วิมานแสงจันทร์ (ชื่อเดิม ดวงใจศิลารัศมิ์) สนพ.คำต่อคำ
ความสุขความรื่นรมย์ในวังศิลารัศมิ์จบสิ้นลงแล้วจริงหรือ
อะไรคือสาเหตุของเรื่องร้ายๆทั้งหมด

เงื่อนงำ และเงามืดดำ ที่แอบแฝงอยู่ในวัง ยังรอทายาทที่แท้จริงกลับมาสะสาง!
Tags: กานต์ญา วิมานใจใต้ม่านดาว ลับลมคมรัก วิมานแสงจันทร์ พีเรียด โรแมนติก ซ่อนเงื่อนด้วยนะ พี่ดิน น้องศศิ

ตอน: บทนำ (รีไรท์)



รถเบนซ์สีดำมันปลาบจอดเทียบประตูรั้วด้านหน้าวังศิลารัศมิ์อย่างระมัดระวัง พนักงานขับรถวัยกลางคนกุลีกุจอลงมาเปิดประตูด้านหลังฝั่งผู้โดยสารด้วยท่าทางพินอบพิเทา ก่อนตรงไปสั่นกระดิ่งหน้าประตูวัง

ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มก้าวลงจากรถช้าๆ สายลมพัดเส้นผมดำขลับซึ่งหวีจัดทรงเรียบไว้ปลิวไสว เผยให้เห็นใบหน้าเรียวคมสัน ดวงตาคมโตคู่นั้นฉายแววฉลาดเฉลียว ยามเขาแหงนหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์ของยามเช้า ยิ่งทำให้แลเห็นจมูกโด่งงามได้รูปที่รับกับริมฝีปากเป็นกระจับแดงระเรื่อ ส่งให้ใบหน้าหล่อเหลาได้ส่วนชวนมอง เจ้าของร่างสูงโปร่งกำลังยืดกายตรงอย่างงามสง่าอยู่ตรงประตูด้านหน้าทางเข้าวังศิลารัศมิ์

แม้ว่าบ้านของปถวีจะมีรั้วติดกับวังแห่งนี้ แต่เพราะสถานการณ์ภายในวังเปลี่ยนแปลงไปมาก ตั้งแต่การสิ้นชีพิตักษัยอย่างกะทันหันด้วยอาการประชวรทางพระหทัยของพันเอก หม่อมเจ้าวรพิชิต ศิลารัศมิ์ เมื่อสิบเก้าปีก่อน

จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อันไม่คาดฝันขึ้นกับโอรสองค์โตของท่านซึ่งกำลังอยู่ในวัยเบญจเพส ทั้งหม่อมราชวงศ์วรโชติและเอื้องคำผู้เป็นภรรยา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

ส่วนหม่อมหลวงวรศศิ บุตรสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ทางทะลุรั้วต้นไม้ที่เคยใช้ข้ามไปมาหาสู่ระหว่างทั้งสองบ้านจึงถูกปิดกั้น

มิเพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าประตูวังศิลารัศมิ์จะปิดตายจากโลกภายนอกไปด้วย เพราะไม่มีใครสามารถผ่านเข้าออกวังแห่งนี้มาเป็นเวลาเนิ่นนาน พอๆกับที่คนในวังงดออกงานสังคมใดๆ จะมีก็แต่ครอบครัวของหม่อมราชวงศ์วรพล ผู้ถือกำเนิดจากท่านชายวรพิชิตและหม่อมชื่น...ภรรยารอง ที่ยังคงออกไปบริหารงานในบริษัทศิลาพร็อปเพอร์ตี ซึ่งเป็นกิจการหลักของครอบครัว

