่สี่นี้มีสิทธิ์ที่เจ้าสาวจะหนีไปสูงไม่แพ้ครั้งที่ผ่านมา ลลนาเป็นคนที่วู่วาม ถ้าคิดจะหนีลลนาหนีแน่ หนีแบบไม่คิดด้วย แต่เพราะเพื่อน ๆ ที่ล้อมหน้าล้อมหลังมาตลอดหนึ่งเดือน บวกกับติณภัทรกุมสัญญานั้นไว้อีก ทำให้เธอไม่มีโอกาสที่คิดจะหนีอีก ลลนามองเจ้าบ่าวที่ไม่ได้สนใจที่จะมองเธอ ลลนาได้แต่คิดในใจว่าสมแล้วที่เจ้าสาวหนีก็ดูสิตายด้านซะขนาดนั้น
“เอาล่ะ มานั่งเราจะได้ทำพิธีกันจะได้เสร็จสิ้นกันเสียที” ติณภพเอ่ย เจ้าสาวแสนสวยในชุดไทยที่ดูแล้วทำให้เธอสวยหวานและสง่างามเดินลงมานั่งเคียงค้างเจ้าบ่าว
“ตอนนี้เจ้าสาวมาแล้ว แขกผู้ใหญ่ พยานครบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะเจ้าบ่าวนั้นรีบร้อนเหลือเกิน” ธนกฤตเอ่ย และต้องเงียบเมื่อสายตาดุคมตวัดขึ้นมอง
“โอเค ตอนนี้ได้เวลาอันเป็นสมควรแล้ว เราจะทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ่างสาว ขอเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวผูกข้อไม้ข้อมือให้กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วยครับ” ไตรรัตน์ส่งยื่นถาดสายสิญจน์ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเพื่อผูกข้อไม้ข้อมือตามพิธีแบบชาวบ้าน ซึ่งมีผู้ใหญ่อยู่เพียงสองท่าน
“ถึงแม้มันจะเป็นงานแต่งงานแบบไม่เต็มใจของทั้งสอง แต่หลังจากวันนี้ไปทั้งสองจะเป็นคน ๆ เดียวกันแล้ว ลุงในฐานะตัวแทนพ่อของหนูนินที่ไม่สามารถมาร่วมงานนี้ได้ ก็ขอให้หนูนินมีความสุขในชีวิตคู่ ลุงไม่อยากให้การแต่งงานของทั้งคู่มันจบเพียงแค่สามเดือน การที่คนเราตัดสินใจแต่งงานมันไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ เมื่อทั้งสองได้ตัดสินใจไปแล้ว การแต่งการคือพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์แม้จะเป็นการแต่งงานเล็ก ๆ มันคือการประกาศคำมั่นสัญญาของทั้งสองคนว่าจะรักกัน อยู่ด้วยกันไปจนวันตาย ลุงกับแม่ของไตรก็ไม่ได้รักกันมาก่อน แต่เพราะลุงสัญญาว่าจะรักแม่ของไตร จะซื่อสัตย์ วันเวลาที่ลุงได้อยู่กับแม่ของไตรก่อเกิดเป็นความรัก จนวันนี้ไม่เคยมีสักวันที่ลุงจะหยุดรักแม่ของไตร สิ่งที่ลุงอยากจะบอกคือ ความรักไม่จำเป็นต้องศึกษาดูใจกันเป็นสิบปี บางคนคบหากันนานแต่พอแต่งงานอยู่ด้วยกันไม่เท่าไหร่ก็เลิกกัน ลุงอยากให้จำไว้นะนินพื้นฐานของความรักคือการซื่อสัตย์ หัวใจของคู่แต่งงานคือการอดทนต่อกัน และสิ่งที่จะทำให้คนที่รักกันไม่มีวันทิ้งกันคือการให้อภัยกัน