ร้อยดาวตะวันเดียว
“ออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอคุณไปเอง และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันทำอะไรมาล่ะก็ กรุณาไปถามน้องคุณเอาเอง ถ้ารู้ไม่จริงอย่าเที่ยวมาดูถูกฉัน อย่าให้ฉันหมดศัทธาคนอย่างพวกคุณให้เร็วกว่านี้เลย มันจะทำให้ฉันไม่อยากเดินเฉียดเข้าไปใกล้อีก ขอบคุณเผยธาตุแท้ผู้ดีจอมปลอมมาให้ฉันเห็นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ออกไปซะ!!! ออกไปให้พ้นๆ หน้าฉัน”
จิณณวัตรคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากนุ่มที่เขาเคยหลงใหลได้ปลื้มจนเผลอจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงก้าวเข้าไปมองคนตรงหน้าใกล้ๆ มองให้แน่ใจว่านี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่หัวใจเขาพร่ำหาแทบจะทุกวินาที
“ผมไปแน่! แต่ก่อนไปคุณต้องชดใช้ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้คุณก่อน ถึงมันจะไม่คู่ควรกับความเจ็บที่ผมกำลังได้รับ แต่อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่เป็นไอ้งั่งในสายตาใคร ที่เป็นมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง รอให้ไอ้ทีมาโฉบเอาไปกินก่อน”
อาทิตยาก้าวถอยหลังไปจนชนกับผนังห้อง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางโกรธจัดของเขา แล้วสองไหล่ก็ถูกสองอุ้งมือเขาจับไว้แล้วบีบแรงๆ จนเจ็บ แต่ก็ยังจ้องมองดวงตาคู่ดุดันของเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“และผมก็หวังว่ามันคงจะหลงเหลืออะไรดีๆ ให้ผมกินบ้างนะ หรือจะมีแค่ซากเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือ เละกว่านี้โทรมกว่านี้ผมก็เคยลองมาแล้ว และไม่เคยออมมือด้วยจนพวกนั้นติดอกติดใจเรียกหาผมอีกหลายต่อหลายรอบ แล้วคุณล่ะจะเป็นอย่างนั้นมั้ย จะลืมไอ้ทีแล้วหันมาเรียกใช้ผมแทนมั้ย เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
เผียะ
“หยาบคาย!!! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!!”
อาทิตยาปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วฟาดซ้ำรอยเดิมอีก แล้วใช้สองมือผลักอกเขาจนเซออกไปหลายก้าว และนั่นเป็นโอกาสให้รีบวิ่งไปหาประตู เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ายังไม่หาทางเอาตัวรอด

Tags: รักหวานๆ เศร้า นางเอกเก่ง ฉลาด

ตอน: my first kiss

“แอ๊ฟไม่ชอบยัยริซ่านั่นเลยค่ะคุณแม่ ถือว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่กร่างกับรุ่นน้องไปทั่ว งานไหนงานนั้น ยิ่งพี่จิณไปเกาะแกะด้วยแล้ว ยิ่งไม่ชอบใหญ่ อย่าบอกนะคะว่าพี่จิณปิ๊งยัยเห็ดเน่านี่น่ะ แอ๊ฟไม่ยอมรับมาเป็นพี่สะใภ้หรอก ใครก็รู้ว่าเหลวเหปวกับใครมาบ้าง แม่นี่ชอบจับผู้ชายรวยๆ ไว้ทำผัว ระวังให้ดีเถอะถ้าพี่จิณจนแต้มขึ้นมาแอ๊ฟจะนั่งหัวเราะให้ดู”
จิรนันท์บ่นเป็นเรื่องแรก ตั้งแต่อาหารมื้อเช้ายังไม่เข้าปากคนในบ้านด้วยซ้ำ เพราะเก็บงำเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่เห็นพี่ชายหอบนางแบบจอมหยิ่งไปต่อหลังงานจบ จนคนพี่ต้องเลิกคิ้วใส่น้องด้วยความสงสัยในคำพูด เพราะตรงกันข้ามกับกิริยาท่าทางของคนที่เขาควงคนละเรื่อง
“จริงเหรอตาจิณ สะใภ้แบบนั้นแม่ไม่เอานะ ยิ่งคอยแต่จะกันท่าน้องอย่างนี้แม่ยิ่งไม่ชอบใหญ่” ชมจันทร์รีบสมทบทันที ลูกชายเลยส่งเสียงอ่อยพร้อมหน้าละห้อยไปหา
