แผนร้ายหมายรัก
ทาริกาคิดว่าชีวิตของตัวเองเหมือนละครน้ำเน่าที่ พ่อต้องมาตายตั้งแต่อายุ 15 เลยต้องมาอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและพี่สาวใจร้ายแถม เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แม่เลี้ยงที่เคยใจดียื่นคำขาดว่าต้องเรียนสายอาชีพ เพื่อมาช่วยทำงานร้านอาหาร ทาริกา ไม่เคยขัด แม้จะไม่ใช่คนที่ยอมคนเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าแต่ก็ต้องอดทนกัดฟัน เธออดทนมาถึงสามปีจนเรียนจบคหกรรมมาอยู่ช่วยงานที่ร้านไม่ได้เรียนปริญญาเหมือนคนอื่น แต่มารดาของเธอคนนี้ก็ยังใจร้าย ขายเธอให้กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยเงินสามแสนบาท !!!

อะไรนะ ?? เข้าใจผิด !!
แล้วเรื่องจริงมันคืออะไรกันแน่
ตกลง นี่จากนิยายเรื่อง "บำเรอรักซาตาน" กลายเป็น " ทายาทคืนเหย้า " ไปแล้วเหรอ ??

ทำไมล่ะ ????
Tags: สมบัติ,น่ารัก,วางแผน,แกล้ง

ตอน: เป็นเอามาก 100%


เป็นเพราะเครื่องปรับอากาศภายในรถเขามันเย็นเกินไป หรือเพราะว่าทาริกายังคงอยู่ในสภาพที่เปียกปอนอยู่ก็ไม่ทราบ ที่ทำให้ตอนนี้หญิงสาวนอนขดตัวกอดเขาอยู่บนเบาะข้างคนขับบนรถคันเล็กของเขาเหมือนลูกหมาตัวเล็กยามเปียกฝน ร่างบางยกมือขึ้นมาเช็ดจมูกฟุตฟิตก่อนจะจามออกมาเบา ๆ

“ตอนที่เธอนอน เธอก็เหมือนเด็กอายุ 19 ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเหมือนกันนะบะหมี่ ”

เขาเปรยขึ้นมาลอยๆ ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาอยากจะบอกประโยคนี้ให้ใครฟังกันแน่ บอกทาริกาที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างเขานี่ ว่าเธอเองก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่สิบเก้าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หรือบอกตัวเอง ที่กำลังจะพาเด็กคนนี้เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดกันแน่

เพราะตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ว่าทาริกาจะตัดสินใจยังไง ชีวิตของเธอก็คงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เมื่อรถติดไฟแดง เขาก็เห็นโอกาสที่จะขยับร่างเล็กที่นอนขดอยู่ให้นอนสบายขึ้น จึงหยิบปากกาหมึกซึมที่คว้าได้แถวคอนโซลรถขึ้นมา ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับไว้ที่ข้อเท้าเล็ก ส่วนอีกข้างหนึ่ง ออกแรงเขี่ยไปที่รองเท้าผ้าใบเปื่อยยุ่ยของหญิงสาวเพื่อให้หลุดออกมาอย่างยากลำบาก

“ไม่ได้รังเกียจนะ แต่รองเท้าเธอไปลุยน้ำฝนมา” เขาบอก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่เขาใช้เช็ดช้อนส้อมในร้านของทาริกาเมื่อกลางวันขึ้นมาปัดรอยเปื้อนที่เบาะ

“คงต้องให้คาร์แคร์ดูให้แล้ว” เขาบอกกับตัวเอง ก่อนจะขยับตัวมานั่งที่ของตัวเองเต็มตัวและเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีเขียวสว่างขึ้น

เมื่อความรู้สึกร้อนเข้ามาแทนที่ความเย็นที่ได้สัมผัส อาการหายใจไม่สะดวกก็แทรกเข้ามาแทนที่ความสบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์ของทาริกา หญิงสาวอยากจะเปลี่ยนท่านอนเพื่อให้สบายขึ้นจึงพยายามขยับตัวขยุกขยิกก็เหมือนมีอะไรล็อคอยู่ให้ขยับไม่สะดวก จึงได้พยายามยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้น แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่ปรือตาเท่านั้น

“พี่ ปิดพัดลมหนูเหรอ หนูร้อนนะ”

ไม่มีคำตอบจากผู้เป็นพี่สาวต่างบิดามารดาอย่างที่ควรจะเป็น ก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดของทาริกาจะค่อยหลั่งไหล เรื่องราวเริ่มปะติดปะต่อ ภาพเหตุการณ์ที่เธอถูกขายให้กับผู้ชายคนนั้นค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ภาพความคิดที่ว่าเธอยังคงนอนอยู่กับพี่สาวที่บ้านเหมือนเช่นทุกวัน

“ตายโหง !”