อย่าหาว่าคนแก่บ่นเลยนะ ลุงอยากให้หนูได้เจอชีวิตคู่ที่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้อดทน แล้วทุกอย่างจะดีเอง มีความสุขมาก ๆ นะหลานสาวที่น่ารักของลุง” เมื่อตรีศูลเอ่ยจบก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ติณภพให้โอวาทลูกชายจบพอดี ใบหน้าเจ้าบ่าวยังคงนิ่งสงบ ทั้งสองประสานสายตากันสุดท้ายลลนาก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตา ลลนาเปลี่ยนไปนั่งฝั่งของเจ้าบ่าว และยกมือขึ้นไหว้พ่อเจ้าบ่าวก่อนส่งมือให้
“นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่สี่ของลูกชายลุง ไม่สิ ต้องเป็นพ่อสินะ พ่ออยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าติณห์มัน พ่อฝากมันด้วย นี่อาจไม่ใช่งานแต่งงานที่หนูต้องการ แต่ลุงเชื่อว่าถ้าหนูลองมองติณห์มันในอีกด้าน การใช้ชีวิตคู่ของทั้งคู่จะต้องราบรื่น และมีความสุขแน่ พ่อขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข พ่อเชื่อว่าหนูกับติณห์จะต้องมีความสุข ชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความรัก แค่ความเข้าใจกันก็พอแล้ว พ่ออยากให้จำไว้คำสามคำที่จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่น ขอบคุณ ขอโทษ และอภัย สามข้อนี้จะทำให้หนูมีความสุข และหนูคงพอรู้มาบ้างว่าที่ติณห์มันเป็นแบบนี้มันมีความทรงจำที่ไม่ดีมาก่อน พ่อเชื่อว่าหนูจะเป็นคนทลายปราการสูงของมันให้พังลงได้ จากนี้หนูนินถือว่าเป็นลูกของพ่อคนหนึ่ง พ่อพร้อมจะช่วยเหลือหนูทุกเมื่อ นี่ถือว่าพ่อให้เป็นของขวัญ” ติณภพยืนกล่องใบหนึ่งให้ ติณภัทรที่ผูกข้อมมือเสร็จแล้วหันไปมองสิ่งที่พ่อยืนให้หญิงสาว
“แค่งานแต่งที่ตัดพิธีรีตองพ่อก็ไม่สบายใจแล้ว สินสอดยังไม่มีอีก พ่อคิดว่ามันถือเป็นการไม่ให้เกียรติหนู ถือว่าเป็นสินสอดรับหมั้นหนูนิน” ลลนาไม่กล้ายื่นมือเข้าไปรับ จนติณภัทรสะกิดแขนเจ้าสาวและพยักหน้า
“ขอบคุณค่ะ” ลลนายกมือไหว้และรับกล่องสีแดงนั้นมา
“เปิดดูหน่อยสิ”ลลนาค่อย ๆ เปิดกล่องออก ข้างในคือเครื่องเพชรลวดลายเถาดอกไม้ที่มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู กำไลข้อมือ ซึ่งไม่ได้ประดับเพชรจนดูโอเวอร์ แต่มีเพชรเม็ดเล็ก ๆ ถ้าคนดูเพชรเป็นจะรู้ว่าถึงแม้เพชรเม็จจะเล็กแต่มันก็น้ำงามมาก ไม่มีรอยตำหนิใด ๆ ลลนามองประกายเพชรวูบวาบอย่างตื่นตา ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยจับทีไหนล่ะ ลูกชาวไร่ชาวสวนอย่างเธอมีไปทำไม แถมมันไม่ได้เข้ากับเธอเลย
