Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา
ตอน: บทที่ 6 โลกหมุนด้วยความรัก
บทที่ 6
โลกหมุนด้วยความรัก
จากที่ตั้งใจว่าจะพารดามานั่งรถเล่นที่พัทยา แต่ก็อยากถือโอกาสนี้ดามใจสาวเจ้า อัษฎางค์จึงบังคับ และขู่เข็ญเพื่อนในกลุ่มที่มีธุรกิจรีสอร์ทบนเกาะล้านให้นำเรือสปีดโบ้ทให้มารับที่ท่าเรือ
ขวดเบียร์สีเขียวเกลื่อนบนหาดทรายไม่น้อยกว่าสิบขวด อัษฎางค์จำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สองขวด ส่วนนั้นน่าจะเป็นยอดของเมรีขี้เมาที่นอนแหมะอยู่ข้างๆ รดายังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ยังมีคราบน้ำตาเปื้อนใบหน้านวล เขาเช็ดมันออกอย่างเบามือแล้วจรดจมูกกับกลุ่มผมสีดำ
‘ยังรักมันอยู่หรือไง’ คำถามของอัษฎางค์ทำให้รดาทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจพยายามหาคำตอบ
อัษฎางค์เดาว่าอาการนิ่งเงียบของของรดานั้นคือเธอไม่พอใจ ชายหนุ่มจึงนิ่งเสียเพราะไม่อยากกวนนำ้ให้ขุ่น และไม่อยากซำ้เติมความรู้สึกของรดา ชายหนุ่มเดาได้ไม่ยากว่า ‘รดายังมีเยื่อใยกับใครคนนั้นอยู่’
‘เปล่า รักมากต่างหากเล่า’ รดานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบอัษฎางค์
ชายหนุ่มไม่ค่อยชอบใจนักกับคำตอบของหญิงสาว เขาเลี่ยงที่ฟังคำพูดแสลงใจด้วยการไปซื้อเบียร์
อัษฎางค์เดินเตะทรายมาตามชายหาด นึกอยากจับหญิงสาวเขย่าแรงๆ แล้วถามเธอว่า ‘เสียสติไปแล้วหรือไงที่ยังรักผู้ชายคนนั้นอยู่’
‘รักมากต่างหากเล่า’ อัษฎางค์ดัดเสียงว่าตามรดา ‘หึ แล้วพี่จะทำให้รดารักพี่ให้ได้’
หลังจากให้กำลังใจตัวเอง อัษฎางค์ก็เลิกอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นแล้วหาทางโปรยเสน่ห์รดาให้หญิงสาวรับรักเขาให้ได้เพราะตอนนี้เป็นเขาเป็นคนที่ใกล้ชิดรดามากที่สุดจึงได้เปรียบผู้ชายคนอื่นๆ นั่นเอง
‘ทำไมไปนานนักล่ะ’ รดาถามขณะที่ทิ้งสายตามองทะเลเบื้องหน้า หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วเพราะได้ยินเสียงกระทบกันก๋องแก๋งของขวดเบียร์
‘มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย’ อัษฎางค์นั่งข้างๆ รดาแล้วเปิดขวดเบียร์ส่งให้หญิงสาว
รดารับขวดเบียร์มาแล้วยิ้มให้คนข้างๆ ระหว่างที่อัษฎางค์ไปซื้อเบียร์นั้น เธออดคิดถึงข้อดีของพี่ชายตัวโตที่มารดาไว้วางใจไม่ได้ คนสองบุคลิกอย่างอัษฎางค์ทำให้เธอชักไม่มั่นใจแล้วว่าที่เธอไม่รู้สึกอะไรกับสมาร์ทแล้วเป็นเพราะว่าเธอเริ่มชอบอัษฎางค์หรือเปล่า โดยรวมแล้วอัษฎางค์มีภาษีดีกว่าผู้ชายคนอื่นที่เธอคุยหรือทำความรู้จักด้วยตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือความเจ้าชู้ บ่อยครั้งที่เขามักทำให้เธอเริ่มหวั่นไหวโดยการปฏิบัติตัวว่าเป็นคนสำคัญ รดานึกถึงการเอาใจใส่ของเขาแล้วเอียงศีรษะไปซบไหล่อัษฎางค์ก่อนหัวเราะเบาๆ
‘แล้วตอนนี้ล่ะ ยังรักอยู่หรือเปล่า’ อัษฎางค์หันมาถามเพราะอดใจไว้ไม่อยู่ และการที่รดาให้ความใกล้ชิดนั้นเหมือนการให้ความหวังเขานั่นเอง
‘หืม’ คิ้วเรียวขมวดหากันเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด
‘ไม่เห็นยากเลย รู้สึกยังไงก็พูดมาอย่างนั้น’
‘ไม่บอก’ เธอบอกเสียงเรียบทำให้อัษฎางค์หน้าเจื่อนแต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม
‘ทำไมไม่ยอมคืนดีกับเขาล่ะ’
รดาคิดว่า ‘คำถามนี้ดูเหมือนจะยากกว่าคำถามแรก’ นั่นสิ ทำไมเธอถึงไม่ยอมคืนดีกับเขานะ
‘อยากรู้จริงๆ หรือ’
อัษฎางค์พยักหน้าแทนคำตอบแล้วกระดกเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งจนหมดขวด
‘มันเจ็บนะที่ถูกทิ้ง วันนั้นเหมือนฟ้าถล่มมาตรงหน้า เจ็บที่สุดก็เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเป็นรดา พี่ธามรู้ไหมว่าตอนแรกรดาเหงามากเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือว่าทำอะไรก็คิดถึงแต่เขา ตอนนั้นอยากกลับไปเหมือนเดิมแต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ วันๆ รดาไม่ทำอะไรเลยนอกจากร้องไห้แล้วก็กินเหล้า เหมือนอีบ้าเลยแหละ...จะเรียกว่าหลุดโลกเลยก็ได้ แล้วจู่ๆ ก็ถามตัวเองว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร เมื่อมันเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดก็เลิกบ้าไปเอง’ รดาจิบเบียร์แก้กระหายก่อนพูดต่อว่า ‘ผู้หญิง...รักมากก็เกลียดมาก อ้อ รดาจะบอกให้ว่าทำไมรดาไม่กลับไป นั่นเพราะรดาเห็นคุณค่าของตัวเอง และรดาก็ไม่ได้เป็นของตายของใคร ที่สำคัญไม่อยากกลับไปเจ็บอีก’
พูดจบรดาก็กระดกเบียร์ให้หมดขวด ไม่สนใจว่ามันจะไหลเลอะปากหรือเสื้อผ้า น้ำตาหยดโตไหลอย่างไม่อายจนอัษฎางค์ต้องกอดหญิงสาวไว้
ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงสะอื้นน้อยๆ จากหญิงสาว
‘ไม่เป็นไร ผู้ชายคนนั้นมันโง่’
ผ่านไปสักพักที่รดาสงบสติอารมณ์ได้ หญิงสาวจึงผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา เธอก็ได้รับรอยยิ้มละมุนตอบแทนมาเหมือนกัน
‘อย่ามาทำดีกับรดาให้มากนักเลย เดี๋ยวจะอดใจไม่ไหว ยิ่งชอบตกหลุมรักใครที่ทะเลอยู่ด้วย’
‘ใจง่ายขนาดนั้นเชียว’
‘ไม่รู้สิ ต้องลองฟังดู’
แล้วรดาก็เล่าเหตุการณ์ตอนเป็นนิสิตให้ฟังว่าเธอเคยมารับน้องที่ทะเลแล้วตกหลุมรักรุ่นพี่ร่วมคณะ เทียวรับเทียวส่งดอกกุหลาบสีขาวให้ทุกวัน จนขึ้นปีสองนั่นแหละถึงรู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน เธอเองก็ลืมคิดไปว่าคณะบริหารของเธอนั้นส่วนมากจะเป็นผู้หญิง และผู้ชายใจหญิงเป็นส่วนใหญ่
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นหาด จากนั้นทั้งสองก็เล่าเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งส่วนมากอัษฎางค์จะเป็นผู้ฟังเสียส่วนใหญ่ ปล่อยให้หญิงสาวอ้อแอ้ไปตามประสาคนเมา
‘รักพี่ได้ไหม’ คำถามตรงไปตรงมาของอัษฎางค์ทำให้คนเมาสร่างเต็มตา
‘จะบ้าหรือไง’
‘พี่เคยบอกรดาไปแล้วว่าพี่สนใจรดา อยู่ที่ว่ารดาจะเปิดใจ และยอมรับมันหรือเปล่า’ ชายหนุ่มพูดช้าๆ พลางมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม
อัษฎางค์ไม่อยากเสียเวลาไปนานกว่านี้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ใช่แล้วก็ไม่อยากปล่อยเธอไป จริงอยู่ว่าเขาถูกใจรูปร่างหน้าตาของเธอตั้งแต่แรกเจอแต่ตอนนี้เขาอยากดูแล และเอาใจใส่หัวใจของรดาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
‘ไม่รู้สิ รดาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำได้’
‘พี่จะรัก และให้เกียรติรดา ไม่ชิงสุกก่อนห่าม’ อัษฎางค์อยากลบภาพแบดบอยครั้งเมื่อเจอกันครั้งแรกออกไปให้หมด
‘จะทำได้เร้อ เห็นอยู่ว่าเจอกันครั้งแรก พี่ธามชีกอจะตายไป’
