แผนร้ายหมายรัก
ทาริกาคิดว่าชีวิตของตัวเองเหมือนละครน้ำเน่าที่ พ่อต้องมาตายตั้งแต่อายุ 15 เลยต้องมาอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวใจร้ายแถม เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แม่เลี้ยงที่เคยใจดียื่นคำขาดว่าต้องเรียนสายอาชีพ เพื่อมาช่วยทำงานร้านอาหาร ทาริกา ไม่เคยขัด แม้จะไม่ใช่คนที่ยอมคนเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าแต่ก็ต้องอดทนกัดฟัน เธออดทนมาถึงสามปีจนเรียนจบคหกรรมมาอยู่ช่วยงานที่ร้านไม่ได้เรียนปริญญาเหมือนคนอื่น แต่มารดาของเธอคนนี้ก็ยังใจร้าย ขายเธอให้กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเงินสามแสนบาท !!!

อะไรนะ ?? เข้าใจผิด !!
แล้วเรื่องจริงมันคืออะไรกันแน่
ตกลง นี่จากนิยายเรื่อง "บำเรอรักซาตาน" กลายเป็น " ทายาทคืนเหย้า " ไปแล้วเหรอ ??

ทำไมล่ะ ????
Tags: สมบัติ,น่ารัก,วางแผน,แกล้ง

ตอน: ตอนที่ 4 ความจริง

แม้ว่าเธอจะบอกกับตัวเองว่าจะลองเชื่อใจผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นสักครั้ง แต่ด้วยความที่ทาริกาเป็นคนที่ไม่กล้าที่เชื่อใจคนง่าย ๆ ทำให้ ณ ตอนนี้ นาฬิกาบอกเวลาตีสี่กว่าแล้ว เธอยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้สำเร็จ หญิงสาวพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาอยู่นาน ก็เริ่มคิดว่าหากเธอนอนไม่หลับจริงๆก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ปลอดภัยไปเปราะหนึ่งด้วย ไม่ต้องคอยกังวลว่าเขาทำดีกับเธอเพียงเพราะต้องการอะไรในตัวเธอหรือเปล่า คิดได้ดังนั้น ทาริกาจึงยกตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะตัดสินใจย่องออกจากห้อง เพื่อตรวจดูรอบบริเวณเผื่อว่าจะมีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า ถ้ามีก็จะได้อาศัยช่วงเวลานี้เผ่นหนีไปให้ไกลสุดโลกเลย

ภายในคอนโดหรูยังคงเงียบสนิท มีเพียงแสงไฟจากระเบียงกระจกด้านนอกที่ส่องสว่างเผื่อแผ่มายังด้านใน ร่างที่นอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนโซฟาตัวยาวนั้นทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าพงศกรจะลงทุนขนาดมานอนเฝ้าไม่ให้เธอหนีไปไหนถึงตรงนี้ แต่ดูเขาเถอะ ตัวก็ยาวเลยโซฟายังจะมาทรมานสังขารอีก แสดงว่าไม่ใช่แค่เธอเสียแล้วที่ไม่ไว้ใจเขา แต่ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ไว้ในเธอเช่นกัน

หญิงสาวละสายตาจากโซฟา มองไปที่ประตูห้อง มันเป็นระบบรักษาความปลอดภัยชนิดที่เธอเคยเห็นในละครเกาหลี ประตูล็อคที่เปิดจากด้านในไม่ได้ มีตัวล็อคแบบต้องใส่รหัสปลดล็อคจึงจะสามารถเปิดได้ ขืนเธอสะเหร่อจับลูกบิดประตูนั้นเข้า มีหวัง สัญญาณรักษาความปลอดภัยดัง คงได้ตื่นกันทั้งคอนโดแน่ๆ

“เชอะ....เนี่ยเหรอคนที่เชื่อใจกัน ไม่ล่ามโซ่กันไปเลยเล่า” ทาริกาบ่นเพียงเบาๆให้ตัวเองได้ยินคนเดียว แล้วค่อยๆย่องผ่านโซฟาตัวที่พงศกรนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ เพื่อไปยังระเบียงด้านหลัง

เมื่อเปิดประตูกระจกออก เผยให้เห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าไม่กว้างมากนัก กินเนื้อที่จนเกือบจะหมดพื้นที่ด้านนอก มีส่วนที่เหลือเล็กๆสองข้างเอาไว้สำหรับตั้งโต๊ะกลม และเก้าอี้ไม้สีขาวไว้สำหรับนอนเหยียดยาวได้ หากมองออกไปนอกบานกระจกบานใหญ่ จะเห็นวิวของกรุงเทพมหานครได้ในมุมกว้าง ตึกรามบ้านช่องและอาคารสูงของกรุงเทพยามใกล้รุ่งสาง ทำให้ทาริการู้สึกไม่เงียบเหงาและเดียวดาย

