เชลยรัก โอเอซิส
เมื่อชายที่รักต้องกลายมาเป็นเชลยแค้น ทุกๆ บทลงทัณฑ์เธอจึงต้องแลกกับความเจ็บปวดใจ

ด้วยสายเลือดแห่งนักรบ แม้ดวงหน้าจะงดงาม อรชรเพียงใด แต่ "รีอา" ก็แกร่งกล้าไม่แพ้ใคร เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นผู้นำแห่งเผ่ามียะ หากแต่หนทางนั้นไม่ง่ายนัก เมื่อ "เฟย่า" น้องสาวต่างมารดา ซึ่งมีจิตริษยาอยากเป็นใหญ่เหนื่อไพรฟ้าทั้งปวง ในท่ามกลางความบาดหมางและการแย่งชิงใต้ดวงจันทรา มนต์แห่งโอเอซีสโอบล้อมสองชายหญิงจนก่อเกิดความรู้สึกดีๆ "อัสซาฮาน" ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเธอไว้ สัมผัสละมุนลึกซึ้งถักทอให้กลายเป็นความรักที่มั่นคง แต่เมื่อบิดาของเธอต้องจบชีวิตลงอย่างปริศนา และมีหลักฐานชี้ชัดมัดตัวผู้ร้ายเช่นเขาได้อย่างดี แค้นนี้จึงต้องชำระ แม้ว่าจะเหมือนทำร้ายหัวใจตัวเองก็ตาม เมื่อ "ความรัก" กลายเป็น "ความแค้น" แสนเจ็บปวด จาก "คนรัก" กลายเป็น "เชลย" ...หัวใจ บทสรุปใต้มนต์แห่งโอเอซีสนี้จะจบลงเช่นไร ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม

Tags: เชลยรัก โอเอซิส,จันทร์สีมุก,ทะเลทราย

ตอน: บทที่ 1 รักแรก


บทที่ 1 รัก...แรก
เจ้าโจรแห่งท้องทะเลทราย กอดอกยืนมองหญิงงามที่หมดสติอยู่บนพื้นอย่างกระหยิ่มในใจ บุตรีแห่งเผ่ามียะผู้มีสายเลือดนักรบอยู่เต็มเปี่ยม มีหรือที่มันจะไม่รู้จัก ความงามและความเก่งกาจต่างเป็นที่หมายปองของใครต่อใคร แต่ไม่นึกเลยว่าโชคจะเข้าข้างให้โจรร้ายอย่างมันได้มีบุญวาสนากำลังจะได้เชยชมสาวสวยที่นอนสลบมิได้สติอยู่ตรงนี้ ร่างใหญ่โตของมันทรุดลง มือหยาบหนาของมันเอื้อมไปหวังจะปลดเสื้อของหญิงสาว แต่ยังมิทันจะได้แตะให้สมกับความตั้งใจ มันก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจากปลายดาบที่กำลังจ่ออยู่ตรงคอหอยพอดิบพอดี สัญชาตญาณสั่งให้มันค่อยๆ หันไปดูเจ้าของปลายดาบวาววับที่สะท้อนแสงจันทร์ มันถึงกับตะลึง ร่างสูงองอาจตระหง่านเหนือมัน นัยน์ตาดั่งราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำมันได้ทุกวินาที แทบจะทำให้มันใจฝ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“รังแกสตรีที่ไม่มีทางสู้ ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยนะ” ร่างสูงในชุดขาว ผ้าโพกหัวสีเดียวกับชุด รัดด้วยเสวียนเชือกถักสีดำ ใบหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีขาว นั้นกล่าวออกมาอย่างตำหนิในสิ่งที่โจรชั่วกระทำ
“ข้าจะลงโทษพวกเจ้าอย่างไรดี” ดูเหมือนคำนี้ ยิ่งทำให้มันกลัวจนตัวสั่น มันรู้ดี ว่าคนที่กล่าวกำลังกุมชีวิตมันอยู่ สามารถปลิดชีวิตมันได้ทุกเมื่อ
“ได้โปรดนายท่าน อย่าทำอะไรข้า” มันรีบร้องขอชีวิตรนราน คนที่มันเรียกว่านายท่านงัดคอมันขึ้นมาด้วยดาบปลายแหลม เลือดซิบๆ ทำให้มันถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ความผยองที่มีหายไปอย่างสิ้นเชิง คงเหลือแต่เพียงความคิดที่จะเอาตัวรอดเท่านั้น
“ครั้งนี้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ร่างสูงสง่าลดปลายดาบลง ก่อนที่จะหันหลังให้เจ้าโจรถ่อย มันรีบหมอบคำนับ เป็นการแสร้งขอบคุณของมัน
“หากเจอครั้งหน้า ข้าไม่รับประกันว่าเจ้ายังจะมีลมหายใจ ไปก่อกรรมทำชั่วอีกหรือเปล่า” คำขู่ของคนที่ไว้ชีวิตมัน ถึงกับทำให้มันชะงัก ดวงตาเลวทรามจ้องมองแผ่นหลังอย่างโกรธแค้น โอกาสที่จะได้เชยชมสาวงามกลับโดนมันผู้นี้ทำลายลงอย่างไม่เป็นท่า มันกำหมัดแน่น และก่อนที่โทสะจะให้มันทำอะไรที่สิ้นคิดไปมากกว่านี้ เจ้าลูกน้องที่โดนบุรุษนิรนามสั่งสอนจนน่วมก่อนหน้านี้ก็รีบกระเสือกกระสนเข้ามาลากหัวหน้าของมันออกไปเสียก่อน หากขืนช้ากว่านี้ คงสิ้นชีพไปตามๆ กัน
บุรุษภายใต้ผ้าคลุมหน้า หันมาสนใจกับสตรีที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นหญ้า ร่างใหญ่ทรุดกายลงข้าง และถึงกับยิ้มน้อยๆ ดวงหน้าขาวช่างงดงามนัก จมูกโด่งที่ส่อแววดื้อรั้น ขนตาเป็นแพยาว รับกับคิ้วเรียวสวย ปากบางเรื่อชมพูน่าฝากรอยจุมพิตไว้ก็คงจะดี ชายหนุ่มแอบหัวเราะในใจ แต่น่าเสียดาย ดวงตาของเจ้าหล่อนเป็นเช่นไรนะ จะงดงามเหมือนดวงหน้าของนางหรือไม่...?
