รักล้นใบตอง
เรื่องราวอลวนป่วนฮา เมื่อสาวน้อยคนงามต้องทำหน้าที่ตามหานักบายศรีชื่อดังในอดีตเพื่อเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันทำพานบายศรี ความรักที่เดิมพันด้วยใบตองจึงเริ่มขึ้น จากการไม่ชอบหน้า กลายเป็นรักแท้ ที่แม้แต่ผียังหลบทางให้
Tags: บายศรี

ตอน: ตอนที่ 1


เล่ห์บายศรี ตอนที่ 1

ตรงพื้นทางเดินซึ่งปูด้วยพรมสีแดงเลือดนกผืนนั้น ทอดยาวไปจนถึงห้องๆ หนึ่ง ซึ่งทางสมาคมใบตองได้เนรมิตสรรสร้าง จนกลายมาเป็นห้องจัดนิทรรศการเพื่อการอนุรักษ์งานบายศรี

ภายในงานถูกตบแต่งไว้อย่างสวยงาม กลมกลืน ราวกับต้องการให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมงาน ได้สัมผัสถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง และประธานสมาคมใบตองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ชมทุกท่านจะเพลิดเพลิน และหันมาสนใจเรียนรู้ รักษางานบายศรีไว้ ให้คงอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน

“โห...งานวันนี้ ผู้คนคึกคักไปป๊ะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดราชประแตน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแห้งแล้งกับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกัน

ทว่าเสียงของเขาดังมากพอ จนทำให้ประธานสมาคมใบตอง ซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ถึงกับมีสีหน้าเคร่งเครียด พาลจะล้มทั้งยืนขึ้นมาทันใด ท่านยกมือขึ้นลูบใบหน้าพลางซับเหงื่อที่เกิดจากความกังวล แม้แอร์ภายในห้องจะเย็นเฉียบมากก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณเพ็ญแขทำทุกอย่าง เพื่ออนุรักษ์งานบายศรีไว้ ทั้งสงเสริมและสนับสนุน ประโคมข่าว ชักชวนให้เด็กรุ่นใหม่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านนี้ ทว่า...กลับไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก

จริงอยู่ที่หลายคนรู้จักงานบายศรี แต่จะมีใครที่สามารถสืบสานและเข้าใจชนิดบายศรีได้อย่างถ่องแท้ ใครๆ ในสมาคมต่างรู้ดีว่าแทบจะส่วนน้อย และยากนักจะหาคนที่แยกแยะงานด้านนี้ออกอย่างเฉลียวฉลาด

“กร่อยทุกที ไม่ว่าจะปีไหน ก็กร่อยอยู่อย่างเนี้ย” คนตัวสูงเอ่ยเน้นเสียงในตอนท้าย จนผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ไหว ต้องฉุดมือพี่ชาย ให้ตามออกมายังอีกด้านหนึ่งของห้องจัดการแสดง

“พี่ภพ ไปพูดอย่างนั้นได้ยังไง เห็นไหมนั่น ว่าคุณเพ็ญแขท่านทำหน้าอย่างกับคนจะเป็นลม”

“เห็นสิ ทำไมจะไม่เห็น พี่เห็นหน้าท่านเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่งานยังไม่จัดแสดงด้วยซ้ำไป แต่มันอดพูดไม่ได้นี่นา พี่บอกแล้ว...ว่าเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ เขาไม่มีเวลามาสนใจเรียนรู้เรื่องพวกนี้กันหรอก สมัยนี้มันต้องฮิ๊บฮอบ เกาหลี ซีรีย์สากล นิยมของนอกเท่านั้น” คนเอ่ยยกมือผ่าอากาศเพื่อเน้นคำพูดตัวเอง

“พี่ภพก็พูดเกินไป หนูว่ารอดูอีกสักหน่อยเถอะค่ะ คนเขาคงกำลังเดินทางอยู่ ก็เลยยังไม่มีใครมาถึง” น้องสาวพูดขึ้นด้วยความหวัง พลางมองห้องจัดแสดง ที่เงียบเชียบ ไม่มีผู้ชมย่างกรายเข้ามาชำเลืองเมียงมองงานศิลปะใบตองอันทรงคุณค่าแม้สักราย

