ม่านลวง
การแต่งงานเพราะผลประโยชน์ทำให้เธอได้พบกับเขา ผู้ชายคนแรกในคืน one night stand น่าขำที่เธอตกหลุมรักชายคนนี้ทั้งที่ก่อนนั้นไม่อยากแต่งงาน และนั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แล้วเขาล่ะ...คิดกับเธออย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1

สวัสดีมิตรรักแฟนจ๋าขาประจำที่น่ารัก หรือที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายของอ้อยทุกท่านนะคะ แจ้งเพื่อทราบว่ากำลังเขียนเรื่องนี้ และจะทยอยอัพให้อ่านเรื่อยๆ นะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดอัพแน่นอนค่ะ คงจะทิ้งช่วงอีกสักระยะหนึ่งถึงจะได้มาแบบกำหนดเวลาได้

และเนื้อหาที่ลงให้อ่านนี้ค่อนข้างดิบเพราะยังไม่ถูกตั้งไฟให้สุกเอ๊ย! เพราะเขียนสดๆ อาจมีข้อมูลที่ผิดพลาดในบางส่วน บางจุด และไม่เรียบร้อยระดับหนึ่ง ต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ขอตัวไปปั่นก่อนเน้อออ จุ๊บๆ

อ้อย/สุชาคริยา




--------------------------------------------------------------------






สวัสดีมิตรรักแฟนจ๋าขาประจำที่น่ารัก หรือที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายของอ้อยทุกท่านนะคะ แจ้งเพื่อทราบว่ากำลังเขียนเรื่องนี้ และจะทยอยอัพให้อ่านเรื่อยๆ นะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดอัพแน่นอนค่ะ คงจะทิ้งช่วงอีกสักระยะหนึ่งถึงจะได้มาแบบกำหนดเวลาได้

และเนื้อหาที่ลงให้อ่านนี้ค่อนข้างดิบเพราะยังไม่ถูกตั้งไฟให้สุกเอ๊ย! เพราะเขียนสดๆ อาจมีข้อมูลที่ผิดพลาดในบางส่วน บางจุด และไม่เรียบร้อยระดับหนึ่ง ต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ



ขอตัวไปปั่นก่อนเน้อออ จุ๊บๆ

อ้อย/สุชาคริยา




--------------------------------------------------------------------




บทที่ 1

ถ้าการแต่งงานเกิดขึ้นเพราะความรัก นั่นย่อมเป็นสิ่งสวยงามและน่าดีใจสำหรับลูกผู้หญิง แต่สำหรับเธอ...‘ไม่ใช่’ ยุคสมัยเปลี่ยนไปในปีปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตที่ถูกเลี้ยงดูในสังคมเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา ได้ร่ำเรียนและอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนเกรดหนึ่งจนตอนนี้จบการศึกษาระดับปริญญาโท ทว่าวิถีเสรีชนกลับใช้ไม่ได้ในชีวิตจริงเมื่อถูกเลี้ยงดูจากวิรงรองหรืออารอง หญิงไทยวัยสี่สิบห้าผู้เป็นเพื่อนรักกับปภาวีหรืออามุก ซึ่งอามุกก็คือผู้อุปการะค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ถูกส่งมาอยู่ที่นี่ กับครอบครัวของอารองซึ่งทำหน้าที่ดูแลเธอมาตลอด และความเป็นไทยในตัวเกือบครบถ้วนของวิรงรองได้ถูกถ่ายทอดให้เธอไม่น้อยโดยเฉพาะคำว่า ‘กตัญญูรู้คุณ’ และ ‘รักนวลสงวนตัว’ แม้ว่าอารองไม่ได้ยึดแนวคิดพรหมจรรย์เคร่งครัดมากมาย แต่ถิรมนก็ไม่นิยมการใช้ชีวิตแบบนั้น อยากเรียนให้จบ กลับไปทำงานที่เมืองไทย และรอคุณพ่อกลับมา

ชีวิตของเธอแปลกประหลาดไม่น้อยที่แทบไม่รู้จักญาติพี่น้องคนไทย จำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ นอกจากคนในครอบครัวของปภาวีเพราะเห็นหน้าเห็นตาตอนกลับไปเมื่อปิดภาคเรียน แม้แต่คุณพ่อก็เห็นเพียงลายมือของท่านผ่านจดหมายที่ฝากมาปีละสองสามครั้งเมื่ออามุกมาเยือน

