ร้อยดาวตะวันเดียว
“ออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอคุณไปเอง และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันทำอะไรมาล่ะก็ กรุณาไปถามน้องคุณเอาเอง ถ้ารู้ไม่จริงอย่าเที่ยวมาดูถูกฉัน อย่าให้ฉันหมดศัทธาคนอย่างพวกคุณให้เร็วกว่านี้เลย มันจะทำให้ฉันไม่อยากเดินเฉียดเข้าไปใกล้อีก ขอบคุณเผยธาตุแท้ผู้ดีจอมปลอมมาให้ฉันเห็นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ออกไปซะ!!! ออกไปให้พ้นๆ หน้าฉัน”
จิณณวัตรคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากนุ่มที่เขาเคยหลงใหลได้ปลื้มจนเผลอจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงก้าวเข้าไปมองคนตรงหน้าใกล้ๆ มองให้แน่ใจว่านี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่หัวใจเขาพร่ำหาแทบจะทุกวินาที
“ผมไปแน่! แต่ก่อนไปคุณต้องชดใช้ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้คุณก่อน ถึงมันจะไม่คู่ควรกับความเจ็บที่ผมกำลังได้รับ แต่อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่เป็นไอ้งั่งในสายตาใคร ที่เป็นมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง รอให้ไอ้ทีมาโฉบเอาไปกินก่อน”
อาทิตยาก้าวถอยหลังไปจนชนกับผนังห้อง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางโกรธจัดของเขา แล้วสองไหล่ก็ถูกสองอุ้งมือเขาจับไว้แล้วบีบแรงๆ จนเจ็บ แต่ก็ยังจ้องมองดวงตาคู่ดุดันของเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“และผมก็หวังว่ามันคงจะหลงเหลืออะไรดีๆ ให้ผมกินบ้างนะ หรือจะมีแค่ซากเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือ เละกว่านี้โทรมกว่านี้ผมก็เคยลองมาแล้ว และไม่เคยออมมือด้วยจนพวกนั้นติดอกติดใจเรียกหาผมอีกหลายต่อหลายรอบ แล้วคุณล่ะจะเป็นอย่างนั้นมั้ย จะลืมไอ้ทีแล้วหันมาเรียกใช้ผมแทนมั้ย เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
เผียะ
“หยาบคาย!!! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!!”
อาทิตยาปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วฟาดซ้ำรอยเดิมอีก แล้วใช้สองมือผลักอกเขาจนเซออกไปหลายก้าว และนั่นเป็นโอกาสให้รีบวิ่งไปหาประตู เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ายังไม่หาทางเอาตัวรอด

Tags: รักหวานๆ เศร้า นางเอกเก่ง ฉลาด

ตอน: จอมเรียกร้องอีกแล้ว

ผู้บริหารหนุ่มเดินออกจากห้องประชุมด้วยใบหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย แต่พอเห็นพนักงานหันมามองก็รีบยิ้มให้ทุกคนทันที ด้วยไม่ชอบแสดงสีหน้าท่าทางไม่ดีให้ใครเห็นนัก นี่จึงทำให้เขากลายเป็นเจ้านายเนื้อหอมของพนักงาน
โดยเฉพาะสาวๆ ต่างเพ้อฝันถึงหน้าหล่อๆ ไปตามๆ กัน แถมแต่ละคนก็มักจะแต่งตัวล่อตาล่อใจ แต่งหน้าสวยพริ้มพราว ผมเกล้าบ้าง รวบบ้าง ปล่อยไว้เฉยๆ บ้างมาทำงานทุกวัน
“น้ำค่ะพี่จิณ” ยกเว้นก็แต่สาวฝึกงานเท่านั้น ที่มักจะแต่งเรียบหรูดูดีและรัดกุม กับหน้าที่ยกชากาแฟให้เขาทุกวัน
