เชลยรัก โอเอซิส
เมื่อชายที่รักต้องกลายมาเป็นเชลยแค้น ทุกๆ บทลงทัณฑ์เธอจึงต้องแลกกับความเจ็บปวดใจ

ด้วยสายเลือดแห่งนักรบ แม้ดวงหน้าจะงดงาม อรชรเพียงใด แต่ "รีอา" ก็แกร่งกล้าไม่แพ้ใคร เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นผู้นำแห่งเผ่ามียะ หากแต่หนทางนั้นไม่ง่ายนัก เมื่อ "เฟย่า" น้องสาวต่างมารดา ซึ่งมีจิตริษยาอยากเป็นใหญ่เหนื่อไพรฟ้าทั้งปวง ในท่ามกลางความบาดหมางและการแย่งชิงใต้ดวงจันทรา มนต์แห่งโอเอซีสโอบล้อมสองชายหญิงจนก่อเกิดความรู้สึกดีๆ "อัสซาฮาน" ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเธอไว้ สัมผัสละมุนลึกซึ้งถักทอให้กลายเป็นความรักที่มั่นคง แต่เมื่อบิดาของเธอต้องจบชีวิตลงอย่างปริศนา และมีหลักฐานชี้ชัดมัดตัวผู้ร้ายเช่นเขาได้อย่างดี แค้นนี้จึงต้องชำระ แม้ว่าจะเหมือนทำร้ายหัวใจตัวเองก็ตาม เมื่อ "ความรัก" กลายเป็น "ความแค้น" แสนเจ็บปวด จาก "คนรัก" กลายเป็น "เชลย" ...หัวใจ บทสรุปใต้มนต์แห่งโอเอซีสนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม

Tags: เชลยรัก โอเอซิส,จันทร์สีมุก,ทะเลทราย

ตอน: บทนำ

บทนำ
ภายใต้แสงนวลของเจ้าจันทรา เหนือผืนทรายงดงามอ่อนโยน หากแต่ความงามของทรายสีนวล กลับถูกเสน่ห์ของริ้วคลื่นนวลระยับยามราตรีกาลจากแอ่งน้ำขนาดใหญ่ของท้องทะเลทราย ที่เรียกว่าโอเอซิสเบียดบังความงามไปเสียสิ้น ท่ามกลางริ้วคลื่น ร่างขาวเนียนผ่องไร้อาภรณ์ กำลังแหวกว่ายแฝงกายกับแผ่นน้ำ ดวงหน้าขาวงดงามภายใต้ผมยาวหยักศกสีดำสนิทแย้มยิ้มสุขใจ ดวงตากลมโตจับจ้องดาวดวงใส ที่พากันแข่งอวดความสวยงาม ระยับพราวพร่างอยู่เต็มแผ่นฟ้า เพราะดวงดาวยามค่ำคืนแห้งท้องทะเลทราย ณ ดินแดนโอเอซิสงดงามเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจนักที่จะทำให้บุตรีนางหนึ่งแห่งเผ่ามียะ แอบเร้นกายผู้ที่เป็นบิดาแวะมาเล่นน้ำอยู่เป็นประจำ และค่ำคืนนี้ก็เหมือนทุกครั้ง โอเอซิสไกลผู้ไกลคน น้อยคนนักที่จะย่างกรายมาถึง หล่อนผู้เปลือยกายอยู่ใต้น้ำ จึงชะล่าใจมิได้ระแวดระวังตัวเช่นทุกครั้ง และถึงแม้จะมีภัย ความสามารถในเรื่องป้องกันตัว หนึ่งในบุตรีของหัวหน้าเผ่ามียะเช่นนางก็มิได้เป็นสองรองใคร
แต่แล้ว เสียงจากเจ้าซีบร้าอาชาสีนิลกาฬก็แว่วมาให้ได้สำเหนียกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องมองผ่านความเลือนรางของแสงจันทร์ไปยังริมฝั่ง ความสงบเงียบหาได้ทำให้วางใจไม่ เสียงผ่อนลมหายใจอย่างไม่พอใจที่ความสุขดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายเสียแล้ว ร่างงดงามใต้น้ำเคลื่อนกายแผ่วเบา เงียบเฉียบ สู่พุ่มไม้หนาริมฝั่ง ก่อนที่เสื้อผ้าจะถูกสวมใส่อย่างลวกๆ ดวงหน้าขาวเนียนถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมหน้า เผยเพียงดวงตาคมสีนิลดุจเหยี่ยวเท่านั้นเอง
ท่ามกลางความเลือนราง ปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน กระจายกันออกไป บุตรีแห่งเผ่ามียะกวาดสายตาไปยังรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าชายฉกรรจ์ท่าทางประสงค์ร้ายนั้นมีกันถึงห้าคน และรับรู้ได้ในทันที ว่านางกำลังเผชิญหน้ากับโจรแห่งท้องทะเลทรายเสียแล้ว ร่างบางผ่อนลมหายใจ เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น นางย่อกายลง มือควานหาดาบที่เป็นอาวุธคู่กายที่วางไว้ก่อนจะลงน้ำ หัวใจถึงกับกระตุกวูบ เมื่อความว่างเปล่าคือสิ่งที่พานพบ ปากบางเข่นเคี่ยว นึกโกรธตัวเองที่ประมาทเลินเล่อจนลืมมันไว้ที่อานของเจ้าซีบร้าม้าสีนิลที่นางผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ด้านนอก
เสียงหัวเราะของเจ้าคนหนึ่งดังก้อง ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามา หญิงสาวลุกขึ้นมาเผชิญ เชือกรัดเอวถูกดึงออกมาใช้แทนอาวุธ มีดใหญ่ถูกมันฟันฉับลงมา หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะตวัดสายคาดเอวที่ปลายเป็นพู่แข็งแรงเข้าที่ใบหน้ามันอย่างจัง มันร้องครวญครางก่อนที่จะถอยล่าออกไป
เจ้าคนหนึ่งที่หญิงสาวคิดว่ามันน่าจะเป็นหัวหน้า ทำสัญญาณเป็นเชิงสั่งให้อีกสองคนเข้ามาจัดการ แต่เพียงแค่นี้ มิได้ทำให้นักรบสาวแห่งเผ่ามียะเกรงกลัวเลยสักนิด นางยิ้มร้ายภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใครก็ตามที่มาบังอาจล้วงล้ำความเป็นส่วนตัว มันผู้นั้นสมควรได้รับโทษสถานหนัก
ร่างสูงบางเคลื่อนกายรวดเร็ว สายรัดเอวที่มีปลายพู่แข็งแรง ตวัดแรงเมื่อผ่านเป้าหมาย เจ้าสองคนร้องโอดโอย มือหยาบหนากุมตรงหน้าท้องอย่างเจ็บปวด เจ้าคนเป็นหัวหน้าคำรามในลำคออย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าพวกโง่ แค่ผู้หญิงคนเดียว ยังจัดการไม่ได้” มันทำสายตาเหี้ยมโหดมองลูกน้อง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของมันจะหันมาเผชิญกับสตรีที่มีชัยเหนือเจ้าพวกลูกกระจ๊อกของมัน
