เมียทาสสวาท
ขาอาฆาตแค้น ชิงชัง และมุ่งหวังที่จะทำลายชีวิตเธอ
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!

Tags: เศร้า รันทด พระเอกโหด

ตอน: ทาสที่จำต้องจากจร

“คุณท่านคะ ฝนจะไปช่วยเพื่อนสอนหนังสือให้เด็กๆ บนดอยค่ะ”
หญิงสาวจึงตัดสินใจบอกจันทภาในบ่ายวันหนึ่งหลังจากที่แน่ใจว่ามีหนทางให้ก้าวเดินออกไปจากบ้านนี้แล้ว แม้จะเป็นทางที่ขรุขระเต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนามสักแค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าจะต้องมานั่งทนให้เจ้าของบ้านอย่างจันทภาเอ่ยปากถามเป็นเชิงไล่กรายๆ อยู่หลายครั้งเป็นแน่
“ทางเหนือเหรอฝน แล้วไปไงมายังไงถึงเลือกสอนหนังสือล่ะ แต่ช่างเถอะนะถ้านั่นคือความต้องการของฝน เอาเป็นว่าฉันอนุญาตก็แล้วกันนะ เพราะฉันจะทนเห็นแก่ตัวกักฝนไว้ใช้งานอีกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ว่าแต่ฝนจะไปเมื่อไหร่ล่ะ” จันทภาซุกซ่อนรอยยิ้มแห่งความดีใจเอาไว้ได้เกือบมิดชิด แต่พิรุณญาก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี
“ฝนกะว่าจะรออยู่ช่วยงานแต่งให้เสร็จก่อนค่ะ”
แม้ความจริงแล้วจันทภาอยากให้ไปวันนี้หรือวันพรุ่งสักแค่ไหนก็ตามที แต่นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก เพราะผู้เป็นสามีหรือพ่อลูกชายตัวต้นเหตุของเรื่องอาจจะสงสัยเอาได้ ความใจเย็นและรอบคอบเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาในมุมมืดนี้ได้
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ฝนอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณท่านนะ ไม่ใช่อะไรหรอกพักนี้เห็นยุ่งๆ เรื่องงานที่ออฟฟิศ ไหนจะงานแต่งของตาเพชรอีก ถ้ามีเรื่องฝนเข้ามาอีกคงจะปวดหัวหนักกว่าเดิมเป็นแน่ เอาไว้งานเสร็จก่อนค่อยบอก หรือถ้าเป็นไปได้ฝนบอกก่อนวันออกเดินทางสักวันสองวันยิ่งดี คุณท่านจะได้ไม่ต้องขัดฝนไง ฝนก็รู้ว่าท่านห่วงฝนมากแค่ไหน จู่ๆ จะปล่อยไปอยู่ไกลหูไกลตาคงไม่ยอมแน่ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนนะ ฝนไม่ต้องบอกใครจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามให้เมื่อยไง”
“และฝนคงไม่คิดจะบอกคุณชายหรอกใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะคุณท่าน”
แล้วเดินออกมาจากห้องด้วยน้ำตาอาบสองแก้มเหมือนหลายๆ ครั้ง เพราะไม่ว่าจะปรนนิบัติพัดวี ด้วยความจงรักภักดีและกตัญญูรู้คุณกับจันทภาสักแค่ไหน ก็ไม่มีวันที่จะเอาชนะหัวใจอันแห้งแล้งความรัก ความหวังดี ความเมตตาปราณีที่พึงจะมีและหยิบยื่นให้เธอของจันทภาไม่ สิบกว่าปีมาแล้วที่เธอเฝ้าทำความดีไม่ว่าจะทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง แต่มันก็ไม่เคยมีความหมาย ไม่เคยมีความสำคัญกับจันทภาเลยสักนิดเดียว
หัวใจดวงน้อยๆ ให้คิดถึงแม่ขึ้นมาทันใด แม่ผู้จากไปพร้อมกับความสุขทั้งหมดทั้งมวลของลูกผู้อาภัพเยี่ยงเธอ แม่ที่เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร คอยคุ้มครองป้องภัยรอบด้านให้ลูก ยุงก็ไม่เคยให้ไต่ไรก็ไม่เคยให้ตอม แม่ผู้โอบอุ้มอนาคตอันแสนสดใสเอาไว้หยิบยื่นให้ลูกเมื่อยามเติบใหญ่ วินาทีนี้เองที่เธอรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่า ไม่มีใครจะรักและหวังดีกับเธอเทียบเท่าแม่ผู้จากไปอีกแล้ว


“คุณฝนสบายดีมั้ยครับ”
ตรัยคุณตัดสินใจเอ่ยถามในที่สุด หลังจากที่สังเกตเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองนับ ตั้งแต่ที่เขามาถึงจนกระทั้งเสร็จจากมื้อเย็นและกำลังจะกลับแล้ว ก็ยังไม่เห็นรอยยิ้มจากเจ้าของดวงหน้าสวย กับนัยตาคู่โศกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่พิรุณญาก็หันไปมองแล้วส่งยิ้มจางๆ ให้เป็นคำตอบแค่นั้น เพราะไม่รู้จะเอ่ยปากบอกอะไรออกมา จึงได้แต่ก้าวเดินนำเขาไปยังโรงจอดรถ เพื่อรอส่งเขาเท่านั้น
“คุณฝน!”
