เชลยรัก โอเอซิส
เมื่อชายที่รักต้องกลายมาเป็นเชลยแค้น ทุกๆ บทลงทัณฑ์เธอจึงต้องแลกกับความเจ็บปวดใจ
ด้วยสายเลือดแห่งนักรบ แม้ดวงหน้าจะงดงาม อรชรเพียงใด แต่ "รีอา" ก็แกร่งกล้าไม่แพ้ใคร เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นผู้นำแห่งเผ่ามียะ หากแต่หนทางนั้นไม่ง่ายนัก เมื่อ "เฟย่า" น้องสาวต่างมารดา ซึ่งมีจิตริษยาอยากเป็นใหญ่เหนื่อไพรฟ้าทั้งปวง ในท่ามกลางความบาดหมางและการแย่งชิงใต้ดวงจันทรา มนต์แห่งโอเอซีสโอบล้อมสองชายหญิงจนก่อเกิดความรู้สึกดีๆ "อัสซาฮาน" ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเธอไว้ สัมผัสละมุนลึกซึ้งถักทอให้กลายเป็นความรักที่มั่นคง แต่เมื่อบิดาของเธอต้องจบชีวิตลงอย่างปริศนา และมีหลักฐานชี้ชัดมัดตัวผู้ร้ายเช่นเขาได้อย่างดี แค้นนี้จึงต้องชำระ แม้ว่าจะเหมือนทำร้ายหัวใจตัวเองก็ตาม เมื่อ "ความรัก" กลายเป็น "ความแค้น" แสนเจ็บปวด จาก "คนรัก" กลายเป็น "เชลย" ...หัวใจ บทสรุปใต้มนต์แห่งโอเอซีสนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม
ด้วยสายเลือดแห่งนักรบ แม้ดวงหน้าจะงดงาม อรชรเพียงใด แต่ "รีอา" ก็แกร่งกล้าไม่แพ้ใคร เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นผู้นำแห่งเผ่ามียะ หากแต่หนทางนั้นไม่ง่ายนัก เมื่อ "เฟย่า" น้องสาวต่างมารดา ซึ่งมีจิตริษยาอยากเป็นใหญ่เหนื่อไพรฟ้าทั้งปวง ในท่ามกลางความบาดหมางและการแย่งชิงใต้ดวงจันทรา มนต์แห่งโอเอซีสโอบล้อมสองชายหญิงจนก่อเกิดความรู้สึกดีๆ "อัสซาฮาน" ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเธอไว้ สัมผัสละมุนลึกซึ้งถักทอให้กลายเป็นความรักที่มั่นคง แต่เมื่อบิดาของเธอต้องจบชีวิตลงอย่างปริศนา และมีหลักฐานชี้ชัดมัดตัวผู้ร้ายเช่นเขาได้อย่างดี แค้นนี้จึงต้องชำระ แม้ว่าจะเหมือนทำร้ายหัวใจตัวเองก็ตาม เมื่อ "ความรัก" กลายเป็น "ความแค้น" แสนเจ็บปวด จาก "คนรัก" กลายเป็น "เชลย" ...หัวใจ บทสรุปใต้มนต์แห่งโอเอซีสนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม
Tags: เชลยรัก โอเอซิส,จันทร์สีมุก,ทะเลทราย
ตอน: บทนำ
บทนำ
ภายใต้แสงนวลของเจ้าจันทรา เหนือผืนทรายงดงามอ่อนโยน หากแต่ความงามของทรายสีนวล กลับถูกเสน่ห์ของริ้วคลื่นนวลระยับยามราตรีกาลจากแอ่งน้ำขนาดใหญ่ของท้องทะเลทราย ที่เรียกว่าโอเอซิสเบียดบังความงามไปเสียสิ้น ท่ามกลางริ้วคลื่น ร่างขาวเนียนผ่องไร้อาภรณ์ กำลังแหวกว่ายแฝงกายกับแผ่นน้ำ ดวงหน้าขาวงดงามภายใต้ผมยาวหยักศกสีดำสนิทแย้มยิ้มสุขใจ ดวงตากลมโตจับจ้องดาวดวงใส ที่พากันแข่งอวดความสวยงาม ระยับพราวพร่างอยู่เต็มแผ่นฟ้า เพราะดวงดาวยามค่ำคืนแห้งท้องทะเลทราย ณ ดินแดนโอเอซิสงดงามเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจนักที่จะทำให้บุตรีนางหนึ่งแห่งเผ่ามียะ แอบเร้นกายผู้ที่เป็นบิดาแวะมาเล่นน้ำอยู่เป็นประจำ และค่ำคืนนี้ก็เหมือนทุกครั้ง โอเอซิสไกลผู้ไกลคน น้อยคนนักที่จะย่างกรายมาถึง หล่อนผู้เปลือยกายอยู่ใต้น้ำ จึงชะล่าใจมิได้ระแวดระวังตัวเช่นทุกครั้ง และถึงแม้จะมีภัย ความสามารถในเรื่องป้องกันตัว หนึ่งในบุตรีของหัวหน้าเผ่ามียะเช่นนางก็มิได้เป็นสองรองใคร