“ไปกันใหญ่แล้วครับคุณแม่ ผมก็แค่คบๆ ดูๆ ไปก็เท่านั้นยังไม่จริงจังหรอกครับ”
“ก็ดีแม่จะได้หายห่วง จะคว้าใครมาทำเมียเราต้องดูดีๆ และถ้าได้แบบหนูเนมก็พอไหว ถึงจะเด็กกว่าเราหน่อยแต่ก็ชาติตระกูลดี ฐานะการเงินดีเหมาะกับเรา ว่าแต่น้องมาฝึกงานเป็นไงบ้างล่ะ จิณต้องดูแลดีๆ นะ” จากเรื่องลูกสาวดันลามมาเรื่องสะใภ้ได้ นั่นทำให้ชายหนุ่มเซ็งนิดๆ แต่ก็ยิ้มหวานให้แม่ด้วยความอารมณ์ดี
“ผมก็ดูแลเท่าที่เวลาและโอกาสจะเอื้อเท่านั้นล่ะครับ จะเน้นพิเศษกว่าพนักงานคนอื่นได้ยังไงน้องไปฝึกงานนะครับไม่ได้ไปเป็นแขก”
ลูกบอกแม่ไปก็มองเห็นภาพสาวน้อยนารถฤดีผู้สงบเงียบ หัวอ่อนว่านอนสอนง่ายกับชุดทำงานเรียบร้อยน่ารักๆ เช้าแม่กับคนรถก็มาส่งหน้าประตูออฟฟิศ เย็นก็มารับตรงเวลาเป๊ะ เผลอๆ ตอนสายๆ หรือบ่ายๆ ก็แวะมาดูลูกอีกรอบพร้อมด้วยของขบเคี้ยวมาฝากเขากับคนในออฟฟิศ
หรือถ้าวันไหนมีงานต่อเนื่องต้องกลับช้าหน่อย นารถฤดีก็จะต้องมาขอให้กรรมการผู้จัดการอย่างเขา หรือหนักๆ เข้าก็ต้องเป็นท่านประธานอย่างพ่อเป็นคนโทรบอกผู้แม่ด้วยตัวเอง ถึงจะยอมให้ลูกอยู่ต่อได้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าได้คุณหนูแบบนั้นมาเป็นเมียจะดีหรือแย่สักแค่ไหน
เพราะตอนนี้ยังมองไม่เห็น หรือดูไม่ออกว่าตัวเองชอบแบบไหน หรือคนจะมาเป็นเมียต้องเป็นยังไง นิสัยใจคอเข้ากันได้มากน้อยแค่ไหน พื้นเพทางบ้านต้องทัดเทียมกันหรือไม่ เพราะเรื่องหัวใจเรื่องความรักเขามองว่ามันไม่เข้าใครออกใคร ถึงเวลาก็คงจะมาเอง
“นั่นในเวลางาน แต่พอเลิกงานเราก็พาไปกินข้าว ไปส่งบ้านบ้างสิ จะได้คุ้นเคยกันไว้ ผู้หญิงดีๆ อย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะแม่จะบอกให้” ผู้แม่ไม่ยอมแพ้ แต่ลูกกลับกรอกตาไปมาด้วยความรำคาญนิดๆ
“ครับผม งั้นพรุ่งนี้ผมจะขับรถไปรับและส่งให้เลยดีมั้ยครับ หรือต้องรอกินข้าวที่บ้านคุณน้านารถไปด้วยเลยดึกๆ ค่อยกับ หรือจะกลับเช้าดีล่ะครับ”
เลยประชดแม่หน่อยๆ และอยากให้เวลาสามเดือนผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะออกจะเบื่อนิดๆ กับการต้องคอยตอบคำถามแม่เกี่ยวกับเด็กหัวอ่อนเรียบร้อย ที่บางทีงอนกับแม่ด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังต้องมานั่งปรึกษาเขาว่าจะต้องทำยังไง
เผลอๆ ก็ร้องห่มร้องไห้จนต้องนั่งปลอบใจกันเป็นชั่วโมงๆ นี่ถ้าไม่เพราะสวยเพราะน่ารักน่าทะนุถนอมล่ะก็ เขาไม่หวังได้เผ่นหรือโยนภาระนี้ให้พ่อกับเลขาเอาไปจัดการเป็นแน่
“อย่ามาทำปากดีหน่อยเลยเราน่ะ ทำเป็นประมาทไป การหาเมียดีๆ ไม่ใช่ผู้ชายหน้าไหนจะทำได้นะ และไม่ใช่ใครๆ จะโชคดีเหมือนที่พ่อเราได้แม่มาเป็นเมียด้วย” จิรเดชปรายตามองภรรยาอย่างตำหนิน้อยๆ ขำนิดๆ เอือมหน่อยๆ แต่มีหรือคนถูกมองจะสะทกสะท้าน
“อย่ามามองฉันแบบนี้นะคุณเดช ไม่ช่วยลูกแล้วก็ไม่ต้องมาขวาง” แถมดุใส่อีกต่างหาก
“เฮ้อ!!! ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรก็ถูกดักคอไว้ซะแล้ว จำไว้นะตาจิณ ถ้าจะหาสะใภ้ให้ถูกใจแม่เรา ต้องเลือกแบบนี้” คนพูดปรายตาไปทางภรรยาด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก ทำเอาจิณณวัตรหัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องมาหัวเราะกลบความผิดเลยนะตาจิณ บอกมาดีๆ ว่าเมื่อคืนหอบแม่นั่นไปไหน แม่เห็นมองๆ กันตั้งแต่ไปดูน้องซ้อมเดินวันแรกๆ แล้วนี่ บอกมาไม่งั้นมีเรื่อง”