“นี่มันเพชรของคุณย่าน้อยนี่ครับ” ติณภัทรเอ่ย เขาจำเครื่องเพชรชุดนี้ได้ เครื่องเพชรชุดนี้เป็นของย่าน้อย ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของย่าใหญ่ แม่ของติณภพ ท่านเสียไปสี่ปีแล้ว และคุณย่าใหญ่ก็รักเครื่องเพชรชุดนี้มาก แต่คุณพ่อเขากลับเอามันมาให้ลลนา
“ใช่ พ่อขอย่าใหญ่มา พ่อยกให้หนู ของที่มีคุณค่าควรอยู่กับคนที่คู่ควร และพ่อคิดว่าหนู่นินคู่ควรจะเป็นเจ้าของที่สุด” ลลนาทำหน้าลังเลใจ
“แต่ว่า”
“พ่อไม่รับคืน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวฉัตรบริรักษ์ หนูเป็นสะใภ้ของฉัตรบริรักษ์แล้ว ดังนั้นควรมีมันไว้” ลลนายกมือไหว้อีกครั้ง เธอคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ใส่แน่ ถึงแม้มันจะสวยมากก็ตาม เธอเป็นภรรยากับเขาแค่สามเดือน พอครบก็จบเธอคิดว่าควรคืนมันให้ติณภัทรจะดีกว่า
“เอาล่ะครับ พิธีใช้เวลาจำกัดตามใจเจ้าบ่าว เอ่อ...เราจะเข้าสู่พิธีลำดับต่อมา พิธีต่อมาเป็นพิธีสวมแหวน แหวนเป็นสัญลักษณ์ของการครองคู่ที่เป็นนิจนิรันดร์ เป็นสิ่งที่จะให้บ่าวสาวได้นึกถึงวันนี้ วันที่ทั้งคู่สัญญารักกัน เมื่อมีปัญหาขอให้นึกถึงวันนี้ วันที่ทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน” ลลนาถึงกับเบ้หน้าให้กับคำพูดของธนกฤต ไตรรัตน์ส่งกล่องใส่แหวนให้ติณภัทร ที่นั่งรอด้วยสีหน้านิ่งเช่นเดิม เขาหยิบแหวนออกมาจากกล่อง
“เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวสิ” ติณภพเอ่ย ลลนายื่นมือให้เจ้าบ่าวที่มองเธออยู่ ทันทีที่มือของเจ้าบ่าวจับมือเจ้าสาวประกายตาที่นิ่งสุขุมของเจ้าบ่าวก็มีแววขบขันทันที ก็มือเจ้าสาวทั้งสั่นทั้งเย็นขนาดนี้บ่งบอกถึงระดับความตื่นเต้นของฝ่ายเจ้าสาว ถึงแม้ใบหน้าจะไม่ได้ยิ้ม แต่สายตาเขามันบอกอะไรได้เยอะ สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าสาว แหวนสีเงินที่มีเพชรเม็ดเล็ก แต่น้ำงาม ซึ่งเจ้าสาวก็ไม่ได้เป็นคนเลือกเอง คุณเลขาของติณภัทรเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง แหวนเพชรค่อย ๆ เลื่อนเข้าสู่นิ้วเรียวงามของเจ้าสาว
“ไหว้เจ้าบ่าวสิลินิน” ธิติยากระซิบบอก ลลนายกมือไหว้แบบขอไปที แล้วหยิบแหวนที่เพื่อนยื่นให้
“มือ” ลลนาเอ่ย เมื่อเห็นเจ้าบ่าวนั่งนิ่ง สุดท้ายเธอก็ถือวิสาสะดึงมือเจ้าบ่าวขึ้นมาเอง และสวมแหวนสีเงินเรียบ ๆ นั่นอย่างรวดเร็ว เธออยากจะออกไปจากที่นี่เสียที
