บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก
เมื่อบ่วงแสนเศร้า และแสนร้ายกัดกินหัวใจของทั้งคู่ให้ระทมทุกข์ ชายหนุ่มติดอยู่ในบ่วงรักหญิงแก่หม้ายที่ตายจากไปนานแสนนาน กับหญิงสาวติดอยู่ในบ่วงแค้นของคนรักที่ต้องเสียชีวิตไป ด้วยฝีมือจากเจ้านายของผู้ชายคนนี้

มนัสวิน หนุ่มมาดทะเล้นร้อนดั่งทะเลไฟ หญิงใดยอมให้เขาบำเรอต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ร้อนแรง รัญจวน สะท้านถึงทรวงมากแค่ไหน แต่แล้วหัวใจกลับนิ่งตายสนิทไร้รัก เพราะเขาทิ้งหัวใจไปกับหญิงหม้ายที่สิ้นชีวาด้วยโรคร้าย ชายหนุ่มจึงต้องตกอยู่ในบ่วงแห่งความสิ้นหวังความรัก และไม่มีหญิงใดมาเยี่ยวรักษาหัวใจให้หายขาด



ศิรินทร์ แม่เสือสาวจอมเจ้าเล่ห์ ผู้ลึกลับ หญิงสาวผู้แสนเย็นชา แต่หัวใจกลับไม่นิ่งเฉย เมื่อมันร้อนไปด้วยไฟแค้น เป็นบ่วงแค้นที่ต้องสะสางให้คนที่เธอรักทั้งชีวิต แม้ชื่อเธออาจจะไม่ใช่ชื่อจริงก็ตาม แต่สามารถกระตุกหัวใจของเจ้าเสือทะเลไฟอย่างนายมนัสวิน จอมเขมือบผู้หญิงเป็นอาหาร ยอมศิโรราบ

เมื่อทั้งสองมาพบกันท่ามกลางบ่วงร้ายคนละดวงใจ ชายหนุ่มต้องเข้ามาขัดขวาง บ่วงแค้นของเธอ พร้อมเผลอซึมซับ จนละลายบ่วงแห่งหัวใจ ก่อเกิดเป็นบ่วงเล่ห์ที่ร้อยรัก เข้าด้วยกันอย่างไม่ทันรู้สึกตัว



บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก

“ผมไม่ได้จะเอาคุณมาเป็นแม่เสียหน่อย แต่จะเอาคุณมาเป็นเมียต่างหากล่ะ” หนุ่มจอมทะเล้นตอบอย่างระร่านหัวใจ ดวงใจน้อยของหญิงสาวที่แทนตนเองว่าอายุราวรุ่นแม่แล้ว เธอรู้ว่าเขาอ่อนกว่าเธอหลายปีอยู่หรอกนะ ทำไมถึงทำให้หัวใจของเธอที่ร้อนด้วยไฟแค้นหวั่นไหวได้ขนาดนี้ แม้เธอจะอยู่ในสภาพด้วยวัยสี่สิบห้าปีก็ตาม จู่ๆ ผู้จัดการรีสอร์ทคนใหม่แห่งรายาทิพย์จะมา พิพากษาหญิงวัยแก่อย่างเธอแบบนี้ได้อย่างไงกัน แค่เขาจับได้ว่าเธอปลอมตัวมานี่นะ

“เด็กบ้า ใครจะยอมเป็นเมียนายกันห๊ะ ปล่อยนะ!” ศิรินทร์ตะคอกกลับเสียงระรัว แถมเขายังไม่คิดจะยอมลุกออกจากเรือนร่างของเธอง่ายๆ มือไม้จอมทะเล้นก็นัวเนียเป็นพัลวัน

“ผมไม่ใช่เด็กนะ เราต่างก็ พากันเลยวัยเด็กมาแล้ว ตอนนี้เป็น...ชายหนุ่มกับสาวแก่ต่างหากล่ะ” คำพูดปนอารมณ์ร้อนชั่ววูบหวั่นไหวของมนัสวิน มันทำให้เขาอยากจะลิ้มลองเรือนร่างสาวแก่สะพรั่งคนนี้เสียจริงๆ ให้ตายเถอะ

“เป็นผู้หญิงของผมเถอะ โทษจะเบาลงนะ เจ๊รินทร์”




Tags: ซึ้งกินใจ,บ่วงรัก,บ่วงเล่ห์...ร้อยรัก,เศร้าๆ,หวานละมุน

ตอน: บทที่ 5 ร้ายมาก็ร้ายกลับ...

บทที่ 5 ร้ายมาก็ร้ายกลับ...