คุณชายวรพลสมรสกับอนงค์ หญิงสาวสามัญชน ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รับตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชีของศิลาพร็อปเพอร์ตี ทั้งคู่มีทายาทด้วยกันหนึ่งคน นามว่า วรภัสสร ปัจจุบันมีอายุสิบเจ็ดปี ครอบครัวของหม่อมชื่นทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ตำหนักเล็กภายในเขตรั้วของวังศิลารัศมิ์ แต่กลับไม่ข้องเกี่ยวหรือไปมาหาสู่กับคนในตำหนักใหญ่มากว่าสิบเก้าปีแล้ว

ปถวีเดินเข้าไปสั่นกระดิ่งเป็นหนที่สอง สมาน...คนขับรถหันมาหาเจ้านายด้วยอาการมวนท้อง สีหน้าเหยเก

“กลับเถิดครับคุณดิน ผมว่าอย่าเข้าไปเลย นำกระเช้าของฝากที่จะให้หม่อมท่านไปฝากไว้ที่บริษัทศิลาพร็อปเพอร์ตีดีกว่ามั้ยครับ”

“นั่นใคร! มาทำอะไรตรงนั้น หา!” ชายรูปร่างผอมสูงวัยหกสิบสองปี เจ้าของเสียงอันดังก้อง ถือไม้ตะพดเดินตรงมายังหน้าประตู

“พุทโธ่! นึกแล้ว...ว่าต้องไม่รอด” สมานบ่นอุบอิบ

“ผมดินเองครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่หลังรั้วเหล็ก ซึ่งมองเห็นผ่านช่องว่างระหว่างแท่งเหล็กสีเทาดำ มีตราประจำราชสกุลศิลารัศมิ์เป็นรูปพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือแผ่นศิลาประดับอยู่ทั้งสองข้างของบานประตู เหนือขึ้นไปด้านบนมีเหล็กดัดลวดลายอ่อนช้อยพาดผ่าน ตรงปลายรั้วสูงเป็นซี่เหล็กแหลม

“คุณดิน...” คนขับรถกระซิบกระซาบ ดึงมือเจ้านายให้กลับไปขึ้นรถ “กลับเถิดครับ...”

แม้จะรู้ว่าคนที่มาหาเป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกัน แต่ชายผู้นั้นกลับไว้ท่าที ตะโกนผ่านรั้วเหล็กซึ่งยังปิดสนิท

“มีธุระอะไร!”

“คุณประพงษ์ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไมตรี

“ฉันถามว่ามีธุระอะไร!” คนภายในรั้วส่งเสียงเข้ม แสดงโทสะแรงกล้า “ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเสีย”

“มีครับ...มี พอดีว่า...ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ เลยแวะเอาแอปเปิลมาฝากหม่อมย่าครับ”

“เอาของของเธอกลับไป คุณพี่ไม่ปรารถนาพบใครทั้งนั้น”

“แต่ผม...”

“ฉันบอกให้กลับไปยังไงล่ะ หูหนวกรึ! ไปเรียนเมืองนอกมาเสียนาน ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้วสิท่า ไอ้หมาน! รีบบอกเจ้านายของเอ็งเดี๋ยวนี้ ห้ามมาวุ่นวายกับคนในวังศิลารัศมิ์อีก ถ้าไม่ฟังกันละก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“กลับเถิดครับคุณดิน ได้โปรด” สมานกึ่งลากกึ่งจูงเจ้านายที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก้าวขึ้นนั่งบนรถอย่างเสียไม่ได้ แล้วรถคันใหญ่ก็เคลื่อนออกไปอย่างเร่งรีบ ปถวียังคงครุ่นคิดด้วยความไม่สบายใจไปตลอดทาง

เกิดอะไรขึ้นกับหม่อมประไพผู้แสนจะเมตตาและอ่อนโยนของเขากันแน่ บรรยากาศแห่งความสุข สมบูรณ์พร้อมหายไปจากวังศิลารัศมิ์จนหมดสิ้นแล้วจริงหรือ

