จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 1

บทนำ
"ที่นี่แหละ"
"…"
"ขมิ้น!"
เสียงเรียกทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็พบว่าอาจารย์นิสากำลังมองหน้าฉันด้วยแววตาเป็นห่วง
"เธอโอเคมั้ย?"
" ^_^ "
ฉันพยายามฝืนยิ้มให้ดูเหมือนฉันไม่เป็นอะไรมาก…
ทั้งที่จริงๆ แล้ว ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนต้องร้องขอความตายให้ช่วยมาเยือนฉันเร็วกว่าเดิมได้มั้ย…
"เรามาเคารพศพเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นศพจะถูกเคลื่อนย้ายไปฝังที่อเมริกาตามพินัยกรรมที่เซทระบุไว้ ส่วนเรื่อง....ก็แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ เพราะยังไงเซทก็ตายไปแล้ว"
ประโยคหลังของเธอทำเอาฉันถึงกับต้องกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้ไหลลงมา
เขาอาจจะตายไปแล้วสำหรับคนอื่นๆ แต่กับฉันเขามีตัวตนชัดเจนเสมอในใจฉัน ใบหน้า รอยยิ้ม น้ำเสียง และสัมผัส ยังคงตราตรึงฝังอยู่ทุกๆ ความรู้สึก ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
"ขมิ้น!"
"คะ"
"ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย"
"ได้สิคะ"
"เธอรักเซทใช่มั้ย"
ฉันยิ้มเศร้าๆ แทนคำตอบก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วเดินนำไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
‘จริงๆ แล้วเธอไม่รู้จักความรัก และอาจจะไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ…ว่าเธอรักฉัน’
เซท! ฉันรู้จักความรักจริงๆ แล้วล่ะ แต่ฉันกับไม่มีโอกาสได้บอกนาย…
ถ้าฉันคิดสักนิดว่าชีวิตมันไม่ได้ยืดยาวนัก ฉันคงไม่ต้องเสียใจขนาดนี้
"เดี๋ยวก่อนครับคุณผู้หญิง เราต้องขอค้นตัวเพื่อความปลอดภัยครับ" ที่ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่อันเป็นสถานที่จัดงานศพของเซท เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำคอยรักษาความปลอดภัยของแขกภายในงาน
"เธอมากับฉัน ต้องค้นด้วยมั้ย" ทันทีที่อาจารย์นิสาเดินมาถึง บอดี้การ์ดต่างมองหน้าฉันอย่างขอโทษ ก่อนจะผายมือเชิญให้ฉันเข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย
ห้องโถงกว้างถูกแปลงเป็นสถานที่จัดงานศพ แต่มันกับดูแคบไปถนัดตาเมื่อตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาร่วมงาน เสียงพูดคุยร่ำไห้ดังอื้ออึงแต่ไม่อาจผ่านเข้าไปในความรู้สึกที่ว่างเปล่าของฉันได้
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ฉันรับรู้ คือร่างที่นอนสงบนิ่งราวกับรูปปั้นปราศจากชีวิต แม้รอบกายเขาจะเต็มไปด้วยดอกไม้ประดับประดาแต่ความสวยงามของดอกไม้ก็ไม่อาจบดบังใบหน้าอันไร้ที่ติของชายผู้นี้ได้เลย
ฉันเผลอยิ้มพร้อมๆ กับดวงตาที่ปิดสนิทราวกับจะฝันถึงวันที่ผ่านมา…
ครั้งแรกที่เราได้พบกัน ใบหน้านั้นทำให้ฉันโดนมนต์สะกดเข้าอย่างจังจนละสายตาจากเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…


บทที่ 1
แปดโมงเช้าวันอังคาร!
ตายละหว่าวันนี้มีพรีเซนต์งานกลุ่ม คุณหญิงเพื่อนสุดเลิฟแสนไฮโซของฉันต้องจับฉันถลกหนังหัวออกมาตากแดดเป็นพรมเช็ดเท้าแน่
ฉันมองเสื้อผ้าหน้าผมที่แสนยุ่งเหยิง ของตัวเองในกระจกบานกระจิ๊ดริดเท่าฝาหอยก่อนจะวิ่งออกจากห้องพักที่โคตรเก่าแก่ ที่บางทีเวลานอนฉันก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่า มันจะถล่มลงมาเหมือนแผ่นดินไหว หรือป่าว นี่ถ้าไม่ใช้เพราะราคาค่าเช่าห้องที่แสนจะถู๊กถูกเหมือนกับได้อยู่ฟรีสิบชาติแต่จ่ายเงินเพียงแค่ชาติเดียวละก็ ฮึม! ฉันจะไม่มีวันเช่าที่นี่อยู่เด็ดขาด
ฉันวิ่งกระวีกระวาดออกจากหน้าปากซอยเพื่อไปรอพี่วินมอเตอร์ไซค์ ท่ามกลางบรรยากาศวิเวกวังเวงเพราะตอนนี้มันสายมากแล้ว ทุกคนต่างพากันไปมหาลัยกันหมด
ฟิ้ว~
ฉันรีบยื่นมือไปข้างหน้าแล้วโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขี่เลยหน้าฉันไป
เอี๊ยด!