“พิธีจบแล้วใช่ไหม” เสียงเจ้าบ่าวเอ่ยขึ้นพร้อมลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป แต่
“ยัง” เสียงที่ดังนี้คือเสียงของติณภพที่ยังนั่งนิ่งมองลูกชายที่เหมือนจะเร่งรีบเหลือเกิน “ยังเหลือการจดทะเบียนสมรส” คู่บ่าวสาวมองหน้ากัน เหมือนไม่ได้รู้ล่วงหน้า
“ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าไม่มีการจดทะเบียนไง” ลลยาเอ่ยถามขึ้นอย่างขัดใจ
“ผมก็ไม่รู้ ผมบอกคุณพ่อไปแล้ว คุณไปยืนยันเอาเองแล้วกัน” ติณภัทรเอ่ย แต่ยังไม่ทันพูดอะไร อติพงศ์ก็เดินนำผู้ชายมีอายุแต่งกายสุภาพอย่างคนทำงานราชการเข้ามา
“มาพอดีเลย นี่พ่อเชิญท่านนายอำเภอมาแล้ว ท่านไม่ค่อยว่างแต่สละเวลามาให้พวกเรา ให้เกียรติท่านนายอำเภอหน่อย มานั่งกันก่อน” ติณภพเอ่ย แต่สองบ่าวสาวยังคงยืนนิ่งไปขยับ เจ้าสาวส่งสายตาเป็นคำถามว่าเอาไง ในขณะที่เจ้าบ่าวจะเดินออกจากงานไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม
“จะไปไหน คุณลุงสั่งให้แกไปนั่ง” ณัฐพลขวางทางไว้ โดยข้าง ๆ คือภูริคุณหมอสุดหล่อหน้าตี๋ที่มองหน้าเขาและส่ายหน้าเป็นเชิงว่าปล่อยให้ไปไม่ได้ อติพงษ์ก็รีบเข้ามายืนขวางสมทบ
“แกกลับไปนั่งเถอะไอ้ติณห์ ถ้าคุณลุงโกรธแกตายแน่ แกทำมาตั้งเยอะแล้ว อยู่ต่ออีกนิดจะเป็นอะไรไป กลับไปนั่งเถอะ อย่าทำให้พวกฉันลำบากใจไปด้วย แกดูหน้าคุณลุง” ติณภัทรหันไปมองพ่อที่กำลังมองหน้าตนอย่างออกคำสั่ง เขาไม่ใช่คนกลัวใคร แต่เขาถูกสอนให้เคารพบิดามาตลอด และถ้าเขาขัดคำสั่งนั่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติคนเป็นพ่อ และไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะขัดคำสั่งพ่อเขาได้ เขาจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิม ในขณะที่เจ้าสาวยืนหน้าเสียไม่ยอมกลับไปนั่ง แพรวพิมลมองหน้าธิติยาและพยักหน้าเดินไปลากตัวเจ้าสาวกลับมานั่งที่เดิม ซึ่งเจ้าสาวสะบัดตัวแต่เพราะอยู่ในชุดที่เคลื่อนไหวยากเลยถูกลากกลับมานั่งที่เดิม
“คุณลุงคะ แต่นินเซ็นสัญญากลับคุณติณห์แล้วว่าเราจะไม่มีการจดทะเบียน” ลลนารีบบอกปัดทันที เรื่องอะไรเธอจะเอาชีวิตไปผูกไว้กับเขาทั้งชีวิตเล่า
“นั่นมันคือการตกลงของหนูกับนายติณห์ แต่พ่อไม่ได้ไปเซ็นด้วย และพ่อกับพ่อของไตรก็ตัดสินกันแล้วว่าการแต่งงานที่สมบูรณ์ควรจะมีทะเบียนสมรส และมันเป็นหลักประกันให้แก่หนูถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมา”
“แต่ว่า....”