“โธ่!!! คุณแม่ครับ ผมยังไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้กับผู้หญิงคนไหนหรอกครับ เพราะอยู่ในช่วงสรรหาอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกครับว่าผมจะคว้าคนไม่ดีมาให้ รับรองว่าถ้าเจอคนตรงใจ ผมจะรีบพามากราบคุณแม่เป็นเรื่องแรกเลยครับ”
“ก็ดี แต่อย่าลืมใส่น้องเนมไว้ในรายชื่ออันดับต้นๆ ของเราด้วย”
เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของลูกชาย แม่ค่อยเบาใจลงมาหน่อย สายตาก็เหลือบไปเห็นเลขาสาวกำลังจะเดินผ่านห้องอาหารไป จึงรีบกวักมือเรียกในทันที
“มาแล้วเหรอตะวัน กินอะไรหรือยัง มานั่งกินด้วยกันสิ” คนถูกเชิญเดินเข้ามาตามคำสั่งพร้อมกับยกมือไหว้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาวัชราเวโรจน์แล้ว
“ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงยังไม่เห็นมา ฉันว่าจะให้คนโทรไปตามอยู่เชียว กลัวจะลืมงานที่ฉันสั่งไว้น่ะ ว่าแต่เมื่อคืนเป็นไงบ้าง กลับกันกี่โมงกี่ยามล่ะ”
มีหลายครั้งที่อาทิตยาจะนั่งรายงานเจ้านายควบคู่กับการจิบกาแฟและกินของในจานนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น แต่เช้านี้รู้สึกเหนื่อยและหิวโซเต็มที อีกทั้งลืมตาตื่นมาก็รีบวิ่งอาบน้ำแต่งตัวกลัวจะมาช้า คราวนี้เลยรายงานไปกินอย่างจริงจังไป เจ้านายก็ซักไปเรื่อยๆ จนจิรเดชอดสงสารไม่ได้ จึงหันไปเตือนภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ให้ตะวันกินอิ่มก่อนค่อยถามก็ได้หรอกคุณ วันนี้อยู่นี่ทั้งวัน”
“แม่ตะวันอยู่แต่ฉันกับยัยแอ๊ฟจะไม่ได้อยู่น่ะสิ เพราะต้องไปขัดเนื้อขัดตัวเต็มครอส ผิวจะได้เนียนๆ เวลาถ่ายรูปออกมาจะได้สวยๆ ผู้ชายอย่างคุณจะไปรู้อะไร แค่เห็นเมียกับลูกบนหน้าปกออกมาสวยๆ ก็พอใจแล้ว แต่ไม่ได้คิดเลยว่ากว่าจะออกมาสวยได้ขนาดนั้นฉันต้องไปนั่งขัดนอนขัดตัวเกือบจะทั้งวัน”
นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังหันไปแหวใส่สามีคำรบสองอีก แถมดึงเรื่องอื่นมาสวดซ้ำสวดซ้อน กระทั่งกินอิ่มและเดินออกไป ห้องอาหารถึงได้เงียบลง จิณณวัตรกลั้นขำกับอาการนิ่งอึ้งของพ่อไม่อยู่เลยปล่อยก๊ากออกมา เพราะไม่ค่อยจะได้เห็นอาการแบบนี้บ่อยครั้งนัก
ส่วนน้องๆ กับอาทิตยากลับกินเฉย และเห็นถือเป็นเรื่องธรรมดาๆ จนชาชินแล้ว แถมไม่กล้ามีใครขัดใจด้วย นับตั้งแต่เริ่มชมจันทร์ป่วยเป็นโรคหัวใจเมื่อหลายปีก่อน เลยได้ใจใหญ่ จะเสกจะสั่งใครก็มักจะได้ตามนั้นจนกลายเป็นนิสัยเอาแต่ใจขึ้นมาอีกอย่างเข้าไปแล้ว
“ขำเข้า! แกไม่ได้เมียเหมือนฉันบ้างให้มันรู้ไป” ผู้พ่อทำเสียงเครียดใส่แต่ไม่จริงจังมากนัก
“โอ๊ย!!! ไม่มีทางครับ คนจะเป็นเมียผมต้องพูดเพราะๆ หวานๆ ว่านอนสอนง่าย บอกหันไปทางไหนก็ต้องได้อย่างนั้น ให้ใส่ชุดไหนให้ทำอะไรจะต้องได้ตามสั่ง ประเภทจะมาเป็นเมียและแม่ในเวลาเดียวกัน ผมไม่เอามาทำพันธุ์เด็ดขาด”
คนเป็นลูกออกท่าทีจริงจังขึ้นมา ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาด้วยความขำ ยกเว้นอาทิตยาที่อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากด้วยซ้ำ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย เพราะคิดว่าคุณชายเนี๊ยบคงได้อยู่เป็นโสดไปตลอดชาติแน่ ผู้หญิงอย่างว่าน่ะคงหาได้หรอกในสมัยนี้ แล้วก็รีบขอตัวไปทำงานแม้จะยังไม่อิ่มก็ตาม