“น่าเบื่อ น่าเบื่อ สาวๆ อีสาน ขาสวยๆ อกอึ๋ม ไปไหนกันหมดวะ” มนัสวิน สบถอย่างอารมณ์เซ็งๆ ดันโดดมาร่วมงานกับรีชภวัฒน์ในฐานะผู้ตรวจบัญชีแห่งวรธิกาจญ์ กรุ๊ป เมื่อกิจการหลายแห่งในเครือ ถูกร้องเรียนว่ามีการชักใยอยู่เบื้องหลัง และรีสอร์ททางภาคอีสานติดชายแดนระหว่างประเทศซึ่งถูกเพ่งเล็งมากที่สุด มนัสวินเสนอตัวมาเป็นผู้ช่วยให้รีชภวัฒน์ แท้จริงแล้วต้องการหวังจะมาเที่ยวมากกว่าทำงาน หาความสำราญใส่ตัว แต่ทว่าหญิงสาวอีสานกลับไม่ตรงสเปคต้องตาเขาเสียงั้น เหล้าดีกรีแรงบาดคอไหลลงคอเรียวแกร่งมนัสวินในค่ำคืนที่สาม กับการมาอยู่ที่รีสอร์ทต่างจังหวัด

“เรามาทำงานนะ เจ้ามาร์ มันก็น่าเบื่อเป็นธรรมดาแหละน่า” รีชภวัฒน์บอกเพื่อนจอมทะเล้นไป แต่มือก็พยายามบันทึกงานลงเครื่องแท็บเล็ตของตน มนัสวินก็แค่ยักไหล่ตอบ ไม่สนคำพูดของหนุ่มแว่นตี๋คนบ้างานตั้งแต่วันแรก

“แต่ฉันว่า นายนั้นแหละบ้างานเกินไป แล้วนี่นอนบ้างหรือเปล่า แต่เอ๊ะ หรือว่าทำงานหนักมือ เพราะอยากลืมใบหน้าของสาวน้อยคนนั้นหรือเปล่าน้า...” ดูเหมือนมนัสวินจะหาเรื่องแขวะเพื่อนจอมขยัน ได้แก้เซ็งๆ ไปในตัว...เพราะความรักกำลังเกาะกุมหัวใจเพื่อนหนุ่มหน้าตี๋ของเขาอยู่ มนัสวินพยายามเบี่ยงประเด็นที่จะลืมใบหน้าผู้หญิงวัยใหญ่คนหนึ่ง...เขาหมดศรัทธาความรักไปนานแล้ว

“ไม่โต้งตอบแฮะ หึๆ ว่าแต่ขอถามหน่อยเถอะ เลี้ยงต้อยมากี่ปีล่ะเพื่อน ฮ่าๆ” รีชภวัฒน์ก็เป็นอีกคนที่กำลังพยายามลืมใบหน้าสาวน้อย ที่มนัสวินว่ากล่าวขึ้นมาอยู่จริงๆ แต่ไหง๋เจ้าเพื่อนจอมกวนนี่ดันฉุดอารมณ์ให้เขาต้องคิดถึงเธอขึ้นมาจนได้สินะ

“จะกี่ปีก็ช่าง นายก็ห้ามยุ่งกับเธอเด็ดขาดนะ เจ้ามาร์!” รีชภวัฒน์ยอมรับไม่มีการปิดบังเพื่อนแต่อย่างใด อายุปูนนี้แล้วนี่ ก็อยากมีเมียเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว ใครจะอยู่เป็นโสดจนปล่อยให้ถูกกล่าวว่าเป็นเก้งกวางกันวะ แถมว่าที่ภรรยาของเขาก็โตพอ พร้อมสำหรับเขาแล้วด้วย ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเด็ดขาด

“อุ้ยๆ หวงด้วยเว้ย ชักอยากเห็นหน้าเด็กของนายแล้วสิ ฮ่าๆ” มนัสวินหัวเราะได้แค่นั้น ก็เกิดอาการจุกคอขึ้นมาดื้อๆ ด้วยมือของรีชภวัฒน์เข้ามากระชากคอเสื้อหนุ่มจอมกวน

“ยังไม่ได้ไปยุ่งเลยนะเว้ย แค่ได้ยินมาเฉยๆ ปล่อยนะเว้ย เจ้ารีช อย่าทำเค้านะ” มนัสวินขอร้องเสียงจ๋อยๆ เพิ่งจะเคยเห็นนายรีชภวัฒน์มีอารมณ์โกรธขึ้นมาอย่างจริงจัง เนื่องจากหนุ่มแว่นตี๋มักทำตัวเรียบร้อยจะตาย แต่หารู้ไหมว่า บางทีอาจจะร้ายกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นเสียอีก รีชภวัฒน์ปล่อยมือออกจากคอเสื้อราคาแพงเจ้าหนุ่มยียวนกวนประสาท

“แฮ่กๆ โมโหร้ายชะมัดเลย เจ้ารีช”