“เอาล่ะเดี๋ยวเสียฤกษ์กันพอดี” ลลนาเองอยากจะบอกเหลือเกินมาฤกษ์มันเสียตั้งแต่คิดจะจัดงานแต่งงานแล้ว ลลนามองเพื่อน ๆ ที่ไม่มีใครมองหน้าเธอทุกคนมองเพดาน โต๊ะ เก้าอี้ไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“คุณพูดอะไรบ้างสิคุณติณห์ เราตกลงกันแล้วนะคุณติณห์” ลลนาเอ่ยกับเจ้าบ่าว ทั้งที่ตอนนี้เธออยากจะอาละวาดออกมาแล้ว ถ้าไม่เกรงใจผู้ใหญ่สามคนที่นั่งกันอยู่ด้านหน้า
“จะให้พูดอะไรเล่า ผมไม่เคยขัดพ่อได้เลยสักครั้ง ถ้าท่านบอกว่าให้จดผมก็ต้องจด ผมไม่อยากมีปัญหากับพ่อ คุณก็ยอมจด ๆ ไปก่อนแล้วค่อยหย่ากันทีหลังก็ได้” เอ่ยจบใบทะเบียนสมรสก็ถูกยื่นมาให้เจ้าบ่าว ติณภัทรมองหน้าบิดาที่จ้องตนและมองทะเบียนสมรสเหมือนเป็นการสั่งเสร็จสรรพว่าเซ็นเดี๋ยวนี้ เจ้าบ่าวจรดปลายปากกาเซ็นเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่เจ้าสาวยังนั่งนิ่ง
“ถ้าหนูนินไม่เซ็น ลุงว่าลุงจะต้องเรียนเรื่องนี้แก่คุณทศพล หนูคงเข้าใจนะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าคุณทศมารู้ที่หลังลุงเองก็จะเสียผู้ใหญ่ไปด้วย” ตรีศูลเอ่ยเสียงเรียบ แต่มันก็ทำให้ลลนาเสียขวัญขึ้นมาได้
“ค่ะ นินจะเซ็นก็ได้” ได้ยินชื่อพ่อลลนาไม่คิดอะไรอีก ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพ่อเธอมันจะไม่จบแค่นี้แน่นอน ลลนามั่นใจ เผลอ ๆ จะบังคับมากกว่านี้ เธออาจไม่ได้หย่าก็ได้คราวนี้ ยิ่งพ่อเห็นว่าเธอตั้งตัวเป็นทอมด้วย
“ผมจะให้เจ้าสาวเปลี่ยนมาใช้นามสกุลทางฝ่ายเจ้าบ่าวช่วยจัดการด้วยนะครับ ส่วนคำนำหน้าให้แล้วแต่เจ้าสาว หนูนินหนูจะเปลี่ยนคำนำหน้านามไหม” ติณภพเอ่ยถามเจ้าสาวที่ตอนนี้นั่งหน้าซึมไปแล้วจนเจ้าบ่าวต้องสะกิดแขน
“ไม่ค่ะ” ติณภพยิ้มเมื่อนายอำเภอยื่นใบทะเบียนสมรสให้แก่เจ้าสาว ปากกาจรดลงพร้อมกับใบหน้าที่เศร้ากว่าเดิม จบแล้วชีวิตเธอ จากนี้เธอจะไม่ใช่นางสาวลลนา แก้วเพชรพลอยอีกแล้ว แต่เธอกำลังจะเป็นนางสาวลลนา ฉัตรบริรักษ์ ไม่จริง จบสิ้น โลกใบสวยของเธอจบแล้ว การแต่งงานไม่ต่างจากการฆ่าชีวิตเธอเลย มันคือหายนะในชีวิตเธอ ต่อจากนี้เธอจะมีหน้าไปบอกใครที่ไหนว่าเธอคือหญิงสาวที่แกร่งกว่าผู้ชาย เธอคือผู้หญิงที่สามารถใช้ชีวิตเพื่อหญิงสาวที่รักได้ ตอนนี้มันจบแล้ว จบตั้งแต่ที่เธอเซ็นสัญญาฉบับคนเมานั่น ลลนาได้แต่นั่งคลุ้มคลั่งในใจ
“ครับต่อจากนี้คุณทั้งสองคนถือเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้คุณทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอยากมีความสุข ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับคุณติณภพ” นายอำเภอยิ้มทั้งที่สงสัยว่าคนที่แต่งกันกันทำไมถึงทำหน้าเหมือนกับจะโดนฆ่าอย่างนั้น แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามและลุกขึ้นเดินออกไป โดยมีอติพงษ์เดินไปส่ง
“เอาล่ะทีนี้จบจริง ๆ แล้วนะครับ” ติณภัทรพูดและลุกขึ้น แต่ติณภพเร็วกว่า
“ยัง คืนนี้เราจะมีงานเลี้ยงกันด้วย” ติณภัทรหน้าตึงขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่ามันยังไม่จบ
“แต่ผมไม่ได้สั่งให้จัด”
“แต่พ่อสั่ง คืนนี้เราจะปาร์ตี้ริมหาดกัน ซึ่งแกต้องอยู่ หนูด้วยนะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่อยู่งานเลี้ยงจะมีได้ยังไง” งานแต่งที่เธอคิดว่ามันจะจบแค่นี้กับมีคนเพิ่มเติมมันโดยที่เธอและเจ้าบ่าวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ มันชักจะบ้าบอไปกันใหญ่แล้ว
“แต่ผม...”