ทาริกาสบถ ก่อนจะสะดุ้งตื่นเต็มตา หันรีหันขวางมองรอบตัวด้วยความตกใจ

รอบตัวไม่ได้ปกคลุมด้วยความมืด หรือผ้าม่านในโรงแรมม่านรูดอย่างที่เธอจินตนาการเอาไว้เมื่อครู่ หากแต่มันเป็นภาพของตลาดโต้รุ่งข้างถนน และเธอกำลังอยู่บนรถยนต์ที่ดับเครื่องสนิทซึ่งจอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวมองไปรอบกาย ผู้คนมากมายยังคงใช้ชีวิตยามราตรีอยู่อย่างปกติ มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่อยู่ผิดที่ผิดทาง

เมื่อเห็นว่าไม่มีแม้แต่เงาของผู้ชายที่บอกกว่าซื้อเธอมาจากเกสรแล้วเรียบร้อยอยู่ในบริเวณนี้ หญิงสาวจึงจัดแจงถอนเข็มขัดนิรภัยออกเป็นอันดับแรก ก่อนจะควานหารองเท้าผ้าใบของตนที่ถูกถอดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ขึ้นสวมใส่ อุณหภูมิภายในรถที่เริ่มร้อนและอึดอัดบอกได้ว่าเจ้าของรถคันสวยนี้คงจะลงจากรถไปได้สักพักแล้ว นั่นแสดงว่าเธอควรจะทำทุกอย่างก่อนที่มันจะสายไป ทาริกาจึงพยายามที่จะเปิดประตูรถซึ่งถูกล็อคอัตโนมัติ แต่แปลกที่ไม่ว่าทำอย่างไรมันก็ไม่ออกสักที

“ทำไมไม่ออกล่ะ” หญิงสาวพึมพำอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพยายามที่จะเปิดประตูต่ออย่างบ้าคลั่ง “ไอ้บ้า ! เคยขึ้นรถคันอื่นมันก็เคยเปิดได้นี่หว่า”

เธอหมายถึงรถญี่ปุ่นรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่เธอเคยโดยสาร มันสามารถปลดล็อคอัตโนมัติจากข้างในได้นี่นา

“ไอ้บ้า !!! ไอ้รถเฮงซวย เปิดซิวะ”

เธอสบถยาวยืด ก่อนจะระบายอารมณ์ด้วยการทั้งถีบ ทั้งตี ทั้งทึ้ง ทุกสิ่งที่มันน่าจะทำให้ประตูรถเปิดออกได้ ครั้นพอจะทุบกระจกเรียกคนภายนอกให้หันมาสนใจเธอ ฟิล์มมันก็ดำเกินกว่าที่ใครจะมองเห็น หญิงสาวจึงยืดตัวไปข้างหน้า เคาะกระจกหน้ารถที่ใสแทน แต่ก็เหมือนไม่มีใครสนใจ

จนกระทั่งใครคนหนึ่งเดินถือถุงพลาสติกสีขาวใบโตออกมาจากร้านสะดวกซื้อ และมองเธอที่เกาะกระจกหน้ารถอยู่ด้วยความขบขัน ก่อนจะกดรีโมทสองครั้งปลดล็อคออก และเข้ามานั่งข้างเธอทันที

ทาริกายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากและปิดหน้าผากเพื่อป้องกันการคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

“ตื่นแล้วเหรอ” เขาถามเสียงเรียบ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อวางถุง
พลาสติกที่เขาถือมาด้วย “ เธอคงร้อนสินะ ฉันเข้าไปนานหน่อย ไม่รู้ว่าจะเลือกกลิ่นอะไรดี ที่คิดว่าเธอจะชอบ ”

เลือกกลิ่นที่ฉันจะชอบ !!

ทาริการ้องกรี๊ดอย่างตกใจ ก่อนจะเริ่มทุบตี จิกข่วนคนที่พูดเรื่องหน้าบัดสีได้หน้าตาเฉยไม่ยั้ง พลางร้องด่าอย่างคนเสียสติ จนคนที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเริ่มทนไม่ไหว โต้ตอบกลับบ้าง

“หยุด !!!” เขาตวาดลั่น ก่อนจะใช้ความรวดเร็วคว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ผลที่สุดเธอก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้อีก ทาริกาหยุดหายใจหอบ ใบหน้าแดงก่ำ

“เป็นเด็กดี นั่งไปนิ่ง ๆ ถ้ายังไม่อยากให้ฉันทำอะไรรุนแรงกับเธอในนี้” เขายิ้มเย็น

ทาริกาอยากจะร้องกรี๊ด เธอสะบัดมือของเขาอีกครั้ง ก่อนจะพยายามทึ้งผมของเขาอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาทางออก ก็ใครจะไปยอมล่ะ ไอ้บ้าหื่นกามนี่มันบอกว่ามันจะทำอะไรรุนแรงกับเธอในนี้

ทำเรื่องแบบนั้นในที่แคบ ๆ บนถนนอย่างนี้น่ะเหรอ !!!