ตรัยคุณรีบคว้ามือบางขึ้นมากุมเอาไว้ แล้วจ้องมองดวงหน้าสวยกับนัยตาคู่โศกนั้นเนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่เขาคิดและตั้งใจมานานแล้ว
“คุณฝนยังจำเรื่องที่ผมเคยเสนอครั้งก่อนได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมก็ยังอยากจะยืนยันอีกครั้ง ว่าผมมีที่ให้คุณฝนไปอยู่อย่างมีความสุขและยิ้มออกได้ ขอเพียงคุณฝนบอกมาคำเดียว คำเดียวเท่านั้น”
พิรุณญาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยความสะเทือนใจ ที่เห็นเขาคอยเป็นห่วงเป็นใยเรื่อยมา แม้ไม่ได้มีความผูกพันใดๆ ต่อกันเลย ผิดกับอีกคนที่ใกล้ชิดสนิทแนบ แต่เขากลับเป็นคนที่คอยทำร้ายให้เธอเจ็บช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาแห่งความดีใจที่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีอีกคนคอยห่วงเริ่มหลั่งรินออกมาอย่างยากจะห้ามใจได้
“คุณชายก็รู้ว่าฝนจะทำแบบนั้นไม่ได้ หรือถ้าทำได้คุณท่านก็คงจะไม่พอใจฝนอยู่ดีค่ะ”
“แต่ผมก็แทบจะทนเห็นคนฝนมีทุกข์ใจอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะครับ ห่วงตัวเองก่อนเถอะครับคุณฝน คนอื่นๆ เอาไว้ทีหลัง ช่วยหาความสุขให้ตัวเองบ้างเถอะนะผมขอร้อง” ตรัยคุณรีบสวนกลับด้วยน้ำเสียงนักแน่นกว่าเมื่อครู่ แต่ก็ยังคงเห็นหยดใสๆ ไหลอาบสองแก้มขาวลงมาเป็นทางอยู่ดี
“ฝนก็มีความสุขตามอัตภาพอยู่แล้วค่ะ ลูกกาฝากอย่างฝนได้แค่นี้ก็ถือว่าดีถมไปแล้วล่ะค่ะ ฝนจะหวังในเรื่องที่ไกลเกินตัวไกลเกินวาสนาไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่างคุณท่านเองก็มีบุญคุณกับฝนจนล้นหัว ฝนจะคิดจะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงใจท่านด้วย คุณชายลองคิดดูสิคะท่านจะรู้สึกยังไงถ้าเด็กที่ท่านชุปเลี้ยงมาอย่างฝนหนีไปอยู่ที่อื่นหรือทำงานกับคนอื่น”
แม้จะพยัยามยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างกับชายตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ในใจของเธอนั้นช่างเจ็บช้ำเหลือเกินที่อีกไม่นานตัวเองก็จะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือเดินจากผู้มีพระคุณอย่างพร้อมพงษ์ไป และเป็นการไปที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้หวนกลับมาอยู่ใต้ใบบุญเขาอีกต่อไปแล้วตลอดชีวิตนี้ แค่เพียงวาดภาพความลำบากลำบนที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงปากท้องตัวเองกับลูกที่จะเกิดมาในอีกไม่กี่วันเท่านั้น
น้ำตาแห่งความรันทดใจก็หลั่งรินออกมาเป็นสายหนักกว่าที่เป็นแล้วและเธอก็ไม่อาจจะหักห้ามเอาไว้ได้ ตรัยคุณแทบจะเข่าอ่อนลงตรงนั้นด้วยความสงสารเธอจับใจ เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เขาเดาได้ไม่ยากว่าทุกข์ของเธอคงจะหนักหนาสาหัสมาก แต่ก็ไม่รู้และไม่กล้าถามว่าเป็นเรื่องอะไร แต่สิ่งที่เขาพอจะช่วยเธอได้คือพาเธอไปจากที่ไหน ไปไหนก็ได้ที่ทำให้เธอมีสีหน้าเป็นทุกข์น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“แล้วถ้าคุณฝนจะไปจากบ้านนี้ในฐานะภรรยาของผมล่ะครับ คุณน้าทั้งสองจะยินยอมมั้ย”
