จำแลงแปลงรัก
โยษิตา สูญเสียพ่อกับแม่ไป โลกอันสวยงามของเธอก็ทลายตามไปด้วย เธอเริ่มเข้าสู่วังวนอันดำมืด และเป้าหมายของเธอก็คือเขา...บุคคลที่เธอได้รับหน้าที่ให้ตามติด

วิกรานต์ ชายหนุ่มแท้ มีใบหน้าหล่อยามเป็นชาย แต่ยามเป็นสาวก็หลอกตาใครต่อใครได้มาก ชีวิตของเขาสำมะเลไปวันๆ แต่ความสามารถของเขานั้นกลับเป็นที่ต้องการของใครมากมาย...

คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาใช้เธอเป็นตัวหลอก เขี่ยสาวที่ไม่ได้ดั่งใจ และเธอมีเขาเป็นเป้าหมาย คนแบบเขาเหมาะที่จะส่งไปสอดแนม ล้วงข้อมูลมาให้เธอ
Tags: ดราม่า แอ็กชั่น สืบสวน โรแมนติก สายลับ

ตอน: บทที่ 6 : พันมือ

ผู้หญิงสวมเสื้อกล้ามทับเสื้อคลุมสีขาวแขนยาวยืนกอดอก ใบหน้าเหม่อมองออกไปจากหน้าต่างบานเลื่อนนี้ ภาพความสนิทสนม หรือแม้แต่การแสดงออกของวิกรานต์เมื่อชั่วโมงก่อนนั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำไม่จางหาย ใช่ว่าเธอไม่เคยพบเจออาการของวิกรานต์ เวลาถูกใจอะไรสักอย่างก็มักจะทุ่มเทให้

แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ประเดี๋ยวประด๋าว สาวที่ว่าสวย หากโดนพ่อคุณสำรวจจนเบื่อ ไม่เกินอาทิตย์ก็โบกมือลา คนแบบวิกรานต์ไม่มีสิ่งใดมารั้ง มาผูกมัดไว้ได้สักครั้ง

แต่ครั้งนี้...เธอรู้สึกว่าแปลกไป ไม่ใช่ว่าเธออยากดูถูกโยษิตา แต่เด็กฝึกงานคนนี้นึกๆ แล้ว ตรงข้ามกับสาวในสเป็คของวิกรานต์โดยสิ้นเชิง เป็นเพื่อนมานานทำไมเธอจะไม่รู้

ผู้หญิงที่มักถูกเกี่ยวแขนเดินไปหาของกิน บางครั้งเจ้าตัวยังใจดีถือโอกาสป้อนให้ สายตายินดี หรือเสียงหัวเราะจากวิกรานต์แม้ไม่ได้ยิน แต่มองเห็นนั้นทำให้กรแก้วยิ่งรู้สึกว่ากำลังอยู่ไกลห่างจากวิกรานต์ทุกที

คนแบบวิกรานต์ถึงถูกใจใคร แต่กฎสำคัญของเขาก็คือ ห้ามใกล้ชิด หากว่าตนไม่ยินดี

กรแก้วหลับตา พยายามลบภาพที่กำลังทำให้เธอเจ็บแปลบ ฐานะของเธอได้รับการยอมรับจากทางบ้านของทั้งสอง ไร้ข้อกังขาว่าเธอและเขายังไงเสียก็มีโอกาสได้ลงเอยกัน คงมีแค่เขานั่นล่ะ ที่ไม่เคยเขยิบฐานะความสัมพันธ์ใดๆ

“เธอมาหลบดีใจอยู่ในห้องคนเดียวจะไปสนุกอะไรวะ” ผู้ชายอารมณ์ดีเดินหน้าระรื่นมานั่งปุลงบนโต๊ะทำงานสีเข้มของกรแก้ว ไขว่ห้างแกว่งเป็นเด็ก “อิ่มเลย”

ผู้ชายสะท้อนแสงวิบวับได้หากเดินกลางแจ้ง หรืออยู่ในที่มืดลูบพุงตัวเองไปมา “พวกลูกน้องเธอดูจะกลัวฉันกันน้อยลง ก็ดีไม่ต้องเจอหน้ากันสักสองปี กำลังเบื่อ”