ถิรมนนั่งถอนหายใจเพียงลำพังในสวนหย่อมเล็กๆ ข้างอาคารในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นักศึกษาที่เข้ามหาวิทยาลัยช่วงกลางค่อนปลายเดือนพฤษภาคมไม่หนาตาหากจะเทียบกับวันเปิดภาคเรียนตามปกติ การสอบปลายภาคเสร็จสิ้นก่อนหน้านี้แล้ว และอีกสี่วันข้างหน้าจะเป็นการรับปริญญาบัตรของเธอ จัดขึ้นในคณะบริหารธุรกิจ

ที่นี่ไม่ได้จัดงานรับปริญญาแบบยิ่งใหญ่เอิกเกริกเหมือนเมืองไทย ยกเว้นพวกที่เรียนจบระดับปริญญาเอกจึงจะมีงานใหญ่โต ถิรมนมองผู้คนเดินไปมาอย่างไม่สนใจนัก คิดว่าวันนี้ดีหน่อยที่ฝนไม่ตก บรรยากาศปลายฤดูใบไม้ผลิไม่หนาวและไม่ร้อนเกินไป แต่เธอกลับไม่สดชื่นแจ่มใส หายจากอาการหดหู่ที่เป็น การสนทนาครั้งล่าสุดกับปภาวียังตอกย้ำให้คิดวนเวียน

‘น้องเลิฟแต่งงานกับมัตถ์เถอะนะ...อาขอร้อง ช่วยอาสักครั้งนะลูก ถ้าหนูไม่ช่วยอาครั้งนี้ ทรัพย์สิน...ครอบครัวอาคงพินาศเพราะผู้หญิงคนนั้น’ และอีกหลายประโยคที่อธิบายถึงความเดือดร้อนของผู้มีพระคุณหากเธอยังปฏิเสธอีก

อามุกเคยเกริ่นเรื่องนี้มานานพอสมควรแต่เธอบ่ายเบี่ยงมาตลอด สองปีที่ผ่านไปไม่ได้ผล หญิงสาวที่มาติดพันปรมัตถ์ไม่ร้างลา การขอร้องนี้เป็นเพียงเพื่อปกป้องทรัพย์สินในส่วนของ ‘ปรมัตถ์’ น้องชายคนเล็กของปภาวีเท่านั้น แต่นั่นก็มีมูลค่าไม่น้อย เป็นรายได้หลักจุนเจือครอบครัว ‘ปรมัตถ์ไอศูรย์’ ตามที่ทราบ

และคงไม่เป็นปัญหาหากฝ่ายหญิงต้องการความรัก ไม่ใช่เงิน เธอไม่รู้ว่าอามุกทราบจุดประสงค์ของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร แต่คนอย่างอามุกคงไม่ปรักปรำใครโดยง่ายแบบไม่มีสาเหตุ นั่นจึงจำเป็นที่ต้องป้องกันก่อนเหตุร้ายแรงจะเกิดขึ้น ด้วยการขอร้องให้เธอตีทะเบียนสมรส ทำตัวเป็นอาวุธป้องกันคนที่จะมาเอาทรัพย์สินในส่วนนี้

วันนั้นอามุกร้องไห้หนักขึ้นจนยากปฏิเสธเหมือนที่ผ่านมา ข้อเสนอที่บอกว่าให้เป็นไปเฉพาะทางนิตินัย ยินดีให้เธอเป็นอิสระเมื่อเข้าปีที่สี่ของการแต่งงานหากทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขเรื่องความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสอง ขอแค่เบื้องต้นป้องกันทรัพย์สินส่วนนี้ให้ได้เปรียบในข้อกฎหมาย ดูแลป้องกันให้เรียบร้อย ไม่ให้ใครเอาไปโดยง่าย ก็พอสำหรับการแต่งงานที่จะใช้ชื่อเธอบังหน้าแล้ว

และแม้ความเป็นไทยที่ถูกเลี้ยงดูมาทำให้คำว่าบุญคุณท่วมหัวกับกตัญญูรู้คุณเล่นงานอย่างจังเมื่อถูกพาดพิง ทว่าคำพูดหรือเงื่อนไขทั้งหลายไม่เท่ากับประโยค

“ถ้าน้องเลิฟตกลงช่วยอาครั้งนี้ อาจะพาน้องเลิฟไปพบคุณพ่อ อาเชื่อว่าพี่พุทจะเข้าใจ”

นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลสำคัญให้เกิดความลังเล เธอไม่ใช่คนดีอะไรนัก ไม่ได้มีเลือดวัฒนธรรมไทยเข้มข้น แต่ก็มีความเป็นมนุษย์ที่รู้จักผิดชอบชั่วดี และรู้จักที่จะคว้าโอกาสบางอย่างของตัวเองไว้เช่นกัน