นัยน์ตาสีอะความารีนของเขา ทอดมองหญิงงามตรงหน้าอย่างชื่นชม ความรู้สึกแปลกๆ ก่อเกิดขึ้นในใจอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับความรู้สึกของตัวเขาเอง ก่อนที่สองมือจะช้อนร่างบางนั้นขึ้นมาแนบอก นางในอ้อมแขนยังคงมิได้สติ ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าหล่อนถูกวางยานิทราเข้าให้แล้ว
ชายหนุ่มวางหญิงสาวลงกับพื้นหญ้า เอนกายผู้มิได้สติพิงไปกับต้นไม้ใหญ่ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดของเขาถูกนำมาใช้เป็นผ้าชุบน้ำ เช็ดหน้าให้กับนาง
“เจ้าเป็นใครกันสาวน้อย เหตุใดจึงมาเกือบจะเสียท่าเจ้าโจรทะเลทรายได้นะ” เขาเอ่ยกับตัวเองอย่างสงสัย ในขณะที่ยังคงเช็ดหน้าให้กับดวงหน้างดงามนั้น แต่ไม่มีคำตอบใดให้กับคำถามของตัวเอง บางที รอให้นางฟื้นแล้วค่อยถามไถ่จะดีกว่า
ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเช็ดหน้าให้หญิงสาวเสร็จ นัยน์ตาสีน้ำทะเลทอดมองเรียวปากบางนั้นอย่างมีความหมาย ความเจ้าเล่ห์ถูกสุภาพบุรุษแห่งโอเอซิสนำมาใช้อย่างสมเหตุสมผล
ผ้าคลุมหน้าถูกมือหนาปลดลง เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้ม ที่มีจมูกโด่งเป็นสัน ค่อยๆ ก้มต่ำลงไปจนใกล้เพียงคืบ ลมหายใจราดรดสัมผัสกัน กลิ่นหอมจากกายสาว แตะจมูกของเขาบางเบา บุตรีแห่งเผ่ามียะมิมีโอกาสจะได้รู้เลย ว่าจุมพิตแรกของนางกำลังจะถูกพรากไป
“ข้าขอจูบเจ้า เป็นรางวัลที่ข้าช่วยเจ้าก็แล้วกันนะ” เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เรียวปากได้รูปจะแค่เพียงแตะกับปากนุ่มนิ่งนาน แต่ก็แอบเสียดาย ที่เป็นแค่เพียงแตะ หากเจ้าหล่อนคืนสติ เขาจะใช้ความเจ้าเล่ห์ ทวงบุญคุณเป็นรสจุมพิตอีกสักครั้ง หวังว่าแม่คุณที่กล้าหาญชาญชัยมาเล่นน้ำคนเดียวถึงโอเอซิสในยามค่ำคืน คงจะไม่ปฏิเสธ
ร่างสูงถอยออกห่าง ใบหน้าหล่อเหลาถูกปิดมิดชิดด้วยผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะเอนกายพิงไปกับต้นไม้ รัตติกาลนี้อีกยาวไกล ฤทธิ์ยาที่นางนอนข้างก็คงอีกยาวนานเช่นกัน พักสักหน่อยคงไม่เป็นไร ป่านนี้เจ้าโจรชั่วคงหนีไปไกล และไม่คิดย้อนกลับมาอีกแล้ว
นัยน์ตาคมสีน้ำทะเลทอดมองไปยังฟ้ากว้าง ดาวที่มองจากโอเอซิสช่างงดงาม ทรายใต้ฟ้าระยับเป็นริ้วคลื่น เขาเหลือบมามองหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ทะเลทรายที่โอเอซิสงดงาม มีเสน่ห์เช่นนี้นี่เอง ถึงทำให้เจ้าหล่อนแวะเวียนมา ณ ที่นี้ในยามค่ำคืน ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลง และปล่อยให้นิทราเข้าครอง
สายลมยามราตรีของโอเอซิสพัดผ่าน ความหนาวเย็นของมันทำให้บุตรีแห่งเผ่ามียะเริ่มจะรู้สึกตัว ดวงตากลมโตค่อยๆ กระพริบทีละนิด ความพร่าเลือนที่เกิดจากฤทธิ์ยาจางหายไปเกือบหมด นางเริ่มลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมา มือบางกุมศีรษะ เมื่อความปวดหัวยังคงมีอยู่เพียงนิด ดวงตาอ่อนล้าเหลือบไปทางด้านข้าง บุรุษหนึ่งที่ใบหน้าปกปิดไว้อย่างมิดชิด เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่กำลังหลับใหลในท่าเอนกายพิงไปต้นไม้ ถึงกับทำให้หญิงสาวหายมึนเป็นปลิดทิ้ง ร่างบางดีดตัวเองขึ้นมาทันที
“เจ้าโจรร้าย” นางคำรามในลำคอ เร็วเท่าความคิด ดาบที่เหน็บเอวของคนที่นางคิดว่าเป็นโจรร้ายถูกหญิงสาวชักออกมาจากฝักทันที
“แก...เจ้าโจรชั่ว เจ้าทำลายข้า” หญิงสาวกัดฟันกรอด ความคับแค้นในใจ ที่ถูกเจ้าโจรชั่วหยามศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงมีมากเกินกว่าสิ่งใด ความตายคือโทษทัณฑ์ที่มันจะได้รับ
ปลายดาบแหลม วาบวับกับแสงจันทร์ ถูกนางจ่อกับตำแหน่งหัวใจ ก่อนจะค่อยๆ กดมันลงไป ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างสูงทะลึ่งพรวด เมื่อพบว่าดาบของเขากำลังจะคร่าชีวิตของเขาเอง ด้วยน้ำมือของหญิงงามที่เขาช่วยชีวิตเจ้าหล่อนไว้