“ร้ายกว่านี้แน่ ถ้านาย...ริจะยุ่งกับของๆ ของฉัน” รีชภวัฒน์พูดขู่เอาจริง จนมนัสวินร้องโอดโอยราวกับว่ากำลังกลัว

“อุย...โหดจัง...แต่อย่าให้เหมือนกับเจ้าฆาตกรคนโรคจิต ที่กำลังอาละวาดในเมืองของพวกเราแล้วกันนะ รู้ไหม ว่ามันชอบเด็กนักศึกษาสาวเอ๊าะๆ น่ารักเสียด้วยสิ” จู่ๆ มนัสวินก็ดันเอาพฤติกรรมของรีชภวัฒน์เวลาโมโหร้าย ไปเปรียบเทียบกับเจ้าฆาตกรโรคจิต ที่ลงฆ่าแต่นักศึกษาหญิงสาว ไม่นานมานี่ มนัสวินเพิ่งจะได้พบตำรวจหนุ่มไฟแรงเป็นคนทำคดีนี้ เพราะเหยื่อล่าสุด ซึ่งโดนฆ่าตายนั้น ก่อนตายวันสองวัน ได้เข้ามาพักบริการที่โรงแรมวรธิกาจญ์ บีช โฮเทล และอาจจะพาเจ้าฆาตกรโรคจิตนั้นเข้ามาพักด้วย ตำรวจเจ้าของคดีเลยขอความร่วมมือขอสืบคดีเล็กน้อย

“ฆาตกรบ้าอะไร นายพูดเรื่องอะไร เจ้ามาร์” รีชภวัฒน์เกิดความฉงน เมื่อได้ยินแค่คำว่านักศึกษาสาว

“อ้าว...ตกข่าวหรือไงเจ้ารีช ดังจะตายข่าวนี้น่ะ รู้ไหมเหยื่อล่าสุด มันมาก่อเหตุใกล้ๆ โรงแรมของพวกเราด้วยนะ เจ้าฆาตกรโรคจิตนั่น มันชื่นชอบนักศึกษาสาวน่ารัก ผมยาวซอยสไลด์รูปร่างบางตัวเล็ก หลังจากสนองตัณหาความใคร่ของมันเสร็จก็พานักศึกษาสาวๆ ไปจัดการปลิดชีพทิ้งซะ” รูปร่างและใบหน้า ค่าตาของกัญญาวีร์ลอยเด่นชัดเข้ามาในหัวสมองของรีชภวัฒน์ และอยู่ๆ หัวใจเขาก็เกิดกระตุกเต้นผิดจังหวะรุนแรง ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวสุดแสนรักขึ้นมาดื้อๆ

“อะไรนะ อย่ามาอำฉันเล่นนะ เจ้ามาร์”

“ไม่ได้อำเว้ย ตำรวจหนุ่มหน้าใสกิ๊กคนหนึ่งมาหาฉันด้วยนะ ฉันหวังดี อยากให้นายคอยระวังสาวน้อยแสนเลิฟๆ ของนายไว้หน่อย หึๆ สเปกมันชัดๆ” แม้นายมนัสวินจะเมาน้ำสีอำพันอยู่มากหน่อย แต่เขาก็พูดความจริงไม่ได้คิดจะอำแกล้งเพื่อนหรอก แท้จริงแล้วมนัสวินกะว่าจะบอกรีชภวัฒน์หลายวันแล้ว เช่น ถ้าไม่มีเรื่องอันปวดหัวของยัยป้าศิรินทร์เข้ามากวนประสาทก่อน

“บ้าเอ้ย เจ้ามาร์ นี่นายกำลังจะทำให้ฉัน เป็นห่วงกัญญาวีร์หรือไง” รีชภวัฒน์เกิดอาการร้อนรุ่มๆ ท้องไส้บิดปั่นป่วนขึ้นมาทันควัน ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แสดงว่ามันอาจจะเกิดเหตุอันตรายขึ้นแน่ๆ แม้เปอร์เซ็นที่จะต้องเจอะเจอเจ้าโรคจิตอำหิตนั่นจะเป็นไปเพียงน้อยนิดก็ตาม ทว่าสิ่งนายมนัสวินกล่าวบอกมานั้น มันทำให้รีชภวัฒน์เกิดความรู้สึกเป็นห่วงจับใจ และอยากอยู่ใกล้ๆ เคียงข้างกัญญาวีร์สาวน้อยของตนเอง

“เออ! เอ๊ะ ชื่อกัญญาวีร์หรือวะ ชื่อเพราะดีนี่หว่า” มนัสวินถึงกับตาโต เขาแกล้งเพื่อนแรงไปหรือเปล่าเนี่ย ดูรีชภวัฒน์แสดงอากัปกริยาร้อนรน จนนั่งไม่ติดกับที่เชียวล่ะ

