ลิขิตรักสัญญาหัวใจ
คำโปรยเรื่อง
“ทำไมคุณถึงเป็นทอม” คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังจะหลับเพราะฤทธิ์ของเบียร์กระป๋องเงยหน้าขึ้น ตาสวยดูสะลืมสะลือ เหมือนจะหลับแต่ก็ยังไม่หลับ
“ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ”
“ก็ปกติคนเราทำอะไรก็ต้องมีเหตุผล” หนุ่มหล่อตอบกลับไป แต่ตาไม่ได้หันไปมองหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ
“เหตุผลมานง่ายนิดเดียว แต่ขอนึกก่อน....อืม...อ้อ...นักออกแล้วฉานก็แค่เกลียดผู้ชาย ผู้ชายมันเป็นพวกหลอกลวง มีแต่คนหลอกลวงทั้งนั้น หวังแต่จาฟันผู้หญิง ไม่มีดีสักโคน เมื่อไม่มีผู้ชายดี ๆ ฉันก็อยากเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งกว่าไอ้พวกผู้ชาย พิสูจน์ให้พวกมันเห็นว่าฉันดีกว่าพวกมัน และมีคุณค่าที่จะรักผู้หญิงสักคนมากกว่าพวกมันที่ใช้ผู้หญิงกันอย่างสิ้นเปลือง” ลลนาตอบและกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึก
“แต่ผู้ชายดี ๆ ก็ยังมีอยู่ แล้วผู้หญิงดีกว่าผู้ชายตรงไหน ทั้งที่ฉันคิดว่าฉันมีโปรไฟลดี แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหนีไปคบกับทอม ทอมดีตรงไหน เธอคิดว่าพวกเธอดีตรงไหนกัน” ทั้งที่ปากยังถามอยู่ แต่ดวงตาคมกริบกลับไม่ได้มองคู่สนทนาแต่กลับมองกระป๋องเบียร์คล้ายเหม่อลอย มาดปกติเขาอาจจะดูสุขุม ดูเย็น ๆ ดูปิดกั้น บทบาทพูดจึงดูน้อยในหมู่เพื่อน ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ไม่มีทางที่จะเห็นเขาง้างปากพูด ยิ่งเวลาเมา เขาจะเงียบ เงียบจนน่ากลัว แต่ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ตัวเอง การผิดหวังถึงสามครั้งเกิดข้อสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้ขึ้นมา
“ฉานก้อม่ายรู้ ตอบม่ายด้าย ถ้าคูนอยากรู้ก้อปายคบกับทอมสิ จะได้รู้ว่าทอมดียางงาย ง่าย ๆ แค่เนี้ย ปานหามานอยู่ที่ไหนก็ไปตรงน้านแหละ” ลลนาตอบกลับไป ทั้งที่หัวตอนนี้ฟุบลงที่โต๊ะกระจก
“ก็จริง...งั้นเรามาคบกันดูไหม”


........หลังจากเริ่มอัพลงทีละตอน ยังไงก็ช่วยคอมเมนต์ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ.......

Tags: ความรัก ความเศร้า การเปลี่ยนแปลง

ตอน: 6 วิวาห์ป่วน

6
วิวาห์ป่วน

เสียงเพลงที่หน้าบ้านพักหลังใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ บ่งบอกว่าค่ำคืนนี้กำลังมีปาร์ตี้ริมสระ ซึ่งปาร์ตี้กลางคืนนี้ไม่ได้มีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเหมือนดั่งตอนเช้า แต่ยังเชิญแขกในรีสอร์ทมาร่วมปาร์ตี้ทำให้ปาร์ตี้ดูคึกครื้น แสงไฟจากคบเพลิงที่จุดเป็นแนวทางยาวสว่างไสว แต่ก็ไม่สว่างไปกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่กำลังส่องแสงระยิบระยับน่ามอง ลลนาที่ถูกจับเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงเนื้อบางสีขาวยาวกรอมเท้า ที่แขนเสื้อนั้นเป็นแขนตุ๊กตา ส่วนล่างคือ กระโปรงที่ทิ้งตัวยาวลงยาวกรอมเท้า ที่ส่วนชายกระโปรงเป็นผ้าระบายลูกไม้ที่ตัดเย็บอย่างประณีต ความอ่อนช้อยของชุด ช่วยทำให้เจ้าสาวดูนุ่มนวลอ่อนหวานมากขึ้น แต่ไม่หวือหวามากนัก เหมาะกับบรรยากาศริมทะเล บนศีรษะสวมมงกุฎดอกไม้ ผมที่ตอนนี้ยาวกว่าเมื่อสองเดือนก่อนเล็กน้อยถูกย้อมกลับมาเป็นสีดำ ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางสีหวานบาง ๆ พอเหมาะกับงานในคืนนี้ ซึ่งกว่าจะจับเจ้าตัวใส่ชุดนี้และแต่งตัวได้ทำเอาคนแต่งตัวถึงกับลมจับเมื่อเจ้าสาวไม่ให้ความร่วมมือสักนิด
“ฉันไม่เคยฝันมาก่อนเลย นับตั้งแต่วันที่แกคิดจะเป็นทอม ฉันไม่เคยคิดอีกเลยว่าแกจะได้แต่งงานอีก แต่วันนี้ พวกเราอยากร้องไห้” ธิติยาเอ่ยและจับมือเพื่อน
“ไม่ต้องทำหน้าซาบซึ้งใจ เพราะฉันไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด” ลลนาเอ่ย
“แต่พวกฉันดีใจนี่นา แกเป็นคนแรกให้หมู่พวกเราที่ได้แต่งงาน มันซาบซึ้ง กว่าจะถึงพวกฉันก็เมื่อไหร่ไม่รู้ บางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ แกเป็นตัวแทนของพวกเราเลยนะนิน”
“แกก็รู้มันก็แค่งานแต่งงานแก้ขัดของเขา มันจะเป็นงานแต่งครั้งเดียว เพราะหลังจากหย่า ฉันจะไม่แต่งงานอีกตลอดชีวิต ฉันจะไม่เอาหายนะมาผูกติดตัวฉันไปตลอดชีวิตแน่นอน”
“ปากไม่เป็นมงคลแบบนี้ ขอเอาไม้ตีปากสักทีเถอะ” แพรวพิมลเอ่ย
“ก็มันจริงนี่ งานแต่งหลอก ๆ ไม่ใช่งานแต่งจริง ๆ ถือว่าซ้อมแทนพวกแกไง ถึงวันพวกแกฉันจะได้ช่วย” ลลนาเอ่ย
