Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา

ตอน: บทที่ 5 หลากรักหลายรส

บทที่ 5

หลากรักหลายรส

รดาแทบจะไม่มีเวลาหายใจได้สะดวก ไม่ใช่สิต้องบอกว่าไม่มีเลยต่างหากเพราะไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรก็มีอัษฎางค์เป็นเงาตามตัว

เคยไหม เวลาที่อะไรอยู่ตรงหน้าแล้วจะคว้าก็คว้าไม่ถึง...เจ็บใจชะมัด

รดาเข้าใจความรู้สึกนี้อย่างถ่องแท้เลยล่ะ หญิงสาวอยู่ที่ Disco พาเพลินแต่ไม่อาจเยื้องย่างไปในส่วนของ Drink Drank Drunkได้เลย แม้ว่าอัษฎางค์จะยุ่งแสนยุ่งกับการงาน ก็อุตส่าห์สั่งให้การ์ดร่างยักษ์เฝ้าเธอไว้ตลอด ชายหนุ่มบอกว่ากลัวเธอจะดื่มหนักแล้วเมาไม่ได้สติอีก หญิงสาวเถียงในใจว่าถึงแม้ตนจะเมาก็ไม่เคยอาละวาดให้อับอายชาวบ้านซักหน่อย

อัษฎางค์สั่งให้รดานั่งรอเขาในห้องทำงาน ชายหนุ่มปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหญิงรดีสุดาที่คอยจับตามองหญิงสาวชนิดที่ว่าไม่คาดสายตา แม้กระทั่งหญิงสาวขยับกายเพื่อขับไล่ความเมื่อย อัษฎางค์ก็ปรายตามองดูเธอทุกครั้งไป

รดากระแอมเตือนสติชายหนุ่มว่าไม่ต้องเคร่งครัดนักก็ได้ก่อนจะสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ที่เจ้าตัวลืมไปชั่วขณะว่าตั้งสั่นเอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงยีนด้านหลัง

“ทำไมรดาไม่ทราบมาก่อนละคะว่าพี่เขาเป็นผู้ชาย” เธอเปิดฉากการสนทนาที่ดุเดือดกับมารดา
แม่ไม่รู้หรือไงว่ากำลังส่งหมูเข้าปากหมา

“หนูไม่ฟังให้ดี แม่บอกปาวๆ ว่า ‘พี่เขา’ หนูทึกทักเอาเอง” คุณหญิงรดีสุดาไม่ใส่ใจที่ลูกสาวจะโกรธเคืองที่ถูกจำกัดอิสรภาพ

เอากับคุณหญิงแม่เธอสิ สรุปว่าเป็นความผิดของเธอที่คิดไปเองว่าคุณหญิงแม่จะให้เธอไปอยู่กับพี่สาวที่แสนดีสักคน

“ก็รดาไม่คิดว่าคุณหญิงแม่จะไว้ใจผู้ชายมากกว่าลูกตัวเองนี่คะ” หญิงสาวเน้นเสียงหนักตรงคำว่าผู้ชายเผื่อแผ่คนที่กำลังง่วนกับแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ

“หนูพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะรดา เอาเป็นว่าหนูอย่าดื้อก็แล้วกัน เดี๋ยวแม่ก็กลับแล้ว”

“คุณหญิงแม่คะ รดาโตแล้วนะเรียนจบแล้วด้วยทำไมยังมองหนูเป็นเด็กๆ อยู่”

อัษฎางค์มองคนที่เถียงกับมารดาอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าหวานบูดลงเล็กน้อยเมื่อปลายสายพูดอะไรให้เธอไม่พอใจแหละ

พูดได้ไงว่าโตแล้ว โตแต่ตัวสิไม่ว่า

“มองอะไร” รดาถามเสียงห้วนหลังจากปิดฝาพับโทรศัพท์แรงๆ จบการสนทนากับมารดาไม่สนว่าอุปกรณ์สื่อสารชิ้นเล็กแพงแสนแพงจะเสียหายหรือไม่

เรื่องบ้าๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาทั้งหมด ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกเขาก็ทำให้น้ำหนักเธอพุ่งกระฉูด แล้วไหนจคืนนั้นที่เขาพาเธอออกไป และเดี๋ยวนี้ที่เธอต้องคิดแหง็กอยู่กับเขา

อัษฎางค์จึงกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ ก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมจากผู้หญิงสติแตกเช่นรดา หญิงสาวค่อยใจเย็นเมื่อเขาไม่ได้ปะทุอารมณ์ร้ายของเธอขึ้นอีก

โทรศัพท์ที่เจ้าของยัดใส่กระเป๋าอย่างไม่ไยดีสั่นเตือน แต่ครานี้หญิงสาวไม่ได้สะดุ้งเหมือนก่อนหน้านี้

เอ๊ะ ใครหว่า ‘ที่รัก’ หือ เธอมีที่รักซะที่ไหนกัน แม้แต่สมาร์ทเธอที่เธอเมมว่า ‘แฟนฉัน’ แล้วที่รักนี่มันใครกั๊น ใครกัน เธอมีที่รักกับเขาเสียที่ไหน

“Hello! Rada’s speaking.” รดากรอกเสียงอย่างกวนๆ

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มตามสายทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง

ไอ้นี่ ไม่รู้ว่ามาแอบเมมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“Who’s that?” หญิงสาวแกล้งถามไปอย่างนั้นแหละ ในเมื่อเขากวนเธอก่อน เธอก็จะกวนเขาบ้าง

“อัษฎางค์ครับ”

“I’m Rada. I’m very well. How are you? Long time no see.” เธอยังคงคุยโทรศัพท์หงุงหงิงไป

“ผมก็เวรี่เวลครับ พอดีว่ามีคนมาช่วยคลายเครียด” อัษฎางค์บอกชัดถ้อยชัดคำทำให้รดาหน้าแหยกับคำพูดกำกวมตีความหมายไปถึงไหนต่อไหน