“ไอ้คนเลว! ไอ้คนชั่ว!” หญิงสาวตะโกน ก่อนจะทุบตีเขา แต่เหมือนว่าพลังที่ลงไปแต่ละหมัดมันจะอ่อนแรงลงทุกที

ใช่ ! เธอไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับเขาแล้วตอนนี้ เพราะฉะนั้น ทางที่ดีเธอควรออมแรงเอาไว้สู้ กับสถานการณ์เบื้องหน้าดีกว่า !

ทาริกาผ่อนแรงลง และยอมอยู่อย่างสงบ

“อยู่เงียบ ๆ น่ะดีแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยเหมือนพอใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังอีกรอบ แต่เพราะความแคบของรถคันนี้ จึงทำให้เขาเข้ามาใกล้เธอเกินความจำเป็น ทาริกาจึงกระถดหนีจนหลังชิดประตูรถ เธอเห็นเขาถอนหายใจ ก่อนจะยื่นห่อกระดาษชำระสีสันน่ารักให้ “ พอดีเหลือบไปเห็นว่ามันน่ารักดี คิดว่าเด็กผู้หญิงคงจะชอบ ”

ทาริการับมันมาอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะเช็คมันอย่างละเอียด จนแน่ใจแล้วว่ามันไม่ได้มีการแกะห่อออกก่อนเพื่อใส่ยาสลบแน่ เธอจึงรับมาเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลปะปนกันเต็มไปหมดบนใบหน้าของเธอจนสะอาด

ทันใดนั้น สมองอันปราดเปรื่องของเธอก็นึกภาพอะไรบางอย่างออก

ภาพของกระดาษทิชชูแพ็คน่ารัก ที่วางอยู่ตรงเค้าท์เตอร์คิดเงิน ซึ่งอยู่เหนือชั้นวางหมากฝรั่ง และ.....

สิ่งนั้น !!!! ไอ้สิ่งที่เขาบอกว่าไม่รู้ว่าเธอจะชอบกลิ่นอะไรดี !!!

“ไอ้แก่โรคจิต ฉันไม่มีวันยอมแพ้แกง่าย ๆ แน่ ”

หญิงสาวกัดฟันกรอด บอกกับคนที่ขับรถหน้านิ่งไม่ไหวติง เขาทำหน้านิ่งอย่างนี้ได้ตลอดเวลา ทำเหมือนไม่ได้กำลังพาเธอไปทำมิดีมิร้ายอยู่อย่างนั้นแหละ !

“แกมันไอ้แก่หน้าตายโรคจิต” หญิงสาวเพิ่มคำบรรยายลักษณะของพงศกรจนเห็นภาพ

“พูดอยู่ได้ว่าฉันแก่ ฉันแก่” พงศกรบ่น ก่อนจะหันมองทาริกาที่กำลังจ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อด้วยแววตาเหมือนเอ็นดู “แต่ฉันยังไม่แก่สักหน่อยนะ อายุแค่ 29 น่ะ เขาเพิ่งเริ่มเป็นหนุ่ม เธอน่ะเด็กไปต่างหาก ”

พูดจบเขาก็หัวเราะเสียงใส

นั่นไง ! โรคจิตจริง ๆ โรคจิตตั้งแต่วัยเริ่มเป็นหนุ่ม !


ความเงียบเริ่มปกคลุมรถคันเล็กอีกครั้งหลังจากที่ทาริกาเริ่มทำตัวดีไม่มีปัญหา พงศกรแอบเหลือบมองเธอบางครั้ง เขาเห็นหญิงสาวนั่งกอดอกแน่น เม้มปากเสียสนิท นี่เธอกำลังสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปทำมิดีมิร้ายอยู่หรือเปล่า

นึกดูแล้วมันก็น่าอึดอัดไม่น้อยเลย แถมระยะทางกว่าจะไปถึงคอนโดของเขาก็ยังอีกไกลซะด้วย ครั้นจะชวนคุยเดี๋ยวก็กลายเป็นเปิดประเด็นทะเลาะกันไปเสียอีก เขาไม่อยากจะทำให้ผู้หญิงคนนี้เกลียดเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเขายังมีเรื่องที่ต้องตกลงกับเธออีกมาก มันจะดีกว่า ถ้าเขาทำให้เธอชอบขี้หน้า มากกว่าเกลียดขี้หน้าอย่างตอนนี้