โดยไม่ทันได้สังเกตว่าสายตาคมจับจ้องมองเห็นรอยยิ้มกวนประสาทของเจ้าหล่อนโดยบังเอิญ พอทุกคนไม่อยู่บ้านเขาจึงได้ทีเดินไปห้องทำงานแล้วยืนเอาไหล่พิงขอบประตู จ้องมองยัยหัวถั่วงอก ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหัวจุกแทน และกำลังวุ่นกับเอกสารประหนึ่งเป็นงานสำคัญซะเต็มประดา กับอีกแค่งานบ้านๆ จะมีอะไรให้ทำนักหนา
“คุณว่าผมจะหาผู้หญิงอย่างนั้นไม่ได้เหรอ เห็นยิ้มเยาะเย้ยใหญ่เลย”
คนถูกถามสะดุ้งน้อยๆ เพราะไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ พอตั้งสติได้ก็จ้องมองเขาด้วยท่าทียียวน ตามด้วยประโยคกวนประสาท เพราะอดรนทนไม่ได้เมื่อเขาไม่ยอมเลิกรา ต้องดิ้นมาหาเรื่องถึงที่
“เปล๊า!!! คุณออกจะเพอร์เฟค คงจะมีผู้หญิงเป็นร้อยเรียงแถวมาให้คุณจีบล่ะมั้งคะ ประเภทสวยใสไร้สมอง สั่งหันซ้ายหันขวา เดินหน้าถอยหลัง นั่งนอนเป็นเวลาอย่างนี้มีเยอะแยะขอให้เงินถึงก็พอ”
“รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่าล่ะ”
ชายหนุ่มเดินมานั่งบนโต๊ะทำงานด้วยสายตาท่าทียียวนกวนประสาทไม่แพ้กัน แถมด้วยคำถามที่คนฟังอยากจะสำรอกมื้อเช้าออกมาด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ได้ทำ นอกจากใช้เท้าถีบพื้นให้ตัวไถลไปพร้อมกับเก้าอี้ล้อเลื่อน จะได้ออกห่างๆ เขาหน่อยและจะได้มองหน้าเขาชัดๆ
“ฉันดูเป็นผู้หญิงสวยใสไร้สมองในสายตาคุณมากเหรอคะ ถึงได้มาถามฉัน” จิณณวัตรยักไหล่ขึ้นอย่างไม่แยแส ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมาด้วยความขำ เมื่อภาพในอดีตมันลอยมาอยู่ตรงหน้า
“อืม!! ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่คุณเข้าข่ายนั้นเลยนะ แต่ไม่สวยไม่ใส มีแค่คุณสมบัติอย่างหลังน่ะ”
อาทิตยาผุดลุกจากเก้าอี้ทันที แล้วจ้องมองเขาตาขวาง เมื่อคิดถึงงูสีทองๆ อันน่าสยดสยอง คิดถึงตัวเองว่ายน้ำจะจมแหล่ไม่จมแหล่อยู่ในสระ และคิดถึงบ่อหมักเหม็นๆ ที่ตัวเองถูกผลักลงไปขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นเลยสักสิด และมันก็ทำให้ความโกรธเกลียดในตัวคนเป็นต้นเหตุผุดขึ้นมารวดเร็วอย่างช่วยไม่ได้ด้วย
แต่เพราะความใจเย็น และตัวเองโตขึ้นมากแล้ว บวกกับเขาคือลูกเจ้านาย ทำให้ไม่อยากจะขุดคุ้ยเรื่องเก่าออกมาเล่าใหม่ ร่างผอมบางจึงก้าวผ่านเขาไปหมายจะออกจากห้องให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่นึกสนุกขึ้นมา เลยแกล้งเหยียดขายาวๆ ไปขวางทาง
“อุ๊ย!!!”
จนร่างบางเสียหลักเซไปไม่เป็นท่า ทว่าเขาก็รวดเร็วมากพอที่จะรีบคว้าเอาไว้ไม่ให้เจ้าหล่อนล้ม เป็นเหตุให้จมูกโด่งได้ชนกับแก้มนุ่ม แขนแข็งแรงได้กอดร่างนิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมกอดไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก แม้อีกคนจะตั้งหลักและยืนด้วยตัวเองได้แล้วก็ตามที
“ปล่อยสิ!!”
จนต้องรีบดันอกเขาออกห่าง ด้วยหวาดหวั่นว่าจะมีใครมาเห็น แต่อีกคนอยากจะแกล้งเจ้าของสีหน้าตื่นตระหนกเล่นให้หายซ่าส์ซะบ้าง จึงแกล้งกอดไว้อย่างนั้น และกอดแน่นกว่าเดิมเมื่อเจ้าหล่อนดิ้นรน แล้วยังส่งสีหน้ายียวนกวนประสาทไปหาพร้อมกับน้ำเสียงนุ่มนวล ด้วยประโยคเย้าแหย่
“อะไรกันคุณ ผมรึก็อุตส่าห์ช่วยรับไว้ไม่ให้คุณล้ม นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้ว ยังจะมามองตาขวางอีก ยัยถั่วงอกเอ้ย”
“คุณจิณ!!! หยุดเรียกฉันแบบนี้นะ ปล่อย!!!”