ในที่สุดเขาก็เอ่ยคำนี้ออกมา พิรุณญาถึงกับชะงักแล้วจ้องมองหน้าเขาด้วยความไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินผู้ชายที่สูงศักดิ์อย่างเขา ลดตัวลงมาหาคนต้อยต่ำอย่างเธอได้ ตรัยคุณก็ตกใจกับน้ำคำของตัวเองไม่น้อย เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เอ่ยมันออกมา เหนือสิ่งอื่นใดเขาก็กังวลว่าเธอจะมองเขาไปในแง่มุมอื่น มากกว่าสงสารเธอและอยากจะช่วย
“ผมหมายถึงว่า ผมยินดีที่จะช่วยคุณฝนให้ไปจากที่นี่ได้ ด้วยการไปในฐานะภรรยาของผม พอไปอยู่ที่ไร่แล้วผมสัญญาว่าผมจะไม่รังแกคุณฝนเลย เราสองคนจะค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ถ้าวันข้างหน้าหัวใจเราตรงกันมันก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราพบว่าเราไปได้ไกลสุดแค่คำว่าเพื่อน ผมยินดีจะหย่าให้คุณฝนทันที หรือเมื่อคุณฝนหรือว่าผมพบคนที่เหมาะสมมากกว่า คุณฝนเข้าใจความหมายของผมมั้ยครับ”
“ฝนเข้าใจและขอบคุณคุณชายมากค่ะที่กรุณาฝนถึงขนาดนี้ แต่ฝนก็ยังขอยืนยันคำตอบเดิมค่ะ ว่าฝนคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้อีกแล้ว และไม่มีวันทำได้ด้วย เพราะมันสายไปแล้วค่ะ สายไปเกินกว่าที่คุณชายจะช่วยฝนแก้ไขปัญหาได้แล้วค่ะ”
พิรุณญายกมือไหว้เขาด้วยความขอบคุณจากใจจริง และอดเสียดายกับข้อเสนอของเขาไม่ได้ เพราะถ้าเขาพูดมาให้เร็วกว่านี้ ชีวิตเธอคงจะไม่ต้องถูกใครบางคนทำลายลงเป็นแน่ และเธอก็คงพอจะเปิดใจรับเขาไว้พิจารณาได้โดยไม่ยากเย็นเลย เขาก็คงจะทำให้เธอรักได้ไม่ยากแน่ หรือโชคร้ายที่เธอไม่มีใจรักให้เขา เธอก็จะยินยอมมอบกายให้เขาไปทั้งอย่างนั้น เพราะคาดหวังได้ว่าอีกไม่นานความใกล้ชิดจะเปลี่ยนหัวใจเธอให้หันไปมองเขาได้แน่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วจริงๆ สายเกินกว่าที่เธอจะดึงเอาผู้ชายคนไหนเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตได้อีก นอกจากต้องดิ้นรนหาทางออกให้ตัวเองเพียงลำพังเท่านั้น
“คุณฝน! จะไม่มีคำว่าสายสำหรับคุณฝน สำหรับเรา หรือสำหรับความสุขที่จะรอคุณฝนอยู่ข้างหน้า ได้ยินมั้ยครับคุณฝนว่าไม่มีคำว่าสายสำหรับเรา”
สิ้นคำตรัยคุณก็คว้าร่างผอมบางเข้ามากอดด้วยความสงสาร และสะเทือนใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินคำว่า ‘สายเกินไป’ หลุดออกมาจากปากเธอ เพราะเขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีคำว่าสายสำหรับใครหรืออะไรทั้งนั้น พิรุณญาไม่คิดจะขืนตัวออกห่างจากอกกว้างที่เธอเห็นว่าอบอุ่นเหลือเกินแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอกลับโอบกอดเขาตอบประหนึ่งเด็กน้อยกำลังขาดความรัก ขาดไออุ่นจากอกแม่ แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที จนค่อยๆ พากายออกห่างจากอกเขา