“ไม่ต้องรอนิดรอหน่อยแล้ว นี่มันจะเลิกงานอยู่แล้วนะ ยังไม่เห็นมีใครโผล่หน้ามางานสักคน” คนตัวสูงบ่นกระปอดกระแปด เพราะทนยืนหน้างานมาหลายชั่วโมงแล้ว

น้องสาวไม่รู้จะทำยังไง นอกจากยืนฟังพี่ชายบ่นเงียบๆ ดีหน่อยก็ตรงที่มีเพลงประกอบงาน ดังคลอเคล้าให้ได้รื่นรมย์อยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นงานคงกร่อยยิ่งกว่านี้

ภายในห้องจัดแสดง หากไม่นับตัวเธอกับพี่ชาย และคุณเพ็ญแขแล้ว ในที่นี่ยังมีผู้อาวุโสจากทางสมาคมอีกหลายท่าน ประจำอยู่ในมุมต่างๆ เพื่อเตรียมให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานบายศรี ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคุณมงคล คุณตาแท้ๆ ของซองคลีรวมอยู่ด้วย

คุณตามงคลไม่ใช่ผู้จัดทำบายศรี แต่ท่านเป็นหมอขวัญ ที่ทางสมาคมใบตองต่างให้ความเคารพและเกรงใจอยู่มาก เนื่องจากท่านเป็นผู้หนึ่งที่ให้การสนับสนุนงานในวันนี้ สิ่งที่ครอบครัวของเธอมอบให้กับทางสมาคม ไม่ใช่เงินทอง แต่มีค่ายิ่งกว่านั้น

ครอบครัวของซองคลี ให้การสนับสนุนเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในงานบายศรีเป็นหลัก ซึ่งก็มีใบตอง ดอกไม้สดที่ใช้ประกอบพานบายศรีทุกชนิด งานทุกชิ้นที่ถูกนำมาจัดแสดง เป็นงานที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีการใช้สิ่งประดิษฐ์แต่อย่างใด

แต่ยามนี้ กำลังแรงใจของผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาคมคงไม่มีเหลือแล้ว เพราะเกิดความท้อแท้ต่อการที่ไม่มีใครสนใจงานที่เฝ้าเพียรบำรุงรักษาไว้เลย

“เพื่อนของเราเขาคงไม่มาแล้วมั้ง พี่ว่าเตรียมตัวกลับบ้านกันเถอะ” ซองภพเอ่ยพลางยกไม้ยกมือ เพื่อระบายความอึดอัด จากการที่ต้องสวมชุดราชประแตน ตามคอนเซปต์ของงาน บอกตามตรงว่าชุดนี้ ไม่ค่อยเข้ากับทรงผมที่ยาวราวกับมหาโจรของเขานัก แต่จะทำไงได้ เขาไม่คิดจะตัดผมเสียด้วยสิ

ชายหนุ่มมองดูน้องสาวที่สวมใส่ชุดเต็มยศ โอ่อ่ากว่าเขา ด้วยชุดไทยจักกรีสีใบตองอ่อน มีสไบลวดลายวิจิตร ปิดไหล่นวลเนียนข้างขวาเอาไว้ ที่น้องน้อยกลอยใจของเขาต้องสวมใส่ชุดนี้ ก็เนื่องจากคุณเพ็ญแขหวังให้ซองคลีเป็นตัวเรียกผู้ชมให้เข้ามาในงาน เพราะความที่มีหน้าหน้าตางดงามอย่างไทยแท้ ผสมกับเครื่องหน้าที่ได้จากพ่อแม่มาอย่างละนิดละหน่อย จึงทำให้วงหน้านวล ไร้ที่ติ แต่คำว่าสวยคงไม่เหมาะกับน้องสาวเขาเท่าไหร่ เรียกว่างามน่าจะดีกว่า

ตอนแรกเขาไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะไม่ค่อยชอบให้น้องสาวมายืนให้คนอื่นมอง หากเป็นเพราะคุณตาทีเดียวเชียว ที่ยกแม้น้ำทั้งห้ามาอ้างเกี่ยวกับความจำเป็นสารพัด จนเขาต้องยอมตกปากรับคำไป ไม่อย่างนั้น ใครก็อย่าได้หวังว่าจะได้เห็นไหล่ขาวๆ ของน้องสาวเขาเลย

