เมียทาสสวาท
ขาอาฆาตแค้น ชิงชัง และมุ่งหวังที่จะทำลายชีวิตเธอ
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!

Tags: เศร้า รันทด พระเอกโหด

ตอน: เพชรในมือที่หลุดลอย

“อ้าว! คุณหญิง จะไปทำงานเลยเหรอจ้ะ ไม่กินอะไรก่อนล่ะ”
จันทภาที่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตด้วยการลงมาดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านนับตั้งแต่พิรุณญาจากไปแล้ว พอเห็นสะใภ้วิ่งลงบันไดมาก็ร้องถาม ส่วนคนที่อยู่ในชุดทำงานเรียบหรูและดูดีก็หันมาหาแม่สามี ขณะรอให้เด็กรับใช้ไปหยิบรองเท้ามาให้ก่อนตอบ
“หญิงรีบค่ะคุณแม่ นัดกับท่านพ่อกับพี่ชายไว้จะบรี๊ฟเรื่องงานแต่เช้า ก่อนเข้าประชุมค่ะ”
และทันทีที่ใส่รองเท้าเสร็จก็วิ่งฉับๆ ออกบ้านไป โดยไม่ได้สนใจหันมาหาสามีที่กำลังเดินลงมาพร้อมพ่อแต่อย่างใด เพชรกล้าเพียงแค่มองตามแผ่นหลังภรรยาแต่ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากเดินเข้าห้องอาหารไปหาผู้เป็นแม่ แต่เขาก็แทบอยากจะเดินกลับออกมา เมื่อวันนี้รู้สึกอยากกินข้าวต้มทะเลร้อนๆ อร่อยๆ แต่กลับได้ขนมปังไข่ดาวแทน และไข่แดงก็ไม่สุกด้วย ซึ่งเขาจะไม่ชอบกินเลย ขนมปังก็ไม่ใช่ชนิดโฮลวีท กาแฟก็ไม่ใช่ยีห้อหรือรสชาติที่เขาเคยชื่นชอบ
ผลไม้บนโต๊ะก็ไม่มี หรือถ้าบางวันจะมีก็หั่นเป็นชิ้นทื่อๆ ไม่มีการสลักเสลาหรือเอาเม็ดออกเหมือนเมื่อก่อนเลย ชิ้นใหญ่เกินไปบ้างเล็กเกินไปบ้าง ถ้ามีแตงโมก็จะมีซ้ำๆ กันกว่าแตงลูกนั้นจะหมดไปกระมัง ถึงจะมีอย่างอื่นมาตั้งโต๊ะแทน มันทำให้เขาคิดถึงคนที่เคยทำหน้าที่เหล่านี้ให้ ชนิดไม่ขาดตกบกพร่องอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเธอทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีได้สมบูรณ์แบบที่สุดในความคิดเขา
แปลกแต่จริงที่ตอนกลับจากเมืองนอกใหม่ๆ เขาไม่เคยสังเกตเห็นความสมบูรณ์ในการกระทำของเธอเลยสักนิด เพราะเอาแต่หาเรื่องดุด่าว่ากล่าวหรือกลั่นแกล้งแบบไม่ลืมหูลืมตา มาเริ่มสังเกตเห็นก็ตอนที่ได้เธอมาเป็นเมียทางพฤตินัยแล้วเท่านั้น และเขาก็เริ่มเห็นความดีของเธอขึ้นมาเรื่อยๆๆ จวบจนวันนี้ วันที่เขาเห็นทุกอย่างที่เธอเคยทำมาได้อย่างชัดแจ้งแดงแจ๋ แต่ดูเหมือนมันจะสายไปแล้วสำหรับการมองเห็น
ดังเช่นคำที่คนเขามักจะพูดกันว่า ‘คนเราจะรู้ค่าของสิ่งนั้นก็ต่อเมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว’ เขาเพิ่งรู้สึกว่าได้ทำเพชรน้ำงามเม็ดหนึ่งหลุดลอยไปจากมือ เพราะเขามัวแต่จับโยนเล่น ปาเล่น เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งความอดทน จนไม่รู้ว่าเพชรเม็ดนั้นไปตกหล่นอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับคืนมาไว้ในครอบคองอีกบ้างไหม เพชรกล้าต้องวางถ้วยลงจากมืออย่างแรง แล้วลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“เพชรอิ่มแล้วเหรอนั่น” ผู้เป็นแม่ยังชงกาแฟไม่เสร็จด้วยซ้ำ แต่กลับเห็นลูกอิ่มแล้วทั้งที่ของในจานยังเหลือเต็มอยู่