เจ้าของร่างบอบบางพยายามจะดิ้นรน เพราะโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อได้ยินสรรพนามของตัวเองหลุดออกมาอีก หลังจากไม่เคยแว่วเข้าหูมาเป็นสิบปีแล้ว แถมเขาก็ยังรัดวงแขนแน่นเข้าอีกเมื่อคนในอ้อมกอดดิ้นหนักขึ้น
“คุณตะวันคะ!!!” จำได้ดีว่าเป็นเสียงผ่อนที่ดังมาจากทางห้องรับแขกและคงกำลังจะตรงมาหาแน่
“ปล่อย!!!” อาทิตยาดิ้นรนออกจากวงแขนเขาได้สำเร็จเมื่อฮึดสู้แรงหนักกว่าเดิม แต่หารู้ไม่ว่าเขาเองก็ผ่อนแรงลงไปเกินครึ่ง และยิ้มด้วยความขำตามร่างบอบบางที่ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรคะป้า” และถามผ่อนด้วยสีหน้าตื่นๆ พร้อมกับคว้าแขนผ่อนให้เดินกับทางเดิม ด้วยไม่อยากให้เห็นว่ามีอีกคนอยู่ในห้องนั่นเอง
“อ้อ! ป้าจะมาถามว่าให้เอาแจกันอันไหนออกมาเช็ดบ้างคะ”
“งั้นตะวันจะพาไปเลือกค่ะ”
อาทิตยาจึงจูงมือผ่อนเดินไปยังห้องเก็บของที่มีแหม่มรออยู่ก่อนแล้ว แม้ใจจะโกรธอยู่บ้าง แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์แล้วทำงานตามปกติ เพราะต้องคอยดูแลความเรียบร้อยของบ้านทุกมุม แถมจะต้องให้แหม่มเอาแจกันอันใหม่ราคาแพงลิบลับมาแทนของเก่าให้สวยงาม ดอกไม้ก็ต้องจัดใหม่และต้องเป็นดอกไม้สด แถมจะต้องมีแจกันตั้งไว้เกือบจะทุกมุมบ้านก็ว่าได้
กว่าจะเสร็จงานก็ค่ำมืด วันรุ่งขึ้นก็ต้องมาแต่เช้ากว่าปกติ เพราะทีมงานถ่ายทำจะมาเช้าเช่นกัน ในครัวก็ต้องวิ่งวุ่นเตรียมมื้อเช้าไว้ต้อนรับ ตามด้วยมื้อเที่ยงเผลอๆ จะต้องมีเย็นเพิ่มเข้าไปอีกหากงานเสร็จช้า ถึงไม่ช้าคนเป็นเจ้านายก็ต้องโชว์ความใจป้ำเอ่ยปากชวนทุกคนอยู่ร่วมโต๊ะอยู่ดี
บ้านค่อยสงบลงหน่อยเมื่อทีมงานยกขบวนออกไปถ่าย ตรงเรือนกล้วยไม้ หลังมื้อเช้าเสร็จสิ้นลง อาทิตยาค่อยมีเวลากลับมานั่งตรวจบัญชีของห้องเสื้อ สปา ร้านเจวเวอร์รี ปกติจะต้องไปนั่งทำที่ร้านเพื่อจะได้ถามพนักงานถ้ารายการไหนไม่เข้าใจหรือไม่ชอบมาพากล แต่วันนี้ต้องหอบมาทำในห้อง เพราะรู้ดีว่าเจ้านายจะต้องเรียกใช้ทำนั่นนี่ไม่มีเว้น
“พี่ตะวันคะ คุณผู้หญิงบอกให้เขียนเช็คเงินทำบุญผ้าป่าสามัคคีไปให้เซ็นค่ะ”
นั่นประไร ยังไม่ทันข้ามวันก็เปหนักแล้ว สามแสนบาทคือตัวเลขในเช็ค ‘โจ้’ เจ้าของนิติยสารที่ลุงทุนมานั่งควบคุมทีมงานยิ้มรับด้วยใบหน้าปรีดา อาทิตยารีบผละออกจากเจ้านายเพราะไม่ใคร่ชอบอยู่ใกล้คน ที่มักจะขับเคลื่อนกิจการด้วยการรีดไถเงินนัก แล้วหยุดยืนมองไปยังทีมงานกำลังวุ่นจัดแสงจัดฉากอยู่หน้าประตูแทน
“อย่าบอกนะว่ายัยถั่วงอกอย่างคุณอยากจะขึ้นปกกะเขาด้วย”
จิณณวัตรส่งเสียงมาจากเบื้องหลังปนด้วยท่าทีขำน้อยๆ มาด้วย อาทิตยาหันกลับไปมองแถมส่งสายตาเป็นคำถามว่าที่พูดมานี่ใช่ปากเขาหรือเปล่า แต่ไม่ได้เปล่งคำนั้นออกมาหากเป็นคำอื่นแทน