คนตัวเล็กฉุกคิดได้ว่าอรลลินอาจจะเบี้ยวงานนี้ก็เป็นได้ ปกติยายคนนี้ไม่ชอบงานที่มีพิธีรีตองอยู่แล้ว

“ยายอรเอ๊ย...เพื่อนกันแท้ๆ ทำกันได้ลงคอ” หญิงสาวที่วางกิริยาเรียบร้อยสมกุลสตรีอยู่ดีๆ ก็ออกทโมนถึงกับเผลอยกผ้าซิ่นขึ้นมา เพื่อจะได้ก้าวเร็วๆ ไปยังอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เก็บกระเป๋าของเหล่าบรรดาผู้ช่วยงาน

“นี่ก็มืดค่ำแล้วด้วย ถ้าไงพี่ภพอยู่ช่วยทางนี้ก่อนนะคะ หนูขอกลับบ้านก่อนก็แล้วกัน วันนี้บอกให้โย่งกับยอดตัดใบตองไว้ ไม่รู้ทำกันไปถึงไหนแล้ว เจ้าสองคนนี้ยิ่งไม่ค่อยได้เรื่องอยู่ด้วย”

“ได้ไงยายหนู ปล่อยพี่ไว้ที่นี่คนเดียว พี่ก็เฉาแย่สิ” ซองภพไม่วายเร่งเดินตามน้องสาว

“พี่ภพต้องคอยรอรับคุณตากลับบ้านนี่คะ ไว้เจอกันที่บ้านก็แล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยแล้วออกไปทั้งชุดไทยจักรีเลย เธอไม่คิดจะเปลี่ยน เพราะตอนนี้อารมณ์กำลังร้อนได้ที่ ที่โดนอรลลินผิดนัด ตอนแรกเธอคิดจะยกพี่ภพให้เพื่อนตัวแสบไปดูแล เพราะเห็นว่าอรลลินแอบชอบพี่ชายของตัวเองมานาน แต่วันนี้จ้างให้ยังไงก็ไม่ยอมยกให้เด็ดขาด คอยดูนะ เจอตัวเมื่อไหร่ จะบ่นให้หูชาไปเลย


รถเลี้ยวลัดเลาะไปตามทางซึ่งกำลังเข้าสู่อาณาเขตของเรือนกล้วยงาม ค่ำคืนเช่นนี้มองไม่เห็นหรอกว่าที่นี่ทึบไปด้วยสิ่งใด แต่ผู้ที่อาศัยเกิดและเติบใหญ่ที่นี่รู้ดี สองข้างทางที่รถวิ่งผ่าน รายทางเต็มไปด้วยต้นกล้วยมากมาย ครอบครัวของซองคลีปลูกกล้วยเป็นพื้นอาชีพ ทำมาหากินตลอดชั่วอายุคน รุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่ดินซึ่งคะเนอาณาเขตไม่ได้แห่งนี้ แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่รถเพิ่งจะวิ่งฉิวผ่านไปนั้น คือดงกล้วยน้ำหว้า

ถัดไปอีกด้าน ซึ่งมีไม้ระแนงกั้นให้เห็นถึงขอบเขตคือกล้วยหอม จากนั้นจึงจะเห็นบ้านทรงไทยตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แสงไฟสลัวตาชัดจ้าขึ้นเมื่อเครื่องยนต์ดับลง ขณะที่คนตัวเล็กก้าวลงมาจากรถ หญิงสาวยืนนิ่งเมียงมองผ่านตัวเรือนกล้วยงามไปยังเบื้องหน้า

ด้านหลังซึ่งถัดไปจากเรือนไทยนั้น เป็นดงกล้วยตานี ผลของมันขายเป็นรายได้ให้กับที่นี่เช่นเดียวกับกล้วยน้ำหว้าและกล้วยหอม แต่ความสำคัญของกล้วยตานีไม่ได้อยู่ที่ผลเพียงอย่างเดียว เรือนกล้วยงามใช้ประโยชน์จากใบของกล้วยตานีเป็นหลัก สีสันของใบตองตานีเขียวเข้ม นักบายศรีจึงนิยมเอาไปทำบายศรี และเนื่องจากคุณตาของเธอเป็นผู้มีส่วนร่วมในการดำรงบายศรีไว้ให้เป็นมรดกของไทย จึงมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เป็นแรงในการช่วยเหลือด้านวัตถุดิบที่ใช้ในการทำบายศรีนั่นเอง