“ครับแม่ งั้นผมไปนะครับ เจอกันในห้องประชุมนะครับพ่อ”
สิ้นคำเขาก็ออกจากบ้านไปโดยเร็วด้วยอาการหงุดหงิดอย่างไม่เคยมีมาก่อน เข้าประชุมก็ดูเหมือนมีแต่คนพูดไม่เข้าหู ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็นำมาเป็นเรื่อง ไม่รู้จักแก้ไขปัญหาเองต้องคอยเอามาฟ้องเอามาเถียงกันในห้องประชุมเหมือนเด็กๆ เลขาที่เคยรู้งานก็ดูจะเง๊อะง๊ะขึ้นทุกวัน อาหารเที่ยงที่สั่งมานั่งกินในห้องทำงานที่เคยมีรสชาติพอกินได้ แต่วันนี้ทำเอาเขาเกือบจะกระเดือกไม่ลง พาลไปคิดถึงรสมือของเมียทางพฤตินัยอย่างช่วยไม่ได้อีก
ตกบ่ายก็พยัยามไม่คิดมาก แต่พอนั่งทำงานก็ไม่มีสมาธิเอาเสียดื้อๆ รู้สึกอะไรต่อมิอะไรมันขวางหูขวางตาไปหมด และยิ่งอารมณ์บูดเพิ่มเข้าไปอีก เมื่อบ่ายแก่ๆ ภรรยาโทรมาบอกว่าจะกลับดึก นับตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาจำได้ว่ามีน้อยครั้งเต็มที ที่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามประสาผัวเมีย ไม่เขาหรือไม่ก็เมียที่จะต้องมีธุระปะปังไปอยู่เนืองนิจ จนบางครั้งเขาอยากจะให้เมียเลิกทำงานแล้วอยู่บ้านเฉยๆ นั่งรอคอยปรนนิบัติเขาเวลากลับบ้านเหนื่อยๆ จากงานมากกว่า แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่เมียจะเสียสละสิ่งนี้ให้เขาได้ เพราะต้องดูแลกิจการอย่างแข็งขัน เมื่อผู้เป็นพี่ชายผันตัวเองไปเป็นชาวไร่ เกือบจะเต็มตัวนับหลายเดือนแล้ว
“อะไรกันคะเพชร จู่ๆ จะให้หญิงมาเป็นแม่บ้าน ไม่เอาหรอกงานหญิงเยอะจะตายที่บ้านก็ไม่มีใครด้วย อีกอย่างหญิงไม่ใช่ผู้หญิงสมัยรอห้านะคะ จะได้แต่งเข้าบ้านแล้วไม่ให้ไปไหน ต้องนั่งรอปรนนิบัติพัดวีสามี แล้วนั่งตบตีกับเมียบ่าวเมียไพร่คอยแย่งคิวว่าสามีจะเข้าห้องไหนบ้านไหน หรือนั่งรอลุ้นว่าใครจะท้องก่อนใคร ใครจะมีลูกชายให้สามีเอาไว้สืบวงศ์สกุล แล้วถ้าคนในบ้านทำงานไม่ดี เพชรก็ให้คุณแม่ไล่ออกแล้วหาคนใหม่มาสิคะ จ้างแพงหน่อยก็คงจะได้คนเก่งคนสมบูรณ์แบบมาสักคนบ้างล่ะค่ะ”
เขาเชื่อแน่ว่าเขาจะหาใครมาทดแทนคนที่เขาเคยมีไม่ได้อีกแล้วอย่างแน่นอน คนที่มีหลายๆ อย่างรวมอยู่ในตัวคนคนเดียว ไม่ว่าจะเป็น คนสวน แม่ครัว แม่บ้าน นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด และที่สำคัญก็คือต้องทำหน้าที่เมียที่คอยให้ความสุขกับเขาได้ทุกเมื่อทุกเวลาด้วย แถมไม่เคยบ่นไม่เคยว่าไม่เคยด่าไม่เคยดุ และสวยสุดๆ จนไร้ที่ติด้วย ยิ่งคิดเขายิ่งคิดถึงเธอ ยิ่งเสียดายเธอ จนต้องรีบสลัดความคิดทั้งหมดทั้งมวลที่เกี่ยวกับเธอออกจากหัวให้หมดสิ้น