ถิรมนถอนหายใจออกมายาวๆ ยังเสียใจกับการตอบตกลงในวินาทีสุดท้ายของตนเอง แต่เมื่อคิดถึงคุณพ่อ เธอจะได้พบท่านอีกครั้งในเร็ววันมันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ แล้วยังได้ตอบแทนบุญคุณอีก แม้ส่วนลึกจะใจหายไม่น้อยกับอิสรภาพที่ใกล้สูญเสีย คิดไม่ตกกับสิ่งที่จะพบเจอเร็ววัน และเป็นสาเหตุให้ต้องมานั่งถอนหายใจขณะรอเพื่อนสนิทเข้าไปรับเอกสาร หรือบางทีเธอคงไม่กดดันหากเคยเห็นหน้าปรมัตถ์สักครั้งหนึ่ง เธอไม่รู้สาเหตุอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ไม่ได้พบกัน

“เฮ้ เลิฟลี่! ได้ยินหรือเปล่า” ไฮดี้ เพื่อนสาวชาวอเมริกันผิวขาวเรียกเสียงดัง หล่อนยืนอยู่ตรงหน้า เท้าสะเอว ค้อมตัวลงมา จ้องตาเขม็ง “ดูทำหน้าเข้าสิ” แล้วนั่งลงข้างๆ “จะฉลองปริญญายังทำหน้าอมทุกข์ไปได้ที่รัก”

ใบหน้าสวยหวานสะดุดตาของถิรมนเหมือนยิ้มไม่ค่อยออก กรามเป็นสันดูมีเอกลักษณ์น่ามองกว่าโครงหน้ายาวรีในสายตาของไฮดี้ โดยเฉพาะเส้นผมสีดำของถิรมนที่ยาวเคลียไหล่ เข้ากับผิวเหลืองละเอียดไม่มีกระ ริมฝีปากดูจิ้มลิ้มเป็นสีชมพูอมแดง ภายนอกดูเหมือนเด็กไฮสคูล อาจเป็นเพราะเจ้าตัวรูปร่างบอบบาง จึงทำให้น่าถนอม ไฮดี้ชอบพอนิสัยเพื่อนสาวชาวไทยคนนี้ไม่น้อย หล่อนรักถิรมนเพราะความจริงใจ เปิดเผย รักษาน้ำใจเพื่อน และไม่เคยหนีเมื่อเพื่อนมีทุกข์ซึ่งไม่ใช่ของหาง่าย

ไฮดี้เห็นสีหน้าของถิรมนก็นึกเป็นห่วง อาการจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกพอเดาได้ว่าเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายเคยปรึกษาแน่นอน “ยังหาคำตอบเรื่องแต่งงานไม่ได้หรือ”

“อืม” ถิรมนรับ สีหน้าไม่ดีไปกว่าเดิมเท่าไหร่ แม้ในใจคือ ‘ตกลงไปแล้ว’

“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ายังมีความคิดแบบนี้อยู่อีก” ไฮดี้ถอนหายใจหนักๆ แทนเพื่อน

ถิรมนอยากจะตอบว่าเธอเองก็คิดเช่นนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ ชีวิตทุกวันนี้มีปภาวีเป็นคนหยิบยื่นให้ทั้งสิ้น อีกทั้งการติดต่อคุณพ่อก็มีอามุกคนเดียวเท่านั้นที่รู้ จึงตอบเพื่อนรักไปเพียง “ฉันคงไม่ลำบากใจ...ถ้าเคยเจอเขาบ้าง ตลอดมามีแต่อามุกที่บินมาเยี่ยม ช่วงปิดภาคเรียนก็พบญาติอามุก แต่ไม่เคยเจอเขา ฉันเลยไม่รู้ว่าตกลงไปแล้วจะมีสภาพไหน”

“มันร้ายแรงจนปฏิเสธไม่ได้หรือที่รัก”

ถิรมนก้มหน้า ยิ้มเศร้า หัวเราะในลำคอซึ่งมีความหมายคือเย้ยหยันตนเอง จึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง หันไปมองเพื่อนรัก ยิ้ม...ทั้งที่อยากจะร้องไห้ “มันคงจะดี...หากคำขอร้องนี้ไม่ได้ออกจากปากคนที่เป็นเหมือนแม่ของฉัน...ไฮดี้ อามุกไม่เคยขอร้องอะไรเลยนอกจากเรื่องนี้ ถ้าไม่สำคัญจริง...ท่านคงไม่พูด”

ไฮดี้กุมมือของถิรมนเอาไว้ สีหน้าแววตาให้กำลังใจไม่น้อย

ถิรมนมองเพื่อนรักอย่างขอบคุณ และสารภาพ “ฉันตอบตกลงไปแล้ว...ไฮดี้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา...ฉันไม่อยากให้อามุกเสียใจ และฉันอยากพบคุณพ่อ”