เมื่อสิบเก้าปีก่อน ตอนที่เขาอายุสิบสอง เด็กชายดินยังสามารถมุดรั้ววิ่งข้ามไปมาหาสู่ระหว่างบ้านของตนกับวังแห่งนี้ได้อย่างสะดวกสบาย ทุกครั้งหม่อมประไพจะให้แม่วาด...แม่บ้านคนสนิท สั่งคนให้จัดหาน้ำหวานและขนมมาคอยต้อนรับเด็กชายจากบ้านข้างๆอยู่เสมอ

เด็กชายดินชอบเล่นกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กๆด้วยกัน เขาชอบมาพูดคุยกับหม่อมประไพผู้น่าสงสาร เพราะลูกชายคนเดียวของท่านซึ่งเป็นนายช่างโยธาหนีออกจากวังไป เพราะขัดพระประสงค์ของท่านพ่อ ไม่ยอมสมรสกับราชนิกุลสาวที่หมั้นหมายกันไว้

ในเวลาต่อมาคุณชายวรโชติสมรสกับครูอาสาสมัคร หญิงสาวกำพร้าชาวเชียงใหม่ จึงไม่อาจหวนคืนกลับวังได้อีก การมาเยี่ยมเยียนของเด็กข้างบ้านจึงช่วยบรรเทาความเหงาและเศร้าโศกของหม่อมท่านได้เป็นอย่างดี

จนเมื่อหม่อมเจ้าวรพิชิตสิ้นชีพิตักษัยอย่างกะทันหัน คุณชายวรโชติจึงได้พาคุณเอื้องคำและคุณหนูศศิขับรถลงมาจากเชียงใหม่ เพื่อร่วมพิธีศพของท่านชาย

ในวันนั้นเด็กชายดินจดจำสีหน้าเปี่ยมสุขของหม่อมประไพได้เป็นอย่างดี แม้ว่าท่านจะเพิ่งสูญเสียสามีไป แต่ก็ได้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานขวัญกลับคืนมา คุณชายวรโชติสัญญากับหม่อมแม่ว่าจะกลับขึ้นไปจัดการธุระที่เชียงใหม่ให้แล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งเดือน แล้วจะกลับมาอยู่ที่วังศิลารัศมิ์ด้วยกัน

ก่อนจากกัน เด็กชายดินอุ้มน้องศศิวัยขวบเศษผู้แสนน่ารักไว้บนตักอย่างอาวรณ์ เวลาหนึ่งเดือนกว่าที่เด็กชายได้มีโอกาสคลุกคลีกับเด็กน้อยจากเชียงใหม่ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก แม้ว่าจะไม่ชอบเล่นกับเด็กเล็กสักเท่าไหร่ แต่ปถวีกลับรู้สึกถูกชะตากับหนูน้อยจ้ำม่ำตัวขาวจั๊วจากภาคเหนืออย่างยากจะหาคำตอบ

‘ดูพ่อดินอุ้มน้องสิ น่าเอ็นดูจริงๆ’ หม่อมประไพเอ่ยกับคุณชายใหญ่และคุณเอื้องด้วยรอยยิ้ม ‘ว่าไง พ่อดิน น้องจะกลับเชียงใหม่วันนี้แล้วนะลูก อีกหนึ่งเดือนน้องถึงจะกลับมาหาเรา คิดถึงน้องมั้ย’

‘คิดถึงสิครับหม่อมย่า น้องน่ารักออกอย่างนี้ ดินไม่อยากให้น้องกลับไปเลย’ เด็กชายมีสีหน้าสลดลง คุณหนูศศิตัวกลมแนบสองมือลงบนแก้มของพี่ชายข้างบ้านอย่างอ่อนโยน แล้วส่งยิ้มหวานปะเหลาะคล้ายกับจะปลอบประโลม

‘ดู๊ดู ดูทำเข้าสิ’ หม่อมประไพยิ้มชื่น เอ็นดูกับท่าทางของหลานรัก ‘ศศิก็คิดถึงพี่ดินใช่มั้ยลูก’