“ถ้าจะต้องแลกด้วยการเซ็นเช็คสามแสน ตามด้วยคนรับใช้ต้องลุกขึ้นมาจัดบ้านยกใหญ่ ใช้ดอกไม้เป็นพันๆ ดอก และต้องไปนอนขัดตัวนวดตัวเป็นวันๆ ฉันว่าอยู่นอกปกจะมีความสุขกว่านะคะ”
แถมเป็นคำทิ่มแทงคนฟังให้เจ็บหนึบไม่น้อย สิ้นคำร่างผอมบางก็เดินกลับเข้าห้องทำงานโดยไม่สนใจจะหันมามองร่างสูงใหญ่เลยสักนิด แต่เขาก็เดินตามไปติดๆ ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะแกล้งเจ้าหล่อนนัก หรืออาจจะเป็นเพราะคิดถึงสมัยเด็กๆ อันนี้เขาก็วิเคราะห์ไม่ออกเอาเสียเลย
“ถ้าคุณอยากจะลงปกจริงๆ ผมเป็นเจ้ามือให้ก็ได้นะ เอาทุกแม็กกาซีนในเมืองไทยเลยก็ได้นะ”
“เก็บเอาไว้จ่ายให้แฟนนางแบบคุณเถอะค่ะ พวกสวยใสไร้สมองของคุณจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าฉันเป็นไหนๆ หรือไม่คุณก็เอาเงินไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กยากจนเด็กขาดโอกาสเด็กกำพร้าคงจะได้บุญได้ประโยชน์มากกว่ามั้งคะ เผื่อมันจะทำให้คนร่ำรวยและอยู่กับความสิวิไลอย่างคุณเห็นอกเห็นใจคนไม่มีจะกินบ้าง”
ปากเหน็มแนมส่วนสองขารีบก้าวหนีเร็วกว่าเดิม และอยากจะปิดประตูห้องใส่หน้าเหลือเขากำลัง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นลูกเจ้านาย และนั่นก็คือสิทธิ์พิเศษจนเขารีบก้าวยาวๆ ไปขวางหน้าเจ้าหล่อนไว้ เมื่อไม่เข้าใจว่าคำเย้าแหย่ของเขาไม่กี่คำทำไมเจ้าหล่อนจะต้องหัวเสียด้วย
“ผมก็แค่แหย่เล่นๆ ทำไมยัยถั่วงอกอย่างคุณจะต้องจริงจังไปทุกเรื่องด้วย”
“เพราะฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันโตแล้วเห็นอะไรมาก็มากแล้ว ถึงเรื่องในอดีตฉันก็ไม่เคยจะลืมก็เถอะ คุณเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรจะมองอะไรเป็นเรื่องเล่นๆ ไปหมด โดยเฉพาะปมด้อยของคนอื่นคุณไม่ควรจะเอามาล้ออีก”
ด้วยเหลืออดกับฉายาในวัยเด็กที่เขาไม่เคยคิดจะหยุดเรียกสักที จึงจำเป็นต้องเตือนด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังโจ่งแจ้งให้ได้รู้ว่าไม่ชอบใจเอามากๆ จิณณวัตรจ้องมองเจ้าของดวงหน้าบึ้งตึงด้วยสายตาล้อเลียน ควบคู่กับการจ้องมองเรือนร่างสมส่วนได้รูปเว้าโค้ง ขณะเดินกอดอกมองสำรวจรอบตัวสาวเจ้าอย่างจงใจ เมื่อนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมาอีกวาระ
“อื้ห์ม!!! ยัยถั่วงอกโตแล้วจริงๆ ด้วย ผมฟูๆ เมื่อก่อนก็ไม่มีแล้ว เหลือแต่ผมตรงๆ นิ่มๆ ฟันก็ไม่มีเหล็กครอบแล้ว ถึงได้เรียงกันสวยขนาดนี้ ตัวผอมๆ เหมือนไม้เสียบผีก็กลายเป็นอวบอั๋นแล้ว คิ้วดกๆ หนาๆ ก็โก่งโค้งสวยแล้ว ว่าแต่แก้มตุ๊บป๋องๆ เวลางอนๆ นี่ จะหอมเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่าน้า” สิ้นคำเขากฌฉกลงไปหอมอย่างรวดเร็ว
“อุ๊ย!!!”