“ไม่เอาแล้วค่ะ มันจะเป็นงานแต่งจริงหรือหลอก หนูนาไม่รู้หรอกนะคะ แต่สำหรับหนูนา มันคือวันที่ดีที่สุดของเพื่อนหนูนา ถ้ารู้ว่าลินินจะได้แต่งงาน วันนั้นหนูนาจะห้ามไม่ให้ลินินหั่นผมตัวเองทิ้ง” เพชรนารีเอ่ยและจับปอยผมซอยสั้นที่ยาวเพียงประบ่าของเธอ
“คิดว่าถ้าห้ามแล้วจะฟังไหมล่ะ” ทั้งสามไม่ตอบและพาเจ้าสาวออกจากห้องตรงไปที่งาน คืนนี้แขกในงานแต่งกายสีขาวไม่ต่างจากเจ้าบ่าวเจ้าสาว ติดที่ว่าที่เสื้อของแขกทุกคนจะติดเข็มกลัดดอกลีลาวดีสีขาวที่มีเกสรประกายสีเหลือง คงเป็นของแทนของชำร่วย ธิติยาเดินจูงเจ้าสาวมาถึงสถานที่จัดงาน ตอนนี้เจ้าบ่าวกำลังยืนหน้าเซ็งอยู่ในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้จะอยู่ในชุดสีขาวกลืนกับทุกคนแต่เขาก็ยังดูโดดเด่นมีออร่าประกายออกมา วันนี้เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกลัดกระดุมสี่เม็ด โดยปลดเม็ดบนออก แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวยาวพับแขนขึ้นเล็กน้อย สวมทับด้วยกางเกงสีขาวขายาวพับขากางเกงขึ้นเล็กน้อย บนหัวของเขาสวมมงกุฎดอกไม้เช่นเดียวกับเธอ ลลนาได้แอบเดาในใจว่าคงต้องคะยั้นคะยอนานมากแน่กว่าเขาจะยอมใส่มงกุฎดอกไม้นั่น แต่วันนี้เขาดูหล่อมากเมื่ออยู่ในลุคสบาย ๆ แบบนี้ และถ้าเขายิ้มอีกนิดมันจะทำให้เขาหล่อขึ้นอีกแน่นอน
“พี่ติณห์หล่อใช่ป่ะล่ะ” ธิติยาเอ่ย
“งั้น ๆ แหละ หล่อหน้าตายแบบนี้ เจ้าสาวที่ใช้ชีวิตด้วยคงเฉาตาย โชคดีของเจ้าสาวสามคนที่หนีไป แต่โชคร้ายมาตกอยู่ที่ฉันแทน” ลลนาเอ่ย ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ความรู้สึกตื่นเต้นก็ยิ่งทะยานเข้าใส่เธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ปากก็บอกว่างั้น ๆ แต่พอเดินไปใกล้กลับควบคุมอาการแทบไม่อยู่ เธอจะเป็นแบบนี้ไม่ได้เธอไม่มีวันกลับไปชอบผู้ชาย ไม่มีวัน เธอจะไม่ยอมเจ็บเพราะผู้ชายหน้าไหนอีก เธอจะไม่ยอม
“เฮ้!!! เจ้าสาวมาแล้วครับ ผมต้องขอเวลาสักห้านาทีก่อนจะเริ่มปาร์ตี้กันต่อ ขอเชิญบ่าวสาวขึ้นมากล่าวอะไรเล็กน้อย เพื่อเป็นเกียรติให้เหล่าแขกที่มาร่วมงานในคืนนี้ เชิญครับ” ธนกฤตที่ถือไมค์ยืนอยู่บนเวทีไม้ยกระดับขึ้นมาหนึ่งขั้นบันไดเอ่ยเรียก เจ้าบ่าวยังยืนนิ่งจนติณภพสะกิด ทำให้เจ้าบ่าวเดินไปหาเจ้าสาว ติณภัทรมองสาวมาดทอมที่ปกติแต่งตัวห้าว ๆ ตามประสาคนที่บอกว่าตัวเองเป็นทอม ถึงอยู่ในลุคทอมเธอก็ยังสวยและดูดี แต่พอมาแต่งตัวสวย ๆ หวาน ๆ ลลนากับยิ่งสวย สวยมากจริง ๆ เขายืนมองเจ้าสาวด้วยแววตานิ่ง ทั้งที่ใจของเขากำลังสั่นไหว ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นแบบนี้มันเรียกว่าอะไรกันนะ แต่อีกไม่นานเขาก็จะเข้าใจมัน
“ยื่นมือให้เจ้าบ่าวสิคะลินิน” ลลนาลังเลอยู่พักหนึ่ง จน
“ให้เกียรติแขกสักนิดสิคุณ” ติณภัทรเอ่ยเสียงเรียบ ลลนามองเพื่อนที่พลักดันเธอให้เข้าใกล้เจ้าบ่าวอย่างไม่พอใจแต่สุดท้ายลลนาก็วางมือลงบนมือของติณภัทร มือของเขายังคงอบอุ่น แต่มือของลลนากับเย็นเชียบ และนั่นทำให้ลลนาเงยหน้ามองตาคมดุที่เหมือนกำลังยิ้มออกมาทางแววตา มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนเค้าแกล้งอย่างไรเธอก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้เธอเสียเซลฟ์
“อย่ามัวแต่มองตาหวานกัน เอาไว้มองกันในห้องหอ ตอนนี้เชิญขึ้นมาได้แล้วนะครับ คุณติณภัทร คุณลลนา” ธนกฤตเอ่ยแซว ยิ่งทำให้เจ้าสาวรู้สึกเสียเซลฟ์ แต่ติณภัทรก็กึ่งลากกึ่งดึงเจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางเสียงโห่แซว
“เอาล่ะครับ บ่าวสาวให้เกียรติเราแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าสาวจะยังตื่นเต้นอยู่ ถ้าอย่างนั้นเราก็เริ่มที่เจ้าบ่าวดีกว่าครับ เจ้าบ่าวมีอะไรอยากพูดหรืออยากจะบอกกับเจ้าสาวบ้างไหมครับ หรืออยากจะบอกกับแขก ตามสบายเลย” เจ้าบ่าวยังตีหน้านิ่งขรึมไม่ยิ้มรับ แทบอยากจะบอกไปว่าไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้นแหละ แต่ก็ยอมรับไมค์มาถือไว้ ดวงตาคมดุหันมองเจ้าสาวที่ขยับริมฝีปากพูดเสียงเบาให้ได้บินกันสองคน
“ในงานไม่ได้มีแค่คุณและเพื่อน มีคนอื่นด้วย ช่วยสร้างภาพสักนิดถ้าไม่อยากให้คุณพ่อคุณเสียหน้า ดูโน่นคุณพ่อคุณมองคุณอยู่ ตาแบบนี้พร้อมฆ่าคุณแน่” ติณภัทรมองไปด้านล่าง พ่อของเขากำลังจ้องมองเขาอย่างที่ลลนามอง
“ครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานครั้งนี้ ขอบคุณจริง ๆ ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานให้กับเราทั้งสอง ถึงแม้ผมกับเจ้าสาวจะรู้จักกันได้ไม่นาน” แน่นอนสี่วัน ไม่เกินห้า เจ้าสาวคิดในใจ