แล้วหันไปหางานตรงหน้าแทน แต่ก็ทำได้ยากเต็มที เขาจึงตัดสินใจรีบจรดปลายปากกาลงในเอกสารสำคัญที่ต้องใช้วันนี้จนเสร็จทุกใบ แล้วออกจากออฟฟิศไปทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน จุดหมายของเขาอยู่ที่บ้านเพื่อน เพื่อจะไปนั่งดื่มให้คลายเบื่อคลายเครียด แต่การจราจรบนท้องถนนก็ทำเอาเขาเครียดหนักกว่าเดิม จนแทบจะหมดอารมณ์ถึงกับอยากจะหักพวงมาลัยกลับบ้านไปก๊งคนเดียวแทนด้วยซ้ำ
ทว่าสายตาที่อิดโรยและเหนื่อยหน่ายกลับเบิกโพลงขึ้นในทันที เมื่อมองไปยังป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วเห็นเจ้าของดวงหน้าสวยใสที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันหามานับตั้งแต่คืนแรกที่ส่งตัวเข้าหอกระทั่งถึงวินาทีนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงไปมากกว่านั้นก็คือ ร่างผอมบางที่เขาเคยเห็น กลับดูอุ้ยอ้ายและอยู่ในชุดคลุมท้องแทน เขานั่งลุ้นว่าเมื่อไหร่รถจะคลานไปใกล้ๆ เธอสักที ส่วนสายตาก็จับจ้องอยู่กับคนท้องที่ยืนเฝ้าถุงข้าวของนับสิบที่วางอยู่กับฟุตบาธ อีกมือก็โบกแท็กซี่ควบคู่ไปด้วย
เพชรกล้าตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วรีบวิ่งตรงไปหาทันที แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว เพราะอีกคนกำลังรีบขนถุงสารพัดขึ้นหลังรถ แล้วเข้าไปนั่งด้วยท่วงท่าลำบากเพราะท้องเป็นอุปสรรคสำคัญ เขาพยัยามมองทะเบียนแท็กซี่คันนั้น แต่ก็มีคันอื่นแล่นมาบัง จะวิ่งตามไปอีกก็มีรถหลายๆ คันบีบแตร์ดังสนั่นหวั่นไหว ไล่รถของเขาที่จอดค้างเติ่งอยู่กลางถนน จนเขาต้องวิ่งกลับไปหารถแล้วขับออกไปตามทิศทางที่แท็กซี่พาเธอแล่นไป แม้จะรู้ว่าหมดหวังแล้วก็ตามที
แทนการไปบ้านเพื่อน ห้องกลับเป็นที่ที่เขาเดินไปล้มตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ด้วยความกลัดกลุ้มอย่างหนักกับภาพที่เห็น แล้วจู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้น วิ่งลงไปในครัวหาเพ็ญเพื่อถามทางไปตลาดทันที เขาขับรถไปตามทิศทางที่เพ็ญบอก เห็นคลีนิคแรกก็รีบจอดแล้ววิ่งเข้าไปถามทันที แต่ไม่พบร่องรอยของคนที่เขากำลังตามหา จึงขับไปต่อและถามอีกหลายๆ คลีนิคที่คาดหวังว่าเธอจะต้องแวะมาตรวจครรภ์ที่ไหนสักแห่ง และจะต้องไม่ไกลบ้านหรือไม่ก็ต้องเป็นทางผ่านไปตลาด ไปห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ทางไปบ้านป้าพัณด้วย
แต่สามชั่วโมงผ่านไปกับการขับรถตระเวณไปรอบๆ เส้นทางเข้าบ้าน จนทำเอาเขาเหนื่อยและหมดหวังเต็มที เขามองเห็นป้ายคลีนิคสุดท้ายแต่ไกลๆ ใจก็อยากจะขับผ่าน เพราะคิดว่าตัวเองก็จะคาดเดาผิดไปถนัด แต่อีกใจก็ยังคงมีหวัง จึงตัดสินใจจอดรถแล้วเดินเข้าไป ถ้าไม่ได้ร่องรอยอะไรเขาก็จะกลับบ้านทันที