อย่างน้อยก็ยังมีคนอยู่เป็นเพื่อนเธอบนโลกใบนี้

ทาริกากลับหลังหันมองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาอย่างนึกขัน นี่เขาอยากจะมานอนเฝ้าเธอจริงหรือ หรือแค่อยากจะเปลี่ยนที่นอนเล่นๆแก้เบื่อเท่านั้น เธอออกมาเดินฉุยฉายไปมารอบห้องยังไม่รู้สึกตัวตื่น นี่ถ้าไม่มีไอ้เจ้าเครื่องรักษาความปลอดภัยนั่น โจรเข้ามาขโมยของเขาก็ไม่มีทางรู้เรื่องแน่ๆ

และด้วยความอยากรู้หรืออะไรไม่ทราบ ทำให้หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้เขามากกว่าเก่า จนกระทั่งอยู่ในระยะประชิด แสงสว่างจากไฟที่เปิดไว้ข้างนอกสาดแสงเข้ามาให้เห็นร่างที่นอนหลับใหลอยู่ได้อย่างเลือนราง แต่เธอก็ยังเห็นว่าใบหน้าของผู้ชายคนนี้จัดได้ว่าหล่อเข้ม เหมือนพวกพระเอกซีรีย์ฮ่องกงเลยทีเดียว หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งอย่างเงียบเชียบ ไล่สำรวจตั้งแค่คิ้วหนาเข้มได้รูปของเขา ที่ไม่โก่งเหมือนคันศร มันเหมือนจะเหยียดตรงเสียมากกว่า เรื่อยไปถึงแพขนตาหนายาว ที่ยาวจนเธอต้องอิจฉา กับริมฝีปากหนากำลังพาดีที่เคยดุด่าเธออยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ที่กำลังขมุบขมิบอย่างคนไม่รู้ตัว

ทาริกาหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเขา

คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องขมวดมุ่น ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนคนใกล้จะรู้สึกตัว ทำให้ทาริกาผงะถอยหลังด้วยความตกใจ จนหลังของเธอไปชนเจ้าโต๊ะกระจกเข้าอย่างจัง

“ทำอะไรน่ะ” พงศกรยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร้องถามด้วยความตกใจ

“เอ่อ...คือ ฉัน....” ทาริกาอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไรดี ริมฝีปากของ
เธอยามนี้มันแห้งผาดไปหมด

“ฉันถามว่าอะไร” เขาย้ำคำถามของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นพรวดพราดไปเปิดไฟในห้องให้สว่างจ้า

“ก็ฉัน.....”หญิงสาวหรุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาคมๆที่มองมาอย่างจับผิด ในหัวพยายามหาข้ออ้างที่ดูดีที่สุด ที่พอจะไม่น่าเกลียดเท่ากับต้องบอกความจริงว่า เธอแอบมาชมโฉมเขาตอนหลับ

“ว่าไงล่ะ บะหมี่...”เสียงเข้มนั่นเร่งเร้าเอาคำตอบอีกรอบ

“ก็มันนอนไม่หลับ ฉันก็เลยมาเดินเล่น เดินออกไปดูที่ระเบียงมาด้วย พอดีว่าเห็นคุณนอนหลับไม่รู้เรื่อง ก็อยากจะแกล้งเล่นเท่านั้นเอง”

ผลที่สุดทาริกาก็ตอบออกไปอย่างนั้น เลือกที่จะพูดความจริงกับเขา

แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม

“ฉันล่ะไม่อยากจะยุ่งกับเด็กๆอย่างเธอเลยจริงๆ นี่จะมาเล่นอะไรตอนตีสี่ วันนี้ฉันเหนื่อยมากนะบะหมี่ เธอไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องออกมาซนข้างนอกอีก”

เขาบ่นราวกับเธอเป็นลูกสุนัข หรือไม่ก็เด็กสิบขวบอย่างไรอย่างนั้น

พูดจบคนชอบทำตัวแก่ก็ยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ แล้วย้ายตัวเองขึ้นห้องนอนบนชั้นลอยไป ปล่อยให้ ‘เด็ก’ อย่างทาริกาต้องมองตามด้วยความมึนงง

“ตกลงนี่ฉันผิดคนเดียวใช่ไหมเนี่ย ที่ออกมาเดินเล่นข้างนอก ใครใช้ให้มานอนตรงนีเล่า”