แต่แล้ว เสียงจากเจ้าซีบร้าอาชาสีนิลกาฬก็แว่วมาให้ได้สำเหนียกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องมองผ่านความเลือนรางของแสงจันทร์ไปยังริมฝั่ง ความสงบเงียบหาได้ทำให้วางใจไม่ เสียงผ่อนลมหายใจอย่างไม่พอใจที่ความสุขดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายเสียแล้ว ร่างงดงามใต้น้ำเคลื่อนกายแผ่วเบา เงียบเฉียบ สู่พุ่มไม้หนาริมฝั่ง ก่อนที่เสื้อผ้าจะถูกสวมใส่อย่างลวกๆ ดวงหน้าขาวเนียนถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมหน้า เผยเพียงดวงตาคมสีนิลดุจเหยี่ยวเท่านั้นเอง
ท่ามกลางความเลือนราง ปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน กระจายกันออกไป บุตรีแห่งเผ่ามียะกวาดสายตาไปยังรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าชายฉกรรจ์ท่าทางประสงค์ร้ายนั้นมีกันถึงห้าคน และรับรู้ได้ในทันที ว่านางกำลังเผชิญหน้ากับโจรแห่งท้องทะเลทรายเสียแล้ว ร่างบางผ่อนลมหายใจ เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น นางย่อกายลง มือควานหาดาบที่เป็นอาวุธคู่กายที่วางไว้ก่อนจะลงน้ำ หัวใจถึงกับกระตุกวูบ เมื่อความว่างเปล่าคือสิ่งที่พานพบ ปากบางเข่นเคี่ยว นึกโกรธตัวเองที่ประมาทเลินเล่อจนลืมมันไว้ที่อานของเจ้าซีบร้าม้าสีนิลที่นางผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ด้านนอก
เสียงหัวเราะของเจ้าคนหนึ่งดังก้อง ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามา หญิงสาวลุกขึ้นมาเผชิญ เชือกรัดเอวถูกดึงออกมาใช้แทนอาวุธ มีดใหญ่ถูกมันฟันฉับลงมา หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะตวัดสายคาดเอวที่ปลายเป็นพู่แข็งแรงเข้าที่ใบหน้ามันอย่างจัง มันร้องครวญครางก่อนที่จะถอยล่าออกไป
เจ้าคนหนึ่งที่หญิงสาวคิดว่ามันน่าจะเป็นหัวหน้า ทำสัญญาณเป็นเชิงสั่งให้อีกสองคนเข้ามาจัดการ แต่เพียงแค่นี้ มิได้ทำให้นักรบสาวแห่งเผ่ามียะเกรงกลัวเลยสักนิด นางยิ้มร้ายภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใครก็ตามที่มาบังอาจล้วงล้ำความเป็นส่วนตัว มันผู้นั้นสมควรได้รับโทษสถานหนัก
ร่างสูงบางเคลื่อนกายรวดเร็ว สายรัดเอวที่มีปลายพู่แข็งแรง ตวัดแรงเมื่อผ่านเป้าหมาย เจ้าสองคนร้องโอดโอย มือหยาบหนากุมตรงหน้าท้องอย่างเจ็บปวด เจ้าคนเป็นหัวหน้าคำรามในลำคออย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าพวกโง่ แค่ผู้หญิงคนเดียว ยังจัดการไม่ได้” มันทำสายตาเหี้ยมโหดมองลูกน้อง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของมันจะหันมาเผชิญกับสตรีที่มีชัยเหนือเจ้าพวกลูกกระจ๊อกของมัน
สตรีในชุดดำ ภายใต้ผ้าคลุมหน้ายืดกายสง่าท้าทายมันผู้อยู่ตรงหน้าอย่างมิคิดจะเกรงกลัว เจ้าลูกน้องที่ยืนข้างกายมัน ทำท่าเหมือนจะเข้ามาขยุ้มหญิงสาวเสียให้ได้ แต่แขนใหญ่ของมันยกขึ้นมาขวางห้ามไว้ ถึงมันจะคลุมหน้าไว้ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันกำลังแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“จะช้าอยู่ทำไมเล่า ข้าไม่มีเวลามาเล่นเกมส์กับพวกเจ้าหรอกนะ” คำจากปากสตรีตรงหน้าประดุจคำท้าที่ไม่ปิดบังแม้กระทั่งคำเยาะเย้ย มันผู้เป็นถึงหัวหน้า ปล้นสะดมชาวทะเลทรายมาไม่น้อย ไปทางไหนก็มีแต่คนเกรงกลัวจนตัวสั่น แต่ความโกรธของมันกลับถูกสะกดกลั้นไว้ ลูกน้องของมันพาไปรวมตัวกันที่ด้านหลังของเจ้าหัวหน้า สายตาประสงค์ร้ายมองมายังหญิงสาวโดยไม่คิดที่จะเข้ามาโจมตี ทำให้นางนึกแปลกใจ พฤติกรรมของพวกมันเสมือนรอคอยบางอย่าง มันจะมาไม้ไหนกัน ทำไมไม่เข้ามาจัดการให้มันจบๆ ไป เจ้าโจรถ่อย มีแผนการอันใดแฝงอยู่นะ คิ้วบางขมวดมุ่น ลมหายใจถูกผ่อนเป็นจังหวะ และความผิดปกติต่อผ้าคลุมหน้าที่ใช้ก็ทำให้หญิงสาวใจหายวูบขึ้นมา...ทันที