‘โธ่ ตอนนั้นพี่คิดว่ารดาจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้นนี่คะ แล้วพี่ก็สนใจรดาจริงๆ ถึงได้บ้า ยื่นข้อเสนอแบบนั้นไป’
‘ทำจนเป็นนิสัยแล้วสิไม่ว่า’ รดายังแค้นฝังหุ่น เคืองอัษฎางค์ไม่หาย
‘พี่จะไม่โกหกรดานะเพราะพี่คิดว่าเราควรจะจริงใจต่อกัน พี่ยอมรับว่าพี่เคยเจ้าชู้ แต่ตอนนี้พี่จะลดดีกรีมันลงถ้ารดายอมเป็นแฟนกับพี่’
‘แน่ะ มีขู่กันด้วย’ รดาว่าเขาอย่างไม่จริงใจนัก
‘ก็จริงนี่ พี่จริงจังกับรดานะ พี่รับปากด้วยเกียรติของพี่เลยนะว่าจะไม่ล่วงเกินรดาจนกว่าเราจะแต่งงานกัน’ อัษฎางค์เลือกที่จะหักดิบสัญชาตญาณนักล่าของตนเพราะอยากได้รดาเป็นแม่ของลูกใจจะขาด
‘ยังไม่ทันจะคบกันเลยจะแต่งเลยหรือคะ’ รดาหัวเราะคิกที่ชายหนุ่มคิดไปไกลถึงขั้นนั้น
‘พี่อยากให้รดามั่นใจไงว่าพี่ไม่ได้คิดแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว พี่จริงใจกับรดาจริงๆ ’ นำ้เสียงจริงจังของอัษฎางค์ทำให้รดาต้องตัดสินใจอย่างหนัก
‘รดาไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอกค่ะ รดาไม่อยากให้พี่ธามฝากความหวัง และอนาคตกับรดานักเพราะถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวัง คนที่จะเสียใจที่สุุดก็คือพี่ธามนั่นเอง’
‘พี่รู้ตัวดีว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ รดาถามตัวเองดีกว่าว่าพร้อมจะใช้เวลาที่เหลือต่อจากนี้กับพี่หรือเปล่า’
‘รดาก็ไม่ได้รังเกียจนี่คะ’
เมื่อเห็นว่าอัษฎางค์รักเธอหัวทิ่มบ่ออย่างนี้ รดาจึงขอเล่นตัว แก้แค้นเขาเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เธอประสาทเสียในคราแรก และเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นต่างๆ นั่นเอง
‘อืม ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน’ เมื่อเห็นอาการแบ่งรับแบ่งสู้ของรดา อัษฎางค์จึงไม่อยากหักหาญน้ำใจเธอไปมากกว่านี้
‘ก็ได้ค่ะ แล้วรดาจะรอดูว่าพี่ธามจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า’
‘ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ’
‘เสียงอะไรนะ’ ถึงอย่างไรเสีย รดาก็ยังอายกับคำพูดของอัษฎางค์จึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
‘เสียงของความรัก’ อัษฎางค์พูดเสียงหวานจ๋อยชิดใบหูรดาทำให้หญิงสาวเอาศอกกระทุ้งสีข้างเขา ชายหนุ่มหนีไม่พ้นจนล้มไปนอนบนเสื่อแต่เขาคว้าร่างอวบให้ล้มลงด้วยกัน
ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ใบหน้าของรดาแดงกำ่ด้วยแอลกอฮอล์อยู่แล้วก็ระเรื่อไปอีก
ชายหนุ่มตวัดรดาให้นอนลงโดยใช้สองแขนคร่อมเหนือร่าง มอบจุมพิตแสนดูดดื่มแทนสัญญา แล้วใช้แขนให้เธอหนุนนอนต่างหมอน และอ้อมกอดห่มต่างผ้าห่ม
‘ไหนบอกจะไม่ล่วงเกินรดาไงคะ’ รดาอดทวงคำสัญญาไม่ได้
‘ก็พี่ทำให้รดาสมยอมได้นี่คะ’ อัษฎางค์บดขยี้ริมฝีปากของเขากับของรดาอีกครั้งเพื่อปิดเสียงกรีดร้องของหญิงสาว
‘พี่ธามนะพี่ธาม...แต่อย่าให้ถึงขั้นนั้นนะคะ รดารับไม่ได้จริงๆ ’
อัษฎางค์เข้าใจว่าคุณหญิงรดีสุดาสอนลูกสาวมาเช่นไรจึงยอมรับเงื่อนไขของรดา หลังจากนั้นเขาก็หากิจกรรมมาทำร่วมกับแฟนสาวป้ายแดง อัษฎางค์รั้งรดาที่จะกลับห้องพักให้นอนดูดาวด้วยกัน
การดูดาวเป็นอีกอย่างหนึ่งที่อัษฎางค์ทำได้ดีรองจากการสอยเวอร์จิ้นสาว รดาสนใจกิจกรรมของชายหนุ่มเป็นอย่างมากเพราะรดาดูเป็นแค่ดาวลูกไก่ และดาวเต่า เนื่องจากดาวเต่านั้นสังเกตง่ายคือเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่นเอง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อถูกเจ้านายเกงาน มิรันตีจึงต้องหาตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หญิงสาวต้องหัวเสียเมื่อต้องเดินทางไฟลท์เช้าสุดของวันรุ่งขึ้นเพราะตั๋วเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ถูกจองเป็นชื่อของอัษฎางค์แล้วนั่นเอง กว่ามิรันตีจะจัดกระเป๋า และเคลียร์งานในส่วนของเธอระหว่างที่ไม่อยู่เสร็จก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว มิรันตีหัวถึงหมอนได้ไม่ถึงหกชั่วโมงก็ต้องหน้าตั้งมาเช็คอินที่สนามบิน ดังนั้นหญิงสาวจึงนอนเป็นตายเมื่อเข้าพักโรงแรมที่เชียงใหม่
มิรันตีตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายโมง หญิงสาวนอนเล่นบนเตียงนุ่มอย่างเกียจคร้าน เธอไม่ได้นอนตื่นสายอย่างนี้อีกเลยหลังจากที่...
เหตุการณ์รักร้อนที่ปารีสฉายในสมองของมิรันตีอีกครั้งทำให้ร่างบางหน้าแดง คราใจที่เธอนึกถึงเขาคนนั้น หัวใจก็รำ่ร้องอยากทราบว่าเขาเตื่นขึ้นมาจะเป็นเช่นไร อาจจะโล่งใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หึ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด มักมาก คงจะดีใจด้วยซ้ำที่มีอะไรกับผู้หญิงดีๆ สักคน ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ซื้อด้วยเงินด้วย
‘คงนานมากสำหรับคุณ’ คำพูดของเรวัตยังดังก้องในหัว
‘นาน...มาก ตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรก’ มิรันตีอยากตอบอย่างนั้น แต่เธอเลือกที่จะเงียบและซุกใบหน้ากับอกอุ่น ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นรัวอย่างเหนื่อยอ่อน
‘ผู้ชายคนนั้น’ สุภาพ อ่อนโยน และเป็นสุภาพบุรุษ คงไม่แปลกนักที่คนโหยหาความรักอย่างเธอจะเผลอใจไปกับเขา อาจเพราะอยู่ในระยะทำใจในการตัดใจจากอัษฎางค์ และอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
มิรันตีพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะนึกถึง ‘ชายในฝัน’ อีกต่อไป
หญิงสาวสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง เพียงไม่นาน มิรันตีคนเก่าก็กลับมา
คนเก่าที่ดูสง่า เข้มแข็ง และมีความรับผิดชอบ ด้วยรูปลักษณ์สูงโปร่งกับการแต่งตัวทันสมัยทำให้มิรันตีดูเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนคนเก่ง แต่ภายในนั้นเล่า เคยมีใครมองลึกลงไปบ้าง เด็กกำพร้าอย่างมิรันตีถูกคุณระรินทิพย์หยิบยื่นความรักให้ หญิงสาวเป็นคนขาดๆ เกินๆ ความรัก จึงกลัว และไม่แน่ใจใน ‘ความรัก’ แม้ว่าผู้มีพระคุณจะพยายามทดแทนให้เธออย่างเต็มที่ก็ตาม
เสียงเพลง Big girl don’t cry ที่เจ้าตัวตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าให้กับเพื่อนชายใจหญิงตัวบึกบึน และไม่ชอบใจกับชื่อ Big girl ที่ถูกเรียกขาน
“ว่าไงจ๊ะ พร้อมหรือยัง ฉันออกจากบ้านมาแล้วนะ” เสียงห้าวที่พยายามดัดให้เล็กแหลมเล็กดังมาตามสาย
“พร้อมบ้าอะไร ฉันเพิ่งตื่นย่ะ”
“อะไรกันยะคุณนาย สายตะวันโด่งแล้ว เอ๊ย บ่ายโมงจะบ่ายสองแล้ว รีบลากตูดใหญ่ๆ จากที่นอนมาอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวฉันจะไปรับ” พูดจบปลายสายก็กดวางทันทีทำให้มิรันตีกลอกตามองเพดานอย่างเซ็งๆ แต่เพียงไม่นานหญิงสาวก็ลุกไปอาบน้ำตามคำสั่งของเพื่อนเพราะกะเวลาว่าบิ๊กจะมาถึงโรงแรมภายในครึ่งชั่วโมง