หญิงสาวบิดตัวไปมาอย่างแสนขี้เกียจบนเตียงหนานุ่ม เมื่อคืนนี้กว่าเธอจะหลับได้สนิทก็เกือบจะสักตีสี่ตีห้า หลังจากที่ออกไปเดินเล่นข้างนอก กลับมาก็พยายามข่มตานอนอีกสักพัก จนหลับได้ในที่สุด แม้ว่าจะต้องคอยนอนมองประตูห้อง เกรงว่าคนข้างนอกจะเดินกลับเข้ามาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หวาดระแวงตลอดเวลาที่ข่มตานอน อีกทั้งยังต้องคอยช่างใจว่าเธอควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อรอฟังเหตุผลของพงศกรดี หรือว่าจะหนีกลับไปหาผู้เป็นแม่เลี้ยงดี และหลังจากคิดแล้วคิดอีกอยู่หลายรอบ เธอก็ได้คำตอบในที่สุดว่า

ไม่มีวันที่เธอจะย้อนกลับไปหาผู้หญิงใจร้ายคนนั้นแน่นอน

ต่อให้เธอต้องตาย เธอก็จะไม่กลับไป !!

ทาริกาตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงในที่สุด เมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้องบุวอลเปเปอร์สุดหรูว่ามันเป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้ว ปกติหญิงสาวไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อน เธอต้องตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาเตรียมเปิดร้านให้ทันเวลาแปดโมงเช้า ด้วยนาฬิกาปลุกส่วนตัวที่ชื่อเกสร ซึ่งมีประสิทธิภาพในการปล่อยคลื่นเสียงพลังทำลายล้างสูง เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเกสรจะสร้างความทรงจำที่ทั้งดีและร้ายให้เธอมากเพียงไร จะทำร้ายเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่าหัวใจของเธอผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นมากเพียงไร

“บะหมี่....แกไม่ได้เป็นพวกมาโซนี่” เธอเปรยกับตัวเองเบา ๆ ภายในห้องน้ำกว้าง ก่อนจะปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า “ไม่ว่าแกจะผูกพันกับผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไร แกก็อย่าลืมความเจ็บปวดที่เขาได้ทำไว้กับแก สิ่งนั้น
แหละที่จะทำให้แกสามารถทิ้งอดีตได้อย่างถาวร”

ทาริกาบอกกับตัวเองในกระจกอย่างมั่นใจ

พงศกรมองร่างบางที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีหม่นผ่านกรอบแว่นใสก่อนจะตัดสินใจหยุดงานทั้งหมดที่กำลังทำอยู่ เพื่อลุกขึ้นเดินไปหาคนที่เดินเก้ๆกังๆเปะปะไปมาอยู่ตรงห้องรับแขก

“หิวข้าวหรือยังล่ะ” เขาเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังนั่งลงและหยิบนิตยสารสองสามเล่มที่วางอยู่บนชุดรับแขกขึ้นมาเปิดดูรูปภาพผ่านๆ “ปกติฉันไม่ค่อยกินอะไรหนักๆตอนเช้า เลยไม่ได้ทำกับข้าวเอาไว้ แต่ถ้าเธอหิว ก็เปิดตู้เย็นได้นะ ในนั้นมีอาหารแช่แข็งอยู่ เธอเอามาเวฟกินได้”

พงศกรทรุดตัวลงนั่งบนโซฟารับแขกบ้าง

“แล้วเราค่อยมาคุยธุระกัน” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะกดปุ่มเปิดโทรทัศน์ “ทีวีก็มีนะ ถ้าเธอเบื่อและอยากกินข้าวไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วย”

พูดจบเขาก็ส่งรีโมทคอนโทลให้หญิงสาว แล้วทำท่าจะกลับไปที่ห้องทำงานของเขาต่อ

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

พงศกรหันมามองทาริกาที่เรียกเขาไว้ ชายหนุ่มเห็นเธอทำหน้าอ้ำๆอึ้งๆเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดไปเสียอย่างนั้น

“ต้องการจะพูดอะไรหรือเปล่า” พงศกรถามเสียงเรียบ ก่อนจะกอดอกมองเธออย่างคาดหวังว่าหญิงสาวจะตอบคำถามเขาเสียที

“คุณ ใช้เงินมากขนาดไหน น้าเกสรเขาถึงยอมให้คุณพาฉันออกมาได้” ผลที่สุดทาริกาก็ถามออกมาจนได้