“ขอบคุณครับน้องเนม วันนี้เป็นยังไงบ้าง” เขาก็มักจะได้เอ่ยแค่คำนี้ด้วยเป็นส่วนใหญ่เพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน
“ก็สบายดีค่ะ” แล้วสาวน้อยก็ออกจากห้องด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ออกไป
“คุณจิณคะท่านประธานฝากให้มาเรียนเชิญกินมื้อเที่ยงที่ห้องอาหารด้านล่างค่ะ”
ผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของพ่อเดินฉับๆ กับรองเท้าส้นสูงเกือบสี่นิ้ว แถมกระโปรงสั้นจู๋ อวดเรียวขาใต้ถุงน่องให้คนทั้งออฟฟิศมองเป็นขวัญตา จิณณวัตรยิ้มรับก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและท่าทีสุภาพเฉกเช่นชายตะวันตกพึงกระทำ
“ขอบคุณครับ ฝากบอกคุณพ่อว่าเดี๋ยวผมเข้าเซ็นเอกสารให้เลขาก่อนแล้วจะตามไปนะครับ”
แล้วเขาก็เห็นผู้ช่วยเลขาตัวเองเดินหอบแฟ้มมายืนรออยู่หน้าห้อง อวดเรียวน่องขาวสวยๆ ยั่วน้ำลายไม่น้อย ตามติดด้วยฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่หอบเอกสารมาให้ตรวจพร้อมหุ่นอรชร อกเป็นอกเอวเป็นเอว ขาเป็นขาเข้ามาอีกคน คิดแล้วก็อดสงสารพ่อไม่ได้ ที่ต้องทำงานอยู่ท่ามกลางขาขาวๆ สาวๆ สวยๆ หมวยๆ อึ๋มๆ แบบนี้ได้นานปี โดยไม่แตกแถวเลย
แล้วเขาล่ะจะทำ จะทนได้อย่างพ่อหรือไม่ ก็ในเมื่อเจ้าหล่อนแต่ละคนแต่งตัวยั่วน้ำลายซะขนาดนี้ แต่ยังไงเขาก็จะต้องไม่ตะบะแตก จะได้ไม่เสียการปกครอง อีกอย่างขาวๆ สาวๆ สวยๆ ก็ใช้เป็นอาหารตาเวลาทำงานก็แล้วกัน ส่วนในยามค่ำคืนเพื่อนๆ สรรหามาให้ไว้เป็นอาการกายอาหารใจไม่ว่างเว้นอยู่แล้ว
ปากกาคู่กายจรดลงไปตามเอกสารแต่ละหน้า แล้วส่งให้เจ้าของเอกสารนำกลับไปจนครบทุกคน ส่วนตาคู่คมก็จ้องมองแผ่นหลังกับเรียวขาเดินเรียงแถวกันออกนอกห้องอย่างเพลินตาเพลินใจ จะได้กินมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อยหน่อย การชื่นชมด้วยสายตาก็คงไม่ผิดกระมัง ก็ของมันสวยน่าชมออก
“คุณจิณคะ คุณตะวันมาขอพบค่ะ บอกว่าคุณผู้หญิงให้มา”
แต่ชื่อนี้ทำเอาอารมณ์สุนทรีของเขาเกือบจะหมดสิ้น แม้จะไม่ค่อยได้เห็นหน้าคร่าตากันบ่อยนัก แต่ก็เดาได้ว่าเจ้าหล่อนคงไม่เดินเข้ามาหาพร้อมกระโปรงสั้นจู๋ รองเท้าสูงปรี๊ด กับรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างอารมณ์ดีเหมือนสาวยๆ ในออฟฟิศหรอกกระมัง นั่นไง! ผิดจากคิดไว้ซะที่ไหน กางเกงยีนส์สีเข้ม กับเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กระเป๋าสะพายใบใหญ่ๆ ด้านในเต็มไปด้วยอะไรต่อมิอะไรจนหนักอึ้ง
“คุณผู้หญิงให้ทำจดหมายมาส่งคุณค่ะ อันนี้ฝากผ่านคุณเนมไปให้คุณวรนารถค่ะ”
มือบางยื่นซองทั้งสองให้เขา แม้จะอ้างว่าคุณผู้หญิงให้ทำแต่ทุกตัวอักษรบนกระดาษ อาทิตยาก็เป็นคนทำขึ้นมาเองกับมือ พร้อมกับความพะอืดพะอมไม่น้อย กับการได้เห็นกิจวัตรประจำวันของคนมีเงินหมดไปด้วยเรื่องไร้สาระ
“ให้บอกพนักงานช่วยโหวตคะแนนประกวดซุปเปอร์โมเดลของยัยแอ๊ฟนี่นะ คุณแม่คิดอะไรนี่”
จิณณวัตรอุทานออกมาเมื่ออ่านเสร็จ พร้อมกับมองหน้าอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมแม่ต้องเอาเรื่องในบ้านมาเกี่ยวกับคนที่ออฟฟิศด้วย