“โธ่...” ไฮดี้ขยับกอดถิรมนเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะดันตัวเองออกมา “ถ้าอย่างนั้น...” หล่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ปาร์ตี้คืนนี้ถือว่าเลี้ยงสละโสดเถอะ เลิฟลี่ของฉันไม่ใช่พวกจมจ่อกับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้” หล่อนฉุดถิรมนให้ลุกขึ้นด้วยกันอย่างกระตือรือร้น

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -

เสียงเพลงอึกทึกในจังหวะเร้าใจไม่ได้ทำให้ถิรมนสนุกเหมือนเพื่อนคนอื่นในกลุ่มโดยเฉพาะไฮดี้ที่กำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอ

ในความสลัว แสงสีตัดกันไปมาเข้ากับท่วงทำนองช่วยพอให้มองเห็นรอบด้าน งานเลี้ยงที่บ้านโพรเฟซเชอร์ผู้รับเป็นเจ้าภาพจบไปตั้งแต่ช่วงค่ำ เป็นเพียงการทานอาหารและพูดคุยสังสรรค์เรียบง่าย จะเหลือพวกที่สนิทสนมกันอีกแปดคนสรุปว่ามาสนุกกันต่อที่คลับซึ่งไม่ใช่ผับเพราะที่นั่นเอาไว้สำหรับดื่มเหล้าเบียร์ ส่วนถิรมนก็ยังไม่อยากกลับไปนั่งจมกับความคิดที่บ้านคนเดียวจึงตามมา ไม่ลืมโทรบอกวิรงรองว่ามีปาร์ตี้ อาจกลับดึกหรือค้างกับไฮดี้ ไม่ต้องเป็นห่วง

‘อย่าดึกนักนะเลิฟ ระวังตัวด้วย อาห่วงหนูนะลูก’ นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ถิรมนพร้อมเป็นเด็กดีสำหรับวิรงรองเสมอ เมื่อทั้งชีวิตเท่าที่จำได้หลังจากงานศพคุณแม่ คุณพ่อก็ออกไปรับงานต่างประเทศ ไม่เคยติดต่อเห็นหน้าเห็นตาหรือมาหาเธอได้อีกแม้ในวันรับปริญญาครั้งก่อนหรือแม้แต่ครั้งนี้ เธอไม่เคยทราบเหตุผลที่ท่านจากไกล รู้เพียงคุณพ่อยังรักและรอคอยวันที่จะได้พบกัน ความหวังของเธอที่จะทำให้ท่านภาคภูมิใจได้กลายเป็นปณิธาน ประคองตนเองอยู่ในกรอบที่ดีเสมอมา แม้ว่าสิ่งที่รักษามาตลอดนับยี่สิบห้าปีกำลังทำให้อ่อนล้า เสียดาย เมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักและแทบไม่รู้จัก

เธอไม่ได้โลกสวยถึงขนาดไม่รู้ว่าเมืองไทยมีกฎหมายอย่างไร มีแนวคิดอย่างไรเรื่องสามีภรรยา เพราะมีความเป็นไปได้สักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะทำตามข้อตกลงว่าจะไม่วุ่นวายกับเธอเมื่อต่างก็มีสิทธิ์ในกันและกันตามกฎหมาย หากอยู่ที่นี่ก็ว่าไปอย่าง สิทธิ์การคุ้มครองภรรยาที่ไม่ต้องการร่วมหลับนอนกับสามีก็ยังพอช่วยป้องกัน อย่างน้อยเธอก็จำต้องยอมรับว่าหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ชีวิตในวันข้างหน้าของตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไป

ถิรมนมองแก้วทรงสวยที่บรรจุน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์ในมือของตนเอง ลูบแก้วเบาๆ อย่างเหม่อลอย เธอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าบาร์เพราะไม่ชอบแดนซ์กระจาย ปล่อยความคิดให้เป็นไปเรื่อยๆ

ในวัยเด็กนั้น... เธอเคยเรียกปรมัตถ์ว่า ‘พี่มัตถ์’ เคยวิ่งเล่นด้วยกันในเกือบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนจะมาเรียนต่อที่นี่ แต่นั่นก็มาจากคำบอกเล่าของปภาวีส่วนหนึ่ง เพราะในความทรงจำของเธอมีเพียงภาพเลือนราง ไม่เคยมีภาพของปรมัตถ์ตั้งแต่วันนั้นที่ลาจากเมืองไทย จนกระทั่งวันนี้เธอก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงของเขา ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยทำความสนิทสนมอย่างคนรู้จัก ช่างน่าตลกสิ้นดี