“ฟังเพลงหรือเปล่า” พงศกรถามหญิงสาวข้างกายที่ยังคงนั่งกอดอกนิ่งไม่ไหวติงมาเกือบสิบนาที หากแต่ทาริกาไม่ตอบอะไร คิ้วหนาของเธอยังคงขมวดเป็นปมอยู่เหมือนเก่า และเมื่อไม่มีคำตอบเขาจึงสรุปให้ว่าเธอคงอยากฟังเพลงเป็นแน่

เมื่อกดเปิดวิทยุครั้งแรก มันเป็นคลื่นเพลงสากลที่เขาฟังอยู่บ่อย ๆ เชื่อว่าเด็กอย่างเธอคงไม่ชอบ

นิ้วเรียวจึงกดปุ่มหาสัญญาณอัตโนมัติแทน
หากแต่มันกลับกลายเป็นเพลงลูกทุ่งเนื้อหาชวนเข้าใจผิดเข้ามาแทนที่

“พี่เป็นหนุ่มวัยทอง ยังคะนองเหมือนดังม้าศึก จิตใจหาญ..หึก ดุจม้าศึกที่ยังลำพอง.. แต่ยังขาดคู่ใจ.. ไม่มีสาวใดเมียงมอง สาววัยรุ่น....”

คะนองเหมือนม้าศึก !!!

คนข้างตัวหันขวับมามองเขาตาเขียวทันที

“เฮ้ย ... ไม่ใช่นะ ” ชายหนุ่มรีบบอกปัด ก่อนจะกดปุ่มปิดเพลงลูกทุ่งนั้นไปทันที

“ไม่ใช่อะไร จะบอกว่าตัวเองยังไม่ใช่วัยทองใช่หรือเปล่า” ทาริกาถาม ก่อนจะกำหมัดแน่น “ทำแบบนี้กับฉันทำไม หรือแค้นที่ฉันหลอกด่าตอนอยู่ที่โรงแรม ฉันขอโทษก็ได้ เรื่องแค่นั้นไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้เลยนี่ ฉันไม่ได้ไปฆ่าน้องชายคุณสักหน่อย...หรือว่า พี่สาวฉันไปหลอกอะไรเพื่อนคุณ หรือ น้องชายคุณหรือเปล่าคุณเลยมาลงกับฉัน ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้!”

แม้คำพูดของเจ้าหล่อนจะฟังดูเหมือนพูดเล่น แต่สีหน้า แววตาและน้ำตาเม็ดเล็กๆที่เอ่อล้นขอบตาอยู่นั่นไม่ได้บอกว่ามันเป็นอย่างนั้นเลย
หากแต่เขาฟังยังไง มันก็ยังคงตลกอยู่ดี พงศกรจึงระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น

“นี่เธอจะบ้าเหรอ อ่านนิยายมากไปหรือเปล่า คิดว่าตัวเองเป็นใครหา” เขาถาม ก่อนจะทุบอกตัวเองอย่างถูกใจ “เกิดมาไม่เคยเห็นใครเป็นแบบเธอมาก่อนเลยยายเด็กบ๊อง เธอคิดว่าตัวเธอเป็นกบ สุวนันท์เหรอ หรือเป็นนุ่น
วรนุช ทำไมถึงคิดไปไกลได้ขนาดนี้”

หญิงสาวทำหน้าเหรอหรา พงศกรจึงรู้สึกว่าเขาคงต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอเสียแล้ว ก่อนที่ทาริกาจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

“ฉันไม่ได้ซื้อเธอมาจากแม้เลี้ยงเพราะจะเอามาแก้แค้นหรืออะไรอย่างที่เธอคิดหรอก”

“ไม่เชื่อ !” หญิงสาวบอกเสียงแข็ง จ้องเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อและเริ่มจินตนาการต่อ “มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ชายคนหนึ่งจะใช้เงินซื้อเด็กผู้หญิงเอามาเลี้ยงไว้ดูเล่นเฉยๆหรอก ตอนนี้คุณอาจจะบอกว่ายังไม่ทำอะไรฉัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า ต่อไปพอฉัน..เอ่อ...ฉันมีอะไรๆมากกว่านี้ คุณก็อาจจะทำมิดีมิร้ายฉันก็ได้”

เขาหันไปมองเธออย่างสนใจ ก่อนจะแกล้งทำเป็นมอง ‘อะไรๆ ’ ที่เธอว่ามันจะมีมากขึ้นในอนาคต

“ อืม..ก็น่าสนนะ ” เขาบอก ก่อนจะลูบคางอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ความจริง ฉันก็ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่หรอกเรื่องมีหรือไม่มี...อะไรๆที่เธอว่า เพราะฉันไม่ค่อยชอบอะไรที่มันจับไม่ถนัดมือ”

เขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถ เพื่อทำท่าประกอบอย่างนึกสนุก