“มันไม่ใช่เงินมากมายอะไรหรอก เอาเป็นว่าฉันคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดก็แล้วกัน และเธอก็ไม่ต้องนึกห่วงแม่เลี้ยงกับพี่สาวนอกไส้ของเธอหรอกนะ เพราะพวกนั้นจะสบาย พี่สาวเธอก็จะมีอนาคตที่ดีแน่นอน ถ้าพี่เธอตั้งใจ”

เขาบอกได้แค่นั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปนั่งประจำโต๊ะทำงานในห้องกระจกเช่นเดิม หากแต่เขาก็ไม่ได้ทำงานต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะเมื่อเขาเข้ามาในห้องก็มัวแต่สังเกตปฏิกิริยาของทาริกา ที่ทำท่าเหมือนกับคิดอะไรบางอย่าง แต่เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็เดินตรงไปยังห้องครัว คุ้ยหาอะไรบางอย่างในตู้เย็นครู่เดียวก่อนจะหยิบอาหารแช่แข็งออกมาสองกล่อง ช่างใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ จากนั้นก็นำมันเข้าไปเวฟ 30 วินาทีต่อมา เธอก็เดินกลับมายังห้องนั่งเล่น พร้อมกับสปาเกตตี้คาโบนาร่าจานโต และนั่งลงที่โซฟารับแขกเพื่อรับประทานอาหารไป ดูโทรทัศน์ไปอย่างที่เขาคาดเดาไว้ในตอนแรก

“ดูเหมือนจะเป็นคนเชื่อฟังคนง่ายเหมือนกันนะ” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างใช้ความคิด ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักหรอกนะว่า ผลการเจรจาในวันนี้ของเขาจะทำให้เธอยอมตกลงเข้าร่วมแผนการด้วยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย เธอคือกลไกสำคัญในการเข้ารับมรดกของเขาและอาม้า ไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะต้องเป็นพวกกับเขา

ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม


ทาริกาละสายตาจากโทรทัศน์จอกว้างที่กำลังฉายโฆษณาอยู่อย่างเบื่อหน่าย พลันเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่งในกรอบรูปไม้ซึ่งตั้งอยู่บนตู้เก็บหนังสือขนาดเล็ก ที่เหมือนจะมีไว้วางนิตยสาร ทาริกาพิศมองดวงหน้าของเธอคนนั้นอย่างสนใจ ผู้หญิงสวย บุคลิกดีที่ทำให้เธอประทับใจตั้งแต่แรกเห็นคนนั้นกำลังแย้มยิ้มสดใสเบิกบานส่งให้กับช่างกล้องเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ เบื้องหลังของเธอนั้นคล้ายโบสถ์ สถาปัตยกรรมยุโรปที่ไหนสักแห่งที่เธอไม่รู้จักชื่อและไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ไปเยือน ใกล้กันมีกรอบรูปอีกกรอบหนึ่ง คราวนี้น่าจะเป็นสวนซากุระที่บานสะพรั่งในญี่ปุ่นหรือไม่ก็เกาหลีที่มีดอกไม้ลักษณะคล้ายๆกันนี้เช่นกัน ภาพกรอบนี้งดงามราวกับภาพเขียน ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งเคียงกันในสวนซากุระที่บานสะพรั่ง โดยฝ่ายชายโอบไหล่หญิงสาวหลวมๆ ใบหน้าคมเข้มที่เธอชอบคิดว่าทำเป็นอยู่สองสีหน้าคือหน้ายียวนกับหน้านิ่ง เผยยิ้มกระจ่างสดใส ที่ใครเห็นก็อดจะชมว่าเขาช่าง ‘ดูดี’ เสียเหลือเกิน จนทาริกาอดคิดไม่ได้ว่า เขาไม่เคยดูรูปนี้หรือไงนะ ถึงไม่รู้ว่าเวลาเขายิ้มนั้นทำให้โลกสดใสขนาดไหน เขาถึงได้ทำหน้าปั้นปึ่งอยู่ตลอดเวลา

หรือเขาจะทำหน้าแบบนี้ เฉพาะกับคนที่สนิทด้วยจริงๆเท่านั้น เธอเองก็เพิ่งจะรู้จักเขาได้แค่ไม่เต็มสามวันดีด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะต้องยิ้มหวานให้แบบในรูปนี้ที่เขาถ่ายกับคนรักอย่างคุณโรสด้วย

“คิดอะไรอยู่บะหมี่” เสียงจากคนที่เธอคิดว่ายังคงทำงานอยู่ในห้องกระจกดังขึ้น ทาริกาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบพงศกร ที่เดินตรงมานั่งลงบนโซฟาข้างตัวเธอ