“ไม่มีอะไรทำหรืออย่างไรกัน” รดาว่าอย่างอารมณ์เสียแล้วเปลี่ยนชื่อให้ชายหนุ่มใหม่เป็น ‘ไอ้บ้า’ แทน

“ผมกลัวคุณลืมไงว่าเราเป็นอะไรกันก็เลยเตือนความจำสักหน่อย” อัษฎางค์ยิ้มกับอาการของเธอ เมื่อเห็นรดาหน้าแดงก็ไม่อยากแกล้งให้เธอต้องอายให้มากไปกว่านี้

ภายในครึ่งชั่วโมงที่อัษฎางค์สะสางงานโดยสมาธิจดจ่อกับงานที่ทำมากกว่าหญิงสาวที่นั่งปั้นหน้าบึ้งมาค่อนวัน ไม่รู้ว่าเธอจะเมื่อยรึเปล่า

“ไปกันเถอะ พี่หิวข้าว” อัษฎางค์กระแทกสันแฟ้มบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นหยิบเสื้อสูทที่พาดพนักเก้าอี้มาสวม

“แต่รดาไม่หิว” รดาบอกอย่างรวดเร็ว เธอยอมอดตายดีว่าที่จะไปกินข้าวกับเขา

“เอาน่า รดาจะหิวหรือไม่หิวก็ต้องทานเพราะถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาหรอก” ชายหนุ่มไม่รอให้เธอปฏิเสธเขาอีกรอบ มือหนาคว้าหมับที่ต้นแขนของหญิงสาวแล้วลากให้เธอเดินตามออกไป

รดาสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมแต่เขากลับเพิ่มแรงกดไม่ให้เธอหลุดไปได้ง่าย

“โอ๊ย เจ็บนะ”

“อย่าเล่นตุกติก ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่” อัษฎางค์ปล่อยมือแต่ไม่วายพูดเสียงต่ำ ชายหนุ่มมองเนื้อนวลก็อยากเตะตัวเองสักป้าบที่ต้นแขนนั้นมีรอยแดงให้เห็น แต่เขาก็อยากขู่เธอไม่ให้หนีเขาไปไหน

รดาหายใจโล่งสะดวกอีกครั้งเมื่อเขาปล่อยมือ มือเรียวลูบป้อยๆ บริเวณนั้น ตอนนี้เขาปล่อยให้เธอเดินคนเดียวแต่เขาก็ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ภายในสวนอาหารบรรยากาศดีย่านเรียบทางด่วน รดาไม่คาดคิดว่าจะมาเจอสมาร์ทที่นี่ ใบหน้าคมคายของอดีตแฟนหนุ่มโทรมลงเล็กน้อยไม่เหมือนสมาร์ทที่เธอรู้จัก แรกทีเดียวรดาไม่แน่ใจหรอกว่าเป็นเขา หากแต่แววตาที่ประกายวาบด้วยความยินดีนั่นทำให้รดามั่นใจ ยิ่งสาวสวยข้างกายที่มีตำแหน่งเป็นมารหัวใจตอกย้ำว่าเป็นเขาแน่นอน

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างจะอึดอัด อะไรก็ดูเป็นทางการไปหมด รดาไม่ชอบเลยที่อัษฎางค์ปฏิบัติกับเธอสุภาพเกินไป ขออนุญาตสั่งอาหารแถมยังสั่งไปชุดใหญ่โดยไม่ถามความคิดเห็นของเธอเลยสักนิด ก็ยังดีที่เขาเปิดโอกาสให้เธอเลือกเครื่องดื่มเอง

“เมื่อไหร่จะเลิกเป็นชู้ทางใจกับแฟนชาวบ้านสักที” คำพูดของอัษฎางค์ทำเอารดาตาโต ไม่คิดว่าเขาจะหยาบคายอย่างนี้

ผู้ชายปากร้าย ปากเสีย ปากหมา ปากมอม

อัษฎางค์สังเกตปฏิกิริยาของรดาตั้งแต่ตอนเข้ามาในร้าน ดวงตาหวานๆ ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ผู้ชายคนนั้นทั้งๆ ที่เขาก็มีใครอีกคนข้างกายอยู่เหมือนกัน

“ก็ถ้าแฟนชาวบ้านมันหลงเสน่ห์รดาเอง...ก็ช่วยไม่ได้” รดาพูดแล้วจิบน้ำส้มคั้น

“นี่เธอ?!” ชายหนุ่มชี้หน้าว่าให้รดา

“คะ รดาทำไมหรือคะพี่ธามขา” หญิงสาวดูเหมือนจะไม่เกรงกลัว ลอยหน้าลอยตาท้าทายเขา

“บาปกรรมน่ะรู้จักไหม เฮ้อ เด็กสมัยนี้”

“มันเป็นตัวยังไงหรือคะ เกิดมา...รดายังไม่เคยเห็นเลย หรือว่าพี่ธามเคยเห็นคะ เอ แต่รดาว่าผู้ชายอย่างพี่ธามน่าจะคุ้นเคยกับพวกต้นงิ้ว อะไรเทือกนี้มากว่า” รดาหัวเราะคิกเพราะแค่รู้จักกันไม่นานก็สามารถเดาจากนิสัยของอัษฎางค์ได้ หญิงสาวคิดว่าชายหนุ่มเป็นคนมักมากในกาม

“ยัยเด็กบ้า”

“เจอแค่นี้ก็ถอดใจแล้วหรือคะ คิกๆ ไม่ใจเลย”

“คุณไม่ใช่พี่รดานี่นา ถ้าทนไม่ไหวก็ส่งรดากลับสิ” รดาเริ่มเห็นความหวัง ยิ่งเธอทำตัวงี่เง่าเท่าไหร่ อัษฎางษ์จะได้ทนไม่ไหว