“เลว! แกมันเลว!” หญิงสาวด่าอีกครั้ง ก่อนจะตีไหล่ของเขาแรงๆหลายครั้ง “ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเลวแบบนี้ แล้วแฟนแกล่ะ เธอรู้หรือเปล่าว่าแกทำอะไรต่ำๆแบบนี้”

พงศกรเบรกรถกะทันหัน จนทาริกาหน้าทิ่มไปกระแทกคอนโซลรถเนื่องจากไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย

“ทำไมล่ะ....พอพูดถึงพี่สาวคนสวยคนนั้นถึงกับสำนึกผิดเลยใช่ไหมล่ะ”

ใช่...ทาริกาพูดถูก นี่เขากำลังเล่นอะไรอยู่….เขาควรจะทำเรื่องนี้ให้จบไปสักที เพื่ออนาคตของเขา อาม้า และมณีมาลา หากเขามัวแต่เล่นอยู่เช่นนี้ เด็กคนนี้ไม่มีทางยอมทำตามข้อเสนอของเขาแน่ ๆ

คิดได้ดังนั้น เขาจึงหักรถเปลี่ยนเลนส์จอดเทียบข้างทางเพื่อไม่ให้ขีดขวางทางจราจรของคนอื่น ก่อนจะหันมาพูดกับคนข้างกายด้วยสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่จริงจัง

“ฟังนะบะหมี่...” เขาเอื้อมมือแข็งแรงมาบีบไหล่ของคนที่กำลังกลัวเขาจนตัวสั่น “ฉันไม่ทำอะไรเธอแน่นอน การที่ฉันซื้อตัวเธอมาจากแม่เลี้ยง ไม่ได้เป็นเพราะฉันพิศสวาทอะไรในตัวเธอ แต่ฉันมีเหตุผลอื่นที่สำคัญมาก ๆ สำคัญสำหรับชีวิตฉัน ม้าของฉัน และชีวิตของคนอีกมากมาย ”

ร่างเล็กบอบบางฟังเขานิ่ง ก่อนที่แววตาสั่นไหวจะพยายามมองลึกมาในดวงตาของเขา ราวกับว่าต้องการค้นหาความจริงบางอย่าง

“เชื่อใจฉันเถอะบะหมี่” เขาบอกเธออีกครั้ง ก่อนจะตบไหล่หญิงสาวเบาๆ“คนที่รู้จักฉันทุกคนจะรู้ว่า คนอย่างฉัน ทำร้ายใครไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างหนึ่ง ฉันไม่มีทางเอาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลฉันมาแลกกับการเล่นสนุกหรอก เธอไม่ต้องกลัว”

“แต่ฉันไม่รู้จักคุณ” หญิงสาวบอก พลางส่ายหน้าช้า ๆ “ฉันจะเชื่อใจคนที่ฉันรู้แม้แต่ชื่อได้ยังไง ขนาดน้าเกสร คนที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่สิบขวบ เขายังไม่จริงใจกับฉันเลย ชีวิตนี่ฉันจะเชื่อใจใครได้อีก เพราะฉะนั้นฉันก็มีสิทธิที่จะไม่เชื่อคนแปลกหน้าอย่างคุณไม่ใช่เหรอ”

พงศกรระบายยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากข้างทางช้าๆ

“ฉันชื่อพงศกร” แนะนำชื่อตัวเอง ก่อนหันมามองคนข้างตัว “จะเรียกว่าเฮียฟงก็ได้ เราสองคนก็เหมือนญาติกันนั่นแหละ ไว้พอไปถึงที่พัก เธอก็ลองฟังเรื่องที่ฉันจะเล่า แล้วเธอก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง”


“ตื่นได้แล้ว...”

เสียงทุ้มๆของใครคนหนึ่งที่ฟังไม่คุ้นหู ปลุกให้ทาริกาซึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายต้องลืมตาตื่นขึ้น หญิงสาวค่อย ๆ ยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะมองเห็นว่าคนที่กำลังยืนเปิดประตูให้เธออยู่นั้นเป็นใคร

“ที่นี่ที่ไหน” ทาริกาถามขึ้นเป็นอันดับแรก เพราะเดาไม่ออกเลยว่าที่นี่คือที่ใด รอบบริเวณเงียบไปหมด แถมยังไม่มีอะไรเลยนอกจากรถหรูๆที่เรียงรายกันเป็นตับ “ที่จอดรถของอะไร”

หญิงสาวถามอย่างไม่ไว้ใจ

“ที่พักของฉันเอง” เขาบอกอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะฉุดเธอให้ลุกขึ้นจากที่นั่งและปิดประตูรถเบา ๆ “ตอนนี้ก็เกือบจะตีสองแล้ว วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่าคืนนี้เรานอนกันก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ เธอเองก็มอมแมมไปหมด และก็คงจะเหนื่อยมากเพราะทำงานมาทั้งวัน พักผ่อนให้เพียงพอจะดีกว่า”