“คืนนี้ถ้าฉันไม่เห็นแกในงาน รับรองถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณหญิงแม่แก แกตายแน่ แกคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแม่แกรู้เรื่องนี้ ไปครับคุณตรีศูล เราไปหาอะไรผ่อนคลาย ๆ ทำกัน นาน ๆ จะว่างมาพักผ่อน”
“ครับ” และทั้งสองก็เดินออกไป ทิ้งให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งนิ่ง คนหนึ่งรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลาย อีกคนไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา แต่รับรู้ได้ถึงรังสีที่ประกาศออกมาว่ากำลังโกรธ และคนที่เขาโกรธคือบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวตัวแสบที่คงรู้ล่วงหน้าแน่นอน
“เอ่อ....ฉันว่าฉันไปหาอะไรกินดีกว่า ไปเว้ย เอ่อ...หนูนาครับไปกินข้าวกันครับ ไปเร็วครับ แถวนี้บรรยากาศชักจะไม่ดี” ธนกฤตเอ่ยชวนหนูนาที่ยิ้มรับและเดินออกไป ตอนนี้ความโกรธของเจ้าบ่าวกำลังขึ้นสูงถ้าอยู่ต่อต้องมีคนรองรับอารมณ์นี้แน่นอน ทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว ลลนาลุกขึ้นยืนบ้างและเดินออกไปอย่างเหม่อลอย ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว
ตุบ!!!
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ” ลลนาเอ่ยเมื่อเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้าจัง ๆ
“ไม่ต้องขอโทษก็ได้ครับ ผมเองก็ผิดที่เดินไม่ระวัง คุณไม่เป็นอะไรนะครับ” ใบหน้าหล่อที่แสนสุภาพยิ้มเล็กน้อย แต่เป็นรอยยิ้มที่รู้สึกผิดนิด ๆ ลลนาส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ว่าแต่คุณออกมาจากงานนั้น ข้างในมีงานแต่งหรือครับ”
“เอ่อ...จริงสิครับ ผมเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่ง...” เขาทำหน้านึก “อ๋อ นึกออกแล้ว คุณคือลลนา เจ้าของนามปากกา อัศวินสีคราม ที่เขียนนิยายเรื่องเงา ผมติดตามผลงานคุณมานาน แต่ไม่มีโอกาสพบคุณตรง ๆ แบบนี้เลย นิยายของคุณสนุกมากเลยนะครับ เล่มต่อไปจะเป็นยังไงบอกหน่อยได้ไหมครับ”
“เอ่อ...เอาไว้ติดตามดีกว่าค่ะ คือฉัน” ยังพูดไม่จบเขาก็ยื่นหนังสือให้เธอ
“เซ็นให้ผมได้ไหมครับ ผมเสียใจมากที่งานหนังสือเมื่อสามเดือนก่อนไม่ได้ไปขอลายเซ็นคุณ แต่ครั้งนี้ผมต้องไม่พลาด นะครับ” ลลนายิ้มและพยักหน้ารับหนังสือมาเซ็นให้ หนังสือเล่านี้เป็นหนังสือที่พิมพ์ครั้งแรก เป็นฉบับพิเศษที่มีเพียงหนึ่งร้อยเล่ม ซึ่งมีเพียงผู้โชคดีหนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่ได้มัน แปลว่าเขาติดตามนิยายเธอจริง ๆ