“ไม่มีประโยชน์ที่เราจะทำแบบนั้นอีกต่อไปแล้วค่ะคุณชาย ฝนไม่ใช่คนที่คุณชายควรจะเอาเกียรติและศักดิ์ศรีอันสูงส่งลงมาเกือกกั้วด้วย ฝนสกปรกเกินไป เกินกว่าจะดึงเอาผู้ชายดี และขาวสะอาดอย่างคุณชายลงมาแปดเปื้อนและมัวหมองได้ เอ่อ! ดึกมากแล้วคุณชายรีบกลับบ้านเถอะนะคะ ฝนต้องรีบไปดูแลคุณท่านแล้วก็ต้องรีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดค่ะ ฝนขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะคุณท่านจะคอยค่ะ”
หญิงสาวไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไรอีกก็รีบเดินเร็วๆ เข้าบ้านไป แม้จะมีน้ำตาอาบสองแก้มเธอก็ใช้สองมือปาดมันออกขณะก้าวเดินขึ้นไปตามบันไดและตรงเข้าห้องนอนทันที โดยไม่คิดที่จะเข้าไปดูแลจันทภาก่อนเช่นทุกคืน น้ำจากฝักบัวช่วยชำระล้างคราบน้ำตาได้เป็นอย่างดี แต่ครั้นเมื่อออกมาแล้วมันก็ยังตามติดมาไม่ห่าง ร่างระหงกับชุดนอนบางเบา จึงเดินไปยืนพิงขอบประตูระเบียงห้องด้วยอาการของคนอ่อนแรง
แม้จะรู้สึกได้ว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องและก้าวมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลัง แต่เธอก็ไม่คิดจะหันกลับมาเลย เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนที่เฝ้าทำร้ายเธอไม่รู้จักจบสิ้น เพชรกล้าจ้องมองแผ่นหลังขาวผ่องด้วยใบหน้าเศร้าหมองกว่าทุกวันที่เคยมีมา แม้ภาพระหว่างเมียทางพฤตินัยที่กอดกันกลมกับว่าที่พี่ชายเมียแต่งของเขาจะลอยเด่นมาอยู่ในหัวให้สะเทือนใจเล่นๆ สักแค่ไหน แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ดึงเรื่องนั้นมาต่อว่าต่อขานเธอให้เสียอารมณ์ เพราะอยากจะให้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่วิเศษสุดสำหรับเขาและเธอ
เพราะไม่รู้คืนต่อๆ ไปเขาจะมีปัญญาเข้ามาในห้องนี้ได้อีกหรือไม่ เพราะมีความเกลียดชังในตัวเขาที่สิงสู่อยู่ในใจเธอเป็นเครื่องกางกั้น และคงจะมีเมียแต่งมาเป็นโซ่คอยล่ามเขาไว้ไม่ให้ไปไหนอีกทอดอยู่เป็นแน่ เจ้าของใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาก้มลงไปจูบเบาๆ ที่ต้นคอหอมกรุ่นของเธอ เลื่อยไล้ไปหาแก้มนุ่ม ก่อนจะค่อยๆ หมุนร่างอรชรให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา เพื่อจะได้บรรจงจูบเรียวกระจับหอมหวานชุ่มฉ่ำ จนเขาไม่อาจหักห้ามใจให้ออกห่างได้เลยแม้แต่ค่ำคืนเดียว นับตั้งแต่ได้ครอบครองเธอ
พิรุณญาได้แต่ยืนหลับตาพริ้มลงเพื่อหลีกหนีสายตาที่ส่งประกาย แห่งความปรารถนาอันแรงกล้ามาหา ขณะที่เขากำลังจ้องมองเรือนร่างขาวผ่องที่ค่อยๆ เผยออกช้าๆ ด้วยมืออบอุ่นของเขาที่กำลังปลดเปลื้องชุดนอนออก จนตกไปกองอยู่กับพื้นห้อง แล้วเขาก็มอบสัมผัสรักอันแผ่วเบาให้เธอในทันที เพราะทานทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ส่วนเจ้าของร่างก็ไม่คิดจะขัดขืนใดๆ มิหนำซ้ำยังโอบกอดเขาไว้แล้วซึมซับเอาความหอมหวาน ที่เขากำลังมอบให้ไปตราตรึงไว้ในความทรงจำ เพราะนี่คงจะเป็นค่ำคืนสุดท้ายแล้ว ที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ แบ่งปันไออุ่นจนแนบชิดอย่างนี้