‘ติ๊ด...ตึ๋ง...’ เด็กน้อยตอบกลับอย่างร่าเริง

‘ถ้างั้น เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ ย่าจะให้น้องศศิเป็นคู่หมายกับพ่อดินเอาไว้ก่อน เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้นิสัยใจคอพอจะฝากผีฝากไข้กันได้ ถ้าโตขึ้นเมื่อไหร่ พ่อดินก็มาหมั้นหมายน้องเอาไว้แล้วกัน ดีมั้ยลูก’

‘แต่หม่อมแม่ครับ’ คุณชายวรโชติขัดขึ้นทันควัน ‘ผมเกรงว่า...หากหมายตัวกันเอาไว้แบบนี้ โตขึ้นพวกเขาอาจต้องเผชิญปัญหาเหมือนอย่างที่ผมเคยเป็นนะครับ’

‘แม่รู้จ้ะชายใหญ่ แม่ก็แค่เย้าพ่อดินเล่นเท่านั้นเอง รู้มั้ยว่าเด็กคนนี้มีความคิดอ่านเหมือนผู้ใหญ่ คุยด้วยแล้วไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป เหมือนคุยกับผู้ใหญ่อีกคนเชียว’

‘ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมค่อยเบาใจหน่อยครับ’ คุณชายหันไปสวมกอดรอบเอวภรรยาอย่างแสนรัก

‘แต่ถ้าดินโตขึ้น’ เด็กชายลุกขึ้นยืน อุ้มน้องน้อยไว้ด้วยสองมือมั่น ‘แล้วน้องศศิยอมรับหมั้น ดินจะให้คุณพ่อคุณแม่มาหมั้นหมายน้องเอาไว้นะครับหม่อมย่า’

‘เห็นมั้ยล่ะชายใหญ่ แม่บอกแล้วว่าเด็กคนนี้มีความคิด’ หม่อมประไพยิ้มระรื่น

‘ดินสัญญาอะไรกับอาสักอย่างได้มั้ยครับ’ คุณชายวรโชติเดินเข้าไปหาเด็กน้อยทั้งสอง

‘ครับคุณอา’

‘หากในวันหน้า ดินผูกสมัครรักใคร่กับน้องจริง ดินจะไม่บังคับหรือฝืนใจให้น้องรับหมั้นเด็ดขาด แต่ขอให้มันเกิดขึ้นจากความต้องการที่แท้จริงของคนทั้งสองฝ่าย ได้มั้ยลูก’

‘ครับคุณอา ดินสัญญา’

ไม่นึกเลยว่าหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือน เด็กชายดินก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องศศิและครอบครัวอีก เขาต้องออกเดินทางไปศึกษายังสหรัฐอเมริกาตามความต้องการของบิดา กว่าจะสำเร็จด้านวิศวกรรมไฟฟ้าในระดับปริญญาเอก เพื่อกลับมาสานต่องานวิจัยพัฒนาคุณภาพหลอดไฟฟ้าของบริษัทปิยะไลติง ซึ่งบิดาของเขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ก็ใช้เวลาถึงสิบเก้าปีเต็ม

ทว่าเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่ชายหนุ่มกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุด ประตูรั้วของวังศิลารัศมิ์ก็ไม่เปิดต้อนรับเขาแบบนี้เช่นกัน ชายหนุ่มเปรยเสียงแผ่ว เมื่อรถยนต์จอดสนิทลงหน้าบ้านพิสุทธิ์กุล

“ถ้าน้องศศิยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ...”