“ขอบคุณมากครับ ดีใจมากที่ได้พบคุณ ผมยังอยู่ที่นี่อีกหลายวันหวังว่าจะได้พบคุณอีก จริงสิผมลืมแนะนะตัวเลยผมตรัสวิน เรียกผมว่าวินก็ได้ครับ”
“ค่ะ”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” และเขาก็เดินไป ทิ้งให้ลลนายื่นยิ้มเหมือนอึ้ง ๆ ผู้ชายอารมณ์ดีที่พูดเองเออเองคนเดียวจบ เธอแทบไม่ได้ตอบอะไร ก็ดีเหมือนกันที่เขาไม่เซ้าซี้ถามว่าเธอมาทำอะไร แต่งงานกับใคร อะไรยังไง ไม่อย่างนั้นเธอคงได้สะบัดหน้าเดินหนีแน่
“นั่นใครน่ะ” เสียงทุ่มนิ่ง ๆ ที่ดูทรงพลังเหลือเกินเอ่ยถาม
“เขาเป็นแฟนคลับนิยายฉันน่ะ” ลลนาตอบ ใบหน้าหันกลับมามองเขา “ฉันขอไปพักนะ ฉันปวดหัว แล้วคุณเตรียมคิดด้วยว่าจากนี้คุณพ่อของคุณจะจัดการอะไรอีก ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ ฉันไม่ตกลงแต่งซะก็ดี สัญญาที่เซ็นไปมันไม่มีความหมายเลย”
“มันมีแน่ เพราะมันเป็นหลักประกันมัดผมและคุณ ที่เพื่อน ๆ คุณใช้เป็นข้ออ้างให้มีงานนี้ไงล่ะ”
“ฉันมันคนที่ซวยที่สุด ฉันเคยบอกแล้วว่างานแต่งงานมันคือหายนะสำหรับฉัน มันคือหายนะของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำไมแผ่นดินไม่ซูบฉันไปเลยนะ ฉันจะได้ไม่ต้องมาชดใช้กรรมแบบนี้”
“มาร้องคร่ำครวญตอนนี้มันไม่มีประโยชนอีกแล้ว เอาเวลาไปพักดีกว่าคุณ”
“เพราะคุณคนเดียว” ลลนาที่นึกอะไรไม่ออกหันมาชี้หน้าติณภัทร “เรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันจะไม่เกิดถ้าคุณครองสติให้ดี เพระคุณคนเดียว คุณเป็นนักธุรกิจ เป็นคนดัง คุณน่าจะดื่มแล้วอึดกว่านี้ ไม่อย่างงั้นเรื่องบ้า ๆ มันไม่เกิดขึ้นแน่”
“มันเป็นความผิดของคุณไม่ใช่หรอ คุณเป็นผู้หญิงถ้ารู้ตัวมาว่าเมาง่ายแล้วดื่มทำไม ทำตัวเป็นเมรีขี้เมาแล้วมาโทษคนอื่นมันไม่ถูกหรอกนะครับคุณลลนา” เขาพูดและมองหน้าเธอนิ่ง ๆ และหน้านิ่ง ๆ มันยิ่งทำให้เธอโกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง
“คุณโยนความผิดให้ผู้หญิงหรอ คุณไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด”
“แต่คุณไม่ใช่ผู้หญิง คุณบอกว่าคุณเข้มแข็งกว่าผู้ชายไม่ใช่หรอ ดังนั้นคำว่าลูกผู้ชายอาจไม่จำเป็นต้องมาใช้กับคนที่ไม่รู้สถานะที่แน่นอนของตัวเองหรอกมั้ง” หน้าสวยหวานชาสนิทขึ้นมาทันที มือเล็กง้างขึ้นทำท่าจะต่อยใบหน้าหล่อ ๆ ให้หายแค้นใจ แต่
ฟึบ!!!