ดวงตาที่กลมโตงดงามพลันพร่าเลือน แรงที่จะทรงกายเสมือนกำลังจะอ่อนล้า สมองมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่กำเชือกสายรัดเอวเริ่มคลายออก ร่างสูงบางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง
เสียงหัวเราะจากเจ้าพวกโจรถ่อยแห่งท้องทะเลทราย ดังก้องสะใจไปทั้งโอเอซิส เมื่อเห็นเหยื่อสาวตรงหน้ากำลังจะสิ้นฤทธิ์ในอีกไม่กี่นาที
อ่า นางถูกวางยา ผ้าคลุมหน้าของนางที่ถอดวางไว้...นี่คือสิ่งที่มันรอคอยสินะ รอคอยให้ยาออกฤทธิ์ แล้วค่อยจัดการขย้ำนางอย่างนั้นหรือ...?
“เจ้า...พวกเจ้าช่างเลวทรามนัก” ความโกรธแค้นถึงขีดสุดที่ปรากฏในดวงตา กับคำก่นด่าของหญิงสาว มันหาใส่ใจไม่ กลับพากันหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน
“ถ้าข้าไม่เลว ก็ไม่ใช่โจรสิสาวน้อย” เจ้าหัวหน้ามันกล่าวย้อน ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามาอย่างหื่นกระหาย บุตรีแห่งเผ่ามียะมีหรือจะยอมแพ้มันง่ายๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดพยายามชันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับร่างใหญ่ ผ้าคลุมหน้าถูกดึงทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
เมื่อดวงหน้าขาวที่ไร้ผ้าคลุมหน้าปรากฏ เจ้าโจรถ่อยผู้ชั่วช้าถึงกับตะลึง ความงดงามของเหยื่อสาวตรงหน้าถึงกับทำให้มันหยุดชะงัก
“โอ้ งามแท้สาวน้อย” มันครางเหมือนคนละเมอ
“ข้าได้ยินกิติศัพท์ความงามเจ้ามาตั้งนาน มาเห็นกับตาวันนี้ ไม่ผิดจากที่เขาลือกันเลยแม้แต่น้อย” มันแสยะยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าของมัน
แต่ผู้ถูกชื่นชม มิได้หลงคารมไปกับมัน ผ้าโพกหัวถูกดึงออก ผมยาวสีดำขลับเป็นลอนกระจายเต็มแผ่นหลัง ก่อนที่ผ้าโพกหัวผืนงามจะถูกแปรเปลี่ยนใช้เป็นผ้าคลุมหน้า เจ้าพวกโจรทั้งห้า มองการกระทำนั้นอย่างเสียดาย ยังมิได้ชื่นชมความงดงามของสาวเจ้าให้ชุ่มปอด ก็พลันถูกปกปิดอีกครั้ง
“ความงามของเจ้า เหตุใดจึงซุกซ่อน มามะ...สาวน้อย” ร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละนิดๆ ร่างบางที่แทบจะทรงกายไม่อยู่ค่อยๆ ถอยร่น มือเล็กกระชับสายรัดเอวไว้มั่น ความหนักใจก่อเกิด ด้วยสติที่มีอยู่ตอนนี้ จะสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันได้หรือไม่...ตัวนางเอง ก็ยังไม่รู้
“มาเถอะ...สาวน้อย ยอมข้าแต่โดยดี แล้วข้าจะยกให้เจ้าเป็นเมียรักของข้าแต่เพียงผู้เดียว” มันหว่านล้อม ในขณะที่ก้าวเข้าไปเรื่อยๆ
“ให้ข้าตายเสียดีกว่า ที่จะยอมสยบแก่พวกเจ้า” หญิงสาวคำรามลั่นอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะโถมร่างเข้าหา สายรัดเอวตวัดปะทะลำคอมันอย่างจัง มันถึงกับเซถลาไปตั้งหลัก มือหยาบกร้านลูบลำคอ เลือดซิบๆ ไหลติดมือ ดวงตาเกรี้ยวกราดจ้องมองผู้กระทำต่อมันอย่างโกรธแค้น
“เจ้าทำข้าเจ็บ...นะสาวน้อย” แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังมีอารมณ์มาเล่นลิ้นกับหญิงสาวอย่างใจเย็น แต่นางรู้ดี ว่าเจ้าโจรชั่วกำลังหาโอกาสที่จะตอบโต้ต่างหาก