จนเจ้าของแก้มตั้งตัวไม่ทันแถมไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ด้วย ตั้งสติได้เขาก็โกยแน่บออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วแล้ว โกรธจนไม่รู้จะทำอะไรได้นอกจากมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยสายตาดุดันกว่าเดิม มือก็ยกขึ้นเช็ดแก้มออกอย่างรวดเร็ว ภาพในอดีตเวลาถูกเขาแกล้งด้วยการขโมยหอมแก้มก็ผุดขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว
และนั่นยิ่งทวีความไม่ชอบคุณชายเนี๊ยบขึ้นเรื่อยๆ แม้จะทำใจเป็นกลางไว้แล้วก็ตาม ความโกรธในการกระทำของเขา ทำให้อยากจะหนีกลับบ้านเอาดื้อๆ แต่เพราะยังมีงานค้ำคออยู่ จึงพยายามสงบสติอารมณ์แล้วกลับไปหาการตรวจเอกสารอยู่หลายชั่วโมง
กระทั่งผ่อนเดินเข้ามาถามว่าจะให้ตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงตรงไหน ถึงได้ออกมาดูความเรียบร้อย และสั่งให้จัดไว้ห้องอาหารใหญ่เหมือนทุกวันเพราะมีแอร์ ด้วยคาดเดาว่าเจ้านายและทีมงานน่าจะร้อนไม่น้อย สังเกตจากแดดข้างนอกแล้ว ก็อดขำเจ้านายไม่ได้ที่ยังทนร้อนได้มาตั้งครึ่งวันแล้ว
“ตามสบายนะคะ อยากทานจานไหนก็ตักได้เลยค่ะ ฝีมือแม่ครัวบ้านนี้เชฟบางโรงแรมยังชิดซ้ายนะคะ”
ชมจันทร์ในชุดสวยหรู กับใบหน้าที่แต่งเข้มมากผิดปกติ รีบเดินนำทีมงานเข้ามาในเวลาใกล้บ่ายโมงแล้ว ก็พบกับอาหารจัดวางไว้เรียบร้อย โดยมีอาทิตยากับผ่อนยืนอยู่ไม่ห่าง จิณณวัตรก็ลงมาร่วมด้วยเพราะเริ่มหิว หรืออีกนัยคืออยากจะเห็นหน้ายัยถั่วงอกมากกว่าว่าจะเป็นยังไงหลังจากถูกเขาย้อนรอยขโมยหอมแก้มเหมือนตอนเด็กๆ อีก
เขาเผลอยิ้มออกมาด้วยความขำเมื่อเห็นหน้าเจ้าหล่อนเชิดขึ้นแถมมองไปทางอื่น เวลาเขาจ้องมองด้วยสายตายียวนกวนประสาท แต่ก็เป็นแค่แว๊บเดียวเพราะคนในห้องมีเยอะ เขาจึงหยุดแกล้งเจ้าหล่อนแล้วเดินเลือกอาหารที่ตัวเองชอบตักใส่จานด้วยท่าทีปกติ
“สวัสดีค่ะพี่โจ้ ไม่ทราบว่าริซ่ามาช่วยงานช้าไปหรือเปล่าคะ”
ยังไม่ทันจะได้นั่งเลย ก็มีเสียงเจื้อยแจ้วดังมา ก่อนจะเห็นนางแบบสาวกางเกงยีนส์สีซีดขาสั้น กับเสื้อกล้ามตัวเล็กเดินสะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่เดิมยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาอย่างไม่มีใครเชื้อเชิญ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านอย่างชมจันทร์
“อุ๊ยตายจริง!!! โจ้ลืมบอกคุณเอ้ไปน่ะค่ะว่าชวนน้องริซ่ามาช่วยสอนการโพสต์ท่าเก๋ๆ ให้ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยเรื่องงานเลยนะคะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง โจ้หิวจนไส้กิ่วแล้วล่ะค่ะ ตามสบายเลยนะทุกคน บ้านนี้เจ้าของบ้านใจดีทำอาหารดีๆ แพงๆ และอร่อยๆ ให้เราเยอะแยะเลย บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่ใช่บ้านคุณเอ้กับคุณแอ๊ฟไม่มีทางจะได้แต่ของพวกนี้แน่ ส่วนใหญ่จะเจอแต่ข้าวกล่องกับเมนูสิ้นคิดตลอด”
โจ้รีบแก้ไขสถานะการณ์อย่างรวดเร็ว แม้เจ้าของบ้านจะไม่ชอบใจอยู่มากกับแขกไม่ได้เชิญ แต่เมื่อมีคำชื่นชมห้อยท้ายตามมาด้วย ก็ยิ้มร่าเริงออกมาได้แล้ว ผิดกับจิรนันท์ยังหน้าบึ้งไม่หาย เมื่อเจอคนไม่เข้าตามาร่วมโต๊ะด้วย แถมเจ้าหล่อนก็กระแดะไปนั่งใกล้กับพี่ชายอีกต่างหากยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้อย่างแรง
“คราวหน้าโจ้ขอจองคิวคุณจิณขึ้นปกบ้างนะคะ คนอะไรหล่อเป็นบ้าเลย คุณเอ้นะคุณเอ้ มีลูกชายหล่อขนาดนี้ทำเป็นหวงไม่ยอมให้เราเห็น อย่างนี้ต้องแกล้งด้วยการเอาไปถ่ายปกร่วมกับสาวๆ สักสิบ ว่าไหมน้องริซ่าขา”