“กลับเว้ย เจ้ามาร์ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”

มุมปากของมนัสวินยกขึ้น ก่อนจะยักคิ้วดกหนาให้เพื่อนชายรูปหล่อเนี้ยบสวมแว่นผู้ใจร้อน แล้วพูดต่อไปว่า

“สงสัยพรเจ้าสาวดวงตาสีสวยของเจ้าชาย จะสำแดงฤทธิ์แล้ววะ นายคงรักสาวน้อยคนนั้นมากสินะ พอเรียนจบแต่งเลยหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆ” มนัสวินยังคงเอ่ยปากแซวเพื่อนอย่างเล่นๆ และดันไปนึกถึงเมื่อสองเดือนก่อนโน้น พวกเขาได้ถูกเชิญเข้าร่วมพิธีเป็นพยานรักอย่างสายฟ้าแลบให้ท่านชายชานินทร์ หรือเจ้าชายแห่งรัตติกาลทาวน์หมาเศรษฐีลึกลับรวยล้นฟากฟ้า จัดงานแต่งานบนเกาะส่วนตัว ราคาแทบประเมินเป็นเงินตราไม่ได้ แล้วหนุ่มแว่นตี๋ผู้ดูอบอุ่นอย่างรีชภวัฒน์ดันไปคว้าจับต้องพรช่อดอกไม้ของเจ้าสาวดวงตาสีสวยสุดสวยของท่านชายชานินทร์เข้าเต็มๆ มือ

“เมาแล้วพูดมากนะ เจ้ามาร์ กลับบ้านเว้ย!” รีชภวัฒน์วิตกกังวลเป็นตุเป็นตะ เป็นห่วงสาวน้อยแสนรัก จนต้องจัดการลากคอของนายมนัสวินกลับโรงแรมหรูริมทะเลโดยด่วนจี๋ มนัสวินนั้นยังงงเป็นไก่ตาทะลุแตก แล้วก็เกิดอาการใจวูบหายหล่นๆ เพราะถ้าเจ้ารีชภวัฒน์เกิดแต่งานขึ้นมาอีกคน งานนี้หนุ่มหล่อจอมทะเล้นเป็นที่ต้องตาของสาวๆ จะต้องสละโสดตามเพื่อนคนอื่นๆ ไปด้วยหรือไงวะ ไม่เอาด้วยหรอก...มนัสวินทำสีหน้าเอื้อมระอา...ตลอดเส้นทางที่รีชภวัฒน์ขับรถคันแกร่งมาส่งถึงบ้าน เวลามันช่างผ่านไปไวนัก...



เมื่อสามวันก่อน หลังจากที่มนัสวินโมโหเดือดจัด จนต้องขับรถหนีออกมาจากบ้านตัวเอง...เพราะผู้หญิงที่อ้างสิทธิ์ว่าเป็นแม่เลี้ยง! ของเขา...มนัสวินรีบต่อสายโทรศัพท์มือถือตรงไปหาไอ้อามาพจน์พ่อทูนหัวในรอบสิบปี ซึ่งเขาไม่คิดจะเป็นฝ่ายโทรไปหามันก่อนหรอก

“(ฟ้าถล่มแน่ๆ หลานชายสุดเลิฟ โทรมาหา คิดถึงหรือจ๊ะ)” ไอ้เสียงอันสะอิดสะเอียดนี่แหละ ที่เขาไม่อยากจะได้ยินเลย

“มีผู้หญิงของอาพจน์ อ้างสิทธิ์ เข้ามาอยู่บ้าน อาช่วยกลับมาจัดการหน่อยสิ”

“(หา...ใครละ พ่อหลานชาย...)” เจอถามกลับ มนัสวินแทบกลืนน้ำลายอย่างฝืดๆ

“ผู้หญิงแก่ๆ ที่อาพจน์ไปปอกลอก เอาเงินเธอมาหมดตัวนั่นเล่า” ให้ตายซี มนัสวินไม่อยากให้ศิรินทร์เป็นผู้หญิงแก่ๆ คนนั้นเลย น่าสงสาร...จู่ๆ มนัสวินก็รู้สึกแบบนี้ออก ทุกครั้งที่คนเป็นอาไปก่อเรื่องใดๆ เขาก็ไม่เคยใส่ใจกับความรู้สึกคนรอบข้างแม้แต่น้อย

“(ศิรินทร์ เจ้าของรายาทิพย์ นั้นนะหรือ)” ได้ยินชื่อของเธอ มนัสวินก็เจ็บจี๊ดที่หัวใจ มันคงเป็นเวรกรรมของเขาแน่ๆ เพราะนานเหลือเกินที่เจ้าก้อนเนื้อหัวใจมันไม่เคยเรียกร้องอะไร...ทว่าตอนนี้มันกำลังกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