และเป็นจริงดั่งที่คิด มันอาศัยความหนาใหญ่และความแข็งแรงที่เหนือกว่าโถมเข้าหาอย่างรวดเร็ว ด้วยพละกำลังสุดท้ายที่เหลือเพียงน้อยนิด หลบการจู่โจมของเจ้าโจรทะเลทรายได้ แต่พอนางหันกลับมา ยาออกฤทธิ์รุนแรง รอบๆ กายดูเหมือนจะหมุนไปหมด ร่างบางโงนเงน ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง
เจ้าโจรร้ายทั้งห้าคนยืนห้อมล้อม จ้องมองนางอย่างหื่นกระหาย เสียงหัวเราะดังก้องเย้ยหยัน สติที่ยังคงมีได้ยินเจ้าหัวหน้าโจรสั่งลูกน้องให้ออกไป ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองร่างใหญ่ที่ยืนตระหง่านเหนือนาง มันค่อยๆ ปลดผ้าคลุมหน้าของมันออกอย่างใจเย็น แสยะยิ้มให้กับนางที่สิ้นฤทธิ์อยู่แทบเท้าของมันอย่างลำพอง
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี” มันพูดในขณะที่ทรุดกายลง มือหนาเอื้อมไปปลดผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวออกอย่างช้าๆ
แววตาหื่นกระหายที่จ้องมอง พาหัวใจของนางเหมือนจะหลุดหาย หากไม่โดนวางยา มีหรือที่คนอย่างมันจะได้กระทำกิริยาหยาบคายเช่นนี้
“จงปล่อยข้าไป” หญิงสาวเริ่มรวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าอยากได้ของมีค่าเท่าใด ข้าจะให้เจ้า” มันแผดเสียงหัวเราะให้กับข้อเสนอของสาวน้อยที่นอนสิ้นแรงอยู่ตรงหน้า นางช่างงดงามเช่นเทพธิดา ของมีค่าอื่นใด หรือจะเทียบเท่าได้
มันหลุบตาลงมอง แสยะยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวรับรู้ได้ในทันที ว่าข้อเสนอของนางนั้นคงไม่ได้ผลเสียแล้ว
“สิ่งมีค่าที่ข้าอยากได้...ก็คือตัวเจ้า” มันพูดในขณะที่มือหยาบกร้านทำท่าจะเอื้อมเข้ามาลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวนั้นอย่างหลงใหล
“ไม่...เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” หญิงสาวร้องห้ามเสียงหลง ส่ายหน้าหลบมือหยาบของมันไปมา มันหัวเราะชอบใจ มือหยาบหนาชักกลับมา แล้วลูบคางตัวเองอย่างหื่นกระหาย
“อยู่นิ่งๆ ทูนหัว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าขึ้นสวรรค์” มันบอกเสียงแหบพร่า
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะถนุถนอมเจ้า” มันหว่านล้อมด้วยเสียงอันสั่นพร่า มองหญิงสาวตาเป็นมัน ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหวังสัมผัสความนุ่มนวลของดวงหน้านั้นอย่างห้ามใจไม่ได้
“ไม่...ปล่อยข้านะ” สองมือที่อ่อนแรง ยกขึ้นมาปัดป่ายสะเปะสะปะ เจ้าโจรร้ายไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกข่วนหน้าอย่างแรง มันหยุดการกระทำทั้งหมด มองเลือดซิบๆ ที่ติดมือ ความโกรธแค้นเป็นทวีคูณ ความอดทนของมันสิ้นสุดลง แรงโทสะทำให้มันกระชากคนที่ทำให้มันเลือดตกยางออกจนตัวปลิวติดมือมันขึ้นมา
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม...สาวน้อย” มันเอ่ยเสียงเหี้ยมใส่หน้าหญิงสาว ก่อนที่จะโยนร่างบางลงไปกับพื้นหญ้าอย่างไม่ปราณี ความเจ็บระบมแผ่ไปทั่วกาย ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองเจ้าโจรถ่อยหัวเราะดังก้อง
รอบๆ กายเริ่มหมุนอีกครั้ง ทุกๆ อย่างยิ่งดูพร่าเลือน หญิงสาวเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโจรร้ายค่อยๆ ไกลออกไป และชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสตินางก็...ดับวูบ
................................
ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ท
ภายใต้แสงนวลของเจ้าจันทรา เหนือผืนทรายงดงามอ่อนโยน หากแต่ความงามของทรายสีนวล กลับถูกเสน่ห์ของริ้วคลื่นนวลระยับยามราตรีกาลจากแอ่งน้ำขนาดใหญ่ของท้องทะเลทราย ที่เรียกว่าโอเอซิสเบียดบังความงามไปเสียสิ้น ท่ามกลางริ้วคลื่น ร่างขาวเนียนผ่องไร้อาภรณ์ กำลังแหวกว่ายแฝงกายกับแผ่นน้ำ ดวงหน้าขาวงดงามภายใต้ผมยาวหยักศกสีดำสนิทแย้มยิ้มสุขใจ ดวงตากลมโตจับจ้องดาวดวงใส ที่พากันแข่งอวดความสวยงาม ระยับพราวพร่างอยู่เต็มแผ่นฟ้า เพราะดวงดาวยามค่ำคืนแห้งท้องทะเลทราย ณ ดินแดนโอเอซิสงดงามเช่นนี้ จึงมิน่าแปลกใจนักที่จะทำให้บุตรีนางหนึ่งแห่งเผ่ามียะ แอบเร้นกายผู้ที่เป็นบิดาแวะมาเล่นน้ำอยู่เป็นประจำ และค่ำคืนนี้ก็เหมือนทุกครั้ง โอเอซิสไกลผู้ไกลคน น้อยคนนักที่จะย่างกรายมาถึง หล่อนผู้เปลือยกายอยู่ใต้น้ำ จึงชะล่าใจมิได้ระแวดระวังตัวเช่นทุกครั้ง และถึงแม้จะมีภัย ความสามารถในเรื่องป้องกันตัว หนึ่งในบุตรีของหัวหน้าเผ่ามียะเช่นนางก็มิได้เป็นสองรองใคร
แต่แล้ว เสียงจากเจ้าซีบร้าอาชาสีนิลกาฬก็แว่วมาให้ได้สำเหนียกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดวงตาดุจเหยี่ยวจ้องมองผ่านความเลือนรางของแสงจันทร์ไปยังริมฝั่ง ความสงบเงียบหาได้ทำให้วางใจไม่ เสียงผ่อนลมหายใจอย่างไม่พอใจที่ความสุขดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายเสียแล้ว ร่างงดงามใต้น้ำเคลื่อนกายแผ่วเบา เงียบเฉียบ สู่พุ่มไม้หนาริมฝั่ง ก่อนที่เสื้อผ้าจะถูกสวมใส่อย่างลวกๆ ดวงหน้าขาวเนียนถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิดภายใต้ผ้าคลุมหน้า เผยเพียงดวงตาคมสีนิลดุจเหยี่ยวเท่านั้นเอง
ท่ามกลางความเลือนราง ปรากฏร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน กระจายกันออกไป บุตรีแห่งเผ่ามียะกวาดสายตาไปยังรอบๆ จึงได้สังเกตเห็นว่าชายฉกรรจ์ท่าทางประสงค์ร้ายนั้นมีกันถึงห้าคน และรับรู้ได้ในทันที ว่านางกำลังเผชิญหน้ากับโจรแห่งท้องทะเลทรายเสียแล้ว ร่างบางผ่อนลมหายใจ เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น นางย่อกายลง มือควานหาดาบที่เป็นอาวุธคู่กายที่วางไว้ก่อนจะลงน้ำ หัวใจถึงกับกระตุกวูบ เมื่อความว่างเปล่าคือสิ่งที่พานพบ ปากบางเข่นเคี่ยว นึกโกรธตัวเองที่ประมาทเลินเล่อจนลืมมันไว้ที่อานของเจ้าซีบร้าม้าสีนิลที่นางผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ด้านนอก
เสียงหัวเราะของเจ้าคนหนึ่งดังก้อง ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามา หญิงสาวลุกขึ้นมาเผชิญ เชือกรัดเอวถูกดึงออกมาใช้แทนอาวุธ มีดใหญ่ถูกมันฟันฉับลงมา หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะตวัดสายคาดเอวที่ปลายเป็นพู่แข็งแรงเข้าที่ใบหน้ามันอย่างจัง มันร้องครวญครางก่อนที่จะถอยล่าออกไป