หญิงสาวมองเขาอย่างไม่เชื่อใจ ก่อนจะก้าวถอยหลังครึ่งก้าว

“ที่พักของคุณ”หญิงสาวเว้นวรรคเพื่อทำใจ ก่อนจะตัดสินใจถามคำถามที่เธอกลัวที่จะฟังคกตอบมันมากที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถามออกไป “มีแค่คุณ กับฉันงั้นเหรอ”

แทนคำตอบ เขาทำเพียงพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะข้อศอกเธอเบาๆ

“ไปกันได้แล้ว”

ทาริกาสะบัดแขนเบา ๆ เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา

“ไม่ไป !” หญิงสาวบอก ก่อนจะกอดอกมองเขาอย่างหาเรื่องอีกครั้ง “นี่คุณกะจะหลอกให้ฉันตายใจใช่ไหม เรื่องที่พูดมาทั้งหมดบนรถ คุณพยายามทำให้ฉันเชื่อใจ แล้วคุณก็จะ....”


ยังไม่ทันพูดจบ ทาริกาก็ต้องกลืนคำพูดลงไปในคอ เมื่อร่างสูงของพงศกรเขยิบเข้ามาใกล้ ดันเธอไปจนหลังชิดกับรถของเขา แล้วก้มหน้าชิดลงมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ

“ไม่ว่าฉันจะอธิบายยังไง เธอก็ยังจะจิตนาการถึงแต่เรื่องอย่างว่าทุกที” เขาหรี่ตามอง ก่อนจะยิ้มมุมปากที่ทรงเสน่ห์ชวนให้ใจเต้นแรง “ทำไมล่ะบะหมี่ หรือว่าฉันหล่อโดนใจเธอมาก ถึงขนาดเธอหยุดจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่ากับฉันมะ....”

ทาริการวบรวมความกล้า ยกมือขึ้นตีแก้มเขาให้แรงที่สุด เท่าที่สถานการณ์ตอนนี้ของเธอจะทำได้

และได้ผล เขาหยุดพูดและจ้องเธอนิ่ง ริมฝีปากหนาเม้มสนิทเหมือนกำลังพยายามระงับความโกรธ

“ความจริงฉันไม่ใช่คนใจร้าย” เขาพูดเสียงรอดไรฟัน “แต่ถ้ามีคนมาทำให้ฉันไม่พอใจ และมาทำร้ายฉันก่อน ฉันก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนะบะหมี่...”

เขาโน้มตัวลงต่ำกว่าเดิม จนร่างกายท่อนบนของเขาแนบสนิทกับตัวเธอจนหมด ก่อนที่เขาจะยื่นใบหน้าของเขา เข้ามาใกล้จนแทบจะชิดกับใบหูที่แดงก่ำของเธอ แล้วกระซิบแผ่วเบา

“ไปกับฉันดีๆ อย่าให้ฉันต้องกลายเป็นคนใจร้าย”

ทาริการู้ว่าตอนนี้ตัวเองคนต้องหน้าแดงไปทั้งใบหน้าแน่ ๆ เพราะความรู้สึกของเธอตอนนี้มันเหมือนเลือดจะไหลเวียนสูบฉีดไปทั้งร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้าซึ่งรู้สึกว่ามันร้อนเหมือนนั่งอยู่หน้าเตาผิงไฟก็ไม่ปาน แล้วไหนจะหัวใจที่เต้นแรงจนเริ่มหายใจไม่ทันนั่นอีก

“ทีนี้ไปได้หรือยังล่ะ” ร่างสูงที่จ้องมองดูอาการหายใจติดขัดด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความขบขันถามขึ้น ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ตัวเธออีกครั้ง หลังจากเพิ่งถอยห่างไปไม่นาน ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่เอวของเธออย่าถือวิสาสะ

ทาริกาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่พอใจ

“จะทำอะไรอีก” เสียงของเธอที่เปล่งออกไปนั้นสั่น จนตัวเธอเองยังรู้สึกได้ “จะแกล้งฉันไปถึงไหน”

“ก็กลัวว่าเธอจะเล่นตุกติกน่ะสิ” เขาบอก ก่อนจะกระชับแขนโอบเอวเธอให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม “เธอจินตนาการเองไม่ใช่เหรอว่าฉันจะต้องทำกับเธอแบบนี้ ฉันก็ทำแล้วไง”

หญิงสาวพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งแกล้งโอบเธอแน่นกว่าเก่า