“ฉันคิดว่าคุณสองคนเหมาะสมกันดีค่ะ คุณโรสเธอสวยมากจริงๆ”

พงศกรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองรูปที่ตั้งอยู่บนตู้ตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนโยน

“เธอไม่ได้มีดีแค่สวยนะ เธอยังฉลาดและน่ารักอีกด้วย”

ทาริกาสังเกตเห็น ว่ายามที่เขาเอ่ยถึงคนรัก เขามีท่าทีอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

“จริงสิ” พงศกรเอ่ย เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “เธออิ่มแล้วใช่ไหม เราจะได้ตกลงเรื่องธุระกันสักที”

“อ๋อ...ได้สิ” ทาริการับคำ ก่อนจะฉวยจานสปาเกตตี้ที่หมดเกลี้ยงขึ้น แล้วเดินไปล้างจนสะอาด ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง “คุณมีอะไรก็ว่ามา”

พงศกรขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มวางท่าทางจริงจัง

“เรื่องที่ฉันจะเล่ามันอาจจะฟังดูนิยายไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง” เขามองตรงมายังทาริกาด้วยแววตาจริงจัง และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องมันมีอยู่ว่า...”

ตนุภัทรยื่นธบัตรสามสี่ใบให้ตามราคาที่ขึ้นบนมิเตอร์ ก่อนจะรับเศษเหรียญที่คนขับทอนมาให้ใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของตัวเอง ลงจากรถไปหยิบกระเป๋าและสัมภาระอื่นๆที่ท้ายรถ

เขายื่นมือไปกดออดหน้าบ้านเพื่อเรียกคนข้างในให้ออกมาเปิดประตู

วันนี้ เป็นวันที่เขาจะกลับมาอยู่ที่นี่อย่างถาวรอีกครั้ง

ชายหนุ่มก้าวเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่เขาไม่ได้กลับมาหลายปี ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งเด็ดขาดจากเจ้าสัวสมพงษ์ให้ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองนอก เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ หลังจากที่เขาทำให้ครอบครัวต้องปวดหัวอยู่หลายปี เอ็นทรานส์สองครั้งก็ยังไม่ติด ครั้นจะขอไปเรียนเอกชนหรือมหาวิทยาลัยเปิดผู้เป็นสามีของป้าก็ไม่ยอม เขาจึงต้องยอมระเห็จไปใช้ชีวิตแสนอิสระที่เมืองนอกอยู่เกือบห้าปี ก็เรียนสำเร็จมาในที่สุด

ร่างสูงเดินตรงไปยังห้องทำงานของเจ้าสัวสมพงษ์ก่อนทันที

“สวัสดีครับท่านเจ้าสัว”ตนุภัทรยกมือไหวผู้เป็นลุงเขยอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะถือวิสาสะแทรกตัวลงไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กอีกฟากหนึ่งของโต๊ะทำงาน ตรงข้ามกับที่เจ้าสัวนั่งอยู่

“เรียนจบจนได้นะ” ท่านทักทายด้วยประโยคที่ฟังดูคล้ายประชดประชัน

“ก็แค่ห้าปีเท่านั้นแหละครับท่านเจ้าสัว”เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ใส่ใจอะไรมากมาย พูดจบก็ก้มลงหยิบอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุงกระดาษที่หยิบติดมือเข้ามาด้วยขึ้นมา “ที่โน่นไม่ค่อยจะมีอะไรน่าสนใจครับ แต่พอดีขากลับผมแวะฝรั่งเศส ผมเลยลองซื้อไวน์มากำนัลท่านเจ้าสัวครับ ที่อุตส่าห์ส่งเสียคนโง่เขลาอย่างผมเรียนจนจบปริญญามาจนได้”

ท่านเจ้าสัวหรี่ตามองขวดไวน์ที่หลานชายของภรรยาซื้อมาฝาก แล้วหัวเราะเสียงดัง

“เออ...ดีนะ ฉันเพิ่งรู้จากนายเนี่ยแหละว่า ฝรั่งเศสเป็นทางผ่านที่กลับมาจากแคนนาดาด้วย”

ตนุภัทรยิ้มฝืดขึ้นมาทันที แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มแฉ่งอวดฟันขาวเหมือนไม่รู้ว่าผู้สูงวัยกำลังประชดเขาอยู่

ก็แน่ล่ะ เขาพลาดเองที่ดันซื้อของฝากมาผิด แม้จะเป็นของขึ้นชื่อขนาดไหน แต่ก็ดันให้เขาจับได้ว่าแอบเอาเงินหนีไปเที่ยวนอกลู่นอกทางมาก่อนกลับ

“แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังไงเสียก็ขอบใจมากนะ ไปพักผ่อนได้แล้ว”


ตนุภัทรทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มของตนเองอย่างหมดแรง หลายวันมานี้เขาเที่ยวกรุงเทพเสียจนหายคิดถึงโดยไม่ได้มารายงานตัวให้ใครที่บ้านใหญ่ได้รับรู้การมาของเขาเลย ยกเว้นก็แต่ป้าของเขา แต่ก็นั่นแหละ เขาจะอยู่หรือไม่อยู่ จะมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ หรือจะไม่กลับมาเลยก็ไม่ได้สลักสำคัญอย่างไร

ก็ที่นี่ไม่มีใครที่มีสายเลือดเดียวกับเขาสักคน

ชายหนุ่มมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่อายุเท่าไรเขาก็จำได้ไม่แน่ชัด แต่คาดว่าสักประมาณเจ็ดแปดขวบเห็นจะได้ ตอนนั้นพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาประสบ
อุบัติเหตุจากไปอย่างรวดเร็ว ญาติของเขาแต่ละคนก็ไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากมายพอที่จะเลี้ยงดูเขาได้ พอดีกับที่ตอนนั้นคุณป้าของเขาที่แทบจะไม่ได้ติดต่อกันนานหลังจากที่ไปเป็นภรรยาน้อยของผู้รากมากดีก็ติดต่อขอรับตัวเขาไปเลี้ยงดู ไม่ว่าตอนนั้นป้าของเขารับเขามาเลี้ยงเพราะเหตุใดก็แล้วแต่
แต่ตนุภัทรก็นึกขอบคุณอย่างเหลือล้น

ที่ทำให้เขาได้กลายมาเป็นหลานชายคนเล็กของตระกูลเศรษฐีได้ในชั่วพริบตา

ความจริงเขาไม่เคยนึกอยากจะแย่งสมบัติบ้าบออะไรของตระกูลนี้นักหนาหรอก แม้จะถูกป้าเป่าหูอยู่ทุกวี่วันก็ตาม แต่ในเมื่อสมบัติพวกนี้กำลังจะตกไปเป็นของของคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวพงษ์พิชญโชติ เขาเองก็คงจะไม่นิ่งเฉยเหมือนกัน ใครจะยอมให้สมบัติที่ควรจะเป็นของป้าเขาอย่างน้องก็หนึ่งในสี่ต้องตกไปเป็นของคนอื่นได้เล่า

“นายเองก็คงไม่ยอมเหมือนกันสินะ....เฮียฟง”

เขานึกถึงหน้าคมเข้มของพี่ชายร่วมบ้านที่เติบโตด้วยกันอย่างพงศกรขึ้นมา พี่ชายคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะได้ดีไปกว่าเขาเสียทุกอย่าง

แต่เสียดายที่ไม่เคยได้รับคำชมใดๆจากเจ้าสัวสมพงษ์เลยสักครั้ง

ตอนนี้ พงศกรเองก็คงจะพยายามทุกวิถีทางที่จะได้สมบัติกลับคืนมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง และไม่ว่าตอนนี้พงศกรกำลังพยายามทำอะไรอยู่ เขาคนนี้แหละที่จะตามขัดขวางอย่างสุดความสามารถ

“เดี๋ยวได้สนุกกันแน่ เฮียฟง”

เขาลุกขึ้นหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก มันคือซองเอกสารที่คุณดาราให้แมสเซนเจอร์มาส่งที่โรงแรมเมื่อเช้า มันเป็นรูปถ่ายที่นักสืบของคุณดาราถ่ายได้สดๆร้อนๆ

ภาพของพงศกรกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

เขาจำเธอได้ในทันที เด็กผู้หญิงสาวสวยน่ารัก ผมสีสันแสบทรวงตัดกับผิวขาวละเอียดคนนั้น !

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากของตนุภัทร เจ้าตัวเดินไปที่หน้ากระจกบานยาวที่ติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ยกมือขึ้นจัดผมหน้าม้าสั้นดำขลับของตัวเองให้เข้าที่

“นอกจากหล่อแล้วยังร้ายไม่เบาอีกนะ ไอ้เจ้าน็อตเอ๊ย”

เขาหลิ่วตาให้ตัวเองครั้งหนึ่ง แล้วหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี พลางมือก็เลื่อนข้อมูลบนจอโทรศัพท์แบบสัมผัสหาใครคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ติดต่อมานาน

“สวัสดีครับพี่โรส ผมเองนะครับ น็อต”


ทาริกาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จึงได้ยกมือขึ้นฟาดหน้าตัวเองเบาๆครั้งหนึ่ง และหยิกแก้มตัวเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่ใจ และเธอก็ต้องพบว่า ที่ตัวเองได้ยินได้ฟังมานั้นมันเป็นเรื่องจริง ไม่ได้หลับฝันแล้วเพ้อพกไปเองคนเดียวแต่อย่างใด ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วของทาริกายิ่งซีดเข้าไปกันใหญ่เมื่อพงศกรได้ย้ำให้เธอฟังซ้ำอีกครั้ง

“ไม่ได้ฝันไปหรอกบะหมี่....เธอคือผู้รับมรดกพันล้านของอาเตี่ยฉัน”

เหมือนเอาค้อนปอนด์ทุบหัวให้มึนงง ทาริกาหันหน้าซีดๆของตัวเองไปทางพงศกร และใช้สายตาของตัวเองมองชายหนุ่มตรงหน้าให้ชัดอีกครั้งหนึ่ง

“บ้า...บ้าแน่ๆ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ปากซีดๆของเธอขยับเป็นคำถามออกมาอย่างช้าๆ “ถ้าเกิดผิดตัวขึ้นมาจริงๆฉันมิถูกจับเข้าคุกข้อหาฉ้อโกงเหรอ เงินเป็นร้อยเป็นพันล้าน”

พงศกรยิ้ม ส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่หรอก ไม่ผิดแน่ ถ้าเธอมีปู่ชื่ออาไค เมื่อก่อนเคยเปิดร้านขายกาแฟอยู่แถวห้างไนติงเกล และไม่ผิดแน่ถ้าเธอชื่อทาริกา”

“งั้นบอกหน่อยสิว่า ฉันไปเกี่ยวข้องทางสายเลือดยังไงกับพ่อคุณ ฉันถึงจะได้รับเงินมากมายขนาดนั้น”

หญิงสาวถามเสียงแหบ ตอนนี้ลำคอของเธอแห้งผาดไปหมดแล้ว

“เธอไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับอาเตี่ยของฉัน แต่ปู่ของเธอเกี่ยว ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน...เอ..แต่ฉันเล่าให้เธอฟังไปแล้วนี่ เธอไม่ได้ตั้งใจฟังเลยหรือไง” เสียงพงศกรคล้ายคุณครูกำลังดุนักเรียนดื้อๆคนหนึ่ง

“เปล่านะเปล่า ฉันฟัง แต่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าเขา....หมายถึงพ่อของคุณเกิดจะมาตามหาทายาทอะไรตอนนี้ มันผ่านมากี่ปีดีดักแล้ว ปู่ก็ตายไปตั้งแต่ปีมะโว้ ถ้าจะมารู้สึกผิด ทำไมไม่รู้สึกผิดไปตั้งแต่รุ่นพ่อฉันแล้วล่ะ ลองคิดนะ ถ้าปู่ฉันจะมาเข้าฝันทวงสมบัติพ่อของคุณ ทำไมไม่เข้าไปตั้งแต่ท่านตายใหม่ๆ หรือไม่ก็อย่างน้อยก็น่าจะเข้าฝันพ่อคุณตั้งแต่พ่อฉันตายก็ได้ ถ้าท่านไม่อยากให้ฉันลำบากจริงๆ ทนอยู่ได้ยังไงตั้งสามสี่ปี ”

“แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ ไม่ใช่ปู่เธอสักหน่อยนี่ ทำไมไม่ลองถามปู่เธอดูเล่าแม่คุณ”

พงศกรบอกเสียงสูง

“เอ...อย่าขัดได้ไหมเล่า ให้ระบายอะไรสักหน่อยให้หายมึน ตอนนี้ฉันรู้สึกปวดหัวตึบๆเหมือนโดนค้อนทุบหัวมาเลย ฉันไม่รู้ว่าจะปรับสภาพสมองตัวเองยังไงแล้ว อีตอนแรกที่โดนคุณจับตัวมา ก็นึกว่าเป็นพวกนิยายพาฝันอย่าง แค้นลวงรักซาตาน เล่ห์ซาตานทรมานบ่วงหัวใจอสูร อะไรอย่างนั้น แต่ไหงคืนเดียวกลายเป็น ทายาทคืนเหย้า ไปได้ล่ะ ฉันงงไปหมดแล้ว”

ทาริกายกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเหมือนคนสับสนยากจะหาทางออก แต่คู่สนทนากับหัวเราะถูกใจ

หญิงสาวคิ้วกระตุก มองคนหน้าเข้มตาขวาง

“ขำอะไรคะ”