“ดะ...เดี๋ยวก่อน นี่เจ้าจะฆ่าข้าเหรอ” ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าเขาไม่คิดต่อสู้ ปลายดาบแหลมที่อยู่ในมือหญิงสาวยังคงตำแหน่งหัวใจไว้มิมีเปลี่ยน
“เจ้าโจรถ่อย ข้าจะเอาชีวิตเจ้า” สิ้นเสียงที่กราดเกรี้ยว นางก็ออกแรงพุ่งดาบลงไป แต่ความไวที่ไม่น้อยไปกว่ากันของชายหนุ่ม ก็เบี่ยงตัวหลบในทันที เขาถอยร่นออกห่าง ในขณะที่นางดูเหมือนจะยิ่งโกรธจัด สาวเท้าก้าวตามเขา อย่างหมายจะเอาชีวิตให้ได้
หญิงสาวร่างปราดเปรียวฟาดดาบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็หลบหลีกไปได้เสียทุกครั้ง นางยิ่งเหมือนนางเสือ ไล่ล่าฆ่าฟันจนเขาไม่ทันจะได้ตั้งตัว แต่เกมนี้ควรจะจบได้แล้ว นางผู้กำลังมีโทสะในเวลานี้ ควรจะได้รับรู้เรื่องราวที่มันถูกต้องเสียที
ร่างสูงสง่าในชุดขาวหยุดการถอยร่น รอรับมือกับหญิงสาวที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือขวาของนางจับด้ามดาบคมวับไว้มั่น ละพื้นหญ้าเป็นทาง ดวงตาสีน้ำทะเลทรงอำนาจ จดจ้องนัยน์ตากลมโตสีดุจนิลกาฬนิ่ง เพียงแวบ เจ้าของดวงตาสีนิลกลับวูบไหว หัวใจข้างในพลันเต้นแรง มนตราของสีอะความารีนทำให้ดวงจิตของนางอ่อนยวบ สงบเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด แต่ก่อนที่เจ้าโจรร้ายจะใช้เล่ห์ดวงตามาสะกด นางก็รีบหลับตา แล้วยกดาบขึ้นฟาดไปเบื้องหน้าอย่างแรง เสียงหวืดของดาบที่ไม่ถูกเป้าหมาย ทำให้เจ้าหล่อนเสียหลัก และพอนางลืมตาขึ้นก็สายไปเสียแล้ว ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่บีบจนดาบหลุดจากมือ แค่เพียงเสี้ยววินาที สองมือของนางก็ถูกเขาพันธนาการไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และที่ทำให้หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น ก็คือเขาล๊อกร่างปราดเปรียวนั้นไว้ทางด้านหลัง และดูเหมือนเจ้าโจรทะเลทรายจะฉวยโอกาสดึงหญิงสาวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ความร้อนผ่าวจากอกกว้างสู่แผ่นหลังของเจ้าหล่อนจนปั่นป่วนไปหมด ร่างสูงบางในอ้อมแขนดิ้นรน เพื่อให้หลุดพ้นจากการจองจำด้วยอ้อมกอดของเจ้าโจรร้าย แต่ยิ่งดิ้น ยิ่งถูกกอดรัดแนบแน่น
“อย่าดิ้นไปเลย...สาวน้อย” เสียงนุ่มพึมพำเป็นเชิงแนะนำอยู่ข้างใบหู และนั่นทำให้ใจสาวเต้นเร่า วูบไหว จวนเจียนจะระเบิดออกมานอกอกเสียให้ได้
“รู้ไหม...ว่าเจ้าช่างวิเศษนัก” เขาแกล้งเย้าแหย่อารมณ์เจ้าหล่อนเล่น
“เนื้อหอม เนียนนุ่มไปทั้งตัว” เขาแกล้งทำเสียงหื่น “จนข้าติดใจ...เจ้าแล้วนะ”
เพียงเท่านั้นแหล่ะ แรงมีเท่าไหร่ หญิงสาวนำมาใช้หมด ทั้งดิ้น ทั้งกระโดด ทั้งสะบัดจนอ่อนแรง แต่ดูเหมือนว่าจะเสียแรงเปล่า คนที่พันธนาการนางช่างทรงพลัง เกินที่หญิงสาวจะต่อกรเสียแล้ว
“ปล่อยข้านะ...เจ้าโจรชั่ว” นางสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นๆ นึกหวาดหวั่น แปลกใจตัวเองนัก ลำพังฝีมือในเชิงดาบ นางแน่ใจว่าสามารถปลิดชีพเจ้าโจรร้ายได้อย่างแน่นอน ที่เคยเสียทีแก่มัน ก็เป็นเพราะมันใช้เล่ห์วางยา แต่ตอนนี้ฤทธิ์ยาก็หายไปเกือบหมด ทำไมนางถึงเอาชนะมันไม่ได้เสียทีนะ
ร่างสูงบางยังคงดิ้นขลุกขลัก เจ้าของอ้อมแขนก็หยอกเย้า ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีขาวแกล้งซุกไซ้ลำคอ พาให้คนในอ้อมแขนได้หัวใจเต้นเล่น กลิ่นกายของสาวงาม ช่างหอมเกินหญิงธรรมดา ผิวขาวเนียนตัดกับแสงเลือนรางของเจ้าจันทรา เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นนุ่มนวล แต่ทว่ากลับดูเจ้าหล่อนทะมัดทะแมงแข็งแรงเกินกุลสตรี ช่างน่าแปลกใจนัก ว่าคนในอ้อมแขนเป็นใครมาจากไหนกัน...?