น้ำอุ่นๆ เอ่อท้นเริ่มล้นขอบตา ตกลงมาบนแก้มอย่างไม่ทันตั้งตัว

‘บ้าจริง!’ ถิรมนสบถในใจ รีบเช็ดออกไปให้เร็วที่สุด ยกแก้วพันช์ขึ้นดื่มน้ำที่เหลือรวดเดียวจนหมดเพราะอยากลืมเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้

“มิสเตอร์ท่านนั้นเลี้ยงครับ” บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วน้ำทรงสวยที่บรรจุน้ำสีหวานชนิดเดียวกันกับที่ดื่มเมื่อครู่ให้ ผายมือไปยังเจ้าภาพ

ถิรมนมองตาม เขาคนนั้นกำลังลุกขึ้น เดินเข้ามาหาจากมุมหนึ่งที่มืดสลัว เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่เช่นชายชาวอเมริกันหรือยุโรป ผมของเขามีสีเข้มหรือดำ แต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ในมือมีแก้วทรงเตี้ยติดมา

ทว่าหัวใจของเธอกลับเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าของเขา ความหล่อเหลาคมคายไม่มากเท่าดวงตาคมกริบที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบอย่างไม่มีสาเหตุเมื่ออยู่ในระยะมองเห็นได้ชัด หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปก่อนนี้กระมัง จึงทำให้หน้าแดงง่ายดาย ปกติไม่ค่อยดื่ม และเคยเจอคนหน้าตาดีมานักต่อนักก็ยังไม่รู้สึกเหมือนที่กำลังรู้สึกตอนนี้ ก็คงไม่ผิดไปจากที่คิดสักเท่าไหร่

ถิรมนหันกลับมามองแก้วพันช์ที่อีกฝ่ายเป็นเจ้าภาพ ชายหนุ่มมายืนอยู่ข้างๆ พิงสะโพกไว้กับเก้าอี้ทรงสูงตัวติดกัน

“สวัสดีครับ รับไมตรีจากผมสักนิดนะครับ” เขาทักทายเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงบ่งบอกว่าไม่ใช่คนท้องถิ่นหรือบริเตนใหญ่[1] รอยยิ้มของเขามีเสน่ห์ไม่น้อย และชวนมองมากยิ่งขึ้นเมื่อยกแก้วบรั่นดีในมือแสดงการทักทาย ดูสุขุม สบายตา

“ขอบคุณค่ะ” ถิรมนตอบเป็นภาษาเดียวกัน สำเนียงของเธอออกสไตล์นิวยอร์กกี้ คือสั้นๆ กระชับ ขึ้นๆ ลงๆ คงเปรียบเหมือนคนกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดของประเทศไทยกระมัง สาเหตุก็เพราะต้องทำอะไรเร่งด่วนตามสภาพความเป็นอยู่ จึงมีลักษณะการพูดเช่นนี้

“มาคนเดียวหรือครับ”

“ไม่ค่ะ มากับเพื่อน” พูดแล้วก็ชี้ไปทางกลุ่มไฮดี้ที่กำลังโยกย้ายส่ายเอวกันอย่างสนุกสนาน

“เต้นรำสักนิดไหมครับ”

“ไม่ค่ะ ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มค่ะ” พูดจบก็ยกขึ้นจิบนิดหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจตามที่พูด

“มาเรียนหรือมาทำงานครับ”

ถิรมนมองเขา ทว่าเจ้าตัวกลับยกมือขึ้นนิดหนึ่งทำนองว่าอย่าคิดมาก

“ผมเห็นว่าคุณหน้าตาเหมือนเด็กไฮสคูล ไม่น่าจะเข้ามาในนี้ได้เท่านั้น แล้วเครื่องดื่มคุณ...” เขาพูดค้างไว้ ปรายตามองมาที่แก้วพันช์

ถิรมนยิ้มเล็กน้อย คำพูดและสีหน้าของเขามีความหมายถึงการชมมากกว่าประชด ถิรมนยกแก้วพันช์ขึ้นดื่ม และเมื่อวางแก้วลง จึงหันไปตอบ “ยี่สิบห้า และกำลังจะแต่งงาน”

เขาเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าแปลกใจไม่น้อย “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” และหันไปพยักหน้าให้บาร์เทนเดอร์ที่เดินเข้ามา เป็นความหมายว่าขอเครื่องดื่มของเขาแบบเดิมอีกแก้วหนึ่ง