“คนอย่างแกก็เห็นเบื่อง่ายตลอด เบื่อคิดแผนการก่อกวนได้ก็ดี นี่คงไม่สร้างเรื่องให้วุ่นวายอีกใช่ไหม” กรแก้วนั่งลงบริเวณโซฟา ไขว่ห้าง กอดอกเสมองไปทางอื่น เธอไม่อยากให้วิกรานต์เห็นว่ายามนี้แววตาของเธอกำลังตัดพ้อเขาแค่ไหน

“กับที่นี่คงไม่มีแล้วล่ะ”

“แต่คงไม่ใช่กับโยษิตาใช่ไหม”

คำถามลองหยั่งเชิง แม้ว่ามันดูเหมือนเพื่อนถามไถ่ เย้าเล่น แต่ในความจริง อกด้านซ้ายของกรแก้วกำลังเจ็บหนัก แค่ชื่อก็ทำให้วิกรานต์ยิ้มหน้าบาน

“ก็นะ...ฉันยังไม่เบื่อ”

“แกแปลกไปนะกลาง”

“ทำไม ไม่กี่วันเธอรู้สึกว่าฉันดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นเหรอ” วิกรานต์ย้อนกลับไป ไหวไหล่ สำหรับตัวเอง เขาไม่เห็นว่าตัวเองจะแปลกอะไรมากขึ้นจากเดิม

“ถ้าแกไม่จริงจังกับโยษิตา ฉันขอล่ะ รีบๆ ถอยออกมา ฉันไม่อยากให้เกิดปัญหาระหว่างฉันกับเขา” กรแก้วไม่รู้ว่าทำไมจึงเอ่ยปากอ้อนวอนทั้งที่ตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เธอแค่อยากเป็นที่หนึ่งในสายตาเขา แม้จะในฐานะเพื่อน เธอจะยังเป็นหนึ่ง ถ้าเขาจะไม่มีใครที่เป็นตัวจริงข้างกาย

“คิดบ้าอะไร ฉันเนี่ยนะจะหยุดที่โยโย่ ก็แค่เล่นๆ น่า ที่สำคัญเด็กโยโย่นั่นก็มีหนุ่มในดวงใจแล้ว”

กรแก้วเลิกคิ้วแปลกใจ ความรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายทุเลาลง ถ้าวิกรานต์ยืนยันว่าไม่ได้จะหยุด และโยษิตาเองก็มีคนสำคัญด้วยแล้ว เธอค่อยวางใจ

เพราะหากคนอย่างวิกรานต์จะเอาจริง ปัญหาใดๆ ผู้ชายคนนี้ก็พร้อมทลายลงให้หมด จะแผนดีแผนร้าย วิกรานต์สรรหามาได้หมดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

หากโยษิตายังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการมากขนาดนั้น เธอก็ยังพอเชื่อใจว่าตัวเธอยังเป็นที่หนึ่งที่วิกรานต์จะนึกถึง...ใช่ไหม


เสียงผิวปากหวือดังมาแต่ไกล สาวเล็กสาวใหญ่ที่กำลังขะมักเขม้นกับการเตรียมอาหารเย็นเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกัน แววตาหวาดระแวงเต็มที่ เด็กลูกจ้างหลานหัวหน้าแม่บ้านใจกล้าถามคนแรก ไม่อย่างนั้นปากเจ้าหล่อนคงคันยิบๆ

“ป้า คุณกลางมา”

“เออ ข้ารู้แล้ว” หญิงร่างท้วมในชุดแบบฟอร์มสีขาวมีชุดคลุม อย่างกับหลุดมาจากละครดังหลังข่าวยุคโบราณบอกเสียงห้วน ตั้งหน้าตั้งตาคนทัพพีในหม้อต่อไป แกงส้มมะรุมกำลังเดือดปุดได้ที่

“ป้าไม่กลัวระเบิดลงเหรอ” แจ่มทำเสียงเบาลงอีกนิด สายตาคอยกวาดมองด้านหลัง กลัวจะมีครโผล่มาให้ใจหายใจคว่ำ

“เอ๊ะ นังนี่ หยุดพูดให้น้ำลายกระเด็นหล่นใส่แกงได้แล้ว มีหน้าที่ก็ทำไป เรื่องของเจ้านายเขา เรามันเป็นแค่บ่าว จำไว้บ้างนะนังแจ่ม”