สตรีในชุดดำ ภายใต้ผ้าคลุมหน้ายืดกายสง่าท้าทายมันผู้อยู่ตรงหน้าอย่างมิคิดจะเกรงกลัว เจ้าลูกน้องที่ยืนข้างกายมัน ทำท่าเหมือนจะเข้ามาขยุ้มหญิงสาวเสียให้ได้ แต่แขนใหญ่ของมันยกขึ้นมาขวางห้ามไว้ ถึงมันจะคลุมหน้าไว้ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันกำลังแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“จะช้าอยู่ทำไมเล่า ข้าไม่มีเวลามาเล่นเกมส์กับพวกเจ้าหรอกนะ” คำจากปากสตรีตรงหน้าประดุจคำท้าที่ไม่ปิดบังแม้กระทั่งคำเยาะเย้ย มันผู้เป็นถึงหัวหน้า ปล้นสะดมชาวทะเลทรายมาไม่น้อย ไปทางไหนก็มีแต่คนเกรงกลัวจนตัวสั่น แต่ความโกรธของมันกลับถูกสะกดกลั้นไว้ ลูกน้องของมันพาไปรวมตัวกันที่ด้านหลังของเจ้าหัวหน้า สายตาประสงค์ร้ายมองมายังหญิงสาวโดยไม่คิดที่จะเข้ามาโจมตี ทำให้นางนึกแปลกใจ พฤติกรรมของพวกมันเสมือนรอคอยบางอย่าง มันจะมาไม้ไหนกัน ทำไมไม่เข้ามาจัดการให้มันจบๆ ไป เจ้าโจรถ่อย มีแผนการอันใดแฝงอยู่นะ คิ้วบางขมวดมุ่น ลมหายใจถูกผ่อนเป็นจังหวะ และความผิดปกติต่อผ้าคลุมหน้าที่ใช้ก็ทำให้หญิงสาวใจหายวูบขึ้นมา...ทันที
ดวงตาที่กลมโตงดงามพลันพร่าเลือน แรงที่จะทรงกายเสมือนกำลังจะอ่อนล้า สมองมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่กำเชือกสายรัดเอวเริ่มคลายออก ร่างสูงบางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง
เสียงหัวเราะจากเจ้าพวกโจรถ่อยแห่งท้องทะเลทราย ดังก้องสะใจไปทั้งโอเอซิส เมื่อเห็นเหยื่อสาวตรงหน้ากำลังจะสิ้นฤทธิ์ในอีกไม่กี่นาที
อ่า นางถูกวางยา ผ้าคลุมหน้าของนางที่ถอดวางไว้...นี่คือสิ่งที่มันรอคอยสินะ รอคอยให้ยาออกฤทธิ์ แล้วค่อยจัดการขย้ำนางอย่างนั้นหรือ...?
“เจ้า...พวกเจ้าช่างเลวทรามนัก” ความโกรธแค้นถึงขีดสุดที่ปรากฏในดวงตา กับคำก่นด่าของหญิงสาว มันหาใส่ใจไม่ กลับพากันหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน
“ถ้าข้าไม่เลว ก็ไม่ใช่โจรสิสาวน้อย” เจ้าหัวหน้ามันกล่าวย้อน ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามาอย่างหื่นกระหาย บุตรีแห่งเผ่ามียะมีหรือจะยอมแพ้มันง่ายๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดพยายามชันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับร่างใหญ่ ผ้าคลุมหน้าถูกดึงทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
เมื่อดวงหน้าขาวที่ไร้ผ้าคลุมหน้าปรากฏ เจ้าโจรถ่อยผู้ชั่วช้าถึงกับตะลึง ความงดงามของเหยื่อสาวตรงหน้าถึงกับทำให้มันหยุดชะงัก
“โอ้ งามแท้สาวน้อย” มันครางเหมือนคนละเมอ
“ข้าได้ยินกิติศัพท์ความงามเจ้ามาตั้งนาน มาเห็นกับตาวันนี้ ไม่ผิดจากที่เขาลือกันเลยแม้แต่น้อย” มันแสยะยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าของมัน
แต่ผู้ถูกชื่นชม มิได้หลงคารมไปกับมัน ผ้าโพกหัวถูกดึงออก ผมยาวสีดำขลับเป็นลอนกระจายเต็มแผ่นหลัง ก่อนที่ผ้าโพกหัวผืนงามจะถูกแปรเปลี่ยนใช้เป็นผ้าคลุมหน้า เจ้าพวกโจรทั้งห้า มองการกระทำนั้นอย่างเสียดาย ยังมิได้ชื่นชมความงดงามของสาวเจ้าให้ชุ่มปอด ก็พลันถูกปกปิดอีกครั้ง
“ความงามของเจ้า เหตุใดจึงซุกซ่อน มามะ...สาวน้อย” ร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละนิดๆ ร่างบางที่แทบจะทรงกายไม่อยู่ค่อยๆ ถอยร่น มือเล็กกระชับสายรัดเอวไว้มั่น ความหนักใจก่อเกิด ด้วยสติที่มีอยู่ตอนนี้ จะสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันได้หรือไม่...ตัวนางเอง ก็ยังไม่รู้
“มาเถอะ...สาวน้อย ยอมข้าแต่โดยดี แล้วข้าจะยกให้เจ้าเป็นเมียรักของข้าแต่เพียงผู้เดียว” มันหว่านล้อม ในขณะที่ก้าวเข้าไปเรื่อยๆ
“ให้ข้าตายเสียดีกว่า ที่จะยอมสยบแก่พวกเจ้า” หญิงสาวคำรามลั่นอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะโถมร่างเข้าหา สายรัดเอวตวัดปะทะลำคอมันอย่างจัง มันถึงกับเซถลาไปตั้งหลัก มือหยาบกร้านลูบลำคอ เลือดซิบๆ ไหลติดมือ ดวงตาเกรี้ยวกราดจ้องมองผู้กระทำต่อมันอย่างโกรธแค้น
“เจ้าทำข้าเจ็บ...นะสาวน้อย” แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังมีอารมณ์มาเล่นลิ้นกับหญิงสาวอย่างใจเย็น แต่นางรู้ดี ว่าเจ้าโจรชั่วกำลังหาโอกาสที่จะตอบโต้ต่างหาก