ขณะที่หญิงสาวกำลังก้าวขึ้นเรือน ดวงตาคู่หวานก็เปิดประกายแห่งสัมผัส ด้วยการมองเห็นพลังอำนาจเร้นลับ ที่เคลื่อนตัวผ่านดงกล้วยเข้ามา แต่ยังไม่ทันจะได้แตะต้องพลังอำนาจนั้น เสียงร้องทักจากใครสักคนบนเรือน ก็ดังขึ้นเสียก่อน

“หนูคลีใช่ไหมนั่น มาถึงแล้วทำไมไม่ขึ้นบ้านล่ะคะ ไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไม ช่วงนี้ยุงป่ายิ่งชุกชุมอยู่ด้วย ขึ้นมาก่อนเถอะค่ะ ไอ้โย่งไอ้ยอด ไปดูสิว่าหนูคลีมีของให้ช่วยถือไหม” เสียงสั่งการที่ได้ยินอยู่นั้น มาจากนางกลม นางกลมเป็นแม่แท้ๆ ของโย่งกับยอด เด็กแฝดที่ผู้คนแถวนี้ต่างเรียกขานพวกเขาว่าแฝดนรก ที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะ ไม่ว่างานใดหากมีเจ้าโย่งกับเจ้ายอดยื่นมือเข้าไปช่วย รับรองว่าพังทุกงาน สองคนนี้เขาถนัดป่วนมากกว่าจะช่วยจริงๆ

“กลับมาซะเย็นเลยนะลูกพี่ อ้าว...แล้วคุณตากับพี่ภพล่ะครับ” แฝดคนพี่ที่ชื่อโย่งถามขณะที่ไต่ลงมาจากบันได

“คงใกล้จะมาถึงแล้วแหละ งานที่ให้ทำเสร็จรึยัง” พอถามถึงงานเจ้าสองคนก็รีบหลบสายตาทันที เท่านี้เธอก็รู้แล้วว่าคงไม่เสร็จตามที่สั่ง

“ก็ไอ้โย่งนะสิพี่คลี มันมัวแต่เอากระชอนไปช้อนลูกน้ำในคลองเล่นอยู่ เดี๋ยวนี้มันเลี้ยงปลากัดไว้ตั้งหลายตัวแน่ะ กะจะเอาไปไว้ขาย ตัวละหลายตังค์นะพี่คลี” เจ้ายอดเอ่ยเล่าอย่างภูมิใจที่พี่ชายของตัวเอง ขยันปั้นเรื่องให้กลายเป็นเงิน

“ดี งั้นก็รอใช้เงินจากปลากัดก็แล้วกัน พรุ่งนี้งดเงินค่าขนม ก่อนไปโรงเรียนไม่ต้องมาให้เห็นหน้าเลยนะ” หลานท่านเอ่ยแล้วเดินขึ้นบ้าน ด้วยสีหน้าที่โย่งกับยอดถึงกับขนหัวลุก เหตุเพราะสีหน้าลูกพี่นิ่งเกินไป ไม่เหมือนยามปกติที่มักจะมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าอยู่เสมอ

“เห็นไหมพี่โย่ง ฉันบอกแล้วว่าให้ตัดใบตองให้เสร็จก่อน เลยอดได้เงินไปโรงเรียนเลยเห็นไหม” เจ้าแฝดสองคนหันมาปรึกษากันอยู่ตรงยกพื้นบันได กระทั่งมีรถอีกคันแล่นเข้ามาจอด พวกเขาจึงได้หยุดถกเถียงกัน พอเห็นว่าคุณตามงคลกลับมาพร้อมกับหลานชายของท่าน โย่งกับยอดก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยยกของคนละไม้ละมือทันที เพื่อหวังว่าจะขอค่าขนมจากซองภพแทน

“พี่คลีของพวกเอ็งล่ะ” ซองภพถามขณะที่พาคุณตามงคลขึ้นบ้าน

“อยู่บนเรือนครับพี่ภพ เมื่อกี้อารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”

“อารมณ์ไม่ดี เพราะแกสองคนล่ะสิ นี่คงทำงานไม่เสร็จใช่ไหม” เขาเดา แล้วก็เดาถูกเสียด้วย เพราะเจ้าแฝดพากันเงียบกริบเลยทีเดียว “ไม่ได้เรื่อง...ทำหลานคนเล็กของท่านเคือง เดี๋ยวก็ได้กินกับข้าวเค็มๆ กันทั้งบ้านหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยแล้วทำหน้าขยาด เพราะเรื่องนี้เคยมีประวัติมาแล้วหนหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่เขายังจำได้ไม่ลืม