ส่วนพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาก็จะกลายเป็นคนที่มีเจ้าของ เป็นของต้องห้ามสำหรับเธอแล้ว เพียงแค่คิดถึงจุดนี้ น้ำตาก็ค่อยๆ แซกแซงเปลือกตาที่ยังคงหลับพริ้มเอาไว้ออกมาได้ไม่ยาก และเธอก็ไม่คิดจะหักห้ามมันเอาไว้เลย กลับปล่อยให้ไหลรินออกมาควบคู่ไปกับการมอบเรือนร่าง ให้เขาเชยชมจนสาสมดังใจหมายของเขา แล้วหลับไปพร้อมกับการสอดวงแขนแข็งแรงมาโอบกอดเธอเอาไว้อย่างเป็นสุข
แต่สำหรับเธอแล้วก็ยังคงรู้สึกไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง น้ำตาก็มักจะไหลรินออกมาจนเปียกชุ่มไปตามหมอนไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จนเจ้าของน้ำตาหมดเรี่ยวแรงหลับไปในที่สุด แต่ก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นด้วยความเคยชิน เพชรกล้าเองก็ต้องรีบตื่น เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษของเขา จะอิดออดหรือบิดพริ้วไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้ในหลายๆ เช้าเขาจะต้องล่ำลาเจ้าของห้องด้วยบทรักที่หอมหวานก็ตามที แต่เช้านี้ไม่อยู่ในวิสัยจะทำได้ด้วยมีเวลาเป็นตัวจำกัดไว้
“ไปช่วยฉันแต่งตัวที่ห้องได้มั้ยพิรุณญา”
แต่เขาก็ยังพอมีเวลาอันน้อยน้อย ด้วยการรีบเดินเข้าไปคว้าร่างนุ่มมากอดไว้จากด้านหลัง เมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วส่งประโยคอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จนพิรุณญาต้องหลับตาพริ้มลงแล้วรับคำสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะผละจากอกเขาไป และแม้ภายในจะบอบช้ำ น้ำตาก็อยากไหลออกมาสักแค่ไหน แต่เธอก็สะกัดกลั้นเอาไว้ไม่ให้เจ้าของอกกว้างตรงหน้าเห็นแม้จนหยาดหยดเดียว
หญิงสาวค่อยๆ ปลดเสื้อพระราชทานผ้าไหมเนื้อดีราคาแพงจากตู้ มาสวมให้เขาช้าๆ แล้วติดกระดุมให้ทีละเม็ดๆ ด้วยความใจเย็นและแผ่วเบา ถุงเท้าคู่ที่เข้ากับชุดก็ถูกเจ้าของร่างผอมบางนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น แล้วสวมให้โดยไม่เกี่ยงงอนใดๆ น้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบใช้ถูกฉีดไปตามจุดนั้นจุดนี้ด้วยความรู้ใจเขา จากนั้นก็สำรวจดูความเรียบร้อยให้ทุกอย่าง จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว เธอจึงเดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่ใกล้จะแตกสลาย
“คุณฝนคะ คุณท่านเรียกหาให้ไปช่วยในห้องค่ะ”
แม้ตั้งใจจะเดินเข้าห้องไปร้องไห้ให้สาสมกับความเจ็บ จากการแต่งองค์ทรงเครื่องให้พ่อของลูกในท้อง เพื่อจะได้ไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นสักแค่ไหน แต่วิหคที่ไร้รังอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นได้ ห้องของจันทภาจึงเป็นเป้าหมายให้คนใกล้ตายก้าวเดินต่อไป แล้วทำหน้าที่ที่ไม่ได้แตกต่างจากเด็กรับใช้ในบ้านให้เจ้าของห้องอย่างรู้งาน พร้อมพงษ์เองก็ยืนมองท่าที่อันอ่อนโยนของเธอ ที่กำลังปรนนิบัติผู้เป็นภรรยาของเขา โดยไม่เกี่ยงงอนว่างานนั้นจะเป็นงานอะไร ด้วยความซาบซึ้งใจไม่เปลี่ยนแปลง