และเป็นจริงดั่งที่คิด มันอาศัยความหนาใหญ่และความแข็งแรงที่เหนือกว่าโถมเข้าหาอย่างรวดเร็ว ด้วยพละกำลังสุดท้ายที่เหลือเพียงน้อยนิด หลบการจู่โจมของเจ้าโจรทะเลทรายได้ แต่พอนางหันกลับมา ยาออกฤทธิ์รุนแรง รอบๆ กายดูเหมือนจะหมุนไปหมด ร่างบางโงนเงน ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง
เจ้าโจรร้ายทั้งห้าคนยืนห้อมล้อม จ้องมองนางอย่างหื่นกระหาย เสียงหัวเราะดังก้องเย้ยหยัน สติที่ยังคงมีได้ยินเจ้าหัวหน้าโจรสั่งลูกน้องให้ออกไป ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองร่างใหญ่ที่ยืนตระหง่านเหนือนาง มันค่อยๆ ปลดผ้าคลุมหน้าของมันออกอย่างใจเย็น แสยะยิ้มให้กับนางที่สิ้นฤทธิ์อยู่แทบเท้าของมันอย่างลำพอง
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี” มันพูดในขณะที่ทรุดกายลง มือหนาเอื้อมไปปลดผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวออกอย่างช้าๆ
แววตาหื่นกระหายที่จ้องมอง พาหัวใจของนางเหมือนจะหลุดหาย หากไม่โดนวางยา มีหรือที่คนอย่างมันจะได้กระทำกิริยาหยาบคายเช่นนี้
“จงปล่อยข้าไป” หญิงสาวเริ่มรวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าอยากได้ของมีค่าเท่าใด ข้าจะให้เจ้า” มันแผดเสียงหัวเราะให้กับข้อเสนอของสาวน้อยที่นอนสิ้นแรงอยู่ตรงหน้า นางช่างงดงามเช่นเทพธิดา ของมีค่าอื่นใด หรือจะเทียบเท่าได้
มันหลุบตาลงมอง แสยะยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวรับรู้ได้ในทันที ว่าข้อเสนอของนางนั้นคงไม่ได้ผลเสียแล้ว
“สิ่งมีค่าที่ข้าอยากได้...ก็คือตัวเจ้า” มันพูดในขณะที่มือหยาบกร้านทำท่าจะเอื้อมเข้ามาลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวนั้นอย่างหลงใหล
“ไม่...เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” หญิงสาวร้องห้ามเสียงหลง ส่ายหน้าหลบมือหยาบของมันไปมา มันหัวเราะชอบใจ มือหยาบหนาชักกลับมา แล้วลูบคางตัวเองอย่างหื่นกระหาย
“อยู่นิ่งๆ ทูนหัว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าขึ้นสวรรค์” มันบอกเสียงแหบพร่า
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะถนุถนอมเจ้า” มันหว่านล้อมด้วยเสียงอันสั่นพร่า มองหญิงสาวตาเป็นมัน ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหวังสัมผัสความนุ่มนวลของดวงหน้านั้นอย่างห้ามใจไม่ได้
“ไม่...ปล่อยข้านะ” สองมือที่อ่อนแรง ยกขึ้นมาปัดป่ายสะเปะสะปะ เจ้าโจรร้ายไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกข่วนหน้าอย่างแรง มันหยุดการกระทำทั้งหมด มองเลือดซิบๆ ที่ติดมือ ความโกรธแค้นเป็นทวีคูณ ความอดทนของมันสิ้นสุดลง แรงโทสะทำให้มันกระชากคนที่ทำให้มันเลือดตกยางออกจนตัวปลิวติดมือมันขึ้นมา
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม...สาวน้อย” มันเอ่ยเสียงเหี้ยมใส่หน้าหญิงสาว ก่อนที่จะโยนร่างบางลงไปกับพื้นหญ้าอย่างไม่ปราณี ความเจ็บระบมแผ่ไปทั่วกาย ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองเจ้าโจรถ่อยหัวเราะดังก้อง
รอบๆ กายเริ่มหมุนอีกครั้ง ทุกๆ อย่างยิ่งดูพร่าเลือน หญิงสาวเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโจรร้ายค่อยๆ ไกลออกไป และชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสตินางก็...ดับวูบ


................................

ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ท



นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2557, 13:47:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2557, 13:47:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1201





   บทที่ 1 รักแรก >>
นัฐชา 5 ม.ค. 2557, 13:49:50 น.
55555555555หายไปนาน ลืมวิธีการโพสนิยายเสียแล้วเรา

ยังไงขอฝาก "เชลยรัก โอเอซิส" นามปากกาจันทร์สีมุก สนพ.สมาร์ทบุ๊ค

ช่วยเป็นกำลังใจให้นักหัดเขียนคนนี้ด้วยนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account