“ว่าฉันก้นใหญ่รึนังบิ๊กเกิร์ล” มิรันตีมองร่างเปลือยของตนบนกระจกใสในห้องนำ้ ภาพสะท้อนทรวดทรงดังกล่าวนั้นทำให้หญิงสาวต้องยอมรับความจริง “แม่พันธุ์ชั้นดีเลยนะเนี่ย”
เพียงไม่นาน มิรันตีกับเพื่อนซี้ก็พากันตระเวนหาของอร่อยทานทั่วจังหวัดก่อนพากันไปเสริมสวย เตรียมตัวไปงานเปิดตัวห้องเสื้อที่จัดขึ้นเย็นนี้
ยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน
เรวัตตั้งใจจะเซอร์ไพรส์มารดา และน้องสาวที่มักจะสื่อสารผ่านโทรศัพท์ข้ามทวีปไปหาเขาสัปดาห์ละสองครั้งด้วยการกลับเมืองไทยก่อนกำหนด และไม่แจ้งให้ทั้งสองทราบก็ต้องเซอร์ไพรซ์เสียเองเมื่อสาวใช้รายงานว่าไม่มีใครอยู่บ้านสักกคน ดังนั้นชายหนุ่มจึงกางแผนที่แล้วเลือกที่จะไปต่างจังหวัดสักอาทิตย์
ชายหนุ่มเปลี่ยนแผนกระทันหันด้วยการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่หลังจากที่เช็คอีเมล์ เป้าหมายของจุดหมายของเรวัตคือการไปพบปะเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และการไปสมัครเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยอีกด้วย
เรวัตดีใจระคนอิจฉาเพื่อนร่วมรุ่น ที่บัดนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว หลังจากหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจ เห็นว่าคลับบาร์ก็ไปได้สวยแถมยังตอนนี้มาเอาดีทางด้านแฟชั่น ช่างไม่เข้ากันเอาซะเลย ผิดกับเขาที่ยังไม่ได้งานทำเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อนหลายคนต่างอิจฉาที่เขาเรียนเก่ง ไม่มีสักครั้งที่เขาไม่พลาดเกรดสี่ เกรดเอ และเกียรตินิยม แต่นั่นทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวเองว่าเขาจะทำงานได้ดีเหมือนกันกับการเรียนหรือเปล่า ยิ่งเขาเป็นประเภทกลัวความผิดหวังซะด้วย เรวัตกังวลว่าความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมานั้นจะไม่พอใช้กับการประกอบวิชาชีพ
เขาได้รบเร้ามารดาให้ซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูเพื่อเป็นที่พักครั้งเมื่อเรียนปริญญาตรีโดยมีน้องสาวสุดที่รักคอยสนับสนุน แน่ล่ะว่าสองแรงแข็งขันอย่างนี้...มีหรือจะพลาด ยิ่งไปกว่านั้น คุณหญิงรดีสุดาจัดการปักหมุดสาขาโรงแรมในเครืองเศวตกุลพาเลซสาขาที่สามมาที่เชียงใหม่
เมื่อเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างเรวัตกลับจากฝรั่งเศสทั้งที เพื่อนของชายหนุ่มจึงไม่พลาดที่จะเลี้ยงฉลองจนเมามายไปตามระเบียบ กว่าชายหนุ่มจะได้กลับห้องพักก็เกือบเช้า
...ต่างคนต่างมา ต่างความฝัน
ต่างรัก ต่างเกาะเกี่ยวใจผูกพัน
มิตรภาพ รอยยิ้ม และแบ่งปัน
เพื่อวันนี้ สายรุ้งแสนงดงาม...
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ร่างบางในชุดแส็คคล้องคอสีขาวงาช้างโดยมีเข็มขัดเส้นเล็กคาดไว้ที่เอวเน้นสัดส่วนของมิรันตีให้หน้ามอง ผมยาวที่เจ้าตัวตัดตรงยาวถึงกลางหลังช่วยให้หญิงสาวสวย สง่าเป็นพิเศษ รองเท้าส้นเข็มสีเข้าชุดกันกับกระเป๋าถือทำให้เธอที่รูปร่างสูงโปร่งอยู่แล้วดูน่ามองยิ่งเคียงข้างกับชายหนุ่มกล้ามโต
“เสียดาย มากับแฟนว่ะ...สงสัยเนื้อคู่ กระดูกคู่ข้ายังไม่เกิด” เสียงหนึ่งซุบซิบเมื่อมิรันตีปรากฏตัว
เรวัตหันไปมองคู่รักที่เพื่อนของเขาพูดถึงแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร
ใบหน้านวลที่เรวัตลืมไม่ลง เธอคนนั้นเดินควงคู่มากับชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเข้ากับชุดของเธอ ดูจากการแต่งกายแล้วรสนิยมดีไม่แพ้กัน
“ใครวะสวยชะมัด” เพื่อนในกลุ่มสักคนของเรวัตที่ยืนจับกลุ่มกันพูดขึ้น
เรวัตเองอึ้งที่ได้เจอเธอที่นี่ ผู้หญิงสวยขนาดนี้เห็นแค่ครั้งเดียวก็ยากจะลืมเลือน ยิ่งเป็นเธอที่พรากเวอร์จิ้นที่หวงแหนมาหลายปี!
“มองตาไม่กระพริบเลยนะวัต” เสียงเพื่อนในกลุ่มบอกอย่างล้อเลียน
“เออ” เรวัตตอบอย่างขอไปที
ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวตาไม่กระพริบ จดจ้องทุกรายละเอียด และทุกการกระทำ ครั้นเมื่อมิรันตีหอบดอกลิลลี่ช่อโตมาแสดงความยินดีกับเจ้าของงานเดินผ่านหน้าเขาไป พนักงานก็พาเธอไปนั่งที่เสียแล้ว เรวัตเดินตามเธอไป อยากจะตกลงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย หาเดินไปเพียงสองก้าว ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้พิธีกรก็ประกาศเริ่มงาน
แขกเหรื่อเริ่มทยอยไปนั่งในบริเวณที่ได้จัดไว้แล้ว เพียงครู่เดียวที่พิธีกรกล่าวถึงประวัติของดีไซเนอร์คนเก่งเสร็จ บรรดานางแบบมืออาชีพก็เดินเรียงกันออกมาแสดงความงามของเสื้อผ้า และความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของห้องเสื้อคล้ายว่าดวงตาทุกคู่จะชื่นชมกับผลงาน หากแต่สายตาของเรวัตมีให้หญิงสาวที่นั่งติดขอบเวทีคนเดียวเท่านั้น
“คิดมากน่า” มิรันตีพึมพำเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่ จะให้หันไปมองหาตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทจึงได้แต่นั่งเกร็ง เมื่อทนไม่ไหวจึงหันไปมอง มิรันตีปากค้างเมื่อสบตากับเรวัต “เฮ้ย ไอ้บ้านั่น”
หญิงสาวหันหน้ากลับมาแทบไม่ทัน เชื่อได้ว่าเขาเห็นเธอก่อนแล้ว ในเมื่อพลาดไปแล้ว มิรันตีต้องหาแผนสำรองในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ร้ายที่กำลังเกิดขึ้น หญิงสาวคิดว่าจะออกจากงานไปได้อย่างไรหลังจากมอบดอกไม้ให้หุ้นส่วนคนสำคัญเสร็จ มิรันตีมองภาพตรงหน้าด้วยจิตใจที่ร้อนรน นึกภาวนาให้นางแบบพวกนี้รีบเดินเหมือนพวกเดินวิ่งการกุศล
“แกเป็นบ้าอะไรยะนังคุณนาย เห็นยุกยิกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” บิ๊กเกิร์ลที่มิรันตีเรียกขานตีหน้ายุ่งใส่เพื่อนรักที่นั่งดิ้นไปมาราวกับโดนหมามุ่ย
“เปล่าไม่มีอะไร” เธอปดหน้าตาเฉย แต่ก็ได้รับสายตาที่มองอย่างเหยียดๆ จากเพื่อนรักว่า ‘อย่ามาหลอกฉันเลยย่ะ ไว้ไปหลอกเด็กเถอะไป๊’
“แกหัดมีความลับกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
“เออๆ เล่าก็ได้ แกเห็นผู้ชายคนนั้นมะ” มิรันตีชี้นิ้วประกอบ เพื่อนสาวก็หันมองโดยไม่ให้ชายหนุ่มรู้ตัว พยักหน้าเออออด้วยจากนั้นมิรันตีจึงเล่าเรื่องรักร้อนในปารีสให้ฟัง
เมื่อเล่าเสร็จ บิ๊กทำตาโตเพราะไม่นึกว่าแม่คุณนายเพื่อนรักที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายปีดีดักจะไปหลงเสน่ห์เขาเข้าให้ แต่ว่าไปแล้ว ดูๆ ไปพ่อหนุ่มนั้นก็น่าเคี้ยวไม่หยอก มิน่า...มิรันตีจะหลงใหลได้ปลื้มชายหนุ่ม