“ไม่มีทางซะหรอก ยังไงพี่ก็รับปากคุณหญิงแม่ของรดาแล้ว”

“โอ๊ะโอ กลัวเสียหน้าว่างั้นเถอะ”

“พี่ไม่จำเป็นต้องบอกเรา” อัษฎางค์ตีหน้าขรึมแม้อยากจะบอกรดาใจจะขาดว่าเขาหวังจะเป็นลูกเขยของคุณหญิงรดีสุดามากกว่าพี่น้องร่วมโลก

“รดาจะจำไว้ว่าไม่จำเป็น ไม่ใช่เพราะกลัวเสียหน้า”

“เอ๊ะ ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ไง” คนขี้เก๊กเริ่มหลุดเมื่อถูกยียวนด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน อัษฎางค์ยืนยันกับรดาอีกครั้งว่า “ไม่มีอะไรที่พี่ทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางที่พี่จะส่งรดากลับไปอยู่บ้านให้หัวเราะพี่เล่น”

“ค่ะ ไม่มีทางก็ไม่มีทาง แล้วพี่ธามจะได้รู้ว่านรกมีจริง” ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ลับฝีปากกันมากกว่านี้ อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ

รดาก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบๆ เพราะไม่อยากพูดกับผู้ชายปากจัด และที่สำคัญ ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนจากสมาร์ทด้วยรู้ตัวดีว่าตอนนี้ตนยังตัดเขาไม่ขาดนั่นเอง แต่คนอย่างรดาไม่มีคำว่า ‘รีเทิร์น’ ในพจนานุกรมฉบับความรัก

ทางด้านสมาร์ทเองก็เริ่มเห็นคุณค่าของรดา เขามองหญิงสาวตาละห้อย ความหวังที่จะได้เธอกลับคืนมาล้มครืนเมื่อเห็นว่ารดามากับใคร สมาร์ทเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดเพชรเม็ดงามไปเมื่อรู้ความจริงว่าทางค่ายเพลงนั้นสนใจที่เขาเป็นคนรู้ใจของไฮโซสาว รูปสวย รวยทรัพย์ ดังนั้นเมื่อเขาเลิกกับรดา ทางค่ายเพลงก็ไม่ได้ให้ความสนใจ โอกาสจะเป็นศิลปินก็ริบหรี่เต็มที

เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อลูกแก้ว ผู้หญิงที่สมาร์ทคิดว่าเหมาะสมกับตนที่สุดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งคู่ไปไม่อาจประคับประคองความรักต่อไปได้เพราะลูกแก้วเหมาะที่จะเป็นคู่นอน ไม่ใช่คู่รักที่จะใช้ชีวิตไปด้วยตลอดชีวิต!

สมาร์ทไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงอย่างลูกแก้วที่เคยอ่อนหวาน ทำตัวขี้อ้อน น่ารักเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ จะแปลงร่างเป็นสาวร้ายได้ หลังจากที่สมาร์ทคบกับลูกแก้วออกหน้าออกตา หญิงสาวก็เริ่มทำตัวงี่เง่า ไม่มีเหตุผล ไร้สาระไปวันๆ จนชายหนุ่มประสาทเสียกับความระแวงเกินเหตุของเธอ ยิ่งอาการหึงตะพืดไม่เลือกหน้าทำให้เขาเข้าหน้าเพื่อนไม่ค่อยติด ผิดกับรดา รายนั้นเธอเอาใจทุกคนเป็นพิเศษจนเขาเหนื่อยแทน รดาไม่เคยว่าอะไรถ้าเขาจะมีสังคมของเขาบ้าง อย่างเช่นเวลาที่เขาไปเตะฟุตบอล ซ้อมดนตรี หรือไปตกปลากับเพื่อน รดาก็ไม่ว่าหรือเรียกร้องอะไรเพียงแค่โทรหาเธอบ้างตามประสาคนเป็นแฟนกัน นิสัยอย่างอื่นของเธอนั้นต่างกับลูกแก้วสุดขั้วเพราะรดาไม่เคยถือวิสาสะยุ่งกับกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือของเขาเลย ที่สำคัญรดาไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขา

“คิดถึงเธอมากหรือไงคะ” ลูกแก้วประชดประชันแฟนหนุ่มด้วยน้ำเสียงทำให้สมาร์ทถอนหายใจ

“เปล่า ก็แค่แปลกใจที่เห็นเธอที่นี่”

“แม่นั่นคงจะตามใจน่าดู กว่าจะมากินข้าวกับลูกแก้วได้ต้องให้บังคับ”

อาการบังคับของลูกแก้วคือการหยิก ข่วนเวลาที่สาวเจ้าไม่พอใจเวลาที่สมาร์ททำให้หญิงสาวรู้สึไม่พอใจขึ้นมา

“พี่ไม่เคยมากินข้าวที่ร้านนี้มาก่อนนี่คะ” สมาร์ทปดคำโต

ชายหนุ่มไม่ชอบร้านอาหารแบบนี้แม้ว่ามันจะบรรยากาศดีสักเพียงใดเพราะสำหรับสมาร์ทนั้นต้องภัตตาคารห้าดาวมีเสียงดนตรีกล่อมเท่านั้นจนเพื่อนๆ ของเขาปรามาสว่าเขาเป็นพวกรสนิยมสูง รายได้ต่ำดังนั้นจึงไม่แปลกที่ลูกแก้วต้องบังคับแกมขู่เข็ญให้สมาร์ทมาสวนอาหารที่อากาศถ่ายเทสะดวกกับหล่อน

“แม่นั่นคงพากินแต่ของดีๆ ราคาแพงใช่ไหมถึงไม่สนใจกันเลย” ลูกแก้วยังไม่ยอมหยุด

“พี่ว่าเราอย่าพูดถึงเธอเลย”