“ขอบคุณค่ะ” ถิรมนหมุนตัว หันหลังพิงบาร์ มองไฮดี้ที่กำลังโบกไม้โบกมือให้ เธอโบกมือกลับไปและยิ้มให้เพื่อนนิดหนึ่ง

“คุณดู...ไม่มีความสุขเท่าไหร่ ไม่เหมือนเจ้าสาวที่กำลังจะได้แต่งงาน”

ถิรมนยิ้มเล็กน้อย ออกแนวเย้ยหยัน เพราะนั่นคือเรื่องจริง เธอแต่งงานเพราะมีเงื่อนไข โดยเฉพาะการที่ไม่เคยรับรู้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวมีหน้าตาอย่างไร พฤติกรรมแบบไหน ลักษณะนิสัยอย่างไรก็ไม่เคยรู้สักนิด แต่กลับต้องมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเสียอย่างนั้น ทว่าขณะเดียวกันตัวหนังสือจากจดหมายของคุณพ่อก็ผุดขึ้น

‘น้องเลิฟตั้งใจเรียนนะลูก ดูแลตัวเองให้ดี เชื่อฟังอามุกกับอารอง พ่ออยากบอกว่าพ่อคิดถึงน้องเลิฟมาก รักน้องเลิฟที่สุด ชีวิตพ่อมีแค่น้องเลิฟเป็นกำลังใจ พ่อยังมีปัญหาที่ไม่สามารถไปเจอลูกได้ และเมื่อไหร่ที่น้องเลิฟกลับเมืองไทยพร้อมใบปริญญา พ่อหวังให้เราได้พบกัน พ่อรัก คิดถึง และอยากกอดลูกสาวของพ่อเสมอ

รัก...

พ่อพุท’

คิดแล้วก็ยิ้มเศร้า นั่นสิ... อย่างน้อยความประพฤติของเธอยังทำให้ภาคภูมิใจที่ไม่เคยเหลวไหล เธอยังพูดได้เต็มปากเต็มคำเสมอ แม้ไม่รู้เหตุผลที่คุณพ่อหายไปไม่ติดต่อนอกจากข้อความผ่านจดหมาย แต่ก็คงไม่ได้เสียเวลาเปล่าเหมือนกับที่คิดน้อยใจเมื่อครู่แน่นอน การใช้ชีวิตที่ผ่านมาย่อมมีคุณค่าในตัวเอง แม้ว่าหลังแต่งงานอาจมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น

หญิงสาวหันไปมองคนอยู่ข้างๆ สีหน้าแววตาของเขาบอกว่าเข้าใจ บาร์เทนเดอร์เสิร์ฟเครื่องดื่มแก้วใหม่ เขารับมาไว้ในมือ หันมามองเธอ

“สำหรับคนที่ไร้ความสุขในการแต่งงานเช่นกัน” เขายกแก้วขึ้น ยื่นเข้ามาหาเล็กน้อย ยิ้มแบบปกปิดความขมขื่นไม่มิด

ถิรมนหยิบแก้วพันช์ของตนเองชนกับแก้วของเขา ดื่มให้หมดในรวดเดียวอีกครั้ง เห็นทีว่าคงพบคนหัวอกเดียวกันในวันนี้ และนั่นทำให้เป็นครั้งแรกที่กล้ารับไมตรีจากคนไม่รู้จัก

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -

แสงสว่างกระทบตาจนต้องเอียงหน้าหลบ กระบอกตาเจ็บๆ ตึงๆ จนต้องค่อยๆ กะพริบเพื่อปรับการมองเห็น ความปวดหนึบที่ศีรษะยังทึ้งรุม อาการปวดเมื่อยเนื้อตัวทำให้สงสัย เธอไม่ได้ออกไปเต้นกับเพื่อนๆ จนสมควรกลับมามีอาการได้ถึงขนาดนี้ และเมื่อคู้ตัวขยับขา ความเจ็บแปลบทำให้เผลอนิ่วหน้า

ถิรมนหยุดเคลื่อนไหว พยายามมองห้องพักที่ยังไม่ชัดเจน และไล่เรียงความทรงจำ

เมื่อคืน... เธอคุยกับผู้ชายคนนั้น จำไม่ได้ว่าดื่มน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์เข้าไปกี่แก้ว ไม่น่าจะเกินสามหรือสี่แก้ว แต่ก็มากพอจะทำให้ประคองสติไม่อยู่ อาจจำคำพูดบางคำได้แบบขาดๆ เกินๆ อาการคอแห้ง มวนท้อง พะอืดพะอมที่กำลังเกิดขึ้นก็คงเพราะสาเหตุเดียวกัน