“แต่ผมก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับเธอ จากวันนี้เธอจะมาเป็นคู่ชีวิตของผม ผมก็จะดูแลและปกป้องเธอให้ดีที่สุด ตราบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลผู้หญิงคนหนึ่งได้ และผมจะทำตามที่ได้สัญญากันไว้อย่างแน่นอน ขอบคุณครับ” เจ้าบ่าวเอ่ยจบก็เงียบลง เสียงปรบมือดังมาจากด้านล่างเวที ทุกคนยิ้มออกมาแม้จะเป็นคำพูดที่ไม่ยาว แต่มันก็ดูจริงใจและจริงจังมากกับการที่เขาให้สัญญา ติณภัทรส่งไมค์ให้เจ้าสาวบ้าง เจ้าสาวได้แต่คิดในใจ แล้วเธอจะพูดอะไรล่ะ
“เอ่อ...คือว่า...ก็อย่างที่เจ้าบ่าวได้พูดไปหมดแล้วค่ะ ฉันดีใจที่ทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ ดิฉันขอสัญญาเลยว่านี่จะเป็นการแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตฉัน” แน่นอนก็เธอจะไม่แต่งงานกับใครอีกไงล่ะหลังจากหย่า แค่เธอมาแต่งงานกับผู้ชายมันก็คือหายนะของทอมแล้ว
“ฮิ้ว!!!” เสียงแซวจากข้างล่างทำให้เจ้าสาวปั้นหน้าไม่ถูก
“ดิฉันขอบคุณเจ้าบ่าวที่ให้เกียรติฉันเสมอมาตั้งแต่วันแรกที่เจอ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันจะยอมรับค่ะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำสัญญาของคุณด้วย ขอบคุณทุกคนด้วยค่ะ” ไมค์ถูกยื่นคืนให้ธนกฤต ธนกฤตมองหน้าลลนาและยิ้ม แต่ก่อนจะได้พูดต่อ
“หอมแก้ม” เสียงหนึ่งเล็ดลอดขึ้นมากลางวง และเมื่อมีเสียงหนึ่ง เสียงสองสามสี่ก็ตามมา และทั้งงานก็
“หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม” เสียงตะโกนดังขึ้น ทำเอาเจ้าสาวเจ้าบ่าวถึงกับนิ่งงัน เจ้าบ่าวมองลงไปด้านล่าง เขารู้ว่าต้นเสียงคือใคร จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ ก็เพื่อนตัวแสบที่กำลังยื่นกลั้นหัวเราะอยู่ข้างล่างนั่นไง
“เอ่อ...เจ้าบ่าวหอมแก้วเจ้าสาวหน่อยสิครับ แขกเขาขอมา” ธนกฤตพูดสมทบ ลลนาตีหน้าไม่ถูกหันไปมองติณภัทรที่ก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
“แล้วทำไมฉันต้อง” เจ้าบ่าวกำลังจะอ้าปากด่า แต่
“หอมสิติณห์ แขกอุตสาห์สละเวลามาร่วมเป็นสักขีพยานแกจะไม่ตามใจแขกหน่อยหรอ” ติณภัทรมองหน้าบิดาที่ตอนนี้ส่งสายตาดุ ๆ มาทางเขาและเขาก็หันกลับมามองหน้าเจ้าสาวที่กำลังส่ายหน้า ใบหน้าขาวซีดมากจนเขาแยกอารมณ์ไม่ถูกระหว่างจะหัวเราะหรือเป็นห่วง
“เอาน่าคุณ ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองไง” ติณภัทรพูด เพราะยิ่งเห็นสีหน้าตื่น ๆ ของลลนามันก็ทำให้เขายิ่งสนุกขึ้นมาอย่างประหลาด
“ไม่ ฉัน”
“คุณกลัว” คำสบประหม่าทำเอาเจ้าสาวนิ่ง หน้าตาบึ่งตึง เสียงเรียกร้องยังคงดังขึ้น เจ้าบ่าวโน้มตัวลงมาหอมแก้วเจ้าสาวตามคำขอ กลิ่นแก้มสาวหอมกรุ่นทำให้เจ้าบ่าวนิ่งชะงัก เขารู้สึกเหมือนแก้มนุ่ม ๆ นี่มันมีมนตร์สะกด แต่
“ออก..ไป...ได้...แล้ว” ลลนาเอ่ย ตอนนี้ใจเธอมันเต้นแรงมาก ใบหน้าสาวแดงอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกโกรธและเขินอายผสมปนเปกันไป อยากจะได้หน้าของใครสักคนมาลองรับอารมณ์โกรธที่กำลังจะปะทุขึ้นมาไม่หยุดนี่มกในเวลานี้
“เจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวบ้างสิ” ครั้งนี้ดวงตาหวานมองเสียงนั้นทันที ธิติยายิ้มอยู่ด้านล่าง ไม่เกรงกลัวสายตาอาฆาตมาดร้ายของเจ้าสาวบนเวทีเลยสัดนิด
“หอมกลับ หอมกลับ หอมกลับ”
“คุณ...ฉันไม่”
“แล้วแต่คุณนะ ถ้าคุณไม่หอม พวกเขาก็จะตะโกนอย่างเนี้ย คุณกับผมก็ไม่ได้ลงไปข้างล่างจนกว่าพวกเขาจะพอใจ” ลลนาไม่เคยรู้สึกอายเท่าวันนี้ ใบหน้าหวานตอนนี้แดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว ยิ่งเห็นว่าเจ้าบ่าวกำลังลอบยิ้มอยู่ เธอก็ยิ่งโมโห แน่สิเขาไม่อายแต่เธออาย เกิดมานอกจากแก้มพ่อเธอเคยหอมแก้มผู้ชายที่ไหนอีกล่ะ แม้แต่อดีตคนรักเธอยังให้จับได้แค่มือ แล้วเขาเป็นใครรู้จักกันแค่ห้าวัน เขากล้าดียังไง พูดแล้วอยากจะกรี๊ดออกมากลางงาน แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบกรี๊ดกร๊าด ดังนั้นเวลานี้ขอหน้าใครสักคนมารองรับหมัดของเธอจะดีกว่า
“หอมกลับ หอมกลับ หอมกลับ” ดูเหมือนทุกคนจะสนุกบนความทุกข์ของเธอมาก สุดท้าย
“ฉันลงไปเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าพวกมันทุกคน ...เร็วสิคุณ ฉันอายเป็นนะ” และคนตัวสูงก็โน้มหน้าลงมา เจ้าสาวรีบจรดปลายจมูกลงที่แก้วอย่างรวดเร็วและขืนตัวกลับมา แขกในงานต่างพากันยิ้ม มองในมุมข้างล่างช่างเป็นภาพที่ดูน่ารัก และน่าอิจฉามาก
“จะ...จู...”