เพราะมัวแต่คิดสงสัย ชายหนุ่มจึงมิทันได้ระวังตัว เผลอเพียงเสี้ยววินาที ร่างปราดเปรียวที่อยู่ในอ้อมแขนก็ดิ้นหลุดออกจากการพันธนาการ และโดยที่ไม่คาดคิด ผ้าคลุมหน้าของชายหนุ่ม ก็ถูกเจ้าหล่อนกระชากติดมือไปด้วย
เมื่อหญิงสาวพาตัวเองหลุดออกมาได้ แทนที่จะได้ยินดีกับอิสระที่ได้รับ แต่เมื่อหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าโจรถ่อยที่หยามเกรียติก็ถึงกับตะลึง ใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า นัยน์ตาคมสีน้ำทะเลที่จ้องมอง ถึงกับจะทำให้หญิงสาวอ่อนแรงแทบจะลงไปกองอยู่กับพื้น ดวงหน้าสวยทำสีหน้างุนงง นางจำได้ดี ถึงแม้จะมีเพียงแค่แสงเลือนรางของจันทร์กลางฟ้า แต่ก็ไม่มีวันลืมใบหน้าของเจ้าโจรร้ายอย่างแน่นอน แต่นี่อะไรกัน บุรุษที่ยืนเอามือกอดอกมองนางอยู่ ไฉนจึงมีใบหน้าที่แตกต่างกันนัก แค่เพียงคิด ใจข้างในก็วูบหายขึ้นมาทันที
“ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ” นางเอ่ยถามตัวเองเสียงเบาหวิว ร่างสูงบางหันหลังไม่กล้าเผชิญหน้ากับบุรุษหนุ่มรูปงามที่อยู่เบื้องหลัง
เสียงหัวเราะหยอกเย้า อ่อนนุ่ม ออกจากปากได้รูปของเขา ดึงสติบุตรีแห่งเผ่ามียะกลับคืนมา มือกำผ้าคลุมหน้าแน่น จนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองเขา
อ่า หัวใจที่อยู่ข้างใน ทำไมไม่เชื่อฟัง ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ วูบ ไหว มันสั่นไปหมดแล้ว ท้องไส้ทำไมมันปั่นป่วนเช่นนี้ เจ้าโจรร้ายหน้าตาดุดันโหดร้ายนั้น ทำไมกลายเป็นบุรุษรูปงามไปได้นะนี่
“เจ้าตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณเช่นนี้หรือ...สาวน้อย” คำหลังดูเขาจงใจยั่วเย้า มากกว่าที่จะมาต่อว่า
“ข้าขอโทษ” นางกระแทกเสียงใส่เขา โดยที่ยังไม่หันกลับมา ความรู้สึกเสียหน้ามันแผ่กระจายไปทั้งความรู้สึกเชียว
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเอ็นดู นึกอยากแกล้งสาวน้อยที่ความงามไม่น้อยเล่นสักหน่อย น่าสนุกดี
“ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ”
“เจ้าอยากทำให้ข้าเข้าใจผิดทำไม...ว่าเจ้าทำ...ทำ...” นางรู้สึกเสียหน้าและอายอย่างที่สุด ที่จะกล่าวต่อไปได้
“ทำอะไร” ชายหนุ่มจงใจที่จะโต้กลับทันควัน ยิ่งทำให้เจ้าหล่อนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้เสียให้ได้
“เอาเถอะ ที่ข้าทำกับเจ้า หายกันกับที่เจ้าลวนลามข้าก็แล้วกัน” พูดแล้วก็ช่างน่าอายนัก หมดกันศักดิ์ศรีของนาง เกือบจะเสียทีให้กับเจ้าโจรร้าย รอดมาได้ ผู้มีบุญคุณกับมาฉวยโอกาสกับเจ้าหล่อนอีก คิดแล้ว ร่างบางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ความรู้สึกแปลกๆ ที่มีต่อหญิงงามที่หันหลังให้เขามันพิเศษ จนเขาเริ่มไม่แน่ใจตัวเอง นัยน์ตาอ่อนโยน จดจ้องแผ่นหลังบอบบางนิ่ง ผมหยิกหยักศกดำขลับยาวถึงกลางหลัง ร่างงดงามสมส่วนซ่อนกายอยู่ในชุดสีดำคล้ายๆ กับชุดของผู้ชายที่เขาใส่กัน แต่ถึงกระนั้น ก็ทำให้เจ้าหล่อนดูงดงาม เข้มแข็ง ประทับใจเขาอย่างที่สุดแล้ว
“ข้าไปลวนลามเจ้าตอนไหนกัน” เขาแกล้งเอ่ยถามทำลายความเงียบ ในความเลือนรางของแสงจันทร์ เขาเห็นไหล่ของนางสั่นด้วยความโกรธ
“ข้าไม่อยากต่อปากกับเจ้าแล้ว...ข้าขอโทษ” พูดจบ นางก็ทำท่าจะเดินไป แต่มีหรือที่บุรุษแห่งโอเอซิสจะยอมให้เจ้าหล่อนจากไปอย่างง่ายดายปานนี้
“ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ” ชายหนุ่มปฏิเสธอีกครั้ง
“ข้าเสี่ยงขนาดไหนกว่าจะช่วยเจ้าได้ เกือบพลาดพลั้งโดนเจ้าพวกโจรมันฆ่า แต่ดีนะ ที่ข้าพอมีฝีมืออยู่บ้าง ถึงได้ช่วยเจ้าได้ไง” หญิงสาวฟังแล้วเหมือนเขาจะโอ้อวด พอๆ กับที่กำลังจะทวงบุญคุณนั่นแหล่ะ
“ถ้าอย่างนั้น...ข้าก็ขอขอบใจเจ้าด้วย” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบเสมือนเป็นการตัดบท สะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ภายใน เพราะถึงอย่างไร คนที่ยืนอยู่เบื้องหลังนาง...ก็คือผู้มีบุญคุณ
และคำขอบคุณคงจะทำให้ผู้มีคุณพอใจ และเลิกเย้าแหย่นางเสียที แต่กลับผิดคาด....