รถตู้แล่นออกจากบ้านในตอนเช้ามืดโดยมีคนในตระกูลฉัตรมงคงกุล นั่งมาพร้อมหน้าอยู่ในนั้นรวมทั้งพลอยไพรินที่บินมาร่วมงานพี่ชายในครั้งนี้ด้วย รถของพริ้มพราวกับครอบครัวขับตามหลังไปไม่ห่าง ส่วนพิรุณญานั่งรถของพชรที่มาร่วมงานเพียงคนเดียว ไร้ซึ่งเงาของลูกกับเมีย เพราะเช้าเกินไปสำหรับปันนิตาที่จะตื่นขึ้นมาให้ความสนใจกับเครือญาติของเขา โดยไม่คิดจะสนใจว่าเป็นงานสำคัญยังไง ส่วนลูกๆ ก็ต้องไปโรงเรียน
ต่อจากนั้นก็เป็นรถของบรรดาเพื่อนสนิทผู้มีอันจะกินจนเกินของเพชรกล้า ที่ถูกเชิญให้มาร่วมงานในช่วงเช้าด้วย พิรุณญาต้องเบือนหน้าหนีภาพคู่บ่าวสาวกำลังช่วยกันตักบาตรพระ ที่ยืนเรียงรายกันหลายสิบรูป จากนั้นก็เป็นการเลี้ยงพระฉันท์เช้า โดยมีเครือญาติและคนที่สนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นมาร่วมงาน เสียงพระสวดให้ศีลให้พรดังกลบทุกเสียงให้เงียบงัน พิรุณญาที่นั่งอยู่แถวหลังจันทภาและเคียงข้างพี่ชายต่างสายเลือด ต้องตั้งจิตให้แน่วแน่และมั่นคง เพื่อกำหราบน้ำตาที่คอยแต่จะไหลออกมาแทบจะทุกวินาทีที่พลั้งเผลอ และต้องใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุด เมื่อพิธีรดน้ำสังข์เริ่มต้นขึ้น สายตานับร้อยคู่ต่างจ้องมองไปยังเพชรกล้าที่อยู่ในชุดผ้าไหมไทย ที่ตัดอย่างประณีตเข้ากับรูปร่างที่สูงโปร่งได้รูป ทำให้เขาดูหล่อสง่างามสมกับชายชาตรียิ่งนัก
ไม่ต่างอะไรเลยกับเจ้าสาวที่อยู่ในชุดโทนสีเดียวกับเจ้าบ่าว ที่ได้รับการออกแบบมาจากดีไซด์เนอร์ชื่อดัง จนทำให้หม่อมราชวงศ์ดุรีย์พรดูงดงามราวกับเทพธิดา เธอส่งใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มให้แขกที่มาร่วมงานอย่างดี ก่อนจะเดินไปนั่งเคียงคู่กับเจ้าบ่าว เพื่อรอรับคำอวยพรต่างๆ จากแขกที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก พร้อมกับยิ้มทุกคนด้วยความอิ่มสุขในวันอันเป็นมงคลของตัวเอง
เพชรกล้าเองก็ยิ้มแย้มต้อนรับแขกเหรื่อไม่ต่างจากเจ้าสาวนัก ส่วนวิหคที่ไร้รังอย่างพิรุณญานั้น ต้องคอยรับใช้จันทภาอย่างใกล้ชิด ด้วยท่าทีนอบน้อม และพยัยามจะไม่อยู่คนเดียวตลอดงานในช่วงเช้า เพื่อไม่ให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินออกมาได้ ตรัยคุณคอยเฝ้าชำเลืองมองดวงหน้าสวยกับนัยตาคู่โศก และอาการนั่งคุกเข่ารอรับใช้คนที่มีบุญคุณของเธอ ด้วยความสงสารเหลือกำลัง แต่เขาก็ทำได้แค่สิ่งที่บอกเธอไปเมื่อคืนนี้เท่านั้น ที่เหลือเขาจะปล่อยให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2557, 21:10:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2557, 21:10:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2997





<<    ของมีค่าที่หลุดลอย >>
tik 18 พ.ค. 2558, 10:55:24 น.
ชอบมากค่ะ อ่านไปร้องไห้ไป น่าสงสารที่สุด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account