ภาพสองคนที่คุยกันจนหัวแทบชนกันทำเอาเขาแทบลมออกหู เรวัตขบกรามจนเป็นสันนูน คนขี้หวงไม่ยอมให้ใครมาซ้ำรอยเดิมของเขา
เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เรวัตทราบเพียงชื่อของหญิงสาวที่เคยร่วมหลับนอนกันหลังจากติดสินบนให้เพื่อนในกลุ่มช่วยสืบให้ด้วยวิสกี้นอกหนึ่งขวด ในเวลานี้ชายหนุ่มยอมเสียมากกว่านี้เพื่อให้เธอคนนั้นรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
ยี่สิบแปดปีกับชีวิตบนคานทองของเขาคานทองนิเวศน์ สาวๆ เคยคบหากันมาต่างว่าเขาเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นไร้ซึ่งเสน่ห์ ก็ทำไงได้ล่ะสาวๆ ในเมื่อคนมันไม่เคย
ฝ่ายมิรันตีก็มืดแปดด้านไปหมดเพราะไม่อาจปลีกตัวลุกไปตอนนี้ได้ แล้วยิ่งหลังจากงานเลิกยิ่งยากใหญ่เพราะเชื่อว่าหุ่นส่วนคนสำคัญคงถามถึงอัษฎางค์ที่ไม่อาจมาร่วมงานได้
“สาธุ ถ้ากลับไปลูกช้างจะถวายผลไม้เจ็ดสีกับขนมหวานเจ็ดอย่าง” มิรันตีนึกพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณระรินทิพย์มักบนบานสานกล่าวเป็นประจำ แน่ล่ะว่าได้ผลดีเกินคาด
มิรันตีแทบจะวิ่งหนีลงเวทีหลังจากมอบดอกไม้ช่องามเสร็จ ช่างภาพคงแปลกใจกับรอยยิ้มแหยๆ ของเธอที่ประดับบนใบหน้า จะให้มันออกมาดีได้อย่างไรกันล่ะ ก็พ่อคุณมองไม่วางตาให้เธอร้อนๆ หนาวๆ ใจแป้วเล่น ที่สำคัญ กันชนชั้นดีของเธอเพิ่งกลับไปเพราะถูกตามตัวด่วนจากเจ้านายโรคจิตที่ชอบโขกสับลูกน้องเป็นว่าเล่น แน่ล่ะว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเพื่อนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
งานนี้สงสัยเจ้าที่จะเดินทางไกลไม่ได้หรือของแก้บนของมิรันตีจะน้อยไป ร่างบางที่เตรียมจะวิ่งด้วยความเร็วประดุจกับเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งผลัดหนึ่งคูณสี่ร้อยเมตรต้องซวนเซมาปะทะกับอกกว้าง มิรันตีถลึงตา เตรียมต่อว่าคนไม่ระวังแต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบกับอำนาจทะลุทะลวงสูงจากกรอบแว่นสีเงินนั่น
“สวัสดีครับ คุณมิรันตี” เรวัตเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อผลไม้กับขนมหวานเป็นหมันไปแล้วมิรันตีจึงพยายามหนีจากเขาให้ได้ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกว่านี้เพราะแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มทยอยออกจากห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม
“เอ่อ สวัสดีคะ สบายดีนะคะ ลาก่อนค่ะ” มิรันตีโบกมือแก้เก้อแล้วหมุนตัวกลับแต่ถูกมือหนาคว้าให้หันหน้ามาประจันหน้า
ใบหน้าของเรวัตถมึงทึงไม่เหลือเค้าสุภาพบุรุษคนเดิมเลยสักนิด
“ผมว่าคุณคงไม่อยากเป็นจุดสนใจใช่ไหม”
มิรันตีรู้ดีว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงยอมจำนน หญิงสาวหันมาประจันหน้ากับชายหนุ่ม อยากจะตอกหน้าเขาให้หงายด้วยคำพูดเจ็บๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของฝ่ายนั้นก็ทำให้เธอต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เรวัตทั้งลากทั้งจูงมิรันตีให้ไปที่รถซึ่งจอดไม่ไกลนัก พอถึงก็ยัดหล่อนเข้าไปในรถแล้วแล่นรถฉิวออกไป ไม่หันมามองหญิงสาวที่หน้าเหลือสองนิ้วเมื่อความเร็วของรถยนต์เร็วตามอารมณ์
“ฉันยังไม่อยากตายนะ ช้าๆ หน่อยสิ” มิรันตีแว้ดขณะลนลานรีบคาดเข็มขัดนิรภัย
เรวัตหันมามองนิดหนึ่งแล้วหันไปมองถนนตามเดิมแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีก
“หุบปากของคุณเสียคุณผู้หญิง”
“ก็คุณก็ช่วยลดความเร็วลงหน่อยสิ...คะ” เธอทิ้งหางเสียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากแต่คำขอร้องของเธอก็ไม่มีผลให้เขากระทำอย่างที่เธอหวัง มิรันตีฮึดฮัดอย่างหัวเสีย
เพียงไม่นานมิรันตีก็กระจ่างแก่ใจแล้วว่าเขามาเธอมาที่ไหน...โรงแรมที่หญิงสาวพักนั่นเอง
เรวัตลงจากรถแล้วประตูรถเสียงดังทำให้มิรันตีสะดุ้ง ไม่ทันที่มิรันตีจะได้ทำอะไรเรวัตก็เปิดประตูของหญิงสาวแล้วกระชากเธอให้ลงจากรถจนมือบางคว้ากระเป๋าใบแพงแทบไม่ทัน
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” ดวงตาสวยมองโรงแรมหรูริมแม่น้ำปิงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ...นี่เขาจะพาเธอเข้าโรงแรมกลางวันแสกๆ หรือเนี่ย!? ฉันไม่อยากเป็นที่รองรับอารมณ์หื่นของเขานะ
“ก็มาสานต่อเรื่องของเราน่ะสิ” มิรันตีตาโตกับคำพูดของเขา
“นี่จะบ้าหรือไงคุณ เรื่องของเราสองคนมันจบไปนานแล้ว”
เรวัตหันมองเธอแวบหนึ่ง แล้วอารมณ์โกรธก็นำพาให้เขาเพิ่มแรงกดที่ต้นแขนของเธอ
“มันยังไม่จบ”
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” มือบางหยิกที่ท้องของเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยแล้วคลายแรงลงหน่อย
“สำหรับคุณอาจจะจบ แต่สำหรับผมมันยังไม่จบ”
“แล้วคุณจะเอายังไงเล่า” มิรันตีตวาดอย่างเหลืออด
ให้ตายเถอะ ถ้าเธอรู้ว่านอนกับเขาแค่คืนเดียวแล้วจะมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาเป็นขบวนอย่างนี้เธอคงไม่ให้มันเกิดขึ้นแน่นอน
“คุยตรงนี้ไม่สะดวก ไปคุยกันข้างบน” สิ้นเสียงทุ้มเฉียบ เรวัตดันให้เธอเดินเข้าไปในโรงแรมโดยที่มีเขาประกบหลัง
พนักงานต้อนรับที่ฟร้อนท์ยิ้มให้ทั้งคู่ ไม่ทันที่ฝ่่ายนั้นจะพูดอะไร เรวัตก็พูดด้วยนำ้เสียงวางอำนาจ
“ห้องสวีทชั้นบนสุด เดี๋ยวนี้” เขาเน้นหนักที่คำพูดสุดท้าย
“ขอทราบชื่อก่อนนะคะ” พนักงานสาวยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม
“เรวัต วงศ์เศวตกุล” เมื่อได้ยินนามสกุลดังทำเอาใบหน้าสาวสวยนั้นซีดลงแล้วหันไปสั่งงานเพื่อนร่วมงานอย่างร้อนรน ไม่ถึงนาที กุญแจห้องก็ถูกวางเบื้องหน้า
“ฉันว่าคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ”
มิรันตีนึกสงสารพนักงานต้อนรับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ที่สำคัญหญิงสาวยังจดจำใบหน้าซีดเผือดของพนักงานคนดังกล่าวที่ได้ยินนามสกุลของชายหนุ่ม
“ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้” เรวัตกดลิฟต์แล้วมองหน้าหญิงสาว
“เฮ้ย อย่ามองฉันอย่างนั้นนะ”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สำหรับเรื่อง Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ จะเป็นเรื่องรักสบายๆ ไม่มีอะไรให้เครียดมากนะคะหลังจากที่เครียดกับเรื่อง เสน่หาในเพลิงแค้นมาแล้ว
ไม่ทราบว่าชอบแนวไหนมากกว่าค่ะ แบบโหดหื่น หรือ รักเบาๆ แบบนี้คะ?
@ คุณ Saralun ตอนนี้ยาวเป็นพิเศษเลยค่ะ หวังว่าจะถูกใจนะคะ :)
@ คุณ Lovemuay มิรันตีกำลังพยายามตัดใจค่ะ แต่ตอนนี้มีคนมากวนใจเธอน่ะสิ ช่วยเป็นกำลังใจให้มิรันตีหน่อยนะคะ
@ คุณ ปูสีนำ้เงิน พระเอกของมิรันตีถูกใจคุณปูไหมคะ? สนใจรับไปทดลองดูแลไหมเอ่ย?