“หึ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ ก็ใช่สิ ลูกแก้วมันไม่รวย ไม่ใช่ลูกสาวคุณหญิงนี่” ลูกแก้วกอดอกมองร่างอ้อนแอ้นของรดาอย่างเหยียดๆ เย้ยในใจว่า ‘รดาเสียทั้งตัว เสียทั้งเงิน’

“ก็เลิกกันแล้ว จะพูดให้ทะเลาะกันอีกทำไม” สมาร์ทไม่อยากมีปัญหา และไม่อยากถูกลูกแก้วใช้เล็บยาวคมข่วนจนเลือดซิบอีก ลำพังรอยแผลเดิมยังไม่จางหายดี

“แต่ลูกแก้วเห็นว่าพี่ยังมองมัน”

“ก็แค่มอง” สมาร์ทอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

“เธอคงเฮิร์ทไม่นานหรอกค่ะ เห็นไหม ไม่ทันไรก็หาคนมารักษาแผลใจได้แล้ว” ลูกแก้วพูดเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจใบหน้าซีดเผือดของสมาร์ท

“ทานต่อเถอะ เดี๋ยวอาหารเย็นหมด” สมาร์ทเสตักอาหารเอาใจลูกแก้ว เขาต้องวางแผนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

พอรดากลับมาเหมือนเดิมแล้วเขาค่อยสลัดลูกแก้วทิ้ง!


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รดาเข้ามาเติมแป้งในห้องน้ำเพราะไม่อยากให้ใครต่อใครมองว่าเธอเป็นยัยเพิ้ง มือบางที่ปัดมาสคาร่าชะงักเมื่อเสียงเพลง If that’s Ok with you ดังขึ้น ช่วงนี้รดาไม่ค่อยได้สนใจโทรศัพท์นักเพราะเพิ่งซื้อกล้องโลโม่มาใหม่จึงไม่ได้เปลี่ยนเสียงเรียกเข้า เป็นใครไม่ได้หรอกนอกจาก ‘ผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก’ ที่ทิ้งเธอไปคว้าผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเป็นแฟนแล้วเขี่ยเธอปิ๋วทำเอาสาวมั่นอย่างเธอเสียความมั่นใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น รดาจึงกดตัดสายโทรศัพท์

เป็นครั้งแรกที่เธอสามารถตัดสายเขาได้ สักพักเสียงเพลงนั่นดังขึ้นอีกแต่คราวนี้เธอไม่สนใจมันอีกต่อไป

รดาถอนหายใจเมื่อปลายสายยังไม่ยอมแพ้ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นต่อเนื่องกันทำให้หญิงสาวมีความคิดที่จะเปลี่ยนเพลงสากลดังกล่าวเป็นเพลงธรณีกรรแสง

ให้ตายเถอะ จะหลอกหลอนฉันไปถึงไหน ก็นายเองไม่ใช่หรือที่บอกลาจากฉันไปแล้วจะทำให้ฉันหวั่นไหวทำไมกันนะ

รดาตรวจสอบความสวยเด้งบนกระจกอีกครั้ง หญิงสาวคิดเล่นๆ ว่าสมาร์ทอาจจะเสียดายที่ปล่อยให้เธอหลุดมือไป แต่ก็เถอะ รดาฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีทางที่เธอจะกลับไปหาคนที่ไม่เห็นค่าของเธอแน่นอน

รดาหมายจะกลับไปที่โต๊ะแล้วเดินควงอัษฎางค์กลับบ้านอย่างเก๋ๆ ให้สมาร์ท และแฟนใหม่เห็นว่าเธอไม่ได้เห็นคนทั้งคู่ในสายตา หญิงสาวเผลอยิ้มเมื่อรูปร่างหน้าตา และความภูมิฐานของอัษฎางค์ที่รับรองว่าสาวใดมองก็ต้องอิจฉาเธอ แม้กระทั่งผู้หญิงที่เป็นมือที่สามของเธอ!

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” สมาร์ทที่หลบอยู่มุมมืดเดินมาขวางหน้ารดา

รดาตกใจเล็กน้อยที่เห็นสมาร์ทเพราะหญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะกล้าทิ้งผู้หญิงที่มาด้วยไว้ที่โต๊ะคนเดียวแล้วมาหาเธอ แต่ก็ช่างเถอะ เธอขอตัวมาเข้าห้องน้ำนานแล้ว อีกไม่ช้าผู้ชายที่เธอทิ้งให้เขานั่นแกร่วรอที่โต๊ะต้องมาตามหาเธอเป็นแน่

“ฉันไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณ” สมาร์ทขมวดคิ้วกับสรรพนามที่เธอเรียกเขา ดูเหมือนว่าเธอจะทำให้ได้แล้ว และจงใจสร้างช่องว่างระหว่างเขา และเธอ

“รดายังโกรธผมอยู่เหรอ ผมคิดถึงรดานะ”

“โกรธบ้าโกรธบออะไรเล่า ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วย” รดาเดินหนีแต่เขาไม่หลบ ไม่ว่าจะเดินไปทางใด เขาก็ดักหน้าซะเรื่อยไป

“เอ๊ะ นาย”

“รดาโกรธผมจริงๆ ด้วย ไม่เอาน่า เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะ” สมาร์ทยังคงยืนยันคำเดิม

ฉันไม่ได้โกรธนายย่ะ แต่ฉันรังเกียจ ชิ!