เสียงพี่วินเบรกจนล้อปัดแทบจะเสียหลักตกลงไปในคลองข้างถนน แต่ดีนะที่พี่แกยังทรงตัวแล้วเลี้ยวหัวกลับมารับฉันได้อย่างปลอดภัยทั้งคนทั้งรถซะก่อน
"ขึ้นเลยน้อง พี่รีบ"
“ดีเลยพี่หนูก็กำลังรีบเหมือนกัน”
เออ! สงสัยพี่แกจะรีบจริงๆ บิดไม่กี่นาทีก็มาถึงหน้าทางเข้าประตูคณะนิเทศ แต่ เฮ้ย! ฉันอยู่คณะศิลปะแล้วพามาประตูนี้ทำมายยยยยย แต่ก็เอาเถอะคนกำลังรีบขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเข้าประตูไหนก็ได้ขอให้ไปทันพรีเซนต์งานก็แล้วกัน
"ยี่สิบบาท"
"หา! "
ฉันจำได้ว่าค่าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากหน้าปากซอยหอฉันมาถึงประตูหน้ามอมันแค่ห้าบาทเองนะ ไงวันนี้พี่วินถึงขูดรีดขูดเนื้ออย่างโหดร้ายทารุณถึงยี่สิบบาทอะ แง แง
"ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้พี่รีบ"
"แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ"
"ก็เมียพี่ปวดท้องจะคลอดลูกพี่ต้องรีบไปแต่ดันมาเจอน้องซะก่อน"
โอ๊ะ! มีงี้ด้วย นี้ถ้าเมียพี่แกไปโรงพยาบาลไม่ทัน พี่เขาจะกลับมาเรียกค่าเสียหายจากฉันไหมเนี่ย
"ว่าไงจะจ่ายหรือไม่จ่าย "
พี่วินถามด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมแถมเชือดเฉือนไปด้วยอารมณ์ยังกับจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วฉันจะชักช้าอยู่ใย ฉันยืนประเมินสถานการณ์บวกกับมองรอยสักรอบต้นแขนรูปมังกรตาแดงของพี่วินอีกครั้ง โอ้แม่เจ้า! ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดทำให้ผิวพี่แกระคายเคืองได้ ฉันจึงตัดใจควักเงินยี่สิบบาทยื่นให้พี่วินแทน อย่างไร้ข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น
"ขอให้ไปทันทำคลอดนะพี่!
แหน่ะ! ฉันอุตส่าห์อวยพรยังจะมาเลิกคิ้วมองหน้าฉันด้วยสายตาราวกับจะจับฉันหักแขนหักขายัดใส่หม้อแล้วเอาไปถ่วงแม่น้ำเจ้าพระยาไปได้ ว่าแล้วจะยืนอยู่ทำไมรีบเผ่นออกจากเขตพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างไว
♫ ~ถ้าแม่ฟังอยู่คิดถึงหนูหน่อยน้าหนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าผ้าลดภาวะโลกร้อนแผดเสียงดังกระจองงอแง ฉันวิ่งไปพลางก้มหยิบหามือถือที่กำลังทั้งร้องทั้งสั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน (สวยตามกระแส) อ๊ะ! เจอจนได้ ฉันหยิบขึ้นมากดรับสายแบบไร้การดูเบอร์
"อีกห้านาทีฉันก็จะถึงคณะแล้ว"
รู้เลยว่าในเวลาแบบนี้มีเพียงคนเดียวที่จะโทรมาจิกฉัน สงสัยต้องเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงโทรจิกซะแล้ว แบบว่า ‘โทรจิกอยู่นั้นแหละจิกๆๆๆ อยู่นั้นแหละ’ จะได้เข้ากับบรรยากาศ
(ขมิ้นวันนี้ที่นัดไว้เลื่อนไปก่อนนะ)
อ้าว! ไม่ใช่หญิง
"พี่เกลมีธุระด่วนเหรอ"