“ก็ขำไอ้เล่ห์ซาตานทรมานบ่วงหัวใจอสูร ของเธอน่ะสิ เจอทั้งเล่ห์ เจอทั้งซาตาน แถมยังโดนทรมานจนติดบ่วงหัวใจอสูรอีก ป่นปี้หมดแน่ๆ NC ทั้งเล่มชัวร์”

“แน้..รู้จักด้วยเหรอ เอ็นซีน่ะ ไม่นึกว่าผู้ชายแก่ๆ...เอ้ย วัยรุ่นตอนปลายอย่างคุณจะอ่านด้วย” หญิงสาวชี้เขาอย่างล้อเลียน คนมาดเข้มรีบปฎิเสธพัลวัน

“เปล่าๆไม่ใช่ผม อาม้าผมต่างหากล่ะ ท่านชอบอ่าน บางทีก็พาท่านไปซื้อ เลยจำได้...รู้จัก ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยากจะคุยกับเด็กอย่างเธอแล้ว ขอไปทำงานก่อนนะ ส่วนเธอ”

เขาจ้องมายังทาริกาเขม็ง

“ไปทำความสะอาดบ้านซะ เดี๋ยวพอฉันทำงานเสร็จแล้วจะพาไปซื้อเสื้อผ้า ทำผมทำเผ้าซะใหม่ เตี่ยฉันคงไม่ชอบหรอก เด็กผู้หญิงทำสีผมจัดจ้าน ท่านชอบบอกว่า เกิดเป็นคนจีนต้องมีผมสีดำ ใครไปทำสีผมท่านด่ายับ ท่านว่าอยากเป็นพวกฝรั่งหรือไง ไม่ภูมิใจหรือที่เกิดเป็นลูกจีน ตาดำ ผมดำ”

ทาริกาอ้าปากค้าง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างเสียไม่ได้

“แล้วพอเราซื้อของเสร็จแล้ว เราก็มาคุยเรื่องของเราพาร์ทสองต่อ คราวนี้เธอก็จะได้รู้แล้วล่ะว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาอยู่ที่นี่ก่อน แทนที่จะไปพออาเตี่ยเลย”

ทาริกากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

“เข้าใจแล้วค่ะคุณฟง คุณไปทำงานเถอะค่ะ”

ทาริกามองคนร่างสูงที่หายเข้าไปในห้องกระจกนั้นอีกครั้งอย่างใช้ความคิด ถ้าเธอเดาไม่ผิดที่เขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ก่อนคงเป็นเรื่องสมบัติอย่างแน่นอน เขาคงจะยื่นข้อเสนอดีๆให้กับตัวเธอเป็นแน่ หญิงสาวยิ้มอยู่ในใจ ไม่ว่าข้อเสนอของพงศกรจะเป็นอะไร มันก็คงจะส่งผลดีกับเธอเป็นแน่ คิดได้ดังนั้น ทาริกาจึงรีบเดินไปหยิบไม้กวาด และผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดมาอย่างอารมณ์ดี

แต่แล้วเพียงไม่นาน การทำความสะอาดของเธอก็ต้องถูกขัดจังหวะโดยเสียงออดของใครบางคนที่ด้านนอก

“คุณฟงคะ...มีคนมาค่ะ”

เธอโผล่หน้าเข้าไปบอกเขาที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด ทำราวกับไม่ได้ยินได้ยลแต่อย่างใด
“คุณฟง จะให้ทำยังไงคะ แขกมาอยู่หน้าห้องเนี่ย”

“เธอไปกดรหัสปลดล็อคเลยแล้วกัน รหัสคือ.....” เขาบอกตัวเลขสี่ห้าตัวออกมาเหมือนมันไม่ใช่ตัวเลขที่เป็นความลับ ทาริกาพยักหน้างงๆ ก่อนจะเดินไปปลดล็อคตามที่บอก

“แปลกคนนะคุณนี่....ถ้าเกิดว่าคนที่มาเป็นคุณโรส แล้วเธอมาเห็นฉันเปิดประตูห้องคุณออกไป เธอคงจะตกใจจนแทบช็อคเลยมั้งนั่น” พูดพลาง นิ้วเรียวก็จิ้มรหัสไปพลาง

แต่ยังไม่ทันที่รหัสตัวที่สี่จะถูกกดลง

พงศกรก็ถลาเข้ามาปัดมือเธออย่างเต็มแรงจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว

“อย่าเพิ่งเปิดนะ !!!”




อิษฎา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2554, 22:12:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2554, 22:13:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1670





<< เป็นเอามาก 100%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account