“ฉันไม่ใช่ควายที่จะกลับไปให้นายทิ้งฉันอีก ไปเลยไป แฟนนายนั่งหัวโด่อยู่โน่น” รดาชี้นิ้วไปยังลูกแก้วที่มัวละเลียดไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ นึกฉุนที่ลูกแก้วปล่อยแฟนตัวเองมาเพ่นพ่านกัดคนอื่น

“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทิ้งรดาอีก ให้โอกาสผมนะ”

โหย ไอ้บ้า พูดไปตั้งยาวไม่รู้เรื่องหรือไงฟะ เลิกกันแล้วก็เลิกดิ่โว้ย

“โอกาสของนายมันหมดไปตั้งแต่วันที่นายเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเป็นฉัน” พูดจบเธอก็สะบัดหน้าพรืดเป็นนางเอกอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้สมาร์ทไม่อยากปล่อยให้บ่อเงินบ่อทองของเขาหายไปแน่

“ผมพูดกับรดาดีๆ ทำไมคุณไม่เห็นใจผมบ้าง” ครานี้น้ำเสียงสุภาพกลายเป็นตะคอกพร้อมกับกระชากต้นแขนของรดาไว้

“ฉันก็พูดดีๆ กับนายแล้วไง แล้วก็จำใส่สมองอันน้อยนิดของนายไว้ด้วยว่าไม่มีรดางี่เง่าคนเดิมอีกแล้ว เพราะมันตายไปตั้งแต่วันที่นายเลือกยัยลูกข่าง ลูกแก้วคนนั้นแทนที่จะเป็นฉัน เพราะฉะนั้นแล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว” รดารังเกียจการกระทำที่เห็นแก่ตัวของสมาร์ทที่สุด

ตลอดเวลาใครมาปิดหูปิดตาเธอไว้นะ เธอคบผู้ชายคนนี้มาได้อย่างไร เห็นแก่ตัวที่สุด

“ผมไม่ปล่อยจนกว่ารดาจะกลับมาคบกับผมเหมือนเดิม”

เฮ้ย ทำไมพูดแมวๆ อย่างนี้ เขาสิที่เป็นคนทิ้งเธอไป

“ไม่มีทาง ฉันพูดแล้วไงคำไหนคำนั้น”

“กรุณาเอามือออกจากผู้หญิงของผมด้วยครับ” อัษฎางค์กล่าวอย่างสุภาพ ชายหนุ่มเห็นว่ารดาไปเข้าห้องน้ำนานแล้วเพราะจ่ายเงินเสร็จ รดาก็ยังไม่กลับมาจึงออกมาตาม

“ไวไฟใช้ได้” สมาร์ทกัดฟันพูดเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เข้ามานั้นเป็นใคร หน้าตาของเขาไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายคนนั้น หากแต่เป็นความมั่นคงทางการเงินต่างหากที่เขากังวลว่าไม่อาจดึงเธอกลับมา

“ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่โง่รอผู้ชายที่ทิ้งไปหรอก”

“เธอก็รีบไปคว้าอัษฎางค์ โรฐวิศิษฐ์ เจ้าของ Disco พาเพลิน ลูกชายคนเดียวของคุณระรินทิพย์ ประธานมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า”

“ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นใคร ฉันรู้แค่ว่าเขารักฉัน”

“รดาก็รู้นี่ว่ามันเป็นเสือผู้หญิงที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยพอๆ กับเสื้อผ้า มันมั่วขนาดนี้รดายังสนใจมันอีกรึไง” ยิ่งสมาร์ทว่าร้ายอัษฎางค์เท่าไหร่ ดาก็ยิ่งเห็นธาตุแท้ของคนแพ้แล้วพาลมากเท่านั้น ผู้ชายที่ไม่มีคุณค่ากับน้ำตาที่เธอเสียไปเลย

อัษฎางค์ชักทนไม่ได้กับคำพูดมั่วๆ ของสมาร์ท ชายหนุ่มหน้าตึงเมื่อฝ่ายนั้นพูดถึงพฤติกรรมเสเพลที่เขาพยายามหยุดเพื่อพิสูจน์ความรักที่มีต่อรดา

“คนเราก็มีอดีตด้วยกันทั้งนั้น ที่สำคัญเขาไม่ได้คบใครเผื่อเลือกเหมือนนาย” รดาบีบมืออัษฎางค์ก่อนที่เขาจะประเคนหมัดใส่สมาร์ท

แม้รดาจะรู้จักอัษฎางค์ไม่นาน หญิงสาวก็สัมผัสถึงความจริงใจ และความหวังดีของชายหนุ่ม

“แสดงว่าที่ผ่านมาไม่มีความหมายกับเธอเลยใช่ไหม”

“ช่วยไม่ได้ นายมันโง่ที่ทิ้งฉันไปก่อน” เธอเน้นทีละคำแล้วควงแขนอัษฎางค์ออกไป

“ผม...” สมาร์ทพูดไม่ออกในเมื่อสิ่งที่รดาพูดมาล้วนเป็นความจริง

เออหนอ เขาเองที่เลือกอะไรผิดๆ มาตลอด เขาเคยเจอรดามาหลายรูปแบบ ถ้าเขาผิดแล้วยอมรับเธอก็ให้อภัยได้เสมอ หากแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

สมาร์ทมองแฟนเก่าเดินไปจนลับสายตา สองมือที่เคยเอื้อมมาควงแขนแต่มักถูกตนสะบัดออกอย่างไม่แยแส บัดนี้ได้ควงแขนชายหนุ่มที่ดีพร้อมทั้งหน้าตา ทรัพย์สิน ชาติตระกูล

เคราะห์ดีที่เหตุการณ์รักสามเศร้าระหว่างหนึ่งหญิงสองชายไม่ได้เป็นเรื่องเล่าสนุกปากของผู้มาพบเห็นเหมือนเหตุการณ์ในห้างดัง

สมาร์ทมองไปยังโต๊ะอาหารก็พบว่าลูกแก้วยังคงละเลียดไอศกรีมรสโปรดอย่างมีความสุขโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย

ชายหนุ่มรู้จักกับลูกแก้วเพราะเธอได้มาแคสบทตัวประกอบของมิวสิควีดีโอของศิลปินร่วมค่าย ไม่ใช่ความสวยสะดุดตาที่ทำให้เขาคิดว่าเธอคือคนที่ใช่ แต่เป็นเพราะภาพมายาที่เธอสร้างมาหลอกผู้ชายหน้าโง่ว่าเป็นสาวน้อยที่ร่าเริง สดใส นิสัยดี...เขาเป็นหนึ่งในผู้ชายหน้าโง่ที่มองเธอแค่เปลือกที่ห่อหุ้มตัวเธอ ไม่เคยมองให้ลึกลงไปกว่านั้น ไม่เคยจริงๆ

ลูกแก้วเป็นคนยิ้มสวยที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยพบมา รอยยิ้มหวานจนหัวใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนถึงตอนนี้รอยยิ้มละลายใจชายถูกเขาเรียกใหม่ว่า ‘รอยยิ้มอาบยาพิษ’

พิษร้ายที่ล่อให้เขาติดกับ

หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เขาเลือกที่จะโกหกแฟนเบอร์หนึ่งอย่างรดาแล้วไปหวานจ๊ะจ๋ากับแฟนเบอร์สองอย่างลูกแก้ว เพราะเธอยังสดใหม่ ท้าทาย น่าลิ้มลองไม่ใช่ยัยเพิ้งที่เขาต้องรายงานความประพฤติวันละหนึ่งครั้ง ไม่วายที่เธอจะเจ้ากี้เจ้าการจัดการชีวิตคนรักอิสระอย่างเขา

รดาจัดการเก็บกวาดห้องที่หอพักของเขาอย่างน้อยเดือนละสองครั้งพร้อมกับบังคับให้เขาไปชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และค่าบัตรเครดิตทั้งหลายให้ตรงเวลาที่ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากมายทั่วประเทศจนใครๆ ก็บอกว่าถ้าได้แต่งงานกับเธอ สบายไปทั้งชาติ

เสียงโทรศัพท์ดังเล็ดลอดจากกระเป๋ากางเกงเวอซาเช่ตัวโปรดทำให้สมาร์ทค้นหาโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าใครโทรมา คิ้วหนาของเขาขมวดเล็กน้อยแต่ก็ต้องกดรับ

“อยู่ไหน” เสียงแง้วๆ เหมืนแมวน้อยยามคบกันใหม่ๆ กลายเป็นเสียงห้วนไม่พอใจราวกับว่าเขาทำเรื่องไม่ถูกใจเธอร้ายแรง

“ห้องน้ำ” เขากรอกตาไปมาอย่างระอาใจ ถ้าลูกแก้วเงยหน้าขึ้นมาสักนิดก็จะพบว่าเขายืนอยู่ไม่ไกลนัก

“ถ้าไม่มาภายในห้านาที ลูกแก้วจะกลับเอง” เธอบอกเสียงสะบัดไม่มีเหตุผล

“งั้นก็ตามใจ” ผมแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองที่พูดออกไป

“พี่มาร์ท!!” เสียงเกรี้ยวกราดส่งมาตามปลายสายเป็นผลให้ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โกรธ

พักหลังมานี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในสถานะลุ่มๆ ดอนๆ ความรักหอมหวานกลับจืดชืด ผิดกับตอนที่คบกันใหม่ๆ ม่านบางๆ ที่กั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ไม่รู้ว่าเพราะรักหรือเปล่าที่ต่างฝ่ายต่างฝืนทนต่อกัน สมาร์ทรู้ดีว่าความรักของเขา และลูกแก้วเหมือนกับนาฬิกาทราย เปรียบเม็ดทรายกับความรักของเขาและของเธอ รอวันที่ใครสักคนหมดรัก และจากไป

“ลาก่อน” สมาร์ทพูดอย่างใจเย็นแต่อารมณ์คนฟังกับตรงกันข้าม

นี่ถ้าลูกแก้วอยู่ที่บ้านเธอคงจะปัดจานชามบนโต๊ะให้แหลกบนพื้น กระทืบเท้าเร่าที่ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ และด่าทอรดาด้วยวาจาที่หยาบคาย แต่เวลานี้หญิงสาวทำได้เพียงแค่กำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น และเคียดแค้นแฟนเก่าของสมาร์ท

หากความรักของเธอจะไม่สมหวัง ล้มไม่เป็นท่า ก็ไม่มีทางซะหรอกว่าเธอจะเป็นผู้แพ้ ไม่มีทางที่เธอจะถูกผู้ชายบอกเลิกอย่างไม่มีเยื่อใย ไม่มีวัน!

“กลับไปคบเธอเหมือนเดิมหรือ” น้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ถูกถามมายังสาย

“เปล่า”

“เป็นอะไรไปน่ะ”

“เปล่า” สมาร์ทพูดคำตอบเดิมอย่างมะนาวไม่มีน้ำ

ลูกแก้วพยายามเก็บความคับแค้นไว้ในใจเพราะไม่อาจแสดงตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าสาธารณชนได้

ลูกแก้วเคยคบใครทีละหลายคน ชีวิตของหญิงสาวจัดได้ว่ามีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาให้เลือก ใครบางคนก็ได้ชื่อว่า ‘กิ๊ก’ ‘คนพิเศษ’ ‘คนรู้ใจ” ตามแต่เธอจะจัดสรร แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกรักผู้ชายทุกคน รักแบบที่ทั้งเธอ และเขาจะมีความสุขด้วยกัน ถ้าวันไหนที่เธอเบื่อ เธอก็จะสลัดผู้ชายเหล่านั้นทิ้งไปอย่างไม่แยแส...แม้กระทั่งสมาร์ทเองก็ตาม

คำพูดสั้นๆ ของสมาร์ทเหมือนมีดกรีดกลางใจของลูกแก้วเมื่อเขาไม่ใช่ผู้ชายของเธอคนเดิมอีกแล้ว ลูกแก้วนึกขำตนเองที่ไปแย่งชายหนุ่มมาจากรดา