“(อ้าว! อยู่ๆ ก็เงียบ...แสดงว่า ใช่เธอสินะ หลานชาย...หึๆ)” มาพจน์กำลังจับความรู้สึกอะไรบางอย่างได้ในน้ำเสียงของหลานชายแห่งรัก...ร้อยวันพันปี มนัสวินไม่เคยคิดจะโทรหาตน ครั้งนี้กล้าโทรหาตนแสดงว่า เจ้าหลานชาย มันสุดจะทน...กับเรื่องอะไรสักอย่าง...อ๋อ...เขารู้แล้ว...เจ้าหลานชาย...มันแพ้ผู้หญิงอายุมากกว่านี่นา...มาพจน์หัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อคิดถึงแผลเก่า...ของนายมนัสวิน

“กลับมาไล่เธอ...ออกจากบ้านผม เดี๋ยวนี้นะ ไอ้แก่!” มนัสวินเดือดเป็นสองเท่า เพราะเสียงหัวเราะเยาะไอ้ระยำนั่น

“(ชั้นไม่กลับหรอกยะ แค่ผู้หญิงแก่ๆ ตัวเดียวเอง ทำไมหลานสุดรัก ถึงจะจัดการไม่ได้เลยหรือจ๊ะ เอ...หรือว่า กลัวโดนแผลเก่า...คิกๆ)”

“ไอ้...ระยำ!”

“(จุ๊ๆ แค่จี้โดนใจนิดหน่อยเอง อย่าขึ้นเสียงดังใส่ชั้นเลยนะ หลานรักจ๋า)” มาพจน์ทำเป็นเสียงอ้อนแอ้น ดัดจริต และแน่นอนสนุกสนานในการได้กลั่นแกล้งหลานชายแห่งรักสุดหัวใจ

“แก...อยู่ที่ไหน ฉันไปลากแก...กลับมา” มนัสวินโกรธจนตาแดงก่ำเป็นลูกไฟ ถ้าคนเป็นเป็นอาอยู่ตรงหน้า เขาจะต่อยให้สักหมัดเลยทีเดียว

“ว้ายๆ ดุจังเลย หลานชายจ๋า” มาพจน์ทำเสียงสาวแตกถึงแค่นั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงทุ้มๆ ท่าทางจริงจังแฝงด้วยความร้ายกาจ เจ้าเล่ห์เพทุบาย

“(ถ้าอยากให้กลับนะ หึๆ เรียกฉันว่า พ่อก่อนสิ)”

“ฝันไปเถอะ ไอ้ระยำนรก!” ตวาดใส่สายโทรศัพท์สนทนาจบ มนัสวินแทบปิดมือถือทิ้งดื้อๆ ก่อนไปหาที่ระงับความโกรธอันร้อนระอุนี้



และคืนนี้ มันอาจจะผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ มนัสวินยืนอารมณ์เสีย เมื่อนึกถึงคำพูดของอามาพจน์ เมื่อสามวันก่อน และความมึนเมาในน้ำเหล้าสีอำพันสวยงาม ทำให้เขามองไม่เห็นว่ามีใครกำลังแอบดูอยู่ เพียงก้าวเท้าเดินเซๆ เข้าไปในบ้านอันโล่งกว้างใหญ่ เงียบ อ้างว้าง และไม่มีผู้คน มนัสวินท์จึงเดาว่า ศิรินทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะ ช่างดีจริงๆ ก้อนเนื้อตรงกลางหน้าอกแกร่งของเขาจะได้ไม่ต้องทรมาน...

"ยัยป้านั่น กลับไปเองได้ก็ดี คนยิ่งขี้เกียจจะไล่" ศิรินทร์เม้นปากแน่นข่มอารมณ์โมโห และแทบอยากจะเอาแก้วน้ำในมือปาดใส่คนเมานัก ด้านนายมนัสวิน ตอนนี้กำลังเดินขาลากพาไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟากลางห้องรับแขกใหญ่ การมีบ้านหลังโตๆ ก็ปราศจากความอบอุ่นนัก หลังจากบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าสิ้นใจลง ทิ้งแต่สมบัติเอาไว้ให้ใช้มากมายก่ายกอง พร้อมกับต้องดูแลบำรุงคนเป็นอาหรือน้องชายในสายเลือดของฝั่งบิดา

"พ่อกับลูก มันก็เลวพอๆ กัน"

ศิรินทร์เดินย่องๆ เท้าเบาๆ มาดูคนเมา มีคนเคยบอกว่าอย่าอยู่ใกล้คนเมา ไม่งั้นภัยเดือดร้อนจะมาถึงตัว งั้นเธอขอ...ดับไฟคนเมาหน่อยดีกว่า แก้วน้ำเย็นๆ ในมือ ถูกยกขึ้นสูงๆ แล้วก็ค่อยๆ เทราดลงบนตัวเนื้อร่างกายชายหนุ่ม