“ก็คะแนนโหวตมีผลต่อการตัดสินนี่คะ ใครมีพรรคพวกเยอะก็ทำกันแบบนี้ล่ะค่ะ นี่ฉันก็เพิ่งจะถือเช็คไปยื่นให้ผู้อำนวยการโรงเรียนคุณแอ๊นมานะคะ เพื่อแลกกับคะแนนโหวต ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวค่ะ ต้องไปเดินดูผ้าที่สำเพ็งเข้าห้องเสื้ออีกค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ! คุณเดินๆ มาใช้งานผมแล้วก็จะไปดื้อๆ อย่างนี้นี่นะ จะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับคุณถั่วงอก”
เจ้าของดวงหน้าสวยกำลังจะเดินออกจากห้องถึงกันหันขวับมาพร้อมสายตาดุดันส่งให้เขาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ และนั่นก็ทำให้เขาหัวเราะหึหึออกมาด้วยความขำ ไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปีก็แหย่เจ้าหล่อนให้ฉุนได้สำเร็จทุกครั้งให้ตายสิ
“ฉันไม่ได้มาใช้คุณ แม่กับน้องคุณต่างหาก ขอโทษนะฉันมีงานต้องไปทำ ถ้าขืนชักช้าเดี๋ยวเจ้านายจะไล่ออก ถึงนั่นเป็นความปรารถนาอย่างที่สุดของฉันก็ตาม”
ความใจเย็นความเป็นผู้ใหญ่จนเกินวัยก็ทำให้ตอบกลับเขาไปแบบไม่รุนแรงนัก นอกจากยิ้มอย่างฝืนๆ กับถ้อยคำเบาๆ ทว่าร่างบางก็ต้องรีบถอยหนีช้าๆ เมื่อเขาลุกเดินเข้ามาหาใกล้ๆ จนหน้าห่างกันแค่ไม่กี่นิ้ว เพราะนึกสนุกอยากจะแกล้งยัยถั่วงอกขึ้นมาอีกอย่างช่วยไม่ได้
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ! ว่าแต่ที่อยากจะให้คุณแม่ไล่ออกนี่ เพราะเบื่องานหรือเพราะกลัวจะถูกคุณชายเนี๊ยบอย่างผมแกล้งเหมือนตอนเด็กๆ อีกกันแน่ครับคุณถั่วงอก”
เมื่อสรรพนามถูกเอ่ยซ้ำสองออกมา อาทิตยาก็หมดความอดทนจะตีหน้ายิ้มใส่เขาทันที ใบหน้าสวยจึงเปลี่ยนเป็นบึ้งจ้องมองเขาตาเขม็งให้รู้ว่าชอบใจเอามากๆ ก่อนจะหันหลังกลับเดินตรงไปหาประตูโดยเร็ว ทว่าเขาก็ก้าวยาวๆ ไปขวางไว้อยู่ดี
“จะรีบหนีไปไหนล่ะครับคุณถั่วงอก ในเมื่อมาใช้งานผมแล้ว คุณก็ต้องเลี้ยงข้าวเที่ยงผมเป็นการตอบแทนก่อนสิ ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากห้องนี้ไปได้”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร่าออกมา พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปหาดวงหน้าขาวแก้มกำลังป่องขึ้นป่องขึ้น เพราะมีความโกรธเป็นเครื่องผลักดัน แต่เขาหรือจะสน และคนอย่างอาทิตยาก็ไม่คิดจะสนด้วยเช่นกัน จึงจ้องเขากลับอย่างไม่วางตาพร้อมกับตอบออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ฝันไปเถอะ หลีกทางฉันจะกลับ”
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาคาดไว้อยู่แล้ว ก็แม่ถั่วงอกจับทางได้ง่ายจะตายไป ไม่ชอบอะไรก็จะหน้าง้ำหน้างอคอตกใส่ หรือไม่ก็ว่าออกมาตรงๆ ซึ่งๆ หน้าทันที ดีหน่อยที่โตขึ้นมาแล้วรู้สึกเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ดีกว่าตอนเด็กแยะ แต่เก็บยังไงก็ปิดเขาไม่ได้แน่อน
“บอกแล้วไงว่าคุณถั่วงอกจะออกจากห้องนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ตกปากรับคำเลี้ยงข้าวคุณชายเนี๊ยบก่อน หรือไม่ก็ต้อง...”