อีกไม่นานสินะที่ผู้ชายคนนี้จะถูกแย่งไป

“เราเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว” ลูกแก้วพูดได้แค่นั้นก็วางสาย หญิงสาวไม่ได้ยินเสียงเพลงเพราะเลย เธอได้ยินแต่คำพูดสุดท้ายที่พูดกับสมาร์ทดังก้องในหัว

รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ไม่มีสักครั้งที่เธอบอกเลิกใครได้อย่างใจนึกจริง ก้อนเนื้ออ่อนๆ ของเธอยังมีเส้นใยบางๆ ที่ตัดไม่ขาดอยู่ กว่าจะตัดได้หมดก็คงใช้เวลา...เวลานาน

สมาร์ทจับได้ว่าน้ำเสียงที่เธอเปร่งออกมาแหบพร่าเพียงใด ลูกแก้วเป็นผู้หญิงที่รับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ ครั้งนี้เธอชนะเขาหรือเปล่า...เขาไม่แน่ใจ

นี่เธอพาเขามาที่นี่ทำไมหนอ มาฉลองรสชาติความพ่ายแพ้หรือว่ามาเลี้ยงส่งการสิ้นสุดสถานภาพการโสดไม่สดของเธอ

สมาร์ทเดินออกจากร้านอาหารมายังรถญี่ปุ่นมือสองที่แฟนสาวฐานะอันมีจะกินไม่เคยรังเกียจสักนิด รดาออกจะภูมิใจที่ทราบว่าเขาเก็บเงินซื้อเอง ผิดกับคู่ควงชั่วคราวอย่างลูกแก้ว รายนั้นบอกปัดเก่งจะตาย นี่ถ้าไม่ติดว่าฮอนดา แจ๊สสีเหลืองของเธอเข้าอู่ก็คงไม่ยอมให้ก้นนุ่มๆ ของเธอสัมผัสเบาะรถของเขาให้ระคายผิวอ่อนๆ หรอก

รดาคงไม่กลับมาแล้ว เขาบอกตัวเองอย่างนี้ เธอไม่มีน้ำตาสักหยดที่เขาบอกเลิก ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ไม่มีน้ำตา มีแต่ค่เสียงห้วนกับแววตาที่แน่วแน่ และช่องว่างที่เธอพยายามเว้นวรรคไว้ให้เขา บอกถึงความสัมพันธ์ที่ร้างราและห่างหาย หากเป็นเมื่อก่อนนั้นเป็นเขาเองต่างหากที่เพียรสร้างช่องว่างนั้น ไม่ให้เธอตามติดเขาจนเขารู้สึกรำคาญ คงไม่มีวันที่เขาจะได้เพชรแท้อย่างเธอคืนมา จะโทษใครได้ก็เขาหลงไปกับแสงวูบวาบกับกากเพชรที่วูบวาบกับแสงไฟ

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


วีออสคันงามเคลื่อนตัวได้ดีบนถนนทางหลวงหมายเลขเจ็ด จุดหมายของการเดินทางมีผู้เดียวที่ทราบก็คือสารถีที่ทำหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม ชายหนุ่มไม่ปริปากกับผู้หญิงที่ทอดสายตามองนอกกระจกรถ อัษฎางค์ไม่คิดหรอกว่าเธอประทับใจกับทิวทัศน์ข้างทางได้ครึ่งชั่วโมง ก็คุณนายนั่งเชิดคอแข็ง ไม่หันมามองเขาแม้แต่ครั้งเดียว

จากเหตุการณ์เมื่อครู่นั้นอัษฎางค์ทราบตัวดีว่าเขาควรสงบปากสงบคำ ถ้าเป็นปกติเขากับเธอคงจิกด่ากันเลือดสาด เธอปากเก่ง...ใช่สิ เธอเพิ่งสำแดงฤทธิ์ไปเมื่อสักครู่ เขายังจำได้ แต่ถ้าเธอเงียบแบบนี้เขาก็ไม่ชอบใจนัก มันเงียบเกินไป เขายอมให้เธอจิกกัดเหมือนเดิมยังดีซะกว่า

“เราจะไปไหนกันน่ะ” คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางถามขึ้น ก็ทางที่เขาจะพาไปมันคนละเส้นทางที่จะกลับบ้านนี่นา คนที่ค่อนข้างจะสับสนกับเส้นทางรู้สึกตัว (ช้า)

“ไปทะเล”

“ทะเล!” เสียงของรดาแหลมขึ้นอย่างยินดี ดวงตาเศร้าๆ หายไป มีดวงตากลมหวานเข้าแทนที่ แววตาระริกด้วยความยินดีราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ก่อนจะพูดกับตัวเอง “นานแล้วสินะที่ไม่ได้ไป”

“พัทยานะ ไม่ได้พาไปไกลมาก”

“แล้วพัทยามันทะเลไหมล่ะ”

อัษฎางค์ยอมให้รดาตอบอย่างยียวนเพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวซึมเศร้าเหมือนเมื่อครู่

“ใกล้แค่นี้เอง ทำไมไม่หาโอกาสไปล่ะ”

“ก็เวลาไปทะเล รดาจะไปหาแฟนใหม่น่ะสิ รดาไม่ใช่ประเภทที่อกหักแล้วต้องมาทะเลนะเพราะไม่อยากเอาน้ำตามาฝากทะเล น้ำทะเลน่ะเค็มพอแล้วจะเอาน้ำตามาเพิ่มความเค็มอีกทำไม รู้ไหมว่าเวลาสบตากันที่ทะเลนะ หัวใจจะละลาย นายว่าน้ำเน่าดีไหม แต่มันรู้สึกดีชะมัด รดาจะรู้ว่าเขา...” เมื่อรู้ตัวว่าพูดกับเขามากเกินไป ชะงักเล็กน้อยแล้วนิ่งเงียบดังเดิม “ถึงแล้วเรียกด้วยนะ”