เจ้าคนหนึ่งที่หญิงสาวคิดว่ามันน่าจะเป็นหัวหน้า ทำสัญญาณเป็นเชิงสั่งให้อีกสองคนเข้ามาจัดการ แต่เพียงแค่นี้ มิได้ทำให้นักรบสาวแห่งเผ่ามียะเกรงกลัวเลยสักนิด นางยิ้มร้ายภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใครก็ตามที่มาบังอาจล้วงล้ำความเป็นส่วนตัว มันผู้นั้นสมควรได้รับโทษสถานหนัก
ร่างสูงบางเคลื่อนกายรวดเร็ว สายรัดเอวที่มีปลายพู่แข็งแรง ตวัดแรงเมื่อผ่านเป้าหมาย เจ้าสองคนร้องโอดโอย มือหยาบหนากุมตรงหน้าท้องอย่างเจ็บปวด เจ้าคนเป็นหัวหน้าคำรามในลำคออย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าพวกโง่ แค่ผู้หญิงคนเดียว ยังจัดการไม่ได้” มันทำสายตาเหี้ยมโหดมองลูกน้อง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของมันจะหันมาเผชิญกับสตรีที่มีชัยเหนือเจ้าพวกลูกกระจ๊อกของมัน
สตรีในชุดดำ ภายใต้ผ้าคลุมหน้ายืดกายสง่าท้าทายมันผู้อยู่ตรงหน้าอย่างมิคิดจะเกรงกลัว เจ้าลูกน้องที่ยืนข้างกายมัน ทำท่าเหมือนจะเข้ามาขยุ้มหญิงสาวเสียให้ได้ แต่แขนใหญ่ของมันยกขึ้นมาขวางห้ามไว้ ถึงมันจะคลุมหน้าไว้ แต่หญิงสาวก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันกำลังแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“จะช้าอยู่ทำไมเล่า ข้าไม่มีเวลามาเล่นเกมส์กับพวกเจ้าหรอกนะ” คำจากปากสตรีตรงหน้าประดุจคำท้าที่ไม่ปิดบังแม้กระทั่งคำเยาะเย้ย มันผู้เป็นถึงหัวหน้า ปล้นสะดมชาวทะเลทรายมาไม่น้อย ไปทางไหนก็มีแต่คนเกรงกลัวจนตัวสั่น แต่ความโกรธของมันกลับถูกสะกดกลั้นไว้ ลูกน้องของมันพาไปรวมตัวกันที่ด้านหลังของเจ้าหัวหน้า สายตาประสงค์ร้ายมองมายังหญิงสาวโดยไม่คิดที่จะเข้ามาโจมตี ทำให้นางนึกแปลกใจ พฤติกรรมของพวกมันเสมือนรอคอยบางอย่าง มันจะมาไม้ไหนกัน ทำไมไม่เข้ามาจัดการให้มันจบๆ ไป เจ้าโจรถ่อย มีแผนการอันใดแฝงอยู่นะ คิ้วบางขมวดมุ่น ลมหายใจถูกผ่อนเป็นจังหวะ และความผิดปกติต่อผ้าคลุมหน้าที่ใช้ก็ทำให้หญิงสาวใจหายวูบขึ้นมา...ทันที
ดวงตาที่กลมโตงดงามพลันพร่าเลือน แรงที่จะทรงกายเสมือนกำลังจะอ่อนล้า สมองมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือที่กำเชือกสายรัดเอวเริ่มคลายออก ร่างสูงบางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง
เสียงหัวเราะจากเจ้าพวกโจรถ่อยแห่งท้องทะเลทราย ดังก้องสะใจไปทั้งโอเอซิส เมื่อเห็นเหยื่อสาวตรงหน้ากำลังจะสิ้นฤทธิ์ในอีกไม่กี่นาที
อ่า นางถูกวางยา ผ้าคลุมหน้าของนางที่ถอดวางไว้...นี่คือสิ่งที่มันรอคอยสินะ รอคอยให้ยาออกฤทธิ์ แล้วค่อยจัดการขย้ำนางอย่างนั้นหรือ...?