บทเทศนายาวเหยียดของป้ามะลิดังออกไปถึงด้านนอก คนได้ยินหยุดผิวปาก กลายเป็นอวดรอยยิ้มกว้าง นานหลายเดือนที่เขาไม่กลับบ้าน บ้านหลังนี้จะว่าเป็นบ้านของเขาก็ใช่

แต่จะว่าไม่ใช่...ก็ถูก

คิดมาถึงตรงนี้ รอยในตาปรากฏร่องบาดลึกของแผลจากจิตใจ หลายครั้งที่เขาเคยสงสัยว่าเพราะเหตุใด เขาจึงรู้สึกแปลกแยกกับคนที่นี่ มองหน้าประมุขของบ้านอย่างคุณชเยศได้ไม่เต็มตา สิ่งที่เขาตอบแทนจึงมีเพียงการกระทำนอกคอก และเสื่อมเสียวงศ์ตระกูล ยิ่งมีตัวเปรียบเทียบดีเลิศอย่างวสุธร วิกรานต์จึงทำได้เพียงหาเรื่องเรียกร้องความสนใจไปวันๆ หนึ่ง คำด่าบ้าง คำเตือนก็ดี หรือแม้แต่สายตาดูแคลนก็ช่างปะไร สิ่งเหล่านั้นหล่อหลอมให้เป็นเขาในวันนี้

บ้านหลังนี้...ตั้งอยู่คนละโลกกับชีวิตของเขา

วิกรานต์ยืนตรง เงยหน้าขึ้นมองกรอบรูปอันใหญ่โตมโหฬาร กินพื้นที่ขนาดสามคูณสองเมตรบริเวณฝาผนังของห้องโถงกลางบ้าน ยามที่ใครก็ตามผ่านเข้ามาจะมองเห็นได้ทันที รูปครอบครัวที่ตนดื้อแพ่งไม่ยอมร่วมถ่าย ในที่สุดก็อยู่ตรงหน้า...พ่อ แม่ พี่ชาย น้องสาว ลูกสะใภ้ และไม่มีเงาของเขา

ความเคยชินทำให้เลิกสนใจความเป็นครอบครัวของคนที่นี่ได้ในเวลาไม่กี่วินาที ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้านอก ปักลายดอกไม้ ไขว่ห้างสบาย ศีรษะพิงกับพนัก หลับตาลงพักผ่อน การมีใครบางคนที่พักนี้โดนเขาป่วนชีวิตไปไม่น้อย เรื่องบางอย่างในใจคล้ายเบาลง

“นึกถึงใครยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะกลาง” เสียงหวานเอ่ยทักเหนือที่นั่ง วิกรานต์ลืมตาขึ้นมองพบบุคคลที่มีเค้าหน้าไม่ต่างกัน ก่อนจะยิ้มตอบกลับไป ยืดกายนั่งหลังตรง ไม่ตอบคำถามของคนลัลริกา

“หิวจัง”

“จะมาทำไมไม่บอกล่ะ วันนี้คนอื่นๆ เขาไปงานเลี้ยงกันหมด”

วิกรานต์หัวเราะหึ รอยยิ้มยิ่งสมใจ “นั่นยิ่งดี แค่พี่กับผมก็พอน่า”

ลัลริกาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง วางมือบนไหล่วิกรานต์บีบย้ำด้วยแรงเบามือ “กลาง ทุกคนรัก แล้วก็เป็นห่วงกลางนะ”

ชายหนุ่มมองภาพครอบครัวที่เพิ่งมองไปเมื่อไปกี่นาทีที่แล้ว แทนคำตอบทุกสิ่งอย่าง ครอบครัวที่มีคนรักเขา แต่ไม่มีเขาเป็นส่วนหนึ่ง...ก็แค่นั้น

“ป้ามะลิ ผมหิวแล้วครับ” วิกรานต์ส่งเสียงไปแทนตัว ได้ยินเสียงกุลีกุจอ ก่อนจะมีเสียงวุ้ยว้าย วุ่นวายในครัว อย่างที่บางคนคงวิ่งไปชนอีกคน เสียงทัพพีถึงได้ตกพื้นดังเคร้ง และจานสั่นดังกึกกักบนถาด