สายตาที่มีประสิทธิภาพด้วยคอนแท็คเลนส์เห็นตัวหนังสือตัวโตบอกว่าอีกนานคงถึง มือเรียวปรับเบาะให้เอนลงแล้วหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข

“ใจร้ายแฮะ ทิ้งให้คนอื่นขับรถแล้วตัวเองนอนหลับหน้าตาเฉย”

รดาได้ยินอัษฎางค์บ่นแต่ก็ไม่สนใจเมื่อหนังท้องตึงหนังตาหย่อน ยิ่งได้แอร์ฉ่ำๆ ในรถกับเพลงสากลเพราะๆ เป็นตัวช่วยชั้นดีให้หญิงสาวนอนได้สบาย

อัษฎางค์หรี่เสียงเพลงลงเมื่อรดานอนกอดแขนตัวเองคลายความหนาว รถวีออสเปิดสัญญาณไฟขอจอดข้างทาง ชายหนุ่มปรับเบาะให้หญิงสาวอย่างนุ่มนวลก่อนเอื้อมหยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้หลังรถห่มให้เธออย่างเบามือ

“ราตรีสวัสดิ์ครับ เจ้าหญิง” อัษฎางค์กระซิบบอกรดาที่กระชับเสื้อแนบตัวแล้วส่งเสียงอื้ออาอย่างขัดใจเมื่อถูกชายหนุ่มแกล้งบีบจมูก

อัษฎางค์เอ็นดูสาวอวบที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราเลยขอมัดจำตำแหน่งลูกเขยของคุณหญิงรดีสุดาไว้ก่อนด้วยการจุมพิตแก้มนวลจนช้ำไปหมด เมื่อแกล้งจนหนำใจ อัษฎางค์ก็เปิดไฟเลี้ยวขอทางแล้วแล่นบนถนนตามเดิม

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


มิรันตีหัวเสียอยู่ที่คลับเมื่อเจ้านายตัวดีเอาคืนเธอด้วยการลาพักร้อน ...จะมาลาพักร้อนตอนนี้ทำหอกอะไรเล่า

ตอนนี้งานที่ Disco พาเพลิน ยุ่งยิ่งกว่าอะไรดี มิรันตีอยากจะหักขออัษฎางค์นักที่หักหลังเธอวินาทีสุดท้าย ทั้งๆ ที่เธอเขียนโน้ตตัวเป้งไว้แล้วว่าเขาต้องไปร่วมแสดงความยินดีกับงานเปิดตัวห้องเสื้อของหุ้นส่วนคนสำคัญของคลับ เพราะอะไรนะหรอ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้านายของเธอกำลังติดอกติดใจลูกสาวของคุณหญิงรดีสุดา
หึ ไอ้พี่เจ้าชู้

“พี่ธาม นะพี่ธาม คอยดูเถอะ มิจะไม่รัก ไม่สนใจ จะหาแฟนใหม่...ไม่สนใจพี่ธามแล้ว” มิรันตีบ่นกับตัวเองขณะที่ยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง “พอกันทีกับความหวังลมๆ แล้งๆ ตัดใจสิตัดใจ...มิรันตี”

แม้ว่ามิรันตีจะยังมีเยื่อใยกับอัษฎางค์อยู่ แต่เธอก็พยายามลบเขาออกจากหัวใจ อีกทั้งยังพยายามยัดเยียดให้เขาสมหวังกับรดาสักทีเพราะว่าเธอไม่อยากอยู่ในสภาพรักเขาข้างเดียวอีกแล้ว

เลขาฯ สาวแปลงร่างเป็นบ้าหอบฟางในบัดดล ที่ข้างกายมีกระเป๋าลากหนึ่งใบ กระเป๋าหิ้วอีกหนึ่งใบที่เจ้าตัวจัดไว้เก็บรองเท้าไม่ต่ำกว่าห้าคู่โดยเฉพาะ กระเป๋าโน้ตบุ๊กสะพายบ่าอีกหนึ่งใบ ตบท้ายด้วยกระเป๋าถือมาดคุณนายยี่ห้อ Chanel

ร่างบางที่เหนื่อยกับงานมาทั้งสัปดาห์ขอพักผ่อนให้เต็มที่แม้เวลาเพียงน้อยนิดก็เถอะ เพราะเดี๋ยวเธอก็จะไปปั้นหน้ายิ้มชื่นชมดีใจกับความก้าวหน้าของคนอื่น หญิงสาวเองก็ถือโอกาสนี้อู้งานเหมือนกัน

เอาวะเชียงใหม่ ไปทำงาน โรงแรมฟรี ตั๋วเครื่องบินฟรี รถฟรี วู้ๆ สิบวันเชียวนะ


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ตอนนี้นุ่นหายดีแล้วนะคะ กลับมาปั่นนิยายได้เหมือนเดิมแล้ว :)

@ คุณ Saralun ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง

@ คุณ ปูสีน้ำเงิน พระเอกเราบ้าค่ะ...บ้ารัก

@ คุณ lovemuay สุขภาพสำคัญจริงๆ ค่ะ

@ คุณ jaowaan อย่าลืมคู่มิรันตีนะคะ

@ คุณ angle101 การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ค่ะ






เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2554, 21:46:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2554, 22:14:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 2248





<< บทที่ 4 ร่วมหมอน   บทที่ 6 โลกหมุนด้วยความรัก >>
saralun 18 มิ.ย. 2554, 22:23:43 น.
ดีใจจังตอนถัดไปมาแล้ว อิอิ!!!


lovemuay 18 มิ.ย. 2554, 23:11:29 น.
ดีจังเลยไรเตอร์หายป่วยแล้ว อิอิ
แอบสงสารมิรันตรี รีบตัดใจให้ได้เถอะนะ รักใหม่กำลังรออยู่ ^^


ปูสีน้ำเงิน 20 มิ.ย. 2554, 01:08:36 น.
อยากเห็นพระเอกของมิรันตรีจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account