โลกหมุนด้วยความรัก
จากที่ตั้งใจว่าจะพารดามานั่งรถเล่นที่พัทยา แต่ก็อยากถือโอกาสนี้ดามใจสาวเจ้า อัษฎางค์จึงบังคับ และขู่เข็ญเพื่อนในกลุ่มที่มีธุรกิจรีสอร์ทบนเกาะล้านให้นำเรือสปีดโบ้ทให้มารับที่ท่าเรือ
ขวดเบียร์สีเขียวเกลื่อนบนหาดทรายไม่น้อยกว่าสิบขวด อัษฎางค์จำได้ว่าเขาดื่มไปแค่สองขวด ส่วนนั้นน่าจะเป็นยอดของเมรีขี้เมาที่นอนแหมะอยู่ข้างๆ รดายังคงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ยังมีคราบน้ำตาเปื้อนใบหน้านวล เขาเช็ดมันออกอย่างเบามือแล้วจรดจมูกกับกลุ่มผมสีดำ
‘ยังรักมันอยู่หรือไง’ คำถามของอัษฎางค์ทำให้รดาทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจพยายามหาคำตอบ
อัษฎางค์เดาว่าอาการนิ่งเงียบของของรดานั้นคือเธอไม่พอใจ ชายหนุ่มจึงนิ่งเสียเพราะไม่อยากกวนนำ้ให้ขุ่น และไม่อยากซำ้เติมความรู้สึกของรดา ชายหนุ่มเดาได้ไม่ยากว่า ‘รดายังมีเยื่อใยกับใครคนนั้นอยู่’
‘เปล่า รักมากต่างหากเล่า’ รดานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบอัษฎางค์
ชายหนุ่มไม่ค่อยชอบใจนักกับคำตอบของหญิงสาว เขาเลี่ยงที่ฟังคำพูดแสลงใจด้วยการไปซื้อเบียร์
อัษฎางค์เดินเตะทรายมาตามชายหาด นึกอยากจับหญิงสาวเขย่าแรงๆ แล้วถามเธอว่า ‘เสียสติไปแล้วหรือไงที่ยังรักผู้ชายคนนั้นอยู่’
‘รักมากต่างหากเล่า’ อัษฎางค์ดัดเสียงว่าตามรดา ‘หึ แล้วพี่จะทำให้รดารักพี่ให้ได้’
หลังจากให้กำลังใจตัวเอง อัษฎางค์ก็เลิกอิจฉาชายหนุ่มคนนั้นแล้วหาทางโปรยเสน่ห์รดาให้หญิงสาวรับรักเขาให้ได้เพราะตอนนี้เป็นเขาเป็นคนที่ใกล้ชิดรดามากที่สุดจึงได้เปรียบผู้ชายคนอื่นๆ นั่นเอง
‘ทำไมไปนานนักล่ะ’ รดาถามขณะที่ทิ้งสายตามองทะเลเบื้องหน้า หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มกลับมาแล้วเพราะได้ยินเสียงกระทบกันก๋องแก๋งของขวดเบียร์
‘มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย’ อัษฎางค์นั่งข้างๆ รดาแล้วเปิดขวดเบียร์ส่งให้หญิงสาว
รดารับขวดเบียร์มาแล้วยิ้มให้คนข้างๆ ระหว่างที่อัษฎางค์ไปซื้อเบียร์นั้น เธออดคิดถึงข้อดีของพี่ชายตัวโตที่มารดาไว้วางใจไม่ได้ คนสองบุคลิกอย่างอัษฎางค์ทำให้เธอชักไม่มั่นใจแล้วว่าที่เธอไม่รู้สึกอะไรกับสมาร์ทแล้วเป็นเพราะว่าเธอเริ่มชอบอัษฎางค์หรือเปล่า โดยรวมแล้วอัษฎางค์มีภาษีดีกว่าผู้ชายคนอื่นที่เธอคุยหรือทำความรู้จักด้วยตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือความเจ้าชู้ บ่อยครั้งที่เขามักทำให้เธอเริ่มหวั่นไหวโดยการปฏิบัติตัวว่าเป็นคนสำคัญ รดานึกถึงการเอาใจใส่ของเขาแล้วเอียงศีรษะไปซบไหล่อัษฎางค์ก่อนหัวเราะเบาๆ
‘แล้วตอนนี้ล่ะ ยังรักอยู่หรือเปล่า’ อัษฎางค์หันมาถามเพราะอดใจไว้ไม่อยู่ และการที่รดาให้ความใกล้ชิดนั้นเหมือนการให้ความหวังเขานั่นเอง
‘หืม’ คิ้วเรียวขมวดหากันเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด
‘ไม่เห็นยากเลย รู้สึกยังไงก็พูดมาอย่างนั้น’
‘ไม่บอก’ เธอบอกเสียงเรียบทำให้อัษฎางค์หน้าเจื่อนแต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม
‘ทำไมไม่ยอมคืนดีกับเขาล่ะ’
รดาคิดว่า ‘คำถามนี้ดูเหมือนจะยากกว่าคำถามแรก’ นั่นสิ ทำไมเธอถึงไม่ยอมคืนดีกับเขานะ
‘อยากรู้จริงๆ หรือ’
อัษฎางค์พยักหน้าแทนคำตอบแล้วกระดกเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งจนหมดขวด
‘มันเจ็บนะที่ถูกทิ้ง วันนั้นเหมือนฟ้าถล่มมาตรงหน้า เจ็บที่สุดก็เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนที่จะเป็นรดา พี่ธามรู้ไหมว่าตอนแรกรดาเหงามากเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือว่าทำอะไรก็คิดถึงแต่เขา ตอนนั้นอยากกลับไปเหมือนเดิมแต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ วันๆ รดาไม่ทำอะไรเลยนอกจากร้องไห้แล้วก็กินเหล้า เหมือนอีบ้าเลยแหละ...จะเรียกว่าหลุดโลกเลยก็ได้ แล้วจู่ๆ ก็ถามตัวเองว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ทำร้ายตัวเองเพื่ออะไร เมื่อมันเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดก็เลิกบ้าไปเอง’ รดาจิบเบียร์แก้กระหายก่อนพูดต่อว่า ‘ผู้หญิง...รักมากก็เกลียดมาก อ้อ รดาจะบอกให้ว่าทำไมรดาไม่กลับไป นั่นเพราะรดาเห็นคุณค่าของตัวเอง และรดาก็ไม่ได้เป็นของตายของใคร ที่สำคัญไม่อยากกลับไปเจ็บอีก’
พูดจบรดาก็กระดกเบียร์ให้หมดขวด ไม่สนใจว่ามันจะไหลเลอะปากหรือเสื้อผ้า น้ำตาหยดโตไหลอย่างไม่อายจนอัษฎางค์ต้องกอดหญิงสาวไว้
ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงสะอื้นน้อยๆ จากหญิงสาว
‘ไม่เป็นไร ผู้ชายคนนั้นมันโง่’
ผ่านไปสักพักที่รดาสงบสติอารมณ์ได้ หญิงสาวจึงผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา เธอก็ได้รับรอยยิ้มละมุนตอบแทนมาเหมือนกัน
‘อย่ามาทำดีกับรดาให้มากนักเลย เดี๋ยวจะอดใจไม่ไหว ยิ่งชอบตกหลุมรักใครที่ทะเลอยู่ด้วย’
‘ใจง่ายขนาดนั้นเชียว’
‘ไม่รู้สิ ต้องลองฟังดู’
แล้วรดาก็เล่าเหตุการณ์ตอนเป็นนิสิตให้ฟังว่าเธอเคยมารับน้องที่ทะเลแล้วตกหลุมรักรุ่นพี่ร่วมคณะ เทียวรับเทียวส่งดอกกุหลาบสีขาวให้ทุกวัน จนขึ้นปีสองนั่นแหละถึงรู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน เธอเองก็ลืมคิดไปว่าคณะบริหารของเธอนั้นส่วนมากจะเป็นผู้หญิง และผู้ชายใจหญิงเป็นส่วนใหญ่
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นหาด จากนั้นทั้งสองก็เล่าเรื่องสัพเพเหระ ซึ่งส่วนมากอัษฎางค์จะเป็นผู้ฟังเสียส่วนใหญ่ ปล่อยให้หญิงสาวอ้อแอ้ไปตามประสาคนเมา
‘รักพี่ได้ไหม’ คำถามตรงไปตรงมาของอัษฎางค์ทำให้คนเมาสร่างเต็มตา
‘จะบ้าหรือไง’
‘พี่เคยบอกรดาไปแล้วว่าพี่สนใจรดา อยู่ที่ว่ารดาจะเปิดใจ และยอมรับมันหรือเปล่า’ ชายหนุ่มพูดช้าๆ พลางมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม
อัษฎางค์ไม่อยากเสียเวลาไปนานกว่านี้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ใช่แล้วก็ไม่อยากปล่อยเธอไป จริงอยู่ว่าเขาถูกใจรูปร่างหน้าตาของเธอตั้งแต่แรกเจอแต่ตอนนี้เขาอยากดูแล และเอาใจใส่หัวใจของรดาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
‘ไม่รู้สิ รดาไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำได้’
‘พี่จะรัก และให้เกียรติรดา ไม่ชิงสุกก่อนห่าม’ อัษฎางค์อยากลบภาพแบดบอยครั้งเมื่อเจอกันครั้งแรกออกไปให้หมด
‘จะทำได้เร้อ เห็นอยู่ว่าเจอกันครั้งแรก พี่ธามชีกอจะตายไป’
‘โธ่ ตอนนั้นพี่คิดว่ารดาจะเป็นผู้หญิงประเภทนั้นนี่คะ แล้วพี่ก็สนใจรดาจริงๆ ถึงได้บ้า ยื่นข้อเสนอแบบนั้นไป’
‘ทำจนเป็นนิสัยแล้วสิไม่ว่า’ รดายังแค้นฝังหุ่น เคืองอัษฎางค์ไม่หาย
‘พี่จะไม่โกหกรดานะเพราะพี่คิดว่าเราควรจะจริงใจต่อกัน พี่ยอมรับว่าพี่เคยเจ้าชู้ แต่ตอนนี้พี่จะลดดีกรีมันลงถ้ารดายอมเป็นแฟนกับพี่’
‘แน่ะ มีขู่กันด้วย’ รดาว่าเขาอย่างไม่จริงใจนัก
‘ก็จริงนี่ พี่จริงจังกับรดานะ พี่รับปากด้วยเกียรติของพี่เลยนะว่าจะไม่ล่วงเกินรดาจนกว่าเราจะแต่งงานกัน’ อัษฎางค์เลือกที่จะหักดิบสัญชาตญาณนักล่าของตนเพราะอยากได้รดาเป็นแม่ของลูกใจจะขาด
‘ยังไม่ทันจะคบกันเลยจะแต่งเลยหรือคะ’ รดาหัวเราะคิกที่ชายหนุ่มคิดไปไกลถึงขั้นนั้น
‘พี่อยากให้รดามั่นใจไงว่าพี่ไม่ได้คิดแต่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว พี่จริงใจกับรดาจริงๆ ’ นำ้เสียงจริงจังของอัษฎางค์ทำให้รดาต้องตัดสินใจอย่างหนัก
‘รดาไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอกค่ะ รดาไม่อยากให้พี่ธามฝากความหวัง และอนาคตกับรดานักเพราะถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวัง คนที่จะเสียใจที่สุุดก็คือพี่ธามนั่นเอง’
‘พี่รู้ตัวดีว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ รดาถามตัวเองดีกว่าว่าพร้อมจะใช้เวลาที่เหลือต่อจากนี้กับพี่หรือเปล่า’
‘รดาก็ไม่ได้รังเกียจนี่คะ’