‘ขอให้สนุกกับพ่อรูปหล่อนะจ๊ะเลิฟลี่ของช้าน อย่าลืมโทรหาหลังจากตื่นด้วยล่ะ’ นั่นคือคำพูดของไฮดี้ที่กระซิบข้างหู เพื่อนของเธอก็เมาไม่น้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่ จำได้ว่ามีคนประคองออกมาขึ้นแท็กซี่

ผู้ชายคนนั้น... และสุดท้าย...มาจบกันที่ห้องพักของเขา

ถิรมนมองไปรอบๆ พยายามตั้งสติ ไม่บอกก็รู้ว่าที่นี่คือห้องพักของผู้ชายคนเมื่อคืน อาการปวดเมื่อยและเจ็บแปลบในที่ซ่อนเร้นย่อมไม่มีความหมายอื่น แต่ก็ขอซุกมือเข้าใต้ผ้าห่ม ลูบเนื้อตัวเพื่อพิสูจน์ทั้งยังหลับตา และแน่ชัดว่าเปลือยเปล่า

อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ลุกนั่งอย่างช้าๆ ตลบผ้าห่มออกไป ร่องรอยเป็นคราบเลือดแห้งๆ บางส่วนติดอยู่ตรงซอกต้นขาด้านในยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

ถิรมนตลบผ้าปกปิดร่างกายตนเอง ถอนหายใจออกมาหนักๆ สองมือลูบหน้าเลยขึ้นไปจนถึงกลางศีรษะและวกลงมาลูบหน้าอีกครั้งหนึ่ง อาการของคนคออ่อนทำให้พลาดพลั้งได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ไม่อยากเชื่อว่าน้ำเมาที่เบาบางนั้นได้พรากสติสัมปชัญญะของเธอหมดไปอย่างไม่น่าอภัย เธอไม่ได้เสียดายความบริสุทธิ์อะไรนี่นัก เพียงแต่เสียใจที่ทำอะไรโดยไม่มีสติ และอาจเสี่ยงต่อการติดโรค หรือตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

แต่ตอนนี้จะมัวเสียดาย เสียใจ หรือโทษตัวเองย่อมไมใช่เวลาควรจะทำ ถิรมนมองหาเสื้อผ้า ข้าวของ และนาฬิกาเพื่อดูเวลา หากกลับบ้านช้ามิแคล้วว่าอารองคงเป็นห่วงไม่น้อย ทว่าเมื่อขยับก็รู้สึกมึนจนต้องนั่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จนกระทั่งสติเริ่มกลับมาเกือบครบถ้วน จึงพาตัวเองลงจากเตียง

สภาพห้องที่เห็นหรูหรามากทีเดียว ถิรมนมองเห็นทรัพย์สินของตนเองวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เสื้อและกางเกงผ้าพาดไว้บนพนักเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กัน ได้แต่ถอนหายใจออกมา ค่อยๆ ลุกขึ้น ตรงเข้าไปหาของพวกนั้น

“บ่ายโมง!” แทบจะเขกกะโหลกซ้ำอีกรอบ วางนาฬิกาข้อมือของตัวเองลงที่เดิม ลูบหน้าหนักๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก

ถิรมนรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุดแม้บางครั้งจะเจ็บแปลบ จากการสำรวจเบื้องต้นไม่พบคราบแปลกปลอมก็ค่อนข้างทำให้โล่งใจระดับหนึ่ง แม้อีกใจคิดว่าอาจต้องพบแพทย์ ขอใบสั่งยาเพื่อซื้อยาคุมฉุกเฉิน แต่นั่นก็เสี่ยงกับระบบภายในของร่างกายเช่นกันเมื่อผลกระทบระยะยาวมีแน่นอน ความเข้มข้นของฮอร์โมนในยาชนิดนี้มากกว่ายาคุมกำเนิดปกติหลายเท่า หากใช้บ่อยก็เกิดความเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ได้กินครั้งแรก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือประจำเดือนจะมาไม่ปกติอย่างหนึ่ง มีเลือดออกมากกว่าที่เคยเป็นอย่างที่สอง ปัญหาจากผลกระทบของยาซึ่งมีผลต่อเนื่องกับระบบภายในร่างกายเป็นอย่างที่สาม และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่จะตามมาเป็นอย่างที่สี่ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีนัก จำต้องระมัดระวังเพราะมีผลระยะยาว ต้องชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียหากเลือกจะกิน คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