“พอแล้วครับ ตอนนี้ขอให้แขกทุกท่านช่วยดื่มให้กับผมและเจ้าสาวด้วยครับ” เขาเอ่ยขัดเสียงที่กำลังจะเอ่ยต่อ เขารู้ว่าเสียงนั้นจะพูดคำว่าอะไร และเขารู้สึกสงสารเจ้าสาวที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว ถ้าถึงขั้นจูบรับรองเจ้าสาวเขาเป็นลมแน่ แก้วน้ำส้มถูกส่งให้เจ้าสาว
“งั้นก็ เชียร์ส!!!” ทั้งงานร่วมดื่มให้คู่บ่าวสาว และทั้งสองก็เดินลงจากเวที โดยที่เจ้าบ่าวประคองเจ้าสาวลงมา เพราะตอนนี้เจ้าสาวของเขาตัวแข็งไปแล้ว เจ้าบ่าวยิ้มยากยิ้มขึ้นมานิด ๆ ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน และเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าสาวของเขาพึมพำ ๆ ตลอดทางว่า
“ฉัน...จะ...ฆ่า...พวก...แก...ทุก...คน” นั่นคือคำที่เขาได้ยิน และไม่มีใครหรือเพื่อนคนไหนเข้ามาทักเจ้าสาวเขาสักคน คงกลัวใบหน้าที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว ลลนายืนนิ่งในมือถือแก้วน้ำส้มที่เจ้าบ่าวเป็นผู้หยิบมาให้ ทั้งที่ตอนนี้เธออยากได้พั้นซ์ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เธอรู้สึกหายเจ็บใจ ซึ่งเจ้าตัวก็มาได้เจ็บตัวเลยว่ากินแอลกอฮอล์แรง ๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เกรงฉายา ...จิบเดียวจอด... ของตัวเองเลย
“ดื่มน้ำส้มนี่แหละ ถ้าเกิดเมาไปเซ็นสัญญาใครอีกจะยุ่ง”
“ฉันขออะไรก็ได้ที่แรง ๆ ที่ทำให้ฉันลืมมันไปได้ในตอนนี้ ขอเหล้าขออะไรก็ได้” แต่ติณภัทรไม่ยอม กลับคะยั้ยคะยอแก้วน้ำส้มให้เธอ
“นี่คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง ว่าฉันขอเหล้า เป็น...คำ...ตอบ...สุด...ท้าย” ลลนาเอ่ยและยื่นแก้วน้ำส้มคืนกลับมือติณภัทร
“ผมว่าน้ำส้มนี่แหละเป็นคำตอบสุดท้ายของคุณ” และเขาก็ยื่นกลับคืนมือเจ้าสาว
“แต่”
“ดื่มไปซะ ถ้าคืนนี้คุณดื่มอย่างอื่นนอกจากน้ำส้ม ผมจะจัดการคุณแน่ เข้าใจไหมลลนา” ลลนาหันไปมองหน้าติณภัทร พึ่งแต่งงานกับเธอได้ไม่กี่ชั่วโมง เขากำลังล้ำเส้นเธอแล้ว เขากำลังทำผิดสัญญา
“ผมไม่ได้ทำผิด คุณอ่านสัญญาไม่จบสินะ ข้อสุดท้ายที่ผมลงเพิ่มเติม คือคุณจะต้องเชื่อในสิ่งที่ผมบอกทุกอย่างโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ และคุณไม่มีสิทธิ์ขัดใจผม” สิ่งที่เขาทำไม่ใช่บอก แต่มันคือการสั่งต่างหาก ผู้ชายคนนี้ต้องแยกไม่ออกระหว่างคำว่าบอกและสั่งแน่นอน แต่เอจำได้ว่าสัญญาเพิ่มเติมมีแค่สองข้อ แล้วข้อสามมาจากไหน
“ข้อนั้นมีที่ไหน ฉันไม่เห็นรู้ คุณไปเขียนหลังจากนั้น ถือว่าโมฆะ”
“เปล่า ผมเขียนที่โรงพยาบาล และคุณก็เซ็นกำกับอีกครั้งไปแล้ว ไม่เชื่อก็ดูได้” และสัญญาก็ถูกส่งมาให้เธอดู เขาพกมันมาด้วย ลลนามองสัญญาข้อที่ต่อท้ายจากคำขอเพิ่มเติมของเธอ และหลังคำเพิ่มเติมก็มีการลงลายเซ็นกำกับซ้ำของเธอด้วย

สัญญาคู่รักทดลอง
วันที่ 31 มกราคม 2555 เวลา 23.50
ข้าพเจ้านางสาวลลนา แก้วเพชรพลอย ขอทำสัญญาร่วมกับนายติณภัทร ฉัตรบริรักษ์ ว่าหลังจากนี้หนึ่งเดือนนับจากวันที่ข้าพเจ้าทั้งสองได้ร่วมเซ็นสัญญาคู่รักทดลองร่วมกัน ข้าพเจ้านางสาวลลนา แก้วเพชรพลอยจะแต่งงานกับนายติณภัทร ฉัตรบริรักษ์ เพื่อพิสูจน์ตัวเองเป็นระยะเวลาสามเดือน โดยข้าพเจ้านางสาวลลนาจะพิสูจน์ว่าทอมนั้นดีกว่าผู้ชาย และนายติณภัทรจะพิสูจน์ว่าตัวเองผู้ชายนั้นมีดีกว่าทอมอย่างข้าพเจ้า และถ้าใครคนหนึ่งหลงรักคู่สัญญาจะต้องทำตามที่อีกฝ่ายสั่งโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ โดยสัญญาฉบับนี้พวกเราทั้งสองเต็มใจในการร่วมตกลงทำสัญญากัน ไม่มีการขู่บังคับใด ๆ เมื่อครบกำหนดสามเดือนตามกำหนด สัญญาทุกอย่างถือเป็นโมฆะ ข้าพเจ้าทั้งสองถือว่าไม่ได้ติดค้างอะไรกันอีก แต่ถ้าใครยกเลิกสัญญานี้กลางคัน หรือฉีกสัญญาทิ้งโดยยังไม่ถึงกำหนด ขอให้คน ๆ นั้นจงมีชีวิตอย่างไร้ความสุข ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ล่มจม ไปตลอดชีวิต มีแฟนก็โดนทิ้ง คบกับใครก็ไม่รอด หนทางชีวิตมืดหม่น ชีวิตเจอแต่หายนะ ตั้งแต่บัดนี้ และตลอดไป ขอให้เทวดาอารักษ์โปรดเป็นพยาน เจ้าพ่อคางคกทองคำแห่งบ้านโคกกระโถน เจ้าแม่จิ้งหรีดแดง แห่งบ้านหนองปลาทอด ช่วยมาร่วมเป็นพยานให้กันข้าพเจ้าด้วยเถิด