“มาตรวจเมื่อหกเดือนที่แล้วค่ะ มาครั้งเดียวแล้วก็ไม่ได้มาตามที่คุณหมอนัดอีกเลย”
นั่นคือประโยคที่สวรรค์ประทานมาให้เขา ก่อนที่ความหวังจะหมดสิ้นไป เขายิ้มแก้มแทบปริ เมื่อคำนวนระยะเวลาในช่วงนั้นพิรุณญายังอยู่ในบ้านเขา และมีเขานอนข้างกายไม่มีเว้นสักคืน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าลูกในท้องของเธอ ก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาล้านเปอร์เซ็นท์ แต่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะไม่รู้จะตามหาเมียกับลูกได้ยังไง ไหนจะปัญหากับเมียใหม่ที่แต่งงานกันมายังไม่ทันจะถึงปีอีก เขาจึงกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าของคนที่อมทุกข์หนัก พ่อแม่ที่นั่งอยู่เขาก็ไม่สนใจจะทักทายกลับเดินขึ้นห้องแล้วนอนก่ายหน้าผากอีกครั้ง
รุ่งขึ้นหลังจากเขารีบเข้าออฟฟิศสะสางงาน แล้วก็ตรงไปยังโรงแรมที่พิรุณญาเคยทำงาน เพื่อตามหาชายหนุ่มที่เขาเคยเห็นว่าสนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ บางทีนายคนนั้นอาจจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนก็เป็นได้ ผู้จัดการฝ่ายเอสอาร์รีบให้ความร่วมมือทันที เมื่อรู้ว่าเขาเป็นลูกค้าเคยใช้บริการของโรงแรมมาก่อน และทันทีที่ได้คำตอบว่าเอกรัตน์อยู่ที่ไหน เขาก็รีบบึ่งรถตรงไปยังหัวหินทันที ด้วยความหวังที่ริบหรี่เต็มทน เพราะเมื่อวานเห็นเธออยู่ในกรุงเทพฯ และเธอคงจะไม่ย้ายมาอยู่หัวหินแน่ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นถามจากใครดี แต่ทุกอย่างก็ไร้ผล เพราะเอกรัตน์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น เพชรกล้าเองก็เชื่อในคำปฏิเสธนั้น และเขาก็ไม่ยอมบอกเอกรัตน์ด้วยว่าตามหาพิรุณญาทำไม
พชรเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่พอจะมีหวังแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เขารีบลาพี่ชายกลับบ้านหลังจากคุยด้วยไม่กี่คำ อันที่จริงเขาอยากจะโทรถามตรัยคุณไม่น้อย แต่คิดอีกทีถ้าลองเธอคิดจะไปจากเขาแล้ว แถมมีลูกกับเขาด้วยแล้ว เรื่องอะไรจะต้องไปอยู่กับตรัยคุณ เพราะไม่ช้าไม่นานเขาก็จะต้องรู้เรื่องแน่ แล้วเขาก็แบกร่างที่หนักอึ้งเดินเข้าบ้าน ขึ้นไปนอนขลุกอยู่บนห้อง โดยไม่ได้สนใจกับใครทั้งสิ้น แม้กระทั่งกับเมีย
“เพชรคะ หญิงว่าเรามีลูกกันดีมั้ย บ้านจะได้ไม่เหงา”