“อะไร!!!” ความโกรธทำให้รีบถามสวนกลับทันที และจ้องเขาตาเขม็ง และนั่นเป็นโอกาสทองของคุณชายเนี๊ยบที่จะได้แกล้งยัยถั่วงอกอีกครั้งด้วยการใช้จมูกโด่งๆ ฉกลงไปหาแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว
“อุ๊ย!!!”
มือขาวยกขึ้นมาลูบแก้มอย่างรวดเร็ว สายตาขุ่นเคืองจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ก่อนจะใช้สองมือผลักร่างสูงใหญ่ให้ออกห่างประตู แล้วรีบเผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดจะหันกลับมามองใบหน้าหล่อเหลายิ้มร่าออกมาด้วยความขำกับการแกล้งแม่ถั่วงอกได้สำเร็จอีกครั้ง และนั่นทำให้เขาอารมณ์ดีถึงกับผิวปากเดินกลับไปคว้ามือถือบนโต๊ะแล้วเดินออกจากห้องลงไปหาพ่อทันที

“อย่าไปใส่ใจมากนักเลยน่ะตะวัน ทำๆ ไปเหอะถ้ายังไม่หลุดพ้นคำว่าหนี้บุญคุณน่ะ”
เอมิกาช่วยปลอบใจหลังจากอาทิตยาเล่าวีระกรรมกวนประสาทของคุณชายเนี๊ยบให้ฟังแต่ก็ยังยักเรื่องถูกขโมยหอมแก้มถึงสองครั้งสองคราเอาไว้ เมื่อไปถึงคอนโดหลังกลับจากพาหุรัดเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ สำหรับไปคอยรับใช้เจ้านายที่ไปนั่งรอชมการประกวดลูกสาวเดินแบบ
เพราะเป็นวันสุดท้ายของการตัดสินแล้ว และแน่นอนว่าคืนนี้เจ้านายหมดเงินไปเยอะมาก กับการควักกระเป๋าซื้อบัตรให้คนรู้จักรวมทั้งพนักงานบริษัท และผู้ปกครองในโรงเรียนที่จิรฐาเรียนอยู่ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าชมและช่วยเชียร์ลูกสาวคนสวย
“เออๆๆ บ่นไปงั้นแหละ ไม่รู้จะบ่นให้ใครฟังดี ว่าแต่คืนนี้จะไปหรือเปล่าล่ะ” ร่างผอมบางถอดเสื้อยืดออกโดยไม่คิดจะเอียงอายเพื่อนแต่อย่างใด เพราะความรีบ
“ไป! แต่ไม่ได้อยากจะเชียร์แม่แอ๊ฟแบ๊วนั่นหรอกนะ ฉันอยากดูหนุ่มๆ ในงานต่างหาก ว่าแต่มีบัตรเหลือให้หรือเปล่าล่ะ” เอมิกาถามด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก
“จะเอาสักกี่ร้อยใบล่ะจ้ะเพื่อน”
ร่างที่มีผ้าขนหนูกระโจมอกเดินไปเปิดกระเป๋าสะพายแล้วยกบัตรมาปึกหนึ่ง อีกมือกรีดปลายปึกเป็นเชิงบอกว่าจะไปอีกสักร้อยคนยังมีบัตรให้เลย แล้วก็โยนทั้งหมดให้ ส่วนตัวเองก็เดินเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ กลับออกมาอีกทีเพื่อนก็โกยแน๊บไปห้องตัวเองแล้ว อันที่จริงก็อยากจะคุยเรื่องหนุ่มใหญ่เมียเผลอที่กำลังจะทำเพื่อนหัวใจเดาะอยู่ไม่น้อย