“ข้าไม่ต้องการคำขอบใจ”
เสียงของเขาช่างเด็ดขาด ท้าทาย แต่นั่นกลับทำให้ความอดทนของบุตรีแห่งเผ่ามียะสิ้นสุดลงทันที
“ถ้าเช่นนั้น...เจ้าต้องการอะไร” ร่างบางหันมาหันมาเผชิญหน้า พร้อมๆ กับคำถามที่เสียงเด็ดขาดไม่แพ้กันเลย
และโดยที่หญิงสาวไม่ทันคาดคิด ร่างสูงก็ก้าวถึงตัว แขนแข็งแรงราวปลอกเหล็กรวบเอวบางเข้ามาประชิดตัว จนกายสาวสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่ผ่านผิวเสื้อออกมาให้หัวใจสาวได้ปั่นป่วน ดวงตาสีนิลเบิกกว้าง เมื่อแนบชิดเขาขนาดนี้ สาวนักรบเช่นนาง กลับอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษที่เพิ่งพบหน้า นัยน์ตาสีน้ำทะเลดุจมีมนต์สะกดให้ทุกอย่างสงบ ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวงามที่อยู่ในอ้อมแขน ปากได้รูปของเขาฉกเข้าที่ปากเรียวบางอย่างรวดเร็ว สัมผัสแรก เหมือนโลกทั้งโลกจะหยุดหมุน เหมือนหัวใจมันจะหยุดเต้นเสียให้ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว พอๆ กับรสจุมพิตรุนแรง แต่ทว่ามันอ่อนนุ่ม หวาน หวาม จนสาวเชื้อสายนักรบเช่นบุตรีแห่งเผ่ามียะหลงกล เผลอตอบโต้ เติมเต็มความเสียวซ่านในเรียวปากอย่างสมบูรณ์ วงแขนโอบรอบคอเหมือนกลัวเขาจะหนีหาย ชายหนุ่มครางในลำคออย่างพึงใจ รั้งเอวบางแนบแน่น มอบความหวานหวามเนิ่นนาน จนสัมผัสได้ถึงคนที่ร่างเล็กกว่าเริ่มอ่อนปวกเปียก จะสิ้นแรงที่จะทรงกายอยู่ด้วยพิษจูบที่แสนจะร้อนแรง แต่เคลือบไว้ด้วยความอ่อนนุ่มจนยากนักที่จะถอนตัว
มือหนาเริ่มซุกซน ไล้เรื่อยจากเอวเล็กอ้อมมาสัมผัสเนินเนื้อที่ไหวอยู่กับอกเขา ความนุ่มหยุ่นผ่านเสื้อ จนเขาอดไม่ได้ที่จะเพิ่มความแรงในการสัมผัส ดังกระแสความร้อนรุ่ม มันทำหน้าที่รุนแรงจนร่างบางสะดุ้งเฮือก สติสัมปัญชัญญะกลับคืนมาในทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวนางกำลังถูกฉวยโอกาสจนเกินเลยไปเสียแล้ว แขนที่กำลังกอดคอเขาอย่างพิศวาสเมื่อเสี้ยววินาทีรีบคลายออก ก่อนที่จะออกแรงผลักร่างหนาให้พ้นไปจากตัว พร้อมๆ กับดวงหน้าขาวที่พยายามจะจบเกมการจูบที่เร่าร้อนของเขา เมื่อสาวน้อยในอ้อมแขนเริ่มออกฤทธิ์ เขาก็ยอมให้เจ้าหล่อนแต่โดยดี...แต่ยอมให้อย่างเสียดาย
หญิงสาวเมื่อหลุดมาได้ ก็ยืนหอบอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก แววตาสีนิลดื้อรั้น เอาเรื่อง แต่กลับมีรอยเขินอายซุกซ่อนอยู่ จ้องมองบุรุษรูปงามที่อยู่ตรงหน้านิ่ง พิจารณาเขาอย่างจริงจัง ใบหน้าคมรับกับคิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ปากได้รูปของเขากำลังแย้มยิ้ม ยั่วเย้า นัยน์ตาสีน้ำทะเลของเขาที่กำลังสบตานาง เหมือนเขากำลังจงใจที่จะทำให้หัวใจของเจ้าหล่อนหวั่นไหว ละลายไปกับแววตาเจ้าเล่ห์ของเขาหรืออย่างไรกัน
ไม่ไหวแล้ว...ตั้งแต่เกิดมา นอกจากอาบูร์สหายสนิทแล้ว บุตรีแห่งเผ่ามียะ ก็ไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากมายถึงเพียงนี้เลย หากขืนนางยังปล่อยให้บุรุษนิรนามมีอำนาจเหนือหัวใจอยู่เช่นนี้...จะเกิดอะไรขึ้น?