“ปล่อยฉันได้แล้ว มันไม่สนุกแล้วนะ” หญิงสาวบอกอย่างเหลืออด ก่อนจะพยายามดัดแผ่นอกกำยำที่อยู่ใกล้จนแทบจะแนบหน้าเธอให้ออกห่าง “ยิ่งทำแบบนี้แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ไงว่าคุณเป็นคนดีและไม่ได้คิดจะเลี้ยงฉันไว้เป็นนางบำเรอจริงๆ ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อล่ะก็ ปล่อยฉันแล้วฉันจะยอมตามคุณขึ้นไปดีๆ”

เธอเห็นเขาหรี่ตามองอย่างใช้ความคิด ก่อนจะยอมคลายมือที่โอบเอวเธอไว้ออก

แต่เปลี่ยนมาประสานมือกับเธอแทน

“มาจับมืออีกทำไม” หญิงสาวขึ้นเสียง ก่อนจะพยายามขยับนิ้วของเธอที่ถูกนิ้วมือใหญ่ของเขาประสานอยู่อย่างแน่นเหนียวจนแทบขยับไม่ได้

“เธอบอกเธอไม่ไว้ใจฉัน” เขาเปรย ก่อนจะยกมือของเธอขึ้นมา “ฉันก็ไม่ไว้ใจเธอเหมือนกัน ถ้าเธอหนี ฉันก็คงจบเห่แน่ๆ เพราะฉะนั้น ฉันยังไม่ปล่อยเธอ จนกว่าที่เราจะถึงที่พัก แล้วตอนนั้นเราค่อยมาคุยเรื่องข้อตกลงความเชื่อใจของเรากัน”

ทาริกากระทืบเท้าอย่างขัดใจ ก่อนจะยอมเดินตามเขาไปดีๆอย่างไม่กล้าขัด

“อ้อ!แล้วถ้าจะคิดให้ยามช่วยล่ะก็ เสียใจด้วย เพราะคนที่นี่เป็นคนของฉันทั้งนั้น”

พงศกรแกล้งขู่ และได้ผลเธอปิดปากเงียบสนิท และยอมเดินตามเขาไปดี ๆ โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เขาพูดน่ะ เขาแกล้งหลอกให้เธอกลัวเท่านั้น


ห้องพักของเขาเป็นคอนโดหรูขนาดชั้นครึ่ง เมื่อเปิดเข้าไปชั้นแรกจะเป็นห้องโถงกว้าง มีเพดานสูง มองเห็นชั้นลอยที่น่าจะตกแต่งได้อย่างเรียบหรูไม่แพ้กัน ภายในห้องโถงชั้นล่างถูกแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่า โดยมุมด้านหนึ่งถูกจัดให้เป็นห้องพักผ่อนและรับแขกไปในตัว ซึ่งมีชุดรับแขกสีเขียวเรียบๆตั้งอยู่ใกล้ทีวีแอลซีดีจอยักษ์ ถัดจากพื้นที่ตรงนั้นจะเป็นห้องทำงานที่ติดกระจกใสรอบทิศ มองเห็นทิวทัศน์เบื้องนอกได้อย่างชัดเจน ตรงข้ามกันก็เป็นมุมห้องครัวสีครีมสะอาดตา ที่มีต้นไม้ประดับใบเล็กสีเขียวน่ารักวางอยู่ เดินตรงไปเป็นทางออกระเบียง ที่เป็นประตูบานเลื่อนกระจกใส เผยให้เห็นวิวตึกสูงยามค่ำคืนของกรุงเทพ และที่น่าหวาดเสียวคือสระว่ายน้ำขนาดย่อมริมระเบียงติดกับระเบียงกระจกขนาดใหญ่ แม้ว่ามันจะสวยดีแต่คนกลัวความสูงอย่างเธอไม่ค่อยจะพิสมัยมันมากนัก

“ชมความงามห้องของฉันเสร็จหรือยัง” พงศกรกอดอกถามเหมือนต้องการจะล้อเธอมากกว่าที่จะออกคำสั่ง “ ถ้าเสร็จแล้วก็มานี่ ” เขาที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอาหารตัวยาวติดกับห้องครัว

หญิงสาวเดินตามเขาไปไม่เกี่ยงงอน ก่อนที่เขาจะดันหลังเธอให้เขาไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องครัว

มันเป็นห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนเขียวขาวเหมือนเดิม ห้องนี้เป็นห้องที่ไม่กว้างนักแถมยังไม่มีของประดับตกแต่งเท่าที่ควร จึงเดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นห้องที่ไม่ได้มีใครอยู่ประจำ

“เธอนอนห้องนี้แล้วกัน” เขาบอก ก่อนจะชี้ไปที่มุมห้องมุมหนึ่งที่มีตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ “พวกเสื้อผ้าของใช้ของเธอฉันให้แม่บ้านเขาเอาใส่ตู้ไปแล้ว แต่ไม่ได้รื้อออกจากกระเป๋าหรอกนะ เพราะเธอคงจะอยู่ที่นี่ไม่นาน ส่วนพวกเสื้อผ้ากับตุ๊กตาที่มันคลุกน้ำฝนมาฉันก็สั่งให้แม่บ้านเอาไปซักแล้ว”

หญิงสาวมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายเช่นเมื่อครู่อีก

“แล้วก็นี่...” เขายื่นถุงพลาสติกให้เธอ “มีพวกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน.....พวกโฟมล้างหน้า กับยาสระผมฉันก็เลือกมามั่วๆฉันไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรกัน แล้วก็...แป้งกับครีมอาบน้ำ ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบกลิ่นอะไร เลยเลือกสีชมพูมาให้เพราะคิดว่ามันหอมสุดที่สุด” เขายิ้มกว้าง ก่อนจะกอดอกมองเธอด้วยแววตาขบขัน

“ทีนี้เลิกเข้าใจผิดได้หรือยัง”

หญิงสาวเปิดถุงพลาสติกนั้นดู พบว่ามันมีแต่ของใช้สีชมพูทั้งหมด

นี่เขาคงคิดว่าผู้หญิงคงชอบสีชมพูกันทุกคนแน่ๆถึงเลือกแต่ของพวกนี้มาให้

“ฉันขอโทษก็ได้ที่มองคุณผิดไป” หญิงสาวบอก ก่อนจะชูถุงในมือขึ้นเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับของพวกนี้ด้วยแล้วกันนะ มีแต่สีชมพูทั้งนั้น”

พงศกรหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะ

“คิดว่าพวกเด็กผู้หญิงคงจะชอบสีชมพูมากกว่าสีอื่นน่ะ”

ทาริกามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างช่างใจ เธออยากจะเชื่อเขา เพราะโดยรวมแล้วเธอคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่การกระทำของเขาบางอย่างมันก็ทำให้เธอไม่กล้าเชื่อใจเขา

และดูเหมือนว่าพงศกรจะเข้าใจเธอดีว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงได้เอ่ยออกมาว่า

“นี่มันก็ดึกมากแล้ว นอนพักเถอะ ห้องนี้มีห้องน้ำในตัว” เขาชี้ไปที่ประตูห้องน้ำ ก่อนจะเผยยิ้มกว้าง “อาบน้ำแล้วนอนพักให้สบาย พรุ่งนี้ฉันจะเล่าให้เธอฟังทุกอย่างว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้ อีกอย่าง..ประตูคอนโดของฉันมันไม่เหมือนประตูรถที่ล็อคอัตโนมัติจนคนข้างในไม่สามารถหนีออกไปได้ แต่ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่หนีออกไป แม้ว่าเราเพิ่งจะรู้จักกัน และเธอก็มีสิทธิที่จะไม่เชื่อใจฉัน ฉันคงได้แต่ขอร้องให้เธอเชื่อใจ สิ่งที่ฉันทำไปทั้งหมดมันมีเหตุผลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็หวังว่าจะได้อธิบายเหตุผลให้เธอฟังในวันพรุ่งนี้ได้”

พงศกรบอก ก่อนจะเดินออกไปเงียบ ๆ

แต่เพียงอึดใจเดียว ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

“เรื่องที่ลานจอดรถต้องขอโทษด้วยนะ ฉันแค่โมโหมากไปหน่อยเท่านั้นเอง”

เขาพูดจบก็พลุบหายไปอีกรอบ และคราวนี้ก็เหมือนว่าเขาจะหายไปเลยจริงๆ

ทาริกาถอนหายใจ ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง

“ลองเชื่อใจเขาสักครั้งก็แล้วกัน” เธอปิดเปลือกตาลงช้า ๆ “หวังว่าเหตุผลของเขาคงจะไม่งี่เง่าหรอกนะ”



อิษฎา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2554, 00:59:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2554, 12:46:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1735





<< ตอนที่ 2 สายฝน [ฉบับแก้คำผิดค่ะ]   ตอนที่ 4 ความจริง >>
ชลวารี 19 พ.ค. 2554, 06:19:28 น.
สนุกมากเลย รออ่านอยู่นะคะ มาต่อเร็วๆ นะคะ


อิษฎา 19 พ.ค. 2554, 14:59:27 น.
มาเม้นกันเยอะๆนะคะ อยากรู้ว่ามันดีหรือเปล่า


หมู้หมู 12 มิ.ย. 2554, 20:26:24 น.
แหม... ว่าจะ follow แต่เล่น โพสต์ห่าง ขนาดนี้... ไม่ไหว จะรอ นะจ๊ะ ไรเตอร์จ๋าาา ไว้จะแวะมาละกัน ^^
อ้อ เรื่องสนุกดีนะคะ น่าติดตามมากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account