พี่เกลหนุ่มคณะนิเทศปีสาม ตากลมโต คิ้วเข้ม บวกลักยิ้มเล็กๆ ที่แก้มข้างซ้าย ยิ่งทำให้เขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ที่สาวๆ ทั่วประเทศรู้จักดีในนามคอบเปอร์นักร้องนำแห่งวง Monster King ที่กำลังโด่งดังที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ แถมมีข่าวว่ากำลังจะโกอินเตอร์เร็วๆ นี้ด้วย เฮ้อ! ฉันน่าจะดีใจกับเขานะแต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนั้นไม่ได้เลยจริงๆ แค่ทุกวันนี้เขาเป็นเซเลบในเมืองไทยเขาก็แทบไม่มีเวลาให้ฉันเลย ยิ่งถ้าเขาต้องโกอินเตอร์แล้วไปอยู่ที่ต่างประเทศฉันคงต้องเป็นเหมือนผีที่ไร้ตัวตนเหลือแต่วิญญาณ ที่เจ๊เข็มหรือผู้จัดการส่วนตัวของเขาอยากจะเรียกฉันใส่หม้อดินแล้วฝังไว้ใต้ชั้นแมนเทิลโทษฐานที่ฉันเป็นตัวขัดความเจริญ (เจ๊แกว่าอย่างนั้นอ่ะนะ)
"อืม! พี่ต้องบินไปเซ็นสัญญากับค่ายเพลงที่เกาหลี ไม่โกรธนะ"
"โกรธ"
"โธ่! ถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่จะพาไปกินของอร่อยๆ โอเคมั้ย"
"พี่เกลเห็นขมิ้นเป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยเหรอ"
"แล้วได้ผลมั้ยล่ะ"
"จะไปไหนก็ไปเลย ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำด้วย"
"ค่ะคนสวย"
"ไม่ต้องมาปากหวานเลยตั้งแต่ดังแล้วเป็นแบบนี้ตลอด"
"ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะพี่กำลังออกจากมหาลัย เดี๋ยวไปไม่ทันขึ้นเครื่อง"
"ค่ะ" ฉันตอบกลับด้วยเสียงเซ็งเป็ดสุดชีวิตก่อนวางสาย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหย่อนมือถือเก็บลงหลุมที่เก่าเพราะฉันกำลังจะต้องลงหลุมแทนซะก่อนเมื่อจู่ๆ ก็มีรถสีดำโฉบขึ้นมาในสายตาแบบระยะประชิด เสียงตะโกนของใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้นชนิดที่ว่าถ้าไม่ติดเสียงแตรรถที่กำลังดังอยู่เบื่องหน้า คงแทบได้ยินกันทั้งมอเลยก็ว่าได้
"ระวัง!!"
"ミ●﹏☉ミ กรี๊ด!!! "
แต่ดูเหมือนว่าคงจะไม่ทัน สงสัยเสียงเตือนนั้นจะช้ากว่ารถคันหรู
เอี๊ยด!!!
ปึก!!
ร่างกายที่แสนบอบบางของฉันก็เลยปะทะกับรถเข้าอย่างจังจนฉันกระเด็นกระดอนไปอีกฟาก
"ขมิ้น!!! "
น้ำเสียงตื่นตระหนกของชายคนหนึ่งที่ถึงแม้ฉันจะเจ็บก็จำได้ดี เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เกล!
"โอ๊ย! (╥﹏╥) เจ็บจัง" ฉันร้องครางโหยหวนเหมือนหมาข้างถนนเจ็บจนแน่นอกแทบต้องยกออก ไม่นานหลังจากที่ฉันโดนรถชนน้ำสีแดงแรงฤทธิ์ก็พร้อมใจกันไหลอาบท่วมหน้าฉัน โอ๊ย~ ฉันว่าฉันจะตายก็เพราะสำลักเลือดนี่แหละ ในขณะที่ฉันกำลังวุ่นวายกับการสำรวจบาดแผลตามแขนขาของตัวเองพี่เกลก็เข้ามาประคองฉันไว้แต่ฉันลุกไม่ขึ้นจริงๆ เจ็บมาก แง
"เสียเวลาชะมัด "
หน็อย! พูดออกมาได้เสียเวลา ฟังแล้วแทบจะกระโดดไปขย้ำให้มันแหลกคามือ ฉันเลยเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง...ถ้าหน้าไม่หล่อพ่อไม่รวยแล้วยังปากดีแบบนี้แม่จะซัดให้
แล้วเลือดกำเดาฉันก็แทบพุ่งแรงแซงทุกโค้ง เพราะไอ้เสียงที่ว่าเป็นผู้ชายที่มีผมสีตาลทองถูกเซทเป็นทรงสไตล์นักร้องเกาหลีตัดกับใบหน้าขาวใสที่ทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่น แถมจมูกโด่งอย่างเป็นธรรมชาติรับกับเรียวปากบางหยักได้รูป บวกกับดวงตาคมยาวรีคู่สวยที่อยู่ภายใต้คิ้วเข้ม ยิ่งทำให้เขาหล่อจนโลกละลายไปเลย อ๊ายยยย O0O จะเป็นลมใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร มองยังไงก็เกาหลีชัดๆ ฉันรักเกาหลี!!!!!!!!!!!!