ปล.หากผู้ใดฉีกสัญญาหรือไม่ทำตามใบสัญญาฉบับนี้นอกจากรับกรรมตามที่ได้เอ่ยอ้างไปแล้ว จะต้องเสียเงินเป็นจำนวนสิบล้านบาทถ้วน เพื่อชดใช้ในข้อหาผิดสัญญา โดยเงินจำนวนที่ได้จ่ายจะตกเป็นสาธารณกุศลตามที่คู่สัญญาเห็นสมควร
นางสาวลลนา แก้วเพชรพลอย
นายติณภัทร ฉัตรบริรักษ์
ข้อตกลงเพิ่มเติม
ข้อหนึ่ง งานแต่งงานที่จะเกิดขึ้น จะเป็นงานแต่งเล็ก ๆ รู้กันเพียงแค่คนใน จะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หรือทำใด ๆ ที่ทำให้เรากลายเป็นคู่แต่งงานอย่างถาวรง่าย ๆ คือแต่งแค่พอให้รู้ว่าเราแต่ง โดยไม่ต้องทำสิ่งใดให้โลกรู้
ข้อสอง ระหว่างการแต่งงาน ฝ่ายชายห้ามแตะต้องคู่สัญญาฝ่ายหญิงเด็ดขาด และต้องไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆ ไม่มีสิทธิ์ละเมิดความเป็นส่วนตัวจนเกินไป และคู่สัญญาทั้งสองคนต่างมีอิสระด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องมาพักที่เดียวกัน จะต้องแยกห้องนอน ตามความต้องการของคู่สัญญาฝ่ายหญิง
ข้อสาม คู่สัญญาฝ่ายหญิงจะต้องเชื่อในสิ่งที่คู่สัญญาฝ่ายชายบอกทุกอย่างโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ โดยที่คู่สัญญาฝ่ายหญิงไม่มีสิทธิ์ขัดใจฝ่ายชาย ทุกคำพูด ทุกคำสั่งของคู่สัญญาฝ่ายชายบอกคือคำขาด
ลงนามสัญญา
นางสาวลลนา แก้วเพชรพลอย
นายติณภัทร ฉัตรบริรักษ์

“คุณขี้โกง คุณโกงฉัน คุณติณภัทร” ลลนาโวยวายออกมาทันทีที่อ่านสัญญาจบ
“ตอนไหนไม่ทราบ....” เขาทำหน้านิ่งและปรายตามองเธอ
“คุณเขียนเพิ่มแบบนี้ได้ยังไง เท่ากับสองข้อของฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราข้อของคุณมันหักล้างฉันหมด คุรมันขี้โกง คุณโกรงฉัน คุณโกงฉันแน่ ๆ เพราะฉัน ตอนนั้น....” ลลนาทำหน้าไม่แน่ใจ เธอรับสัญญานั่นมาตอนเขาเขียนเสร็จและเซ็นรับทันที นั่นเท่ากับว่าเธอพลาดเองน่ะสิ
“คุณเซ็นไม่มองเองนะ โทษผมไม่ได้” และเขาก็ดึงสัญญากลับไป
“แต่คุณไม่ได้บอกฉันตอนแรก เพื่อให้ฉันรับรู้ในข้อนี้ ฉันจะถือว่ามันเป็นโมฆะ ฉันไม่ยอม คุณไปเขียนข้อนี้ตอนไทนฉันก็ไม่แน่ใจ คุณต้องขีดฆ่าสัญญาข้อนั้นทิ้ง ฉันไม่ยอม”
“ไม่ยอมได้ยังไง คุณเซ็นต่อท้ายไปแล้วนะลลนา คุณก็เห็นลายเซ็นคุณมันเด่นชัดอยู่ในสัญญา เท่ากันคุณยอมรับแล้ว” ติณภัทรดึงสัญญาที่เจ้าสาวทำท่าจะฉีกทิ้งคืนมา
“คุณมันขี้โกง คุณต้องล่มจมแน่ คุณโกงฉัน ฉันไม่ยอม คุณอาจจะเอามันไปเขียนที่บ้านก็ได้ ถ้ามันมีข้อนี้ฉันต้องสังเกตเห้นสิ” ลลนาก้าวมาจะแย่งสัญญา แต่ติณภัทรก็ก้าวเท้าหลบเธอได้อีกเช่นครั้งก่อน
“ไม่ทันไรคุณก็แช่งสามีตัวเองแล้วนะลลนา และผมไม่ได้เอาสัญญากลับไปเขียนทีหลัง แต่คุณเซ็นไม่มองเอ ง มันเป็นความสัพเพร่าของคุณเองต่างหากลลนา”
“คุณติณห์!!!” ลลนาตะโกนเสียงดัง ต่
“ขอเชิญบ่าวสาว มาเปิดฟลอร์เต้นรำ เพื่อเป็นเกียรติในค่ำคืนที่แสนงดงามนี้ด้วยค่ะ” และเสียงเรียกจากไมค์ก็ดังขึ้น ธิติยาและแพรวพิมิลเดินมาลากเจ้าสาวที่กำลังทำหน้าเหมือนกินรังแตนมาที่ลานโล่งหน้าเวที ที่ตอนนี้พื้นทรายถูกวาดเป็นวงกลมวงใหญ่ เพื่อใช้เป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับคืนนี้