"โอ๊ยๆ ใครเอาน้ำมาสาดกูวะ" ตาสว่างขึ้นมาทันใด และคืนนี้เขาคงหลับสบายๆ ไม่ได้เสียจริงๆ ด้วย

"เจ๊รินทร์!" มนัสวินรีบยันตัวเองลุกขึ้นพรวดพลาดอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งรับมือกับศิรินทร์ ดวงตาแกร่งฉายแวว เหมือนสีแดงด้วยความโกรธคุกกรุ่น หรือเพราะพิษเหล้าก็ไม่รู้

"ใช่! ฉันเอง นายหายหัวไปตั้งหลายวัน ถ้า...ฉันยกเค้าบ้านนาย ป่านนี้คงได้หลายล้านเลยนะเนี้ย" เสียงหวานบอกราวประชด เธอเองก็เตรียมรับมือกับเขาเช่นกัน ระหว่างคนมีสติครบถ้วนกับคนไร้สติด้วยของมึนเมา ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายชนะ

"กล้าเหรอ! นี่เธอ...วอนอยากเข้าคุกหรือไง ห๊ะ" มนัสวินตะคอกใส่สุดเสียง...เพื่อกลบเกลื่อนดวงใจที่กำลังเต้นอย่างเจ็บปวด เมื่อได้เห็นเธอ...

"สารเลวแบบนายต่างหาก ที่สมควรไปนอนในคุกมากกว่า" และศิรินทร์ก็ยังไม่เคยลดวาจา...ยัดเหยียดความเลวให้กับเขาทุกครั้ง

"ปลุก ผมมาด่าหรือไง หือ!" มนัสวินจึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮักในลำคอ ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะมีน้ำโหมากขึ้นไปอีกเท่าตัวในคำพูดต่อไปของเธอ

"ใช่ ในเมื่อไอ้คนเป็นพ่อไม่อยู่ ฉันก็จะลงที่ลูกชายเลวๆ ของมันไปก่อน" เธอกำลังระรานคนอื่นไปทั่ว มนัสวินร้องบ่นว่าให้ในใจ

"อ๋อ อยากได้อำนาจในบ้านหลังนี้สินะ และคิดจะเป็นแม่เลี้ยงให้ผมเต็มตัวหรือไงครับ" เขาพูดประชด แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมา ทำยิ่งทำให้เขา...เกลียด...อย่างรุนแรง

"ใช่!"

"ตอบชัดเจนดีนี่ ชักคันไม้ คันมือ อยากต่อย ยายแก่ๆ แถวนี้" มนัสวินเองก็พาลพาโลหาเรื่องกับเธอเช่นกัน เพราะ ไอ้ฐานะ แม่เลี้ยง นี่แหละ

"หน้าตัวเมีย นายคิดจะรังแก ผู้หญิง...คนแก่หรือยะ" ไม่อยากบอกว่าตนเองแก่เลย ให้ตายสิ อย่างไรเสีย ผู้หญิงก็ชอบความงามอยู่วันยังค่ำนั้นแหละ และตอนนี้ ฝ่ายหญิงสาวกลับลืมดูสภาพของตัวเอง ที่ล่อเป้าสายตาชายหนุ่ม ในชุดนอน บาง สีเนียมนุ่มลื่น น่าจับต้องสัมผัส ให้มันเคลิบเคลิ้มกระชากหัวใจเล่นๆ มนัสวินผุดรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมสายตาอันหื่นกระหายจนออกนอกหน้า

"เปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต่อยป้าแก่ๆ ก็ได้ แต่...จะทำอย่างอื่นแทน" คำพูดกำกวนของมนัสวิน ทำให้ศิรินทร์หายใจไม่ทั่วท้องไส้ บางทีปล่อยให้เขาต่อยสักหมัดดีกว่า ไอ้แววตาลามเลียคิดลึกแทรกร่างกายของเธอแบบนี้

"ฝันไปเถอะ ไอ้ขี้เมา ถ้าคิดจะทำอะไรฉัน นายตายแน่!" แก้วน้ำในมือหญิงสาว ปาดใส่หัวไอ้คนขี้เมา อย่างสุดแรงเกิด ก่อนจะก้าวเท้าวิ่งหนีไปตั้งหลักทางอื่นๆ ทว่ามันก็แค่ความคิดของเธอเท่านั้นแหละ ณ เวลาปัจจุบัน มันไม่ได้เป็นตามที่เธอคิดเอาไว้แม้แต่น้อยเดียว