หมัดลุ่น ๆ กับฟาดได้เพียงอากาศ ร่าบางในชุดไทยถึงกับพุ่งหลาวไปนั่งกองกับพื้นทราย หน้าสวยหันไปมองเจ้าบ่าวที่ตอนนี้ขยับมุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“คุณ!!!” ลลนาชี้หน้าเจ้าบ่าว เขาไม่ได้พูดอะไรและเดินหนีไป ทิ้งให้เจ้าสาวกำทรายปาไปหวังว่ามันจะโดนแต่กลายเป็นว่าเธอนั่งอยู่หลังลม ทรายจึงพักเข้าใส่หน้าเธอเต็ม ๆ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนทราย เข้าหูเข้าตา
“ไอ้บ้า ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วยวะ โธ่เว้ย!!!” ลลนามองตามแผ่นหลังนั้นไป ถ้าลลนาได้เห็นหน้าตรง ๆ คงจะไม่เชื่อที่รอยยิ้มหยันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานละมุนที่ทำเอาสาว ๆ ละลายลงกับพื้นได้แน่นอน

“จัดการมันเลยไหมครับ” ชายในชุดสีดำที่ยินอยู่หลังชายในชุดสูบสีเทาเอ่ยถาม
“ยัง รอไปก่อน ฉันรอมาได้ตั้งนาน รออีกนิดจะเป็นอะไรไป ฉันจะจัดการมันแน่ อีกไม่นานฉันจะทำลายมันให้ย่อยยับ ให้มันชดใช้สิ่งที่มันทำ แกไปหาข้อมูลของผู้หญิงนั่นมา นางผู้หญิงนั่นอาจจำเป็นกับเรา” แว่นสีดำที่อำพรางใบหน้าคมนั้นไว้ทำให้เดาสายตาที่มองไปข้างหน้าไม่ออก
“ครับนาย”
“นายครับ คนของเรารายงานมาว่า เราจะเจอปัญหาใหญ่ครับ ตำรวจสากลกัดเราไม่ปล่อย เราไม่สามารถส่งของได้ ท่านทาเคดะสั่งให้นายกลับจีนอาทิตย์หน้า นายจะให้ผมเลื่อนนัดมิสเตอร์จอห์นไหมครับ”
“เลื่อนไปก่อน เป็นอาทิตย์หลังจากฉันกลับจากจีน”
“ครับนาย”
“เรื่องของมิสเตอร์โรเบิร์ตไปถึงไหนแล้ว” เขาถามขณะที่ยังจับจ้องภาพเบื้องหน้า
“มันกำลังจะไปที่จีนวันพรุ่งนี้ครับ คิดว่าคงมาเรื่องของล็อตใหญ่ สายเรารายงานมาว่ามันจะมาไทยด้วยครับ นายจะให้คนของเราสืบต่อไหมครับว่ามันมาทำอะไร”
“ไม่ต้อง ติดต่อไปบ่อยพวกมันอาจรู้ นายไปจัดการงานของนายให้คนเตรียมรถด้วย” ชายในชุดสูทสีเทาเดินออกจากระเบียงห้องไป ภาพเบื้องหน้าที่เขายืนมองเมื่อครู่คือชายหญิงที่เหมือนทะเลาะกัน แต่ใบหน้าที่เดินหนีไปของชายหนุ่มนั้นประดับด้วยรอยยิ้ม ดังนั้นหมากครั้งนี้ของเขา คือผู้หญิงคนนั้น



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2556, 15:08:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2557, 19:17:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 2938





   6 วิวาห์ป่วน >>
แว่นใส 31 ธ.ค. 2556, 17:54:47 น.
ระวังตัวนะ ภัยร้ายกำลังมาแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account