“เจ้า...พวกเจ้าช่างเลวทรามนัก” ความโกรธแค้นถึงขีดสุดที่ปรากฏในดวงตา กับคำก่นด่าของหญิงสาว มันหาใส่ใจไม่ กลับพากันหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสนุกสนาน
“ถ้าข้าไม่เลว ก็ไม่ใช่โจรสิสาวน้อย” เจ้าหัวหน้ามันกล่าวย้อน ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามาอย่างหื่นกระหาย บุตรีแห่งเผ่ามียะมีหรือจะยอมแพ้มันง่ายๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดพยายามชันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับร่างใหญ่ ผ้าคลุมหน้าถูกดึงทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
เมื่อดวงหน้าขาวที่ไร้ผ้าคลุมหน้าปรากฏ เจ้าโจรถ่อยผู้ชั่วช้าถึงกับตะลึง ความงดงามของเหยื่อสาวตรงหน้าถึงกับทำให้มันหยุดชะงัก
“โอ้ งามแท้สาวน้อย” มันครางเหมือนคนละเมอ
“ข้าได้ยินกิติศัพท์ความงามเจ้ามาตั้งนาน มาเห็นกับตาวันนี้ ไม่ผิดจากที่เขาลือกันเลยแม้แต่น้อย” มันแสยะยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าของมัน
แต่ผู้ถูกชื่นชม มิได้หลงคารมไปกับมัน ผ้าโพกหัวถูกดึงออก ผมยาวสีดำขลับเป็นลอนกระจายเต็มแผ่นหลัง ก่อนที่ผ้าโพกหัวผืนงามจะถูกแปรเปลี่ยนใช้เป็นผ้าคลุมหน้า เจ้าพวกโจรทั้งห้า มองการกระทำนั้นอย่างเสียดาย ยังมิได้ชื่นชมความงดงามของสาวเจ้าให้ชุ่มปอด ก็พลันถูกปกปิดอีกครั้ง
“ความงามของเจ้า เหตุใดจึงซุกซ่อน มามะ...สาวน้อย” ร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าค่อยๆ ก้าวเข้ามาทีละนิดๆ ร่างบางที่แทบจะทรงกายไม่อยู่ค่อยๆ ถอยร่น มือเล็กกระชับสายรัดเอวไว้มั่น ความหนักใจก่อเกิด ด้วยสติที่มีอยู่ตอนนี้ จะสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันได้หรือไม่...ตัวนางเอง ก็ยังไม่รู้
“มาเถอะ...สาวน้อย ยอมข้าแต่โดยดี แล้วข้าจะยกให้เจ้าเป็นเมียรักของข้าแต่เพียงผู้เดียว” มันหว่านล้อม ในขณะที่ก้าวเข้าไปเรื่อยๆ
“ให้ข้าตายเสียดีกว่า ที่จะยอมสยบแก่พวกเจ้า” หญิงสาวคำรามลั่นอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะโถมร่างเข้าหา สายรัดเอวตวัดปะทะลำคอมันอย่างจัง มันถึงกับเซถลาไปตั้งหลัก มือหยาบกร้านลูบลำคอ เลือดซิบๆ ไหลติดมือ ดวงตาเกรี้ยวกราดจ้องมองผู้กระทำต่อมันอย่างโกรธแค้น
“เจ้าทำข้าเจ็บ...นะสาวน้อย” แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังมีอารมณ์มาเล่นลิ้นกับหญิงสาวอย่างใจเย็น แต่นางรู้ดี ว่าเจ้าโจรชั่วกำลังหาโอกาสที่จะตอบโต้ต่างหาก
และเป็นจริงดั่งที่คิด มันอาศัยความหนาใหญ่และความแข็งแรงที่เหนือกว่าโถมเข้าหาอย่างรวดเร็ว ด้วยพละกำลังสุดท้ายที่เหลือเพียงน้อยนิด หลบการจู่โจมของเจ้าโจรทะเลทรายได้ แต่พอนางหันกลับมา ยาออกฤทธิ์รุนแรง รอบๆ กายดูเหมือนจะหมุนไปหมด ร่างบางโงนเงน ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มลงกับพื้นหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง
เจ้าโจรร้ายทั้งห้าคนยืนห้อมล้อม จ้องมองนางอย่างหื่นกระหาย เสียงหัวเราะดังก้องเย้ยหยัน สติที่ยังคงมีได้ยินเจ้าหัวหน้าโจรสั่งลูกน้องให้ออกไป ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองร่างใหญ่ที่ยืนตระหง่านเหนือนาง มันค่อยๆ ปลดผ้าคลุมหน้าของมันออกอย่างใจเย็น แสยะยิ้มให้กับนางที่สิ้นฤทธิ์อยู่แทบเท้าของมันอย่างลำพอง