“เร็วสิบ่าวสาวยืนช้าทำไม” เสียงเพลงช้าเบา ๆ ดังขึ้น
“ผมไม่ผิดนะลลนา คุณไม่มองสัญญาเอง ถ้าคุณมองและค้านตอนนั้นมันก็ไม่มีปัญหา คุณโทษใครไม่ได้” ติณภัทรเอ่ยเมือ่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าสาว เจ้าสาวมองเจ้าบ่าวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ดวงตาหวานฉายแววไม่พอใจออกมาจนเพื่อน ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ สังเกตเห็น จนกลัวว่าลลนาจะก่อเรื่อง
“ทุกคนรอเราอยู่นะลลนา” ติณภัทรยื่นมือให้เจ้าสาว แต่เจ้าสาวกับยืนนิ่ง ธิติยาเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆลลนาและกระซิบ
“นิน ทุกคนมองแกอยู่ แกไม่อยากให้งานล่มใช่ไหม” ธิติยาเอ่ย
“ครั้งนี้ถือว่าคุณชนะแล้วกันคุณติณภัทร แต่ครั้งหน้า จะไม่มีอีกแน่ เพราคราวหน้าฉันจะเล่นงานคุณ” ลลนาจำใจวางมือลงที่มือเจ้าบ่าว และเดินไปยืนอยู่ใจกลางวงบนพื้นทราย เมื่อบ่าวสาวขยับกายตามเพลง ได้สักครู่หนึ่ง พื้นที่ในวงกลมก็มีแขกคู่ต่อมา แพรวพิมลมองเพื่อนตนและยิ้มออกมา เพื่อนเธอกำลังจะโชคดีแล้ว กำลังจะมีชีวิตใหม่ เธอมั่นใจว่าติณภัทรจะดูแลลลนาได้แน่นอน
“ให้เกียรติพี่สักเพลงได้ไหม” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เธอหันกลับไปมอง
“พี่...พูห์” ใบหน้าสวยแปลเปลี่ยนเป็นโกรธขึงขึ้นมาทันที
“นะครับ” คำพูดแสนสุภาพทำให้เธอยอมวางมือลงบนมือนุ่มของหมอหนุ่ม ดวงตาเคยที่สดใสตอนนี้เย็นชาเหลือเกิน เย็นชาจนแผ่ซ่านเข้าไปในใจของหมอหนุ่ม
“แพรว...พี่”
“ถ้ายังอยากเต้นต่อ อย่าพูดถึงมันอีก” แพรวพิมลเอ่ยขึ้น ธิติยาที่เต้นอยู่กับอติพงศ์มองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง และธิติยาก็เสไปมองเพชรนารีที่เต้นอยู่กับธนกฤตก็กำลังมองมาที่เธอ
“สองคนนั้นเคยมีอะไรหรือเปล่า” อติพงศ์ถาม
“เอ่อ...ไม่รู้สิคะ ลองไปถามพี่หมอเอาเองดีกว่า เราเปลี่ยนคู่กันบ้างดีกว่า” เมื่อเสียงเพลงลงจังหวะก็เริ่มมีการเปลี่ยนคู่เธอมาอยู่แทนตำแหน่งแพรวพิมลเป็นที่เรียบร้อย
“สวัสดีค่ะ ตั้งแต่มายังไม่ได้คุยกับพี่หมอเลย ตั้งแต่คืนในผับนั่น พี่พูห์เองก็รับกลับ พี่พูห์สบายดีนะคะ”
“ครับ” ภูริตอบและยิ้มบาง ๆ ส่งให้
“พี่พูห์หายไปนานมากเลยนะคะ หายไปจนพวกเราคิดว่าพี่จะไม่กลับมาอีกแล้ว เรื่องแพรว...”
“เอ่อ...เพลงจบแล้ว พี่ขอไปพักก่อนดีกว่า” ภูริผละออกและเดินเลี่ยงไป ธิติยามองตาม เพลงที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้นให้แขกได้แดนซ์กระจาย กลางวงเริ่มเปลี่ยนเป็นการดวลเต้นแทนเพลงจังหวะเบา ๆ ลลนายืนมองอยู่นอกวงและยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนเริ่มแดนซ์กันไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม
“คุณไม่อยากไปร่วมวงบ้างหรอลลนา” ติณภัทรถาม ลลนายังไม่ลืมเรื่องสัญญาตีหน้าบึ่งใส่และตอบกลับ
“ถ้าคุณกล้าไป ฉันก็จะไป” ติณภัทรยิ้มและมองเจ้าสาวที่เดินหน้งบึ่งหนีเขาไป ลลนาเองก็อยากไปร่วมบ้าง แต่ตอนนี้อารมณ์โกรธของเธอมันยังงอยู่ เลยหมดอารมณ์ที่จะไปร่วมสนุก ดวงตาคู่สวยมองไปทั่ว ๆ งาน จนเห็นชายอีกคนที่ยืนอยู่คนเดียวในคืนนี้อยู่มุมอาหารที่ไม่มีคนและเขาเป็น อดีตฝังใจของใครคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะพี่พูห์ ไม่สิต้องพี่หมอพูห์”
“พี่ดีใจด้วยนะ นินโชคดีมากที่เจอกับติณห์ ผู้หญิงที่ได้หัวใจมันจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ติณห์มันเป็นผู้ชายที่ถ้ารักใครแล้วมันจะรักไปจนวันตายเลยล่ะ”
“เหมือนกับพี่พูห์ไหมคะ” ลลนาถาม และมองใบหน้าที่เศร้าลงของภูริ
“เอ่อ...อาจจะใช่”
“แล้วพี่พูห์ยัง...”