ว่าตกลงจะเป็นไปในทิศทางไหน มีข้อสรุปยังไง แต่เวลาไม่มีเลย จึงรีบจัดการใส่เสื้อผ้าทำผมลวกๆ แล้วก็บึ่งรถไปที่จัดประกวดทันที ไม่นานชมจันทร์กับผ่อนรวมทั้งเด็กรับใช้อื่นๆ ก็มีถึงด้วยรถตู้ จิณณวัตรกับจิรเดชและคนในบริษัทก็ถูกสั่งให้มางานนี้เช่นกัน แต่สองพ่อลูกจะตามมาทีหลัง เพราะยังประชุมไม่เสร็จ
อาทิตยายังเข้าไปนั่งรอด้านในไม่ได้ เพราะต้องคอยยกป้ายไฟเพื่อคอยบอกให้กองเชียร์ทั้งหลายไปนั่งรวมกันตรงจุดเดียว เสียงจะได้กระหึ่มตามความคิดของชมจันทร์ แหม่มกับแก้มจึงอาสาอยู่ช่วย เพื่อจะได้พาคนมาทีหลังไปนั่งถูกที่
“เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ถ้าคุณผู้ชายกับคุณจิณมาก็พาไปนั่งกับคุณผู้หญิงเลย”
เมื่อคนเข้างานจนหมด อาทิตยาจึงหันไปหาสองสาว แล้วเดินฉับๆ เข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลพอสมควร เข้าไปนั่งได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนไม่ต่ำกว่าสองเดินเข้ามา แม้ไม่อยากเสียมารยาทและไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่เสียงของคนคุยกันด้านนอกก็ดังเข้าไปกระทบหูอย่างช่วยไม่ได้
“เมย์ขอให้พี่มิ้นท์ชนะนะคะ แม่จะได้มีกำลังใจสู้ต่อไปอีก” สาวรุ่นเข้าไปสวมกอดพี่สาวแสนสวยสูงเกือบร้อยแปดสิบ หุ่นอรชรพอๆ กับนางแบบอาชีพเลยทีเดียว
“ขอบใจนะจ้ะน้องรัก ไม่ต้องห่วงหรอกคืนนี้พี่ต้องชนะแน่นอน พี่จะเอาเงินรางวัลไปรักษาแม่เราให้หายซักที และพี่ก็จะได้เก็บเงินไว้เป็นค่าเรียนของเมย์ด้วย ว่าแต่เมย์เถอะอย่าลืมตั้งใจเรียนให้จบสมกับที่พี่กับแม่หวังไว้นะจ้ะ”
“เมย์ให้สัญญาจ้ะพี่มิ้นท์ ว่าเมย์จะเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน และจะไม่ทำให้แม่กับพี่เมย์ผิดหวังเป็นอันขาด ขออย่างเดียวให้พี่มิ้นท์ชนะได้เงินมาก็พอ นี่เป็นความหวังเดียวที่พวกเราเหลืออยู่ สู้ๆ เขานะจ้ะพี่มิ้นท์”
“แน่นอนจ้ะ พี่จะสู้ เพื่อให้ได้เงินก้อนนี้มาช่วยชีวิตพวกเราสามคน”
อาทิตยาเดาได้ว่าสองพี่น้องคงจะกำลังกอดกันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ที่มีอยู่เป็นแน่ น้ำเสียงอันสั่นเครือไม่บอกก็รู้ว่ากำลังร้องไห้ เลยต้องนั่งแช่อยู่หลายนาทีรอให้สองชีวิตไปก่อน แม้อยากจะเห็นหน้าคร่าตาแต่ก็ไม่กล้าออกมา ในใจนั้นให้คิดถึงแม่กับน้องๆ ขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นนัก
และเหมือนตัวเองกลายเป็นคนทรยศต่อเจ้านายสังคมจัดอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อในใจดันแอบภาวนาให้สาวผู้เข้าประกวดนามว่ามิ้นท์ชนะ เพื่อจะได้เอาเงินไปใช้ในเรื่องจำเป็นกว่าคนมีเงินอีกหลายๆ คนที่ส่งลูกเข้าประกวดเพื่อความสุข สนุกสนาน หรือหาประสบการณ์แค่นั้น