“นี่ถือดีๆ สิยะ มือไม้จะสั่นทำไม นั่นก็อีก วันนี้คุณกลางจะได้ทานไหม” ป้ามะลิเอ็ดตะโรเสียงโหวกเหวกออกมา เท้าสะเอว ชี้นิ้วไล่เรียงตัวเด็กในบ้านที่กำลังลำเลียงอาหารออกมา สาวร่างท้วมใช้หลังมือเช็ดเหงื่อ ขมุบขมิบปากบ่นไม่เว้นวาย “ถ้ายังมือไม้อ่อนอีก ฉันจะให้พวกเธออดมื้อเย็น”

สาวๆ หลายนางสะดุ้งโหยง ก้มหน้าก้มตา ควบคุมมือไม่ให้สั่นต่อไป ในใจทุกคนล้วนมอบหมายตำแหน่ง ‘แม่แบบคุณกลาง’ กับคุณแม่บ้านมะลิโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ตัว

ขืนรู้ตัว คงโดนบ่นจนหูชา...

“วันนี้เพิ่มอีกสักที่ได้ไหมครับ” เพียงแค่เงาของวิกรานต์มาถึงโต๊ะ มือไม้ของนางในบ้านพานอ่อนเปลี้ย หวั่นเกรง กลัวจะโดนสะเก็ดจากอานุภาพของวิกรานต์

แต่เมื่อทุกอย่างยังปกติ ทุกคนจึงเร่งมือจัดวางของและจากไปโดยเร็ว เหลือเพียงคุณมะลิ ที่รับหน้าเด็กดื้ออย่างวิกรานต์มาได้เสมอนับแต่เด็ก

“อีกกี่ที่ป้าก็จัดให้ได้ค่ะ”

“จะพาใครมาน่ะกลาง” ลัลริกาถามระแวง หลายครั้งที่วิกรานต์เปลี่ยนบ้านเป็นผับ บาร์ สมัยวัยรุ่น ถึงเธอจะไม่เคยเจอมากับตา แต่จากคำบอกเล่าของคนในบ้านนั้น น่าเชื่อถือด้วยหลายปาก

“ใครสักคน”

คนตอบอมพะนำไว้ ส่งยิ้มมีเลศนัย เลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก และไม่กี่อึดใจ เสียงตะโกนดังลั่นคับบ้าน พานให้คนที่รอ ‘ระเบิดคุณกลาง’ ลง สมใจอยาก

“เธออยู่ที่ไหน ฉันไปลากเธอมาเอง!”


เครื่องมือสื่อสารถูกกดตัดสายโดยไม่มีคำบอกลา โยษิตาเบะมุมปาก เมื่อเห็นหน้าจอขึ้นชื่อบุคคลเดิม เธอก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ในนาทีนี้ทันที ไม่มีประโยชน์กับคนไร้เหตุผล หญิงสาวไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมตัวเองถึงถูกใครสักคนชักจูงให้ทำโน่นทำนี่เสมอ เธอหนีเขามาได้หนึ่งวันเต็มๆ คิดเหรอว่าเธอจะง้อ

เรื่องสัญญาที่เขาเคยเอามาขู่ตลอดเวลาที่ฝึกงาน เธอเพิ่งรับรู้ว่าหากเขาผิดสัญญายกเลิก ทางฝ่ายวิกรานต์ต้องชดใช้ถึงสามเท่า บริษัทแทบไม่เสียอะไร มีแต่เธอกับอิสรภาพ

เขาตามรังควานจนกระทั่งเธอเรียนจบ ขนาดฝึกงานจบ เขาก็พาน้องแมวเหมียวโฉบไปหาถึงมหาวิทยาลัย หลายครั้งที่เลี่ยงตัวป่วนอย่างเขาได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่โดนเกี่ยวแขนลากไปไหนมาไหน

‘เธอเป็นของเล่นของฉัน’ ของเล่นที่เธอรอเวลาให้เขาเบื่อ แต่ไม่รู้ทำไมนับวัน โยษิตายิ่งรู้สึกว่าเขาจะทำตัวเป็นเงาของเธอ งานการทำบ้างไม่ทำบ้าง

ดูไร้แก่นสารในชีวิต...เหนืออื่นใด ที่เธอโกรธมากที่สุด คงจะเป็นเรื่องบุคคลที่เธอต้องการพบ มนุษย์วิกรานต์เลือกปิดปากเงียบ เอาแต่บอกรู้ว่าใครรู้

จากนี้ไม่ต้องเครียดสอบ เครียดเรียนอะไรอีก เธอจะขอทุ่มเทกับการตามหาความจริงอย่างจริงจังเสียที...