อากัปกริยาอึกอักที่เจ้าหล่อนแสดงออก แต่สายตาหาได้ละจากเขาเลย ก็ถึงกับทำให้บุรุษรูปงามหัวเราะออกมาเบาๆ นึกเอ็นดูสาวงามตรงหน้าขึ้นมาอย่างจริงจัง ความรัญจวนใจที่ได้รับจากปากนุ่ม มันยังคงความหวานอยู่ริมฝีปาก และมันก็จะตราตรึงไว้เช่นนี้ตลอดไป
เขาแปลกใจตัวเองนัก พบพานหญิงสาวมากมายล้วนงดงาม ต่างเสนอตัวมาให้เขาเชยชม ปรารถนาสัมผัสจากเขา แต่ตัวเขาเองหากลับปรารถนาไม่
แต่กับนางผู้อยู่ตรงหน้า กลับทำให้เขาปั่นป่วนในหัวใจ ความรู้สึกที่อยู่ข้างในมันเรียกร้องให้เขาฉวยโอกาสกับเจ้าหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งที่เขากระทำ มิใช่เป็นเพียงความหื่นกระหายที่บุรุษทั่วไปพึงจะมี แต่มันเป็นความรู้สึกที่ตัวเองก็ยังสับสนอยู่เช่นเดียวกัน
มันคือความรู้สึก...อะไรนะ?
ต่างคนต่างคิดไปมากมาย ความรู้สึกแปลกใหม่ที่มีให้กับคนแปลกหน้า ช่างสับสนนัก ต่างคนต่างหาเหตุผลให้กับตัวเอง แต่ดูเหมือนความนึกคิดจะไร้ซึ่งทางออก ม่านหมอกสีอ่อนหวาน ปรากฏในแววตาสีฟ้าน้ำทะเลที่สบดวงตาคู่สวย จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมอบยิ้มหวานให้แก่เขา
ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง สองมือประคองดวงหน้าเนียนสวย แววตาอ่อนหวานของทั้งคู่สบกันลึกซึ้ง หัวใจสาวเจ้าเต้นไหว ใบหน้าสะอาดของเขาปรากฏรอยยิ้มเพียงนิด แต่ในตอนนี้หญิงสาวใจเต้นแรง เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เมื่อเขาโน้มหน้ามาจนใกล้ ดวงตาสีนิลที่สบหวานตะกี้ รีบหลับตาปี๋ หัวใจเต้นแรง ไหวๆ จนร่างบางแทบจะควบคุมสติไม่อยู่
ทำไมนะ เวลาอยู่ใกล้บุรุษหนุ่มรูปงาม ซ้ำร้ายยังเป็นคนแปลกหน้า ไฉนหัวใจของเจ้าหล่อนถึงได้ตื่นเต้นมากมายถึงเพียงนี้นะ ความห้าว แกร่ง ของสาวเชื้อสายนักรบเช่นนาง หมดกันก็...ครั้งนี้แหล่ะ แม้แต่สติที่จะหลบให้พ้นร่างเขา ยังกลืนหายไปกับคลื่นของสายลม
ใบหน้าที่โน้มมา เสมือนจะสัมผัสแก้มนุ่มก็กลับเปลี่ยนใจ มือหนาเปลี่ยนมาแตะไล้ริมฝีปากของเจ้าหล่อนบางเบา เรียวปากได้รูป ช่างน่าฝากรอยจุมพิตอีกสักครั้ง แต่ร่างเล็กที่หลับตา ทำให้เขาอมยิ้มอ่อนโยน
“เจ้าเป็นใครกันนะ...สาวน้อย” เขาเอ่ยถามดุจเสียงกระซิบ ดวงตาสีนิลลืมขึ้น หญิงสาวถึงกับพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ที่เขามิได้มอบจุมพิตที่แสนร้ายกาจ ที่อาจคร่าลมหายใจของนางให้ตกเป็นทาสได้ทุกวินาที
ดวงตากลมโตกระพริบตาถี่ๆ มองเขา รอยยิ้มหวานแต่เคลือบไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ส่งให้คนตรงหน้า ก่อนที่สองมือเล็กจะแกะมือหนาออกจากพวงแก้มที่ความร้อนผ่าวยังไม่จางหายไป
“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร...หนุ่มน้อย” คำถามราบเรียบ พร้อมๆ กับถอยกายออกห่างเขาเพียงนิด
สรรพนามที่นางเรียก ถึงกับทำให้ร่างสูงก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง แต่ร่างที่เล็กกว่า รีบถอยห่างอย่างรู้ทันเล่ห์
เขายืดกายขึ้นเต็มความสูง สองมือกอดอก มองคนที่เรียกเขาว่าหนุ่มน้อยคล้ายๆ เยาะเย้ยหยอกเย้า
“กายข้าใหญ่กับเจ้ามากนัก เหตุใดเจ้าเรียกข้าว่า...หนุ่มน้อย”
คำถามของเขา ปากบางยิ้มกวน สองขาที่ซ่อนอยู่ในชุดยาวรุ่มร่ามเดินพิจารณารอบๆ กายของชายหนุ่ม ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“ถึงข้าจะตัวเล็กกว่าเจ้า แต่ข้ามั่นใจ ว่าอายุของเราไม่ต่างกัน”
ชายหนุ่มยอมจำนนให้กับคนช่างหาเหตุผลเช่นนาง เพราะความงดงามที่พร้อมไปด้วยความก๋ากั่น แก่นห้าว ของคนตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกถูกใจ...และก็อยากจะยอมเจ้าหล่อนไปเสียทุกเรื่อง
“ข้ายอมเจ้า” การยอมรับของคนตัวโตกว่า ถึงกับทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจ
“ข้าชื่ออัสซาฮาน” บุรุษรูปงามเอามือแตะอก ก้มหัวเล็กน้อยเมื่อเอ่ยนามตัวเอง
"ยินดีที่ได้รู้จัก...อัสซา" ดวงหน้าเนียนเอียงคอนิด มือเรียวเล็กแตะอก ก้มหัวให้เช่นกัน ก่อนที่ร่างบางจะหันหลังให้เขา เดินตัวปลิวไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ร่างสูงรีบเดินตามในทันที
"อะไรกัน...เจ้าเล่นขี้โกงนะสาวน้อย" เสียงหยอกเย้า แกมต่อว่า ในขณะที่เดินตามหลังหญิงสาว
"ข้าไปขี้โกงอะไรกัน" นางตอบเขา ในขณะที่เร่งความเร็วเพื่อหนีคนช่างตื้อเช่นเขา ชายหนุ่มหมายถึงอะไร ทำไมนางจะไม่รู้เท่าทัน
"ก็เจ้ารู้นามข้าแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้จักนามของเจ้าเลย"
"ข้าไม่ได้อยากรู้เสียหน่อย เจ้าบอกเองนะ"
คำตอบของคนนำหน้าช่างเจ้าเล่ห์นัก บ่ายเบี่ยงได้อย่างชาญฉลาด ความเจ้าเล่ห์ของเขาจะสักครึ่งของนางไหมนะ เขายอมเสียเปรียบ เพื่อที่จะได้รู้นามของเจ้าหล่อน แต่ดูเหมือนนางจะรู้ทันเขา
เจ้าซีบร้าอาชาสีนิลคู่ใจ อยู่ใต้ต้นไม้เบื้องหน้า อาชาสีขาวนวลร่างใหญ่โตอยู่ไม่ไกลกัน นั่นคงเป็นของผู้มีคุณ หญิงสาวรีบเร่งความเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ อัสซาฮานอันตรายเกินไปสำหรับหัวใจของสาวนักรบเช่นนาง
อัสซาฮานใช้ความสูงใหญ่วิ่งมาจนทัน ปลอกแขนแข็งแรงคว้าร่างเล็กกว่านั้นไว้อย่างแน่นหนา ความปราดเปรียวและวิชาการต่อสู้ของนางถูกสยบไว้ภายในอ้อมแขนของชายหนุ่มทันที
"ปล่อยข้า...อัสซา" คนในอ้อมแขนคำรามลั่น เรียกชื่อเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
"อยู่เฉยๆ" เขาสั่งเสียงเฉียบ และนั่นทำให้เจ้าหล่อนสงบ ก่อนที่ร่างบางจะรับรู้ถึงการผ่อนคลาย เขาค่อยๆ ปล่อย ก่อนที่เอวเล็กจะรับรู้ได้ถึงการผูกสายรัดเอวให้อย่างแผ่วเบา อ่า นี่เขาเก็บเชือกรัดเอวให้นางหรือนี่ หลงเข้าใจผิดเขาอีกครั้งแล้วสิเนี่ย
ใบหน้าสำนึกผิดเอียงไปมองเขา ดวงตาสีน้ำทะเลดุจมนตรา หลุบต่ำลงมาสบด้วยพอดี เสมือนกระแสวูบไหววิ่งพล่านไปทั่วกาย และก่อนที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย จุมพิตหวานหวามจะเกิดขึ้นอีกครั้ง สาวน้อยในอ้อมแขนก็รีบสลัดตัวเองให้พ้นออกมาอย่างรวดเร็ว
บุตรีแห่งเผ่ามียะรีบปลดเชือกที่ผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่ร่างบางจะรีบกระโจนขึ้นหลังเจ้าซีบร้าอย่างคล่องแคล่วว่องไว หญิงสาวงามสง่า ดูองอาจเมื่ออยู่บนหลังม้า ดวงหน้าเนียนนวลถูกเจ้าตัวคลุมไว้ หลงเหลือเพียงดวงตาสีรัตติกาลเฉียบคม แต่ทว่าอ่อนหวาน ยิ้มหวานเพียงนิดที่มุมปาก จ้องมองร่างสูงของอัสซาฮานอย่างยากนักที่จะตัดใจอำลา
ความรู้สึกแปลก หวาน หวาม วูบไหวที่เกิดขึ้นกับหนุ่มรูปงามแปลกหน้า ซ้ำยังเก่งกล้าในเชิงรบอย่างหาตัวจับยากเช่นอัสซาฮาน ทำให้นางทำใจลำบาก หากจากกันครานี้ จะมีโอกาสอีกหรือไม่ แต่ความรู้สึกเช่นนี้กำลังจะทำให้นางอ่อนแอ ความมีสติในฐานะบุตรสาวหัวหน้าเผ่ามียะ จึงถูกนำมาเป็นกำแพงใจในทันที
"ลาก่อน...ท่านผู้มีคุณ" หญิงสาวกล่าว ด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว ก่อนที่จะกระตุกบังเหียนเพียงนิด เจ้าอาชาแสนรู้คู่ใจก็ทะยานไปยังทิศทางสู่เผ่ามียะ ชายหนุ่มไม่รอช้าร่างสูงกระโดดขึ้นเจ้าอาชาสีขาว ก่อนที่จะทะยานตามหญิงสาวไปในทันที
ร่างบางที่อยู่บนหลังม้าสีนิลรับรู้ได้ในทันที ว่าผู้ที่ทำให้หัวใจของนางหวั่นไหวกำลังอยู่เบื้องหลัง รอยยิ้มภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำเจ้าเล่ห์ ลองดูสักครั้ง หากเขาไล่นางทัน จะยอมบอกนามให้ได้รู้ แต่หากเจ้าอาชาสีขาวตัวโตสง่างามไม่แพ้เจ้าของ ไล่เจ้าซีบร้าของนางไม่ทัน นามของนางก็จะเป็นความลับกับเขาต่อไป...