แต่หน้าเสียดายเหลือเกินที่ฟ้าดินช่างโหดร้ายต่อคนยากไร้ เพราะหญิงสาวผู้กตัญญูไปได้ไกลสุดแค่เข้ารอบสิบคนสุดท้ายเท่านั้น ที่หนึ่งเป็นลูกสาวอดีตนางแบบชื่อดังมีเส้นสายวงในและทุ่มเงินถึงเจ็ดหลัก เพื่อผลักดันให้ลูกได้ชัยชนะในครั้งนี้
ส่วนจิรนันท์ได้ที่สอง ถึงแม้จะมีเงินอัดฉีดจากผู้แม่ถึงเจ็ดหลักไม่แพ้กัน แต่เพราะที่หนึ่งสูงกว่าถึงสามเซ็นติเมตร แถมตอบคำถามได้ฉะฉานกว่า มีคะแนนเก็บกับคะแนนโหวตมากกว่า เส้นสายดีกว่า รู้ทางรู้แนวกว่าจากประสบการณ์ตรองของแม่ ส่วนหน้าตานั้นลูกสาวเจ้านายกินขาด
“ไหนคุณแม่รับปากไงคะว่าแอ๊ฟจะชนะ ไม่มีทางแพ้ใคร แล้วนี่อะไรคะได้แค่รอง แอ๊ฟอายเค้านะคะ” คนเป็นลูกบ่นด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ และอับอายผู้คนกับเพื่อนฝูงมากมาย ส่วนคนเป็นแม่ก็ใช่ว่าจะไม่ผิดหวัง
“ไม่เป็นไรนะลูกแม่ ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว เป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต แถมมีงานเดินแบบชิ้นแรกให้ด้วย ต่อไปลูกสาวแม่จะก้าวขึ้นเป็นนางแบบมืออาชีพแล้วนะ อย่าทำให้แม่ผิดหวังนะจ้ะ”
แต่ก็พยายามข่มความรู้สึกแล้วปลอบใจลูกสาวอย่างอารมณ์ดี แม้จะเสียดายในชัยชนะที่หลุดมือไปก็ตาม อาทิตยาไม่คิดจะเอ่ยคำใดๆ ออกมา เมื่อคนในบ้านต่างสรรหาคำดีๆ มาปลอบใจจิรนันท์จนหมดสิ้นแล้ว จึงเดินตามไปส่งที่รถอยู่ห่างๆ
“คุณเอ้คะ รอก่อนค่ะ น้องแอ๊ฟยังไม่ได้ลงชื่อรับเงินรางวัลเลยค่ะ ทางเราจะจ่ายให้เสร็จคืนนี้เลย จะได้ไม่ต้องวุ่นวายวันหลัง” สาวร่างอวบวิ่งตามหลังมาบอกพร้อมกับอาการหอบน้อยๆ ชมจันทร์หันไปมองแล้วยิ้มเชิดๆ ให้
“อ้อตายจริงลืมไปเลยค่ะ แต่ฝากให้ตะวันเลขาเอ้ไปรับแทนน้องแอ๊ฟได้มั้ยคะ เพราะบ่นว่าเหนื่อยตั้งแต่ประกวดเสร็จแล้วล่ะค่ะ” ท่าทีไม่อินังขังขอบกับเงินสักนิด
“ได้ค่ะแต่น้องแอ๊ฟต้องเซ็นเอกสารไว้ก่อนนะคะ น้องเอามาด้วยแล้วค่ะ” จีรนันท์จรดปากกาลงอย่างเบื่อหน่ายกับระบบ
“ตะวันพรุ่งนี้ก็เอาไปเข้าบัญชีคุณแอ๊ฟเลยนะ เผื่อจะได้เอาไว้เป็นค่ารองเท้าหรูๆ สักคู่ใส่เวลาออกงานน่ะ ฝากบอกคุณโจ้ด้วยนะว่าฉันจะบริจาคเงินเป็นการกุศลเพิ่มอีกตามที่บอกไว้ไม่ได้แล้วล่ะ ก็ยัยแอ๊ฟไม่ชนะนี่ถือว่าฉันไม่ได้ผิดคำพูดนะคะ ไปแอ๊ฟกลับบ้าน ไม่ต้องเสียใจมากไปหรอก งานเดินแบบมีมารออยู่หน้าบ้านทุกวัน ไม่ต้องชนะประกวดก็มีให้ถมเถ”