เมื่อเห็นว่าอัษฎางค์รักเธอหัวทิ่มบ่ออย่างนี้ รดาจึงขอเล่นตัว แก้แค้นเขาเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เธอประสาทเสียในคราแรก และเป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นต่างๆ นั่นเอง
‘อืม ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน’ เมื่อเห็นอาการแบ่งรับแบ่งสู้ของรดา อัษฎางค์จึงไม่อยากหักหาญน้ำใจเธอไปมากกว่านี้
‘ก็ได้ค่ะ แล้วรดาจะรอดูว่าพี่ธามจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า’
‘ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ’
‘เสียงอะไรนะ’ ถึงอย่างไรเสีย รดาก็ยังอายกับคำพูดของอัษฎางค์จึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
‘เสียงของความรัก’ อัษฎางค์พูดเสียงหวานจ๋อยชิดใบหูรดาทำให้หญิงสาวเอาศอกกระทุ้งสีข้างเขา ชายหนุ่มหนีไม่พ้นจนล้มไปนอนบนเสื่อแต่เขาคว้าร่างอวบให้ล้มลงด้วยกัน
ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ใบหน้าของรดาแดงกำ่ด้วยแอลกอฮอล์อยู่แล้วก็ระเรื่อไปอีก
ชายหนุ่มตวัดรดาให้นอนลงโดยใช้สองแขนคร่อมเหนือร่าง มอบจุมพิตแสนดูดดื่มแทนสัญญา แล้วใช้แขนให้เธอหนุนนอนต่างหมอน และอ้อมกอดห่มต่างผ้าห่ม
‘ไหนบอกจะไม่ล่วงเกินรดาไงคะ’ รดาอดทวงคำสัญญาไม่ได้
‘ก็พี่ทำให้รดาสมยอมได้นี่คะ’ อัษฎางค์บดขยี้ริมฝีปากของเขากับของรดาอีกครั้งเพื่อปิดเสียงกรีดร้องของหญิงสาว
‘พี่ธามนะพี่ธาม...แต่อย่าให้ถึงขั้นนั้นนะคะ รดารับไม่ได้จริงๆ ’
อัษฎางค์เข้าใจว่าคุณหญิงรดีสุดาสอนลูกสาวมาเช่นไรจึงยอมรับเงื่อนไขของรดา หลังจากนั้นเขาก็หากิจกรรมมาทำร่วมกับแฟนสาวป้ายแดง อัษฎางค์รั้งรดาที่จะกลับห้องพักให้นอนดูดาวด้วยกัน
การดูดาวเป็นอีกอย่างหนึ่งที่อัษฎางค์ทำได้ดีรองจากการสอยเวอร์จิ้นสาว รดาสนใจกิจกรรมของชายหนุ่มเป็นอย่างมากเพราะรดาดูเป็นแค่ดาวลูกไก่ และดาวเต่า เนื่องจากดาวเต่านั้นสังเกตง่ายคือเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่นเอง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อถูกเจ้านายเกงาน มิรันตีจึงต้องหาตั๋วเครื่องบินไฟลท์ที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หญิงสาวต้องหัวเสียเมื่อต้องเดินทางไฟลท์เช้าสุดของวันรุ่งขึ้นเพราะตั๋วเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ถูกจองเป็นชื่อของอัษฎางค์แล้วนั่นเอง กว่ามิรันตีจะจัดกระเป๋า และเคลียร์งานในส่วนของเธอระหว่างที่ไม่อยู่เสร็จก็ปาไปตีหนึ่งแล้ว มิรันตีหัวถึงหมอนได้ไม่ถึงหกชั่วโมงก็ต้องหน้าตั้งมาเช็คอินที่สนามบิน ดังนั้นหญิงสาวจึงนอนเป็นตายเมื่อเข้าพักโรงแรมที่เชียงใหม่
มิรันตีตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายโมง หญิงสาวนอนเล่นบนเตียงนุ่มอย่างเกียจคร้าน เธอไม่ได้นอนตื่นสายอย่างนี้อีกเลยหลังจากที่...
เหตุการณ์รักร้อนที่ปารีสฉายในสมองของมิรันตีอีกครั้งทำให้ร่างบางหน้าแดง คราใจที่เธอนึกถึงเขาคนนั้น หัวใจก็รำ่ร้องอยากทราบว่าเขาเตื่นขึ้นมาจะเป็นเช่นไร อาจจะโล่งใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หึ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด มักมาก คงจะดีใจด้วยซ้ำที่มีอะไรกับผู้หญิงดีๆ สักคน ยิ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ซื้อด้วยเงินด้วย
‘คงนานมากสำหรับคุณ’ คำพูดของเรวัตยังดังก้องในหัว
‘นาน...มาก ตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรก’ มิรันตีอยากตอบอย่างนั้น แต่เธอเลือกที่จะเงียบและซุกใบหน้ากับอกอุ่น ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นรัวอย่างเหนื่อยอ่อน
‘ผู้ชายคนนั้น’ สุภาพ อ่อนโยน และเป็นสุภาพบุรุษ คงไม่แปลกนักที่คนโหยหาความรักอย่างเธอจะเผลอใจไปกับเขา อาจเพราะอยู่ในระยะทำใจในการตัดใจจากอัษฎางค์ และอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
มิรันตีพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะนึกถึง ‘ชายในฝัน’ อีกต่อไป
หญิงสาวสูดหายใจเข้าเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง เพียงไม่นาน มิรันตีคนเก่าก็กลับมา
คนเก่าที่ดูสง่า เข้มแข็ง และมีความรับผิดชอบ ด้วยรูปลักษณ์สูงโปร่งกับการแต่งตัวทันสมัยทำให้มิรันตีดูเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนคนเก่ง แต่ภายในนั้นเล่า เคยมีใครมองลึกลงไปบ้าง เด็กกำพร้าอย่างมิรันตีถูกคุณระรินทิพย์หยิบยื่นความรักให้ หญิงสาวเป็นคนขาดๆ เกินๆ ความรัก จึงกลัว และไม่แน่ใจใน ‘ความรัก’ แม้ว่าผู้มีพระคุณจะพยายามทดแทนให้เธออย่างเต็มที่ก็ตาม
เสียงเพลง Big girl don’t cry ที่เจ้าตัวตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าให้กับเพื่อนชายใจหญิงตัวบึกบึน และไม่ชอบใจกับชื่อ Big girl ที่ถูกเรียกขาน
“ว่าไงจ๊ะ พร้อมหรือยัง ฉันออกจากบ้านมาแล้วนะ” เสียงห้าวที่พยายามดัดให้เล็กแหลมเล็กดังมาตามสาย
“พร้อมบ้าอะไร ฉันเพิ่งตื่นย่ะ”
“อะไรกันยะคุณนาย สายตะวันโด่งแล้ว เอ๊ย บ่ายโมงจะบ่ายสองแล้ว รีบลากตูดใหญ่ๆ จากที่นอนมาอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวฉันจะไปรับ” พูดจบปลายสายก็กดวางทันทีทำให้มิรันตีกลอกตามองเพดานอย่างเซ็งๆ แต่เพียงไม่นานหญิงสาวก็ลุกไปอาบน้ำตามคำสั่งของเพื่อนเพราะกะเวลาว่าบิ๊กจะมาถึงโรงแรมภายในครึ่งชั่วโมง
“ว่าฉันก้นใหญ่รึนังบิ๊กเกิร์ล” มิรันตีมองร่างเปลือยของตนบนกระจกใสในห้องนำ้ ภาพสะท้อนทรวดทรงดังกล่าวนั้นทำให้หญิงสาวต้องยอมรับความจริง “แม่พันธุ์ชั้นดีเลยนะเนี่ย”
เพียงไม่นาน มิรันตีกับเพื่อนซี้ก็พากันตระเวนหาของอร่อยทานทั่วจังหวัดก่อนพากันไปเสริมสวย เตรียมตัวไปงานเปิดตัวห้องเสื้อที่จัดขึ้นเย็นนี้
ยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน
เรวัตตั้งใจจะเซอร์ไพรส์มารดา และน้องสาวที่มักจะสื่อสารผ่านโทรศัพท์ข้ามทวีปไปหาเขาสัปดาห์ละสองครั้งด้วยการกลับเมืองไทยก่อนกำหนด และไม่แจ้งให้ทั้งสองทราบก็ต้องเซอร์ไพรซ์เสียเองเมื่อสาวใช้รายงานว่าไม่มีใครอยู่บ้านสักกคน ดังนั้นชายหนุ่มจึงกางแผนที่แล้วเลือกที่จะไปต่างจังหวัดสักอาทิตย์
ชายหนุ่มเปลี่ยนแผนกระทันหันด้วยการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่หลังจากที่เช็คอีเมล์ เป้าหมายของจุดหมายของเรวัตคือการไปพบปะเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และการไปสมัครเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยอีกด้วย
เรวัตดีใจระคนอิจฉาเพื่อนร่วมรุ่น ที่บัดนี้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว หลังจากหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจ เห็นว่าคลับบาร์ก็ไปได้สวยแถมยังตอนนี้มาเอาดีทางด้านแฟชั่น ช่างไม่เข้ากันเอาซะเลย ผิดกับเขาที่ยังไม่ได้งานทำเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อนหลายคนต่างอิจฉาที่เขาเรียนเก่ง ไม่มีสักครั้งที่เขาไม่พลาดเกรดสี่ เกรดเอ และเกียรตินิยม แต่นั่นทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวเองว่าเขาจะทำงานได้ดีเหมือนกันกับการเรียนหรือเปล่า ยิ่งเขาเป็นประเภทกลัวความผิดหวังซะด้วย เรวัตกังวลว่าความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมานั้นจะไม่พอใช้กับการประกอบวิชาชีพ
เขาได้รบเร้ามารดาให้ซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูเพื่อเป็นที่พักครั้งเมื่อเรียนปริญญาตรีโดยมีน้องสาวสุดที่รักคอยสนับสนุน แน่ล่ะว่าสองแรงแข็งขันอย่างนี้...มีหรือจะพลาด ยิ่งไปกว่านั้น คุณหญิงรดีสุดาจัดการปักหมุดสาขาโรงแรมในเครืองเศวตกุลพาเลซสาขาที่สามมาที่เชียงใหม่
เมื่อเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างเรวัตกลับจากฝรั่งเศสทั้งที เพื่อนของชายหนุ่มจึงไม่พลาดที่จะเลี้ยงฉลองจนเมามายไปตามระเบียบ กว่าชายหนุ่มจะได้กลับห้องพักก็เกือบเช้า
...ต่างคนต่างมา ต่างความฝัน
ต่างรัก ต่างเกาะเกี่ยวใจผูกพัน
มิตรภาพ รอยยิ้ม และแบ่งปัน
เพื่อวันนี้ สายรุ้งแสนงดงาม...