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี” มันพูดในขณะที่ทรุดกายลง มือหนาเอื้อมไปปลดผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวออกอย่างช้าๆ
แววตาหื่นกระหายที่จ้องมอง พาหัวใจของนางเหมือนจะหลุดหาย หากไม่โดนวางยา มีหรือที่คนอย่างมันจะได้กระทำกิริยาหยาบคายเช่นนี้
“จงปล่อยข้าไป” หญิงสาวเริ่มรวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าอยากได้ของมีค่าเท่าใด ข้าจะให้เจ้า” มันแผดเสียงหัวเราะให้กับข้อเสนอของสาวน้อยที่นอนสิ้นแรงอยู่ตรงหน้า นางช่างงดงามเช่นเทพธิดา ของมีค่าอื่นใด หรือจะเทียบเท่าได้
มันหลุบตาลงมอง แสยะยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวรับรู้ได้ในทันที ว่าข้อเสนอของนางนั้นคงไม่ได้ผลเสียแล้ว
“สิ่งมีค่าที่ข้าอยากได้...ก็คือตัวเจ้า” มันพูดในขณะที่มือหยาบกร้านทำท่าจะเอื้อมเข้ามาลูบไล้ใบหน้าเนียนขาวนั้นอย่างหลงใหล
“ไม่...เอามือสกปรกของเจ้าออกไป” หญิงสาวร้องห้ามเสียงหลง ส่ายหน้าหลบมือหยาบของมันไปมา มันหัวเราะชอบใจ มือหยาบหนาชักกลับมา แล้วลูบคางตัวเองอย่างหื่นกระหาย
“อยู่นิ่งๆ ทูนหัว เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าขึ้นสวรรค์” มันบอกเสียงแหบพร่า
“เจ้าไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย...ข้าจะถนุถนอมเจ้า” มันหว่านล้อมด้วยเสียงอันสั่นพร่า มองหญิงสาวตาเป็นมัน ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหวังสัมผัสความนุ่มนวลของดวงหน้านั้นอย่างห้ามใจไม่ได้
“ไม่...ปล่อยข้านะ” สองมือที่อ่อนแรง ยกขึ้นมาปัดป่ายสะเปะสะปะ เจ้าโจรร้ายไม่ทันได้ระวังตัว จึงถูกข่วนหน้าอย่างแรง มันหยุดการกระทำทั้งหมด มองเลือดซิบๆ ที่ติดมือ ความโกรธแค้นเป็นทวีคูณ ความอดทนของมันสิ้นสุดลง แรงโทสะทำให้มันกระชากคนที่ทำให้มันเลือดตกยางออกจนตัวปลิวติดมือมันขึ้นมา
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม...สาวน้อย” มันเอ่ยเสียงเหี้ยมใส่หน้าหญิงสาว ก่อนที่จะโยนร่างบางลงไปกับพื้นหญ้าอย่างไม่ปราณี ความเจ็บระบมแผ่ไปทั่วกาย ดวงตาพร่าเลือนจ้องมองเจ้าโจรถ่อยหัวเราะดังก้อง
รอบๆ กายเริ่มหมุนอีกครั้ง ทุกๆ อย่างยิ่งดูพร่าเลือน หญิงสาวเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโจรร้ายค่อยๆ ไกลออกไป และชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสตินางก็...ดับวูบ
................................
ตีพิมพ์สนพ.สมาร์ท
นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2557, 13:47:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2557, 13:47:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1260
บทที่ 1 รักแรก >> |
นัฐชา 5 ม.ค. 2557, 13:49:50 น.
55555555555หายไปนาน ลืมวิธีการโพสนิยายเสียแล้วเรา
ยังไงขอฝาก "เชลยรัก โอเอซิส" นามปากกาจันทร์สีมุก สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ช่วยเป็นกำลังใจให้นักหัดเขียนคนนี้ด้วยนะคะ
55555555555หายไปนาน ลืมวิธีการโพสนิยายเสียแล้วเรา
ยังไงขอฝาก "เชลยรัก โอเอซิส" นามปากกาจันทร์สีมุก สนพ.สมาร์ทบุ๊ค
ช่วยเป็นกำลังใจให้นักหัดเขียนคนนี้ด้วยนะคะ