ครั้งนั้น มีลูกค้าเจ้าประจำมาสั่งใบตองไว้ แล้ววันนั้นซองคลีไม่อยู่บ้านเสียด้วย คนรับฝากเรื่องจึงกลายเป็นเขา แต่เขาดันไปสั่งการกับเจ้าโย่งเจ้ายอดอีกทอดหนึ่ง เจ้าโย่งกับเจ้ายอดมัวแต่เล่นหัวกันจนเพลิน ลืมออร์เดอลูกค้า พอเขามารับใบตองที่สั่งไว้เท่านั้นแหละ แม่เอ๊ย...วันนั้นแม่น้องสาวคนงาม เล่นตัดงบค่ากับข้าว ไอ้คนอย่างเขา ถึงจะเป็นพี่คนโตแต่ก็เกรงใจน้องเกินกว่าจะขัดใจได้ ก็เลยต้องทนกินข้าวกับปลาเค็มเพื่อประทังชีวิตไปก่อน เฮ้อ...ทำไงได้ มีน้องสาวอยู่คนเดียว



เช้าวันรุ่งขึ้น หลานชายคนโตของบ้านตื่นก่อนใคร เพราะต้องลุกขึ้นมาทำวัดเช้า ตามตารางถือศีลที่คุณตามงคลเตรียมไว้ให้ แล้วผู้ที่ต้องแหกขี้ตาตื่นตามมาอีกคนก็คือเจ้าโย่งกับเจ้ายอด ที่ต้องตามนางกลมผู้เป็นมารดา ลัดคูคลองไปเรียกลุงโนด ชายพเนจร ซึ่งหลงทางมาขอพึ่งใบบุญของคุณตามงคล ให้มาช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากเจ้าแฝดนรกทำงานยังไม่เสร็จ

ซองคลีที่ตื่นมาดูแลกับข้าวกับปลาในครัว ถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆ ของเจ้าสองตัวที่ทำตัวดี ตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานเอาหน้ากับตนเอง ที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะคาดโทษเจ้าแฝดหรอก แต่เพราะเจ้าสองคนมัวแต่ติดเล่นเกินไป หากไม่กำราบเสียบ้าง โตขึ้นจะสันหลังยาวด้วยกันทั้งสองคน

“ยายหนู...” เสียงเอ่ยเนิบนาบ เรียกหาหลานคนเล็กลั่นบ้าน

“ขาคุณตา หนูอยู่นี่คะ” ใบหน้านวลโผล่มาก่อนจะยิ้มแย้มให้กับตาของตนเอง จากนั้นก็เดินปัดไม้ปัดมือมาทางที่นายมงคลนั่งอยู่

“ตามีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งตรงนี้ก่อนสิ” ท่านเอ่ย แล้วชี้มือให้หลานสาวนั่งลงข้างๆ ท่านมองกิริยาชดช้อยที่คนตัวเล็กค่อยๆ นั่งเก็บส้นเท้า วางหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แล้วอดคิดถึงบุพการีของหลานรักไม่ได้ ทั้งสองคน หากไม่อายุสั้น ก็คงได้ชื่นใจกับลูกของตัวเองแล้ว

“คุณตามีเรื่องอะไรจะพูดกับหนูเหรอคะ” เธอเอ่ยเมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว

“ก็เรื่องเดิมๆ แต่คราวนี้เห็นทีจะเลี่ยงไม่พ้นแล้ว ถึงยังไงก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจนได้”

ฟังแค่นี้ซองคลีก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องที่คุณตาคิดจะยื่นมือเข้าช่วยนั้น เป็นเรื่องของใคร และคนที่เรือนกล้วยงามต้องทำสิ่งใดบ้าง หากก็ต้องนั่งฟังเฉยๆ พยายามไม่เอ่ยขัดสิ่งใดออกมา




วรรษา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2557, 13:43:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2557, 15:42:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1148





   ตอนที่ 2 >>
Sukhumvit66 1 ก.พ. 2557, 11:32:07 น.
ช่วยใคร?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account