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ร่างบางในชุดแส็คคล้องคอสีขาวงาช้างโดยมีเข็มขัดเส้นเล็กคาดไว้ที่เอวเน้นสัดส่วนของมิรันตีให้หน้ามอง ผมยาวที่เจ้าตัวตัดตรงยาวถึงกลางหลังช่วยให้หญิงสาวสวย สง่าเป็นพิเศษ รองเท้าส้นเข็มสีเข้าชุดกันกับกระเป๋าถือทำให้เธอที่รูปร่างสูงโปร่งอยู่แล้วดูน่ามองยิ่งเคียงข้างกับชายหนุ่มกล้ามโต
“เสียดาย มากับแฟนว่ะ...สงสัยเนื้อคู่ กระดูกคู่ข้ายังไม่เกิด” เสียงหนึ่งซุบซิบเมื่อมิรันตีปรากฏตัว
เรวัตหันไปมองคู่รักที่เพื่อนของเขาพูดถึงแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร
ใบหน้านวลที่เรวัตลืมไม่ลง เธอคนนั้นเดินควงคู่มากับชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเข้ากับชุดของเธอ ดูจากการแต่งกายแล้วรสนิยมดีไม่แพ้กัน
“ใครวะสวยชะมัด” เพื่อนในกลุ่มสักคนของเรวัตที่ยืนจับกลุ่มกันพูดขึ้น
เรวัตเองอึ้งที่ได้เจอเธอที่นี่ ผู้หญิงสวยขนาดนี้เห็นแค่ครั้งเดียวก็ยากจะลืมเลือน ยิ่งเป็นเธอที่พรากเวอร์จิ้นที่หวงแหนมาหลายปี!
“มองตาไม่กระพริบเลยนะวัต” เสียงเพื่อนในกลุ่มบอกอย่างล้อเลียน
“เออ” เรวัตตอบอย่างขอไปที
ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวตาไม่กระพริบ จดจ้องทุกรายละเอียด และทุกการกระทำ ครั้นเมื่อมิรันตีหอบดอกลิลลี่ช่อโตมาแสดงความยินดีกับเจ้าของงานเดินผ่านหน้าเขาไป พนักงานก็พาเธอไปนั่งที่เสียแล้ว เรวัตเดินตามเธอไป อยากจะตกลงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย หาเดินไปเพียงสองก้าว ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้พิธีกรก็ประกาศเริ่มงาน
แขกเหรื่อเริ่มทยอยไปนั่งในบริเวณที่ได้จัดไว้แล้ว เพียงครู่เดียวที่พิธีกรกล่าวถึงประวัติของดีไซเนอร์คนเก่งเสร็จ บรรดานางแบบมืออาชีพก็เดินเรียงกันออกมาแสดงความงามของเสื้อผ้า และความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของห้องเสื้อคล้ายว่าดวงตาทุกคู่จะชื่นชมกับผลงาน หากแต่สายตาของเรวัตมีให้หญิงสาวที่นั่งติดขอบเวทีคนเดียวเท่านั้น
“คิดมากน่า” มิรันตีพึมพำเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่ จะให้หันไปมองหาตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทจึงได้แต่นั่งเกร็ง เมื่อทนไม่ไหวจึงหันไปมอง มิรันตีปากค้างเมื่อสบตากับเรวัต “เฮ้ย ไอ้บ้านั่น”
หญิงสาวหันหน้ากลับมาแทบไม่ทัน เชื่อได้ว่าเขาเห็นเธอก่อนแล้ว ในเมื่อพลาดไปแล้ว มิรันตีต้องหาแผนสำรองในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ร้ายที่กำลังเกิดขึ้น หญิงสาวคิดว่าจะออกจากงานไปได้อย่างไรหลังจากมอบดอกไม้ให้หุ้นส่วนคนสำคัญเสร็จ มิรันตีมองภาพตรงหน้าด้วยจิตใจที่ร้อนรน นึกภาวนาให้นางแบบพวกนี้รีบเดินเหมือนพวกเดินวิ่งการกุศล
“แกเป็นบ้าอะไรยะนังคุณนาย เห็นยุกยิกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” บิ๊กเกิร์ลที่มิรันตีเรียกขานตีหน้ายุ่งใส่เพื่อนรักที่นั่งดิ้นไปมาราวกับโดนหมามุ่ย
“เปล่าไม่มีอะไร” เธอปดหน้าตาเฉย แต่ก็ได้รับสายตาที่มองอย่างเหยียดๆ จากเพื่อนรักว่า ‘อย่ามาหลอกฉันเลยย่ะ ไว้ไปหลอกเด็กเถอะไป๊’
“แกหัดมีความลับกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
“เออๆ เล่าก็ได้ แกเห็นผู้ชายคนนั้นมะ” มิรันตีชี้นิ้วประกอบ เพื่อนสาวก็หันมองโดยไม่ให้ชายหนุ่มรู้ตัว พยักหน้าเออออด้วยจากนั้นมิรันตีจึงเล่าเรื่องรักร้อนในปารีสให้ฟัง
เมื่อเล่าเสร็จ บิ๊กทำตาโตเพราะไม่นึกว่าแม่คุณนายเพื่อนรักที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายปีดีดักจะไปหลงเสน่ห์เขาเข้าให้ แต่ว่าไปแล้ว ดูๆ ไปพ่อหนุ่มนั้นก็น่าเคี้ยวไม่หยอก มิน่า...มิรันตีจะหลงใหลได้ปลื้มชายหนุ่ม
ภาพสองคนที่คุยกันจนหัวแทบชนกันทำเอาเขาแทบลมออกหู เรวัตขบกรามจนเป็นสันนูน คนขี้หวงไม่ยอมให้ใครมาซ้ำรอยเดิมของเขา
เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เรวัตทราบเพียงชื่อของหญิงสาวที่เคยร่วมหลับนอนกันหลังจากติดสินบนให้เพื่อนในกลุ่มช่วยสืบให้ด้วยวิสกี้นอกหนึ่งขวด ในเวลานี้ชายหนุ่มยอมเสียมากกว่านี้เพื่อให้เธอคนนั้นรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
ยี่สิบแปดปีกับชีวิตบนคานทองของเขาคานทองนิเวศน์ สาวๆ เคยคบหากันมาต่างว่าเขาเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นไร้ซึ่งเสน่ห์ ก็ทำไงได้ล่ะสาวๆ ในเมื่อคนมันไม่เคย
ฝ่ายมิรันตีก็มืดแปดด้านไปหมดเพราะไม่อาจปลีกตัวลุกไปตอนนี้ได้ แล้วยิ่งหลังจากงานเลิกยิ่งยากใหญ่เพราะเชื่อว่าหุ่นส่วนคนสำคัญคงถามถึงอัษฎางค์ที่ไม่อาจมาร่วมงานได้
“สาธุ ถ้ากลับไปลูกช้างจะถวายผลไม้เจ็ดสีกับขนมหวานเจ็ดอย่าง” มิรันตีนึกพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณระรินทิพย์มักบนบานสานกล่าวเป็นประจำ แน่ล่ะว่าได้ผลดีเกินคาด
มิรันตีแทบจะวิ่งหนีลงเวทีหลังจากมอบดอกไม้ช่องามเสร็จ ช่างภาพคงแปลกใจกับรอยยิ้มแหยๆ ของเธอที่ประดับบนใบหน้า จะให้มันออกมาดีได้อย่างไรกันล่ะ ก็พ่อคุณมองไม่วางตาให้เธอร้อนๆ หนาวๆ ใจแป้วเล่น ที่สำคัญ กันชนชั้นดีของเธอเพิ่งกลับไปเพราะถูกตามตัวด่วนจากเจ้านายโรคจิตที่ชอบโขกสับลูกน้องเป็นว่าเล่น แน่ล่ะว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเพื่อนเธอไม่อาจปฏิเสธได้
งานนี้สงสัยเจ้าที่จะเดินทางไกลไม่ได้หรือของแก้บนของมิรันตีจะน้อยไป ร่างบางที่เตรียมจะวิ่งด้วยความเร็วประดุจกับเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งผลัดหนึ่งคูณสี่ร้อยเมตรต้องซวนเซมาปะทะกับอกกว้าง มิรันตีถลึงตา เตรียมต่อว่าคนไม่ระวังแต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบกับอำนาจทะลุทะลวงสูงจากกรอบแว่นสีเงินนั่น