“ตอนนี้เข้าเวลาสี่ทุ่มตรงได้ฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวแล้ว” เสียงที่ดังนี้มาจากเพื่อนเจ้าสาวที่เอ่ยขึ้น
“มีฤกษ์ส่งตัวเข้าหอด้วยหรอคะ” ลลนาหันไปถามภูริ เธอไม่ได้คิดจะเข้าหอสักหน่อย มันจะเยอะไปแล้วนะ
“ก็คุณพ่อง่วงแล้ว พี่ว่าก็น่าจะได้เวลาสมควรแล้ว ไปกัน....” ยังไม่ทันพูดจบ
“จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นแหละ จนกว่าจะอธิบายให้วินดี้เข้าใจ ว่านี่มันอะไรกัน งานแต่งบ้า ๆ นี่มันอะไรกัน วินดี้ต้องการคำอธิบายที่ดีพอ ไม่อย่างนั้นวินดี้จะฟ้องคุณหญิงป้า” เสียงแหลมแปดหลอดดังขัดขึ้น แม่คุณถือไมค์ไว้ในมือ ทุกคนมองหน้ากันว่าผู้หญิงคนนี้มาจากไหน
“วินดี้!!!” เสียงจากบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวดังขึ้นแผ่วเบาแต่ก็ยังไม่สามารถรอดพ้นหูเจ้าสาวไปได้
“อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นกิ๊กคุณอ่ะ นี่ยังไม่ทันพ้นคืนแต่งงานคุณก็นัดเจอกิ๊กแล้วหรอ ฉันถึงเกลียดผู้ชายไงล่ะ แย่ที่สุด”
“คุณอย่าพึ่งเล่นบทภรรยาขี้หึง”
“นังวินดี้” แพรวพิมลเอ่ยขึ้นอย่างเข่นเขี้ยว ศัตรูขู่อาฆาตที่คอยขัดขวางงานของแพรวพิมลแทบจะทุกงาน และประกาศสงครามเย็นกับเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าคุณไม่บอกฉัน งานแต่งล่มแน่ และคุณพ่อคุณจัดการคุณแน่ คุณติณห์”
“วินดี้ เป็นหลานสาวของคุณลักษมี เพื่อนของคุณย่าผมเอง และเธอก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้ไตรด้วย เธอชอบผม ตามผมมาตั้งแต่เธอยังผูกคอซองค์ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอม”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องงานแต่งงานของเรา....เอ่อ...งานแต่งของคุณได้ไง” คำว่าของเราทำให้ติณภัทรยิ้ม
“ผมก็ไม่รู้ เพราะงานแต่งรู้แค่วงใน”
“คุณจำงานแต่งไอ้ไตรได้ไหม ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนดารณี” ลลนาจ้องหน้าเอียงคอไปมาอย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะเริ่มนึกออกสังเกตจากสีหน้า วิมาดานั้นไม่ชอบแพนทิรารุ่นพี่ของเธอ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เธอก็เห็นวิมาดากระโดดลงจากเวทีและตรงเข้ามาหาเธอและติณภัทร ไตรภูมิเดินมาแทรกหน้าไว้ก่อนที่วิมาดาจะเดินมาถึงตัว
“หลบไปนะคะพี่ไตร”
“พี่ว่าวินดี้กลับไปเถอะ วันนี้เป็นวันดีอย่าทำให้วันดี ๆ ต้องกลายเป็นวันไม่ดีเลยนะวินดี้” ไตรภูมิมองลูกพี่ลูกน้องของตนที่ตั้งท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ พลันเธอก็ผลักอกไตรภูมิกระเด็นไป และสาวเท้าเข้าไปเร็วขึ้น มีคนจะเดินเข้าไปห้าม เธอหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและจ่อมันชี้ไปที่ทุกคน
“ตายแล้ว” ธิติยาเอ่ย เมื่อปืนกระบอกสีดำชี้ไปที่ทุกคน แขกพากันตื่นฮือ วิ่งหนีไปอย่างกลัวลูกหลง ลลนาถอนหายใจ และคิดในใจว่าบางทีงานแต่งครั้งที่สี่ของติณภัทรอาจจบไม่สวยเสียแล้ว วิมาดาเดินดิ่งเข้าหาเจ้าสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างเจ้าบ่าว เมื่อเดินมาถึงตัวก็จ่อปืนใส่เจ้าสาวทันที
“วินดี้!!!” เสียงทุกคนดังออกมาเมื่อวิมาดาตั้งท่าจะลั่นไกล แต่เจ้าสาวกลับไม่ได้มีท่าทีตื่นกลัว กลับมองหน้าวิมาดานิ่ง ๆ วิมาดาที่ยังถือว่าตัวเองมีปืนและเหนือกว่าเดินก้าวเข้าไปใกล้อีก
“คุณกล้าหรือคะ คุณเป็นคนดังของสังคม ถ้าเกิดคุณลั่นไกลและฉันบาดเจ็บหรือตาย ฉันก็คงไม่เสียหาย ยิ่งฉันเป็นเจ้าสาวด้วยแล้ว คิดได้เลยฉันไม่มีทางเป็นจำเลยสังคมแน่ แต่คนที่จะเสียหายและตกเป้นจำเลยสังคมคือคุณ เพราคุณกำลังจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ รับรองสำนักข่าวพากันเล่นข่าวคุณเละแน่ คุณวิมาดา เอาเลยสิคะ ถ้ากล้าก็ยิง เพราะถ้าคุณไม่ยิง ฉันจัดการคุณแน่” เสียงลลนาที่เฉียบขาดทำให้วิมาดาถึงกับใจแป้ว เธอกะจะแค่มาขู่เจ้าสาวแต่ใครจะคิดว่าขณะที่ถือปืนจ่ออยู่เจ้าสาวจะขู่เธอกลับแบบนี้
“เอ่อ....”
“ว่าไงล่ะคะ ถ้าไม่ยิงฉันจะยิงคุณเองนะ” พลันเจ้าสาวก็ยกปืนขึ้นมาชี้ใส่หน้าวิมาดาบ้าง ทุกคนพากันนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเจ้าสาวจะพกปืนมาด้วย อติพงษ์แปลกใจว่าเจ้าสาวไปเอาปืนมาจากไหน จึงลองคลำไปด้านหลัง พบว่าปืนที่พกอยู่มันไม่อยู่แล้ว และปืนที่เจ้าสาวถืออยู่เป็นปืนของเขาแน่นอน เขาไม่คิดว่าเจ้าสาวจะไวขนาดนั้น เพียงแค่เขาเดินมายืนข้าง ๆ เธอกลับคว้าปืนเข้าไปได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าสาวของติณภัทรจะบ้าดีเดือดขนาดนี้ แปลว่าเธอสังเกตมาตั้งแต่แรกว่าเขาพกปืนมาด้วย ผู้หญิงคนนี้เก่งมาก และไม่อยากจะคิดว่าชีวิตคู่ของติณภัทรจะเป็นอย่างไร อติพงศ์คิดในใจ
“ว่าไงคุณจะยิงหรือให้ฉันยิงคุณ... คุณวิมาดา” ลลนาเอ่ยเสียงเรียบ และสาวเท้าเข้าไปหาวิมาดาบ้าง วิมาดาถอยหลังหนีมือไม้สั่นเมื่อเห็นเจ้าสาวหน้าสวยกำลังทำอะไรเกินความคาดหมายของเธอ เธอคิดว่าเจ้าสาวเห็นปืนแล้วจะกลัววิ่งหนีตาลีตาเหลือกไป แต่ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ
“เอาสิอยากยิงไม่ใช่เหรอ กล้าขู่ฉันก็ยิงสิ แต่ถ้ายิงแล้วฉันไม่ตาย ต่อไปฉันนี่แหละจะเป็นฝ่ายยิงคุณ”
“กะ....แก” วิมาดาหน้าเสีย
“คุณคงไม่กล้ายิงสินะ ก็ปืนคุณมันเป็นปืนอัดลม ถ้ายิงออกมามันก็ไม่ระคายผิวฉัน คิดจะขู่ฉันอย่าใช้มุกเด็กเล่น คุณรู้ไหมคนที่ขู่ฉันเมื่อคนที่แล้วมีสภาพยังไง อ๋อ...คุณจำดารณี เพื่อนคุณที่สวมรอยว่าท้องกับพี่ไตรได้ไหม ฉันนี่แหละเป็นคนเตะแม่นั่นคว่ำ วันนี้อาจเป็นบุญขาได้เตะเพื่อนอีกคนของแม่นั่น เป็นไฮโซเสียด้วย เกิดมาไม่เสียชาติเกิดได้เตะไฮโซ”
“แก นังทอมนั่น” วิมาดาเริ่มนึกออก ว่าผู้หญิงที่หน้าตาคุ้น ๆ คนนี้เป็นใคร มือของเธอสั่นจนปืนตกลงไปบนพื้นทราย เมื่อเห็นเจ้าสาวง้างขาขึ้น เธอก็ร้องเสียงหลงออกมา
“อย่าทำฉันนะ กรี๊ด!!!” แพรวพิมลยิ้ม เมื่อเห็นวิมาดาถอยหลังและเสียหลักล้มลงนั่งกับพื้น มือทั้งสองข้างพนมยกมือไหว้อย่างตื่นกลัว
“เห็นแก่วันมงคล ฉันจะปล่อยคุณไป แต่อย่าให้ฉันเห็นคุณที่นี่ในวันนี้อีก เพราะถ้ามีครั้งต่อไป คุณได้ตายแน่ ไปสิ!!!” ลลนาตะคอกเสียงดัง วิมาดากลัวฉี่แทบลาดเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอดวงตาสวยหวานที่ตอนนี้มันดูน่ากลัวมาก เหมือนถ้าคิดจะฆ่าเธอ ผู้หญิงคนนี้พร้อมลั่นไกลปืนในมือเธอทันที
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไตรภูมิเอ่ย
“ไม่ต้องค่ะ แต่จำไว้เลยนะ มันจะไม่จบแค่นี้แน่ ว้าย!!!” วิมาดาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นลลนาเดินเข้ามาหาเธอ ในขณะที่มือยังถือปืน วิมาดามองไปที่ขาของลลนาอย่างหวาด ๆ ทุกคนแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะออกมาไม่ไหวเมื่อเห็นสภาพวิมาดาวิ่งขลุกขลักทั้งที่ยังใส่ส้นสูง ล้มลุกคลุกคลายอยู่บนพื้นทราย เมื่อวิมาดาวิ่งหายไปแล้วทุกคนยิ้มออกมาทันที ลลนาเดินเข้าไปหาอติพงศ์ อติพงศ์ก้าวถอยหลังเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้เล็กน้อย เป็นผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“โหดโคตร ชีวิตแกไม่จืดชืดแน่ไอ้ติณห์” ณัฐพลเอ่ย เมื่อเห็นเจ้าสาวยื่นปืนส่งคืนให้อติพงศ์
“เอาล่ะตอนนี้ได้เวลาอันเป็นสมควรแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้คงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ บ่าวสาวถึงเวลาที่รอคอยแล้ว” ลลนามองติณภัทรที่เดินเข้ามาจับมือเธอและเดินตามทุกคนเข้าไปข้างใน

“พี่ติณห์คะ ฝากเพื่อนของพวกเราด้วย ถึงแม้มันจะไม่ใช่งานแต่งงานจริง ๆ อย่างที่ทั้งสองคนต้องการ แต่สองขอให้พี่ติณห์ให้เกียรติไอ้นินมันด้วย มันอาจเป็นหญิงที่ไม่สมประกอบไปบ้าง แต่ถ้ารู้จักแล้วพี่จะบอกว่ามันนี่แหละแม่ศรีเรือนตัวจริงเลยล่ะคะ มันทำอาหารอร่อยมาก คนได้กินรับรองขึ้นสวรรค์แน่ มีโอกาสลองให้มันทำให้กินนะคะ” ธิติยาเอ่ย หลังจากที่คุติณภัทรและคุณตรีศูลได้กล่าวโอวาทและอวยพรเสร็จและยืนรออยู่ด้านหลัง
“ครับ”
“ไอ้นิน แกไม่ใช่นินคนเดิมแล้วนะ จากนี้ไปจนถึงอีกสามเดือนแกคือผู้หญิงที่เป็นภรรยาผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ทอมแล้วนะ พวกเราหวังว่ามันจะไม่จบแค่สามเดือน เราอยากเห็นแกมีความสุขกับใครสักคน อยากให้แกกลับมาเชื่อในรักแท้ ใช้เวลาจากนี้ให้คุ้มค่าล่ะ ส่วนของขวัญวันแต่งงานแกเป็นเค้กสูตรใหม่ที่พวกเราสามคนพึ่งคิดออกมา ยังไม่มีใครได้ชิม แกจะได้เค้กชิ้นนั้นเป็นคนแรก ไปเอาที่ร้านตอนกลับได้เลย”
“ขอบใจ แต่งานแต่งนี้มันไม่”
“เลิกพูดได้แล้ว เอาเป็นว่าขอให้แกได้รักแท้ของแกกลับคืนมา บางทีสิ่งที่หัวใจแกต้องการอย่างแท้จริงอาจเป็นสิ่งนี้ ไม่ใช่สิ่งที่แกพยายามสร้างมันขึ้นมาใหม่”
“เอาล่ะคนไม่เกี่ยวเตรียมตัวออกไปได้ ต่อจากนี้เป็นเรื่องของคู่บ่าวสาว โชคดีนะเว้ยไอ้ติณห์” แล้วทั้งหมดก็พากันเดินออกไป ทิ้งให้คู่บ่าวสาวนั่งมองหน้ากัน ลลนามองกลีบกุหลาบที่ถูกวางเป็นรูปหัวใจ และเบ้ปาก เธอไม่ใช่คู่บ่าวสาวจริง ๆ เสียหน่อยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเสียเยอะแยะแบบนี้ก็ได้
“คุณนอนในนี้แล้วกัน ฉันจะกลับห้องฉัน”
หมับ!!! ลลนามองคนทีจับมือเธอไว้ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ สายตาเขามันนิ่งจนเธอเดาไม่ออก
“คุณจะทำอะไรฉันคุณติณห์”



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2557, 11:10:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2557, 19:18:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2049





<< 5 การแต่งงานเท่ากับหายนะ   7 เจ้าสาวถูกทอดทิ้ง ...ลบแล้วค่ะ... >>
ปื่นหทัย 1 ม.ค. 2557, 11:22:53 น.
หอมแก้ม หอมแก้ม
คนไม่คิดอะไรกันจะยอมหรอลินิน


แว่นใส 1 ม.ค. 2557, 16:10:18 น.
เป็นงานแต่งที่สนุกดีนะ


Sukhumvit66 1 ม.ค. 2557, 16:19:48 น.
นางเอกโหดจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account