อัสซาฮานไม่ยอมแพ้ ควบเจ้าฟาริสอาชาสีขาวตามหญิงงามที่เขาพึงใจไปติดๆ ความปราดเปรียวของนางซุกซ่อนความอ่อนหวาน แต่ทว่าดื้อรั้น เอาเรื่อง เขาไม่เคยพบหญิงใดที่มีเสน่ห์เช่นนี้มาก่อนเลย
แบบนี้สิ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกับอัสซาฮานผู้เป็นถึงบุตรชายของหัวหน้าเผ่าคูยะหน่อย
เสียงหัวเราะเยาะเย้ย หยอกเย้า ดังลอดมาจากนางผู้อยู่บนอานของเจ้าม้าสีดำ ดวงตาสีสุกสดใสหันมามองผู้ตามหลังเป็นระยะ ทรายสีนวลระยับ รับกับแสงจันทร์งดงามเมื่อม้าใหญ่สองตัวตะกุยผ่าน ดวงจันทร์กลมโต ทอแสงนวล ดาวมากมายพร่างพราว คล้ายๆ มองดูผู้ที่อยู่เบื้องล่างที่ดูเหมือนว่าจะยึดพื้นที่ของทะเลทรายเหนือโอเอซิสไปเสียแล้ว
ใบหน้าคมที่ไร้การคลุมหน้าปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เจ้าฟาริสได้ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดอาชา ควบฝ่าทะเลทรายมาอย่างโชกโชน จุดหมายอยู่เบื้องหน้า นางแมวป่า ปราดเปรียว ผู้งดงาม คือยอดปรารถนาของเขา
ฝ่ามือหนา ลูบแผงคอเจ้าฟาริสแผ่วเบา ก่อนที่จะกระตุกบังเหียนเป็นจังหวะ เพียงเสี้ยววินาทีจากคำสั่งของเจ้านาย อาชาสีขาวก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงหัวเราะทักทายดังอยู่ข้างกาย เมื่อม้าสองตัววิ่งเคียงกัน หญิงสาวลอบอมยิ้มอย่างพึงใจ ความเก่งกล้าสามารถของเขาอยู่ในใจนางแล้ว ดวงตาของทั้งคู่สบกัน มีความหมายมากมายอยู่ในนั้น เกมจบแล้ว เขาไล่นางทันจนได้
"ข้าชื่อ...รีอา" หญิงสาวบอกนามตามที่ตั้งใจไว้
"และเลิกเรียกข้าว่าสาวน้อยได้แล้ว" คำหลังดูเหมือนนางจงใจจะย้ำ ก่อนที่จะเร่งความเร็วเจ้าซีบร้า โดยทิ้งห่างม้าของอัสซาฮานไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยิ้มพอใจ ก่อนที่จะลดความเร็วของอาชาคู่ใจลง และหยุดนิ่งในที่สุด
ดวงตาสีน้ำทะเลมองตามนางผู้มีนามว่ารีอา ไปจนลับสายตา คลื่นทรายงามระยับ สงบราบเรียบ เงียบลงอีกครั้ง มุมปากได้รูปปรากฏรอยยิ้มเพียงนิด
"รีอา...ข้าหลงรักเจ้าแล้ว"
คือความรู้สึกแรกพบ ที่บุตรชายแห่งเผ่าคูยะมีให้กับหญิงสาว มือหนาลูบริมฝีปากบางเบา ความรัญจวนใจจากรอยจุมพิตยังคงสร้างความหวานหวาม จนกายหนุ่มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง
มนต์ทรายแห่งโอเอซิสช่างเจ้าเล่ห์นัก นำพาให้เขาได้พบหญิงงามอย่างมิคาดฝัน แต่เพียงแค่ชั่วราตรี ริ้วทรายกลับนำพารักแรกของเขาไปเสียแล้ว
มือหนาลดลงแตะตรงที่หัวใจ รู้สึกวูบไหว ไหว อยู่ข้างในกายหนุ่ม ไม่คิดมาก่อนว่าชายชาตินักรบ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นทายาทที่จะได้สืบต่อตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคูยะเช่นเขา กลับต้องมาสยบให้สาวงามปราดเปรียวที่เพิ่งแรกเจอ
รักแรก...ช่างเป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ใจนัก
สีอะความารีนในดวงตาเขา ความกล้าหาญคือสิ่งเดียวที่เขาพานพบ แต่มาบัดนี้ ความอ่อนโยนที่ซุกซ่อนในสีแห่งน้ำทะเลกลับถูกรีอา ดึงมันออกมาให้เจ้าของนัยน์ตาเข้าใจอย่างถ่องแท้
ความโหยหากายอุ่นเล็กในอ้อมกอดเขา ฝังลึกเข้าไปอย่างช้าๆ สุดขอบทรายที่เป็นรอยคลื่นใต้แสงจันทร์ นางจะอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน
แต่อย่างน้อย มนตราแห่งโอเอซิสจะร่ายมนต์ให้นางกลับมา ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มอย่างมีความหวัง มือหนาลูบแผงคอเจ้าฟาริสเบาๆ ก่อนที่เจ้าอาชาสีขาวนวลจะตะกุยทรายพาเจ้านายของมันสู่เผ่าคูยะ ที่อยู่อีกฟากฝั่งของโอเอซิสอย่างคะนองเท้า
โอเอซิสตกอยู่ในความสงบเงียบอีกครั้ง แผ่นน้ำงดงามระยับรับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ริ้วคลื่นทรายทอประกายใต้ฟ้ากว้าง สายลมเหนือทรายเย็นเยือกแต่ทว่าอ่อนหวานนัก ทรายสีมุกกำลังร่ายมนต์ อัศจรรย์แห่งความรักกำลังก่อเกิด รักแรกของคนคนหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว ณ ที่แห่งนี้...โอเอซิส


............................

ตีพิมพ์ สนพ.สมาร์ชท "เชลยรัก โอเอซิส" นามปากกา จันทร์สีมุก



นัฐชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ม.ค. 2557, 13:31:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ม.ค. 2557, 13:31:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1315





<< บทนำ   
นัฐชา 7 ม.ค. 2557, 13:32:31 น.
โอ้ แย่แล้ว
ทำให้อ่านยาก ขอโทษนะคะๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account