หม่อมราชวงศ์ดุรีย์พรที่สังเกตเห็นสามีมีท่าทีหงอยเหงา ถึงกับออกปากเอ่ยเรื่องลูกขึ้นมา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่อยากมีตอนนี้ เพราะยังสนุกกับการทำงานอยู่ บวกกับทั้งแม่ตัวและแม่สามีต่างก็ถามไถ่บ่อยครั้ง จึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแผนเล็กน้อย เพื่อหวังให้บ้านสดใสขึ้นมาด้วยลูกน้อยบ้าง เพชรกล้าหันกลับไปมองหน้าภรรยาด้วยความสงสัย และถ้าเป็นก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาคงจะต้องรีบตอบรับด้วยเป็นแน่ แต่สำหรับตอนนี้เขาจะไม่มีวันทำผิดกับเมียแรกซ้ำสองด้วยการมีลูกกับเมียแต่ง แล้วหมางเมินเธอได้ลงคอเป็นแน่
“คุณหญิงยังไม่พร้อมไม่ใช่เหรอ ทำตามแผนเดิมที่วางไว้ดีกว่านะ ผมเองก็ยุ่งกับงานเหมือนกัน ถ้าเรายังคิดว่าจะไม่มีเวลาให้ลูก ก็อย่าเพิ่งมีเขาดีกว่า ผมไม่อยากฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงหรือไม่ก็ปู่ย่าตายัย อยากจะให้เราเลี้ยงเองดีกว่า เพราะลูกของเรา ผมก็อยากจะเลี้ยงในแบบของเรา”
ผู้เป็นภรรยาพอใจกับคำตอบที่ได้ไม่น้อย และก็พยัยามปรับตัวเองเรื่องเวลาทำงานไม่กลับดึกอย่างที่ผ่านมา แล้วให้ความสนใจกับสามีมากกว่าที่เป็น แต่ก็ทำได้ไม่นานเมื่องานยุ่งรัดตัวไปหมด จะเรียกพี่ชายกลับมาทำเหมือนเดิมก็ใช่เรื่อง เพราะพี่ก็ยุ่งกับงานที่ไร่มากพอแล้ว ส่วนเพชรกล้าเองก็พยัยามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจของเขาจะร้อนรนอยู่กับอีกคนสักแค่ไหนก็ตามที แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่สามีที่ดีและลูกที่ดีกับพ่อแม่ควบคู่กันไปด้วย
“เพชรคะ พอดีอาทิตย์หน้าหญิงต้องไปดูงานที่อเมริกาสองอาทิตย์ เพชรจะไปด้วยมั้ยคะ จะได้พักผ่อนไงคะ เห็นเพชรทำหน้าเครียดๆ หญิงก็อดห่วงไม่ได้ ทิ้งงานไว้สักนิดแล้วไปชาร์ตแบตเตอร์รี่ให้ชีวิตหน่อยไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ผู้เป็นภรรยาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และส่งสายตาเอื้ออาทรไปหาสามีด้วยความหวังดี เพราะเห็นเขาไม่ใคร่จะมีความสุขเอาเสียเลย เหมือนมีอะไรค้างคาใจตลอดเวลา เข้าบ้านได้ก็นอนก่ายหน้าผากบ่อยครั้ง เพชรกล้าหันไปมองหจ้าภรรยาแล้วยิ้มๆ บางๆ ให้ก่อนตอบ



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2557, 12:24:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2557, 12:24:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2869





<< ของมีค่าที่หลุดลอย   ความจริงที่เป็นสิ่งไม่เคยตาย >>
mhengjhy 13 ม.ค. 2557, 17:45:31 น.
แหม่ แมวไม่อยู่ ร่าเริงแน่นอน


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 13 ม.ค. 2557, 22:09:28 น.
คำสะกดผิดเยอะ ค่ะ "พยัยาม" ต้องเป็น "พยายาม" และ "ตายัย" ต้องเป็น "คายาย" นะคะ เพราะอ่านแล้วขัดใจ ค่ะ แต่ก็จะสนใจติดตาม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account