ใช้เวลาไม่นานก็แต่งตัวเรียบร้อย มองสำรวจเสื้อผ้าเนื้อตัวเสร็จแล้วจึงแวะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าล้างตาพอสะอาดสดชื่นจึงหันหลังออกไป ทว่าดันเหลือบไปเห็น ‘ซาก’ ในถังขยะจนต้องหันหลังกลับไปมอง เพ่งให้แน่ชัด พอโล่งอกว่าปลอดภัยจากโรคร้ายและความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ อีกฝ่ายป้องกันตนเองแบบนี้ก็พอโล่งใจ แม้ส่วนลึกยังเป็นกังวลและหน้าแดงกับจำนวนชิ้นที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้น

ถิรมนสลัดภาพและความคิดทั้งหมดทิ้ง ก้าวออกจากห้องน้ำทันที ปิดประตูห้องพักและลาที่แห่งนี้ไว้เบื้องหลัง เหลือเพียงความทรงจำ ไม่หันกลับไปมอง

เธอเดินตรงมาที่ลิฟต์ กดชั้นเป้าหมาย และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่เป็นล็อบบี้รับรองผู้เข้าพัก จึงแน่ใจว่าที่นี่คือโรงแรมระดับห้าดาวกลางนิวยอร์กซิตี้

‘รวยไม่ใช่เล่นเลยล่ะ’ คิดแบบนั้นก็พยักหน้าให้บริกรที่คอยเปิดประตูและเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ คนมีเงินพักในโรงแรมหรูห้าดาว ค่าใช้จ่ายตกเฉลี่ยต่อคืนราวเจ็ดร้อยกว่าดอลล่าห์สหรัฐใช่มีมากมาย มิน่าล่ะ...ทรัพย์สินของเธอจึงอยู่ครบ ไม่โชคร้ายต้องสูญเสียอีกต่อหนึ่ง แต่เรื่องพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวมากไปกว่าการขอให้ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติกับท่าเดินของเธอขณะนี้ซึ่งพยายามให้เป็นปกติมากที่สุดด้วยการก้าวไม่เร็วมากนัก มุ่งตรงไปยังซับเวย์สถานีใกล้ๆ เพื่อกลับที่พักในเขตควีนส์

และเพียงแค่ถิรมนพ้นประตูทางเข้า ชายคนนั้นที่ได้อิงแอบกับเธอตลอดคืนจนถึงช่วงสายกำลังลงจากแท็กซี่ ตรงไปยังห้องพัก ท่าทางเร่งร้อน ก่อนจะพบกับความว่างเปล่าและรู้สึกผิดหวังเมื่อไม่เห็นเธออีกครั้งหนึ่ง

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -



--------------------------------------------------------------------------------

[1] สหราชอาณาจักร United Kingdom (ประเทศอังกฤษ)



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2557, 01:47:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2557, 14:33:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 3095





   บทที่ 2 >>
konhin 5 ม.ค. 2557, 02:09:21 น.
ว้าว เรื่องใหม่ นางเอกไม่โวยวาย ว่าแต่ใครเป็นพระเอกกันน้ออ


แว่นใส 5 ม.ค. 2557, 08:08:37 น.
เขาคือใครกันนะ


ใบบัวน่ารัก 5 ม.ค. 2557, 09:02:08 น.
ดีนะที่ป้องกัน
หวังว่าคงไม่ท้องนะ
จะต้องกินยาไหมอะ ป้องกันอีกครั้ง
เป็นห่วง


pattisa 5 ม.ค. 2557, 09:08:24 น.
น่าติดตามค่ะ อิอิ ผู้ชายคนนั้นคือพี่มัตถ์ป่าวน้ออ


OhLaLa 5 ม.ค. 2557, 10:05:56 น.
จะจุดไต้ตำตอป่าวนะ


sai 5 ม.ค. 2557, 13:21:04 น.
โอ๊ะโอ้ เค้าคือใครหนอ?????


คิมหันตุ์ 5 ม.ค. 2557, 14:33:11 น.
อิย๊ะ เปิดเรื่องมาก็มีเรื่องเลย สินะคะ น่า่ติดตามมากค่ะ


kraten 5 ม.ค. 2557, 15:21:37 น.
ลุ้นๆๆๆ


พู่ระหง 5 ม.ค. 2557, 19:14:32 น.
หน้าติดตาม รีบมาอัพต่อนะคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 5 ม.ค. 2557, 22:11:37 น.
อุ้ววววววว นี่ขนาดด้นสดนะเนี่ยยยย น่าติดตามจุงงง คิๆๆๆ


ผักหวาน 6 ม.ค. 2557, 12:21:04 น.
น่าลุ้นว่า อีตาเลี้ยงเครื่องดื่มหนูเลิฟเป็นใครน๊า


แพม 19 ม.ค. 2557, 12:12:34 น.
อย่าบอกนะว่าเป็นปรมัตถ์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account