มนัสวินหลบการโจมตีของเธอได้ทันภายในวินาทีที่กระพริบตา แก้วน้ำดังกล่าวแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปยังทิศทางอื่นๆ และสองเรือนร่างเริ่มตะรุมนัวเนียเป็นพัลวัน ก่อนจะหล่นตุบบนโซฟากว้างใหญ่ ศิรินทร์ดิ้นขัดขืนจนเกือบจะหมดแรง แล้วการได้ถูกตกเป็นเบี้ยล่าง เธอก็เพิ่งจะเข้าใจคำนี้ด้วยแหละ ส่วนฝ่ายครองชนะนั้น ถึงกับยิ้มเยาะไม่ยอมหุบ เสื้อผ้าที่เปียกน้ำด้วยฝีมือของเธอ...มันไม่ได้คลายความร้อนให้เขาบ้างเลย...มันมีแต่เพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของเขาให้สูงกว่าเดิมเสียอีกนะ

“ปล่อยนะ ไอ้เลว” เสียงหวานร้องออกมา เมื่อจนมุม เพราะถูกชายหนุ่มคร่อมร่างยึดติดโซฟายักษ์ แว่นตาหนาๆ ที่สวมใส่อยู่ก่อนหน้านั้น ดันร่วงหล่นหายไปไหนก็ไม่รู้ เผยใบหน้านวลละอ่อน...ให้ฝ่ายชายเห็นจนตะลึง

“โอ๊ะ...หน้าเด็กแฮะ...” สงสัยจะตาฝาด มนัสวินคิดในใจ ก่อนจะเลื่อนสายตาละลดลงมายังเนินอกอวบอิ่มในชุดนอนบางหวิวๆ ของหญิงสาว

“ว้าว...นม...มหา’ ลัย ด้วย สงสัยจะเมาหนักเกินไปแน่ๆ” มนัสวินพูดไปก็จิตนาการไปคนเดียว ส่วนฝ่ายหญิงแทบร้องหยีกับคำพูดของนายขี้เมา

“ยี๋ ไอ้ลามก...ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไงเล่า! ไอ้...” สิ้นแรงกายขยับ ก็เหลือแต่ปากบางๆ นี่แหละ ชอบส่งเสียงแว้ดๆ จนแสบแก้วหูของมนัสวินเหลือเกิน

“ไอ้สกปรก...ไอ้สารเลว! ไอ้หมาน้อย!” ถ้าเธอหลุดไปได้เมื่อไร จะเอาปืนมายิงไส้แตกเลย คอยดูสิ

“ปากเจ๊ ท่าทางอยากลองดี หึๆ” มนัสวินเลือดขึ้นหน้าไปอีก เอามือหนาเลื่อนมาบีบบี้ปากเรียวบางของศิรินทร์ เพราะถูกด่าว่าไอ้หมาตัวหนึ่ง ให้ตายสิ! ทำไมเขาต้องมีอารมณ์ครุ่นโกรธกับวาจาที่เธอเปล่งออกมา...

แม้ศิรินทร์จะพยายามใช้มือตนเองแกะอุ้งมือหนาออกจากบริเวณปากตนเอง น้ำตาของเธอแทบเล็ดด้วยความเจ็บ...เมื่อรับรู้ฤทธิ์ของผู้ชายสารเลวคนนี้ คำว่าสุภาพบุรุษคงไม่มีในตัวนายมนัสวินอย่างแน่นอน

“เชิญดิ้นเข้าไป ที่รัก...หึๆ” ที่รักงั้นเหรอ...บ้า...ไอ้หมอนี่มันพูดออกมาได้ไง เธอเป็นแม่เลี้ยงของเขานะ หรือว่านายมนัสวินคิดจะกินเมียของพ่อตัวเอง...ไม่นะ...ศิรินทร์คิดได้เช่นนั้น เพราะการกระทำของเขาตอนนี้

“ปล่อยฉันนะ...ไอ้เลวนรก” ศิรินทร์ร้องอย่างอู้อี้ เพราะมนัสวินบีบขย้ำคางมนของเธออย่างรุนแรงราวกับสั่งสอนว่าอย่าริมาหยามหยันดูถูกผู้ชายอย่างเขา

“ฝันไปเถอะ ว่าผมจะปล่อยเจ๊ไปง่ายๆ ปากเจ๊ต่อว่าผมเป็นไอ้เลวนรกนัก เชิญรับรสนรกๆ แบบฉบับของผมซะ” มนัสวินอยากจู่โจมริมฝีปากบางของหญิงสาวให้หายจากความโกรธจนเลือดขึ้นหน้านี้หน่อย เพราะคำพูดของเธอแต่ละคำที่เปล่งออกมานั้น ทำให้เขากลายเป็นเลวขั้นชั่วช้าถึงเพียงไหน

“อย่านะ นายคิดจะปล้ำเมียพ่อตนเองหรือไง” ทว่าเสียงหวานเริ่มเอาฐานะยกขึ้นมายับยั้ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อร้ายของมนัสวินจะลดลงมาชิดใกล้