ละ....หล่อโฮก! หล่อลากตับไตไส้พุงม้ามลามไปถึงหัวใจ โอ๊ย! หัวใจฉันจะวาย คนอะไรจะดูดีได้ขนาดนี้ หุ่นเหมือน ลี มินโฮ หน้าใสอย่างกับ จางกึนซอก ดวงตาคมเหมือน ณเดชน์ แถมคิ้วเข้มอย่างกับพี่ฟิล์ม ทุกส่วนบนใบหน้าของเขาเหมือนมีมนต์สะกดให้คนเจ็บอย่างฉันต้องตลึงงัน โลกทั้งโลกเหมือนจะหยุดหมุนในทันใดแค่เพียงได้พบสบตากัน แบบนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าหล่อหยุดโลก
ฟิ้ว~
กระดาษคล้ายๆ เช็คล่อนผ่านหน้าฉันกับพี่เกลแล้วตกแผะอยู่ที่พื้นตรงหน้า ฉันที่กำลังตะลึงกับความหล่อ ก็เลยไม่ได้สนใจหยิบขึ้นมาดู แต่พี่เกลดูเหมือนความหล่อโฮก จะไม่มีผลกระทบใดๆ (ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่) หยิบกระดาษขึ้นมาดูก็ถึงกับกัดฟันกรอดหน้าเขียวปัด เหมือนกับว่าในกระดาษแผ่นนั้นจะมีคำด่าพ่อล้อแม่อย่างนั้นแหละฉันจึงต้องขอเวลานอกมาดูอาการคนข้างๆ
"พอมั้ยสำหรับค่าเสียหายครั้งนี้" พูดจบไอ้หน้าหล่อก็เดินก้มหน้าหันหลังกลับเหมือนกับว่าต้องการปิดบังใบหน้าไม่ให้ใครเห็น หมอนี้เหมือนมีลับลมคมในหรือว่าจะเป็นพวกลักทรัพย์แล้วกำลังจะหนี แต่มีโจรหล่อขนาดนี้ด้วยเหรอ แถมขับรถหรูหราสุดอลังการที่กาลันตีด้วยราคา ฉันเคยเห็นรถหน้าตาเหมือนเอเลี่ยนแบบคันนี้ที่ไหนน้า ติ๊กตอกๆ อ๋อ รถที่พระเอกในเรื่อง 007 ใช้นี่
"เดี๋ยว"
เขาหยุดชะงักฝีเท้าทันทีที่พี่เกลเรียก แล้วหันกลับมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ขนาดทำหน้าแบบนี้ยังดูดีซะไม่มีอะ ☆_☆ (มากไปมั้ยเธอ)
"นายก็เห็นว่าเธอเจ็บขนาดนี้แทนที่นายจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล" พี่เกลพูดเสียงเรียบๆ แต่แววตาวาวโรจน์ราวกับจะจับไอ้หน้าหล่อนี้หักคอจิ้มน้ำพริกเป็นอาหารเที่ยงให้ได้
"นายรู้มั้ยรถฉันราคาเท่าไหร่ ฉันไม่เรียกค่าเสียหายที่ยัยนี่ข้ามถนนไม่ดูตามาตาเรือจนทำให้สีรถของฉันมีรอยถลอกก็บุญแล้ว ค่าทำสีรถฉันยังแพงกว่าค่าตัวยัยนี่ด้วยซ้ำ"
อ๊ายยยยยยยยยยยยยย แรงส์!!!!!!!!!!!!
เอาคำชมของฉันคืนมา นายมันไม่หล่อ นิสัยไม่ดี ใจดำ เลว……. แต่ เฮ้ย!.........
พลัก!