โยษิตาหยิบของจากกล่องไปรษณีย์สีแดงหน้าบ้านอย่างเคยชิน คราวนี้นอกจากใบเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ ยังมีโปสการ์ดรูปไฟยามราตรีมุมหนึ่งในกรุงเทพอีกหนึ่งใบมาด้วย โยษิตาเลิกคิ้วสงสัย และเพียงแค่พลิกหน้าโปสการ์ดเพื่อดูข้อความของผู้ส่งมานั้น...เส้นผมบนศีรษะของเธอคล้ายตั้งชัน

‘ถึงพันมือ...ฉันเจอขุมทรัพย์ แล้วจะรอ...คนที่พันมือก็รู้ว่าใคร’

นี่มันเรื่องอะไรกัน...

โยษิตาเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพมึนงง มือกำกระดาษจนเผลอยับย่น หัวใจระรัวในบางนาที หรือแม้แต่นาทีต่อมา จังหวะของมันก็เชื่องช้าดังเต่าคลาน

พันมือที่ตามหา...อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่เธอจะไม่มีวันได้พบเขาอีก

ไม่มีวันได้พูดกับพ่อ...

ร่างที่เดินไม่มั่นคงทรุดนั่งลงกองอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน มือสั่นเทา ปากเม้มไว้แน่น กระบอกตาร้อนผ่าว โยษิตาไม่เคยเตรียมใจมาพบว่าพันมือจะเป็นพ่อของเธอเอง

และเมื่อรู้อย่างแจ่มชัดในวันนี้ ไม่แปลกสักนิดหากพ่อจะถูกคนตามเก็บ ถ้าขุมทรัพย์บางอย่างที่พ่อตามหาอยู่นั้น เป็นสิ่งสำคัญ โยษิตามีลางสังหรณ์ว่าของสิ่งนั้น จะทำให้ทั้งพ่อและแม่ของเธอหมดลมหายใจ

หากมีอะไรที่ทำให้เธอเข้าใกล้ความจริงได้ มากกว่าโปสการ์ดใบนี้ ก็คงจะดี...
.......................................
ไม่ขอแก้ตัวใดๆ หายไปนานจริงๆ ค่ะ เอามาฝากอีกตอน กลัวจะลืมผู้ชายประหลาดอย่างนายกลางไปก่อน

คุณ konhin ใกล้ตัวสุดๆ เลยค่ะ

คุณ mhengjhy เอามาแปะแล้วรีบจากไป ฮา

คุณ Sukhumvit66 ตอนนี้คุณกลางอาจไม่ค่อยน่ารัก

คุณ ผักหวาน คงต้องแกร่งขึ้นอีกเยอะๆ กว่าจะทันผู้ชายอย่างกลางค่ะ #นี่พระเอกเหรอ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้ขยันทำร้ายพระเอกค่ะ ภาพลักษณ์หายหมด เน้นมีความแปลกนำหน้า

ขอบคุณทุกคนคอมเมนท์ ไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า แวบหายไปอีก ช่วงนี้งานเยอะนิดนึงค่ะ ใกล้เคลียร์เลยแวบมา แอบเกเร อิอิ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ม.ค. 2557, 20:14:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ม.ค. 2557, 20:14:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1129





<< บทที่ 5 : ข้อตกลงใหม่   
Sukhumvit66 26 ม.ค. 2557, 23:15:23 น.
เขาก็ยังรักคุณกลางเสมอ.....


ผักหวาน 28 ม.ค. 2557, 20:17:11 น.
อยากลุ้นว่า คุณกลางจะเป็นคนช่วยหนูโยจากคนที่ตามฆ่าพ่อกับแม่ของหนูโยค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 ม.ค. 2557, 16:48:55 น.
เฉลยแล้วว่าพ่อคือพันมือ นายกลาง นายจะทำอัลไลอีก
อ่านแล้วแอบไม่ต่อเนื่องอะไรท์เตอร์ หรือเค้าอ่านคร่าวๆ ลวกๆ เกินไปอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account