“หึๆ แล้วไอ้หมอนั่นมันยอมรับเจ๊ เป็นเมียหรือยังละ” มนัสวินว่าจบ ศิรินทร์แทบอยากจะกรี๊ดลั่น เพราะความคิดเห็นแก่ตัวของนายมนัสวิน

“ทางนิตินัยยัง แต่ทางพฤตินัยมันใช่! นายคิดจะปล้ำเมียของพ่อตัวเองหรือไง” คำตอบของเธอยิ่งทำให้มนัสวินเลือดขึ้นหน้ามากว่าเดิม

“หึๆ ปล้ำเหรอ...เข้าท่าแฮะ...เล่นเป็นชู้ลับหลัง...พ่อตัวเองก็ดีไม่น้อยนะเนี่ย” มนัสวินบอกด้วยความคิดอันสัปดน เรื่องอะไรเขาจะต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บฝ่ายเดียวกันเล่า...เธอเป็นวิ่งเข้ามาก่อกวนชีวิตของเขา ให้สับสนไปหมดแล้วนะ

ศิรินทร์ตาโตลุกวาบ ใจเต้นละล่ำละสักขวัญเสีย เพราะคำพูดของเขา บ้าไปแล้ว เลวที่สุด ในสมองพวกคนเลวคงคิดกันแบบนี้หรือไง

“ไอ้เดนนรก ไอ้...อื้ม...” มนัสวินปิดปากหวานปานพริกรสจัดจ้า ศิรินทร์ปกป้องตัวเองยากยากลำบากนัก เขาร้ายกาจเลวทรามที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอผู้ชายมา...จุมพิตที่อันแน่ด้วยความโกรธบ้าคลั่งและต้องการเอาชนะ...เล่นจนแทบขาดลมหายใจ

“แฮ่ก...อะ...ไอ้...ชั่ว” ศิรินทร์น้ำตาแทบแตก เพราะเขากำลังจะฆ่าเธอตายด้วยการจูบอันน่าขยะแขยงนัก เจ็บใจนัก...แค่ลูกชายของมัน เธอยังจัดการไม่ได้...แล้วไอ้คนเป็นพ่อมันจะร้ายกาจมากแค่ไหนหนอ...พี่รินทร์จ๋า...เล็กจะต้องทำอย่างไง...เล็กถึงจะล้างแค้นให้พี่รินทร์ได้สำเร็จคะ พวกเขาช่างโหดเหี้ยมร้ายกาจเกินคนเสียเหลือเกินค่ะ

“ด่าไป...ก็ไม่รอดหรอกนะ เจ๊ต้องเป็นของผมคืนนี้” มนัสวินเอ่ยเสียงต่ำพร่าบอกที่ข้างใบหูของหญิงสาว ก่อนใช้จมูกฝังลงไปยังซอกคอระหง...กลิ่นยั่วเย้าเหลือเกิน...สติของเขาจมกับจุมพิตแสนหวานน้ำผึ้งที่อาบด้วยใบมีดแทงทะลุถึงหัวใจเขาได้

“ไม่...ไม่มีทาง” ศิรินทร์ดิ้นขัดขืนสุดแรงเฮือกสุดท้าย ผลักถีบชายหนุ่มออกจนพ้นได้ในที่สุด มนัสวินเผลอนิดเดียว...เขาก็กระเด็นหลุดจากร่างหญิงสาว ร้องโอยดังๆเพราะโดนเท้าของเธอถีบเข้าที่ท้องเต็มๆ ศิรินทร์เป็นฝ่ายตั้งหลักได้ก่อน ก็คว้าหาอาวุธ สิ่งที่ได้ คือ โคมไฟบนหัวโซฟา และเหวี่ยงฟาดใส่ศีรษะมนัสวินอย่างไม่ยั้งมือใดๆ ทั้งสิ้น

“ตายซะ ไอ้ชาติชั่ว!”

พลั่ก!!! ม่านดวงตาของมนัสวินไหลดับวูบ...ร่วงลงสู่นิทรารัตติกาล...อย่างช้าๆ

ส่วนผู้ทำการฟาดหัวเจ้าของบ้าน...ได้แต่ยืนตัวสั่นทั้งน้ำตา...คนชั่วแบบนี้สมควรตายที่สุด




โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 6 จุดจบที่ไม่สวยหรู



>___< v นายมนัสวินเอ้ย...ช่วยทำตัวดีๆ หน่อยได้มั้ยยย

ขอ อภัยนะ...ไรเตอร์ หมั่นไส้การทำตัวเลวๆ นายมนัสวิน ^^แฮะๆ



Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2557, 21:45:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2557, 21:45:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1290





<< บทที่ 4 ดวงใจที่ห้อยบ่วง...   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account