*****************************************

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้คุณผู้อ่านมีความสุขกาย สบายใจ เฮงๆๆ ตลอดปีและตลอดไปนะคะ

รีบส่งบทนำมากระตุ้นตัวเองก่อนค่า ถ้าไม่ลงเว็บไม่มีคนตาม จะไม่ค่อยขยัน อยู่เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆเหมือนเดิมนะคะ เจอกันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งค่ะ ความเร็วในการอัพเหมือนเดิมๆ

เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะทำอะไรให้มันซับซ้อนมากขึ้น แต่จะรอดมั้ยไม่รู้ 555 อาจจะไม่ได้คอมเมดี้จ๋า เหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา ถ้าแฟนๆที่ติดตามกันมาตั้งแต่เรื่องวิมานใจใต้ม่านดาว และลับลมคมลับ อ่านแล้วไม่ใช่แนวก็ไม่เป็นไรนะคะ เข้าใจๆ เพราะว่าความสุขของฉัน มันเกิดจากที่เธอนั้นมีความสุขอยู่ทุกที...(มาเป็นเพลงเหมือนเดิม) แล้วค่อยกลับมาติดตามกันเรื่องต่อๆไปคราวหน้าได้

แต่ถ้าเรารู้จักกันเพราะเรื่องฟ้าพราวพรหม หวังเอาไว้ว่า น่าจะพออ่านได้นะคะ ^^ (ยังเจ็บไม่พอ อยากขออีกสักที อย่างมากก็อายคนมันก็เท่านั้น)




พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2557, 04:49:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2558, 04:35:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 2268





   บทที่ 1 : ทายาทผู้รอดชีวิต (รีไรท์) >>
แว่นใส 6 ม.ค. 2557, 08:04:21 น.
เอาเถอะรับได้


ณิชนิตา 6 ม.ค. 2557, 08:18:19 น.
มาเจิม ค่ะ


ดังปัณณ์ 6 ม.ค. 2557, 10:18:54 น.
โว้วๆๆๆๆๆ มาแย้ว มาแย้วววววววววววววววววววววววววววววววว รอตอนต่อไปคร้าาาาา กรี๊ดๆๆๆๆ (ดีดดิ้น หนอนโดนขี้เถ้า) 5555+


วิรัตต์ยา 6 ม.ค. 2557, 10:36:16 น.
มาเจิมมมมมมจ้า


ปลายสี 6 ม.ค. 2557, 10:58:43 น.
อุ๊ต๊ะ เปิดมาก็น่าติดตามมากค้าาา คุณหนูของบ่าวจะเป็นอย่างไร เติบโตสมวัยเป็นนางเอกแบบไหน รอติดตามนะคะ

ดีใจๆ พี่แตงกวาคัมแบกกกกกก ^^


บุลินทร 6 ม.ค. 2557, 11:03:13 น.
พี่แตงกวามาแนวใหม่ แต่น่าติดตามดีครับ มาต่อเร็วๆน้า


เบญจามินทร์ 6 ม.ค. 2557, 13:19:13 น.
แนวย้อนยุค(เรียกถูกมั้ย) น่าสนใจนะเนี่ย ^^


Sukhumvit66 6 ม.ค. 2557, 14:56:59 น.
พล็อตเรื่องโดนใจอีกละ


tik 6 ม.ค. 2557, 15:08:45 น.
ว้าว ๆ น่าสนุก แนวนี้เขาก็ชอบ แค่บทนำก็สนุก น่าติดตาม เจอกันนะค่ะ อาทิตย์หน้า


พู่ระหง 6 ม.ค. 2557, 19:36:53 น.
เปิดร้องก็น่าติดตามแล้ว


ดวงมาลย์ 7 ม.ค. 2557, 11:33:31 น.
มาชูป้ายไฟเชียร์น้องแตงกวา น่าติดตามมากจ้า


wane 8 ม.ค. 2557, 12:54:30 น.
ปูเสื่อรออีกคนค๊าาา ....


หมีสีชมพู 9 ม.ค. 2557, 10:00:14 น.


goldensun 23 ม.ค. 2557, 17:12:51 น.
มาไล่เก็บค่ะ น่าติดตาม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account