สิ้นคำชมจันทร์ก็ดึงแขนลูกเดินไปขึ้นรถ โดยไม่สนใจจะหันกลับมามองสาวร่างอวบยืนหน้าจ๋อยมองอาทิตยาสลับกับจิณณวัตรที่จะต้องขับรถอีกคันกลับ อาทิตยาเองก็สลดกับคำของเจ้านายเมื่อครู่ไม่น้อย เพราะคิดถึงสองพี่น้องในห้องน้ำที่รอเงินจำนวนนี้ไปใช้ด้วยความจำเป็น แต่คนได้กลับไม่เห็นคุณค่า แถมจะเอาไปซื้อของไม่มีประโยชน์และจิรนันท์ก็มีรองเท้าเป็นร้อยๆ คู่ จนจะล้นตู้ออกมาแล้ว
“ดูคุณจะไม่ดีใจเลยนะที่ยัยแอ๊ฟได้แค่รอง อย่าบอกนะว่าคุณลุ้นอันดับหนึ่งให้น้องผมจนตัวโก่ง”
จิณณวัตรนึกสนุกเพราะเห็นคนข้างๆ ชักสีหน้าไม่ใคร่จะดีนักเลยแกล้งแหย่เล่น อีกอย่างก็อยากหาเพื่อนคุยเป็นการฆ่าเวลา ระหว่างรอนางแบบสาวที่ตอนนี้เขาควงไปไหนต่อไหนไม่ห่าง อาทิตยาหันขวับไปมองตาขวาง แม้ตั้งใจจะไม่ต่อปากต่อคำ แต่ก็อดไม่ได้ อีกทั้งยังหมั่นไส้น้ำคำแม่เขา เลยถือโอกาสเอามาลงกับลูกเพื่อระบายสิ่งหมักหมมออกมาบ้าง
“ตรงกันข้ามค่ะ ฉันกลับภาวนาให้คุณแอ๊ฟแพ้ด้วยซ้ำ” เลยตอบตรงๆ ชนิดไม่รักษาน้ำใจใคร
“จะไม่ใจร้ายกับลูกสาวเจ้านายไปหน่อยเหรอ” จิณณวัตรอดเคืองไม่ได้จึงติงออกมาตรงๆ เช่นกัน
“ถ้าคนที่ต้องการเงินรางวัลไปใช้เรื่องจำเป็นมากกว่าซื้อรองเท้าที่ไม่รู้ว่าจะถูกหยิบมาใส่เมื่อไหร่ของน้องคุณ ฉันก็ยินดีเป็นคนใจร้ายค่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ คนจนเดินดินกินข้าวแกง ต่อให้สดสวยงดงาม เก่งกาจสามารถแค่ไหน ก็แพ้เงิน แพ้เส้นสาย แพ้ความเห็นแก่ตัวของพวกมีแต่ไม่รู้จักพออยู่วันยังค่ำ”
ร่างผอมบางเดินสบัดหนีไปทางหลังเวทีด้วยความไม่พอใจ ส่วนร่างสูงใหญ่ก็ตามไปด้วยความรู้สึเดียวกัน ปากก็ส่งเสียงเข้มๆ ถามอย่างคนอารมณ์ขุ่นนิดๆ ในท่าทีแม่ถั่วงอกที่ดูจะแข็งกร้าวกว่าหลายครั้งที่เคยเห็น
“คุณหมายความว่ายังไงไม่ทราบ”
อาทิตยาหันกลับไปจ้องมองเขาด้วยความหัวเสียและไม่คิดจะรักษาคำพูดสวยหรูเอาไว้แล้ว เมื่อจุดที่ยืนอยู่นั้นเป็นทางแคบๆ ก่อนถึงประตู้เข้าหลังเวทีไม่ไกลมาก ปลอดผู้คนจนเอื้อให้ระเบิดคำพูดแรงๆ ออกมาจากปากสาวรัฐศาสตร์ผู้เบื่อหน่ายความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย
“ฉันก็หมายความว่าคนรวยๆ อย่างพวกคุณก็เอาแต่รังแกคนจนๆ คนไม่มีทางสู้ไม่ว่าจะด้านใดๆ โดยเฉพาะเรื่องเงินที่คนพวกนั้นไม่มีปัญญาจะเอามาประเคนให้ใครหน้าไหนที่เกี่ยวข้องกับการประกวดเพื่อให้ตัวเองชนะไงคะ ถามจริงๆ เถอะพวกคุณจะอยากเหนือกว่าใครๆ ไปถึงไหน ที่มีอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่เพียงพอหรือไง ถึงต้องดิ้นรนไขว่ขว้าเอาชัยชนะมาให้ตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบย่ำอยู่บนความเจ็บปวดของใครต่อใครเลย” จิณณวัตรจ้องตาเขม็งเมื่อถูกเหมารวมโดยไม่รู้ว่าตัวเองทำอไรผิด