"นี่สำหรับสิ่งที่แกดูถูกผู้หญิงคนนี้ " โอ้! พี่เกลใจเย็นค่ะพี่ ปกติไม่เคยเห็นพี่เกลเล่นบทบู้ขนาดนี้มาก่อน เห็นเล่นแต่บทเท่ๆ โดยเฉพาะเวลาเล่นคอนเสิร์ต ไหงเวลาเปลี่ยนโหมดก็น่ากลัวเหมือนกันแฮะ แต่ดูเหมือนวินาทีต่อไปคนที่น่ากลัวกว่าจะไม่ใช่พี่เกลซะแล้ว เพราะจากใบหน้าขาวๆ เหมือนไข่ต้มตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดฝาดไม่รู้เพราะยืนตากแดดหรือเพราะความโกรธที่โดนชกกันแน่
"อยากตายหรือไงฮะ"
พลัก!
ตุ๊บ!!
อัก!
เสียงอัดซัดกันนัวเนียของพี่เกลกับไอ้หน้าหล่อที่ผลัดกันรับผลัดกันบุกยิ่งกว่าหนังบู้แอกชั่นล้างผลาญมาลัยแมน (เกี่ยวไม่เนี่ย) จนลืมพาคนเจ็บอย่างฉันไปโรงพยาบาล แง แง ไม่มีใครสนใจคนสวยที่กำลังอาบเลือดแทนแดดอย่างฉันเลยสักคนเดียว กระซิกๆ
ปรี๊ด!!
แล้วทุกคนก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดจาก รปภ.. พร้อมกับกลุ่มไทยมุงอีกสองสามคนช่วงนี้พวกนักศึกษาเข้าห้องกันหมดจะเหลือก็แต่พวกสายอย่างฉันก็เลยมีไทยมุงไม่มาก
โอ๊ย! ค่อยยังชั่วขืนมาช้ากว่านี้คงได้เข้าโรงพยาบาลพร้อมฉันทั้งคู่แน่ เพราะนี้ขนาดผ่านไปไม่กี่นาทียังมีสภาพไม่ต่างกับคนที่ถูกรถชนอย่างฉันเลย
"นี่มันอะไรกัน" เสียง รปภ. ประจำหน้ามอร่างบึกเอ่ยขึ้น
"ก็ไอ้หน้าขาวมันขับรถชนคนแล้วไม่ยอมพาไปโรงพยาบาล" ได้ทีพี่เกลก็ฟอดแฟดๆ ใส่ทันทีแถมตั้งฉายาให้เสร็จสรรพ ในขณะที่ไอ้หน้าหล่อยังไร้ความรู้สึกสำนึกผิดใดๆ
ยามจึงหันมาใส่ใจกับฉันแทน แล้วถึงกับร้องขึ้นโหยงเหยง
"เฮ้ย! เลือดออกขนาดนี้ทำไมไม่พาไปหาหมอ"
ถูกต้องที่สุดค่ะคุณยาม
"รู้มั้ยว่าไอ้ one-77* คันนี้มันราคาเท่าไหร่ แล้วดูสภาพยัยนี่สิเลือดเต็มหน้า นายทำท่าเหมือนรู้จักกันก็พากันไปเองสิเงินก็จ่ายให้แล้วจะเอายังไงอีก"
"วอนตายจริงๆ "
พูดถูกพี่เกล ฉันเห็นด้วยหล่อแต่นิสัยเลวแบบนี้ต้องส่งไปเกิดใหม่สถานเดียวเผื่อนิสัยจะได้ดีขึ้นบ้าง แต่ความหล่อขอคงที่นะ อิอิ
หยุด!
ปรี๊ด!
ปรี๊ด!
ปรี๊ดดดดดดดด
__________________________________________
*Aston Martin One 77 ราคาประมาณ 190 ล้านบาท (ตามราคาบวกภาษีนำเข้าประเทศไทย) เป็นสุดยอดซุปเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ ที่ได้รับคำชมว่า เป็นรถที่สวยที่สุดในโลก One-77 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับ veyron และ reventon โดยเฉพาะ One-77 จะถูกผลิตขึ้นมาเพียง 77 คันเท่านั้นตามชื่อรุ่น ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร มีแรงม้าทั้งสิ้น 700 แรงม้า ความเร็วสูงสุดมากกว่า 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีอัตราเร่ง 0-100 km/hr ที่ 3.5 วินาที



lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2557, 13:32:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2557, 13:38:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1296





   บทที่ 2 >>
หมูโกโก้ 25 ม.ค. 2557, 16:04:21 น.
เปิดเรื่องได้เศร้ามากค่ะ ชอบจังค่ะ


lovezombie 14 เม.ย. 2557, 14:14:48 น.
ดีใจจังที่มีคนชอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account