“สวัสดีครับ คุณมิรันตี” เรวัตเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อผลไม้กับขนมหวานเป็นหมันไปแล้วมิรันตีจึงพยายามหนีจากเขาให้ได้ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกว่านี้เพราะแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มทยอยออกจากห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม
“เอ่อ สวัสดีคะ สบายดีนะคะ ลาก่อนค่ะ” มิรันตีโบกมือแก้เก้อแล้วหมุนตัวกลับแต่ถูกมือหนาคว้าให้หันหน้ามาประจันหน้า
ใบหน้าของเรวัตถมึงทึงไม่เหลือเค้าสุภาพบุรุษคนเดิมเลยสักนิด
“ผมว่าคุณคงไม่อยากเป็นจุดสนใจใช่ไหม”
มิรันตีรู้ดีว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงยอมจำนน หญิงสาวหันมาประจันหน้ากับชายหนุ่ม อยากจะตอกหน้าเขาให้หงายด้วยคำพูดเจ็บๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของฝ่ายนั้นก็ทำให้เธอต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เรวัตทั้งลากทั้งจูงมิรันตีให้ไปที่รถซึ่งจอดไม่ไกลนัก พอถึงก็ยัดหล่อนเข้าไปในรถแล้วแล่นรถฉิวออกไป ไม่หันมามองหญิงสาวที่หน้าเหลือสองนิ้วเมื่อความเร็วของรถยนต์เร็วตามอารมณ์
“ฉันยังไม่อยากตายนะ ช้าๆ หน่อยสิ” มิรันตีแว้ดขณะลนลานรีบคาดเข็มขัดนิรภัย
เรวัตหันมามองนิดหนึ่งแล้วหันไปมองถนนตามเดิมแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีก
“หุบปากของคุณเสียคุณผู้หญิง”
“ก็คุณก็ช่วยลดความเร็วลงหน่อยสิ...คะ” เธอทิ้งหางเสียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากแต่คำขอร้องของเธอก็ไม่มีผลให้เขากระทำอย่างที่เธอหวัง มิรันตีฮึดฮัดอย่างหัวเสีย
เพียงไม่นานมิรันตีก็กระจ่างแก่ใจแล้วว่าเขามาเธอมาที่ไหน...โรงแรมที่หญิงสาวพักนั่นเอง
เรวัตลงจากรถแล้วประตูรถเสียงดังทำให้มิรันตีสะดุ้ง ไม่ทันที่มิรันตีจะได้ทำอะไรเรวัตก็เปิดประตูของหญิงสาวแล้วกระชากเธอให้ลงจากรถจนมือบางคว้ากระเป๋าใบแพงแทบไม่ทัน
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” ดวงตาสวยมองโรงแรมหรูริมแม่น้ำปิงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ...นี่เขาจะพาเธอเข้าโรงแรมกลางวันแสกๆ หรือเนี่ย!? ฉันไม่อยากเป็นที่รองรับอารมณ์หื่นของเขานะ
“ก็มาสานต่อเรื่องของเราน่ะสิ” มิรันตีตาโตกับคำพูดของเขา
“นี่จะบ้าหรือไงคุณ เรื่องของเราสองคนมันจบไปนานแล้ว”
เรวัตหันมองเธอแวบหนึ่ง แล้วอารมณ์โกรธก็นำพาให้เขาเพิ่มแรงกดที่ต้นแขนของเธอ
“มันยังไม่จบ”
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” มือบางหยิกที่ท้องของเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยแล้วคลายแรงลงหน่อย
“สำหรับคุณอาจจะจบ แต่สำหรับผมมันยังไม่จบ”
“แล้วคุณจะเอายังไงเล่า” มิรันตีตวาดอย่างเหลืออด
ให้ตายเถอะ ถ้าเธอรู้ว่านอนกับเขาแค่คืนเดียวแล้วจะมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาเป็นขบวนอย่างนี้เธอคงไม่ให้มันเกิดขึ้นแน่นอน
“คุยตรงนี้ไม่สะดวก ไปคุยกันข้างบน” สิ้นเสียงทุ้มเฉียบ เรวัตดันให้เธอเดินเข้าไปในโรงแรมโดยที่มีเขาประกบหลัง
พนักงานต้อนรับที่ฟร้อนท์ยิ้มให้ทั้งคู่ ไม่ทันที่ฝ่่ายนั้นจะพูดอะไร เรวัตก็พูดด้วยนำ้เสียงวางอำนาจ
“ห้องสวีทชั้นบนสุด เดี๋ยวนี้” เขาเน้นหนักที่คำพูดสุดท้าย
“ขอทราบชื่อก่อนนะคะ” พนักงานสาวยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม
“เรวัต วงศ์เศวตกุล” เมื่อได้ยินนามสกุลดังทำเอาใบหน้าสาวสวยนั้นซีดลงแล้วหันไปสั่งงานเพื่อนร่วมงานอย่างร้อนรน ไม่ถึงนาที กุญแจห้องก็ถูกวางเบื้องหน้า
“ฉันว่าคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ”
มิรันตีนึกสงสารพนักงานต้อนรับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ที่สำคัญหญิงสาวยังจดจำใบหน้าซีดเผือดของพนักงานคนดังกล่าวที่ได้ยินนามสกุลของชายหนุ่ม
“ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้ผมเป็นอย่างนี้” เรวัตกดลิฟต์แล้วมองหน้าหญิงสาว
“เฮ้ย อย่ามองฉันอย่างนั้นนะ”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สำหรับเรื่อง Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ จะเป็นเรื่องรักสบายๆ ไม่มีอะไรให้เครียดมากนะคะหลังจากที่เครียดกับเรื่อง เสน่หาในเพลิงแค้นมาแล้ว
ไม่ทราบว่าชอบแนวไหนมากกว่าค่ะ แบบโหดหื่น หรือ รักเบาๆ แบบนี้คะ?
@ คุณ Saralun ตอนนี้ยาวเป็นพิเศษเลยค่ะ หวังว่าจะถูกใจนะคะ :)
@ คุณ Lovemuay มิรันตีกำลังพยายามตัดใจค่ะ แต่ตอนนี้มีคนมากวนใจเธอน่ะสิ ช่วยเป็นกำลังใจให้มิรันตีหน่อยนะคะ
@ คุณ ปูสีนำ้เงิน พระเอกของมิรันตีถูกใจคุณปูไหมคะ? สนใจรับไปทดลองดูแลไหมเอ่ย?
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2554, 01:40:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2554, 01:48:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 2086
<< บทที่ 5 หลากรักหลายรส | บทที่ 7 ทางเลือก >> |
saralun 21 มิ.ย. 2554, 08:47:08 น.
ถูกใจมาก ๆ เลยคะ อิอิ!!
ถูกใจมาก ๆ เลยคะ อิอิ!!
สะเรนี 21 มิ.ย. 2554, 13:47:37 น.
รอตอนต่อไปอยู่นะค๊าาาา
รอตอนต่อไปอยู่นะค๊าาาา
ปูสีน้ำเงิน 21 มิ.ย. 2554, 14:58:48 น.
แหม.. ทำไมถามกันอย่างงี้ล่ะคะ ดถามเมื่อไม่รู้ใจ ก็ต้องถูกใจอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเรียงอักษรมีให้ปูเอาไปทดลองจริงๆ เหรอ ปูเอาจริงนะเอ้อ ToT
แหม.. ทำไมถามกันอย่างงี้ล่ะคะ ดถามเมื่อไม่รู้ใจ ก็ต้องถูกใจอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเรียงอักษรมีให้ปูเอาไปทดลองจริงๆ เหรอ ปูเอาจริงนะเอ้อ ToT
lovemuay 22 มิ.ย. 2554, 05:25:06 น.
ตอนนี้น่ารักทั้งสองคู่เลย แต่ลุ้นคู่มิรันตรีมากกว่า +55
ตอนนี้น่ารักทั้งสองคู่เลย แต่ลุ้นคู่มิรันตรีมากกว่า +55