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณอารมณ์เสียมาจากไหนและเรื่องอะไร แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักนิด ผมผิดเหรอที่เกิดมาเป็นคนมีอันจะกิน คุณถึงได้มาค่อนขอดไม่เลิกแบบนี้”
“พวกคุณไม่ผิดหรอกค่ะ แต่พวกคุณมีทางเลือกอื่นมากมายก่ายกองให้เดิน ให้ไปยืนอยู่ ทำไมต้องไปเบียดพื้นทีเล็กๆ ของคนจนๆ คนที่มีความจำเป็นต้องชนะไอ้การประกวดบ้านั่น เพื่อจะได้เอาเงินไปใช้ในทางจำเป็นซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของอีกหลายๆ คนที่รอคอยอยู่ก็เป็นได้ แต่พวกคุณก็ไม่ทำ แถมยังจะมาเยาะเย้ยคนแพ้ด้วยการเอาเงินรางวัลไว้เป็นค่ารองเท้าอีก มันน่าสลดใจสิ้นดี แต่ก็เป็นแบบนี้ล่ะสังคมคนเรา สังคมที่คนรวยเอาเปรียบคนจน”
จบคำร่างอรชรก็เดินหนีเข้าประตูไปทิ้งให้ชายหนุ่มยืนขบคิดด้วยความไม่เข้าใจอยู่ครู่ใหญ่ ตั้งใจจะตามไปต่อปากต่อคำด้วยความไม่พอใจอีก ติดตรงที่คู่ควงเดินออกจากงานมาหาพอดี เขาเลยไปขึ้นรถที่จอดไว้ด้านหลัง เพื่อหลบหลีกสายตาหนักข่าว ที่มักจะกระหายใคร่รู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในสังคมไฮโซเต็มประดา
คอนโดหรูหราราคาสิบกว่าล้านที่เขาเพิ่งตัดสินใจซื้อเมื่อไม่นาน กลายเป็นแหล่งพักกายให้มาสักพักแล้วและกับสาวสองสามคนที่อยู่ในช่วงสรรหาของเขา แต่ก็เหมือนว่ายวนอยู่ในอ่างน้ำแคบๆ หาทางอกไม่เจอ หรือยังไม่มีวี่แววของคนที่ใช่สำหรับหัวใจที่กำลังเรียกร้องหา
‘ตรงกันข้ามค่ะ ฉันกลับภาวนาให้คุณแอ๊ฟแพ้ด้วยซ้ำ’
แถมคำพูด สีหน้า ท่าทาง ของแม่ถั่วงอกตอนปะทะคารมกันก็ผุดขึ้นมาก่อกวนหัวใจอีก หลังจากผ่านพ้นห้วงเวลาหฤหรรษ์จากเรือนกายนางแบบสาวอย่างดุเด็ดเผ็ดมันมาไม่นาน ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสลัดใบหน้าบึ้งๆ ท่าทีมึนตึงของเจ้าหล่อนออกไปจากหัวไม่ได้สักที



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2557, 22:50:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2557, 22:50:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1149





<< my first kiss   เมื่อตะวันอยากจะหยุดฉายแสง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account