คนพูดจีบปากจีบคอจนออกแนวแต๋วแตกมาให้เห็น แถมส่งสายตามันวาวไปหาจิณณวัตรที่กำลังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษตักอาหารให้แม่และสาวที่นั่งข้างๆ พร้อมกับคอยส่งคำขอบคุณนุ่มๆ สายตาหวานๆ ให้เขาไม่ว่างเว้น จนอาทิตยา อยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ และทรุดตัวลงนั่งกินตามคำสั่งเจ้านายอย่างเสียไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใจนั้นอยากจะไปนั่งกินกับคนในบ้านหลังครัวมากกว่า
“แล้วตกลงคุณเอ้จะให้น้องแอ๊ฟลงสมัครประกวดซุปเปอร์โมเดลจริงๆ เหรอคะ โจ้ว่าไม่เห็นจำเป็นเลย น้องทั้งสวยทั้งน่ารัก อีกหน่อยก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ อย่างน้อยๆ ก็มาจากห้องเสื้อโจ้ไงคะ ไม่เห็นต้องไปแข่งขันกับชาวบ้านให้เมื่อยเลย”
เจ้าเก่าจีบปากจีบคอพูดระหว่างนั่งเปิบข้าวเข้าปาก ชมจันทร์รีบยิ้มร่าออกมา เพราะรู้ดีว่าโจ้จะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอยู่แล้ว และแน่นอนว่าวันนี้คงจะได้โอกาสพูดคุยเรื่องงานการกุศลอีกหลายงานที่รอเม็ดเงินสนับสนุนจากคนมีอันจะกิน เพื่อแลกกับชัยชนะให้ลูกสาว
“ไม่ได้หรอกค่ะ เวทีนี้จะช่วยลบคำครหาให้ยัยแอ๊ฟ ว่าเป็นนางแบบเพราะบารมีแม่ไงคะ ก็ไม่ซีเรียสหรอกค่ะลงประกวดเล่นๆ ได้ก็ถือว่ากำไร ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็อย่างคุณโจ้บอกนั่นล่ะค่ะว่ามีงานรอให้ยัยแอ๊ฟถ่ายอยู่เรื่อยๆ โดยไม่เดือดร้อน หรือไม่มี เอ้ก็ไม่ซีเรียสหรอกค่ะ ลูกสาวคนเดียวเลี้ยงได้สบายมาก”
คนรักษาหน้าอย่างชมจันทร์จะเผยไต๋ให้ใครรู้ได้แน่ จึงรีบส่งประโยคยืดยาวเพื่อทำให้ตัวเองดูขาวสะอาดอย่างไม่มีที่ติทันที แต่หารู้ไม่ว่าเกือบทุกคนในห้องไม่มีใครเชื่อ รวมทั้งอาทิตยาด้วยที่ระเหี่ยใจกับน้ำคำของเจ้านาย ซึ่งมักจะสวนทางกับการกระทำเป็นเนืองนิจ
“แต่ถ้าคิดได้แบบนี้ก็ดีนะคะคุณเอ้ ยังไงโจ้จะเอาใจช่วยนะคะ น้องริซ่าก็ช่วยๆ สอนน้องแอ๊ฟด้วยนะ ในฐานะคนมีประสบการณ์ เรามันก็คงในวงการเดียวกัน ถึงน้องยังใหม่อยู่มากแต่อีกไม่นานก็คงจะเก่งเหมือนรุ่นพี่แล้ว ยิ่งได้น้องริซ่าเป็นคนคอยหนุนหลังให้รับรองไม่พลาดแน่ค่ะคุณเอ้ขา”
โจ้ปรายตาไปหานางแบบสาวที่กำลังหันไปจ้องมองจิณณวัตรด้วยสายตาหวานฉ่ำ จนไม่ทันได้ฟังคนข้างๆ พูดอะไร โจ้ถึงกับแอบส่งเท้าไปสะกิดเท้าอยู่ใต้โต๊ะในทันที
“เอ่อ! ไม่มีปัญหาค่ะพี่โจ้ขา รับรองว่าริซ่าจะช่วยสอนทุกอย่างให้น้องแอ๊ฟค่ะ ก็น้องแอ๊ฟทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนี้ใครจะไม่ช่วยได้ลงคอคะ จริงมั้ยคะคุณจิณขา”
“เอ่อ! คงจะอย่างงั้นมั้งครับ”
อาทิตยาแทบจะทนฟังทั้งสามสี่คนใส่หน้ากากเข้าหากันไม่ได้ ด้วยรู้ดีแก่ใจแล้วว่านางแบบสาวกับลูกเจ้านายหาได้ญาติดีกันไม่ มิหนำซ้ำยังไม่เคยมองหน้ากันด้วยซ้ำ แต่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่วันนี้กลับฉีกยิ้มให้กันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาหารในจานพร่องไปไม่ถึงครึ่ง เลขาสาวจึงทำเป็นอิ่มและขอตัวกลับไปทำงานต่อเอาดื้อๆ



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2557, 22:13:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2557, 22:13:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1410





<< เงินกับชื่อเสียง   จอมเรียกร้องอีกแล้ว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account